หมดแล้ว ปิดแจกฟรี!!!...พระคำข้าวปิดทองและพระหลวงปู่ปาน วันนี้

nattanan39 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ขอเลือกภาพนี้ค่ะ ถ้าตามคำใบ้ที่ให้ไว้ น่าจะเกี่ยวข้องมากที่ คือเกี่ยวกับวันที่ 18 งานยกช่อฟ้า ซึ่งต้องมีการตบแต่งสถานที่ และสูงสุดคืนสู่สามัญ ในภาพมีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบที่ครบ คือ ภาพพระสงฆ์ที่เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป ท่านถือเป็นบุคคลที่คนนับถือ แต่กลับทำเหมือนคนธรรมดา

ขออนุโมทบุญด้วยค่ะที่สร้างกุศลโลบายในการทำให้คนเข้าไปพิจารณา หัวข้อกระทู้ด้วยความตั้งใจ

sangon · 17 กุมภาพันธ์ 2011

นอกจากความสวยงามของภาพ เมื่อดูจากภาพทำให้นึกถึงพระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์

nontawat_ya · 17 กุมภาพันธ์ 2011

ผมว่าภาพนี้ เพราะจากภาพดูร่มรื่นร่มเย็น ดูแล้วสบายตาสบายใจ

pgame · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ขอตอบ ภาพนี้ ครับ

พญานาค แม้ว่า จะมีบุญบารีมาก
แต่พระพุทธเจ้า ท่านทรงห้าม ไม้ให้บวช เพราะเป็นเดรัชฉาน
จึงทำให้ พญานาคมีอยู่ทั่วไปในพุทธสถาน เพื่อปกป้อง ดูแลสถานที่เหล่านั้น
(จากที่เคยได้อ่านมา จึงเอามาตอบตามความคิดผมเองครับ ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า ^_^)

UL52 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ผมว่าน่าจะเป็นรูปนี้นะ เป็นหัวล่อฟ้าอยู่เหนือฉัตร ซึ่งกำลังเปิดให้ร่วมทำบุญ เพื่อซื้อ อุปกรณ์ กันฟ้าผ่า ยอดโบสถ์

Aimee2500 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

<ins style="display: inline-table; border: medium none; height: 280px; margin: 0pt; padding: 0pt; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"><ins id="google_ads_frame1_anchor" style="display: block; border: medium none; height: 280px; margin: 0pt; padding: 0pt; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"></ins></ins>

ขอเลือกภาพนี้ค่ะ สะพานบุญ
[FONT=&quot]อันความเมตตา กรุณา ปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนสายฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้า สุลาลัย สู่แดนดิน...[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]

Pooldum · 18 กุมภาพันธ์ 2011

จากคำใบ้ที่ 1. เกี่ยวข้องกับงานวันศุกร์นี้(ยกฉัตรและช่อฟ้าเอก)
และคำใบ้ที่ 2. สูงสุดคืนสู่สามัญ
น่าจะหมายความว่า พระสงฆ์เปรียบเป็นผู้ที่มีศักดิ์สูงสุดในศาสนาพุทธ แต่ท่านได้มาช่วยกันทำความสะอาดลานวัด เพื่อต้อนรับประชาชนที่จะมาในวันงานพิธียกฉัตรในวันที่ 18 กุมภา นี้ โดยที่ท่านไม่ถือตนว่าว่าเป็นผู้มีศักดิ์มาจากไหนเหมือนกับคำจีนที่ว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ ซึ่งภาพนี้อาจเป็นภาพที่ประชาชนทั่วไปเห็นแล้วจะประทับใจกันเป็นอย่างมากครับ ..

noi · 18 กุมภาพันธ์ 2011

คำใบ้มีทั้งหมด 3ประโยค ผมจัดให้วันละประโยคนะครับ
1.เกี่ยวข้องกับงานวันศุกร์นี้(ยกฉัตรและช่อฟ้าเอก)..
2.สูงสุดคืนสู่สามัญ
3.เกี่ยวข้องกับสังฆรัตนะ ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับวันมาฆบูชาพอดี

ขอมอบให้สำหรับท่านที่ตอบถูกที่สุด(ตรงเผงๆ) คนแรกเท่านั้นนะครับ __________________

Pongpat86 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

noi said: ↑

คำใบ้มีทั้งหมด 3ประโยค ผมจัดให้วันละประโยคนะครับ
1.เกี่ยวข้องกับงานวันศุกร์นี้(ยกฉัตรและช่อฟ้าเอก)..
2.สูงสุดคืนสู่สามัญ
3.เกี่ยวข้องกับสังฆรัตนะ ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับวันมาฆบูชาพอดี

ขอมอบให้สำหรับท่านที่ตอบถูกที่สุด(ตรงเผงๆ) คนแรกเท่านั้นนะครับ __________________
Click to expand...

ยังตันทุกด้านอยู่เลยครับ

katika · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ขอตอบภาพนี้

เหตุผลที่ตอบ รูปนี้เพราะ หมายถึง พระรัตนตรัย หมายถึงแก้ว อันประเสริฐ 3 ประการ ในที่นี้ได้แก่ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ

คำว่า "สัมมาสัมพุทธะ" นั้น มีส่วนที่เป็นไป 2 อย่าง คือ
1. ส่วนที่เป็นตัวตนรูปร่าง
2. ส่วนที่เป็นนามธรรม
ส่วนที่เป็นตัวตนรูปร่างนั้น ก็คือตัวตนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง อันประกอบด้วยขันธ์ 5 แล้วมาสมมติบัญญัติเรียกขานกันว่า "เจ้าชายสิทธัตถะบ้าง,พระสมณโคดมบ้าง, พระพุทธเจ้าบ้าง..ฯลฯ.." คำที่บุคคลทั่วไปทราบกันว่า "สัมมาสัมพุทธะ" นี้ เป็นพระคุณนาม ที่เกิดขึ้นจากการที่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะ ได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ณ โคนต้นโพธิ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา คำว่าสัมมาสัมพุทธะ มีความหมายว่า "ผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง" พร้อมกันนี้ยังมีคำถวายพระนามตามมาอีกว่า "และสั่งสอนให้ผู้อื่นบรรลุตามได้ด้วย" หมายความว่า เมื่อตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองโดยไม่เคยได้ยินได้ฟังหรือได้เรียนรู้มาจากผู้ใดแล้ว ก็ยังสามารถแสดงสิ่งที่พระองค์ได้รู้ได้เห็นนั้น แก่ผู้อื่นได้ด้วย และผู้อื่นก็สามารถบรรลุตามพระองค์ได้ด้วย นี่เป็นความหมายของคำว่า "สัมมาสัมพุทธะ" โดยสังเขป นอกจากนี้คุณนามที่ร้องเรียกพระพุทธเจ้านั้นก็ยังมีอีกมากมาย เช่น พระทศพล, พระจอมมุนี, พระโลกนาถ ...ฯลฯ... ชื่อทั้งหลายนั้น ก็เป็นไปตามพระคุณที่พระองค์มี ฯ
ส่วนที่เป็นนามธรรมนั้น ก็ได้จาก พระพุทธพจน์ที่พระองค์ได้ทรงตรัสกับพระวักกลิ ว่า "ดุก่อน วักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา, ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่า เห็นธรรม" ในที่นี้ พระองค์ได้ทรงเปรียบเทียบว่า พระองค์ก็คือธรรม, ธรรมก็คือพระองค์. ซึ่งคำว่า ธรรม ในที่นี้นั้น ได้แก่ โลกุตตรธรรม 9 ประการ คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1.
อีกประการหนึ่ง สิ่งที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า หรือเป็นดุจพระพุทธเจ้านั้น ก็คือ ธรรมและวินัยทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงตรัสแล้ว ดังที่พระองค์ได้ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ในที่หนึ่งว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใดแล ที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลาย, ธรรมและวินัยนั้นแล จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย หลังจากที่เราได้ละ(สังขาร)ไปแล้ว"
พระดำรัสทั้ง 2 แห่งที่ยกมานี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่ ในรูปของพระธรรมวินัย ความเป็นไปแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยธรรมและวินัยจึงแยกกันไม่ออก อนึ่ง ความเป็นไปแห่งธรรมและวินัยจะปรากฏอยู่ได้ ก็ด้วย อาศัยผู้ที่ประพฤติในธรรมวินัยนั้นอยู่ เพราะธรรมและวินัยนั้นเป็นนามธรรม ย่อมไม่สามารถจะปรากฏเองได้ จะต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับบุคคล และบุคคลผู้ปฏิบัติตามธรรมวินัยนั้น ก็คือเหล่าพระสาวกทั้งหลาย อันประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา....

พระธรรมรัตนะ คืออะไร ?

พระธรรม อันได้ชื่อว่า คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น อาจจะมีมากมายหลายประการ แล้วแต่ว่าจะแบ่งแยก จำแนกออกไปในลักษณะใด ซึ่งมีหลายประการ เช่น เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นนิกาย เป็นปิฎก เป็นเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด ...ฯลฯ... จะไม่แสดงในที่นี้ทั้งหมด จะสรุปนำมาแสดงพอสังเขปตาม พระธรรมคุณที่ว่า "สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม.....ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ" ซึ่งว่าตามความจริงแล้ว ในพระธรรมคุณนี้ ท่านแสดงถึง ธรรมรัตนะ นั่นคือ โลกุตตรธรรม 9 คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1. ซึ่งจะมีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันธ์กันกับ พระพุทธรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ต่อไป...

พระสังฆรัตนะ คือใคร ?

หลายคนหลายท่าน อาจจะมีความเข้าใจว่า สังฆรัตนะ ก็คือพระสงฆ์ บุคคลที่มีอายุครบ 20 ปี แล้วก็ได้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา นั่นคือ สังฆรัตนะ ข้อนี้ยังจัดว่า มีความเข้าใจผิดอยู่ เพราะอะไร ? เพราะว่า คำว่า สังฆรัตนะ ตามที่สวดกันในบทสังฆคุณ ว่า "สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ....ฯลฯ....อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ" นั้น ไม่มีพระบาลีตอนใดที่บอกว่า สังฆรัตนะ นั้น คือ พระภิกษุ ภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา แต่อย่างใด แต่บอกว่า สังฆรัตนะนั้น ได้แก่ "คู่แห่งบุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวเป็น 8 บุคคล (จัตตาริ ปุริสยุคานิ อัฏฐะปุริสปุคคะลา)" คู่แห่งบุรุษ 4 คู่ คือ (คำว่า บุรุษในที่นี้ มิได้หมายถึงผู้ชาย แต่หมายถึง ผู้เต็ม คือผู้บริบูรณ์ด้วยองค์คุณ)
1) พระโสดาปัตติมรรค คู่กับ พระโสดาปัตติผล
2) พระสกทาคามิมรรค คู่กับ พระสกทาคามิผล
3) พระอนาคามิมรรค คู่กับ พระอนาคามิผล
4) พระอรหัตตมรรค คู่กับ พระอรหัตตผล
นี่แหละที่เรียกว่า 4 คู่ 8 บุคคล แท้ที่จริงคำว่า โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล.......อรหัตตผล นั้น เป็นชื่อของจิต เป็นการเรียกชื่อจิต ที่ได้บรรลุนิพพาน แล้วกำจัดกิเลสได้ตามความสามารถแห่งมรรคของตน ๆ คือ ในขณะที่จิตของผู้ใดได้บรรลุนิพพานเป็นครั้งแรก จิตที่เกิดขึ้นและกำจัดอนุสัยกิเลส คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาส เป็นสมุจเฉทปหาณได้ ในขณะจิตที่กำลังปหาณอนุสัยกิเลสทั้ง 3 ตัวนั้น จิตนั้นเรียกว่า โสดาปัตติมรรคจิต และเมื่อพูดถึงจิตก็ต้องพูดถึงบุคคล เพราะจิตก็ต้องเกิดกับบุคคล จะมีเฉพาะจิตลอย ๆ ไม่ได้ (แม้ในอรูปภูมิไม่มีรูป แต่ก็ยังจัดว่ามีบุคคลอยู่) และบุคคลผู้เป็นเจ้าของจิตนั้นก็ถูกเรียกว่า โสดาปัตติมรรคบุคคล และเมื่อโสดาปัตติมรรคจิตดับลง โสดาปัตติผลจิตก็เกิดขึ้นติดต่อกันทันทีโดยไม่มีจิตใดมาคั่น (ตรงนี้แหละที่เรียกว่า อกาลิโก = พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล) ตรงโสดาปัตติผลจิตนั่นแหละบุคคลนั้นก็ถูกเรียกว่า โสดาปัตติผลบุคคลทันที และต่อจากนั้นไปบุคคลผู้นั้น ก็จัดว่าเป็นโสดาปัตตผลบุคคล หรือ เป็นโสดาบัน จะเห็นได้ว่า โสดาปัตติมรรคจิต หรือโสดาปัตติมรรคบุคคลนั้น เกิดขึ้นเพียงแค่แวบเดียว เร็วจนหาอะไรมาวัดไม่ได้ และเกิดขึ้นได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถจะเกิดได้อีก ถ้าจะเกิดอีกต่อไป ก็จะเป็นสกทาคามิมรรค จะไม่เป็นโสดาปัตตมรรคอีกแล้ว และเมื่อสกทาคามิมรรคจิตเกิด ก็เป็นสกทาคามิมรรคบุคคล เมือสกทาคามิมรรคดับลงและสกทาคามิผลเกิด บุคคลนั้นก็จัดเป็นสกทาคามิผลบุคคล หรือพระสกทาคามี อย่างนี้เป็นต้นเรื่อยไปจนถึงอรหัตตมรรค อรหัตตผล (การเกิดขึ้นของมรรคแต่ละอย่างนั้น ต้องเกี่ยวเนื้องด้วยการกำจัดอนุสัยกิเลส)
จากภาวะที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า สังฆรัตนะ คือ บุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวเป็น 8 บุคคล ตามทีสวดกันในบทสังฆคุณนั้น จะเป็นใครก็ได้ มิได้จำกัดว่าต้องเป็นนักบวช คือจะเป็น เป็นภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกาได้ทั้งนั้น ขอให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เท่านั้น ดังนั้นจึงสรูปได้ว่า ภิกษุที่ไม่ได้บรรลุอริยธรรมทั้ง 8 นี้ ไม่จัดว่าเป็น สังฆรัตนะในความหมายแห่งสังฆคุณนี้ ในขณะเดียวกัน คฤหัสถ์ ฆราวาส ผู้ครองเรือนอยู่ ถ้าได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ก็จัดว่าเป็น สังฆรัตนะ ได้เหมือนกัน เพราะคำว่า สังฆะ หรือ สงฆ์ แปลว่าหมู่ หรือแปลว่า ผู้กำจัดกิเลสด้วยดี มีวิเคราะห์ว่า สํ สุฏฺฐุ กิเลเส ฆาเตตีติ สงฺโฆ ผู้ใด ฆ่ากิเลสทั้งหลายได้ด้วยดี (คือฆ่ากิเลสตัวใดแล้ว กิเลสตัวนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก) ผู้นั้น เรียกว่า สังฆะ (สงฆ์)
ดังนั้น ในขณะที่ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมคือบรรลุเป็นพระโสดาบันนั้น จัดว่า สังฆรัตนะ ได้เกิดขึ้นแล้ว มิได้เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านโกณฑัญญะได้บวช ข้อนี้ควรทำความศึกษาให้ดี ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านโกณฑัญญะไม่ได้ดวงตาเห็นธรรม คือไม่ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน สังฆรัตนะก็จัดว่ายังไม่ได้เกิดขึ้น คำว่า สาวกสังโฆ (หมู่แห่งสาวก) ก็ยังไม่เกิด แต่ในข้อนี้ก็จัดว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือ หมายความว่า เรื่องที่ท่านโกณฑัญญะจะไม่ได้ดวงตาเห็นธรรมและไม่ได้เป็นพระโสดาบันหลังจากที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อนี้เป็นพุทธประเพณี ฯ

ที่มา จาก พุทธธรรมสาร ที่มา สาระแ่ห่งพุทธธรรม

ยกมาหมดเลยคะ เผื่อได้อ่านกันเพลินๆคะ

thipwanh · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ขอเลิอกภาพนี้ ภาพแสดงให้เห็นว่า โบสถ์ใกล้สร้างจะเสร็จเต็มที่ เหมือนความเพียรแห่งการปฎิบัติ ที่ใกล้จะถึงนิพพานในไม่ช้านี้ค่ะ

joeenok1418 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ผมขอเลือกรูปนี้ครับ รูปพญานาค ชอบเพราะดูเป็นศิลปะ งานละเอียด และปาณีตครับ

spthong2000 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ผมคิดว่าภาพนี้นะครับเพราะคิดว่าน่าจะรวมทุกอย่างไว้ในภาพนี้แล้ว สูงสุดคืนสู่สามัญก็คือไม่ว่าจะเป็นพระมหากษัตริย์หรือประชาชนคนธรรมดาทุกคนต้องคืนสู่สามัญกันทุกคนเหมือนกันไม่สามารถหลีกหนีได้ไม่ว่าจะอยู่สู่งส่งเหนือคนอื่นอย่างไรสุดท้ายไซร้ก็ต้องกลับคืนสภาพสู่ธาตุสี่ คือดิน น้ำ ลม ไฟ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นวัดกันทุกคนเป็นที่สุดท้ายที่สังขารที่ปราศจากลมหายใจต้องเข้ามาอยู่และทำพิธีทางศาสนาที่นี่ และไม่เฉพาะกับมนุษย์เท่านั้นสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆก็มีเกิดมีดับเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเช่นกันไม่สามารถหลีกหนีพ้นไปได้ไม่ช้าก็เร็ว นี่แหละคือสูงสุดคืนสู่สามัญ ส่วนคำใบ้อื่นๆผมไม่รู้ แต่ที่ตอบนี่ก็คือตอบตามภาพแล้วอธิบายตามภาพเท่านั้น ตามความเข้าใจของผมในคำใบ้ที่ว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ

Anupap5112351 · 18 กุมภาพันธ์ 2011

ตอบว่ารูปนี้ครับ
เพราะเป็นภาพที่พระกำลังเตรียมงานที่จะมีขึ้นในวันยกช่อฟ้า
ทำให้เห็นว่าพระยังต้องทำเพื่อพระพุทธศาสนา แล้วฆราวาสก็ต้องทำ หน้าที่ ให้ดีกว่า เพื่อให้พุทธศาสนายังคงอยู่ เพราะหากขาดอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งพุทธบริษัทแล้ว ก็อาจจะทำให้ไม่ลุล่วงสมบูรณ์ไปได้ แล้วความสามัคคีก็คือบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ

vingo · 18 กุมภาพันธ์ 2011

คำใบ้ที่ 3 มาแล้ว ขอเดามั่วสนุกๆ เพิ่มเติม ดังนี้
1.เกี่ยวข้องกับงานวันศุกร์นี้(ยกฉัตรและช่อฟ้าเอก)
ขอยืนยันตามความคิดเห็นเดิม
2.สูงสุดคืนสู่สามัญ
ขอยืนยันตามความคิดเห็นเดิม
3.เกี่ยวข้องกับสังฆรัตนะ ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับวันมาฆบูชาพอดี
ความคิดเห็น คือ จากรูปภาพเป็นรูปที่ถ่ายเฉพาะเจาะจงที่ด้านบนของพระอุโบสถ ซึ่งจะไม่มีองค์ประกอบอื่นๆ เลยทั้งต้นไม้ ผู้คน สัตว์ และสิ่งของ ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับคำว่า สังฆรัตนะ และวันมาฆบูชา
สังฆรัตนะ กล่าวโดยย่อ หมายถึง บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ ผู้ประกอบดีแล้ว ด้วยกายประโยคและวจีประโยคอันบริสุทธิ์ พิจารณาเห็นอริยสัจทั้งหลาย เป็นสาวกของพระตถาคต
บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ แยกเป็น
1. ฝ่ายบรรพชิต --- ในสมัยปัจจุบัน พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ใน บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ อันหมายถึง พระอริยเจ้า องค์ท่านทั้งหลายล้วนต้องผ่านการบรรพชาอุปสมบทในชอบเขตพัทธสีมาของพระอุโบสถ
2. ฝ่ายอุบาสก อุบาสิกา --- อุบาสก อุบาสิกาที่มีดวงตาเห็นธรรม อยู่ใน บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ ล้วนต้องเคยมาสวดมนต์ทำวัตร เจริญภาวนา ที่พระอุโบสถ
วันมาฆบูชา หมายถึง วันที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์แก่มหาสังฆสันนิบาตในมณฑลวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งในวันนั้นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการ ดังนั้น พระภิกษุสงฆ์จะร่วมชุมนุมกันลงฟังพระปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนที่พระอุโบสถ
พระภิกษุสงฆ์ประชุมทำสังฆกรรมตามพระวินัยที่พระอุโบสถ
ตามประเพณีทางพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาแต่ละวัดหลังจากที่สวดมนต์ทำวัตร ฟังพระปาฏิโมกข์เสร็จแล้ว พระภิกษุสงฆ์พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ก็จะพากันเดินเวียนเทียนประทักษิณา 3 รอบ เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัยรอบพระอุโบสถ

noi · 18 กุมภาพันธ์ 2011

อยากฟังเฉลยกันหรือยังครับ??........... ท่านสมาชิก

itou · 18 กุมภาพันธ์ 2011

เฉลยเลยคร้าบบ

dekpra · 18 กุมภาพันธ์ 2011

มารอรับ รางวัลทองคำครับ อิอิ คุณหมอน้อยได้บันทึกภาพนำมาลงให้โมทนาบุญไหมครับ อยากชม ! นะขอรับ

เอมัชฌิมา · 19 กุมภาพันธ์ 2011

noi · 19 กุมภาพันธ์ 2011

เรียบร้อยแล้วจ้า พี่วินัยอยู่กระทู้โน้นhttp://palungjit.org/threads/**บุญท...ิตะตุลิตังสีฆะสีฆัง.279504/page-4#post4393226

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หมดแล้ว ปิดแจกฟรี!!!...พระคำข้าวปิดทองและพระหลวงปู่ปาน วันนี้

nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

sangon Active Member

nontawat_ya Active Member

pgame เป็นที่รู้จักกันดี

UL52 สมาชิก

Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

Pooldum เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

IMG_1584.JPG

noi เป็นที่รู้จักกันดี

Pongpat86 เป็นที่รู้จักกันดี

katika สมาชิก

ไฟล์ที่แนบมา:

IMG_1594.10.JPG

IMG_1612.1.JPG

thipwanh เป็นที่รู้จักกันดี

joeenok1418 Active Member

spthong2000 เป็นที่รู้จักกันดี

Anupap5112351 สมาชิกใหม่

vingo เป็นที่รู้จักกันดี

noi เป็นที่รู้จักกันดี

itou เป็นที่รู้จักกันดี

dekpra เป็นที่รู้จักกันดี

เอมัชฌิมา เป็นที่รู้จักกันดี

noi เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หมดแล้ว ปิดแจกฟรี!!!...พระคำข้าวปิดทองและพระหลวงปู่ปาน วันนี้

ไฟล์ที่แนบมา:

IMG_1584.JPG

ไฟล์ที่แนบมา:

IMG_1594.10.JPG

IMG_1612.1.JPG

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา