ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ดูจากความน่าจะเป็นกระผมว่ามันใกล้จะถึงเวลาของเจ้ากรรมนายเวรนั้นกำลังจะกลับมาเอาของๆเขาคืนแล้วซินะ..จากกรรมของคนไทยที่กำลังจะฆ่ากันเองหรือฆ่าอยู่ในขณะนี้และกำลังทำลายรากฐานของประเทศไทยที่สร้างกันมาแต่โบราณ

สิ่งที่จะรอดพ้นวิกริตนี้ได้คือการอยู่อย่างมีสติ เหตุและผลการแบ่งปันความรัก มิเช่นนั้นเหตุการเหล่านี้เกิดขึ้นจริงตามที่ว่า....ท่านอาจ...จะประสาท..รับประทานได้นะขอรับ

ปล.หมั่นเพียรสร้างและสะสมบุญเอาไว้ให้มากแล้วผลบุญนั้นจะช่วยท่านในยามคับขัน

แต่ก็อย่าพึ่งเกิดในเวลาใกล้ๆนี้นะครับ...ขอถัดไปอีกสัก 10 ปีก็ดีนะ....ToT..กำลังเก็บตัง..ไปอยู่ต่างจังหวัด..


ถามนิดนะครับคุณ เกษม อายุอานามเท่าแล้วครับ..ผมเห็นข้อมูลเอามาลงมากมาย..และสนใจทางด้านภัยพิบัติที่จะเกิดเลยอยากรู้ว่าเท่ากับผมหรือเปล่า..ส่วนผม 29 ขวบครับ

 

ตอนนี้ผมอายุ 50 ปีแล้วครับ แต่สนใจเรื่องของภัยพิบัติ และรวบรวมข้อมูลเรื่องนี้มาตั้งแต่อายุ 25 ปีครับ

 

พบแหล่งแร่ทองคำ 76 แห่ง ใน 31 จังหวัดของไทย​

​

กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. - พบแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย 76 แห่ง ใน 31 จังหวัด ปริมาณทองคำบริสุทธิ์ 700 ตัน น้ำหนักทองคำกว่า 45 ล้านบาท มูลค่า 9 แสน 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี นอกจากนี้ ยังพบการสะสมแบบลานแร่ที่ใช้วิธีร่อนในอีกหลายพื้นที่ประมาณ 24 ตัน โดยเฉพาะที่จังหวัดลำปางและตาก ซึ่งมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาเป็นเหมืองแร่ทองคำได้

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีไปทำแผนบริหารจัดการแหล่งแร่ดังกล่าว ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและเปิดให้สัมปทานต่อไป รวมทั้งกำชับให้ศึกษาถึงกระบวนการผลิตเพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมด้วย .-สำนักข่าวไทย

2009-12-08 12:33:27

ที่มา http://news.mcot.net

 

: เผยขุมทองเมืองไทย 31 จังหวัด มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท<SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว


เผยไทยมีแหล่งแร่ทองคำถึง 76 แห่ง หนักประมาณ 700 ตัน ถ้าสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์จะมีมูลค่าถึง 9 แสนล้านล้านบาท – 1 ล้านล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัดทั่วประเทศ กรมทรัพยากรธรณีเตรียมจัดทำเป็นข้อมูลเสนอครม.ภายในสิ้นปีนี้
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเรื่อง “ขุมทองในประเทศไทย” ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำของโลกขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา กรมทรัพยากรธรณี ในฐานะดูแลด้านทรัพยากรแร่ หิน ต่างๆ ของประเทศ
จึงได้รวบรวมข้อมูลการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย ดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ทั้งสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ ทางอากาศ และสำรวจผิวดิน เพื่อตรวจสอบลักษณะของหินและดิน วัดคุณสมบัติทางธรณีเคมี และธรณีฟิสิกส์ บางพื้นที่ได้สำรวจรายละเอียดลงไปใต้ดิน โดยใช้เครื่อง จักรเจาะเก็บตัวอย่างหินและดิน เพื่อหาความสมบูรณ์ของแร่ทองคำ
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีกล่าวว่า ล่าสุดพบว่าประเทศไทย มีแหล่งแร่ทองคำรวมทั้งสิ้น 76 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัด มีปริมาณแร่ทองทำประมาณ 700 ตัน หากสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์แล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบการสะสมตัวแบบทุติยภูมิอีกหลายพื้นที่อีกด้วย
โดยพบมากในแถบพื้นที่ตอนบนของภาคกลางตามแนวเทือกเขาหินแกรนิตทางตะวันออก และของด้านตะวันตกแห่งที่ราบสูงโคราช ทั้งนี้มีแหล่งแร่หลักประมาณ 4-5 แห่ง ที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเหมืองแร่ทองคำได้ในอนาคต
“ในส่วนของกรมทรัพยากรธรณี ไม่ได้ดำเนิน การเกี่ยวกับการให้ประทานการทำเหมืองแร่ แต่มีคำสั่งจากปลัดกระทรวงให้จัดทำแผนหลัก การจัดการทรัพยากรแร่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ภาครัฐ หรือเอกชนที่ต้องการเข้าไปพัฒนาแหล่งแร่ทอง คำต่างๆ ใช้เป็นแผนดำเนินการไปในทิศทางที่ชัดเจน
และเป็นแนวทางดำเนินการเชิงอนุรักษ์และยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเรื่องผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ในประเทศ ทั้งด้านสิ่งแวด ล้อม และสุขภาพ โดยกำหนดให้ทำรายงานผลกระทบต่างๆ ก่อนเข้าพัฒนาพื้นที่ ซึ่งแผนหลักดังกล่าวจะจัดทำเสร็จสิ้นภายในปีนี้ และนำเสนอต่อครม.ต่อไป” นายอดิศักดิ์กล่าว
ด้านนายพิทักษ์ รัตนาจารุรัตน์ ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรธรณีจะสำรวจหาแร่ต่างๆ ที่อยู่ในประเทศว่า พื้นที่ใดบ้างมีศักยภาพนำแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ แต่เป็นเพียงสำรวจเบื้องต้นเท่า นั้น และจะส่งต่อไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการให้สัมปทานกับภาครัฐหรือเอกชน ที่สนใจจะเข้าไปพัฒนา ซึ่งต้องเข้าไปสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งว่า จะสามารถนำแร่เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน พบว่าในประเทศไทยมีแหล่งแร่สำคัญๆ และสำรวจแล้ว ได้แก่ กลุ่มหินปูน, ถ่านหิน, โปแตซ, ทองคำ
และกำลังจะสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับแร่แรร์ เอิร์ธ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมไอที ทั้งนี้ พบว่าในประเทศไทยมีแหล่งแร่โปแตซ ในภาคอีสานของไทยไปถึงประเทศลาว กลุ่มโลหะพื้นฐาน เช่น ตะกั่ว สังกะสี อยู่ในแถบพื้นที่ขอบตะวันตกไปจนถึงพม่า
ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กล่าวอีกว่า ขณะที่แร่ทองคำมีอยู่แถบที่ราบสูงโคราชไปจนถึงบางส่วนในกัมพูชาและมีมากใน ลาว ในประเทศไทยพบว่าหลายพื้นมีศักยภาพพัฒนาได้ เพราะพบแร่ทองคำในเนื้อหินมีความสมบูรณ์ ประมาณ 1-2 กรัมต่อตัน หากเทียบกับราคาทองในปัจจุบันนับว่าคุ้มต่อการลงทุน
โดยเฉพาะแหล่งแร่ทองคำ 5 แห่ง ได้แก่ ห้วยคำอ่อน บริเวณรอยต่อจ.ลำปาง-แพร่, ดอยตุง เชิงเขาทางฝั่ง อ.แม่จัน, เขาช่องกาย อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี, รอยต่อ อ.เมืองตาก-ด่านลานหอย จ.สุโขทัย และบ้านบ่อทอง จ.ชลบุรี เป็นต้น
ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีแหล่งแร่ทองคำอื่นๆ อีกแต่อาจจะยังไม่มีศักยภาพพอทำเป็นเหมืองแร่ทองคำได้ เช่น อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเขาพนมพา ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นต้น ที่ปัจจุบันยังคงมีประชาชนจำนวนมากออกไปร่อนแร่ทองคำ เพื่อหาทองคำอยู่ตลอดเวลา โดยระบุว่าสามารถทำรายได้เพิ่มให้เดือนละ 4,000-5,000 บาท
“สิ่งที่เราเป็นห่วงขณะนี้ก็คือ การเจ็บป่วยของประชาชนที่ออกไปร่อนหาแร่ทองคำ เนื่องจากในขั้นตอนการสกัดทองคำออกมาจะต้องใช้สารอันตราย เช่น ปรอท และไซยาไนด์ ซึ่งชาวบ้านต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำภายในหมู่บ้านที่ชาวบ้านจะต้องใช้ในชีวิต ประจำวันด้วย
ซึ่งผลจากการได้รับสารเหล่านี้อยู่เป็นประจำจะทำให้เกิดโรคตามมา เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท โรคมินามาตะ หรือโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังทำให้เด็กเกิดใหม่ที่ได้รับสารปรอทมีความพิการด้วย ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่ามีชาวบ้านจำนวนมาก
โดยเฉพาะเขาพนมพา มีผู้เจ็บป่วยหลายรายและอาจจะมีจำนวนผู้ป่วยสูงถึงร้อยกว่าคน แต่ไม่เคยมีการสำรวจหรือทำรายงานเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนที่ไปร่อนทองให้ระมัดระวังต่อการสัมผัสกับสาร เหล่านี้เป็น

<SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><IFRAME marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?format=undefinedxundefined&output=html&lmt=1260329359&ea=0&flash=10.0.32.18&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-3906-910.html%23post2712042&dt=1260329359625&correlator=1260329359625&frm=0&ga_vid=481530751.1259646153&ga_sid=1260328171&ga_hid=664162977&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=8&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=734&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1003&bih=621&ifk=348744473&fu=0&ifi=1&dtd=328" frameBorder=0 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>

 

ชักเป็นห่วงประเทศไทย

รัฐบาลยังไม่น่ารีบเปิดเผยข้อมูลเรื่องทองเลย กลัวจริง ๆ
ถ้าหากคนไทยยังคงไม่สามัคคีกัน แล้วมีข่าวพบแร่ทองอีก ถ้าต่างชาติ
คิดที่จะคลอบครองทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเรา ในสภาวะที่คนไทยใน
ชาติแตกแยกกันอยู่ คงสงสัยว่าจะต้องพบกับศึกนอกศึกใน เหอะ เหอะ

(ถ้าแนะนำรัฐบาลได้อยากให้ทางรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนทำเหมืองแร่ทองคำเองสะมากกว่าการให้สัมปะทาน ทรัพยากรที่ได้ทั้งหมดตกเป็นของรัฐ เอาทุนส่วนนี้มาบริหารประเทศชาติได้มากมายกว่าการให้สัมปะทานแก่เอกชน)



มีข่าวเรื่องทรัพยากรมีค่าอย่างทองคำเนี้ยต้องระวังพวกที่ละโมบให้มาก ๆ ทั้งพวกคนในและคนนอก อย่าให้พลาดพลั้งได้ รัฐต้องรอบคอบเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมคนในชาติเป็นหลัก และคนในรัฐบาลต้องเป็นคนที่มีจิตใจสุจริตเที่ยงธรรม ถ้าไม่เที่ยงธรรมแล้วคงจะมีการโกงกินกันอย่างมโหราญเลยละ

 

เอ.. คุ้นๆ ว่า หลังมีการพบทองคำ

จะเกิดอะไรตามมานะ ใครมีคำทำนายบ้าง

 

ผมก็คิดเหมือนกับคุณเส้นทางสายใหม่เหมือนกันครับ
อีกส่วนหนึ่งก็เชื่อในกฎแห่งกรรม และธรรมะจัดสรร
ทำให้ผมกังวลเรื่องนี้น้อยลงครับ

 

รู้สึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยทำนายไว้น๊ะั แต่จำไม่ได้ว่ายังไงฟัง CD ที่ทางเว็บแจกให้ คุ้น ๆ อยู่แต่ไม่รู้ว่าแผ่นไหนยังไง จำไม่ได้

 

ตรงกับเวลา 10.37 น. วันที่ 9 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 16.46 น. วันที่ 9 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

 

*** โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต ****

คนไม่สนใจสัจจธรรม
คนไม่สนใจสัจจะ
คนจึงขาดสัจจะ
คนจึงไม่มีการกระทำมาคุ้มครอง
คนแตกแยกเพราะความคิดไม่เป็นหนึ่ง
...ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด.... คือศีลข้อไหน !!!
เป็นข้อที่คนไทยยังไม่ได้ทำกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

======================================

9 ธ.ค. 52

บำรุงรักษาปลายักษ์ตัวที่ 2 - 3

ความหมาย เริ่มมีการนำปลายักษ์ตัวที่ 2 และ 3 มาทำการปรับปรุงรักษา
เพื่อที่จะนำออกไปใช้งานต่อไป (ให้ระวังซึนามิรอบที่ 2 และ 3)


องค์อินทร์ - 97
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ








---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

ภูเขาทอง ... เป็นซอสปรุงรสชนิดหนึ่ง
ทำให้ไม่จืด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ตรงกับเวลา 00.00.49 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 04.29 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 06.25 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 09.30 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

-----------------------------------------------------------------------

ตรงกับเวลา 10.13 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ของประเทศไทย

 

กวนจริง ๆ อิอิ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สุดโหด!! สาวใหญ่มะกันหลอก"หญิงตั้งครรภ์"ไปขัง คว้านท้อง-ควักลูกออก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมว่า มิเชลล์ รีดี โฆษกตำรวจหญิงเขตท้องที่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐฯ

ระบุว่า ได้เกิดเหตุสยองขวัญกลางกรุงวอชิงตัน เมื่อนางเวโรนิกา เดรามูส วัย 40 ปี ได้หลอกหญิงสาวที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ ไปจับขังไว้ที่อพาร์ตเมนต์ ก่อนที่จะผ่าท้องเหยื่อ เพื่อควักลูกที่ยังไม่ครบกำหนดออกมา แต่เหยื่อที่ถูกขังไว้นาน 5 วันตะเกียกตะกายหลบหนีออกมาได้

รายงานข่าวระบุว่า นางเวโรนิกา เดรามูส ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เหยื่อได้รับอิสรภาพ และข้อหาอื่รๆ

ขณะที่เหยื่อยังนอนพักที่โรงพยาบาล ส่วนทารกเพศหญิงที่ถูกควักออกมานั้น กำลังอยู่ในความดูแลของแผนกทำคลอดฉุกเฉิน ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เริ่มจากนางเดรามูสเข้าไปตีสนิทกับนางเทกา อดัมส์ วัย 29 ปี ซึ่งกำลังตั้งท้อง 3 เดือน ที่สถานสงเคราะห์เพื่อคนจรจัด แล้วชักชวนให้ไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ พร้อมให้สัญญาว่าจะให้เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อนกับอดัมส์ แต่เมื่อไปถึง นางเดรามูสกลับทุบตีทำร้ายและจับเธอมัดมือไว้

ตามรายงานของตำรวจระบุว่า นางเดรามูสได้สั่งให้ลูกชายวัย 17 ปี ซึ่งไม่โดนตั้งข้อหา จับมือนางอดัมส์ไขว้หลัง

ส่วนตัวหญิงโหดใช้เทปปิดปากเหยื่อลากไปที่ห้องนอน แล้วเปิดทีวีเสียงดังกลบเสียง จากนั้นเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ได้ใช้เครื่องมือตัดและอุปกรณ์ของมีคม คว้านท้องของนางอดัมส์ทำให้สาวท้องอ่อนถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นางเดรามูสจึงหยุดผ่า ด้วยเคราะห์ดี นางอดัมส์สามารถหนีหลุดรอดออกมาจากอพาร์ตเมนต์ไปได้ หลังฉวยจังหวะที่นางเดรามูสเผลอหลับในช่วงเช้าวันอาทิตย์ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทั่งเพื่อนบ้านมาเห็นนางอดัมส์ในสภาพเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ลานจอดรถ ท้องไส้และทารกในครรภ์ทะลักออกมา จึงรีบแจ้งเหตุฉุกเฉินกับตำรวจ ส่วนนางเดรามูสกับลูกชายสามารถหลบหนีไปได้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจสืบเสาะจนทราบว่า นางเดรามูสหลบหนีไปอยู่ที่เขตอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จึงตามไปรวบตัวและเตรียมส่งตัวไปดำเนินคดีที่รัฐแมรี่แลนด์ บ้านเกิดของเธอ

เบื้องต้นปมเหตุทราบแต่เพียงว่า นางเดรามูสบอกกับญาติและแฟนหนุ่มว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งท้องจริง ขณะเดียวกัน แม่ชีที่สถานสงเคราะห์ ควีน ออฟ พีซ ซึ่งคอยให้ที่พักพิงกับหญิงตั้งท้องไร้ที่อยู่ทางฝั่งตะออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง เผยว่า เหยื่อของนางเดรามูส มาอาศัยได้เกิน 1 เดือนแล้วจากนั้นก็หายตัวไป

ด้านหนูน้อยที่รอดชีวิตหวุดหวิด ถูกตั้งชื่อว่า "มิราเคิล สกาย" (Miracle Sky) โดยทางกรมสังคมสงเคราะห์เขต กำลังรอรับความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญบริจาคทั้งเงิน หรือเสื้อผ้าเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเหยื่อที่ประสบเคราะห์กรรมครั้งนี้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไฟไหม้วัดพระธาตุดอยกองมูวันเดียว 3 หน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.แม่ฮ่องสอน รายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ นายปกรณ์ จีนาคำ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน

พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน และรถดับเพลิง ได้เดินทางขึ้นไปทำการดับไฟป่า บริเวณวัดพระธาตุดอยกองมู โดยได้ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการควบคุมไฟป่าดังกล่าว ทั้งนี้การดับไฟป่าในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 3 ภายในวันเดียวกัน โดยครั้งแรก ทางหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมือง ได้รับแจ้งเหตุทาง โทรศัพท์ เลขหมาย 199 เมื่อเวลา 13.15 น. ว่าเกิดเหตุไฟป่า บนวัดพระธาตุดอยกองมู บริเวณทางทิศเหนือของบริเวณวัด ต่อมาเมื่อเวลา 16..45 น. ได้รับแจ้งเหตุอีกครั้งว่า เกิดเหตุไฟป่า บริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู โดยทั้ง ๒ ครั้งเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง ฯ ได้เข้าทำการดับไฟป่าจนแล้วเสร็จ โดยขณะที่ทำการดับไฟป่าอยู่นั้น บริเวณบนวัดพระธาตุดอยกองมู ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่เดินทางขึ้นไปนมัสการพระธาตุ ฯ และมีการปล่อยกระทงสวรรค์ และโคมลอยอยู่ตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 18.30 น. ในวันเดียวกัน หน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จากประชาชนทั่วไปและ นักท่องเที่ยว กว่า 50 สาย ว่าได้เกิดไฟป่า บนวัดพระธาตุดอยกองมู อีกครั้ง

จึงได้แจ้งให้ประสานไปยังหน่วยดับไฟป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้เข้าไปดำเนินการ เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างยอดเขากับตีนเขา ซึ่งรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปไปในจุดเกิดเหตุได้ รวมทั้งสายดับเพลิงก็มีความยาวไม่ถึง แต่หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง หน่วยดับไฟป่ายังไม่เข้าทำการดับไฟป่าในจุดดังกล่าว ทางหน่วยดับเพลิงของเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง ทำการใช้เครื่องมือดับไฟป่า เข้าไปทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นและใช้น้ำจากรถดับเพลิงฉีดพ่นป้องกันการลุกลามของไฟป่าออกไปมากกว่าเดิม โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการดับไฟป่าถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง จากการเข้าดับไฟป่าทั้ง 3 ครั้งในพื้นที่เดียวกันแต่จุดเกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก พบว่า ไฟป่าดังกล่าว น่าจะมีสาเหตุ 2 ประการคือ เกิดจากการลอบเผาไฟป่า ของราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง ที่ต้องการเก็บใบตองตึงเพื่อมาทำหลังคามุงบ้านเรือน และอีกประการหนึ่งคือเกิดจากไฟจากโคมลอยที่ปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาใส่ใบไม้แห้งในป่า จนทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นมา

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเกิดเหตุไฟป่า ได้มีหลายหน่วยงาน รวมไปถึงประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่โทรเข้ามาแจ้งเหตุด่วน

ที่หมายเลขโทรศัพท์ 199 ของหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งทางหน่วยดับเพลิง ได้พยายามแจ้งให้โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยดับไฟป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ก็ยังไม่มีหน่วยดับไฟป่าเข้าไปทำการดับไฟป่าแต่อย่างใด จนกระทั่งหน่วยดับเพลิง ฯ เห็นว่า สถานการณ์ไฟป่า ได้ลุกลามออกไปเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งหากไม่เข้าไปทำการควบคุมเพลิงและดับไฟป่า อาจจะทำให้เกิดการลุกลามใหญ่โตและสร้างความเสียหายให้กับวัดพระธาตุดอยกองมู และบ้านเรือนราษฎรในบริเวณใกล้เคียง จึงได้ส่งหน่วยดับเพลิงขึ้นไปทำการดับไฟป่าแทนหน่วยดับไฟป่า ทั้งนี้หลังจากหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้เข้าไปดับไฟป่าในวันเดียวถึง ๒ ครั้ง พบว่า หน่วยดับไฟป่าที่ได้รับแจ้งเหตุไปแล้ว ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่หรืออุปกรณ์ในการดับไฟป่า มาทำการดับไฟป่า หรือช่วยเหลือหน่วยดับเพลิงของเทศบาลเมืองแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟป่าดังกล่าว น่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุให้ทราบได้ถึง ความรุนแรงจากไฟป่าในฤดูแล้งที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้

เนื่องจากพบว่า สภาพอากาศ มีความแห้งแล้งเร็วกว่าปกติ โดยจะสังเกตได้จาก ใบไม้ในป่ารอบ ๆ ตัวเมืองได้มีการผลัดใบเร็วกว่าปกติถึง ๒ เดือน ทั้งนี้ป่าเบญจพรรณ ของแม่ฮ่องสอน จะเริ่มทำการผลัดใบในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี แต่ปีนี้แค่เดือน ธันวาคม ก็มีการผลัดใบแล้ว คาดว่า ในห้วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ อาจจะมีเหตุไฟป่าเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พบถ้ำมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์บนถ้ำเขาโหรง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ตะลึงชาวเมืองตรังพบแหล่งที่อยู่อาศัยมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุกว่า 4 พันปี พบหลักฐานล่ำค่าทางโบราณคดีเพียบ


วันนี้(8ธ.ค.) นายสุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส. จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายเจียร ยิ่งยวด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่12 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง

พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวการขุดค้นพบถ้ำมนุษย์โบราณ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่บริเวณเขาโหรง หมู่ 12 ต.น้ำผุด โดยมีหลักฐานเป็น กะโหลกศีรษะ 1 หัว ฟัน 4 ซี่ ชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์จำนวนหนึ่ง เศษภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ 1 ชิ้น หินเกลี้ยง 1 กอง เปลือกหอย 1 กอง หัวขวานหินขัดโบราณ 2 อัน และกระดูกมนุษย์และสัตว์โบราณจำนวนมาก สันนิษฐานมีอายุกว่า 4,000 ปี

นายสุกิจ เปิดเผยว่า อยากให้ทางจังหวัดเข้ามาดูแลและศึกษาถ้ำเขาโหรงอย่างเป็นระบบ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกชาวบ้านและคนต่างถิ่นเข้ามาลักลอบขุดเอาของมีค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับเขาโหรงเป็นภูเขาหินปูนสูงกว่า 60 เมตร อยู่ในพื้นที่ป่าสวนยางของเอกชน ปากถ้ำกว้าง 3 เมตร อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมามีชาวบ้านปีนขึ้นไปหาขี้ค้างคาว แต่เมื่อมุดเข้าไปเพียง 10 เมตร แล้วขุดลึกลงไป 2 เมตร ก็พบหลักฐานทางโบราณคดีดังกล่าว ต่อมา ร.อ.บุญฤทธิ์ ฉายสุวรรณ นักโบราณคดีสำนักงานศิลปากรที่ 15 จ.ภูเก็ต ได้เข้าไปสำรวจเบื้องต้นยังจุดเดิม พบรอยเถ้าถ่านชิ้นส่วนกระดูกสัตว์และหอยโล้กระจายอยู่ทั่วบริเวณ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศิลปากรได้การประกาศให้ถ้ำเขาโหรงเป็นพื้นที่โบราณสถานแล้ว แต่ยังไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ทำให้มีชาวบ้านบางกลุ่มเข้าไปขุดค้นหาของมีค่ากลับออกไป.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โจรบาปขี้ยาย่องฉกพระ69องค์รวด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>“โจรใจบาป” โผล่ไม่เลิก ย่องฉกพระพุทธรูป 69 องค์ วัดดังเมืองปากน้ำ สวรรค์ไม่เป็นใจ ตำรวจอาสาฯ ตรวจตราผ่านมาเจอ ถูกชักมีดอีโต้ไล่แทง เลยวิทยุเรียกเพื่อนมาช่วย หัวขโมยเห็นจวนตัว ทิ้งของกลางเผ่นแนบเอาตัวรอด ตำรวจเชื่อฝีมือพวกขี้ยา ขโมยไปขายหาเงินซื้อยาเสพติดมาเสพ เร่งตามลากคอด่วน

เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.เจริญ พลเดช สวส.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

รับแจ้งมีเหตุคนร้ายเข้าไปโจรกรรมพระพุทธรูปภายในห้องเก็บของวัด ครุใน ต.บางครุ อ.พระประแดง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง ผกก. พ.ต.ท.สันติ พิทักษ์สกุล สว.สส. และกำลัง ตำรวจจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุพบนายบุญธรรม แซ่ตัน อายุ 51 ปี ตำรวจอาสาฯ สภ.พระประแดง ยืนรออยู่หน้าวัด เฝ้าถุงปุ๋ยสีขาวที่วางอยู่ริมถนนเอาไว้ ตรวจสอบภายในถุงปุ๋ยพบพระพุทธรูปบูชาปางต่าง ๆ เนื้อทองเหลือง ขนาดหน้าตัก 4-8 นิ้ว รวม 29 องค์ กับอุปกรณ์การโจรกรรมจำนวนหนึ่ง อาทิ ค้อนปอนด์ เลื่อยตัดเหล็ก กุญแจเลื่อน คีมตัดเหล็ก และมีดอีโต้

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ยังพบถุงปุ๋ยสีขาวอีก 1 ใบ วางทิ้งอยู่ในป่าละเมาะ ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร

ภายในมีพระพุทธรูปบูชา 40 องค์ รวมพบพระพุทธรูปทั้งสิ้น 69 องค์ ต่อมา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชิษณุพงษ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพระครูปลัดบุญมี อาธิจิโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดครุใน พาชมตามจุดต่าง ๆ ภายในวัด โดยเฉพาะบริเวณห้องเก็บของที่ใช้เก็บรักษาพระพุทธรูปดังกล่าว ซึ่งเป็นอาคารสูง 2 ชั้น โดยชั้นล่างทำเป็นห้องเก็บของ ส่วนชั้นบนเป็นกุฏิเจ้าอาวาส

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า พระพุทธรูปคนร้ายพยายามโจรกรรมไป เป็นพระพุทธ รูปสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อนำมา ให้ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาเช่าไปบูชา

ปกติจะเก็บไว้บนศาลาใหญ่ แต่ช่วงนี้กำลังมีการปรับปรุงศาลาจึงนำมาเก็บไว้ที่ห้องเก็บของเกิดเหตุ ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะปีนประตูเหล็กซึ่งมีอยู่ 2 ด้าน หรือซ้อนกัน 2 ประตู จากนั้นปีนผนังห้องเข้ามาทางหน้าต่างด้านหลัง และทยอยขน พระพุทธรูปออกมากองไว้ด้านนอก ก่อนจะค่อย ๆ เอาใส่ถุงปุ๋ยที่เตรียมมา เพื่อหอบหิ้วหลบหนีไป

อย่างไรก็ดี ขณะเดินย่องเงียบออกจากวัด นายบุญธรรม ตำรวจอาสาฯ ซึ่งออกเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยภายในวัด

เกิดพบคนร้ายซึ่งเดินหิ้วถุงปุ๋ย 2 ใบ ออกมาโดยบังเอิญ พอเห็นท่าทางน่าสงสัย จึงสอบถามพร้อมขอตรวจดู แต่คนร้ายเห็นจวนตัว จึงชักมีดอีโต้จากเอวออกมาข่มขู่ไล่แทง นายบุญธรรมจึงวิทยุแจ้งเพื่อนตำรวจอาสาฯ ด้วยกัน มาช่วยต่อสู้จับคนร้าย สุดท้าย คนร้ายเห็นท่าไม่ดี ทิ้งมีดและถุงปุ๋ยไว้ตามทาง ก่อนหนีกระเจิดกระเจิงหลบหนีไปได้ นายบุญธรรมจึงแจ้งพระสงฆ์ในวัดกับตำรวจมาตรวจสอบ

เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นพวกติดยาเสพติด หรือพวกขี้ยาในละแวกวัด โดยลงมือคนเดียว และคงแค่มาขโมยไปขายต่อ

เพื่อหาเงินซื้อยาเสพติด มาเสพ ไม่ได้โจรกรรมตามใบสั่งนักสะสม เพราะพระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูป ใหม่ และล่าสุดตำรวจสเกตช์ภาพคนร้าย ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยลักษณะเด่นคือใบหน้าตอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนแกะรอยตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมืองเซา เปาโล ของบราซิล เผชิญอุทกภัยรุนแรงอีกครั้ง​

​

บราซิล 9 ธ.ค. - ผู้คนในเมืองเซา เปาโล ของบราซิล เผชิญอุทกภัยครั้งรุนแรงอีกเป็นครั้งที่สอง ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์

อุทกภัยร้ายแรงครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ คร่าชีวิตผู้คนในเมืองเซา เปาโล เมืองใหญ่ที่สุดของบราซิลไปแล้ว 6 คน หลังบ้านเรือนถูกกระแสโคลนพัดพาหายไป ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 4 คน

นอกจากนี้ น้ำที่ท่วมขังตามท้องถนนส่งผลให้การคมนาคมสัญจรตามท้องถนนเป็นอัมพาต ชาวเมืองไม่สามารถเดินทางไปทำงาน บางคนถึงกับต้องทิ้งรถไว้บนถนน สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของบราซิลแพร่ภาพขณะเจ้าหน้าที่พบศพผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย

2009-12-09 10:11:04

หลายพื้นที่ของสหรัฐเผชิญสภาพอากาศเลวร้าย​

​

สหรัฐ 10 ธ.ค.-หลายพื้นที่ของสหรัฐเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายทั้งหิมะตก พายุรุนแรง และฝนพัดกระหน่ำ

ที่รัฐโอคลาโฮมาและไอโอวา หิมะตกหนักปกคลุมท้องถนน ทำให้การจราจรกลายเป็นอัมพาต จนเกิดอุบัติเหตุรถชนหลายสิบราย มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน หิมะและพายุฝนตกหนักทำให้เที่ยวบินนับร้อยเที่ยวที่สนามบินระหว่างประเทศโอแฮร์ในชิคาโก และสนามบินเมืองดิมอยน์ในรัฐไอโอวาต้อง เลื่อนหรือยกเลิก เช่นเดียวกับที่รัฐโอคลาโฮมา มิสซูรี อิลลินอยส์ และวิสคอนซิน ที่เผชิญทั้งหิมะและฝนตกหนัก ทางการท้องถิ่นต้องสั่งปิดโรงเรียนและสถานที่ราชการหลายแห่ง

ด้านหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ในหลายรัฐโดยเฉพาะแถบตะวันตกตอนกลางหรือมิดเวสต์ และนิวอิงแลนด์ จะเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายไปอีกหลายวัน.-สำนักข่าวไทย

2009-12-10 05:13:47

โอบามา จะรับรางวัลโนเบลสันติภาพในวันพฤหัสบดีนี้​

​

วอชิงตัน 8 ธ.ค.- ทำเนียบขาวสหรัฐแจ้งว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางไปรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่กรุงออสโลของนอร์เวย์ในวันพุธนี้เพื่อรับรางวัลในวันที่ 10 ธ.ค.

นายโรเบิร์ต กิบบ์ส โฆษกส่วนตัวของนายโอบามา กล่าวว่า ประธานาธิบดีโอบามา จะกล่าวสุนทรพจน์รับรางวัลสาขาสันติภาพด้วยการไขข้อข้องใจของหลายคนกรณีที่เขาเพิ่งประกาศเพิ่มทหารไปทำสงครามในอัฟกานิสถาน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายโอบามา จะรับรางวัลในฐานะประธานาธิบดีผู้ก่อสงครามหรือไม่ นายกิบบ์สตอบว่า เป็นเช่นนั้นแน่นอน

ด้านกลุ่มรณรงค์สันติภาพในนอร์เวย์เตรียมจัดการชุมนุมประท้วงผู้นำสหรัฐ โดยระบุว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมอบหมายพันธกิจให้แก่ผู้รับ การที่ประธานาธิบดีโอบามาตัดสินใจเพิ่มทหารไปอัฟกานิสถานเป็นเรื่องเศร้าและน่าเหยียดหยาม แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจถึงพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐบาลนอร์เวย์ได้จัดงบประมาณ 92 ล้านโครน (ราว 460 ล้านบาท) เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำสหรัฐ มากกว่าเงินรางวัลที่นายโอบามาจะได้รับเกือบ 10 เท่า.-สำนักข่าวไทย

2009-12-08 09:50:28

อิหร่านจะถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์อิสราเอลหากถูกโจมตีก่อน​

​

เตหะราน 9 ธ.ค. - นายอาห์หมัด วาฮีดี รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะถล่มที่ตั้งและโรงผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล หากอิสราเอลโจมตีแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่านก่อน

รัฐมนตรีอิหร่าน กล่าวว่า กองทัพอิหร่านเตรียมความพร้อมเต็มที่ หากถูกอิสราเอลโจมตี โดยพุ่งเป้าหมายแรกคือ ที่ตั้งและโรงผลิตนิวเคลียร์ในอิสราเอล ทั้งนี้อิสราเอลไม่ปฏิเสธวิธีการใช้กำลังทหารจัดการกับอิหร่าน หากวิถีทางการทูตใช้ไม่ได้ผลในการแก้ไขปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งชาติตะวันตกสงสัยว่าลักลอบผลิตระเบิดนิวเคลียร์ แต่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมขู่ตอบโต้หากถูกโจมตีก่อน .-สำนักข่าวไทย

2009-12-09 19:38:14

เกิดระเบิดรุนแรงหลายระลอกในกรุงแบกแดดตายนับร้อย​

​

อิรัก 8 ธ.ค.-เกิดเหตุระเบิดรุนแรงหลายระลอกในกรุงแบกแดดประเทศอิรัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 127 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 450 คน

เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยอิรักรายงานว่า เหตุระเบิดรถยนต์ 2 ระลอกเกิดขึ้นบริเวณจุดตรวจของตำรวจใกล้กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย ส่วนอีก 3 ระลอกซึ่งมีทั้งระเบิดฆ่าตัวตายและระเบิดรถยนต์ เกิดขึ้นใกล้กับตลาดและมหาวิทยาลัย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 127 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 450 คน เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มอัลกออิดะห์

เหตุรุนแรงในอิรักลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีเหตุโจมตีรุนแรงเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ราย โดยตัวเลขของทางการอิรักระบุว่า เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 122 คน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิรักและทหารสหรัฐเคยออกมาเตือนแล้วว่าจะเกิดเหตุโจมตีหนักขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้ง ซึ่งล่าสุดกำหนดออกมาแล้วว่า จะจัดขึ้นในวันที่ 6 มีนาคมปีหน้า .-สำนักข่าวไทย

2009-12-08 23:27:52

มีผู้เสียชีวิตกว่า 12 คน จากเหตุระเบิดมุลตานในปากีสถาน​

​

มุลตาน 8 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินในปากีสถาน กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และบาดเจ็บ 18 คน ในวันนี้ จากเหตุระเบิดใกล้ศูนย์บัญชาการทหารในเมืองมุลตาน ทางตะวันออกของปากีสถาน

แพทย์ในที่เกิดเหตุ รายงานว่า จนถึงขณะนี้พบผู้เคราะห์ร้าย 12 ศพ และบาดเจ็บกว่า 18 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ส่วนอาคารของกองทัพได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่นในเมืองมุลตาน กล่าวคาดว่า คนร้ายอาจซุกซ่อนระเบิดไว้ที่หลังรถกระบะ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย และไม่ทราบเป้าหมายที่ชัดเจน

เมืองมุลตานอยู่ในจังหวัดปัญจาบ ซึ่งเผชิญเหตุระเบิด 2 ระลอก ในเมืองละฮอร์ เมื่อวันจันทร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 49 คน และบาดเจ็บ 150 คน ใกล้ตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน. - สำนักข่าวไทย

2009-12-08 17:09:04

ยอดเหยื่อไฟไหม้ไนท์คลับรัสเซียพุ่งเป็น 121 คน​

​

มอสโก 8 ธ.ค. - สำนักข่าวรัสเซียรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ไนท์คลับเมื่อสุดสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 121 คน หลังจากผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเพิ่ม 4 คนที่โรงพยาบาลในเมืองเพิร์มช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา

ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอาการหนักราว 30 คน จากจำนวน 120 คน ที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจากเหตุเพลิงไหม้ไนท์คลับที่เมืองเพิร์มเมื่อเช้าวันเสาร์ อัยการกล่าวว่าเป็นการกระทำโดยประมาท และตั้งข้อหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 4 คน ได้แก่ เจ้าของคลับ ผู้จัดการคลับ ผู้จัดการฝ่ายบันเทิง และผู้บริหารบริษัทที่จุดพลุในไนท์คลับจนทำให้เกิดไฟไหม้ ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้แล้ว เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกไฟคลอกหรือสำลักควัน และบางส่วนเหยียบกันตายเพื่อหนีมายังประตูทางออกที่มีอยู่ทางเดียว .-สำนักข่าวไทย

2009-12-08 15:56:20

เกาหลีเหนือมีอุโมงค์ลับให้ผู้นำหลบหนีกรณีฉุกเฉิน​

​

โซล 8 ธค. - เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่แปรพักตร์มาอยู่ในเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เมืองหลวงของเกาหลีเหนือมีอุโมงค์ลับเชื่อมโยงกันหลายสายเป็นระยะทางยาวหลายสิบกิโลเมตร สำหรับให้ นายคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือไว้ใช้เป็นเส้นทางหลบหนีในกรณีฉุกเฉิน

นายฮวาง จาง ยอพ เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือระดับสูงสุดที่แปรพักตร์ข้ามพรมแดนมาในเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์ว่า เครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินดังกล่าวอยู่ลึกลงไป 300 เมตร เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟใต้ดิน เป็นได้ทั้งเส้นทางหลบหนีและที่หลบภัยสำหรับนายคิม ครอบครัว และเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยอาจเป็นเส้นทางหลบหนีผ่านเมืองนัมโปไปยังประเทศจีน

นายฮวาง เป็นอดีตเลขาธิการพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือ แปรพักตร์มาอยู่ที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2540 เปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือและครอบครัวมีที่หลบภัยใต้ดินส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับอุโมงค์ไปยังเมืองซุนชอนและยองวอน สถาบันศึกษาด้านกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีเหนือมีที่มั่นใต้ดินทางทหารราว 8,000 แห่ง.-สำนักข่าวไทย

2009-12-08 15:24:45

ยูเอ็นคาดว่าเกาหลีเหนือขาดแคลนอาหารอย่างหนัก​

​

โซล 9 ธ.ค. - องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ คาดว่า เกาหลีเหนือเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารและธัญพืชอย่างรุนแรงในปีนี้ และไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในประเทศ

เจ้าหน้าที่สหประชาชาติซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวคาดว่า เกาหลีเหนืออาจนำเข้าอาหารกว่า 1 ล้านตัน เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ และคาดว่าเกาหลีเหนือต้องการธัญพืชและอาหารราวปีละ 5.1 ล้านตัน โดยเกาหลีเหนือประสบภาวะขาดแคลนอาหารเหมือนเมื่อปีที่แล้ว รายงานของสหประชาชาติระบุว่า ประชากรหลายล้านคนไม่มีอาหารบริโภคเพียงพอ ซึ่งเอฟเอโอจะมีรายงานประเมินอีกครั้งในต้นปีหน้า. -สำนักข่าวไทย

2009-12-09 17:58:48

ผู้นำเกาหลีใต้เร่งให้ความช่วยเหลือเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แก่เกาหลีเหนือ​

​

โซล 8 ธ.ค.- ประธานาธิบดีลี มยอง บัก ของเกาหลีใต้ ออกคำสั่งให้รัฐบาลจัดหาความช่วยเหลือทางการแพทย์ให้แก่เกาหลีเหนือในทันที หลังได้รับรายงานว่า เกาหลีเหนือกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

แต่เกาหลีเหนือยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ ด้านกู๊ดเฟรนด์ส ซึ่งเป็นกลุ่มให้ความช่วยเหลือในเกาหลีใต้ได้รับรายงานจากเครือข่ายในเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ว่า ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1เอ็น 1 กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีลีได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือ หลังได้รับการยืนยันเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลถูกระงับไว้ชั่วคราว หลังความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเลวร้ายลงเมื่อปีที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มเอกชนของเกาหลีใต้ยังคงส่งสินค้าไปยังเกาหลีเหนือก็ตาม นอกจากนี้ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้เสนอความช่วยเหลือเป็นข้าวโพด 10,000 ตัน พร้อมนมผงและอุปกรณ์การแพทย์กว่า 20 ตันไปยังเกาหลีเหนือ แต่ไม่มีการตอบรับอย่างเป็นทางการจากเกาหลีเหนือ

กู๊ดเฟรนด์สระบุว่า จำนวนเด็กเกาหลีเหนือที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากยาทามิฟูล ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสชนิดดังกล่าวเป็นสิ่งหายากในเกาหลีเหนือ โดยเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าวในกรุงเปียงยาง เป็นวัยรุ่น 7 คน รวมทั้งนักศึกษา 3 คน พร้อมพบผู้เสียชีวิตอีก 2 คนในเมืองเปียงซอง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเปียงยาง ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โรงเรียนในเกาหลีเหนือเริ่มปิดการศึกษาภาคฤดูหนาวเร็วกว่ากำหนด 1 เดือน หลังมีการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ. -สำนักข่าวไทย

2009-12-08 14:11:31

ยอดผู้เสียชีวิตจากหวัดใหญ่ 2009 ในจีนทะลุ 300 คน​

​

ปักกิ่ง 10 ธ.ค.- กระทรวงสาธารณสุขจีนประกาศว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างเป็นทางการเพิ่มเป็น 325 คน โดยกว่า 1 ใน 3 เป็นการเสียชีวิตที่มีการรายงานในสัปดาห์แรกของเดือน ธ.ค.

กระทรวงสาธารณสุข แถลงบนหน้าเว็บไซต์เมื่อวานนี้ว่า จากยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับรายงานทั้งหมด ในจำนวนนั้น 125 คน เสียชีวิตในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 6 ธ.ค. เป็นการส่งสัญญาณว่า อัตราการเสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยอดผู้ป่วยทั่วประเทศทะลุ 100,000 คน ไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์ปักกิ่ง นิวส์ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่งที่ระบุว่า อากาศที่หนาวเย็นเป็นสาเหตุให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจนถึงเมื่อวานนี้ จีนให้วัคซีนป้องกันโรคนี้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 31 ล้านคน โดยที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าให้วัคซีนแก่ประชาชนให้ได้ 65 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้. -สำนักข่าวไทย

2009-12-10 11:47:20

เวียดนามพบผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 ดื้อยาทามิฟูลหลายคนบนรถไฟ​

​

แอตแลนตา 10 ธ.ค.- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเวียดนามรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดื้อยาต้านไวรัสทามิฟลู 7 คนโดยสารบนรถไฟขบวนเดียวกัน นับเป็นกรณีที่ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ดื้อยากลุ่มใหญ่ที่สุดนับแต่เคยมีมา

รายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเวียดนาม เปิดเผยโดยวารสารการแพทย์นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีน เมื่อวานนี้ ระบุว่า ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ดื้อยาทามิฟลู 6 คน อยู่ในกลุ่มเด็กนักเรียนที่โดยสารรถไฟขบวนหนึ่งเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ป่วยดื้อยาอีกคนก็โดยสารรถไฟขบวนเดียวกัน แต่อยู่ในรถไฟอีกตู้ และไม่รู้จักกับนักเรียนกลุ่มนี้มาก่อน ซึ่งหลังจากนั้นทั้ง 7 คน ก็ล้มป่วย แต่ขณะนี้หายดีแล้ว

ปัจจุบันมีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ดื้อยาต้านไวรัส 100 รายทั่วโลกนับแต่พบการระบาดของโรคครั้งแรกในเดือน เม.ย. ยาทามิฟลู เป็นยา 1 ใน 2 ชนิดที่สามารถรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดถึงสัญญาณที่อาจบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะกลายพันธุ์ทำให้ยาต้านไวรัสใช้รักษาไม่ได้ผล. -สำนักข่าวไทย

2009-12-10 11:42:56

ที่มา http://news.mcot.net

 

ปี 2012 ในแง่ทางดาราศาสตร์​

​

ดวงอาทิตย์ของอายันจะชิดในปากของงู วันที่ 21 ธันวาคม 2012 เวลา 11:11 งูใหญ่อาจแสดงเกี่ยวกับการสร้างใหม่ของจักรวาลทางช้างเผือก

ที่มา ALL ABOUT 2012 - [ แปลหน้านี้ ]

Hoop Snake..งูกินหาง

Hoop Snake (ฮูปสเนค) คำแนะนำ กรุณาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ถึงจะได้แค่น้อยนิดแต่มันก็คือความรู้...ขอบคุณครับ

​

.... ฮูปสเนคเป็นสัตว์ในนิทานพื้นบ้านของชาวอเมริกา มันเป็นงูที่อมปลายหางของตัวเองไว้ในปาก และเคลื่อนที่โดยการหมุนตัวบนพื้นดิน ฮูปสเนคสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนไม่มีใครหนีพ้น วิธีเดียวที่จะหนีจากมันก็คือกระโดดลอดผ่านรูที่เกิดจากการอมปลายหางของมัน จะทำให้ฮูปสเนคสับสนและเคลื่อนที่ผ่านเราไปโดยย้อนกลับไม่ทัน

​

....บางครั้งฮูปสเนคก็เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ “Uroboros (อุโรโบรอส)” (ถ้าอ่าน Full Metal Alchemist น่าจะเคยได้ยินนะ) สัญลักษณ์แห่งความอมตะและจักรวาลรวมเป็นหนึ่งในศิลปะของกรีกและอียิปต์ สัญลักษณ์อุโรโบรอสแสดงให้เห็นรูปของงูที่มีปลายหางของมันอยู่ในปาก ตัวของมันโค้งเป็นวงกลม พญางูแห่งมิดการ์ดในตำนานของชาวนอร์สก็โอบล้อมโลกด้วยการอมหางของมันไว้ใน ปากเช่นกันหรือสํญลักษณ์ Uroboros (อูโรโบรอส)

​

....สัญลักษณ์อูโรโบรอส เป็นรูปงูขดกันเป็นวงกลม แสดงถึงความไม่สิ้นสุดสัญลักษณ์อูโรโบรอสนอกจากสื่อถึงความไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว อูโรโบรอสเป็นคำศัพท์ในภาษาลาติน มีความหมายตามตัวว่า 'งูกินหาง" ซึ่งมีความ หมายถึง 'การก่อกำเนิด" หมายความว่า 'การกำเนิดเกิดด้วยตัวเอง" หรือการเกิดโดยปราศจากผู้ให้กำเนิด (ซึ่งใน FMA อาจเปรียบเทียบพวก Sin ในฐานะการกำเนิดจากวิธีที่ไม่ใช่ธรรมชาติเช่นนี้ด้วย)

​

....นอกจากนี้ จากการกำเนิดด้วยตัวเอง ยังจบชีวิตลงด้วยตัวเองด้วย(ด้วยการกินตัวเองตาย คือ เกิดและดับในตัวเอง) โดยที่อูโรโบรอสถือเป็นชีวิตที่นอกเหนือจากกฎสามัญปกติ หรือชีวิตที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า อูโรโบรอส ถูกใช้เป็นเครื่องหมายแห่งพระอาทิตย์ในอียิปต์ และในแนวคิด ทางนอสติค(Gnosticism) ก็มาการพูดถึงอูโรโบรอสในฐานะอาทิตย์เช่นเดียวกัน โดยเชื่อว่าอูโรโบรอสเป็นเครื่องหมายแทน สุริยเทพ อบราซัส (Abraxas) ความเป็นนิรันดรและ จิตวิญญาณแห่งโลก

​

....อูโรโบรอสเป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายที่ถูกใช้กันในประเพณี และ วัฒนธรรมต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเครื่องหมายที่ปรากฏ และใช้กันอย่างแพร่หลายในศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemist)

....ในทางเล่นแร่แปรธาตุ อูโรโบรอส จะสื่อถึง เมอร์คิวรี่ (Mercury) ซึ่งเป็นสสารที่สามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปในวัตถุอื่นๆได้ทุกชนิด และเป็นเครื่องหมายของการเกิดใหม่มิรู้จบของงูที่เกิดดับไปเรื่อยๆ เหมือนกับการสื่อถึงการเกิดใหม่ของงู จากการลอกคราบที่ปรากฏในตำนาน เทพนิยายต่างๆเช่น มหากาพย์ Gilgamesh ที่ว่างูได้กินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life) ไป จึงได้รับชีวิตใหม่ ทำให้เกิดใหม่เรื่อยๆจากการลอกคราบ

....ดัง นั้นการเกิดใหม่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกิดขึ้นเป็นวงกลมไปเรื่อยๆนิรันดรตามรูปแบบของสัญลักษณ์อูโรโบรอสนี้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายอูโรโบรอสแบบรูปงู 2 ตัว กินหางกันและกันบนล่าง ซึ่งสื่อถึงสมดุลยภาพ สมดุลระหว่างข้างบนกับข้างล่าง ที่ดูราวกับเครื่องหมาย Infinity คือสมดุลยภาพระหว่างสองสิ่ง ส่วนในทางการเล่นแร่แปรธาตุจะสื่อถึง การระเหย การเปลี่ยนแปลงของสาร

​

​

*เพิ่มเติม* ในไทยงูกินหางเป็นสิ่งมงคล อาจจะกินหางของตัวเอง หรือมี 2 ตัวพยายามกินหางกันเป็นวงกลม ว่ากันว่าเป็นอาวุธของพวกพญานาค ครับ หรือที่เรียกกันว่า บ่วงนาคราช หรือ นาคบาศย์ นั่นแหล่ะครับ คนที่ครอบครองต้องเป็นคนที่มีศีลและสัตย์ เป็นเบื้องต้นครับ

ขอบคุณ กูเกิลครับที่เป็นแหล่งข้อมูล
SiguM_BR (ผู้รวบรวมข้อมูล)

ที่มา Hoop Snake..งูกินหาง - Mysterious - Mythland Board :: เรื่องลึกลับ ลี้ลับ UFO จานบิน จานผี มนุษย์ต่างดาว พระเจ้าจากอวกาศ

 

*** งูกินหาง ****

อุปกรณ์และวิธีเล่น การเล่นงูกินหางไม่มีอุปกรณ์การเล่นใด ๆ สามารถเล่นได้ทุกโอกาสจะมีเล่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากผู้ใหญ่จะเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์ ส่วนเด็ก ๆ จะเล่นทุกโอกาสที่เด็ก ๆ รวมกันซึ่งมีวิธีการเล่นดังนี้ เริ่มเล่นเมื่อผู้เล่นพร้อมกันแล้วจะเริ่มด้วยการเสี่ยงถ้าใครแพ้คนนั้น ก็จะออกเป็นพ่องู ส่วนผู้ชนะก็จะได้เล่นเป็นแม่งูและลูกงู ู ส่วนมากในกลุ่มผู้เล่นจะเลือกเอาคนที่มีร่างกายแข็งแรงหรือรูปร่างใหญ่ในทีมเป็นแม่งู เพื่อเอาไว้ป้องกันลูกงู เมื่อได้ผู้เล่นแล้วพ่องูและแม่งูจะยืนหันหน้าเข้าหากัน ส่วนแม่งูจะมีลูกงูกอดเอวต่อแถวไปข้างหลังแล้วพ่องูจะเริ่มถามแม่งูว่า
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อหินบินไปบินมา" พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู "กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว"
เมื่อพ่องูกล่าวเสร็จพ่องูจะเริ่มไล่จับลูกงูที่กอดเอวแม่งูอยู่ส่วนแม่งูก็จะพยายามป้องกันไม่ให้พ่องูไปแย่งลูกงูได้ เมื่อพ่องูจับลูกงูคนใดได้ลูกงูก็จะออกมายืนอยู่ต่างหากเพื่อรอเล่นรอบต่อไป ส่วนพ่องูจะพยายามแย่งลูกงูให้ได้หมดทุกตัวจึงจะถือว่าจบการเล่นรอบหนึ่ง เมื่อพ่องูจับลูกงูได้ทุกตัวแล้วก็จะเริ่มเล่นใหม่ โดยพ่องูคนเดิมจะกลับไปเป็นแม่งูในรอบต่อไป

คุณค่า/แนวคิด/สาระ
๑. ให้ความสนุกสนานในกลุ่มผู้เล่น
๒. ฝึกให้เกิดความสามัคคีในกลุ่มผู้เล่น
๓. ฝึกฝนการต่อสู้และการหลบหลีกภัยที่จะเกิดกับตน
๔. ฝึกการทำงานเป็นกลุ่มตั้งแต่วัยเด็ก
๕. ได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง

ประเพณีไทย.คอม
:: ?҃Ő???ש??钹 > ???Їѹ͍?੕§?׍ > ?҃???١Թ˒? ::

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมื่อวานไปไหว้พระที่อยุธยา และไปดูสุสานชาวโปรตุเกส และวันนี้จะเริ่มมีงานมรดกโลก จะการแสดงแสงสีเสียงอดีต อโยธยาอันรุ่งเรือง ก่อนล่มสลาย ถ้าดูแล้วคิดทบทวนดูจะเห็นว่า เพราะคนไทยขาดความสามัคคี เห็นแก่ตัว ลุ่มหลง ลาภยศ กิเลส ตัณหา จึงนำพาอาณาจักรอโยธยาที่เจริญรุ่งเรือง ไปสู่ความล่มสลาย ทั้งที่สมัยนั้นภายในเมืองมีวัดจำนวนมาก แต่คนต่างชาติอย่างโปรตุเกสและไทยโปรตุเกส เขามาช่วยสู้รบ จนล้มตายเกือบทั้งหมู่บ้านทิ้งซากศพไว้เป็นอนุสารณ์ ที่เหลือรอดก็ไปช่วยพระเจ้าตากรบต่อ
แต่ทุกสิ่งยอมไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

 

BIBLE CODE:
AHMADINEJAD ASSASSINATED​

​

2010 AD: There is a date in this Bible code for the Hebrew Year of 5770 = SEPT 2009 AD to SEPT 2010 AD in our western calendar. Its possible Israel will assassinate Ahmadinejad in 5770 in another of his propoganda trips to The United Nations?

It is also possible that Israel will assassinate Ahmadinejad in Sept 2009-2010 AD (at a UN speech) at the same time Israel launches a bombing campaign to destroy Iran's nuclear weapons program. What is interesting is the time frame for a possible war between ISRAEL vs IRAN (2009- 2010 AD), a war that will clearly trigger the Biblical Apocalypse.

ที่มา BIBLE CODE: AHMADINEJAD ASSASSINATED - [ แปลหน้านี้ ]

คำทำนายของนอสตราดามุส

"มาบูซ จะตายในไม่ช้า
จะมีการฆ่าหมู่คนและสัตว์ อย่างน่าสยดสยอง
ทันใดนั้น การแก้แค้นจะปรากฏขึ้นจากร้อยแผ่นดิน
ความกระหาย อดอยาก จะเกิดขึ้นเมื่อดาวผ่านโคจรผ่านมา" II 62

ที่มา http://ericbox.exteen.com/20090122/entry

สาสน์ข้อที่ 3 ของแม่พระฟาติมา

การลงโทษจะมาอย่างแน่นอน เมื่อบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีตำแหน่งสำคัญถูกฆาตกรรม เหตุการณ์นี้จะก่อให้เกิดมติที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหานั่นคือ กองทัพที่มีพลังมหาศาลจะบุกเข้าสู่ยุโรป แล้วสงครามนิวเคลียร์จะเริ่มขึ้น มันจะทำลายทุกสิ่ง ความมืดจะครอบคลุมโลกเป็นเวลา 72 ชั่วโมง และ 1 ใน 3 ของมนุษย์ชาติซึ่งจะมีชีวิตรอดจากช่วงเวลาแห่งความมืด 72 ชั่วโมงนั้นจะเข้าสู่ ชีวิตในยุคใหม่และเป็นคนดี"

ที่มา http://www.palungjitrescuedisaster.com/

คำทำนายของพระฮวน พอล วัลเดส

สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นจากเหตุการปลงชีพของผู้นำประเทศตะวันออกกลาง สงครามจะถึงจุดสูงสุด เมื่อประเทศตะวันตกทิศเหนือ ไม่อาจยอมทนต่อไปกับการวางระเบิดแบบสละชีพและก่อการร้าย ของชนประเทศตะวันออกลางต่ออธิปไตยของประเทศ

ที่มา พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

คำทำนายของคุณยาย วานเกเลีย ปานเดว่า กุชเตโรว่า

2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 (พฤศจิกายน 2010 - ตุลาคม 2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี

2016 – ยุโรปแทบจะร้างผู้คน

ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=maysflower&month=07-2008&date=14&group=11&gblog=1