ผมขอรบกวนถามผู้รู้ครับว่า ตกลงภัยพิบัติจะเกิดไหมหรือจะเลื่อนไปอีก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย m997, 2 มกราคม 2013.

  1. m997

    m997 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2006
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +66
    . สุดยอดเลยครับ ผมเพิ่งจะรู้ลึกเรื่องจริตทั้ง6 แบบแจ่มแจ้งในวันนี้เอง ขอบคุณมากครับ ผมจะได้ฝึกกสิณได้ตรงจริตตัวเองสักที ทีแรกยังสับสน แต่ตอนนี้พอรู้แล้วครับ
     
  2. ืืืืืืnalunta

    ืืืืืืnalunta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +203
    ถือสาหรือไม่ถือสา สำหรับเรา หรือคุณ คงไม่สำคัญอะไร แต่ต้องรอความเห็นของคนที่ชื้อ บรรดาพีรามิด ทั้งหลายเสียก่อน จริงอยู่ บรรดาพีรามิด ทั้งหลาย เขาบอกว่า สามารถคืนเงิน(ได้หรือเปล่า) แต่นั้นไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจ คือ เขาจะคืนเงิน บังกะโลแม่สา ให้คนชื้อหรือเปล่า หลังหนึ่งเป็นเงินหลายแสนนะครับ
     
  3. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    "สุดยอดเลยครับ ผมเพิ่งจะรู้ลึกเรื่องจริตทั้ง6 แบบแจ่มแจ้งในวันนี้เอง ขอบคุณมากครับ ผมจะได้ฝึกกสิณได้ตรงจริตตัวเองสักที ทีแรกยังสับสน แต่ตอนนี้พอรู้แล้วครับ "

    โมทนา คุณ M997 ด้วยนะครับ แต่ให้ดี น่าจะมีหนังสือ กรรมฐาน 40 ของหลวงพ่อ ด้วย
    ขอให้เจริญในญาณยิ่งขึ้นไป ก่อนฝึกให้ ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อนนะครับ ..
     
  4. m997

    m997 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2006
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ
     
  5. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    ตามที่ทราบ ถ้าได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อ และติดตาม ลูกศิษย์ท่าน จะ
    ทราบว่า ลูกศิษย์ท่านจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ พุทธภูมิ และ สาวกภูมิ
    ง่ายๆถ้านิสัยเป็นพุทธภูมิ จะเป็นบุคคล เห็นใครแล้วทนไม่ได้หรืออยากช่วย คนอื่นๆ ให้พ้นทุกข์ จนตัวเองยอมเสียสละ
    ได้ก็ยอม ทุ่มแม้จะรู้ว่าบาป แม้แต่ องค์หลวงพ่อก็เคยเป็นทหารปกป้องบ้านเมือง
    จำเป็นต้องทำบาปเพื่อปกป้อง บ้านเมือง ก็ยอมทำ เป็นต้น

    ดูองค์ในหลวงเราเป็นพระมหาโพธิสัตย์ยอมลำบากพระวรกาย เพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ท่านไม่ได้หวัง ตัดกิเลสแต่ผู้เดียว เพื่อตนเองจะได้พ้นทุกข์

    ผมแม้จะไม่เข้าข่ายใดๆ แต่เรื่องpost ไม่ขอกล่าวหาใคร ด้วยเจตนาร้าย แค่
    อยากให้ผู้เผลอสติ ไม่ได้รู้ เรื่อง ญาณ ถ่องแท้ให้เข้าใจมากขึ้น เนื่องจากเคย คลุกคลีมาบ้างเท่านั้น เรื่องนี้ post มาตั้งแต่ วันที่ 10 dec เห็นจะได้แต่ถูกลบบ้าง เป็นธรรมดา
    ไม่เคยกล่าวล่วงเกิน หรือปรามาสใครเป็นแค่ ออกความเห็นตามที่รู้มา
    จากกระทู้ ต่อๆมา เท่านั้น

    ธรรมใดของหลวงพ่อที่ บอกว่า ไม่ให้ไปนินทา และยุ่งเรื่องคนอื่น อยู่ในใจตลอด
    แม้แต่ธรรมของสมเด็จองค์ปฐม ที่ว่าไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก มีแต่คนเป็นไปตามกรรม
    ก็เข้าใจโปร่งใส
    แต่ด้วยความเมตตาของ web นี้ ผมได้ความรู้ดีๆ จาก พระพุทธองค์รวมกับหลวงพ่อฤาษี ที่ผมเคารพสูงสุด จึงได้ post ความรู้สึก
    ไม่มี ใครผิด,ถูก , เลว หรือ ดี มี แต่ คนเป็นไปตามกรรม ( จากสมเด็จองค์ปฐม )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  6. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    คงมีหลายคนเคย อ่านเรื่องจริงอิงนิทานของหลวงพ่อฤาษี บ้างไหม
    ท่านเขียนมาจากนิมิต แต่ให้เขียนเป็นนิทาน ซึ่งเห็นว่ามีพระเมตตา สูงไม่อยากให้ลูกหลาน ที่ไม่เชื่อจะปรามาส เป็นบาปกรรม กับลูกหลานท่านเองในอนาคต ขนาดท่านเป็นพระอรหันต์ บุญบารมีอีกไม่กี่ชาติ ก็จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอยู่แล้ว ถ้าไม่ลา พุทธภูมิเสียก่อน

    พระสงฆ์ผู้บริสุทธ์ผุดผ่อง ทำอะไร ย่อม เห็นแก่ สัตว์โลก ไม่ทำให้เดือดร้อน ในภายหลัง

    ไม่มีผิด ไม่มีถูก มีแต่เป็นไปตามกรรม (สมเด็จองค์ปฐม )
     
  7. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    แต่ละท่าน แบกตัวนี้มามาก EGO เรามาลองลด ดู

    เคล็ดลับในการลดทิฐิมานะ



    ถาม : มีเคล็ดลับในการลดทิฐิมานะอย่างไรบ้างคะ ?

    ตอบ : ไปเกิดใหม่..!

    ถาม : จะลดได้หรือครับ ?

    ตอบ : ได้..พอเกิดใหม่เป็นเด็ก ขืนมีทิฐิมากผู้ใหญ่ก็ตบบ้องหูเอา..!

    ถาม : เอาชาตินี้ก่อน..ใจร้อนครับ

    ตอบ : การจะลดทิฐิมานะนั้น อันดับแรก..เราต้องเห็นโทษก่อน ว่าทิฐิมานะทำให้เราโดนร้อยรัดติดกับวัฏสงสาร ไม่สามารถจะหลุดพ้นไปได้ อันดับที่สอง.. ต้องเห็นคุณประโยชน์ว่า ถ้าเราลดทิฐิมานะแล้ว จะเกิดประโยชน์แก่ตัวเราและผู้อื่นอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของ อปจายนมัย คือ การอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น เป็นการได้บุญที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

    ในเมื่อเราเห็นโทษและเห็นประโยชน์แล้ว ก็จะค่อยๆ พยายามลด ละและเลิก ไปเอง แต่ถ้าเราไม่เห็นโทษและเห็นประโยชน์ ส่วนใหญ่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วก็แบกไปอย่างเต็มที่ จะว่าไปแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ตำหนิใครไม่ได้ เพราะว่าทิฐิมานะเป็นสังโยชน์ใหญ่และละเอียดมากด้วย ต้องมีกำลังความดีสูงมาก จึงจะตัดละได้เด็ดขาด

    ถ้าใครตั้งใจลดตรงจุดนี้ สติสมาธิและปัญญาต้องสมบูรณ์พร้อม ถ้าไม่ได้สมบูรณ์พร้อมถึงขนาดนั้น ก็ต้องค่อยๆ ลดๆ ค่อยๆ ละ ไปทีละเล็กละน้อย ถ้าตั้งใจทำ ท้ายสุดก็ทำได้ แต่ถ้าจะเอาทีเดียวเลยต้องดูว่ากำลังเราสู้ไหวไหม ?


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๕


    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ - หน้า 2 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  8. kenneth33

    kenneth33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +141
    ตอนนี้กระแสภัยภิบัติได้หมดลงแล้วครับ
    หน้าแตกยับเยินจนดูไม่ได้ไปหลายสำนักแล้ว ทั้งๆที่ยืนยันว่าจะไม่เลื่อน แต่ก็เลื่อนจนได้ในวันสุดท้าย

    คงต้องติดตามดูต่อไป ว่าจะมีกระแสอะไรเข้ามาใหม่อีกหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าต้องมีกระแสใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน ไม่เชื่อคอยดู
     
  9. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    อ่ะผมตอบให้ตรงๆแบบเข้าใจง่ายๆแบบไม่ต้องตีความเลยแล้วกัน

    ภัยพิบัติเกิดแน่นอนครับ แต่ไม่มีกำหนดเวลาตายตัวที่แน่นอน ไม่มีใครรู้ได้ว่าเมื่อไร อนาคตเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเพราะปัจจุบันเป็นตัวกำหนด การดำเนินของเหตุในปัจจุบันก็มีผลมาจากอดีตด้วยเช่นกัน

    ภัยพิบัติเกิดอยู่ตามเวลาของมันอยู่แล้ว ไม่มีใครฝืนใครห้ามได้ ใครบอกว่าฝืนห้าม ทุเลา เลื่อน ผู้นั้นถือว่าหลงผิต ไม่เชื่อในกฎแห่งไตรลักษณ์ สรรพสิ่งมีเกิดมีดับ เพราะฉะนั้นในเมื่อเกิดมามันก็มีดับ ภัยพิบัติก็คือการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นธรรมดาของโลก
     
  10. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    มีแน่นอนครับตราบใดที่โลกนี้ยังอยู่ เวียนว่าย วกวน ไม่จบสิ้น
     
  11. Phrayaram

    Phrayaram Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +41
    อย่าได้ปวดเศียรเวียนเกล้ากับการทำนายทายทัก

    เพราะผุ้ที่ทำนาย ล้วนแต่กิเลสหนา ปัญญาทราม กันทั้งนั้น

    คิดเพียงว่า การหากินกับการทำนาย ให้ผู้คนแตกตื่น

    มันก็เป็นกรรมดำที่เขาผู้ทำนายจะต้องชดใช้ ...

    ....สวัสดี....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  12. Phrayaram

    Phrayaram Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +41
    การอ้างตนเป็นผู้มีญาณวิเศษ มันเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ชัดแจ้งว่า

    ผู้อ้างก็เป็นเพียงคนที่กิเลสหนา ปัญญาทรามคนหนึ่ง

    เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อยู่เองที่บุคคลเหล่านี้จะล่วงรู้เหตุการณ์ใดๆได้

    ขอให้เข้าใจตามพระภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิตย์

    ได้กล่าวเอาไว้ว่า .. ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง ....
     
  13. Phrayaram

    Phrayaram Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +41
    ไม่ว่ากันครับ ผมเเค่ไม่เชื่อ และที่สำคัญ ลบหลู่ ด้วยครับ

    เงินทองหายาก ควรใช้ฝีมือ และความจริงใจ

    มิใช่ ใช้การมุสาฯ เช่นนี้ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  14. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    คำถาม มีคนสงสัยกันมากกว่า ทำบุญกับสาธาณะ ควรจะได้ประโยชน์มากกว่า ทำกับวัด
    คำตอบ เรื่องผลของการทำบุญนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะใช้อธิบายกันได้ว่า ทำอย่างนี้ทำไม่ได้ผล อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ใช้ปัญญา พิจารณาไม่ได้ เรื่องนี้เป็น อจินไตย ซึ่งท่านกล่าวไว้ในเล่ม 21 หน้า 93 ว่ามี 4 ประการ คือ
    1. พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า
    2. ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน
    3. เรื่องของโลก
    4. วิบากของกรรม
    อจินไตย นั้นท่านบอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด เพราะจะตอบให้แน่นอนลงไปไม่ได้ ถ้าใครขืนคิด ท่านว่า "พึงมีส่วนแห่งความบ้า" ผลของการทำบุญว่า ทำบุญอะไร จะได้ผลอย่างไรนั้น เป็นเรื่อง อยู่ในข้อ 4 คือ วิบากของกรรม ในเมื่อเราไม่สามารถจะตรึกตรองให้รู้ได้เอง เราก็ต้องเชื่อท่านผู้ที่รู้ไปก่อน ท่านผู้รู้ ก็คือ พระพุทธเจ้านั่นเอง
    พระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู คือ ที่ไม่รู้นั้นไม่มี

    ยกมาจาก

    http://palungjit.org/threads/รวมเรื่องจริงอิงนิทานของ-หลวงพ่อฤาษีลิงดำค่ะ.66433/page-2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  15. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    พระพุทธเจ้าบอกว่า เทวดาก็ดี พรหมก็ดี เมื่อหมดบุญวาสนาบารมี จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ หรือเป็นพรหมใหม่ นี่แสนยากหายาก จะมาเกิดค้างอยู่แค่มนุษย์ ก็แสนยากเหมือนกัน ส่วนมากลงอบายภูมิ เพราะว่า คนเราที่ไปเกิดเป็นเทวดา ด้วยอาศัยบุญเบื้องหลัง เกิดมาย่อมทำบาป ด้วยกันทุกคน แต่หาก ก่อนตาย เราสร้างความดี เราก็ไปเป็นเทวดาก่อน เป็นพรหมก่อน พอหมดจากวาสนาบารมี ก็ต้องไปใช้หนี้กรรม คือ อกุศล ต้องลงอบายภูมิ ใช่ไหมล่ะ ทีนี้ถ้าจะไปกัน ก็อย่าไปมันเลย แค่เทวดากับพรหมน่ะ ดีไม่ดีมันป๋อม ตกแค่ท้องหมามันยังดีนะ มีข้าวกินนะ ถ้าลงนรกนี่มันแย่ กว่าจะมาใหม่ สำหรับ ท่านโกฏอริยกะ เกิดเป็นหมาก็มีความรู้ภาษาคนดี ต่อมา เจ้านายมีความเคารพ ในพระปัจเจกพุทธเจ้า อาศัยเธอเป็นสุนัขแสนรู้ เวลาที่ท่านเจ้า ของไม่มีโอกาส ที่จะไปรับ พระปัจเจกพุทธเจ้า ตอนเช้า มาฉันที่บ้าน ก็ใช้สุนัข ตัวนี้ ไปนิมนต์ แกไปถึงหน้าสำนัก ก็เห่าบ้าง หอนบ้างเป็น สัญญาณว่า มารับ แล้วก็เดินนำมา บางคราว พระปัจเจกพุทธเจ้า แกล้งทำเลยไป ไม่เลี้ยวเข้าบ้าน แกก็ไปขวางหน้า ท่านก็แกล้งไปหยุด แกก็เอาปากดึงสบง ฉลาดเสียด้วยนา อาศัยที่จิตใจของเธอ มีความรักในพระ ตายไปเธอก็ได้เกิด เป็นเทวดา นี่เป็นอันว่า
    จิต ใจ ของเรามีความสำคัญ ก่อนตาย จิตใจของเราจับจุดไหน อย่านึกว่า ความดีของเราไม่มี เราจะไปจับพระนิพพานได้ยังไง
    นิพพานนี่ไปไม่ยาก ไม่ต้องเสียสตางค์

    ไปนรกซี ต้องลงทุนมากกว่า ต้องลงทุนโกหกเขา ทำร้ายเขาสารพัด
    ไปสวรรค์ ไปนิพพาน นอนในมุ้งเรา ก็ไปได้ นอนนึกถึง คุณของพ่อ ของแม่ นอนนึกว่า ไอ้คนนั้น ไม่มีข้าวจะกิน พรุ่งนี้ จะเอาข้าวไปให้มัน สักก้อน 2 ก้อน บ้านนั้นมันไม่มี สตางค์ใช้ เออ มีสตางค์อยู่ 2 บาทพรุ่ง นี้เอาไป แบ่งให้สักสลึง ยังไม่ทันจะให้ ถ้าตายเวลานั้น ไปสวรรค์เลย เพราะจิตเป็นกุศล
    ถ้าเราอยาก จะเป็นพรหม นอนภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ จับลมภาวนา นึกถึงทาน นึกถึงศีล อะไรก็ช่าง จิตมันทรงอารมณ์ มึความชุ่มชื่น เบิกบาน อิ่มเอิบ นึกถึงความดีว่า ภาวนาพุทโธ ถึงพระพุทธเจ้าท่านก็ดี ธัมโมพระธรรมก็ดี สังโฆพระสงฆ์ท่านก็ดี นึกถึงทาน การบริจาค เป็นจาคานุสติกรรมฐานว่า เออ วันนี้ เราเห็นคนเขาหิวข้าว เห็นสัตว์ตัวผอม เดินกระย่องกระแย่ง เราให้ข้าวไปก้อนหนึ่ง เรามีความปรารถนาอย่างไร สัตว์ก็มีความปรารถนาอย่างนั้น จิตใจเราอยู่แบบนี้เพลินสบาย เสียงวิทยุในบ้าน ดังอ้าว ๆ เด็กในบ้านทะเลาะกัน เราก็ไม่รำคาญ เราคิดเพลิน อย่างนี้อารมณ์ เป็นปฐมฌาน คืนนั้น ถ้าตาย ก็ไปเกิดเป็นพรหม ง่ายนิดเดียว
    ถ้าเราอยาก จะไปนิพพาน ก็คิดดูว่า ตั้งแต่เช้ามาจนนอนนี่ โอ้โฮ มันมีอะไร กันบ้างนี่ ในวันนี้ เช้าตื่นขึ้นมา อุ๊ ไม่ไหวแล้ว ขี้ปาก เลอะเทอะ ต้องไปแปรงฟัน ต้องไปล้างหน้า ต้องหุงข้าว หุงปลา อาหาร ก็จะกิน เดี๋ยวก็ถ่ายอุจจาระ เดี๋ยวก็ถ่ายปัสสาวะ ยุ่งกันไปหมด เฮ้ย ไอ้เกิดมาเป็นคนนี่ หาความสุขอะไรไม่ได้ จะดูคนไหน ๆ ก็วุ่น วายไปด้วยการงาน ทำงานเกือบตาย เมื่อต่างคนต่างตาย ทรัพย์สินที่เราหามาได้ มันก็ไม่เป็นของเรา ชาวบ้าน เอาไปหมด แม้ร่างกายของเราก็เอาไปไม่ได้ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ร่างกายไม่ใช่ เราไม่ใช่ของเรา นี่เป็นของจริง แล้วทำไมเราจึงเกิด เราเกิดเพราะว่า เราหลง หลงอยู่ในโลภะ ความโลภ ความโกรธ ความจริงคนทุกคนเกิดมาแล้ว มันก็ทุกข์ เกิดมาแล้วมันก็ตาย คนทุกคนก็มีความปรารถนาดี ที่ทำอะไรไปก็เพราะ มีความปรารถนาดี เขาถึงทำอย่างนั้น แต่เราไม่ชอบใจ เราก็ไม่โกรธเขา ประการสุดท้าย เราก็เมาในชีวิต ชาวบ้านเขาตาย เราก็เห็นแต่เพียงว่า เขาตาย ไม่ได้คิดว่าเราจะตายบ้าง เป็นอันว่า เกิดมาเพราะ อาศัยความชั่วที่ในจิต คือ
    1. ติดอยู่ในโลภ
    2. ติดอยู่ในความโกรธ
    3. ติดอยู่ในความหลง

    ตอนคุณอ๋อยกับความเจ็บป่วย

    http://palungjit.org/threads/รวมเรื่องจริงอิงนิทานของ-หลวงพ่อฤาษีลิงดำค่ะ.66433/page-2

    ขอมา post กระทู้นี้ นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  16. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/eGULmixVR7c" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    ฟัง นาทีที่ 7.06 เกี่ยวกับ กิจกรรม ของสงฆ์

    ขอ โมทนา ขอให้ทุกคนได้รับธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  17. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    หลวงปู่ฝากไว้ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

    อย่าตั้งใจไว้ผิด

    นอกจากหลวงปู่จะนำปรัชญาธรรมที่ออกมาจากจิตของท่านมาสอนแล้ว โดยที่ท่านเคยอ่านพระไตรปิฎกจบมาแล้ว ตรงไหนที่ท่านเห็นว่าสำคัญและเป็นการเตือนใจในทางปฏิบัติให้ตรงและลัดที่สุด ท่านก็จะยกมากล่าวเตือนอยู่เสมอ เช่น หลวงปู่ยกพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    “ภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนมานิยมนับถือ มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและสรรเสริญ มิใช่อานิสงส์เป็นเจ้าลัทธิหรือแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อสังวระความสำรวม เพื่อปหานะ ความละ เพื่อวิราคะความหายกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะความดับทุกข์ ผู้ปฏิบัติและนักบวชต้องมุ่งตามแนวทางนี้ นอกจากแนวทางนี้แล้ว ผิดทั้งหมด”


    http://palungjit.org/threads/หลวงปู่ฝากไว้-หลวงปู่ดูลย์-อตุโล.277441/
     
  18. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    อยู่ในโลกแต่ไม่ติดในโลก

    ถาม : แรกๆ คิดว่าทำไมแต่ก่อนเราคุยกันรู้เรื่อง แต่เดี๋ยวนี้ทำไมคุยกันไม่รู้เรื่อง ?

    ตอบ : ประเภทคุยกันคนละเรื่อง เราพยายามจะอิงไปทางด้านศีลธรรม แต่ของเขาเองพยายามจะเลี้ยวเข้าไปหาในเรื่องของประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม ก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง

    ถาม : ทำให้เรามองว่า เอ๊ะ! ... การที่เราพยายามปฏิบัติธรรมจะทำให้เราแยกตัวเองออกมาหรือเปล่า ?

    ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ เรายังอยู่กับโลกแต่เรามีศีลเป็นกรอบ
    เคยเห็นน้ำที่อยู่บนใบบัวใบบอนไหม ? กลิ้งไปกลิ้งมาแต่ไม่ติดบนใบบัวใบบอน ลักษณะของการอยู่กับโลกของเราก็ให้อยู่ในลักษณะอย่างนั้น ยังกลิ้งอยู่ในโลกแต่ไม่ติดในโลก ไปสุดขอบของศีลเมื่อไรเราเลี้ยวกลับ ปล่อยให้ที่เหลือเป็นเรื่องของกฎของกรรมเข้ามาจัดการก็แล้วกัน เราไม่ได้มีหน้าที่ไปยุ่งด้วย

    ถาม : แต่ดีที่หนูได้พิจารณาหลายๆ อย่าง

    ตอบ : จ้ะ... ทำไปเถอะ อยากรู้อะไรก็ต้องเข้าไปอยู่วงการนั้นๆ

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา : อยู่ในโลกแต่ไม่ติดในโลก - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2013
  19. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    ถ้าโดนมารหลอก จะรู้ตัวได้อย่างไร ?

    ถาม : ถ้าความดีกับความชั่วหน้าตาเหมือนกัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต่างกันตรงไหน ?
    ตอบ : ต่างกันตรงที่ผลลัพธ์ของการกระทำ ความชั่วจะชี้ให้เราเดินทางผิดอยู่ตลอด

    ถาม : ถ้าเราโดนมารหลอก เราจะรู้ตัวได้อย่างไรครับ ?

    ตอบ : จนกว่าจะมีปัญญามากกว่าตอนนั้น ถ้าปัญญายังเท่าตอนนั้นก็เสร็จเขาไปก่อน พอปัญญามากขึ้น ก็จะรู้ว่าตรงนั้นเขาหลอก เมื่อก้าวล่วงพ้นไป เขาก็จะหาสิ่งที่เนียนกว่านั้นมาหลอกใหม่อีก

    ถาม : แล้วนี่ผมโดนท่านหลอกอีกหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : โดนเต็มๆ กำลังหลอกให้ไปพระนิพพาน ดูซิว่าคุณจะไปได้ไหม ?


    ถาม : ถ้าโดนหลอกอยู่ตลอดแล้ว เราจะใช้ปัญญาพ้นจากตรงนั้นได้อย่างไรละครับ ?

    ตอบ : ต้องรอวาระกุศลเข้ามา พอวาระกุศลเข้ามา สติ สมาธิ ปัญญาทรงตัว ก็จะเห็นว่าที่เราเดินทางตรงจุดนั้นผิด หรือไม่ก็วาระกุศลเข้ามา ได้รับการทักท้วงจากผู้ที่มีกำลังใจสูงกว่า ซึ่งเห็นว่าเราเดินทางผิด แล้วเราเองก็เพิ่งจะยอมรับเป็นครั้งแรกว่าผิด เพราะก่อนหน้านั้นอกุศลครอบงำอยู่ ไม่เคยยอมรับว่าผิด ก็จะอยู่ลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ


    ถาม : เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือครับ ?

    ตอบ : เป็นมานับชาติไม่ถ้วน เราจะเห็นว่าสำคัญตรงบุญกุศล เพราะฉะนั้น..ถ้าเราสร้างบุญกุศลไว้ไม่ให้ขาดช่วง บุญกุศลหนุนนำอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา ก็เท่ากับเราใส่เกราะ แม้จะออกรบรบโดนอาวุธบ้างก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัสนัก

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : แค่ดูกำลังใจของเราก็รู้ ยังมีรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ไหม ? มีอิจฉา ริษยา อาฆาตพยาบาทอยู่ไหม ? ทั้งที่กำลังใจของเรารู้ว่า เขาทำอย่างนั้นเป็นเพราะอกุศลกรรมชักจูงเขา แต่การกระทำของเขามากระทบกระทั่งเรา เราก็พยายามให้อภัยเขา แต่เนื่องจากว่ากำลังใจเรายังต่ำอยู่ คิดให้อภัยเขาไปพักหนึ่ง เดี๋ยวก็คิดว่า “มันว่ากูนี่หว่า” ตัวโทสะกำเริบขึ้นมาใหม่ ตัวอาฆาตพยาบาทก็ “เดี๋ยวกูจะเอาคืน” ไปเรื่อยแหละ

    แต่พอนึกขึ้นมาใหม่ก็ “เออ..อภัยให้เขาเถอะ” จะยื้อกันไปยื้อกันมา จนกว่ากำลังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเหนือกว่า ทีนี้ก็จะลากยาวไปเลย


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕


    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ - หน้า 6 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  20. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    พระอริยะบุคคล อันดับแรก

    คุณสมบัติของพระโสดาบัน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    พระโสดาบันที่แท้จริง อารมณ์ที่ทรงได้ก็คือ มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ มีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่ที่นี้ อันดับแรก ให้วัดกำลังจิตของท่านว่าความดีขั้นพระโสดาบันแล้วหรือยัง ถ้าเวลานี้ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะทำได้


    คุณสมบัติของพระโสดาบัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...