ปรึกษาดวงแม่นๆ ชีวิตเปลี่ยนภานในภายใน 7 วัน กับคุณกฤช

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย kichprapan1, 24 พฤศจิกายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    [FONT=&quot]บ้าน พรหมชินนะคุรุ พยากรณ์[/FONT]
    [FONT=&quot]เปิดพลังดวงแม่นๆ พลิกพลังชีวิต ด้วยไพ่พยากรณ์ เทพอินเดีย [/FONT]
    [FONT=&quot]ปรึกษาพยากร์ดวง คุณกฤช โทร [/FONT][FONT=&quot]083-7663-882[/FONT]
     
  2. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    [FONT=&quot]บ้าน พรหมชินนะคุรุ พยากรณ์[/FONT]
    [FONT=&quot]เปิดพลังดวงแม่นๆ พลิกพลังชีวิต ด้วยไพ่พยากรณ์ เทพอินเดีย [/FONT]
    [FONT=&quot]ปรึกษาพยากร์ดวง คุณกฤช โทร [/FONT][FONT=&quot]083-7663-882[/FONT]
     
  3. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    [FONT=&quot]บ้าน พรหมชินนะคุรุ พยากรณ์[/FONT]
    [FONT=&quot]เปิดพลังดวงแม่นๆ พลิกพลังชีวิต ด้วยไพ่พยากรณ์ เทพอินเดีย [/FONT]
    [FONT=&quot]ปรึกษาพยากร์ดวง คุณกฤช โทร [/FONT][FONT=&quot]083-7663-882[/FONT]
     
  4. ศิริมา2525

    ศิริมา2525 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีค่ะ รบกวนช่วยดูให้หน่อยค่ะ
    เกิดเสาร์ 26 มิ.ย. 2525 ปีจอ เวลา 14.44 น. นะคะ
    สอบถามเรื่องความรักค่ะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  5. orOOor

    orOOor สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +5
    รบกวนตรวจดวงให้ด้วยครับ
    เกิดเสาร์ 30 เมษายน 2531 ปีมะโรง เวลา 14.24
    การเรียน เป็นอย่างไรบ้าง
    มีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศไหมช่วงนี้
    ความรัก

    ขอบคุณครับ
     
  6. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    สวัสดีค่ะ รบกวนช่วยดูให้หน่อยค่ะ
    เกิดเสาร์ 26 มิ.ย. 2525 ปีจอ เวลา 14.44 น. นะคะ
    สอบถามเรื่องความรักค่ะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    ตอบ ปีที่แล้วคุณก็เจอวิบากแห่งกรรมนะครับ เรื่องความรัก เคยทำอะไรมาก็ได้รับไปเค็มๆๆ ทั้งปีนะครับ ปี่นี้ก็เรื่องความคิด เรื่องความรัก นะครับ มีแต่เรื่องความรัก แล้วคุณตะถามทำไม่ครับ คุรเจอตลอดนะครับ
     
  7. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    รบกวนตรวจดวงให้ด้วยครับ
    เกิดเสาร์ 30 เมษายน 2531 ปีมะโรง เวลา 14.24
    การเรียน เป็นอย่างไรบ้าง
    มีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศไหมช่วงนี้
    ความรัก

    ขอบคุณครับ __________________
    " บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ... "

    ตอบ สุขภาพปีที่แล้วไมไ่ด้เป็นอะไรมากแต่เป้นเล้กๆๆตลอดทั้งปี นะ ป่วยเลื่อยๆๆปีที่แล้ว ได้มาเสียไปมากกว่าสครับ ทุกข์ลาภนะครับ ด้านความคิดมากกว่าครับ
     
  8. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    ชื่อณัฐปิยะ อันภักดี เกิด 17 ธ.ค 2521 อาทิตย์ ปีมะเมีย เวลาประมาณ 1ทุ่ม-2ทุ่ม ที่ขอนแก่น
    ชีวิตจะดีขึ้นกว่านี้ไหมครับ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างครับ

    ตอบ ปีที่แล้วคุณก็สมใจนะเรื่องานนะครับ ตำแหน่งการงานนะครับมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ดีมากมีการยัลขยายกีครับ ปีหนา้เงินทองก็เริ่มดี มีการเริ่มต้นเง
    ินทองดีนะครับตามลำดับ คึณมีความสำพันธ์กับภาคพื้นดินครับ อีกไม่กี่ปีก็รวย โทรมาปรึกษานะถ้าคุณคิดว่าแม่น
     
  9. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    อยากเปิดดวง ก็ทิ้งข้อมูลไว้นะครับ เดี๋ยวจะมาตอบครับ

    ขอข้อมูลไห้ครบถ้วนนะครับ เพื่อความแม่นยำและชัดเจนครับ
     
  10. nonlawat

    nonlawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +41
    สวัสดีค่ะดิฉั้นชื่อ ชนันลักษณ์ จังหวัดสงขลาค่ะ

    หนูคิดว่าเรื่องดวงก็ถือว่าสำคัญนะค่ะ เพราะสิ่งที่เกิดอยู่กับหนู ก็เกี่ยวเนื่องทั้งหมดค่ะ หนูเคยไปดูหมดดุมา หลายท่านนะค่ะ เป็นคนชอบลอง ท้าทายค่ะ แต่ไม่ลบหลู่ค่ะ เพราะสิ่งที่เรามองไม่เห็น น่ากล้ว และสำคัญมากคือ คนที่จะดูดวงไห้เราได้คนนั้น ก็ต้องมีเทพประจำตัว เทวดารักษา หรือมีพลังบางอย่างอยู่กับตัวเค้า หนูเลยไม่กล้าลบหลู่หรอกค่ะ หนู่ไม่โทษนะค่ะ บางครั้งหนูไปดูหมด แต่ไม่แม่นนะค่ะ อาจจะเป็นเพราะ เจ้ากรรมนายเวรไม่อยากไห้รู้มั้งค่ะ ก็เลยไม่แม่น ก็ถือว่าโทษ หมูดูไมได้ เพราะว่าเราอยากลองเอง แต่คนที่หนูจะพูดถึงนิ ที่แรกหนู่ก็คิดเหมือนเดิม ปกติ เหมือนทุกๆครั้งที่ไปดูมา ไมได้ คิดไรมาก อยากลอง หนูก็โทรไป หาอาจารย์ คุยได้สักพัก ก้เลยขอดูดวง แต่หนูยังไม่โอนเงินนนะ เพราะหนูอยากรู้ว่าจะดูไห้รึปล่าว ปรากฏว่าท่านดูไห้ ท่านก็ไห้ เรา ของอนุญาติเทพประจำตัว เจ้ากรรทนายเวร ท่านก็พาหนูพุด ไห้หนูพูดตามค่ะ สักพักท่านก็ทาย ออกมา สิ่งแรกที่ท่านทัก หนูถึงกับอืึ้ง เลย ค่ะ ท่านทักว่าหนูมีของดี มีองค์เทพคุ้มครอง อยู่กับหนู ทั้งๆๆที่หนูไม่เคยบอกเลยนะค่ะ คุยกันครั้งแรกค่ะ แล้วท่านก็บอกต่อว่า ถ้าไม่จริงไม่ต้องจ่ายค่าครู อาจารย์จะโอนไห้คุณกลับคืนถ้าไม่ตรง อาจารย์เลยบอกว่า คุณเคยฝันเห็นผู้หญิงผิวขาวชุดขาว ในฝันคุณ ได้คุยกับเค้าด้วย ผู้หญิงคนนี้สวย แล้วหน้าเหมือนคุณด้วย ไช่ใหม แคนั้นแหละหนูขนลุก แบบบอกไม่ถูกอ่ะค่ะ พูดแบบไม่รู้เรื่องเลยค่ะ และสิ่งที่ทักมา แบบว่า สุดๆๆ จนหนูไม่รู้จะพุดยังไง ถึงได้มาบอกคนที่เป็นเหมือนหนูนะค่ะ ที่แรกคิดว่าลองเล่นๆ ไปๆๆมาๆๆ ไม่เล่นเลย นี่ขนาดดูทางโทรศัพท์นะ ถ้าเจอตัวเป็นๆๆ คงร้องเลยอ่ะ ลองโทรไปปรึกษานะค่ะ เชื่อหนู เจอมาแล้ว ชื่ออาจารย์ กฤช
    0837663882 ค่าบูชาครู 159 บาท ต้องขอโทษอาจารย์ที่ไม่ได้บอก ว่าจะเอามาเขียนกระทู้ ต้องขอโทษอาจารย์นะค่ะ
     
  11. linkinpark191

    linkinpark191 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +0
    เกิดพฤหัสบดี 25 ธันวาคม 2529 ปีขาล เวลา 11.00 - 12.30
    อยากทราบว่าจะได้ทำงานราชการหรือป่าวครับ ถ้าได้ทำจะได้งานเกี่ยวกับอะไรครับ
     
  12. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    อยากเปิดดวง ก็ทิ้งข้อมูลไว้นะครับ เดี๋ยวจะมาตอบครับ

    ขอข้อมูลไห้ครบถ้วนนะครับ เพื่อความแม่นยำและชัดเจนครับ
     
  13. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    คนเราเกิดมามีกรรมติดตัว และต้องชดใช้กรรมไปจนหมดวาระของชีวิต ไม่มีใครช่วยให้เราพ้นกรรมได้ มนุษย์ควรยอมรับในกรรมที่สร้างขึ้น เมื่อผลกรรมส่งผลแก่ตัวเราในปัจจุบัน จะเล็กน้อยหรือร้ายแรงก็ตาม ก็ขอให้ยอมรับสภาพ และอดทนก้าวผ่านไปให้ได้ จากนั้นให้เริ่มสั่งสมบุญด้วยการตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง หมั่นทำบุญ ทำทาน ไม่สร้างกรรมชั่วเพิ่มขึ้นอีกในชาตินี้ และสวดมนต์ต่อมหาเทพ มหาเทวี ตลอดจนสวดมนต์ต่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อว่าบุญบารมีที่ทุกท่านได้สะสม จะส่งผลดีให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่านอย่างแน่นอน


    อาจารย์ กฤช
     
  14. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    วิธีสร้างบุญบารมีในชีวิตประจำวัน

    1. นั่งสมาธิให้จิตนิ่งสนิท อย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้)
    อานิสงส์ ---เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
    เมื่อจิตสงบนิ่ง จะปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ ได้บุญมาก
    จิตจะผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
    จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
    ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
    เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

    2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
    อานิสงส์ ---เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
    เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
    แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา,พระคาถาชินบัญชร,
    พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

    3. ถวายยารักษาโรคให้วัด,ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
    อานิสงส์--- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
    สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
    ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

    4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า
    อานิสงส์ ---ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
    ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

    5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
    อานิสงส์---เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ
    สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
    ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

    6. สร้างพระถวายวัด
    อานิสงส์---ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
    ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป


    7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย9วันขึ้นไป
    อานิสงส์ ---ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
    ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
    สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
    จิตเป็นกุศล

    8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
    อานิสงส์---ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
    ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
    ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

    9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
    อานิสงส์---ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
    ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
    หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
    เป็นอิสระ

    10. ให้ทุนการศึกษา,บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ,อาสาสอนหนังสือ
    อานิสงส์---ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา
    ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

    11. ให้เงินขอทาน,ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
    อานิสงส์ ---ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
    เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
    จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

    12. รักษาศีล5หรือศีล8
    อานิสงส์---ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
    ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
    กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา

    อานิสงส์10ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์

    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์xxxมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
    7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ

    อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้

    1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
    2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
    6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
    7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
    8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญสตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
    10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่าง เอนกทุกชาติของ ผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้ อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ

    อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ (บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร)

    1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
    2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
    3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
    4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
    5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
    6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
    7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
    8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
    9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
    10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่ สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริม อาสาการให้คนได้บวช

    *ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีก จนกว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้น หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจ ไม่ได้รับบุญ ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำ ติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ
     
  15. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    การสร้างบุญในทางโลก หมายความว่าอะไร
    การสร้างบุญที่เรารู้จักและคุ้นเคยก็คือ การไปวัดทำบุญด้วยการตักบาตร ถวายสังฆทานให้กับพระหรือไปทำบุญทอดกฐินร่วมงานวัด นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบุญที่เราเรียกว่า ทาน ซึ่งจะขอกล่าวต่อไปในแง่ของทางธรรม แต่ในขณะที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสปกติอย่างนี้เราก็สามารถที่จะ สร้างบุญในทางโลกให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
    หากลองพิจารณาให้ดีๆ จากหลักของบุญกิริยาวัตถุ 10 จะพบว่ามีอยู่ข้อหนึ่งที่กล่าวถึงทางมาแห่งบุญที่เรียกว่า “เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้หรือประกอบกิจการงานที่ชอบ”
    การขวนขวายทำกิจการงานที่ชอบก็คือการ “ประกอบอาชีพสุจริต” ชอบที่ว่าคือ ทั้งตัวเองชอบและผู้อื่นชอบด้วย คือ ตัวเราไม่เดือดร้อนกับอาชีพนั้นและคนอื่นก็ไม่เดือดร้อนจากการประกอบอาชีพของเรานี่แหละคือการสร้างบุญอย่างหนึ่งในทางโลก
    ดังนั้นถ้าเราอยากมีความสุขอยากร่ำรวยอยากได้บุญก็ต้อง ประกอบอาชีพที่ดีที่สุจริตถือได้ว่าเป็นการสร้างบุญไม่ต่างจากการบริจาคทาน หรือการสร้างบุญประเภทอื่นๆ เพียงแต่เราจะได้บุญมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยอีกทีหนึ่ง
    และการสร้างบุญประเภทนี้ก็เป็นไปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่ได้กล่าวมาแล้วด้วย ว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นไรผลก็เป็นเช่นนั้น หากอยากจะร่ำรวยมีเงินทองใช้ก็ต้องประกอบอาชีพสุจริตทำมาหากินอย่างขยันขัน แข็งคือต้องหมั่นขยันหาทรัพย์เมื่อหามาได้แล้วก็ต้องรู้จักรักษาทรัพย์ที่หา มานั้นให้ได้ รู้จักคบคนดีที่เป็นกัลยาณมิตรที่จะไม่พาให้ชีวิตเราตกต่ำและต้องเลี้ยง ชีวิตให้เหมาะสมกับฐานะของตนเอง
    พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่าความร่ำรวยนั้น เป็นบาปหรือเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมี เพียงแต่การประกอบอาชีพเพื่อสร้างความร่ำรวยนั้นอย่าให้สร้างความเดือดร้อน ความทุกข์แก่ผู้อื่น พระองค์จึงบัญญัติเรื่องการประกอบอาชีพที่ไม่ชอบธรรม 5 ประการ (มิจฉาวณิชชา) ซึ่งถือเป็นมลทินในพระพุทธศาสนาเป็นที่สุด ได้แก่
    1. การค้าขายเครื่องประหารหรืออาวุธทุกประเภท การค้าขายอาวุธที่จะใช้ทำร้ายกันหรือเบียดเบียนกันอันจะเป็นการทำร้ายสิ่งมี ชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ หรืออาวุธที่ทันสมัยแค่ไหนก็ตามแม้จะได้สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้กับผู้ที่ ประกอบอาชีพนี้ก็ไม่อาจจะสร้างความสุขที่แท้จริงและบุญให้เกิดขึ้นได้นอกจาก จะไม่ได้บุญแล้วยังกลายเป็นการก่อบาปทางอ้อมแม้ว่าเราจะไม่ได้นำอาวุธนั้นไป สังหารใครโดยตรงก็ตาม ถือเป็นการสนับสนุนให้ผู้อื่นได้นำสิ่งนั้นไปทำผิดศีลปาณาติบาตได้
    2. การค้าขายมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะมนุษย์เราย่อมมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนๆ กันสิ่งที่เราต้องการคนอื่นก็ย่อมต้องการเราไม่ควรจะนำร่างกายทั้งของตนเอง และผู้อื่นไปค้าขายอันเป็นการสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้น เช่น การค้าทาส,ค้าแรงงานผิดกฎหมายที่มีการเอารัดเอาเปรียบหรือการทารุณกรรมและ การค้าประเวณีไม่ว่ารูปแบบใดๆ ก็ไม่ควรทั้งสิ้น
    3. การค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเป็นอาหาร เพราะจะก่อให้เกิดทุกข์และบาปกรรมติดตัวกับผู้กระทำเพราะเป็นการเบียดเบียน ชีวิตกันโดยตรงส่งผลให้อาจมีอายุไม่ยืนยาวหรือต้องเผชิญกับโรคภัยต่างๆ มากมาย
    แต่ว่าการค้าขายสัตว์เป็นเพื่อใช้เป็นอาหาร เช่นสุกรหรือสัตว์ปีกอย่าง ไก่ เป็ดที่เป็นอาหารของคนส่วนใหญ่รับประทานนั้นนับได้ว่าเป็นอาชีพที่จำเป็นและ มีเจตนาอ่อนเพราะจุดประสงค์ทำเพื่อเลี้ยงปากท้องทั้งตนเองและผู้อื่นจัดได้ ว่าเป็น อาชีพที่อิงอยู่ในหลักกฎแห่งกรรมว่าด้วย “กฎัตตากรรม” หรือกรรมที่สักว่าทำ ผลของกรรมแม้จะเกิดขึ้นก็จะเป็นผลอย่างเบากว่าการฆ่าแบบมีเจตนาแรงโดยมุ่ง หวังให้สัตว์นั้นได้ตายไปเฉยๆ
    4. การค้าขายน้ำเมารวมไปถึงสิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิด เพราะการค้าขายสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็นสาเหตุหลักให้เกิดการ “ขาดสติ”ไปอันจะเป็นเหตุให้หลงทางไปทำชั่วในทางอื่นๆ ได้อีกมากเช่นผู้ที่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดจนขาดสติก็จะก่อเหตุทำผิดได้ หลายกรณีตั้งแต่ การลุกขึ้นมาฆ่าเพื่อนในวงเหล้าด้วยกันเอง การลักขโมยเพื่อหาเงินไปดื่มเหล้าหรือเสพยา หรือการขาดสติจนเป็นเหตุให้ผิดประเวณีกับผู้อื่น
    5. การค้าขาย ยาพิษหรือวัตถุมีพิษ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดโทษกับสิ่งมีชีวิตทั้งปวงไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ก็ไม่ควรที่จะทำเพราะทุกชีวิตต่างก็รักชีวิตของตน
    อาชีพทั้ง 5 เหล่านี้จัดเป็นมลทินในพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าเป็นการสร้างบุญด้วยวิธีการขวน ขวายกิจการงานที่ชอบเพราะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถลองคิดตามได้ง่ายๆ ว่า คนที่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานจำหน่ายยารักษาโรคแม้จะมีเงินเดือนที่น้อยแต่ก็ จะเป็นผลดีเป็นความสุขและเป็นบุญได้มากกว่า เพราะเป็นการช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายคือได้ผลบุญทั้ง ตัวผู้จำหน่าย คือมีความสุขอิ่มใจเกิดรายได้ ส่วนผู้ที่ได้รับยารักษาโรคไปก็นำไปรักษาโรคของตนเกิดความสุขกายและใจขึ้น เช่นเดียวกัน
    ตรงกันข้ามกับคนที่ประกอบอาชีพค้าขายเหล้า เบียร์หรืออบายมุขทุกประเภท ที่แม้ว่าบางรายจะมีรายได้ที่สูงกว่ามากกว่าหรือแม้กระทั่งเป็นผู้ที่มีขนาด การจำหน่ายใหญ่โตระดับประเทศ แต่อาชีพนี้แม้จะก่อความสุขสร้างรายได้มหาศาลให้กับตนเองแต่ไม่ก่อให้เกิด บุญอย่างนี้ก็ไม่เรียกว่า เป็นการขวนขวายในกิจการงานที่ชอบ เพราะก็ต้องรับผลของกรรมที่ได้สร้างไว้แตกต่างกันไปตามกฎแห่งกรรม
    ที่กล่าวมานี้เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างบุญให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในแบบทางโลก ขอเพียงหมั่นประกอบอาชีพที่ดีสุจริตและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นหรือสามารถ สร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้และให้กับตัวเราเองได้ก็นับได้ว่าได้สร้างบุญ ให้เกิดขึ้นอันจะเป็นตัวช่วยพยุงให้ชีวิตของเราไม่ตกต่ำลง
    แต่ทว่าการสร้างบุญเพียงทางโลกเพียงด้านเดียวนั้นยังไม่อาจนำพาให้เกิดกระแส บุญที่ใหญ่และมากพอที่จะเกื้อหนุนค้ำจุนรวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้ไปถึงจุด มุ่งหมายหรือความสำเร็จที่เราตั้งความปรารถนาได้ควรจะกระทำการสร้างบุญอีก ด้านคือในทางธรรมควบคู่กันไปด้วย
     
  16. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    การเชื่อมบุญ คืออะไร หลายคนที่ไม่เคยได้ยินคงสงสัยว่า มันเป็นการทำบุญในลักษณะใดกัน หลายคนอาจจะบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินคำๆ นี้

    แล้วอะไรคือ การเชื่อมบุญ ที่แน่ๆ คำถามที่ต้องตามมาก็คือ เราทำการเชื่อมบุญเพื่ออะไร โปรดใจเย็นๆ ตั้งสติ ค่อยๆ อ่านทำความเข้าใจไป เพื่อจะให้เรื่องนี้เกิดประโยชน์มหาศาลกับชีวิตของทุกคน

    ในชีวิตของคนเรานั้น เราเคยมีเวลามาสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่า ความสำเร็จ หรืออุปสรรคความทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้น มันเริ่มจากตรงไหนแล้วไปสิ้นสุดที่ไหน

    เอาแค่เส้นทางชีวิตในชาติเดียว เอาเพียงชาติปัจจุบันนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องดูกันตลอดเส้นทางยาวๆ ไปหลายภพหลายชาติ ไปข้างหลังหรือข้างหน้า มันยากเกินไปและเกินวิสัยของคนปกติทั่วไปที่จะหยั่งรู้ได้

    ส่วนมากเรื่องเหล่านี้นั้น ทั้งหมดมันจะเริ่มต้นมาจากตัวเรา ไปสู่คนหรือเรื่องที่เราต้องการจะติดต่อ และดำเนินการให้สำเร็จและต้องเกี่ยวพันกันไป หลายครั้งแม้เราจะพยายามทำแบบสุดแรงเกิด สุดสติปัญญา เงินทุนรอน กำลังที่มีทั้งหมด ทำแค่ไหนมันก็ยังไม่สำเร็จเสียที

    แล้วมันเป็นเพราะเหตุใด ด้วยสาเหตุอะไรกันแน่ จำได้ที่เคยบอกเอาแล้วว่าในเรื่องเจ้ากรรมนายเวรว่า คนทุกคนที่มาเกี่ยวข้องกันในชาตินี้นั้น เคยเป็นญาติกันและเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกันและกัน มันเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ร้อยรัดเข้าด้วยกัน

    บางครั้งมันจะห่างหรือจะรัดเข้าหากัน มันขึ้นอยู่ด้วยบุญและกรรมที่ส่งผลในเวลานั้น

    เหตุผลที่เรื่องต่างๆ ที่เราจะอยากจะให้เกิดขึ้นมันไม่สำเร็จ ก็เป็นเพราะส่วนหนึ่งเราอาจจะยังไม่รู้จักช่องทางหรือวิธีทำให้เรื่องต่างๆ นั้นมันสำเร็จลงได้ง่าย เราปล่อยให้โซ่ที่เกี่ยวกันนั้นห่างกันมากจนไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้เลย แล้วอย่างนี้เรื่องต่างๆ ที่เราต้องการนั้นมันจะสำเร็จได้อย่างไร

    เหมือนเราต้องการอยากจะได้สิ่งหนึ่งจาก คู่รักแล้วเราไม่บอก ไม่แสดงทีท่า ไม่แสดงอาการอยากได้ แล้วชาตินี้เขาหรือเธอจะรู้หรือไม่ และชาตินี้เราจะได้มันหรือไม่

    เราต้องการอะไรจากคนอื่นแล้วเราเคยให้อะไรคนอื่นบ้างหรือไม่

    เราอยากจะให้เขาทำดีกับเรา เราเคยทำดีอะไรให้กับเขาหรือไม่

    เราอยากจะให้เขาช่วย แล้วเราเคยสนิทชิดเชื้อ เคยไปมาหาสู่กับเขาหรือไม่ เราเคยช่วยเหลือเขาทั้งในยามที่เขาลำบากหรือไม่ลำบากหรือไม่ เราเคยมีบุญคุณกับเขาหรือไม่ และเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องมาตอบแทนเราหรือไม่

    เราอยากให้เขาช่วย เราเคยมีบุญร่วมกันกับเขามาหรือไม่ ทั้งบุญเก่าที่สร้างด้วยกันมาและได้มีการสร้างบุญใหม่ร่วมกัน

    การเชื่อมบุญนี้ เป็นอีกช่องทางที่สำคัญมาก ที่มีมาจากการทำบุญ (ขอแนะนำว่าให้ย้อนกลับไปดูในเรื่องบุญกริยาวัตถุ ๑๐ อีกครั้งเพื่อเข้าใจ ในเรื่องของบุญอย่างถูกต้อง) และต้องมีการโมทนาอุทิศบุญและเชื่อมบุญของเรากับผู้ที่เราต้องการให้เรื่อง ที่เราจะให้เกิดขึ้นนั้นสำเร็จได้โดยง่าย

    ใครได้ยินคำๆ นี้ไหม ถ้าไม่มีบุญพอ ก็ไม่มีทางสำเร็จได้ และเมื่อบุญมาถึง แม้ฟ้าก็มิอาจกั้นได้!

    ในเรื่องที่เราต้องการบางเรื่องนั้น บางครั้งเรายังไม่มีบุญพอที่จะเชื่อมเรื่องราว เชื่อมบุญเข้าหากับคนที่เราอยากจะเชื่อมเข้าหากันได้ หรือยังมีวิบากกรรมขวางทางเราอยู่

    ดังนั้นเราต้องสร้างบุญใหม่ให้ถูกวิธี มีแรงบุญพอที่จะไปช่วยลดวิบากกรรที่มีอยู่ในตอนนั้นเวลานั้นเสีย และต้องเชื่อมบุญใหม่ให้ใหญ่กว่า แรงกว่าให้ตรงช่องทางกับเรื่องราวหรือคนที่เราอยากจะเชื่อม ทั้งนี้ก็เพื่อจุดมุ่งหมายที่เราอยากจะได้

    เปรียบเหมือนเวลาที่จะยกขอนไม้ที่กีด ขวางทางเดินของเรา เรายืนอยู่คนเดียวก็หันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร จะเดินไปต่อก็ไม่ได้ ยกคนเดียวก็ไม่มีแรงจะยกขึ้น เรารู้แล้วว่า ลำพังเราคนเดียวนั้น ไม่สามารถยกขอนไม้นี้ได้

    ตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น จึงรีบวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านข้างบ้าน ที่เผอิญไปบ้านที่ไม่ถูกกันอีก เราวิ่งไปผิดบ้าน เหมือนกับความพยายามของเราที่ไปผิดช่องทางใช่ไหม

    ดังนั้น บ้านที่ไม่ถูกกันนี้ เขาก็นิ่งเฉย แถมยังบอกอีกว่า ธุระไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องของเขา ทีเมื่อก่อนเขาเคยมาเรียกให้เราไปช่วยยกของ เรายังทำเป็นเฉย แล้วทีนี้เขาจะไปช่วยเราทำไม เมินเสียเถอะ!

    เราจึงต้องวิ่งไปบอกอีกบ้านหนึ่ง ที่เราเคยไปช่วยเขาขนของย้ายบ้าน หรือเคยช่วยอะไรเขา พอบอกเขาว่ามาช่วยยกขอนไม้หน่อย เท่านั้นเอง เราวิ่งไปถูกช่องทางแล้ว เขาก็กุลีกุจอลุกขึ้นไปช่วยเรา ขอนไม้เมื่อได้สองแรงก็ยกขึ้น เราก็สามารถผ่านไปได้ง่ายๆ

    หรือแม้แต่ในตอนนั้น เรามีเพื่อนบ้านเหลืออยู่บ้านเดียว เมื่อเขาปฎิเสธไม่ช่วยเรา แต่เราก็ยังมีใจที่ถ่อมอ่อนน้อม ไปขอโทษเขาบอกเขาว่า ในวันนั้นเรารู้สึกผิดที่ไม่ได้มาช่วย อาจจะเป็นเพราะเราติดธุระจริงๆ หรือเรากำลังไม่สบาย ซึ่งต้องเป็นไปตามความจริงอย่าผิดศีล เรื่องมุสาหรือโกหกเป็นอันขาด ถ้าเขาไม่ติดใจอะไรหรือไม่โกรธแค้นเราอะไรมากมาย เขาอาจกลับมาช่วยเรายกขอนไม้นี้ก็ได้

    เรื่องต่างๆ ในชีวิตของเราก็เหมือนกัน บางคนอยากจะทำการค้าขายกับใคร อยากจะได้งานทำ อยากจะขายบ้าน อยากจะทำงานที่องค์กรใหญ่นั้น อยากจะให้ผู้ใหญ่สนับสนุน แต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่อยากได้นั้น จะสำเร็จตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่

    เพราะเหตุที่ว่า เรายังเชื่อมเรื่องราวต่างๆ นั้นยังไม่ถูกช่อง หรือแม้แต่รู้จักคนที่ต้องการจะเชื่อมแล้ว แต่เราก็ยังไม่รู้วิธีว่าจะทำอย่างไร?

    การเชื่อมบุญไม่ใช่พิธีกรรมทางไสย ศาสตร์ แต่เป็นการทำบุญ โดยที่เราตั้งใจที่จะโมทนาอุทิศบุญกุศลที่ทำบุญนี้ แล้วส่งตรงไปที่คนที่เราต้องการจะให้ แต่ที่พิเศษกว่าเล็กน้อยก็คือ เป็นการทำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้กล่าวอุทิศบุญแบบกว้างๆ

    ซึ่งมุ่งตรงไปที่เรื่องราว ต่างๆ ที่เราอยากให้เกิดขึ้นแต่ต้องเป็นในทางที่ถูกธรรมเท่านั้นถึงจะสำเร็จได้ และในหลายท่านอาจจะต้องทำหลายครั้งในหลักการที่ว่า
    สม่ำเสมอ หมายความว่า เราต้องสร้างบุญ และอุทิศบุญเจาะจงไปที่คนๆ นั้น เจ้ากรรมนายเวรในเรื่องนั้น วิบากกรรมในเรื่องนั้น สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในเรื่องนั้น แบบซ้ำๆ กันต่อเนื่องเพื่อให้เกิดพลัง
    มากพอ หมายถึง บุญกุศลที่เราทำนั้นต้องมีพลังบุญมากพอ ที่จะช่วยให้สิ่งที่เราต้องการเกิดขึ้นด้วยการสร้างบุญแบบไม่หยุดและรวมบุญให้มากพอ
    นานพอ หมายถึง ในบางวิบากกรรมนั้น เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ เราต้องแสดงความสำนึกอย่างจริงใจ ซึ่งเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราสำนึกจริงหรือไม่ เจตนาของเราเป็นอย่างไรเรากำลังจะหลอกเจ้ากรรมนายเวรอีกครั้งหรือไม่ หรือการที่เรามีเจ้ากรรมนายเวรหลายท่าน ซึ่งเมื่ออุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรรายหนึ่งแล้ว แต่ยังมีอีกเจ้ากรรมนายเวรมาต่อคิวขวางทางเอาไว้อีก จะต้องทำอุทิศบุญไปเป็นระยะเวลานานสมควร เรื่องที่เราต้องการจึงจะสำเร็จ

    เคล็ดลับสำคัญของการเชื่อมบุญนั้น เราต้องอุทิศบุญไปให้ทั้งเจ้ากรรมนายเวรทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่เราอยาก ให้เขาอโหสิกรรม และขอให้เขาถอนตัวจากอุปสรรคต่างๆ ที่เขาขวางไว้ไม่ให้เราทำสำเร็จ รวมทั้งคนที่เราอยากจะไปขอโทษในเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น หรือจะไปเชื่อมบุญใหม่กับคนที่เราต้องการไปขอความช่วยเหลือจากเขา หรือคนที่เราติดต่อทำมาค้าขายกัน คนที่มีปัญหาและอุปสรรคต่อกันในเรื่องต่างๆ ฯลฯ

    เรื่องนี้สำคัญมาก เรียกง่ายๆ ว่า เป็นการเชื่อมบุญไปหาคนที่เราต้องการในเรื่องต่างๆ ที่เป็นผลดีในชีวิตของเราและที่สำคัญเรื่องที่เราต้องการให้สำเร็จนั้นไม่ ผิดศีลธรรมอันดี

    การเชื่อมบุญ ที่จะไปทำบาปนั้นไม่มีทางสำเร็จ เทพ เทวดา เจ้ากรรมนายเวร เขาไม่เอากับเราด้วยแน่นอน เรื่องอะไรเขาไปช่วยส่งเสริมหรือร่วมมือไปทำความชั่ว ให้เขาต้องได้รับโทษทัณฑ์ไปด้วย

    บางครั้งที่เราอาจจะเคยได้ยินพวกแก๊งค์ โจรร่วมมือกันไปทำความชั่ว มีพิธีกรรมอะไรนั้นมันการชักจูงวิญญาณที่ชั่วร้าย เป็นเรื่องของมารซาตาน ที่ต้องการพรรคพวกไปตกนรกร่วมกัน คนที่ไม่มีบุญ ไม่มีศีลกำกับไว้ของคนพวกนี้ นรกคือปลายทางสุดท้ายของพวกมัน

    เป็นคนละเรื่องกับการเชื่อมบุญเพื่อไปร่วมกันทำความดี เหมือนผ้าขาวกับผ้าดำ นรกกับสวรรค์ที่แตกต่างกันลิบลับ

    การเชื่อมบุญ ถือว่าเป็นการกระตุ้นบุญเก่าและสร้างบุญใหม่ไปพร้อมๆ กัน และส่งแรงบุญใหม่นี้ไปให้คนที่เกี่ยวข้องในเรื่องต่างๆ เป็นการมีบุญร่วมกัน

    เพื่อขออำนาจแห่งบุญบารมีที่มีร่วมกัน นี้ ช่วยให้ทำการติดต่อในเรื่องที่ติดขัดได้สะดวกยิ่งขึ้น ถ้าเป็นคนที่เคยมีบุญร่วมกันมาก่อนก็ง่าย เหมือนมีบุญเก่าไปกระตุ้น แต่ถ้าไม่เคยทำบุญหรือรู้จักกันมาก่อน ก็กลายเป็นบุญใหม่ที่เราเป็นคนสร้างขึ้นมาร่วมกันกับเขาจะเป็นตัวไปเชื่อม ให้เรื่องราวต่างๆ สำเร็จได้โดยง่าย ซึ่งขอย่ำอีกทีว่า ต้องสม่ำเสมอ นานพอและมากพอ

    เมื่อทำเชื่อมบุญแล้วยังไม่สำเร็จได้ แบบทันใจ อย่าเพิ่งท้อเป็นอันขาด ทำไปเรื่อยๆ รับรองว่าไม่นานนักจะต้องสำเร็จหรืออย่างน้อยจะพบทางออกที่ดีแน่นอน

    เรื่องนี้ธ.ธรรมรักษ์ ขอรับประกัน เพราะทำการเชื่อมบุญมาหลายเรื่องแล้ว สำเร็จทุกเรื่อง

    ทั้งเรื่องคดีความที่ดูเหมือนจะไม่จบ เรื่องการเงินที่ติดขัด เรื่องการงานที่มีปัญหามาก การซื้อขายที่ดิน ขายบ้าน เรื่องลูก เรื่องปัยหาครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด เรื่องการเจ็บป่วยที่ไม่รู้สาเหตุ ถึงแม้จะได้ผลไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ทุกเรื่อง

    ขอให้เชื่อมบุญเถอะครับ แล้วจะรู้ว่าบุญนั้นพลิกชีวิตเลยทีเดียว

    ในการเชื่อมบุญนั้นหลายท่านเคยถามด้วยความสงสัยว่า ทำการเชื่อมบุญในเวลาไหน ขอตอบตรงนี้เลยว่า เราสามารถทำได้ตลอดเวลา

    ทั้งในช่วงเวลาที่ไม่มีปัญหาเพื่อเพิ่มบุญ เพิ่มวงจรบุญให้เชื่อมติดทำอะไรก็สะดวก

    ทั้งในเวลาที่กำลังเดือดร้อนอย่างแสน สาหัส ซึ่งบางครั้งบุญของตนเองไม่พอก็มีวิธีการ “พึ่งบุญ” ซึ่งเป็นการเชื่อมบุญชั้นสูง (มีอยู่ในเล่มอย่างละเอียดขอให้อ่านไปเรื่อยๆ ก่อน)

    เราเชื่อมบุญได้ทุกครั้งที่มีการทำบุญ แต่ข้อสำคัญเราต้องสร้างบุญก่อน ไม่เช่นนั้นเราจะเอาอะไรไปเชื่อมบุญ!!!

    อย่าลืมว่าการทำบุญนั้นมีหลายทางอย่าง ที่บอกไว้แล้ว รวมถึงการให้ทานในทุกเรื่อง ทั้งเงินทอง อาหาร การหยอดเงินลงตู้ที่เดี๋ยวนี้มีคนนิยมมาบอกบุญมากมาย ทั้งการร่วมสร้างถาวรวัตถุทางพุทธศาสนา เช่น โบสถ์ วัดวาอาราม เป็นค่าอาหารกลางวันเด็ก คนพิการ คนชรา การออกแรง การให้ความรู้ การพิมพ์หนังสือธรรมทาน รวมถึงการรักษาศีล และการทำสมาธิภาวนาฯลฯ เรียกได้ว่า เรามีโอกาสทำบุญ ทุกเวลาและทุกโอกาส

    แม้แต่การให้อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารกับคนในบ้าน ทำอาหารให้ผู้มีพระคุณ เป็นเรื่องของบุญทานทั้งนั้น และเมื่อเราได้ทำบุญทานเหล่านี้แล้ว ก็ควรทำการเชื่อมบุญทันที เหมือนเป็นการเก็บสะสมบุญให้เป็นกองใหญ่ เป็นกองทุนบุญให้มีพลังที่จะเป็นเชื่อมบุญกับคนหรือสิ่งที่เราต้องการ ย้ำทำได้ทุกที่ ทุกเวลา

    อยู่ที่เราจะตั้งสัจจะอธิษฐาน จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที ในทุกเช้าเมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะทำอะไรก็ตามควรจะสวดมนต์ไหว้พระ หรืออย่างน้อยตั้งสมาธิ สวดมนต์ อาราธนาศีล สมาทานศีล ๕ เท่านี้เราก็ได้บุญ มีบุญแล้วก็ทำเชื่อมบุญได้ทันทีทันใด ไม่มีการสิ้นเปลืองอะไรเลยแม้แต่น้อย นอกจากใช้เวลาไปไม่มากนัก

    หรือการที่เราทำสมาธิภาวนาสั้นๆ ในแต่ละช่วงเวลาของวัน ก็สามารถเชื่อมบุญเหล่านี้ไปได้เหมือนกัน ในห้องนอน ทั้งในรถ ในที่ทำงาน ทำได้ทั้งสิ้น

    การเชื่อมบุญไม่มีการจำกัดเวลาและสถานที่ ว่างเมื่อใดทำได้เมื่อนั้นและเกิดผลเมื่อนั้นทันทีเช่นกัน

    หลายคนสงสัยอีกว่า เราเชื่อมบุญไปให้พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วท่านเหล่านั้นจะได้รับบุญหรือไม่เรื่องที่เป็นจุด มุ่งหมายในการทำบุญ เพื่ออุทิศบุญไปให้ผู้ที่ตายไปแล้วนั้น น่าจะเป็นจุดมุ่งหมายแรกๆ ของผู้ที่ทำบุญกันทุกคน

    บุญกุศลที่ทำให้ผู้ตายนั้นไม่ว่าจะเป็น ใคร พ่อ แม่พี่น้อง บรรพบุรุษหรือคนที่เรารักที่เพื่อที่จะให้เขาได้รับบุญที่เราส่งไปให้นั้น เราเป็นผู้ส่งแต่ผู้รับนั้นต้องมีเงื่อนไขหลายประการสำคัญถึงจะรับได้ ในทางพระพุทธศาสนานั้นมีระบุไว้ชัดเจนใน พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ พอจะสรุปใจความว่า

    เปรตหรือผู้รับต้องยอมรับหรือ อนุโมทนาบุญที่เราส่งไปให้เขาก็จะได้รับ ถ้าเขาไม่รู้ หรือไม่รับไม่ชื่นชมก็ไม่มีทางรับบุญนั้นได้ อีกทั้งไม่อยู่ในสภาวะที่รับได้ก็จะรับไม่ได้เพราะอยู่ในภพภูมิที่ต่ำมาก เพราะถูกลงโทษอยู่ในนรกก็ไม่สามารถรับบุญได้เช่นกัน

    สำหรับพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าท่านเปิดรับท่านก็รับได้ ยิ่งเป็นการเพิ่มบุญให้ท่านมีบุญบารมี และมีความสุขในภพภูมิของท่าน รวมถึงในพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ท่านจะได้มีบุญเพิ่มมากๆ และช่วยเหลือ คน ดวงจิตวิญาณต่างๆ ได้มาก ถือวาเราได้ร่วมสร้างบุญใหญ่กับท่าน ขอให้อุทิศบุญ เชื่อมบุญไปให้กับท่านเหล่านั้นเยอะ รับรองว่าดีแน่

    ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งบอกไว้ว่า สำหรับคนตายที่สะสมกรรมดีมากได้ไปเกิดในภพภูมิเทวดานั้น แม้ท่านจะมีความสุข มีอาหารทิพย์ แต่ถ้าท่านทราบว่าญาติพี่น้องทำบุญแล้วอุทิศให้ท่าน ท่านก็ยินดีรับ ท่านก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย บุญก็เกิดแก่ผู้ทำและผู้รับเช่นกัน แต่ถ้าท่านไม่รับไม่ชื่นชม ก็เหมือนกับเปรตคือ ไม่ได้บุญนั้นเช่นกัน

    แต่การอนุโมทนาของเปรตกับเทวดานั้นต่าง กัน เทวดาอนุโมทนาแล้วบุญก็เกิดเทวดาเท่านั้น แต่สำหรับเปรตนั้น เมื่อเปรตอนุโมทนาแล้ว นอกจากบุญจะเกิดแก่เปรตแล้ว เปรตยังได้รับข้าวของอันสมควรแก่ฐานะของเปรต ตรงตามที่ผู้อุทิศไปให้ด้วย

    เช่น มีผู้ถวายอาหารแล้วอุทิศให้เปรต เปรตอนุโมทนา ก็จะได้รับอาหารอันสมควรแก่ฐานะของเปรตด้วย ทำให้เปรตอิ่มหนำสำราญ พ้นจากความหิวโหย หรือเราถวายผ้า เปรตก็จะได้รับผ้าทิพย์ปกปิดร่างกาย ทำให้พ้นจากสภาพเปลือยกายได้ เราถวายน้ำแล้วอุทิศให้ เปรตก็ได้ดื่มน้ำทิพย์พ้นจากความหิวกระหายด้วยอำนาจของการอนุโมทนา

    การอุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตนั้น มิใช่หยิบยื่นของส่งให้ เพราะบุญเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เกิดที่ใจ เมื่อใดที่ใจเกิดบุญ ใจก็จะผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เพราะฉะนั้น ธรรมชาติของบุญก็คือเป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

    แต่มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งท่านบอกวิธี ที่จะคนตายนั้นรับบุญได้แน่นอนถ้ายังไม่ไปเกิด คือ การฝากบุญนั้นไว้กับท่านพระยายามบาล พระแม่ธรณี เพราะเมื่อผู้ตายนั้นรับทุกข์จนถึงวาระแล้ว กรรมนั้นก็ต้องหมดลงไป ก็จะมีโอกาสที่จะรับบุญได้เพราะได้เลื่อนภพภูมิแล้ว

    เราต้องเข้าใจว่าสัตว์โลกนั้นย่อมเป็น ไปตามกรรม ใครทำได้ย่อมได้ดีไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ถ้าหากทำชั่วก็ต้องไปอยู่ในภพภูมิที่มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก ต้องรับผลกรรมที่ทำมา ใครจะมารับแทนไม่ได้ หรือจะช่วยให้พ้นทุกข์นั้นไม่ได้

    หลายคนบอกว่ามีบรรพบุรุษหรือแม้กระทั่ง ดวงจิตวิญญาณที่เราไม่รู้จักมาเข้าฝันหน้าตาอิดโรยบอกว่า อยากกินโน่นอยากกินนี่ อาหารที่เขาเคยชอบเหมือนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

    ดังนั้นคนที่บอกว่าทำอาหารที่คนตายชอบ ส่งไปให้นั้น เขาไม่ได้รับอาหารแบบนั้นหรอกไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปลาช่อน ไก่ย่าง ขาหมูอะไรที่เราเข้าใจกันผิดๆ ที่เขามาบอกอย่างนั้น

    เราต้องรู้ว่า บุญที่ส่งไปให้นั้นเป็นของทิพย์ ทำให้เขาเหล่านั้นมีความสุขมากขึ้นในระดับหนึ่งทั้งเสื้อผ้าทิพย์ น้ำทิพย์ อาหารทิพย์ที่เขาได้รับนั้นไม่เหมือนกับอาหารที่เรากินหรือที่เราทำบุญ

    แต่ที่เขามาปรากฏตัวมาขออาหารเหล่านั้น เพราะเขายังติดอยู่ในเรื่องจริตเดิมที่ก่อนตายเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น การที่เราเอาอาหารที่เขาชอบมาทำบุญนั้นก็ไม่ผิดแต่อย่างไร ยิ่งเป็นการแสดงเจตนาที่แรงกล้าที่จะช่วยส่งบุญนั้นไปถึงคนตายได้ ยิ่งพยายามทำมาก บุญนั้นก็มาก

    แต่เราต้องพิจารณาด้วยปัญญาด้วย ว่าคนที่กินอาหารนั้นในความเป็นจริงเป็นใครกันแน่ ระหว่างผีกับพระสงฆ์ ที่เห็นได้ จับต้องได้ ท่านฉันอาหารเข้าปากให้เห็นกันต่อหน้าเลย

    เราต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสมด้วย พระสงฆ์บางรูปท่านมีอายุมากแล้ว ท่านควรจะฉันอาหารประเภทใด ท่านเป็นคนเหมือนเราทุกอย่าง เพียงแต่ท่านสละแล้วทางโลกมุ่งปฏิบัติธรรม

    อาหารที่มาทำบุญนั้น ควรจะส่งเสริมให้ท่านเจริญในธรรมได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะอาหารเหล่านั้นทำให้ท่านเกิดเป็นโรคต่างๆ ทั้งท้องเสีย เบาหวาน ไขมันอุดตันในเลือดขอฝากไว้ให้ทุกท่านได้เข้าใจตามความเป็นจริงในข้อนี้ด้วย

    สำหรับคำถามที่ว่า จะเชื่อมบุญในเรื่องอะไรได้บ้าง

    ขอตอบว่า เราสามารถสร้างบุญและเชื่อมบุญไปได้ทุกเรื่องที่เราต้องการ หากเราต้องการที่จะให้แรงบุญที่เราทำนั้น ช่วยเราให้ดำเนินการในเรื่องใดให้สำเร็รลุล่วง เราก็ต้องการเชื่อมบุญในเรื่องนั้น กับคนที่เราอยากจะให้เห็นผลขึ้น

    เราต้องการที่จะเชื่อมบุญในเรื่องใดก็ ต้องเจาะจงไปในเรื่องนั้นๆ อย่าบอกไปกันรวมๆ พลังบุญที่เราทำมันอาจจะพุ่งตรงไปถึงจุดหมายไม่ได้ หรือไม่มีแรงพอ เพราะมันจะกระจัดกระจายกันปนเปไปหมด ควรทำที่ละเรื่องๆ เราทำการเชื่อมบุญได้หลายครั้งไม่จำกัดในแต่ละวันอยู่แล้ว
     
  17. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    อานิสงส์ของการทำบุญ



    ถวายกฐิน เป็นสุดยอด ของทาน เป็นทานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้กับมนุษย์ เพราะบุญที่เกิดขึ้นจะปรากฏแก่ผู้ให้และผู้รับเป็นบุญที่หาที่สุดไม่ได้ เมื่อดับขันธ์แล้วจะไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สถิตอยู่ในวิมานแก้วสูง ๕ โยชน์ มีนางเทพอัปสรเป็นบริวารถึง ๑ หมื่นเป็นเทพที่ได้นุ่งผ้าทิพย์ ด้วยอานิสงส์แห่งการทำกฐินนี้เอง (วัดที่จะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษาครบตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไปเท่านั้น)

    ถวายผ้าป่า อานิสงส์ทำให้ มีความสุข มีความสมัครสมนาสามัคคี ชีวิตไม่ตกต่ำทั้งภพนี้และภพหน้า มีกินมีใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ ทั้งหญิงและชายจะอุดมได้ด้วยโภคทรัพย์ด้วยเครื่องอลังการทั้งข้าวของเงินทอง และข้าทาสบริวารชายหญิงมิได้ขาด เมื่อดับขันธ์ไปแล้วจะเกิดในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    ถวายองค์พระพุทธรูป อานิสงส์ สร้างบารมี มีศักดิ์มีศรีเป็นที่รักและเคารพทั้งเทพและเทวดา ตลอดจนทั้ง ๓ โลก เมื่ออยู่ในโลกทิพย์จะมีรัศมีกายที่สว่างไสวเมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่าง อันงดงามอวัยวะครบถ้วนทั้ง ๓๒ ประการ ทำให้บุคคลผู้นั้นหลุดพ้นจากภยันตราย อันตรายต่างๆ เมื่อดับชีพแล้วจะไม่ไปสู่อบายภูมิ เมื่อยังชีพอยู่ย่อมจะเจริญก้าวหน้าและถึงสิ้นความสำเร็จทั้งปวง สามารถตั้งจิตอธิฐานเข้าสู่พุทธภูมิได้

    ถวายเครื่องบวชพระ (เป็น เจ้าภาพการบวช) ได้รับอานิสงส์อันหาขอบเขตมิได้ บุญกุศลจะถึงบิดา-มารดา บรรพบุรุษ เคราะห์หามยามร้ายจะหมดไป ย่อมได้รับอานิสงส์อันไพศาลทั้งภพนี้และภพหน้า ตราบเข้าสู่พระนิพพาน

    ถวายปัจจัยภิกษุอาพาธ อานิสงส์จะทำให้สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดี ทั้งภพนี้และภพต่อๆ ไป

    ถวายข้าวสาร อานิสงส์จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดแคลนในทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ

    ถวายคำสาธารณูปโภคในวัด (ค่าน้ำ-ค่าไฟ) ทำให้เกิดแสงสว่างสำเร็จซึ่งทิพยจักษุในชีวิตสว่างไสวและร่มเย็นเป็นสุข มีกินมีใช้อุดมสมบูรณ์ทุกๆ ประการ

    ถวายสังฆทาน อานิสงส์ไม่ มีโอกาสได้พบสิ่งที่ลำบากยากแค้น มีแต่ความสุขสมบูรณ์ทั้งภพนี้ และภพหน้า แม้ไปเกิดในภพไหนก็มีแต่ความสุขความเจริญ บริบูรณ์ไปด้วยลาภยศ โภคทรัพย์ พ้นทุกข์ทั้งปวงเสวยสุขสมบัติทั้ง ๓ ประการ อย่างเพียบพร้อม คือ มนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เมื่อสิ้นอายุจะเกิดเป็นเทพบุตรเทพธิดา สถิตอยู่ในวิมานทองบนสวรรค์ แม้บุคคลนั้นเข้าสู่นิพพานและอานิสงส์ยังไม่หมดสิ้น
    ถวายสร้างหลังคาวิหาร อานิสงส์ จะมีความสุข ความเจริญที่สมบูรณ์ทั้งภพนี้และภพหน้ามีผู้คอยปกป้องดูแลรักษา คอยช่วยเหลือคุ้มครองเมื่อมีภัยมาคุกคามเมื่อสิ้นอายุขัยจะปรากฏในสรวง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อุดมด้วยวิมานแก้ว วิมานทอง พร้อมบริวาร

    ถวายธรรมมะ (หนังสือสวดมนต์) จะเป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม สามารถรู้และเข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้ดีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ชีวิตไม่ตกต่ำ สามารถเข้าสู่ปกระแสนิพพานได้เร็ว

    สร้างเวจกุฎี (สร้างส้วม) ให้วัด อานิสงส์จะไม่มีความทุกข์โศกโรคภัยเลย เพราะสร้างที่ปลดทุกข์ให้กับมนุษย์ จะมีความสุขความสบายทั้งภพนี้และภพต่อๆ ไป

    ซื้อที่ดินถวายวัด อานิสงส์ ผลบุญนี้ จะทำให้มีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ไพศาลอีกทั้งมีทรัพย์และบริวาร เมื่อดับขันธ์ไปแล้วจะมีวิมานที่กว้างใหญ่ไพศาลพร้อมด้วยบริวาร มีความสุข ความเจริญทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ จนถึงพระนิพพาน

    ถวายทุนการศึกษาพระปริยัติธรรม อานิสงส์สามารถเรียนรู้เข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรมได้ง่ายศึกษาพระไตรปิฎกสำเร็จโดยเร็ว สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ง่าย

    ถวายกองเพล (บูชา) จะมี ชื่อเสียง มีเกียรติภูมิทั่วทั้ง ๓ โลก เป็นที่เคารพรักทั้งพรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก ถ้าไปเกิดบนสวรรค์ก็จะได้เสวยทิพยสมบัติ เสยสุขชั่วกาลนาน

    ถวายระฆัง จะมีเสียงดังกังวาน ไพเราะสดใส มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วทั้ง ๓ โลก

    ถวายพระไตรปิฎก ทำไห้เป็น ผู้มีปัญญาเลิศล้ำ สามารถที่จะมองเห็นภพภูมิตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ มีอานิสงส์ที่จะประมาณได้ หากได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็จะได้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว ดวงแก้ว จักรแก้ว และชั้นดุสิต บริบูรณ์ด้วยวิมานปราสาทแก้ว ถึง ๘๔,๐๐๐ ปรางค์ นับว่าเป็นอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่สุดประมาณ

    สร้างพระอุโบสถ เป็น อานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล เมื่อยังชีพอยู่ก็เจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ มีผู้คนชื่นชมยกย่องอุดมไปด้วยเกียรติลาภยศ เต็มไปด้วยความองอาจกล้าหาญเสมอไปทุกที่ เมื่อสิ้นชีพดับขันธ์แล้วจะเสวยสุขอยู่ในสรวงสวรรค์อันเป็นบรมสุข

    สร้างกุฏิ เป็นการส่ง เสริมบำรุงพระพุทธศาสนาเพราะเป็นการสร้างที่พำนักอาศัยของพระภิกษุสามเณร จะเป็นบารมีอันยิ่งใหญ่เมื่อเป็นมนุษย์เมื่อสิ้นอายุขัยแล้วจะเกิดบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ สถิตอยู่ในวิมานอันงดงามด้วยแก้ว ๗ ประการ แวดล้อมด้วยนางฟ้า นางเทพอัปสรเป็นบริวารเสวยสุขย่างเกษมสำราญ ชั่วกาลนาน

    สร้างศาลา สำหรับเป็นที่ ปฏิบัติธรรมและที่พักสำหรับพระภิกษุสงฆ์และกำบังแดดฝนให้คนทั้งหลายที่สัญจร ไปมา ย่อมให้เกิดอานิสงส์ทั้งภพนี้และภพหน้า ย่อมอุดมไปด้วยบุญกุศล ถึงซึ่งความสำเร็จที่ปรารถนา

    สร้างเจดีย์ (บูรณะเจดีย์) จะ เป็นกุศลจริยาอันประเสริฐ ก่อเกิดประโยชน์สุขแก่ชีวิตคนอย่างมหาศาล เพราะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ให้คนทั่วไปได้สักการบูชาอานิสงส์ผลบุญนี้ ย่อมประสบความสุขความเจริญบริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ และลาภยศ สรรเสริญ ทั้งภพนี้และภพหน้า

    บูรณปฏิสังขรณ์ ถือเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา ศาสนสถานถือเป็นอานิสงส์ผลบุญอันยิ่งใหญ่ นำความสุขความเจริญทั้งภพนี้ภพหน้า จนเข้าสู่พระนิพพาน

    ไถ่ชีวิตโค กระบือ อานิสงส์ มีอายุที่ยืนยาวปราศจากสรรพทุกข์สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เรื่องคับแค้นใจจะคลายและหายไปเป็นที่เคารพเมตตาทั้ง ๓ โลก (เพราะโค กระบือ เป็นสัตว์ใหญ่ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เช่นเดียวกับมนุษย์ อยู่ติดใกล้ชิดกับมนุษย์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างแม่ลูก เหมือนดั่งมนุษย์) เรื่องทุกข์โศกหมดไป

    ปล่อยนก อานิสงส์จะมีอิสรภาพในชีวิตไม่ต้องถูกจองจำ สามารถเดินทางโดยสวัสดิภาพ คดีความจะหลุดรอดพ้นภัย

    ปล่อยปลา อานิสงส์ให้ ชีวิตพ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีชีวิตยืนยาว (อานิสงส์ในการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ปล่อยนก ปล่อยปลานี้ เป็นการให้ชีวิตทั้ง ๓ ทาง คือ สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก (อากาศ) ถือว่าเป็นการทำครบสูตรทุกประการ คือเป็นการสะเดาะเคราะห์อันยิ่งใหญ่)

    ถวายโลงศพ อานิสงส์ดับทุกข์โศกโรคภัย สิ่งอัปมงคลต่างๆ มลายไป มีอายุที่ยืนยาว รอดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

    ปัจจัยให้ผู้ป่วยอนาถา อานิสงส์จะมีสุขภาพดี แข็งแรงทั้งภพนี้และภพต่อๆไป มีผิวพรรณวรรณะสดใส ทั้งกาย-ใจ อุดมสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน

    ให้ทุนการศึกษา นักเรียนนักศึกษา อานิสงส์ทำให้เป็นผู้รู้ เป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมไม่ตกต่ำในทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ อานิสงส์ถึงลูกหลานวงศ์ตระกูล

    มูลนิธิผู้พิการตาบอด อานิสงส์ทำให้มีดวงตาที่แจ่มใส สามารถมองเห็นสัจธรรมได้ทิพยญาณ (จักษุ) มีความสุขทุกภพทุกชาติเข้าสู่กระแสนิพพานได้ง่าย

    มูลนิธิผู้พิการหูหนวก อานิสงส์ทำให้ได้ทิพยโสต (หูทิพย์) ล่วงรู้ถึงจิตใจคน สามารถสำเร็จญาณเข้าสู่กระแสพระนิพพานได้ง่าย

    บริจาคโครงการสาธารณภัย แจกทานผ้าห่ม อานิสงส์จะมีแต่ความสุขสมบูรณ์ มีแต่ความอบอุ่น ไม่ขาดแคลนในทุกภพชาติ บุญกุศลถึงบุตรหลานบริวาร

    แจกยาสามัญประจำบ้าน สุขภาพจะสมบูรณ์แข็งแรง ไม่รู้จักเจ็บป่วยทุกภพทุกชาติ

    แจกเสื้อผ้า อานิสงส์จะมีเครื่องแต่งกายที่เป็นทิพย์มีความสวยสดงดงามมีรัศมีกาย

    อานิสงส์ของการทำบุญขอนำเรื่องที่ท่านหลวง พ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ศิษย์เอกของหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ท่านเล่าไว้นานแล้ว แต่ยังน่าฟังและใช้ได้ตลอดกาล จึงกราบเรียนขออนุญาตท่านไว้ ณ ที่นี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นธรรมทาน เรื่องมีอยู่ว่า
    “..เรื่องพระสารีบุตร จาก พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ หน้า ๑๖๑ เมื่อพระสารีบุตรท่านเจริญพระกรรมฐานเป็นที่สบายอารมณ์แล้ว ท่านไปแดนเปรตพบหญิงเปรตคนหนึ่งผอมมีแต่ซี่โครง เปลือยกายมีเส้นเอ็นสะพรั่ง ท่านจึงถามว่า
    “เธอเป็นใคร”
    การถามแบบนี้แสดงว่าท่านทราบว่าเปรตนั้นเป็นใคร แต่ระเบียบของพระรู้แล้วต้องทำเป็นไม่รู้ ระเบียบนี้พระพุทธเจ้าทรงใช้เป็นปกติ
    เปรตตอบว่า
    “เมื่อก่อนในชาติที่ผ่านมาแล้ว ๑๐๐ ชาติ ฉันเป็นมารดาของท่าน เวลานี้ฉันหิวมาก มีความกระหายในอาหาร เมื่อความหิวเกิดขึ้นก็กินน้ำลาย เสมหะ นํ้ามูก ที่เขาถ่มทิ้ง กินไขมันเหลวจากซากศพที่เขาเผา กินโลหิตของหญิงทั้งหลายที่คลอดบุตร เป็นต้น
    ลูกเอ๋ย ลูกจงให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้แม่บ้าง แม่จะได้เลิกหิวเสียที”
    พระสารีบุตรท่านตั้งใจจะช่วยมารดาเมื่อท่านรับรองว่าจะช่วยแล้วท่านก็มาปรึกษากับพระโมคคัลลานะ พระอนุรุทธ พระกับปินะหรือที่ชาวบ้านหรือพระนักเทศน์เรียกว่า“พระกบิน”ท่านทั้งหมดช่วยกันสร้างกุฏิ ๔ หลังใน ๔ ทิศ (สร้างกุฏิเพิงหมาแหงน)
    และถวายข้าวหยิบมือหนึ่ง กับข้าวหยิบมือหนึ่ง ใส่ใบไม้ และนํ้าหนึ่งฝาบาตร ผ้ากว้างคืบ ยาวคืบ หนึ่งผืน ถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานและวิหารทาน แล้วร่วมกันอุทิศส่วนกุศลให้มารดาพระสารีบุตร (มารดาคนนี้เคยเป็นมารดาพระสารีบุตรเมื่อ ๑๐๐ ชาติที่แล้วมา ไม่ใช่มารดาในชาติปัจจุบันของท่านซึ่งก่อนตายท่านเป็นพระโสดาบัน)
    เมื่ออุทิศส่วนกุศลให้แล้ว อานิสงส์บังเกิดดังนี้
    ถวายข้าวและนํ้า ทำให้เธอได้ร่างกายที่เป็นทิพย์
    ถวายผ้าคืบยาวคืบ เป็นเหตุให้เธอได้เครื่องประดับที่เป็นทิพย์
    ถวายกุฏิเพิงหมาแหงน เป็นเหตุให้เธอได้วิมานที่สวยงามมาก
    ถวายนํ้า ๑ ฝาบาตร เป็นเหตุให้เธอได้สระโบกขรณี
    เมื่อยามราตรีเธอก็ปรากฏกายพร้อมทั้งวิมานและสระโบกขรณีให้พระโมคคัลลานะเห็น
    ท่านก็ถามว่า “เป็นใคร”
    เธอตอบว่า
    “ฉันคือมารดาพระสารีบุตรที่เป็นเปรต ที่พระสารีบุตรถวายสังฆทานและพระคุณเจ้าช่วยกันสร้างกุฏิถวายสงฆ์แล้วอุทิศ ส่วนกุศลให้”
    แสดงว่าคนฉลาดรู้จักทำบุญไม่ต้องสิ้นเปลืองมาก ก็ได้รับอานิสงส์สูง เมื่อให้เขา เขาได้รับ เราผู้ทำก็มีผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อให้ใครก็ตามผู้รับก็มีผลไม่บกพร่อง..”
    โปรดอย่าลืมว่า การทำบุญที่ได้บุญมากนั้น “เจตนา” นั้นสำคัญมาก เป็นแรงส่งชั้นดี การทำบุญด้วยวัตถุอันเลิศ ให้กับบุคคลอันเลิศ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองใดๆ ทำไปด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่มั่นคง ประกอบด้วยศรัทธาอันดี ถึงพร้อมด้วยปิติเบิกบานใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2011
  18. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    ให้สังเกตความเย็น-ความร้อนของจิตเมื่อถูกกระทบ

    ๑. “ให้รักษาความเย็นของจิตเป็นสำคัญ ร่างกายอย่างไรก็ไปไม่รอดแน่ การปฏิบัติธรรมจักได้ผลก็ต่อเมื่อจิตเย็นสนิท ไม่มีอาการรุ่มร้อนไปด้วยไฟ เมื่อนั้นปัญญาก็จักเกิดขึ้นพิจารณาในธรรมได้ตลอด

    ๒. “จิตที่เย็นสนิท คือจิตที่พิจารณากฎของกรรม แล้วยอมรับความเป็นจริงของขันธ์ ๕ โดยไม่ดิ้นรน นั่นแหละความสงบของจิตจักเกิดเป็นความเย็นได้โดยที่สุด มิต้องไปใช้อย่างใดมาบังคับจิตให้เย็นเลย”

    ๓. “เรื่องความร้อนใจของจิต จักเห็นได้ชัดเมื่อมีสติ-สัมปชัญญะกำหนดรู้ในจิตด้วยตนเอง จุดนี้สำคัญมาก เพราะส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มรรคผลตามที่ต้องการ เพราะความใจร้อนเป็นสาเหตุ

    ๔. “แม้แต่คุณหมอก็เช่นกัน พึงสำรวจอารมณ์ตัวนี้ไว้ว่ามี ในจิตหรือไม่ ความใจร้อนมันบวกอยู่ในอารมณ์ท้อแท้ ให้ลองสำรวจอารมณ์ของใจอย่างจริงจัง จักพบจุดบกพร่องของจิตในกรณีนี้ แล้วพึงให้แก้ไขเสียจึงจักเจริญธรรมได้ผล


    ความเมตตาท่านดั่งมหาสมุทร
    ประเสริฐสุดมากมายกว่าสิ่งไหน
    หลั่งไหลมาเหมือนฝนชุ่มชื่นใจ
    จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แผ่นดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2011
  19. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    <center> เพราะจิตวุ่น จึงไม่ว่าง ... เพราะจิตว่าง จึงสงบเย็นและผ่องใส !!

    </center>
    เพราะจิตวุ่น จึงไม่ว่าง ... เพราะจิตว่าง จึงสงบเย็นและผ่องใส !!

    [​IMG]


    ธรรมะเปรียบประดุจดังสายน้ำที่เย็นฉ่ำ นำมาซึ่งความชุ่มชื่นแก่จิตใจ ผู้ที่รู้จัก
    ทำจิตว่าง ก็จะมีแต่ความสงบเย็น และมีผิวพรรณผ่องใส

    คำว่า “จิตว่าง” เป็นอีกคำหนึ่ง ที่มักจะเข้าใจผิดกันไปต่าง ๆ นานา เหมือนกับ
    คำว่า “สันโดษ”

    บางคนเข้าใจผิดว่า “จิตว่าง” หมายถึง ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉย ๆ



    จิตว่าง หมายถึง อะไร

    [​IMG]

    ความว่างนั้น ตรงกับภาษาบาลีว่า “สุญญตา”

    จิตว่าง หมายถึง จิตที่ว่างจากกิเลสตัณหา ไม่เจือด้วย โลภะ โทสะ
    โมหะ เป็นจิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น จิตที่บริสุทธิ์ จิตที่มีสติ

    จิตวุ่น เป็นคำตรงกันข้ามกับจิตว่าง การปรุงแต่งเป็นเหตุให้จิตวุ่น นั่นเอง และ
    ทำให้เป็นทุกข์

    คนเราธรรมดามีจิตว่างอยู่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ใช่จิตวุ่นเป็นพื้นฐาน


    การทำงานด้วยจิตว่าง หมายถึง อะไร

    [​IMG]

    การทำงานด้วยจิตว่าง หมายถึง การทำงานด้วยความมีสติ จิตใจไม่วอกแวก
    เหม่อลอย ปราศจากกิเลสตัณหา มีความมุ่งมั่นในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ


    พระพุทธภาษิตเกี่ยวเนื่องที่สำคัญ

    มีพระพุทธภาษิตคู่กันที่ว่า “สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา” สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
    สัง แปลว่า พร้อม, ขาร แปลว่า ทำ, สังขาร แปลว่า ทำพร้อม คือทำไม่หยุด
    ทำทุกอย่าง ซึ่งเราเรียกง่าย ๆ ว่าปรุง, สังขาร แปลว่า ของปรุง หรือของที่ถูกปรุง
    แล้วปรุงสิ่งอื่นต่อไป ทำให้มีแต่วุ่น

    สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ก็หมายความว่า ความวุ่นไม่หยุด คือ ปรุงเรื่อยไม่หยุด
    นั้นเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง

    และ “นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง (นิพพาน คือความดับสนิท
    หรือความเย็นสนิท หรือความว่างอย่างยิ่ง)

    ความวุ่นจริง ๆ นั้น อยู่ที่ใจ ทำให้เกิดทุกข์ เพราะคนเราชอบนำไปคิดปรุงแต่ง นั่นเอง


    คนเราชอบหลงในของที่เป็นคู่กัน

    การที่คนเราชอบนำไปปรุงแต่งนั้น ก็เพราะความหลงอยู่ในของที่เป็นคู่กัน เช่น
    เรื่อง ดีเรื่องชั่ว, เรื่องบุญเรื่องบาป, เรื่องสุขเรื่องทุกข์, ความมีความจน, ได้ลาภ เสื่อมลาภ, ความเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ, การได้การเสีย, ความรักความเกลียด, ความพอใจความไม่พอใจ,
    ของไพเราะของไม่ไพเราะ, ของสวยของไม่สวย, ของหอมของเหม็น เป็นต้น

    บรรดาของคู่กันข้างต้นนั้น อาจสรุปให้เหลือเพียงคู่เดียวก็ได้ ก็คือ คุณและโทษ

    ของทุกอย่าง มีทั้งคุณและโทษเสมอ คนโง่เท่านั้นที่จะไปเห็นมันแต่เพียง
    ด้านเดียว ว่าเป็นคุณอย่างเดียว หรือเป็นโทษอย่างเดียว

    ยกตัวอย่าง ถ้าไม่มีดี ความชั่วก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะมีความชั่วมา เทียบเคียง
    ความดีจึงเป็นของมีค่าขึ้นมา

    ความสุขกับความทุกข์ก็เหมือนกัน เพราะมีทุกข์มาเทียบ ความสุขจึงกลายเป็น
    ของดีของแพง

    เพราะเหตุที่เป็นคู่ ๆ จึงเท่ากับมาเสนอให้เราเลือกเกลียดข้างหนึ่ง แล้วเลือกรัก ข้างหนึ่ง
    นั่นแหละคือความหลง คือกิเลสตัณหา

    ถ้าเมื่อใด เราเกิดความฉลาดขึ้นมา ไม่เอามันเสียทั้งสองอย่าง เมื่อนั้นแหละ
    เราจึงจะว่าง

    ดีเราก็ไม่รัก ชั่วเราก็ไม่เกลียด เราอยู่เฉย ๆ ก็เป็นความว่าง สุขเราก็ไม่อยาก
    ทุกข์เราก็ไม่เกลียด เราอยู่เฉย ๆ มันก็เป็นสันติ หรือเป็นความว่าง หรือเป็นนิพพาน

    ผู้ที่ลุถึงนิพพาน มีจิตใจไม่หลงใหลอยู่กับสิ่งที่เป็นคู่ แต่อยู่เหนือความเป็นคู่
    คือ ความว่าง นั่นเอง

    แต่ถ้าเราไปหลงใหลในความสุข ซึ่งที่แท้ไม่ใช่ความสุข หมายถึงโลกียสุข
    ยังเป็นของลวง เป็นของคู่กับความทุกข์ หาใช่นิพพานไม่

    พระพุทธองค์แม้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังทรงอยู่ด้วยความว่าง การทรงอยู่
    ด้วยความว่างชนิดนั้นของพระพุทธองค์ นั้น เรียกว่า “สุญญตาวิหาร”

    ความว่างนั่นแหละเป็นหัวใจแท้ของพระพุทธศาสนา !!


    [​IMG]


    ฉะนั้น จิตที่ปราศจากกิเลสตัณหา, การปรุงแต่งใด ๆ, จิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น, จิตที่บริสุทธิ์, จิตที่มีสติ จึงเป็นจิตที่ว่าง หากผู้ใดมีจิตว่าง ไม่ต้องยึดให้เกิด เป็นโทษหรือเป็นคุณ ให้เกิดความรักหรือความเกลียดแล้ว ก็จะมีแต่ความสงบเย็น และการเป็นอยู่ด้วยความว่าง นั่นเอง ที่ทำให้ผิวพรรณ ผ่องใส



    จึงควรทำจิตใจของเราให้เป็นจิตว่างด้วยกันทุกคน


     
  20. usagizz

    usagizz สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    รบกวนช่วยดูดวงให้ด้วยนะคะ

    เกิดวันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2528 เวลาประมาณ4.30 ปีฉลู

    อยากถามดวงเรื่องความรักโดยรวมค่ะค่ะ ว่ามีโอกาสเจอเนื้อคู่ตอนอายุประมาณเท่าไร มีโอกาสได้แต่งงานไหม ..อยากทราบลักษณะนิสัยของเนื้อคู่โดยรวมค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...