ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

คุณพ่อลิบฮึง แซ่อึ๊ง และครอบคร้ว ร่วมบุญโรงทาน 2100 บาทโอนผ่านเครื่องฝากเงิน KBANKอนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ

 

ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ ๓๓,๘๒๒ บาท ครับ

 

ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ 35,000 บาท

 

ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ ๓๙,๙๙๙ บาท ครับ

 

ร่วมบุญประมูลดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์

๓๖,๕๑๖.๑๖ บาท​

 

ร่วมประมูล 27900 บาทครับ

 

ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับคุณKoKoWalK

ที่เป็นเจ้าของดวงแก้วพฤทธิ์วรธรรพ์ด้วนะครับ​

 

[music]http://palungjit.org/attachments/a.3086538/[/music]

​

 

ขอแสดงความยินดีกับคุณKoKoWalK และขออนุโมทนาบุญครับ

 

ขอแสดงความยินดีกับคุณ KoKoWalk และขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญและขอแสดงความยินดีกับคุณKoKoWalK ครับ

 

..ขอแสดงความยินดีกับคุณ KoKoWalK ด้วยค่ะ..

วันนี้ 02:29 PM
widya ร่วมบุญประมูลดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์

๓๖,๕๑๖.๑๖ บาท

วันนี้ 02:29 PM
KoKoWalK ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ ๓๙,๙๙๙ บาท ครับ

วันนี้ 02:29 PM
วาสุเทพ ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ 35,000 บาท
_________________________________________

​

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญในการประมูลดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ในครั้งนี้

และขออนุโมทนาบุญกับคุณ KoKoWalK ด้วยค่ะ เนื่องจากในการประมูลครั้งนี้มียอดประมูลสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดิฉันขอเรียนให้ทราบว่า จะขอเพิ่ม % หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการร่วมบุญสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ จาก ๑๐ % เป็น ๒๐%
และขอสละพระขรรค์สีแดง(ตามภาพด้านบน) อันเป็นเกิดจากการอธิษฐานขอของที่ระลึกจากพระศรีอารียเมตไตรย(หรือพระเดชพระคุณหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้) หลังจากที่พระองค์ได้โปรดที่บ้านหลายครั้ง

โดยขอประทานอนุญาตจากพระองค์ ซึ่งทรงอนุญาตแล้ว เพื่อมอบเป็นระลึกในการร่วมสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีฯ ในครั้งนี้ค่ะ

สำหรับพระขรรค์ชุดนี้ คุณ KoKoWalk เคยได้รับสีม่วงเข้มไปแล้วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ KoKoWalK และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ suwat.su ที่นำแบนเนอร์ของกองบุญที่บอกบุญโรงทานอาหาร และเครื่องดื่มด้วยค่ะ


สำหรับเพลงประกอบนั้น ฟังแล้ว รู้สึกปิติระคนเศร้า การบำเพ็ญบารมีอันยาวนานของเหล่าผู้ปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณทั้งหลาย ตลอดทั้งคณะผู้ติดตาม ไม่ว่าปรารถนาในตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องเสียสละกันทั้งสิ้น

แม้ต้องผ่านทั้งความสุข และความทุกข์ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ เติมบารมีให้เต็ม

มาในชาตินี้ พวกเรามารวมตัวกันเพื่อสร้างบารมีร่วมกันอีกครั้ง โดยดวงแก้วมณีรัตนะในอดีต เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้พวกเรามาพบกัน ไม่ว่าจะมาจากสายนาค ยักษ์ คนธรรพ์ หรือครุฑก็ตาม

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเปิดตัวกองบุญ ฯ อย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า ทรงตรัสให้มีตราของกองบุญฯ ขึ้นมา

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ suwat.su และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

..การสร้างพระพุทธวิปัสสีฯ...

แบบองค์พระที่จะสร้างเป็นพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ​

วันนี้วันที่ ๒๗ กพ.๕๗ หลังจากที่ไปกราบขอขมาครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่เกษรีฤาษี และสหธรรมิกของท่านแล้ว วันนี้อยู่ครบทั้ง ๗๘ องค์ นั่งเรียงลำดับตามความอาวุโส

หลังจากขอขมาฯ ถวายบุญ และอนุโมทนาบุญต่อทุก ๆ ท่าน หลวงปู่ฯ ท่านได้พาขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปฐม เมื่อกราบและขอขมาสมเด็จองค์ปฐมแล้ว ทรงตรัสว่า..

“ขอบใจที่เผยแพร่ธรรมทานเรื่องการปล่อยปลา จะได้ช่วยลูกหลานที่มีอุปฆาตกรรมได้ เอาละพระพุทธวิปัสสีมารอแล้วไปกราบท่านเสีย.."

จากนั้นสมเด็จพระพุทธวิปัสสีฯก็ปรากฏขึ้น ทรงประทับยืน ในพระหัตถ์มีพระขรรค์แก้วสีขาว มีแสงสว่างออกจากพระขรรค์นี้ ทรงตรัสว่า ..


" สำหรับเรื่องการสร้างพระ ฉันไม่อนุญาตให้สร้างพระองค์เล็ก เพราะไม่อยากให้พระพุทธรูปกระจัดกระจายไปยังหมู่ผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในตัวฉันอย่างจริงใจ

ช่วงนี้จะมีเพชรพญานาคสีน้ำเงิน และสีฟ้าขึ้นมา ให้เลือกพิจารณาเลือกเอาระหว่างสีฟ้ากับสีน้ำเงิน พิจารณาให้เหมาะสม

การประดับเพชร ฉันต้องการให้ประดับเพชรแท้ หรือพลอยสีขาวที่มาจากธรรมชาติ ไม่ใช่ของปลอม ให้หาช่างที่มีฝีมือในการทำ”

ทรงเว้นระยะ และตรัสต่อไปว่า "ส่วนสถานที่ประดิษฐานองค์พระที่แน่นอน จะต้องอยู่ในภาคอีสาน และเป็นวัดที่ใกล้น้ำ ภายในเดือนหน้า จะทราบวัดที่แน่นอน

การบวงสรวง ให้เธอดูตำราการสร้างพระก็ได้ แล้วจะพิจารณาอีกทีกับท่านโภคะ”

จึงกราบเรียนถามพระพุทธองค์ว่า “ท่านพ่อยังไม่จุติหรือพระพุทธเจ้าข้าฯ”

พระพุทธองค์ตรัสว่า “ยังหรอก ยังอยู่ดุสิต แต่เข้าสมาบัติเพื่อช่วยเธอนั่นแหละ”

เมื่อรับสั่งแล้ว จึงก้มกราบพระบาทสมเด็จพระพุทธวิปัสสีฯ มีแสงออกจากพระขรรค์แก้วเป็นระยะ ๆ จากนั้นจึงได้กราบลาทุกๆ พระองค์ออกจากสมาธิ

จึงนำพุทธดำรัสบางส่วนมาเรียนให้ทุก ๆ ท่านทราบ สำหรับช่างแกะที่ติดต่อไว้คือ ช่างสุนทร โทรศัพท์ (089) 846-0874 ค่ะ โดยช่างสุนทรมีผลงานการแกะสลักชดช้อย งดงามกว่าร้านอื่น ๆ

โดยจะกำหนดวันบวงสรวงก่อนที่จะแกะองค์พระ ซึ่งจะดูวันบวงสรวงจากตำราสร้างพระอีกทีค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..ผลงานของร้านสุนทรศิลา...

​

สำหรับการแกะสลักองค์พระนั้น ในการบวงสรวงจะขออนุญาตท่านท้าวสักกเทวราช อัญเชิญท่านวิษณุกรรมเทวบุตร และคณะ มาควบคุมดูแลการแกะสลัก ให้เสมือนจริงตามพุทธประสงค์ของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

นอกจากนี้ได้ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพ ในการมอบเพชรพญานาคจากการบูชาเพชรหลากสี เพื่อจัดทำเป็นสร้อยสังวาลย์ประดับองค์พระพุทธวิปัสสีเป็นจำนวนมาก

ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพ และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๙ พญานกหงษ์หยก และสัตตบุษย์เสนายักษ์

​

ขอย้อนเรื่องราวก่อนที่พระดาบสทั้ง ๗ เข้าสมาบัตินั้น มีนกหงส์หยกฝูงหนึ่งที่บินมาจากต่างถิ่น มีบริวารนับแสนตัว เพิ่งบินมาอาศัยบริเวณใกล้ ๆ กับสถานที่พระสุทธิธรรมดาบส และพระมโหสถนยกดาบสได้เข้าสมาบัติ

พญานกหงส์หยก ซึ่งเป็นจ่าฝูง จะตัวใหญ่กว่านกตัวอื่น ๆ มีขนสีเขียวอมฟ้า ได้เห็นพระดาบสทั้งสอง จึงมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงบอกให้นกหงส์หยกซึ่งเป็นบริวาร ได้บอกแก่บริวารให้หาที่พักซึ่งไม่ห่างจากสถานที่เข้าสมาบัติของพระดาบสทั้งสอง

พญานกนี้รู้ภาษาสัตว์เหล่าอื่น ทำให้ทราบว่า มีพระดาบสจะเข้าสมาบัติถึง ๗ ตน และออกสมาบัติในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ยิ่งมีความศรัทธายิ่งนัก จึงได้สั่งให้นกหงส์หยกซึ่งเป็นบริวาร บินหาผลไม้ที่มีรสหอมหวานจากป่าอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกตนได้บินผ่านมา เพื่อมาถวายแด่พระดาบสทั้ง ๗

พญาเวสภูปริสสยักษ์นั้น รู้วารจิตของพญานกจึงเกิดความศรัทธา กล่าวในจิตว่า..

“พญานกเอ๋ย แม้ท่านตัวเล็ก ๆ เพียงนี้ยังมีศรัทธาต่อพระอาจารย์ของเราอย่างแรงกล้า นกตัวน้อยนำผลไม้มาได้เพียงใดกัน หากต้องลมแรงอาจจะต้นทานไม่ไหว หรือหากบริวารของท่านไปพบพญาเหยี่ยวจะทำอย่างไร เอาอย่างนี้ในวันที่ท่านสั่งบริวารไปหาผลไม้ เราจะให้บริวารของเราคุ้มภัยแก่บริวารของท่าน นับแต่นี้ไป เราถือว่า เป็นสหายแห่งเรา”

พญานกหงส์หยกนั้น รู้สึกปลาบปลื้มในการอนุเคราะห์ของพญายักษ์ จึงโต้ตอบทางกระแสจิตว่า ...

“ข้าฯแต่พญายักษ์ อันตัวเรานี้ เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน เราเองยังต้องเวียนว่ายอยู่ในอบายภูมิทั้ง ๔ เป็นเกียรติของเราเหลือเกินที่ท่านให้เกียรติเป็นสหายแห่งเรา

เรามิกล้ารับในการเป็นสหายนั้น เนื่องจากเกรงบริวารของท่านจะเสื่อมศรัทธาในตัวท่านที่รับสัตว์เดรัจฉานอย่างเราเป็นสหาย

เราขอรับด้วยใจ แต่ไม่ปฏิเสธในการให้บริวารของท่านคุ้มภัยแก่บริวารของเราในการไปนำผลไม้ในป่าอันไกล้โพ้นนั้น”

ครั้นเมื่อถึงวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง บรรดานกหงส์หยก ต่างก็บินไปทำหน้าที่คาบผลไม้อันมีรสหอมหวาน เพื่อมาถวายแด่พระดาบสทั้ง ๗


ในระหว่างนั้น สัตตบุษย์เสนายักษ์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากพญาเวสภูฯ พบปริทัสสนยักษ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการหาอาหาร หลังจากวางยาพระนางศิรวรตยักษิณีแล้ว ปริทัสสนยักษ์ก็ได้พยายามหลบซ่อนตัวเหล่ายักษ์ทั้งหลาย

สัตตบุษย์เสนายักษ์นั้น เคยเป็นองครักษ์ของพญาสุจิตตยักษ์ เป็นผู้ฤทธานุภาพสูง สามารถมองเห็นในระยะ ๒๐๐ โยชน์ และมีวิชาแก่กล้ามาก เป็นยักษ์ที่มีกำเนิดแตกต่างจากยักษ์ทั่วไป คือ กำเนิดในดวงบัว ๗ ดอก ซึ่งเป็นยักษ์ชั้นผู้ใหญ่ที่เหล่ายักษ์ทั้งหลายมีความเคารพยำเกรง

เมื่อเห็นดังนั้น จึงสั่งให้บริวารคุ้มครองเหล่านกหงส์หยกไป ส่วนตนได้เหาะลงมาจากอากาศ จากนั้นใช้วิชากำบังกาย ร่ายมนต์ทำให้ปริทัสสนยักษ์รู้สึกอ่อนเพลียทันที ปริทัสสนยักษ์นั้น เมื่อรู้สึกตัว จึงได้ด่าทอสัตตบุษเสนายักษ์ด้วยมิจฉาทิฐิ และพร่ำบอกว่า ทุกอย่างตนทำเพื่อผู้ที่ตนหลงรัก ไม่ผิด เป็นความเมตตาปรารถนาให้คนรักมีความสุข

แม้สัตตบุษเสนายักษ์จะบอกสอนอย่างไร ปริทัสสนยักษ์หาได้ฟังไม่ สัตตบุษเสนายักษ์นั้น จึงคิดจะให้ปริทัสสนยักษ์ละมิจฉาทิฐิ จึงไปขังในถ้ำที่เคยอาศัย จากนั้นจึงร่ายมนต์กำกับว่า ...

“ขอสัตว์ที่จะสิ้นอายุขัยจงพลัดหลงมาเป็นอาหารแก่ปริทัสสนยักษ์ เพื่อบรรเทาความทุกข์เวทนา จนกว่าจะหมดวาระกรรม

ทุก ๆ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ขอให้มีเทวดา นักพรต ฤาษีชีไพร ได้ผ่านมาเทศนาสั่งสอนให้ปริทัสสนยักษ์ผู้นี้ เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ

และเมื่อใดที่ปริทัสสนยักษ์สามารถละมิจฉาทิฐิในตนได้ วาระนั้นผู้ที่จะปลดปล่อยปริทัสสนยักษ์ให้พ้นจากพันธการได้ จะต้องเป็นดวงจิตของพระนางศิรวรตยักษิณีเท่านั้น”

จากนั้นได้ร่ายมนต์กำกับเป็นเส้นอักขระสีทอง เป็นกำแพงแก้ว ๗ ชั้น เพื่อป้องกันผู้ให้ความช่วยเหลือ จากนั้นจึงกล่าวว่า ..

“ปริทัสสนยักษ์เอ๋ย เราเพียงแต่ให้เจ้าสำนักในความผิดแต่เจ้ากลับยึดมั่นในความคิดของตน เมื่อไรเจ้าละทิฐิได้ เมื่อนั้นกำแพงจะเริ่มหายไปทีละชั้น จนกว่าเจ้าจะหมดวิบากกรรม”

จากนั้นได้เหาะขึ้นฟ้าติดตามบรรดาบริวารของตน จนกระทั่งนำผลไม้กลับมา เพื่อถวายแด่พระดาบสทั้ง ๗

 

..ผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติในตอนนี้..

ขออนุญาตเฉลย พญานกหงส์หยกนั้น คือ คุณ mooom ค่ะ

มีเรื่องแปลกว่า ดวงแก้ววสิทธิ์ธรรมโชติ ที่คุณ mooom เป็นเจ้าของนั้น มีขนนกสีเขียวอมฟ้าอยู่ในดวงแก้วด้วย เดิมทีคิดว่า เป็นรอยร้าว แต่ดูผิวของดวงแก้วเรียบเนียน จึงได้ถามเทวดาที่รักษาดวงแก้ว ท่านบอกว่า..

"เป็นขนของพญานกที่อุปัฏฐากพระดาบส ผู้อธิษฐาน ซึ่งก็คือ คุณ mooom ในปัจจุบันนั่นเอง

ส่วนพญาเวสภูปริสสยักษ์นั้น ปัจจุบันท่านทำหน้าที่ดูแลดวงแก้วบรมจักรพรรดิ อันเป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ เมื่อดวงแก้วบรมจักรพรรดิปรากฏขึ้น จะเหมือนมีพระอาทิตย์ ๒ ดวง จะไม่มีกลางคืน โลกจะมีความสว่างตลอดเวลาค่ะ

พญาเวสภูนี้เคยพบท่านที่วัดเขาวง ในวันที่วัดเขาวงทำพิธีหล่อพระศรีอารีเมตไตรย ท่านเป็นหนึ่งในอินทกะของท่านท้าวเวสสุวรรณ เวลาทำงานจะมีรูปร่างเป็นพญายักษ์ แต่เวลาประชุมจะมีสภาพเหมือนเทวดาชั้นจาตุมหาราชทั่วไปค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญและขอแสดงความยินดีกับคุณKoKoWalK ค่ะ

 

..๑๕ พย.๕๑ ปลดพันธนายักษ์จากถ้ำแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ...

น้องท่านหนึ่งเป็นตัวแทนการจุดธูปของพรหมเทวดารักษาถ้ำ เพื่ออัญเชิญพระธาตุ



ทางเข้าถ้ำน้ำ ที่อัญเชิญได้พระบรมสารีริกธาตุของพระกกุสันโธพุทธเจ้า และพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า​

_________________________________________________________

ขออนุญาตเล่าเรื่องที่ย้อนหลังไปวันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เรื่องมีอยู่ว่า...

หลังจากดิฉันได้ห่างออกจากชมรมที่เกี่ยวเนื่องกับการอัญเชิญพระธาตุแล้ว ตั้งใจว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการอัญเชิญพระธาตุอีก

ปรากฏว่า ระหว่างเข้าพรรษาปี ๒๕๕๑ มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่เคยร่วมกิจกรรมอัญเชิญพระธาตุด้วยกัน บอกว่า ..

"มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้ชวนไปอัญเชิญพระธาตุในจ. แม่ฮ่องสอน ขอให้คุณน้ำใสร่วมเดินทางไปด้วย"

ดิฉันได้ฟังก็ได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากตั้งใจว่าจะไม่อัญเชิญพระธาตุอีก และมีความรู้สึกว่า พระอาจารย์ไม่สามารถอัญเชิญพระธาตุในระหว่างพรรษานี้ได้ จึงได้แจ้งแก่กัลยาณมิตรท่านนั้นไปว่า..

"เธอ กราบเรียนพระอาจารย์ว่า รอออกพรรษาดีกว่ามั๊ย ท่านไปตอนนี้เกรงจะมีอันตราย "

ต่อมาก็ได้ทราบจากท่านเดิมว่า ครั้งนั้นไม่สามารถไปอัญเชิญพระธาตุได้ ทั้ง ๆ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ดีแล้ว ปรากฏวันออกเดินทาง ทุกคนมีอาการป่วยหมด จึงยกเลิกการเดินทางครั้งนั้นไป

จนกระทั่งออกพรรษา กัลยาณมิตรท่านเดิมก็มาชวนไปอัญเชิญพระธาตุอีก ครั้งนั้นการฝึกมโนมยิทธิของดิฉันก้าวหน้าขึ้นมาก จึงคิดจะถามสมเด็จองค์ปัจจุบันก่อนตัดสินใจ ดิฉันก็บอกไปว่า..

"เราขอถามพระก่อนนะ เพราะรู้สึกว่า คราวนี้คงต้องไป"

และก็เป็นจริงตามคาด หลังจากขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปัจจุบันแล้ว สมเด็จฯทรงตรัสว่า...

"...เธอต้องไปปลดพันธนาการยักษ์ตนหนึ่ง เขารอเธอมานานแล้ว จะได้ให้พ้นทุกข์เสียที"

เวลานั้นดิฉันไม่มีความเข้าใจอะไรเลย และไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมด ไม่สามารถระลึกชาติได้ทันที แต่คิดว่า สมเด็จฯสั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น จึงตอบตกลงกับคณะที่ไปอัญเชิญพระธาตุที่ถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และไม่ได้เล่าเรื่องของยักษ์ที่ทราบแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงคนอื่นจะปรามาส

******************************

จนกระทั่งถึงวันเดินทางคือ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ พวกเราได้เดินทางด้วยความราบรื่น คณะที่ไปนั้นมีทั้งหมด ๖ ท่าน มีพระอาจารย์(ขอสงวนนาม) เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมกับคนนำทางอีก ๑ ท่านรวมเป็น ๗ คน

ไปค้างคืนที่บ้านพักประมงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นท่านประมงจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ได้บ้านพักอย่างดี พวกเราได้พักที่บ้านพัก ๑ คืน

ในหัวค่ำคืนนั้นเองมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือ พวกเราทุกคนโดนคุณผีแม่-ลูกหลอกกันทุกคน หึ.หึ..

เธอมาในสภาพเลือดอาบทั้งตัว แต่เข้าภายในบ้านไม่ได้ ร้องเรียกให้พวกเราช่วย บางคนเห็นภาพ บางคนได้ยินเสียงร้องให้ช่วย...

จากนั้นพระอาจารย์ได้พาสวดมนต์อุทิศบุญให้กับคุณผีแม่-ลูกคนภาพทั้งสองหายไป พระอาจารย์บอกว่า ..

"เอาไปเกิดกันแล้ว โมทนากับทุกคนเน้อ.."จากนั้นพระอาจารย์หันมาถามดิฉันว่า ...

"คุณน้ำใส ๆ รู้มั๊ยทำไม อาตมาถึงให้คุณโยมมาด้วย"
ดิฉันได้กราบเรียนท่านว่า "โยมจะมาปลดปล่อยยักษ์เจ้าค่ะ"พระอาจารย์กล่าวว่า "เอ้อ..นั่นแหละยักษ์นี้แหละ คราวก่อนพวกเราอัญเชิญไม่ได้กัน อาตมาคิดว่า ถ้าคุณน้ำใสมาจะรู้วิธี"...
จึงกราบเรียนพระอาจารย์ว่า "โยมก็ไม่ทราบอะไรหรอกเจ้าค่ะ พระท่านให้จุดธูป ๑๖ ดอกว่า ตามท่านบอกเจ้าค่ะ"

จากนั้นพระอาจารย์ได้สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน น้องผู้หญิงที่ไปด้วยกันบอกว่า ...

"โห..พี่วันนี้เจอผี พรุ่งนี้จะเจอยักษ์หรอคะ คืนนี้จะนอนหลับมั๊ยเนี่ย"..

ปรากฏว่าวันนั้นต่างคนต่างหลับสนิททั้งคืน จนกระทั่งเช้าเดินทางด้วยความราบรื่นไปถึงถ้ำ น้องผู้ชายท่านหนึ่งให้ทำพิธีขออนุญาตอัญเชิญพระธาตุ

ส่วนดิฉันได้จุดธูป ๑๖ ดอก ขออาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏเห็นภาพยักษ์ตนหนึ่งที่อยู่ในถ้ำ เป็นยักษ์ระดับหัวหน้า ไม่ใช่บริวารยักษ์ เนื่องจากเครื่องทรงครบ เมื่อเห็นดิฉัน ยักษ์ตนนั้นมีแววตาเปล่งประกาย พอวิ่งมาถึงกำแพงแก้ว

ปรากฏเห็นภาพยันต์อักขระโบราณสีทอง วิ่งเป็นเส้น ๆ เป็นยันต์โบราณที่ไม่เคยเห็นในยุคปัจจุบัน เห็นท่านผู้นั้นผงะ และมีแววตาเศร้าเหมือนเดิม

สมเด็จองค์ปัจจุบันปรากฏกายขึ้น และบอกว่า...

"ให้ตั้งจิตตามเราและกล่าวว่า...

"พันธนาการใด ๆ ที่เคยมีมาแต่อดีต ขอพันธนาการนั้น จงจบสิ้นในบัดนี้เดี๋ยวนี้ ขอเธอจงมีอิสระต่อกัน ขอเธอจงเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ขอเธอจงพ้นภัยอันตรายทั้งหลาย จงเป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปเถิด"...

เมื่อดิฉันตั้งจิตอธิษฐานตามที่สมเด็จองค์ปัจจุบันองค์ ยันต์ต่าง ๆ ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละเส้น จนกระทั่งยักษ์ตนนั้นออกมาได้ และก้มกราบที่เท้าของดิฉัน ดิฉันเองไม่ทราบเรื่องใด จึงถามพระอาจารย์ว่า ..

"พระอาจารย์เจ้าคะ เห็นอย่างที่โยมเห็นหรือเปล่าเจ้าคะ"

พระอาจารย์บอกว่า "เขาอยู่ตรงหน้าคุณน้ำใสนั่นแหละ"
จากนั้นดิฉันจึงกำหนดจิต ว่า "ผลบุญใด ๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอท่านได้โปรดอนุโมทนาบุญด้วยเถิด..."

ผลปรากฏท่านผู้นั้น เปลี่ยนจากสภาพพญายักษ์เป็นเทวดาแต่งกายสีเขียว คลิบทอง ต่อมาพระอาจารย์ได้แผ่เมตตาให้อีกรอบ เทวดาองค์นั้นได้เปลี่ยนเครื่องทรงเป็นชุดสีขาว เป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ทันที

---------------------------------

ด้วยเหตุแห่งธรรมทานในวันนี้ ขณะที่เล่าเรื่องราว เทพบุตรองค์นี้ได้มาปรากฏ และขออโหสิกรรมอีกครั้ง ดิฉันเองก็อโหสิต่อท่าน เป็นอภัยทาน น้อมถวายเป็นพุทธบูชา

ผลบุญใดที่ให้ธรรมทานในวันนี้ ขอผลบุญนี้จงบังเกิดแก่ทุก ๆท่านที่เนื่องกับประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ด้วยเถิด สาธุ...

ส่วนท่านสัตตบุษย์ยักษ์นั้น ท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เลิศด้วยฤทธิ์ในสมัยพุทธกาลของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้าค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Giant 1 ที่ช่วยสรุปข้อมูลให้ค่ะ

ขอให้ได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้ค่ะ

Numsai