ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    3โจรนรกแทงพระ จับโยนตึก บุกปล้นวัดเมืองคอน หลวงพี่ตื่นมาพบถูกรุม ทิ้งทรัพย์สิน-จยย.เผ่น หมวด » ข่าว » ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    3 โจรนรกบุกปล้นวัดกลางเมืองคอน ลงมือตอนเช้ามืด พระลูกวัดได้ยินเสียงผิดปกติ ออกมาดูเจอคนร้ายกำลังรื้อค้นตู้เก็บทรัพย์สิน ตะโกนร้องให้พระรูปอื่นๆ มาช่วย ก่อนถูกแก๊งโจรรุมทำร้าย คว้ามีดจ้วงแทง 4 แผล จับร่างโยนจากตึกชั้น 3 ร่วงกระแทกพื้นอาการโคม่า แล้วซิ่งจยย.หลบหนี ทิ้งทรัพย์สินกองไว้ ทั้งพระพุทธรูปเก่าแก่ และวัตถุมงคลหลายรายการ ตร.สอบพยานระบุเป็นชายวัยรุ่น โผล่มาดูลาดเลา แต่ไม่มีใครสงสัย คิดว่าคงเป็นลูกศิษย์พระมาเยี่ยม แล้วย้อนมาก่อเหตุ
    เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกทำร้ายพระภิกษุได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในวัดสวนป่าน ตั้งอยู่ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านและพระในวัดกำลังช่วยเหลือพระชูชาติ อินทปุญโญ อายุ 35 ปี พระลูกวัด อยู่ในสภาพโชกเลือด มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ ใบหน้า ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ชายโครงซ้าย 2 แผล หน้าท้อง 2 แผล แขนและขาซ้ายหัก อาการสาหัส จึงรีบนำส่งร.พ.มหาราช
    จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุพระชูชาติจำวัดอยู่บนกุฏิชั้น 2 ของตึกอำนวยการภายในวัด ได้ยินเสียงผิดปกติที่บริเวณชั้น 3 ของตึก จึงเดินขึ้นไปดู พบคนร้าย 3 คนกำลังรื้อค้นตู้เก็บทรัพย์สิน และของโบราณในตู้เก็บของ พระชูชาติจึงตะโกนบอกพระรูปอื่นๆ ว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในวัด คนร้ายทั้งหมดจึงกรูเข้ารุมทำร้าย ชักมีดแทง ก่อนจะช่วยกันจับโยนลงจากชั้น 3 ร่างกระแทกพื้นบาดเจ็บสาหัส คนร้ายวิ่งลงมาจากตึกไปขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดซุ่มไว้ในมุมมืด 2 คันหลบหนีไป
    ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบพระพุทธรูปทองเหลืองขนาดเล็ก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ และวัตถุมงคลหลายรายการ รวมทั้งเครื่องขยายเสียงของวัด ที่ถูกคนร้ายช่วยกันขนนำมาวางกองอยู่กลางห้อง ทางพนักงานสอบสวนจึงประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการมาร่วมตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งเก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้าย เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพระและสามเณรในวัด ให้การตรงกันว่า คนร้ายทั้ง 3 เป็นชายวัยรุ่น ไว้ผมรองทรงสั้น โดยทราบว่าก่อนหน้าเกิดเหตุมีพยานเห็นคนร้ายทั้ง 3 เข้ามาในวัดครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะคิดว่าเป็นลูกศิษย์ของพระในวัดเดินทางมาเยี่ยม คาดว่าคงจะเข้ามาดูลาดเลาก่อนลงมือในช่วงเช้ามืด และสำหรับอาการของพระชูชาตินั้น แพทย์นำเข้าห้องผ่าตัด ก่อนนำออกจากห้องผ่าตัดมาพักยังห้องไอซียู แต่อาการยังน่าเป็นห่วง แพทย์ห้ามเยี่ยมอย่างเด็ดขาด

    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    เด็กจีนเจอยิงธนูเจาะหน้า รอดตายราวปาฎิหารย์ หมวด » ข่าว » ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    เหลือเชื่อ เด็กจีนถูกยิงธนูทะลุกระโหลก แต่รอดตายราวปาฎิหารย์ หลังลูกธงไม่เจาะโดนสมอง
    "เดอะ เทเลกราฟ"ของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ว่า เด็กชายหยาน ชิน ของจีนวัย 13 ปี ต้องประสบอุบัติเหตุถูกเพื่อนยิงลูกธนูเข้าปักบริเวณใกล้ลูกตา แต่เคราะห์ดีสามารถรอดชีวิตได้เพราะลูกธนูไม่โดนสมองเขา โดยแพทย์ประจำโรงพยาบาลจิด้า ในเมืองฉางชุน ทางตะวันออกของจีน ใช้เวลา 4 ชม.สามารถนำลูกธนูออกจากบริเวณใกล้เบ้าตาของเขา ด้วยการผ่ากระโหลกออก ซึ่งไม่กระทบกระเทือนต่อประสาทตาและเนื้อเยื่อสมอง

    ด้านแพทย์เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่เด็กชายหยานรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยเขาหวุดหวิดจะต้องเสียชีวิตหากลูกธนูถูกยิงแรงอีกนิด ซึ่งจะทำให้มันทะลุศีรษะเขาทันที ด้านครูเปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ เด็ก ๆ กำลังฝึกยิงธนูกันเองในโรงเรียน

    ที่มาจากหนังสือพิมพ์มติชน

    เพื่อไทย แบไต๋เผยไพ่ใบสุดท้าย ยุบสภาฯ หมวด » ข่าว » ข่าวการเมือง

    [​IMG]
    พรรคเพื่อไทย แบไต๋เผยไพ่ใบสุดท้าย ยุบสภา "สมศักดิ์" ยัน รัฐบาลมีสิทธิ์ยุบสภาก่อนนายกฯคนใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังล่าสุดในวันนี้ (12 ธค.) พรรคเพื่อแผ่นดินแถลงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตลอดจนช่วงเช้าตั้งเวลา 10.00 น. ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ยังคงมีบรรดาส.ส.โดยเฉพาะส.ส.เหนือและส.ส.อีสาน เดินทางเข้ามาประชุมพรรคอย่างคับคั่ง อาทิ นายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รักษาการรมว.ยุติธรรมแลเส.ส.ขอนแก่น เป็นต้น ทั้งนี้ส.ส.ส่วนใหญ่ยังคงแสดงความเห็นด้วยความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพราะมีส.ส.เป็นจำนวนมากทยอยย้ายกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทยแล้ว รวมทั้งมีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการยุบสภาด้วย

    นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงรายงานข่าวที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยได้มีการร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาว่า ยังไม่ทราบเรื่องว่ามีการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้แม้จะมีกฤษฎีกาให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้วก็ตาม แต่ตามกฎหมายแล้วรักษาการนายกรัฐมนตรียังสามารถยุบสภาได้ โดยการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเองหรือจะขอความเห็นจากมติของคณะรัฐมนตรีในการยุบสภาก็ได้
    “จริงๆแล้วเรื่องการยุบสภาเป็นพระราชอำนาจ โดยรัฐบาลมีหน้าที่เสนอพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น อย่างไรก็ตามตราบใดที่นายกฯคนใหม่ที่ได้รับเลือกจากสภายังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯก็ถือว่ายังไม่มีนายกรัฐมนตรี ดังนั้นรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้สามารถยุบสภาได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่าการยุบสภาถือเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่พรรคเพื่อไทยจะใช้หากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับฉันทามติด้วยเสียงข้างมากของประชาชน ดังนั้นจึงถือเป็นสิทธิ์ในการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนให้ตัดสินใจใหม่ การยุบสภาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
    ด้านนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยก่อนเข้าประชุมส.ส.ว่า ขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 17 คนตอบรับจะเข้าพรรคเพื่อไทย ส่วนส.ส.ที่เหลือจะไปพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าถ้าส.ส.ทั้ง 17 คนมาเพื่อไทยแล้ว จะทำให้ที่เหลือ รวมทั้งส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องย้ายเข้าพรรคเพื่อไทยแน่นอน
    ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเสนอให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรค รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ก่อนหน้านี้พล.ต.อ.ประชา จะออกมาปฏิเสธแต่ท่าทีล่าสุดได้พูดลักษณะเป็นกลางๆ แล้ว ซึ่งก็ยังไม่แน่ แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าท่านจะตอบรับจริงหรือไม่ แม้พล.ต.อ.ประชา ไม่อยากเป็นนายกฯแต่ถ้าเพื่อนส.ส.เสนอชื่อพร้อมโหวตให้ในสภา คงจะไม่รับก็ไม่ได้ ก็ต้องเป็นอยู่ดี
    นายชูวิทย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภาหากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลว่า ไม่เกี่ยวเพราะเวลานี้ไม่มีใครอยากให้ยุบสภา ไม่มีเหตุผล ไม่รู้จะยุบไปทำไมการเมืองมาทางประชาธิปไตยก็ต้องไปตามทางประชาธิปไตยและยังเห็นว่าแนวทางออกวันนี้ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ารัฐบาลเพื่อชาติ ตามข้อเสนอของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชารราช
    นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านต่างกดดันส.ส.อีสาน ถามว่ายังอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะเขาตั้งใจเลือกมาเพื่อให้เป็นรัฐบาล ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นหนทางสุดท้ายหากไม่สามารถหาทางออกอะไรได้อีกแล้ว นอกจากนี้ในวันที่ 15 ธ.ค.ในวันโหวตเลือกนายกฯจะมีชาวบ้านเดินทางมาฟังการโหวตเลือกนายกฯเป็นจำนวนมากแน่นอน
    ขณะที่นายอิทธิเดช กล่าวเพียงว่า รอดูวันนี้จะมีแถลงเป็นข่าวดี เมื่อถามว่าเป็นข่าวดีจากพรรคเพื่อแผ่นดินใช่หรือไม่ นายอิทธิเดช กล่าวว่า คอยดูละกัน เขายังให้เป็นความลับอยู่ยังไม่อยากพูดอะไรมาก
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]
    โดย: Supawan
    ตั้งเมื่อ: <ACRONYM title="16 ชั่วโมง 39 นาทีที่ผ่านมา">14:37 น. 12 ธ.ค. 2008</ACRONYM>

     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ดีเดย์ 30 ธค.ใช้เซ็นเซอร์จับจริงฝ่าไฟแดง หมวด » ข่าว » ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    ตำรวจจราจรเอาจริง จัดตั้งกล้องถ่ายภาพผู้กระทำผิดผ่าสัญญาณไฟจราจร เริ่มดีเดย์ 30 ธ.ค.นี้ โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับรถที่ล้ำเส้นจราจร และฝ่าไฟแดง
    พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล และ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวเปิดใช้ระบบภาพถ่ายผู้ขับขี่ยานพาหนะ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ด้วยระบบภาพถ่ายและออกหมายเรียกให้ผู้ขับขี่มาเสียค่าปรับ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างผู้ฝ่าฝืนกับตำรวจจราจรประจำแยก และข้อโต้เถียงจนเกิดการสะสมของรถยนต์ โดย ระบบข้างต้น จะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่ล้ำเส้นการจราจรและฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง และถ่ายภาพส่งไปกองบังคับการตำรวจจราจร เก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนพิมพ์หมายเรียกและภาพส่งให้ผู้ขับขี่
    พล.ต.ต.สุพร เน้นย้ำให้ผู้บขับขี่รถยนต์ดำเนินการติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังของรถ หรือ นำวัสดุที่บดบังการมองเห็นเลขทะเบียนออก เพราะตำรวจจราจรจะเร่งกวดขันความผิดลักษณะนี้ มีโทษปรับสูงกว่า 1,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มหากต้องการหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายภาพ ที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
    โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 30 ธันวาคม ใน 30 แยกสำคัญทั่วกรุงเทพฯ อาทิ แยกอโศก-พระราม 9 แยกประดิพัทธ์ และแยกประเวศ


    ที่มาจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หยุดปีใหม่ตกงานระวังนายทุนปิดบริษัทหนี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สภานายจ้างฯ แฉเหลี่ยมนายทุนจ้องปิดกิจการช่วงลูกจ้างกลับบ้านเที่ยวปีใหม่ ชี้ รง.รับออเดอร์ต่างชาติ คือกลุ่มเสี่ยง ปลัดฯ แรงงาน เรียก 14 องค์กรถกรับวิกฤติเลิกจ้าง 15 ธ.ค.นี้ ยันไม่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 52 ขณะที่ฉันทนาบางพลีกว่า 1,000 ฮือปิดจี้ปลดผู้บริหาร-ขอโบนัสเพิ่ม

    ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมแทบทุกประเภทในขณะนี้ ส่งให้แรงงานถูกเลิกจ้างแล้วจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นวันหยุดระยะยาว 5 วัน จะมีสถานประกอบการหลายแห่งถือโอกาสให้ลูกจ้างหยุดยาวหลายวัน หลังจากนั้นจะปิดยาวต่อไปอีกสุดท้ายก็จะปิดกิจการ เนื่องจากหากปิดกิจการในช่วงนี้ลูกจ้างอาจลุกฮือประท้วงได้ จึงถือโอกาสในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกจ้างกลับภูมิลำเนา โดยสถานประกอบการที่รับออเดอร์มาจากต่างประเทศ หรือในกลุ่มนายทุนต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยเป็นสภาวะกลุ่มเสี่ยง
    ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายระบุว่าในปี 2552 จะมีคนตกงานประมาณ 4.5 ล้านคน นายปัณณพงศ์ กล่าวว่า หากเป็นจริงคงต้องมีการปิดประเทศ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ตัวเลขสูงเกินไป คิดว่าคงไม่เกิน 1 ล้านคน และการออกมาระบุเช่นนี้ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ
    “ผลกระทบจากการให้ข้อมูลที่มากทำให้เกิดการตื่นตระหนก บางแห่งก็มีตำแหน่งงานว่าง จากการตรวจสอบตัวเลขจากกระทรวงแรงงานเองก็ยังไม่ถึงแสนคน ส่วนในช่วงวันหยุดปีใหม่น่าเป็นห่วงโรงงานที่ยังไม่มีสหภาพแรงงาน และนายจ้างไม่ยอมพูดความจริงกับลูกจ้าง ในช่วงนี้ลูกจ้างควรสังเกตว่า สถานประกอบการที่ทำงานอยู่เข้าข่ายนี้หรือไม่ กระทรวงแรงงานเองก็ต้องช่วยเฝ้าระวังจะได้เข้าช่วยเหลือให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์หรือหางานใหม่ให้ทำได้ทันท่วงที” นายปัณณพงศ์กล่าว
    ด้านนางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา กสร.ได้เชิญนายจ้างกว่า 400 แห่งมาประชุมให้ความรู้เรื่องกฎหมายคุ้มครองและแรงงานสัมพันธ์ โดยให้ลูกจ้างไม่เสียสิทธิและไม่ให้นายจ้างบอบช้ำมาก และ 5 หน่วยงานของกระทรวงแรงงานให้ความมั่นใจว่า จะไม่มีการทอดทิ้งทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ในส่วนสถานประกอบการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม กสร.มีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลทุกเดือน ทั้งนี้ในวันที่ 23-25 ธันวาคมนี้ จะจัดประชุมวิเคราะห์สถานการณ์กับนายจ้างในกรุงเทพฯ ส่วนภูมิภาคอื่นจะดำเนินการไม่เกินเดือนมกราคม 2552 เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างได้รับทราบแนวทางในการปฏิบัติในภาวะวิกฤติเช่นนี้
    ฮือปิดถนนท้วงโบนัส
    เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ต.อาชาไนย แสนสุข สารวัตรจราจร สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุพนักงานกว่า 1,000 คน ของบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการผลิตอะไหล่ช่วงล่างรถยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 3 หมู่ 7 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ชุมนุมปิดถนนกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง ฝั่งขาออกที่มุ่งหน้าสู่ถนนบางนา-ตราด ในทุกช่องทางจราจร ทำให้ยานพาหนะไม่สามารถผ่านไปได้ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก นอกจากนี้เส้นทางที่เป็นจุดเชื่อมและเส้นทางเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิยังได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ตำรวจต้องระดมกำลังจัดการจราจรใหม่ โดยแบ่งช่องจราจรถนนฝั่งขาเข้าซึ่งไม่ถูกปิดเป็นช่องเดินรถแบบสวนทางกัน เพื่อระบายยวดยานที่ต้องเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
    ต่อมา พ.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ (รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ) นำตำรวจชุดปราบจลาจล 100 นาย พร้อมโล่และกระบอง ตรึงกำลังบริเวณพื้นที่ชุมนุมเพื่อป้องกันเหตุร้าย เนื่องจากพบว่าพนักงานบางคนดื่มสุรา
    นายสุชาติ เกษมศาสนต์ อายุ 35 ปี ตัวแทนพนักงานบริษัทยานภัณฑ์ กล่าวว่า บริษัทแห่งนี้มีกิจการ 3 สาขา ได้แก่ สาขาปากทางเข้าถนนกิ่งแก้ว ด้านถนนบางนา-ตราด มีพนักงาน 419 คน สาขาถนนกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง มีพนักงาน 1,200 คน ในจำนวนนนี้ 10% เป็นพนักงานแบบเหมาช่วง หรือซับคอนแทรค และสาขา อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มีพนักงาน 300 คน ส่วนสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 81 กรุงเทพฯ
    ตัวแทนพนักงานคนเดิมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการดีมาโดยตลอด จ่ายเงินล่วงเวลาทุกวัน หรือโอที กระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้บริหารมีคำสั่งให้ลดโอที และเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผู้บริหารแจ้งกับพนักงานว่า จะงดการจ่ายเงินโบนัส แต่จะให้เงินสินน้ำใจในช่วงปีใหม่ คนละ 5,000 บาท ทำให้พนักงานไม่พอใจ จึงนัดหยุดงานเพื่อรวมตัวกันประท้วงตั้งแต่เวลา 00.01 ของวันที่ 12 ธันวาคม ภายในบริเวณโรงงานและขยายมาสู่การปิดถนนสายดังกล่าวในช่วงเช้าของวันเดียวกัน
    สำหรับการชุมนุมปิดถนนประท้วงครั้งนี้ พนักงานยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้บริหาร 6 ข้อ ดังนี้ 1.ตั้งสหภาพแรงงานในบริษัท 2.ขอโบนัสรวม 4 เดือนทุกคน 3.พนักงานที่ทำงานเกิน 1 ปี (ซับคอนแทรค) ขอให้บรรจุเป็นพนักงานประจำ 4.ขอให้มีการขึ้นเงินเดือนประจำปี เฉลี่ยคนละ 500 บาท 5.ไม่ให้เอาผิดกับพนักงานที่ชุมนุมทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง และ 6.ขอให้เปลี่ยนผู้บริหาร 3 คน
    จากนั้น ฝ่ายพนักงานส่งตัวแทน 15 คนเข้าไปเจรจากับนายจ้าง โดยมีนายนิพนธ์ เลิศศรีสุวัฒนา นายอำเภอบางพลี และเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมเจรจา กระทั่งเวลา 12.00 น. ทางแกนนำพนักงานแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า นายจ้างรับปากจะจ่ายเงินโบนัส 1.5 เท่าของเงินเดือน แต่ผู้ชุมนุมแสดงความไม่พอใจ เพราะต้องการโบนัสอย่างต่ำ 3 เดือน โดยไม่มีการกำหนดอายุงาน ดังนั้นตัวแทนพนักงานและนายจ้างจึงเปิดการเจรจากันอีกครั้ง
    พนักงานหญิงฝ่ายผลิต อายุ 25 ปี กล่าวว่า ทำงานมาครบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ ที่ผ่านมารับเงินเดือน 6,000-7,000 บาท ต้องมีภาระเลี้ยงลูกอีก 2 คน ถ้าได้โบนัสและปรับเงินเดือนตั้งใจว่าจะส่งเงินไปให้ลูกที่ต่างจังหวัด จึงอยากขอร้องให้นายจ้างทำตามข้อเรียกร้องของพนักงาน เพื่อความมั่นคงในชีวิต
    ด้านพนักงานชายฝ่ายสโตร์ อายุ 41 ปี กล่าวว่า ทำงานมาแล้ว 20 ปีได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,900 บาท ภาระที่ต้องแบกรับในขณะนี้คือ ผ่อนบ้านดือนละ 6,500 บาท แต่เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ภรรยาซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งถูกเลิกจ้าง ทำให้ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพียงลำพัง
    "ที่สำคัญผมลูก 2 คน ก็ยังเล็กอยู่ เวลานี้เรียนหนังสืออยู่ชั้นอนุบาล และระดับประถมศึกษา ที่ผ่านมาต้องกู้เงินนอกระบบไปจ่ายค่าเทอมให้ลูก ตั้งใจว่าหากมีการขึ้นเงินเดือนและได้โบนัส ก็จะนำเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้" พนักงานวัย 40 ปี กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
    ถกรับวิกฤติเลิกจ้าง 15 ธ.ค.นี้
    วันเดียวกัน ที่กระทรวงแรงงาน นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำ 14 องค์กรด้านเศรษฐกิจรองรับวิกฤติทางเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาในการเลิกจ้างว่า กระทรวงแรงงานเป็นห่วงผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบกว่า 36 ล้านคน โดยเฉพาะแรงงานแบบเหมาช่วงกว่า 1 ล้านคน โดยกลุ่มแรงงานดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างเป็นอันดับแรก หากนายจ้างต้องการลดค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ถูกเลิกจ้างไปแล้วกว่า 6 หมื่นคน ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาน่าเป็นห่วงมากที่สุด
    ดังนั้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 14 หน่วยงาน เช่น กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานสถิติแห่งชาติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังวิกฤติเศรษฐกิจ มาประชุมหารือมาตรการรองรับวิกฤติครั้งนี้ ทั้งนี้หน่วยงานต่างๆ กำลังรอนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร จะสามารถเยียวยาเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 อย่างไร
    ยันไม่ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 52
    ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลาง กล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2552 ยังไม่มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเหมือนเช่นทุกปี ที่จะประกาศปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีในวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากมติของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองวิชาการค่าจ้างขั้นต่ำ ให้ชะลอพิจารณาปรับเพิ่มโดยเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้อยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วงนายจ้างสถานประกอบการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม จะเริ่มมีการพิจารณาปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงไตรมาส 2 (เดือนเมษายน- มิถุนายน) ของปี 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ
    จี้รัฐเร่งแผนรับมือคนตกงาน
    นายนิพนธ์ สุรพงษ์รักเจริญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) ชะลอตัวลง 1% จะทำให้มีคนตกงานถึง 3.5 แสนคน และหากจีดีพีลดลง 3% จะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาคนตกงานให้ดี โดยต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน หากป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ 70-80% ก็ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ
    ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในงานสัมมนา “แนวทางและมาตรการรับมือวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจโลก” ว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจจะมีความรุนแรงมากในปีหน้า และคาดว่าจะมีคนตกงานเพิ่มเป็น 1.2-2 ล้านคน โดยเป็นแรงงานในภาคท่องเที่ยวจะว่างงานถึง 8 แสน-1 ล้านคน จากผลกระทบการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับ 1.4-1.5 แสนล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวเพียง 0-3% ดังนั้น รัฐบาลใหม่ควรเร่งออกแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว
    ธ.ก.ส.ปล่อยกู้อุ้มคนตกงาน
    นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า หารือกับสำนักงานกองทุนประกันสังคม (ส.ป.ส.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการให้ความช่วยเหลือคนตกงาน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนั้น ส.ป.ส.จะนำเงินส่วนหนึ่งจากวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทมาฝากไว้กับ ธ.ก.ส. จากนั้นให้ ธ.ก.ส.นำไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้สมาชิกของประกันสังคมที่ตกงาน และกลับไปประกอบอาชีพส่วนตัว โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
    ศก.แย่เขยฝรั่งบินกลับประเทศ
    นายสมชาย เสตกรณุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับภาคเอกชนใน 4 จังหวัดหลักภาคอีสาน ได้แก่ จ.ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี ต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปีหน้าที่คาดว่าจะถดถอย ซึ่งสังเกตได้จากแรงงานไทยที่ไปทำงานยังต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ไต้หวันส่งเงินกลับมาน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ขณะที่เขยฝรั่งที่ปกติจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ขณะนี้ก็เริ่มเดินทางกลับประเทศมากขึ้น และที่น่ากังวลอีกเรื่องก็คือ หนี้สินส่วนบุคคลที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะคนตกงานจึงหันพึ่งเงินนอกระบบ เรื่องแบงก์ปลอมระบาด ผู้ประกอบการที่ทำการค้าเกี่ยวกับการผ่อนส่งเริ่มจะมีปัญหา
    มช.ของบใหม่ 100 ล.อุ้มบัณฑิตใหม่
    ขณะเดียวกัน รศ.นพ.อำนาจ อยู่สุข รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษาและกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า เตรียมมาตรการช่วยเหลือบัณฑิตจบใหม่ของปีนี้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,700 คน ในจำนวนบัณฑิตจบใหม่ เมื่อหักบัณฑิตสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ คือ แพทย์ พยาบาล และทันตแพทย์ ซึ่งมีงานรองรับร้อยเปอร์เซ็นต์ จะคงเหลือบัณฑิตอีกประมาณ 3,000 คนที่ต้องว่างงาน ในส่วนนี้มหาวิทยาลัยได้ประสานกับผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนประมาณ 100 แห่ง เพื่อขอให้บัณฑิตเหล่านี้เข้าทำงานที่ละ 30 คน ในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมหาวิทยาลัยได้เขียนโครงการเสนอของบประมาณไปยังรัฐบาลผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อของบ 100 ล้านบาท สำหรับจ่ายเป็นเงินเดือนให้บัณฑิตเดือนละ 6,000 บาท
    เสนอตั้ง กก.แรงงานจับตายานยนต์
    ขณะเดียวกัน นายยงยุทธ เม่นตะเภา ประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหพันธ์ได้จัดประชุมสัมมนา สมาชิก และบริษัทรถยนต์นายจ้าง เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะหดตัวในปี 2552 ทำให้ผู้ประกอบการ ทั้งบริษัทรถยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วน ปรับแนวทางจัดการภาคแรงงาน ทั้งลดการทำงานล่วงเวลา ถึงขั้นลดจำนวนพนักงานลง โดยผู้ประกอบการที่ประกาศลดพนักงานไปแล้ว คือ โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จะยกเลิกต่อสัญญาพนักงานชั่วคราวจำนวน 1,350 คน และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือจีเอ็ม 350 คน
    นายยงยุทธกล่าวยอมรับว่า สิ่งที่ภาคแรงงานรู้สึกเป็นห่วงในช่วงนี้คือ การที่ผู้ประกอบการอาจฉวยโอกาสลดต้นทุนการบริหารงาน ด้วยการเลิกจ้างพนักงาน ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นนั้น ดังนั้นสหพันธ์จึงมีแผนเสนอต่อรัฐบาลใหม่ ให้ตั้งคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง เข้ามาช่วยดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม
    "คณะกรรมการดังกล่าว เข้าไปดูแลในส่วนของพนักงานซับคอนแทร็คที่ถูกเลิกจ้างทั้งหมด เพราะพนักงานกลุ่มนี้ในแง่ของกฎหมาย จะไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษใดๆ จากบริษัททั้งสิ้น เนื่องจากเป็นพนักงานชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันทั้งค่ายรถและโรงงานผลิตชิ้นส่วนนิยมว่าจ้างจำนวนมาก เพราะรับผิดชอบไม่สูงเท่ากับพนักงานประจำหากถูกเลิกจ้าง ซึ่งในแง่กฎหมายถือว่าไม่ผิด ปัจจุบันบุคลากรในสายงานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอยู่ทั้งสิ้นกว่า 3 แสนคนนั้น แบ่งเป็นกลุ่มพนักงงานชั่วคราวประมาณ 2 แสนคน" นายยงยุทธกล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ดีเดย์ 30 ธค.ใช้เซ็นเซอร์จับจริงฝ่าไฟแดง หมวด &raquo; ข่าว &raquo; ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    ตำรวจจราจรเอาจริง จัดตั้งกล้องถ่ายภาพผู้กระทำผิดผ่าสัญญาณไฟจราจร เริ่มดีเดย์ 30 ธ.ค.นี้ โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับรถที่ล้ำเส้นจราจร และฝ่าไฟแดง
    พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล และ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวเปิดใช้ระบบภาพถ่ายผู้ขับขี่ยานพาหนะ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ด้วยระบบภาพถ่ายและออกหมายเรียกให้ผู้ขับขี่มาเสียค่าปรับ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างผู้ฝ่าฝืนกับตำรวจจราจรประจำแยก และข้อโต้เถียงจนเกิดการสะสมของรถยนต์ โดย ระบบข้างต้น จะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่ล้ำเส้นการจราจรและฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง และถ่ายภาพส่งไปกองบังคับการตำรวจจราจร เก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนพิมพ์หมายเรียกและภาพส่งให้ผู้ขับขี่
    พล.ต.ต.สุพร เน้นย้ำให้ผู้บขับขี่รถยนต์ดำเนินการติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังของรถ หรือ นำวัสดุที่บดบังการมองเห็นเลขทะเบียนออก เพราะตำรวจจราจรจะเร่งกวดขันความผิดลักษณะนี้ มีโทษปรับสูงกว่า 1,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มหากต้องการหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายภาพ ที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
    โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 30 ธันวาคม ใน 30 แยกสำคัญทั่วกรุงเทพฯ อาทิ แยกอโศก-พระราม 9 แยกประดิพัทธ์ และแยกประเวศ


    ที่มาจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หยุดปีใหม่ตกงานระวังนายทุนปิดบริษัทหนี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สภานายจ้างฯ แฉเหลี่ยมนายทุนจ้องปิดกิจการช่วงลูกจ้างกลับบ้านเที่ยวปีใหม่ ชี้ รง.รับออเดอร์ต่างชาติ คือกลุ่มเสี่ยง ปลัดฯ แรงงาน เรียก 14 องค์กรถกรับวิกฤติเลิกจ้าง 15 ธ.ค.นี้ ยันไม่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 52 ขณะที่ฉันทนาบางพลีกว่า 1,000 ฮือปิดจี้ปลดผู้บริหาร-ขอโบนัสเพิ่ม

    ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมแทบทุกประเภทในขณะนี้ ส่งให้แรงงานถูกเลิกจ้างแล้วจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นวันหยุดระยะยาว 5 วัน จะมีสถานประกอบการหลายแห่งถือโอกาสให้ลูกจ้างหยุดยาวหลายวัน หลังจากนั้นจะปิดยาวต่อไปอีกสุดท้ายก็จะปิดกิจการ เนื่องจากหากปิดกิจการในช่วงนี้ลูกจ้างอาจลุกฮือประท้วงได้ จึงถือโอกาสในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกจ้างกลับภูมิลำเนา โดยสถานประกอบการที่รับออเดอร์มาจากต่างประเทศ หรือในกลุ่มนายทุนต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยเป็นสภาวะกลุ่มเสี่ยง
    ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายระบุว่าในปี 2552 จะมีคนตกงานประมาณ 4.5 ล้านคน นายปัณณพงศ์ กล่าวว่า หากเป็นจริงคงต้องมีการปิดประเทศ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ตัวเลขสูงเกินไป คิดว่าคงไม่เกิน 1 ล้านคน และการออกมาระบุเช่นนี้ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แบงก์ ออฟ อเมริกา อาจปลด พนักงาน35,000คนในช่วง 3ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบเนื้อหาข่าวอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>แบงก์ ออฟ อเมริกาเผยอาจจะปลดพนักงานถึง 35,000 คนในช่วง 3 ปี

    (12ธ.ค.) ธนาคาร แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นกิจการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานว่า

    อาจจะมีการปรับลดพนักงาน 30,000 ถึง 35,000 คนในระยะเวลา 3 ปีเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเลวร้ายลงและกำลังทำข้อตกลงควบกิจการกับเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค โดยผู้ถือหุ้นของทั้งสองฝ่ายเพิ่งมีมติเห็นชอบกับข้อตกลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


    แต่ธนาคาร บอกว่า

    จะได้ข้อสรุปสุดท้ายเกี่ยวกับแผนปรับลดพนักงานในช่วงต้นปีหน้าโดยพนักงานที่จะถูกปลดออกจะอยู่ในส่วนทั้งของแบงก์ ออฟ อเมริกา และเมอร์ริล ลินช์ เพื่อลดตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อนกันจากการควบกิจการ


    แบงก์ ออฟ อเมริกาเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีสถานะทางการเงินดี และการเตรียมปลดพนักงานจำนวนมากครั้งนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการว่างงานที่จะยิ่งสูงขึ้นสืบเนื่องจากวิกฤติการเงินและสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ และเมื่อเดือนที่แล้วบริษัทซิตี้ กรุ๊ป เพิ่งประกาศแผนปลดพนักงาน 53,000 คนทั่วโลกในปีหน้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>นํ้ามันลดฮวบ'ขนส่ง'เตรียมบี้'รถโดยสาร'</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมขนส่งทางบกเล็งปรับลดค่าโดยสารรถสารสาธารณะหลังราคาน้ำมันลดฮวบ พร้อมถกคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง

    ด้าน“บุญชัย” โผล่ขู่คมนาคมบี้ผู้ประกอบการรถโดยสารลดค่าโดยสารอีก 9 สตางค์ต่อ กม.-รถเมล์ลดอีก 1 บาท ดีเดย์ก่อน 17 ธ.ค. หากไม่ปรับราคาเตรียมนำมวลชนกว่า 600 คนหิ้วพวงหรีดบุกประท้วงถึงกระทรวงฯ ส่วนผู้ประกอบการย้ำปรับได้แค่ 3 สตางค์ต่อ กม. อ้างเหตุค่าอะไหล่-ค่าครองชีพสูง


    เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล

    เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันปรับลดลงค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ลิตรละ 19.84 บาท ซึ่งหากราคาน้ำมันดีเซลยังคงราคาไว้ที่ระดับนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ กรมฯจะเสนอเรื่องการปรับลดอัตราค่าโดยสารสำหรับรถโดยสารสาธารณะให้ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกพิจารณาต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับลดค่าโดยสารเป็นเท่าใด เพราะมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากราคาน้ำมันเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างแรงงาน ค่าอะไหล่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ถือเป็นต้นทุนเดินรถด้วยเช่นกัน

    นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ เปิดเผยว่า รถโดยสารประจำทาง ต้องปรับลดค่าโดย สารลงอีกกิโลเมตรละ 9 สตางค์

    เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลลดลงต่อเนื่อง ซึ่งการที่ผู้ประกอบการรถโดยสารต่าง ๆ ระบุว่า จะปรับลดลงเพียงกิโลเมตรละ 3 สตางค์นั้น ถือว่าน้อยเกินไปไม่เหมาะสม ซึ่งตนได้มีหลักฐานการปรับลดค่าโดยสาร โดยตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 48 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 18.19 บาท จนถึงขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 19.84 บาท ซึ่งรถประจำทางได้ปรับขึ้นค่าโดยสารรวม 15 สตางค์แล้ว

    ส่วนค่าโดยสารรถเมล์ครีมแดง จะต้องปรับลดราคาลงจาก 7.50 บาท ให้เหลือ 6 บาท ขณะที่รถเมล์ขาวน้ำเงินต้องปรับราคาจาก 8.50 บาท ให้เหลือ 7 บาท

    โดยค่าโดยสารทั้งหมดจะต้องปรับราคาก่อนวันที่ 17 ธ.ค. หากไม่ปรับราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน สมาคมฯ จะมีมาตรการขั้นรุนแรงกว่าการฟ้องศาลปกครองเหมือนที่ผ่านมา เช่น จะนำประชาชนกว่า 500-600 คน นำพวงหรีดจากทุกคนเดินทางมาที่กระทรวงคมนาคม และอาจฟ้องร้องข้าราชการบางคน เพราะถือว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

    “อย่ามาอ้างว่า ค่าอะไหล่แพง ค่าแรงขึ้นแล้วจะปรับลดค่าโดยสารแค่ 3 สตางค์ต่อ กม. เหมือนเป็นการเล่นละครกัน ถือว่าน้อยเกินไป เป็นการเอาเปรียบผู้โดยสาร จริง ๆ มันต้องลดถึง 9 สตางค์ต่อ กม. และถ้าผู้ประกอบการรายไหน บอกว่าอยู่ไม่ได้ ขาดทุนก็ให้เลิกกิจการไปได้เลย เพราะกิจการนี้มีกำไรมหาศาล” นายบุญชัย กล่าว

    ด้าน นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย กล่าวว่า วันที่ 11 ธ.ค. สมาคมฯได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบก


    เพื่อให้กรมฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง พิจารณาอนุมัติปรับลดราคาค่าโดยสารรถร่วมบริการของ บขส. ที่วิ่งให้บริการระหว่างกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และรถวิ่งให้บริการระหว่างจังหวัดลงอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแม้ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถปรับลดราคาค่าโดยสารได้มากกว่านี้ เพราะราคาสินค้าไม่ได้ปรับลดลงตาม รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้จำนวนผู้โดยสารต่อรถ 1 เที่ยว ลดลงประมาณ 30% ด้วย ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการขณะนี้ลดลงอย่างมาก

    นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. กล่าวว่า บขส.เตรียมพิจารณาปรับลดราคาค่าโดยสารลง 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร เพื่อให้ค่าโดยสารสอดคล้องกับต้นทุน

    และผ่อนคลายภาวะค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถโดยสาร หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันของ บขส.ลดลง โดยต้องรอคณะกรรมการฯอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ก่อนเทศกาลปีใหม่ ส่วนกรณีที่ผู้โดยสารที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งได้จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 60 วันจนเต็มแล้วนั้น ทางปฏิบัติหากคณะกรรมการฯ อนุมัติปรับลดค่าโดยสาร ผู้โดยสารที่จองตั๋วเมื่อมาออกตั๋วโดยสารก่อนเดินทาง ก็จะได้รับส่วนลดตามสัดส่วน 3 สตางค์ต่อกิโลเมตรด้วย.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อันดับความน่าเชื่อถือไทยปิ๋ว บริษัทจัดเครดิตเรตติ้ง 5 แห่งพร้อมใจขย่ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของโลกจำนวน 5 แห่ง

    ได้แก่ บริษัทเอสแอนด์พี (Standard & Poor's), ฟิทช์ เรตติ้ง (Fitch Ratings), อาร์แอนด์ไอ (Rating & Investment Information, Inc.), เจแปนเครดิตเรตติ้ง (Japan Credit Rating Agency) และมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moo dy's Investors Service) ได้ปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยลงถ้วนหน้าแล้ว


    ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พีได้ปรับลดแนวโน้มเครดิตของไทยลงจากระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เป็นระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook)

    แต่ยังคงยืนเครดิตตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ระดับ BBB+/ A-2 ส่วนตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินบาทอยู่ที่ A/A-1 ซึ่งยังคงอยู่ในระดับน่าลงทุนต่อไป เช่นเดียวกับที่ฟิทช์เรตติ้ง อาร์แอนด์ไอ เจซีอาร์ และมูดี้ส์ที่ได้ปรับลดแนวโน้มเครดิตของไทยจากระดับดังกล่าวลงเป็นระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook) แต่ยังคงยืนอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ระดับเดิมซึ่งยังเป็นระดับน่าลงทุนที่ BBB+ ตามลำดับ


    สำหรับเหตุผลหลักของการปรับลดเครดิตเรตติ้งดังกล่าว มาจากการขาดเสถียรภาพทางการเมืองเป็นหลักโดยเฉพาะในการเข้ายึดครองสนามบินนานาชาติทั้ง 2 แห่งของประเทศไทยโดยกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาล

    กระทั่งถึงการตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมือง 3 พรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และการที่ยังไม่มีผู้นำการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ล้วนส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม สบน.พิจารณาแล้วเห็นว่า การปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลงดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณอันตรายต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศต่อระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไข ก็จะนำไปสู่การปรับลดเครดิตของประเทศในที่สุด นอกจากนี้ ในการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบทางการเมือง และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มีความมั่นคง และเป็นที่ยอมรับ น่าจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง แต่คงไม่สามารถทำให้แนวโน้มเครดิตของประเทศกลับมาสู่ระดับมีเสถียรภาพดังเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว

    แม้ไทยจะมีจุดแข็งในเรื่องของฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศเทียบกับหนี้ต่างประเทศ และการรักษาวินัยทางการคลังซึ่งวัดจากหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม

    ทั้งนี้ บริษัทต่างๆจะเข้ามาประเมินเครดิตของไทยครั้งต่อไปในไตรมาสแรกของปี 2552 รัฐบาลจึงต้องใช้โอกาสนี้ชี้แจงทำความเข้าใจให้ดี โดย สบน.คาดว่า อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ที่ไทยจะกลับมามีแนวโน้มเครดิตดังเดิมอีก


    ด้านนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.2551 ซึ่งสำรวจจากประชาชนทั่วประเทศ 2,238 คน

    ความเชื่อมั่นทุกรายการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และหลายรายการอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 76-85 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 67.1 ลดจาก 68.6 ในเดือน ต.ค. และต่ำสุดในรอบ 82 เดือน นับจากเดือน ก.พ.2545 ส่วนความเชื่อมั่นต่อโอกาสหางานทำ อยู่ที่ 67.9 ลดจาก 69.2 ต่ำสุดในรอบ 78 เดือน นับแต่เดือน พ.ค.2545 และความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.8 ลดจาก 89.5

    กรณีดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 74.2 ลดจาก 75.8 ในเดือน ต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบันอยู่ที่ 66.8 ลดจาก 68.1 ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ 74.7 ลดจาก 76.3

    โดยปัจจัยลบที่ทำให้ดัชนีทุกรายการลดลง คือ ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองที่มีผลกับบรรยากาศการลงทุน และการท่องเที่ยว การปิดสนามบินที่ทำให้ภาพพจน์ประเทศเสียหาย และยิ่งซ้ำเติมประเทศ วิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐฯ การปรับลดการคาดการณ์อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ เงินบาทอ่อนค่า และความกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้าสูง


    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์ พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหลายรายการลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี


    และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีของการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้น้ำหนัก 85.7% ไปยังปัจจัยการเมือง และ 80.8% ให้น้ำหนักราคาน้ำมัน แสดงว่า สถานการณ์การเมืองยังน่ากังวลอยู่ “ถ้าการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัว 0-2% การว่างงานจะอยู่ที่ 900,000 คน แต่หากการเมืองไม่นิ่ง ยังมีการประท้วง และปิดล้อมสถานที่ต่างๆ รัฐบาลยังมีความเสี่ยงอยู่ ก็จะขยายตัวติดลบแน่นอน โดยไตรมาสแรกอาจติดลบ 1-2% ส่วนไตรมาส 2 อาจติดลบ 2-3% และว่างงานจะเพิ่มเป็น 1.3 ล้านคน จากที่ก่อนหน้านี้ที่เคยคาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัว 2-3%”.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ฟไหม้ตึกแถวเมืองสมุทรปราการ วอดไป 10 คูหา<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อกลางดึกวานนี้ (11 ธ.ค.) เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องเช่าภายใน ซ.บุญศิริ แยกพร้อมนิมิต ซ.9 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

    หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลบางเมือง จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง นำรถดับเพลิง 7 คัน เข้าฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้
    แต่การดับเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากบริเวณเกิดเหตุเป็นห้องเช่าติดต่อกันหลายคูหา และมีถังแก๊สหุงต้มระเบิดเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบพบห้องเช่าได้รับความเสียหายทั้งหมด 10 คูหา แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    นางปราณีย์ สมเสนาะ ซึ่งพักอาศัยอยู่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ ให้การว่าเพลิงลุกไหม้มาจากชั้นบนและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว


    และมีเสียงระเบิดเป็นระยะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากห้องเช่าเป็นลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ อยู่ในสภาพเก่า อย่างไรก็ตาม จะประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ส่วนค่าเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โจรขโมยรถพ่อค้า ลูก4ขวบติดไปด้วย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.ท.ประหยัด เฮ้าวัง สารวัตรเวร สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุโจรกรรมรถและภายในรถมีเด็กติดไปกับรถด้วย

    เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถตลาดไท ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต. วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ ผกก. พ.ต.ต.ธีรพรรดิ์ บัณฑิตโตหิรัญ สว.สส.นำกำลังรุดไปตรวจสอบ
    พบนายเกียรติศักดิ์ ปรีชา อายุ 39 ปี และนางศุนันทา โพธิ์น้ำเที่ยง อายุ 38 ปี อาชีพเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้านนครชัยวิลล่าซอย 3 ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยท่าทีกระสับกระส่ายและเป็นกังวล

    โดยนายเกียรติศักดิ์ระบุว่าก่อนเกิดเหตุขับรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ถค 6131 กรุงเทพมหานคร พาภรรยาและบุตรชายคือ ด.ช.วุฒิพงษ์ หรือน้องน็อต โพธิ์น้ำเที่ยง วัย 4 ขวบ ซึ่งเป็นดาวน์ซินโดรม มาหาซื้อของกลับไปขายที่ร้าน

    โดยบุตรชายนอนหลับอยู่ในรถจึงใส่กุญแจล็อกเบรกมือ ติดเครื่องทิ้งไว้และล็อกประตูทั้ง 2 บาน โดยตนเองมีกุญแจสำรองอีก 1 ชุด ใช้เปิดประตูรถเวลาเสร็จธุระ จากนั้นก็แยกย้ายกับภรรยาไปเดินหาซื้อของในตลาดใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ย้อนกลับมาที่รถแต่ไม่พบแล้ว โดยทราบจากแม่ค้าว่ามีชายอายุประมาณ 30 ปี ขับออกไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะในรถมีบุตรชายติดอยู่ด้วย

    หลังทราบรายละเอียดเกี่ยวกับรถที่หายไปแล้ว ทางพ.ต.ท.ประหยัด เฮ้าวัง ได้แจ้งวิทยุประสานทุกท้องที่ให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว รวมทั้งกระจายกำลังออกค้นหาตามจุดต่างๆ

    จนกระทั่งเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.ธีรพรรดิ์ บัณฑิตโตหิรัญ สว.สส.สภ.คลองหลวง ก็ได้รับแจ้งจาก สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า พบเด็กชายลักษณะตรงกับที่รับแจ้งหายในท้องที่ สภ.คลองหลวง ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้เชิงสะพานก่อนถึงวัดพืชนิมิตหมู่ 11 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน ประมาณ 100 เมตรและอยู่ห่างจากตลาดไทประมาณ 10 กม. จึงรีบไปรับตัวกลับมาพบนายเกียรติศักดิ์และนางศุนันทา ซึ่งพอเห็นหน้าลูกต่างโผผวาเข้าไปกอดร่ำไห้ดีใจที่ได้ตัวคืนมาโดยไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด


    เบื้องต้นจากการตรวจสอบพยานที่พบเด็กระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. เห็นรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน ถค 6131 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาจอดตรงเชิงสะพานดังกล่าว

    จากนั้นชายอายุประมาณ 30-35 ปี ได้อุ้ม ด.ช.วุฒิพงษ์ ลงมายืนข้างรถด้านซ้าย ทำท่าเหมือนว่าจะให้เด็กปัสสาวะ แต่พอพยานหันกลับมาดูอีกครั้งกลับพบเด็กคลานอยู่ที่พื้น ส่วนรถคันดังกล่าวเร่งเครื่องหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงรีบเข้าไปอุ้มเด็กขึ้นมาประสานแจ้งทาง สภ.บางปะอิน มารับตัวไปตรวจสอบว่าเป็นลูกใคร จนกระทั่งทราบว่าเป็นเด็กที่ติดอยู่ในรถซึ่งถูกคนร้ายโจรกรรมมาจากตลาดไทเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายรายนี้เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ธ.โลกชี้ปีหน้าเศรษฐกิจไทยโต2% ตัวเลขต่ำสุดรอบ11ปี-สาวโรงงานเสี่ยงตกงานสูง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบเนื้อหาข่าวอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ธนาคารโลกมองจีดีพีไทยปี 2552 โตได้แค่ 2% ต่ำสุดในรอบ 11 ปี ส่งออกชะลอตัวมาก ท่องเที่ยวรับผลกระทบหนัก ขณะที่การลงทุนและการบริโภคชะลอ สาวโรงงานเสี่ยงตกงานย้ายเข้าภาคเกษตร คาดไตรมาส 4 จีดีพีหดเหลือ 0.8% แต่ไม่เกิดภาวะเงินฝืด

    ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า

    จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปีหน้า จะทำให้ภาคการส่งออกที่แท้จริงขยายตัวได้เพียง 2% แต่หากคิดเป็นการส่งออกที่ยังไม่ได้หักเงินเฟ้อ การส่งออกของไทยปีหน้าจะขยายตัว 8% ชะลอลงจากปีนี้ที่ขยายตัวได้ 19.5%
    ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2% ชะลอตัวลงจากปีนี้ ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% โดยอัตราการเติบโต 2% ถือเป็นการขยายตัวในระดับต่ำที่สุดในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา


    ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การส่งออกปีหน้าของไทยชะลอตัวลงมาก คือ การที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยชะลอตัวลงมาก ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าน้อยลง เช่นเดียวกับในด้านการท่องเที่ยว ที่จะได้รับผลกระทบจากอำนาจซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และยังได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศด้วย


    ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ทั้งการลงทุนและการบริโภคก็คาดว่า

    จะชะลอตัวต่อเนื่องจากปีนี้ โดยการลงทุนภาคเอกชนในปี 2552 จะขยายตัวได้ไม่มาก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงของลูกค้ามากขึ้น ทำให้สินเชื่อไม่ขยายตัวมากเท่ากับปีนี้ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การอนุมัติโครงการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในปีนี้ปรับลดลงเกือบครึ่งหนึ่งของปีก่อน ทำให้การลงทุนจริงมีไม่มาก


    ดร.กิริฎากล่าวด้วยว่า

    การชะลอตัวของภาคธุรกิจและการบริโภคจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในปีหน้า
    โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบหลักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในครั้งนี้ คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และคนงานที่ถูกเลิกจ้างนี้อาจจะหันไปพึ่งพางานในภาคเกษตรหรือทำกิจการค้าปลีกมากขึ้น


    นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้ด้วยว่า

    น่าจะขยายตัวได้เพียง 0.8% ซึ่งเป็นผลมาจากภาคบริการที่อาจจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเลยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของการปิดสนามบินสุวรรณภูมิในกลางไตรมาส รวมทั้งการส่งออกก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นจากผลกระทบเศรษฐกิจโลก ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐก็คาดว่าไม่ขยายตัวเพิ่มจากปีก่อนเช่นกัน


    "แม้เศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเศรษฐกิจปีหน้าจะชะลอตัวลง แต่ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเหมือนกับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลกอย่างรุนแรง" ดร.กิริฎากล่าว


    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบมากกว่าไทย ดังนั้น ไทยอยู่ในสถานะที่จะปรับตัวได้ จากที่มีการคาดกันว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติปี 2554-2555 ประเทศไทยก็ควรใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>บินไทยกู้ 2 หมื่นล้านบาทอุดรูรั่ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

    ในการประชุมคณะกรรมการการบิน ไทยวันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ประชุมจะพิจารณาปัญหาสภาพคล่องของการบินไทย ซึ่งมี แนวโน้มว่า อาจต้องกู้เงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ชำระค่าเครื่องบินประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำมาเสริมสภาพคล่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้สั่ง ให้ฝ่ายบริหารปรับปรุงรายละเอียดแผนการดำเนินงานเพิ่มเติม แต่โดยหลักการแล้วการชำระค่าเครื่องบินจะมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนอยู่แล้ว
    ส่วนความเสียหายจากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองจนต้องปิดให้บริการนั้น การบินไทยจะพิจารณาอีกครั้งว่าต้องจัดหาเงินกู้มาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยในเบื้องต้นคาดว่าความ เสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการการบินไทยมีมติให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว


    นายสุรชัยกล่าวต่อว่า

    อย่างไรก็ตาม การบินไทยอยู่ระหว่างทบทวนแผนวิสาหกิจประจำปี 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งคาดว่าปริมาณ ผู้โดยสารจะลดลงจากเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยฝ่ายบริหารต้องหากลยุทธ์ในการกระตุ้นปริมาณผู้โดยสารรวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการสนับสนุน ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้ประสบปัญหาการขาดทุนเพราะการขนส่งผู้โดยสารเป็นรายได้หลักของการบินไทย ทั้งนี้ การบินไทยควรเพิ่ม ช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารเพื่อให้ผู้โดยสารมีทางเลือกในการใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่นการขายผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งต้องพัฒนาให้มีความสะดวกรวดเร็วโดย ผู้โดยสารสามารถตรวจเช็กตารางการบินและสำรองที่นั่งได้รวมทั้งการกำหนดราคาตั๋วโดยสารให้มีความหลากหลาย เพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้บริการ


    นอกจากนั้น การบินไทยจะเน้นการสร้างรายได้เพิ่มจากกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง กับธุรกิจการบิน

    เช่น การให้บริการคลังสินค้า การขนถ่ายสินค้า และครัวการบิน เพื่อนำรายได้จากกิจกรรมเหล่านี้มาชดเชยรายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร “ผมไม่ หนักใจที่เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการในช่วงที่การบินไทยมีปัญหาในการทำธุรกิจ ทั้งปัญหาจากราคาน้ำมันที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ปัญหาจากเศรษฐกิจโลก ชะลอตัว ทำให้ปริมาณผู้โดยสารลดลง และปัญหาจากการปิดสนามบิน โดยปัญหา เหล่านี้อาจทำให้ต้องขาดทุนเป็นปีแรก แต่ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น สามารถแก้ไขได้ ส่วนผลประกอบการปีนี้ ต้องรอดูผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4 คาดว่าการบินไทยจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมาช่วยลดการขาดทุน”.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ต่างคนต่างอยู่ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ต่างคนต่างอยู่


    เรามิใช่ผู้รับผิดชอบ ในความสุขของผู้อื่น
    และเขาก็เอาความสุขมาให้เราไม่ได้

    เราไม่สามารถช่วยผู้อื่น ให้พ้นจากปัญหาของเขาได้
    และเขาก็ช่วยเราไม่ได้

    เราไม่อาจเอาความรู้สึกของผู้อื่น มาเป็นความรู้สึกของเราได้

    เราหาคำตอบให้เขาไม่ได้ เราไปเลือกแทนเขาไม่ได้
    เราเลือกได้เฉพาะสำหรับตัวเราเอง

    เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้
    เราเปลี่ยนได้แต่เฉพาะตัวเราเอง

    หากเรามีปัญหา ในการยอมรับความประพฤติของผู้อื่น
    เราอาจบอกเขาได้ว่า มีอะไรที่ทำให้เราไม่สบายใจ
    ด้วยเหตุผลอะไร


    และเราอยากให้เป็นไปอย่างไร
    แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา

    หากเราทำให้ผู้อื่นตกเป็นเชลยแห่งความต้องการของเรา
    เราก็กลับกลายเป็นผู้ทำลายเขา

    การดำเนินชีวิตของตนเองให้ครบบริบูรณ์
    และการให้เสรีภาพแก่ผู้อื่น เพื่อให้เขาดำเนินชีวิตของเขาเองนั้น

    นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่
    เราสามารถทำได้ในชั่วชีวิตของเรา


    ++++++++++++++++++++++++++
    จาก การพบกับความสงบจากการยอมรับ
    โดย ลิชา เอนเงลฮัรดต์
    แปลโดย พระคุณเจ้า ยอร์ช ยอด พิมพิสาร


    ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=200>[​IMG]</TD><TD width=206>[​IMG]</TD><TD width=294>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=605 align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fff2e6>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=210 align=left border=0><TBODY><TR><TD width=200>[​IMG]
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความเป็นผู้เลิศ ไม่ว่าจะเลิศทางด้านรูปสมบัติทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ทั้งที่เป็นของมนุษย์และของทิพย์ การจะได้ความเป็นผู้เลิศนี้มา ก็ต้องอาศัยการประกอบเหตุกันทั้งนั้น คือต้องกล้ารื้อผังจน และต้องกล้ารวย ความตระหนี่ที่มีอยู่ในใจ มากน้อยเพียงใด ต้องขจัดออกไปให้หมด ต้องไม่ห่วง ไม่หวง มีแต่อยากเป็นผู้ให้ ให้โดยไม่รู้สึกเสียดาย ยิ่งให้ก็ยิ่งปลื้มปีติ เพราะหวงคือไล่ ให้คือเรียก เรียกสิริมงคลทั้งหลายมาสู่ตัวของเรา

    ทานกุศลที่ได้ทำไปแล้ว จะกลายเป็นผังรวย ไปพังทลายผังจน ที่ติดแน่นมาข้ามชาติ ถ้าผังจนถูกรื้อหมด ผังรวยที่ยั่งยืน ก็บังเกิดขึ้น ทั้งหล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนา เมื่อเกิดมาก็ได้สมบัติทั้ง ๓ โดยไม่ต้องไปแสวงหา เหมือนชาวโลกทั่วไป เกิดมาเพื่อเสวยสมบัติ ที่เกิดจากผลบุญอย่างเดียว เหมือนดังเรื่องเส้นทางสู่ความเป็น มหาเศรษฐีผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องของท่านโชติกเศรษฐีี

    ในยุคที่พระวิปัสสีสัมมาพุทธเจ้ากำลังประกาศธรรม ท่านเกิดเป็นกุฎุมพีมีนามว่าอปราชิตะ เกิดความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนามาก ได้สร้างพระคันธกุฎีถวายพระบรมศาสดา ให้ทำเสา บานประตูและกระเบื้องทั้งหมด ประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ ให้สร้างสระโบกขรณี ๓ สระ สั่งให้ทำน้ำหอม แล้วให้ปลูกดอกไม้ ๕ สี เมื่อสร้างสำเร็จแล้ว ได้กราบทูลพระบรมศาสดา ให้เสด็จเข้าไปพักผ่อนในพระคันธกุฎี อปราชิตะคิดว่า รัตนชาติที่เรามีอยู่นี้ ถ้าเก็บไว้ในคลังหรือมัวฝังไว้ในหลุม ก็ไม่มีใครได้ชมเชย ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย พอมีแล้วก็เป็นห่วง บางทีอาจเป็นโทษกับตัวเองก็ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดี ควรทำให้เกิดประโยชน์ ต่อพุทธศาสนาและชาวโลก

    <TABLE height=173 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD width=200>[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านคิดต่อไปว่า พุทธบริษัทที่รวยศรัทธา แต่ขาดทรัพย์ยังมีอยู่มาก ถึงแม้บางคนไม่ได้ศรัทธา แต่ไปวัดฟังธรรม เพราะโลภอยากได้รัตนชาติของเรา หากเขาได้ฟังแล้ว ก็มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความจริงของชีวิต เมื่อคิดดังนี้จึงได้ตัดสินใจโปรยรัตนชาติที่หน้าลานพระคันธกุฎี คนที่ยังยากจนอยู่ เมื่อไปฟังธรรมแล้ว ก็หยิบเอารัตนะของ กุฎุมพีคนละกำสองกำ รัตนชาติถูกโปรยลงเพียงคราวเดียว และวันเดียวเท่านั้น ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เขาสั่งให้บริวารนำมาโปรยอีก คราวนี้โปรยสูงถึงเข่า ทำอยู่อย่างนั้นถึง ๓ ครั้ง

    นอกจากนี้ยังได้ทำกุศโลบาย ที่จะทำให้มหาชนได้บรรลุธรรมกันมากๆ จึงตัดสินใจสละสมบัติประจำตระกูล ด้วยการวางแก้วมณี ประมาณเท่าผลแตงโม แทบบาทของพระบรมศาสดา มหาชนได้เห็นแก้วมณีซึ่งเปล่งแสงสว่างไสว ขลับกับรัศมีที่เปล่งจาก พระพุทธสรีรกาย จึงชุ่มฉ่ำทั้งดวงตา และดวงใจ ดวงตาภายนอกก็ได้เห็นสิ่งอันเป็นสิริมงคล ดวงตาภายในเกิดธรรมจักขุ ได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันถ้วนหน้า

    วันหนึ่ง พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง ได้แอบไปลักแก้วมณีดวงนั้น ท่านเศรษฐีจึงกราบทูล ความในใจแด่พระพุทธองค์ว่า " พระพุทธเจ้าข้า รัตนะ ๗ ประการที่ข้าพระองค์โปรยล้อมรอบพระคันธกุฎี ๓ ครั้ง สูงถึงหัวเข่า ใครมารับไป ข้าพระองค์ก็ปลื้มปีติทุกครั้ง แต่วันนี้ ข้าพระองค์ไม่รู้สึกปลื้ม ในการกระทำของพราหมณ์เลย พระเจ้าข้า" พระบรมศาสดาตรัสให้กำลังใจว่า " อุบาสก ช่างเถิด สิ่งใดที่คนอื่นนำไปแล้ว ก็จงเป็นอันนำไปด้วยดีเถิด ธรรมดาบัณฑิตควรทำความยินดีในทาน ทั้ง ๓ ขณะ จึงจะถูกต้อง การสละวัตถุภายนอกออกจากใจแล้ว มารู้สึกเสียดายภายหลัง ไม่ใช่วิสัยของสัตบุรุษ"

    กุฎุมพีได้ฟังดังนั้น จึงทำความปรารถนาเอาไว้ว่า "พระเจ้าข้า พระราชาหรือโจรแม้หลายร้อย ชื่อว่าสามารถเพื่อจะข่มเหงข้าพระองค์ ถือเอาเข็มเล่มเดียวของข้าพระองค์ จงอย่ามี และภัยใดๆ อย่าได้มาบีบคั้นตัดรอนชีวิต และทรัพย์สินของข้าพเจ้าได้" เมื่อถึงเวลาฉลองพระคันธกุฎี กุฎุมพีได้ถวายมหาทานแก่ภิกษุ ๖ ล้าน ๘ แสนรูป ภายในวิหารแห่งนั้นตลอด ๙ เดือน ในวันสุดท้าย ได้ถวายไตรจีวรแก่ภิกษุทุกรูป จากนั้น อปราชิตกุฎุมพีก็สั่งสมบุญทุกอย่าง คอยเป็นกำลังหลักในการสนับสนุน การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปทั่วโลกจนตลอดอายุ ครั้นละโลกแล้ว ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอันโอฬารเป็นเวลายาวนานมาก

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>บุญอจินไตยทำให้ได้มหาสมบัติจักรพรรดิ
    ครั้นมาถึงในยุคพุทธกาลนี้ ท่านได้เกิดในตระกูลเศรษฐี ในกรุงราชคฤห์ ในวันที่กุฎุมพีเกิด สรรพอาวุธในพระนคร ทั้งสิ้นรุ่งโรจน์ เปล่งแสงแพรวพราว จึงได้รับการขนานนามว่า "โชติกะ" หนูน้อยโชติกะได้รับการเลี้ยงด ูอย่างดีประหนึ่งเทพกุมาร เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มพร้อม ที่จะแต่งงานมีคู่ครอง

    พระอินทร์ได้เสด็จลงจาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทรงนิรมิต เป็นนายช่างไม้ เดินเข้าไปหาพวกนายช่าง ซึ่งกำลังถางป่าเพื่อปลูกสร้างปราสาทให้โชติกะ ทรงบอกพวกช่างไม้ว่า โชติกะเป็นผู้มีบุญมาเกิด ไม่อยู่ในปราสาทที่พวกท่านสร้างขึ้นหรอก ทรงเนรมิตปราสาท ๗ ชั้น สำเร็จด้วยรัตนะ ๗ กำแพงแก้ว ต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้นรอบกำแพง บนเนื้อที่ประมาณ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๖๒๕ ไร่ ขุมทรัพย์ ๔ ขุม ที่มุมทั้ง ๔ ของปราสาท พระเจ้าพิมพิสารทรงสดับว่า "ปราสาท ๗ ชั้น ซึ่งสำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ ผุดขึ้นเพื่อโชติกะ" ทรงส่งฉัตรเศรษฐีไปให้ แล้วทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งเศรษฐีประจำกรุงราชคฤห์

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD width=200 height=161>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ทางด้านหญิงสาวผู้จะมาเป็น ภรรยาคู่บุญของโชติกะนั้น เป็นนางแก้วซึ่งไปเกิดในอุตตรกุรุทวีป เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราว ที่โชติกะจะต้องแต่งงานมีคู่ครอง พวกเทวดาจึงเหาะไปพา นางมาจากอุตตรกุรุทวีป ให้นั่งในห้องอันเป็นสิริ ตอนที่มาจากอุตตรกุรุทวีป ก็ได้ถือเอาทะนานข้าวสารมาด้วย พร้อมกับแผ่นศิลา ๓ แผ่น โชติกเศรษฐีพร้อมด้วยภรรยา จะอาศัยแสงสว่างจากแก้วมณี จึงไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง ของไฟหรือประทีป ทั้งสองภรรยาสามี ผู้มีบุญอาศัยทะนานข้าวสาร กับแผ่นศิลาวิเศษซึ่งถือว่าเป็นเครื่องครัวที่รู้ใจ และอาศัยแก้วมณี ที่นำความปรารถนาสำเร็จ มาให้ทุกอย่าง ทำให้ได้รับความสะดวกสบาย บนปราสาทแก้ว ประดุจอยู่บนสรวงสวรรค์

    สมบัติของโชติกเศรษฐีเลื่องลือ ไปทั่วชมพูทวีป มหาชนจึงชักชวนกันเทียมเกวียนบ้าง เทียมม้าบ้าง เพื่อต้องการมาดูสมบัติของผู้มีบุญ โชติกเศรษฐีได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่ดี ให้การต้อนรับ ทำชมพูทวีปให้ได้รับความสุขถ้วนหน้า โดยสั่งให้เปิดปากขุมทรัพย์ใต้ดิน ที่มีประมาณคาวุตหนึ่งหรือประมาณ ๔ กิโลเมตร แล้วกล่าวว่า " มหาชนจงถือเอาทรัพย์ ตามที่ตนเองคิดว่า จะสามารถนำกลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้ " น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อผู้คนมากมายที่หลั่งไหล มาจากชมพูทวีป ถือเอาทรัพย์ไปอยู่ ปากขุมทรัพย์มิได้พร่องลงแม้เพียงองคุลีเดียว นี่ก็เป็นเพราะผลแห่งรัตนะ ที่เขาโปรยลงบริเวณพระคันธกุฎีของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ
    ต่อมาพระเจ้าอชาตศัตรูได้ยกกองทัพไปยึดรัตนปราสาทของท่าน แต่ก็ยึดไม่ได้ เพราะถูกพวกยักษ์ขับไล่กองทัพให้แตกกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง พระราชาได้เสด็จหนีตาย ไปทางวิหารเชตวัน ครั้นเห็นเศรษฐีกำลังนั่งฟังธรรม จึงตรัสในเชิงสัพยอกว่า "คฤหบดี ท่านบังคับพวกบุรุษของท่านให้มารบกับเรา แล้วมาหลบอยู่ที่นี่ นั่งทำเป็นเหมือนฟังธรรม " เศรษฐีทูลถามว่า "ก็สมมติเทพ เสด็จไปเพื่อยึดเอารัตนปราสาทของข้าพระองค์มิใช่หรือ" เมื่อพระราชายอมรับ จึงกราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ แม้พระราชาตั้งพัน ก็ไม่สามารถยึดมหาปราสาทของข้าพระองค์ได้ แม้เพียงเส้นด้ายที่ชายผ้าของข้าพระองค์ก็เอาไปไม่ได้ หากข้าพระองค์ไม่ปรารถนา" ท่านได้ให้พระราชาทดลองมาแย่งเอาแหวน ๒๐ วง ซึ่งสวมอยู่ที่นิ้วมือไป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=476 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=233>[​IMG]</TD><TD width=233>[​IMG]</TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=610 align=center border=0><TBODY><TR><TD height=992>
    พระราชาเป็นผู้มีพละกำลังมาก เพียงประทับนั่งกระโหย่ง ก็สามารถกระโดดขึ้นสูง ๑๘ ศอก เมื่อประทับยืน สามารถกระโดดขึ้นสูงได้ถึง ๘๐ ศอก แต่ก็ไม่สามารถถอดแหวนแม้วงเดียวได้ โชติกเศรษฐีจึงลาดผ้าขาว ทำนิ้วทั้งสิบให้ตรง ทันใดนั้น แหวนทั้ง ๒๐ วง ก็หลุดออกทันที ด้วยความสลดสังเวชใจพระกิริยาของพระราชา ท่านจึงสอนตนเองว่า ทรัพย์เหล่านี้เป็นโลกียะ ไม่ได้นำความสุขที่แท้จริงมาให้ การได้ทรัพย์อันเป็นโลกุตตระประเสริฐกว่า แล้วก็ทูลลาบวช พระเจ้าอชาตศัตรูทรงดำริว่า "ดีเหมือนกัน เมื่อเศรษฐีบวชแล้ว เราจะได้ยึดเอาปราสาทได้สะดวก" จึงทรงอนุญาต เศรษฐีได้อำลาหมู่ญาติและบริวาร บวชในสำนักพระบรมศาสดา ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม ใช้เวลาไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เมื่อได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว สมบัติทั้งหมดก็อันตรธานไป พวกเทพดาจึงนำภรรยาของเศรษฐีกลับไปอุตตรกุรุทวีปดังเดิม​



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=200>
    [​IMG]
    [​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องเส้นทางสู่ ความเป็นมหาเศรษฐีของโชติกะ เราจะเห็นว่า การจะได้ครอบครอง มหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ต้องรู้หลักวิชชา คือทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ต้องสละความตระหนี่ ออกจากใจให้หมดเสียก่อน ความตระหนี่เป็นมลทินอันร้ายกาจ ที่จะทำให้เราพลาดจากสมบัติทุกอย่าง ในภพชาติเบื้องหน้า พลาดจากความรวย สวย ฉลาด สมปรารถนา

    เมื่อมีทรัพย์แล้ว หากมัวตระหนี่ ทรัพย์นั้นก็เป็นเหมือนบ่อน้ำที่ใสสะอาดเย็นสบาย แต่มีผีเสื้อน้ำคอยหวงแหน ทรัพย์นั้นเรียกว่าทรัพย์ตาย เพราะนำติดตัวไปไม่ได้ ถ้าจะให้ติดตัวไปได้ ต้องเอาชนะความตระหนี่ ด้วยการนำออกให้ทาน ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง และชาวโลก เหมือนแม่น้ำสายใหญ่ มีท่าลงราบเรียบพร้อม ที่จะให้ทุกคนลงมาอาบดื่มกิน ได้อย่างสบาย แม้ขณะนี้เรายังมีทรัพย์น้อย แต่ขอให้หัวใจเกินร้อย คือให้ทุ่มเทเต็มความสามารถ เต็มศรัทธา สั่งสมบุญไว้ในบวรพุทธศาสนา ทั้งทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาจนตลอดชีวิต จะได้เป็นอริยทรัพย์ และก่อตัวเป็นสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ที่จะบังเกิดขึ้นในภพชาติเบื้องหน้า ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    "บัณฑิตพึงครอบงำมลทินใจด้วยการกำจัดความตระหนี่เสีย แล้วมุ่งให้ทานเถิด เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย ในโลกหน้า" พิลารโกสิยชาดก ๒๗/๒๘​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/main/index.php?option=com_content&task=view&id=50&Itemid=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2008
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ราชอาณาจักรของพระเจ้าในศาสนาคริสต์ แท้ที่จริงก็คือ อาณาจักรแห่งสัมมาทิฎฐิของพระศรีอาริย์ ในกึ่งพุทธกาล?

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#deb887 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2>ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร?</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=9>[​IMG]</TD><TD width=591>ราชอาณาจักรของพระเจ้าตั้งอยู่ที่ไหน? (1)</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>ใครเป็นกษัตริย์? (2)</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>มีคนอื่นร่วมปกครองกับกษัตริย์องค์นี้ไหม? ถ้ามี มีมากแค่ไหน? (3)</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>อะไรแสดงว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ในสมัยสุดท้าย? (4)</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>ในอนาคต ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำอะไรเพื่อมนุษยชาติ? (5-7)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    1. เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสอนเหล่าสาวกของพระองค์ให้อธิษฐานขอราชอาณาจักรของพระเจ้า. ราชอาณาจักรคือรัฐบาลซึ่งมีกษัตริย์เป็นประมุข. ราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นรัฐบาลพิเศษ. ราชอาณาจักรนี้ถูกตั้งขึ้นในสวรรค์และจะปกครองเหนือแผ่นดินโลกนี้. ราชอาณาจักรนี้จะทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ หรือทำให้ศักดิ์สิทธิ์. ราชอาณาจักรนี้จะทําให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสําเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับที่สำเร็จแล้วในสวรรค์.—มัดธาย 6:9, 10.

    2. พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระเยซูจะทรงเป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรของพระองค์. (ลูกา 1:30-33) เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์พิสูจน์ว่าพระองค์จะทรงเป็นผู้ปกครองที่กรุณา, ยุติธรรม, และสมบูรณ์. เมื่อพระองค์เสด็จกลับสู่สวรรค์ พระองค์ไม่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าทันที. (เฮ็บราย 10:12, 13) ในปี 1914 พระยะโฮวาได้พระราชทานอำนาจแก่พระเยซูตามที่ได้ทรงสัญญาไว้. นับแต่นั้นมา พระเยซูทรงปกครองในสวรรค์ในฐานะกษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้ง.—ดานิเอล 7:13, 14.

    3. พระยะโฮวายังได้ทรงเลือกมนุษย์ชายหญิงที่ซื่อสัตย์บางคนจากแผ่นดินโลกให้ไปสวรรค์ด้วย. พวกเขาจะปกครองมนุษยชาติร่วมกับพระเยซูในฐานะกษัตริย์, ผู้พิพากษา, และปุโรหิต. (ลูกา 22:28-30; วิวรณ์ 5:9, 10) พระเยซูทรงเรียกผู้ร่วมปกครองเหล่านี้ในราชอาณาจักรของพระองค์ว่า “ฝูงเล็ก.” พวกเขามีจำนวน 144,000 คน.—ลูกา 12:32, ล.ม.; วิวรณ์ 14:1-3.

    4. ทันทีที่พระเยซูได้เป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงเหวี่ยงซาตานกับทูตสวรรค์ชั่วช้าฝ่ายมันออกจากสวรรค์ลงมาที่บริเวณของแผ่นดินโลก. นั่นคือสาเหตุที่สิ่งต่างๆ บนแผ่นดินโลกนี้กลับกลายเลวร้ายเหลือเกินตั้งแต่ปี 1914. (วิวรณ์ 12:9, 12) สงคราม, การขาดแคลนอาหาร, โรคระบาด, การละเลยกฎหมายทวีขึ้น—ทั้งหมดนี้เป็นส่วนของ “สัญลักษณ์” ที่แสดงว่าพระเยซูทรงปกครองอยู่และระบบนี้อยู่ในสมัยสุดท้ายของมัน.—มัดธาย 24:3, 7, 8, 12; ลูกา 21:10, 11; 2 ติโมเธียว 3:1-5.

    5. อีกไม่นานพระเยซูจะทรงพิพากษาผู้คน โดยแยกพวกเขาออกจากกันเหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ. “แกะ” คือคนซึ่งได้พิสูจน์ตัวว่าเป็นราษฎรที่ภักดีของพระองค์. พวกเขาจะได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก. “แพะ” คือคนที่ได้ปฏิเสธราชอาณาจักรของพระเจ้า. (มัดธาย 25:31-34, 46) ในอนาคตอันใกล้นี้ พระเยซูจะทรงทำลายคนเยี่ยงแพะทั้งสิ้น. (2 เธซะโลนิเก 1:6-9) หากคุณอยากเป็นคนหนึ่งใน “แกะ” ของพระเยซู คุณต้องรับฟังข่าวสารราชอาณาจักรและลงมือทำตามที่คุณเรียนรู้.—มัดธาย 24:14.

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=260 align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>[SIZE=-1]ภายใต้การปกครองของพระเยซู จะไม่มีความเกลียดชังหรือความลำเอียงอีกเลย[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    6. ปัจจุบันนี้แผ่นดินโลกถูกแบ่งแยกเป็นหลายประเทศ. แต่ละประเทศมีรัฐบาลของตนเอง. ประเทศเหล่านี้ต่อสู้กันบ่อยๆ. แต่ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะมาแทนที่รัฐบาลทั้งปวงของมนุษย์. ราชอาณาจักรนี้จะปกครองในฐานะรัฐบาลเดียวเท่านั้นเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น. (ดานิเอล 2:44) จากนั้นจะไม่มีสงคราม, อาชญากรรม, และความรุนแรงอีกเลย. ประชาชนทั้งปวงจะอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขและมีเอกภาพ.—มีคา 4:3, 4.

    7. ระหว่างรัชสมัยพันปีของพระเยซู มนุษย์ที่ซื่อสัตย์จะกลายเป็นคนสมบูรณ์ และทั่วทั้งแผ่นดินโลกจะกลายเป็นอุทยาน. พอถึงสิ้นพันปี พระเยซูจะทรงทําให้สําเร็จทุกสิ่งตามที่พระเจ้าประสงค์ให้พระองค์ทํา. ครั้นแล้วพระองค์ก็จะทรงมอบราชอาณาจักรคืนแก่พระบิดาของพระองค์. (1 โกรินโธ 15:24) คุณน่าจะบอกให้เพื่อนๆ และคนที่คุณรักทราบเรื่องที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำมิใช่หรือ?

    ที่มา http://www.watchtower.org/si/rq/article_06.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2008
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่หมอดูทำนายไว้จริงหรือไม่?

    [​IMG]
    กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย

    ข้อมูลแบบชัดๆ แจ่มๆ ไม่มีบิดเบือนจากความเป็นจริง!!

    รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำทะเล ประมาณปี พ.ศ.2563(อัพเดทล่าสุด)

    ยกตัวอย่างเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ.2563 คาดการณ์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกา น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองที่อยู่ริมชายฝัง,เกาะ,เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้​

    ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้นมีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563 นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่มของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้ คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2008
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>เตือนเกาะสุมาตราอาจเกิดคลื่นสึนามิครั้งใหญ่กว่าปี 47

    </TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย ไทยรัฐ<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน เสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575>ประชาชนกว่า 1 ล้านคนบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย เสี่ยงเผชิญแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน

    [​IMG]สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า คณะศึกษาระหว่างประเทศ นำโดย เคอร์รี เซียะ ผู้อำนวยการหน่วยสำรวจทางธรณีวิทยาสิงคโปร์ แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง ของสิงคโปร์ ได้ทำการศึกษาประวัติวงจรการเกิดแผ่นดินไหวในรอบ 700 ปี ของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลตามแนวปะการังรอบเกาะเมนทาไว ที่อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา รวมทั้งศึกษารอยเลื่อนของเปลือกโลกลึกลงไป 700 กิโลเมตร

    พบว่า บริเวณดังกล่าวเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงต่อเนื่องกันทุก 200 ปี ในช่วง 700 ปีที่ผ่านมา หากวงจรการเกิดแผ่นดินไหวในอดีตเชื่อถือได้ ก็ทำให้คาดได้ว่า จะมีการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจังหวัดสุมาตราตะวันตก รวมทั้งแผ่นเมนทาไวทั้งหมดในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่เมืองปาดัง จังหวัดเบงกูลู และเมืองข้างเคียงอื่นๆ อาจก่อให้เกิดความเสียหายเท่ากับ หรือมากกว่าที่เคยเกิดกับจังหวัดอาเจะห์เมื่อปี 2547

    ด้านนักวิจัยแห่งศูนย์วิจัยทางธรณีวิทยา ของสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย หวังว่าการค้นพบนี้จะช่วยให้รัฐบาล และหน่วยงานด้านมนุษยธรรมรีบเตรียมพร้อมรับเหตุ

    ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.3 ริกเตอร์ นอกเกาะสุมาตราเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตผู้คนในประเทศต่างๆ รอบมหาสมุทรอินเดียไป 220,000 คน ซึ่งรวมทั้งชาวบ้าน 168,000 คน ในจังหวัดอาเจะห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของเกาะสุมาตรา นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุด</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เกิดฝนตกหนักในอิตาลี-โรมประกาศภาวะฉุกเฉิน

    [​IMG]

    โรม 13 ธ.ค. - ทางการกรุงโรมของอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว ขณะที่แม่น้ำไทเบอร์อาจไหลล้นตลิ่ง และยอดผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างในอิตาลี เพิ่มขึ้นเป็น 4 คนแล้ว

    สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนอิตาลี แถลงว่า แม่น้ำไทเบอร์เพิ่มระดับขึ้นเป็น 5 เมตร ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา และมีคำเตือนว่าอาจไหลทะลักล้นตลิ่ง ทางการได้เร่งอพยพค่ายยิปซี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ นอกจากนี้ ยังมีน้ำในแม่น้ำสายเล็กกว่าไหลลงไปสมทบแม่น้ำไทเบอร์ที่เอ่อล้น ทำให้ต้องมีการปิดถนนบางสายในกรุงโรม และอพยพประชาชนหลายร้อยคน

    รายงานระบุว่า อิตาลีเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายติดต่อกันหลายวัน ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังส่งผลกระทบต่อการจราจรจากเมืองมิลานไปยังเมืองปาแลร์โม บนเกาะซิซิลี ขณะที่การบริการรถไฟต้องล่าช้า ถนนหลายสายเต็มไปด้วยน้ำและต้นไม้ล้มระเนระนาด และส่วนที่ต่ำที่สุดของเมืองเวนิส เริ่มกลับมามีน้ำท่วมขังอีกครั้ง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยยังได้เข้าช่วยเหลือกลุ่มลูกเสือที่ติดอยู่บนภูเขาไฟเอตนา. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 08:35:20

    พายุน้ำแข็งพัดกระหน่ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ

    [​IMG]

    นิวยอร์ก 13 ธ.ค. - เกิดพายุน้ำแข็งพัดกระหน่ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับ ประชาชนนับแสนคนได้รับความเดือดร้อน ขณะที่รัฐเมนต้องปิดที่ทำการรัฐบาลทั้งหมด

    นายเจฟฟ์ ทิลจ์แมน เจ้าหน้าที่บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้า นอร์ทอีสต์ ยูทิลิตีส์ กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐกำลังได้รับความเดือดร้อนจากพายุน้ำแข็ง ขณะที่นายจอห์น ลินช์ ผู้ว่าการรัฐนิวแฮมป์เชอร์ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และว่า มีประชาชนถึง 200,000 คน ได้รับความเดือดร้อนจากไฟฟ้าดับ อันเนื่องมาจากพายุน้ำแข็ง ซึ่งยังเป็นอันตรายต่อการขับรถ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐนิวแฮมป์เชอร์

    ด้านสำนักงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินในรัฐนิวยอร์ก แถลงว่า ประชาชนเกือบ 300,000 คน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าที่อาจล้มลงมา และไม่ให้ใช้เทียนไขจุดส่องสว่างภายในบ้าน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ และหากเดินทางก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง ส่วนที่รัฐคอนเนตทิคัต ก็มีประชาชนถึง 16,700 คน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เช่นกัน แต่ล่าสุดตัวเลขได้ลดลงมาเหลือ 6,500 คนแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 08:29:31

    ซิมบับเวโทษอังกฤษเป็นต้นเหตุการระบาดอหิวาต์

    [​IMG]

    ซิมบับเว 13 ธ.ค. - ซิมบับเวกล่าวโทษอังกฤษว่าอยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน

    รัฐมนตรีสารสนเทศของซิมบับเว ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ระบุว่า อาวุธชีวภาพของอังกฤษเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเว ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการก่อการร้ายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมูกาเบ ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเวได้ยุติลงแล้ว

    อย่างไรก็ดี จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า นับตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเวอย่างน้อย 792 คน และมีผู้ป่วยมากกว่า 16,000 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญวิตกกังวลว่า อาจมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากถึง 60,000 คน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 07:13:04

    อนามัยโลกระบุซิมบับเวยังคุมอหิวาต์ไม่ได้

    [​IMG]

    เจนีวา 12 ธ.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">1-2 วันนี้ ทั่วประเทศอุณหภูมิลดลงอีก 2-4 องศา


    [​IMG]
    [13 ธ.ค. 51 - 06:37]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2551 เมื่อเวลา 04:00 น. ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนระวังอันตราย ในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับบริเวณประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีก ส่วนภาคใต้มีฝนน้อยในระยะ 1-2 วันนี้

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ได้แผ่ปกคลุมถึงประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่า จะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่งในช่วงวันที่ 14-15 ธ.ค.51 นี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือก่อน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศากับมีลมแรง ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตรและภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปถึงนราธิวาสจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค.นี้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้

    <O:p</O:pกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    <O:p</O:pภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14 องศา สูงสุด 30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-9 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    <O:p</O:pภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกในตอนเช้า อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14 องศา สูงสุด 31 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    <O:p</O:pภาคกลาง อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    <O:p</O:pภาคตะวันออก อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ใกล้ฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    <O:p</O:pภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมามีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19 องศา สูงสุด 30 องศา ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 30 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    <O:p</O:pภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็น และมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=115020
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2008
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยหนาวทวีความรุนแรงทั้งคนและสัตว์ป่วยเพิ่มขึ้น

    [​IMG]

    ภูมิภาค 13 ธ.ค. - ภัยหนาวเริ่มรุนแรงทำให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น

    ชาวไทยภูเขา ในอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ต้องนั่งผิงไฟและเล่นกีฬากลางแจ้ง เพื่อช่วยบรรเทาความหนาว หลังอุณหภูมิลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอุณหภูมิตอนเช้าต่ำสุด อยู่ที่ 5 องศา ขณะเดียวกันพบว่ามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดและเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเข้ารักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น แพทย์เตือนหากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ให้ดื่มน้ำอุ่นๆ และควรรีบพบแพทย์

    ไม่เพียงแต่คนเท่านั้น แต่สุกรในฟาร์มจังหวัดยโสธร ก็เดือดร้อนจากภัยหนาว ทำให้ล้มป่วย ซึมเศร้า และเจริญเติบโตช้า เนื่องจากไม่ค่อยกินอาหาร เกษตรกรผู้เลี้ยง ต้องไล่ต้อนออกมาวิ่งรับไออุ่นจากแสงแดด เพื่อป้องกันสุกรหนาวตาย. -สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 13:08:15

    เตือนอุณหภูมิเหนือจะลดลงอีก 2 องศา ใน 1-2 วันนี้

    [​IMG]

    พิษณุโลก 13 ธ.ค.- นายแพทย์วุฒิไกร ศักดิ์สุรกานต์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ ชาวไทยภูเขากว่า 2,000 ครอบครัว ที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง ในอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ต้องประสบภัยหนาวอย่างหนัก เนื่องจากอุณหภูมิยังลดลงอย่างต่อเนื่อง

    ล่าสุดเหลือเพียง 4-5 องศาเซลเซียส ชาวบ้านต้องก่อกองไฟให้ความอบอุ่นกับร่างกาย และเล่นกีฬาเพื่อผ่อนคลายความหนาวเย็น ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา ยังประกาศเตือนว่า อุณหภูมิในภาคเหนือจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ภายใน 1-2 วันนี้ ดังนั้น จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านดูแลสภาพร่างกายให้อบอุ่นมากขึ้น เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

    ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บหรือแสบคอ และมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 12:20:29

    2 ตายายชาวเชียงรายก่อไฟผิงคลายหนาวลามไหม้บ้าน

    [​IMG]

    เชียงราย, อุตรดิตถ์ 13 ธ.ค. - 2 ตายายชาวเชียงราย ก่อไฟผิงคลายหนาว แต่ไฟลุกลามไปติดมุ้ง ทำให้ไฟไหม้บ้านและข้าวเปลือกที่เก็บไว้กินตลอดปี เสียหายทั้งหมด

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย ระดมกำลังฉีดน้ำสกัดเพลิง ซึ่งกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 393/25 ชุมชนทวีรัตน์ ต.ริมกก อ.เมือง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการสอบสวนทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุเป็นของนายเปลี่ยน ณ เชียงใหม่ อายุ 73 ปี อาศัยอยู่กับภรรยา ก่อนเกิดเหตุ นายเปลี่ยนจุดเทียนไขมาก่อไฟเตาถ่านผิงคลายหนาวยามค่ำคืน แต่ปรากฏว่าไฟลุกลามไปติดมุ้ง ก่อนเกิดเพลิงลุกไหม้ลามไปยังส่วนอื่นของบ้านอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เพลิงยังลุกลามไปติดข้าวเปลือกที่ 2 ตายายนำมาไว้ในบ้าน เพื่อเก็บไว้กิน กว่า 100 ถัง เสียหายทั้งหมด

    ส่วนที่ จ.อุตรดิตถ์ สภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีกับธุรกิจร้านหมูกระทะ และร้านจิ้มจุ่ม เนื่องจากมีประชาชนพาครอบครัวไปรับประทานจนเต็มร้าน ทำให้รายได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่าตัว

    ขณะที่ นพ.ขจร วินัยพาณิชย์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุตรดิตถ์ เตือนว่า การรับประทานหมูกระทะต้องปรุงให้สุก เพื่อป้องกันโรคท้องร่วงและโรคพยาธิ ส่วนผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงความสะอาดของผัก หมู และอาหารทะเลด้วย. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 03:15:59

    นราฯ โรคชิคุนกุนยาระบาดเพิ่ม พบผู้ป่วยกว่า 600 ราย

    [​IMG]

    นราธิวาส 12 ธ.ค. - นพ.ศิริชัย ลีวรรณภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาที่พบในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า ยังพบการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 600-700 ราย

    ซึ่งพื้นที่พบมากที่สุดคือ อ.ยี่งอ แว้ง และสุไหงปาดี ส่วนอำเภออื่น ๆ พบเพียงเล็กน้อย ส่วนการระบาดของโรคนั้นเกิดจากยุงลาย และช่วงนี้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้การแพร่ระบาดรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้ หากสงสัยเป็นโรคดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที และอย่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจเกิดโรคแทรกซ้อน

    นอกจากนี้ สาธารณสุขจังหวัดยังเร่งฉีดพ่นยากำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายตามชุมชนอย่างต่อเนื่อง. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-12 13:09:29

    ยางพาราตกต่ำต่อเนื่องทำให้เกษตรกรประกาศขายสวนยางราคาถูก

    [​IMG]

    สงขลา 13 ธ.ค. - ราคายางพาราที่ตกต่ำต่อเนื่องทำให้เกษตรกรต้องประกาศขายสวนยางในราคาถูก และบางส่วนหันไปทำงานประเทศมาเลเซีย

    เกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัดสงขลาจำนวนมาก ต้องทิ้งร้างสวนยาง เพราะประสบปัญหาขาดทุน หลังราคายางตกต่ำต่อเนื่อง ล่าสุดน้ำยางสดราคากิโลกรัมละ 25-28 บาท ในขณะที่ราคายางแผ่นดิบอยู่กิโลกรัมละ 30 บาท จากที่เคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ซึ่งถือเป็นราคาที่ตกต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรบางรายถึงขั้นต้องประกาศขายสวนยางในราคาต่ำกว่าปกติร้อยละ 20 แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด

    ขณะที่เกษตรกรสวนยางในจังหวัดยะลา ต้องหันไปรับจ้างกรีดยางในประเทศมาเลเซีย รวมถึงรับจ้างทำงานในอาชีพอื่น ๆ ที่ทางการมาเลเซียอนุญาต เช่น ก่อสร้าง แม่บ้าน ธุรกิจบริการ ทำให้ตัวเลขแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้นจากกว่า 3 หมื่นคน. -สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 11:05:45

    จันทบุรีพบความสำเร็จเพาะพันธุ์สัตว์หายาก นกหว้า

    [​IMG]

    จันทบุรี 11 ธ.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ปิยนาถ

    ปิยนาถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +298
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=470 bgColor=#fde4a0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=6></TD><TD width=458>[​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=458 border=0><TBODY><TR><TD width=19>[​IMG]</TD><TD>นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2551</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=458 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>วิกฤติคือโอกาสในแบบ "เบทาโกร"
    โดย วิมล อังสุนันทวิวัฒน์ </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width=6>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!--End Story Header--><!--Begin Details of Story--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=470 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Related Story and Other--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#e6e6e6><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD width=7>[​IMG]</TD><TD align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!--tools--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=10> </TD><TD vAlign=top align=middle width=29>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width=37>[​IMG]</TD><!--<td vAlign="top" align="middle" width="52">[​IMG]</td>--><TD vAlign=top align=middle width=36>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width=86> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--chart--><!--related stories--><!--resources-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD width=7 rowSpan=4> </TD><TD background=http://www.gotomanager.com/img/mgrm/dot3pix_red02.gif>[​IMG]</TD><TD width=3 rowSpan=4> </TD></TR><TR><TD>[​IMG] www resources</TD></TR><TR><TD background=http://www.gotomanager.com/img/mgrm/dot3pix_red02.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]
    โฮมเพจ เครือเบทาโกร
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!--search-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD width=7 rowSpan=4> </TD><TD background=http://www.gotomanager.com/img/mgrm/dot3pix_red02.gif>[​IMG]</TD><TD width=3 rowSpan=4> </TD></TR><TR><TD>[​IMG] search resources</TD></TR><TR><TD background=http://www.gotomanager.com/img/mgrm/dot3pix_red02.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]
    เครือเบทาโกร
    Agriculture
    วนัส แต้ไพสิฐพงษ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!--end search-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD background=http://www.gotomanager.com/img/mgrm/dot3pix_red02.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD width=7>[​IMG]</TD><TD align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!--End Related Story and Other--><!--Begin picture and text-->
    [​IMG]

    ท่ามกลางวิกฤติการณ์การเงินของโลกในขณะนี้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คนวิตกกังวลต่ออนาคตของเรื่องปากท้อง ครั้นจะไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญทั้งนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการศึกษา หรือนักธุรกิจเจนสังเวียน ต่างก็ทำนายในทำนองที่ยิ่งฟังก็ยิ่งกลุ้ม แล้วทางออกของปัญหาอยู่ตรงไหนล่ะ!!

    ช่วงเศรษฐกิจการเมืองขาลงเช่นนี้ สำหรับวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัด การใหญ่ เครือเบทาโกร กลับค้นพบวิธีรับมือ จนทำให้ผลประกอบการปีนี้ได้ตามเป้าหมาย และสนุกกับการบริหารในแนวทางแบบเบทาโกรยิ่งขึ้นทุกที

    เห็นได้จากผลประกอบการในปี 2550 มียอดขาย 33,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จาก 5 สายธุรกิจ ได้แก่ สาย ธุรกิจภูมิภาคและอาหารสัตว์ 46% สายธุรกิจไก่ 42% สายธุรกิจสุกร 7% และสาย ธุรกิจสุขภาพสัตว์และอื่นๆ 5%

    ขณะที่ผลประกอบการรวมปี 2551 อยู่ที่ 45,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% สืบเนื่องมาจากปริมาณผลิตและปริมาณขายสินค้า ตลอดจนราคาขายถัวเฉลี่ยของทุกผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนรายได้ ในธุรกิจภูมิภาคและอาหารสัตว์ 45% ไก่ 44% สุกร 7% และธุรกิจสุขภาพสัตว์และอื่นๆ 4% โดยสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่

    ผลประกอบการของเครือเบทาโกร ปี 2551 ในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) อยู่ที่ 21,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2550 เติบโตถึง 40%

    แยกเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ ในธุรกิจอาหารสัตว์ธุรกิจสุขภาพสัตว์ และธุรกิจอื่นๆ มูลค่า 17,800 ล้านบาท คิดเป็น 85%

    รายได้จากธุรกิจไก่และสุกรแปรรูปเพื่อส่งออก มูลค่า 3,200 ล้านบาท คิดเป็น 15% จากปี 2550 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีกำลัง การผลิตเนื้อสุกรแปรรูป 400 ตันต่อเดือน และเนื้อไก่แปรรูป 5,600 ตันต่อเดือน

    ส่วนภาวะการส่งออกสินค้า ได้แก่เนื้อสุกรแปรรูปโดยเฉลี่ยเดือนละ 280 ตัน มูลค่า 670 ล้านบาท เนื้อไก่แปรรูปโดยเฉลี่ยเดือนละ 3,900 ตัน มูลค่า 7,800 ล้าน บาท โดยมีตลาดส่งออกหลักอยู่ที่สหภาพยุโรป 50% มูลค่าราว 3,900 ล้านบาท

    การเติบโตท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแบบปัจจุบันทันด่วนอย่าง แน่นอน แม้ว่าเครือเบทาโกรจะไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในตลาดก็ตาม แต่การดำเนินกิจการมานานกว่า 4 ทศวรรษ โดยเริ่มต้นจากธุรกิจอาหารสัตว์ ได้สั่งสมประสบการณ์มาสู่ธุรกิจอาหารครบวงจร ภายใต้นโยบาย "อาหารปลอดภัยและการประกันคุณภาพ" (Food Safety & Quality Assurance-FSQA) ด้วยการสร้างมาตรฐานการผลิตทุกขั้นตอนให้ปลอดสาร ตกค้าง

    วนัส ผู้บริหารรุ่นที่สามเปิดเผยว่า เพราะได้รับแรงบันดาลใจและการฝึกฝนเทคนิคจากหุ้นส่วนธุรกิจชาวญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เขาเผยถึงแนวคิดเบื้องหลังการทำงานว่า

    "ผมว่ารูปแบบการบริหารจัดการไม่มีใครดีไปกว่ากัน ผมกล้าพูดว่า..."คนทั่วไปเห็นอะไรมา ก็เห่ออยากใช้ แต่ไม่รู้ว่า ตัวเองอยู่บันไดขั้นไหน"... สมมุติว่าเราอยู่บันไดขั้นที่ 1 และเครื่องมือนี้อยู่ขั้นที่ 5 พอเอามาใช้ "มันก็พัง" ผมใช้การบริหารแบบญี่ปุ่น เพราะเขาจับมือเราทำไปทีละขั้น ยิ่งทำไปก็ยิ่งรู้ว่า..."ปัญหาของเราอยู่ที่ Basic ยังไม่มี แล้วชอบที่จะก้าวกระโดดไปเรื่อยๆ"...

    ผมเคยใช้วิธีการของฝรั่งมาบ้างแต่ไม่ชอบ ผมว่าเขาสร้างกระบวนการเพื่อให้ไปสู่คำตอบที่มีอยู่แล้ว เช่นการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้งาน ผมสงสัยว่า "ทำไมเขาทำส่งมาให้เร็วจัง" คือมันมีอยู่แล้ว ไม่ซื้อตัวนี้ ก็ต้องซื้ออีกตัว ที่เคยเจอมาจะหยาบๆ ง่ายๆ ไม่ได้ศึกษาจริงจัง"

    เบทาโกรภายใต้การบริหารของวนัส นับได้ว่าเป็นช่วงสำคัญของการขยายกิจการ ต่อจากรุ่นบุกเบิก ให้กลายเป็นผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งเป้าหมายองค์กรที่ชัดเจน การสร้างระบบมาตรฐานสากลในการทำงาน โดยเน้นความเป็นมืออาชีพ ลดความเป็นเจ้าของลงแต่ยังมีอยู่ เพราะทำให้การตัดสินใจทำ ได้ดี แต่พนักงานกล้ามีส่วนร่วมในการบริหารมากขึ้น การบริหารเน้นเทคนิคแบบ ญี่ปุ่น รวมถึงการดูแล Supply Chain และพนักงานในลักษณะ "Win-Win"

    เทคนิคการบริหารที่ใช้เป็นพื้นฐานในระบบการทำงาน มุ่งเน้นการลดความสูญเสียของระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรได้กำไรเพิ่มขึ้นมหาศาล โดยไม่ต้องทำงานมากขึ้นจากเดิมนัก และไม่ต้องลดคุณภาพสินค้าลง เครื่องมือที่ใช้คือการทำ "ไคเซ็น" (Kaizen) เป็นการจัดกิจกรรมปรับปรุงวิธีทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว

    หลังจากนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็เริ่มใช้ เทคนิค "การจัดการผลิตโดยรวม" (Total Productivity management-TPm) เป็น การเชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานทั้งหมด ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้บริหารอย่างเป็นระบบ มีหลักการ และสื่อภาพรวมของแผนงานออกเป็น โครงสร้างการกระจายเป้าหมาย (Target Deployment Structure) ไปยังสายงานต่างๆ ให้ร่วมกันรับผิดชอบในการลดความ สูญเสีย เพื่อสร้างผลกำไรใหม่ นอกเหนือจากการทำกำไรปกตินั่นเอง

    สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการพัฒนาราก ฐานที่มั่นคงให้กิจการ จากการปรับการบริหารงานโดยใช้แนวทางแบบญี่ปุ่นมาเกือบทศวรรษทำให้เขาพบว่า

    "เราพบว่าส่วนใหญ่ปัญหาการทำงาน เป็นปัญหาการจัดการ "ตื้นๆ" ทั้งนั้น เป็น Basic Management คือรู้ว่าต้องทำ อะไร แต่ไม่ได้ทำ แล้วก็ชอบนึกว่าลูกน้องทำ หรือลูกน้องคนนี้จะนึกว่าลูกน้องคนต่อไปทำ ผลก็คือว่า "ไม่ได้ทำ" และนี่คือ ความหลวมของระบบในไทยทั่วๆ ไปด้วย"

    จากนโยบายมุ่งเน้นเรื่องอาหารปลอดภัยและการประกันคุณภาพ (FSQA) ทำให้การทำงานของเบทาโกรต้องเน้นการควบคุมคุณภาพสม่ำเสมอ โดยมีมาตรฐาน กำกับดูแล คือการทำการบริหารคุณภาพทั้งองค์กร (Total Quality Management-TQM) หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practice-GMP) ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (e-Traceability) ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤติ ในกระบวนการผลิต (Hazard Analysis & Critical Control Point-HACCP) และมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานระดับสากลทั้งสิ้น

    แม้ว่าจะมีการควบคุมคุณภาพสินค้า ด้วยระบบต่างๆ ที่ทำให้องค์กรเกิดระบบการทำงานที่เป็นสากลแล้วก็ตาม แต่เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพสม่ำเสมออย่างแท้จริง ปีนี้เขาได้เริ่มนโยบาย "การสุ่มตรวจโดยไม่บอกล่วงหน้า" (Surprise Audit) โดยมีทีมเฉพาะกิจที่ขึ้นตรงต่อผู้บริหาร ไปตรวจ สอบระบบการทำงานโดยพนักงานไม่รู้ตัวล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้จริงจังในปีหน้า

    "การควบคุมคุณภาพให้เป็นตามเป้าหมาย ผู้บริหารต้องตื่นก่อน พอตื่นแล้ว ก็อยากทำเอง ซึ่งก็แปลกแม้พาร์ตเนอร์ชาว ญี่ปุ่นมาช่วย การทำงานทุกวันก็มองไม่เห็น แต่พอไปเยี่ยมที่ญี่ปุ่น ไปดูโน่นดูนี่ กลับมอง เห็น เช่น ไปเลี้ยงอาหาร พอทานเสร็จจะมีแตงโมให้ทาน ซึ่งอร่อยแบบนี้ทุกที แสดงว่าเขาควบคุมได้ ผิดกับบ้านเรา ร้านเจ้าอร่อยเจ้าเดิม แต่บางทีก็อร่อย บางทีก็หน้าแตกเหมือนกัน"

    จะเห็นว่าเบทาโกรในรุ่นที่สามนี้ เขาใช้เครื่องมือการบริหารมากมาย มาปรับเปลี่ยนองค์กร เพื่อยกระดับกิจการให้ใกล้เป้าหมายยิ่งขึ้นทุกที ทว่าสิ่งหนึ่งที่จะพิสูจน์ว่าองค์กรเคลื่อนตัวอย่างเหมาะสมหรือไม่ ก็คือการดูผลประกอบการ โดยเฉพาะในช่วงที่เผชิญวิกฤติการณ์ จะยิ่งวัด ได้ชัดว่า องค์กรพร้อมรับมือกับความผันผวนของโลกได้ในระดับที่ดีแค่ไหน เขามองว่า

    "ตอนแรกคิดว่าปีนี้คงจะแย่ เพราะ ราคาวัตถุดิบขึ้น คงขาดทุน ไม่มีใครกล้าเดาว่าราคาวัตถุดิบจะขึ้นแค่ไหน แต่เราหันไปจัดการลดความสูญเสียของระบบการผลิต โดยตั้งเป้าเพิ่มกำไรขึ้น เราทำได้ ใกล้เคียงเป้าที่ตั้งไว้มาก และราคาตลาดที่ขึ้นมาด้วย ทำให้กลายเป็นได้กำไรมากขึ้น

    ที่เป็นแบบนี้เพราะเราเคยถูกสอนให้คิดทางเดียว คือตั้งเป้าให้ขาย 100 บาท กำไร 3 บาท ตอนนี้เราเชื่อว่า "เราทำได้" ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง และวางเป้าหมาย ตัวเองให้ดีขึ้น อะไรที่ไม่แน่ใจ ใส่ตัวเลขเร็วๆ เช่นราคาขาย 100 บาท กำไรเคยได้ 3 บาท อาจเหลือแค่ 2 บาท แต่เป้าอยู่ ที่กำไร 7 บาท แทนที่จะทำส่วนเพิ่มแค่ 4 บาท ก็ต้องเพิ่มเป็น 5 บาท ทุกคนเริ่มเห็นว่าต้องทำงานกันคนละเท่าไร

    สภาพแวดล้อมมีผลต่อเราจริง แต่พอเปลี่ยนวิธีคิดว่า "ถ้ายิ่งแย่ ต้องยิ่งทำงาน หนักขึ้น เป้ายิ่งใหญ่ขึ้น" อะไรที่คิดไม่ออก ก็ต้องช่วยลูกน้อง ทำให้ปีนี้ได้กำไรใกล้เคียงกับที่ตั้งแผนไว้"

    เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้การทำงานแบบนี้ได้ผลเป็นจริง เขามีเทคนิคอีกตัวคือ "การจัดการแบบมองภาพรวมในอุดมคติ" (Ideal Management) เป็นเทคนิคที่ญี่ปุ่น ใช้มา 20 ปีแล้ว ใช้วางแผนการผลิตให้เหมาะสมกับกำลังการผลิต เพื่อลดการสูญเสียในระบบเช่นกัน

    นั่นคือแทนที่จะตั้งเป้าด้วยการปรับปรุงการทำงานเปรียบเทียบจากปีที่ผ่านมา ก็เปลี่ยนเป็นให้มองว่า "เราอยากจะเป็นอย่างไร" แล้วหาวิธีทำงานให้ได้ตาม เป้าหมายในอุดมคติที่ตั้งเอาไว้ โดยมีฐานคิดจากผลการทำงานจริง แล้วลบออกด้วย ข้อจำกัด ก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้

    เบทาโกรในวันนี้เต็มไปด้วยพลัง และยังมีเป้าหมายอีกมากมายที่ต้องไล่ล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างแบรนด์ หรือการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ ซึ่งสำหรับวนัสแล้ว การทำธุรกิจไม่ใช่เป็นเพียงภารกิจการทำกำไรจากส่วนต่างของต้นทุน และราคาขายเท่านั้น หากทว่าการจัดการความสูญเสียของระบบให้เหลือศูนย์กลายเป็นช่องทางทำกำไรใหม่ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเป็นเท่าตัว

    สิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจ เช่นเขาคือการสร้างสัมพันธ์แบบ Win-Win ระหว่างธุรกิจกับชุมชน ที่อยู่ในสถานะทั้ง Supply Chain และพนักงาน ซึ่งเขาเชื่อว่า นี่คือ "กำไรชีวิต" ที่ให้ความสนุกสนานในการบริหารงานได้ไม่รู้จบ

    "ผมรู้สึกสนุก มีอะไรที่อยากทำเต็มไปหมด นอกจากภายในองค์กรแล้ว ก็เริ่มไปทำที่อื่น เช่น โครงการหลวง เราเอาวิธีคิดที่ทำกับธุรกิจแล้วสำเร็จ ไปช่วยเพิ่มรายได้ให้ Supply Chain คือ ชาวบ้านที่ทำงานกับโครงการหลวง ใหม่ๆ มีคำถามว่า "ถ้าเพิ่มรายได้ ต้องไปทำมากขึ้น หรือค้ากำไรหรือเปล่า" ไม่เลย...มันแค่เป็นการจัดการ "ความสูญเปล่าในระบบ" ที่มีมหาศาล ให้กลายเป็นรายได้

    ก้าวต่อไปอยากไปทำกับ Non Profit ที่เกี่ยวข้อง ผมประทับใจงานของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน โดยคุณมีชัย วีระไวทยะ อยากหาพื้นที่หมู่บ้านสักแห่งเพื่อทำโรงงานกับชุมชนด้วยวิธีคิดดังกล่าว ซึ่งได้เรียนรู้มาจากการทำธุรกิจเบทาโกร จนผมเชื่อว่า ตำรา Management ที่มีอยู่เผาทิ้งไปเถอะ เพราะพอทำเป็นได้หนึ่งเรื่อง เรื่องอื่นก็เหมือนกันเกือบ 80% แล้ว"

    หากเชื่อว่าแนวทาง "การจัดการความสูญเปล่าของระบบ" คือทางออกจากวิกฤติการณ์การเงินของโลกที่ทุกคนต่างก็ประหวั่นพรั่นพรึง แล้วถ้ามีใครสักคนที่ "เริ่มตื่น" เหมือนที่วนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ได้ตื่นขึ้นมาหลายครั้งกับการบริหารจัดการสไตล์เบทาโกรยุคใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำ ...สงสัยว่าจะต้อง "เผาตำรา Management" ทิ้ง แล้วรีบไปฝากตัวเรียนยุทธวิธีรับมือวิกฤติการณ์กับวนัสก่อนใคร...!!
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. หล่อล่องลม

    หล่อล่องลม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +2
    โพสท์ของผมหายไปอ่ะ .... จายร้ายยยยย

    (cry) (cry) (cry)
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือนสติ

    อายุขัยในเมืองมนุษย์นี้แสนสั้น แต่อายุขัยในปรโลกนั้นแสนจะยาวนาน ถ้าทำดีก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดานานนับเป็นล้านๆ ปีของมนุษย์ ถ้าทำชั่วก็ต้องไปตกนรกอย่างยาวนานนับเป็นล้านๆ ปีมนุษย์เช่นกัน

    ท่านหล่อ....สร้างกรรมในโลกมนุษย์นี้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ต้องไปทนทุกข์ทรมานอย่างยาวนานในนรกนั้น มันคุ้มค่าแล้วหรือกับเพียงคำว่า "ต้องเอาชนะมันให้ได้" วจีกรรมชั่วใดๆ ที่ท่านได้ทำเอาไว้แล้วในเว็บพลังจิตแห่งนี้ ซึ่งเป็นเว็บเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    วจีกรรมของท่าน ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ แก่ผู้ที่เข้ามาอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยถ้อยคำที่เสียดสี ดูหมิ่น เหยี่ยดหยามต่างๆ นาๆ บาปกรรมของท่านก็พอกพูนมากขึ้นๆ ทุกที เพราะหลายๆท่านที่เข้ามาโพสต์ และเข้ามาอ่านในเว็บพลังจิตแห่งนี้ ก็มีทั้งที่เป็นพระอริยะเจ้า เป็นผู้ทรงศีล เป็นผู้ทรงธรรม เป็นผู้ทรงฌาน เป็นผู้มีจิตมุ่งปรารถนาในพระนิพพาน อยู่เป็นจำนวนมาก

    ความสนุกคึกคะนอง โดยไม่ยั้งคิดของท่าน มันจะนำมาซึ่งวิบากกรรมอันแสนทรมาน อย่างยาวนาน เมือใดที่ท่านสำนึกได้ก็จะต้องเสียใจกับการกระทำแบบนี้ ขึ้นชื่อว่ากฏแห่งกรรมแล้ว ใครทำกรรมอย่างไรก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น ไม่ว่าท่านจะมีเหตุผลสวยหรูอย่างไร เพื่อมาเป็นข้ออ้างในการสร้างกรรมแบบนี้ก็ตาม แต่กฏแห่งกรรมก็ยังคงทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงเสมอ และไม่เคยยกเว้นให้ผู้ใดทั้งสิ้น....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    7 รัฐของสหรัฐเผชิญพายุน้ำแข็งถล่ม

    [​IMG]

    สหรัฐ 14 ธ.ค. - สหรัฐเผชิญพายุน้ำแข็งพัดถล่มครั้งใหญ่ ทำให้ชาวบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้มากราว 1.25 ล้านครัวเรือน​

    พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐใน 7 รัฐ ตั้งแต่รัฐเพนซิลเวเนีย ไปจนถึงรัฐเมน เผชิญพายุน้ำแข็งพัดถล่มรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปี ทำให้กระแสไฟฟ้าในหลายพื้นที่ถูกตัดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐนิวแฮมป์เชอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐเมน และรัฐนิวยอร์ก รวมชาวบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้มากราว 1.25 ล้านครัวเรือน

    ชาวบ้านรายหนึ่งระบุว่า ไม่เคยเห็นพายุน้ำแข็งรุนแรงแบบนี้มาก่อนในรอบ 32 ปี ขณะที่ทางการประกาศเตือนชาวบ้านให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน เพื่อความปลอดภัย คาดว่าพายุน้ำแข็งจะเกิดติดต่อกันหลายวัน อย่างไรก็ตาม มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุสูดควันพิษจากการใช้เครื่องปั่นไฟสร้างความอบอุ่นอยู่ในบ้าน. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 00:16:44 ​

    รมว.กลาโหม สหรัฐเตือนอิหร่านเปลี่ยนท่าทีที่ดีกับชาติเพื่อนบ้านในภูมิภาค

    [​IMG]

    สหรัฐ 13 ธ.ค. - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐประกาศเตือนชาติที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับสหรัฐอย่าคิดลองดีกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมแนะอิหร่านปรับท่าทีก่อนจะสายเกินไป

    นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ผู้ที่ถูกว่าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา วางตัวให้ทำหน้าที่ต่อไปในรัฐบาลใหม่ของตนได้กล่าวในที่ประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศที่กรุงมานามา เมืองหลวงของบาห์เรน ว่า อิหร่านเปลี่ยนผู็นำมาแล้วหลายคน แต่ไม่เคยเปลี่ยนนโยบายให้เป็นเพื่อนที่ดีกับชาติเพื่อนบ้านในภูมิภาค ยังคงเป็นตัวการทำให้เกิดความรุนแรงและทำให้ภูมิภาคไร้เสถียรภาพอยู่ตลอดเวลา และว่าการปรับนโยบายต่ออิหร่านของรัฐบาลใหม่สหรัฐยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดู แต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่าที่ประธานาธิบดีโอบามานั้นไม่ได้ตกเป็นเหยื่อภาพลวงตาที่อิหร่านสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่อชาติเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย หรือโครงการอาวุธของอิหร่านก็ตาม

    ดังนั้นทุกชาติในอ่าวเปอร์เซียจะต้องร่วมมือกับสหรัฐเพื่อใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดันอิหร่านให้เปลี่ยนพฤติกรรมจนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนบ้านให้ได้. -สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 17:12:06

    สหรัฐแนะพันธมิตรพัฒนาข่าวกรองเพื่อโจมตีฐานโจรสลัด

    [​IMG]

    มานามา, บาห์เรน 13 ธ.ค. – นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า บรรดาพันธมิตรควรจะพัฒนาระบบข่าวกรอง เพื่อช่วยในการโจมตีถึงฐานที่มั่นของกลุ่มโจรสลัด

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวต่อที่ประชุมนานาชาติในวันนี้ว่า กองทัพควรจะขึ้นไปไล่ล่าโจรสลัดบนพื้นดินถ้าหากมีหน่วยข่าวกรองที่ดี แต่บรรดาบริษัทเดินเรือก็ควรที่จะมีมาตรการป้องกันในเบื้องต้น เช่น เร่งความเร็วเมื่อเห็นกลุ่มโจรสลัดเข้ามาใกล้และดึงบันไดขึ้น

    คำกล่าวของนายเกตส์มีขึ้นขณะที่สหรัฐกำลังจะเสนอร่างญัตติต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในสัปดาห์หน้า เพื่อขอใช้มาตรการที่จำเป็นทุกมาตรการในปราบปรามโจรสลัดจากโซมาเลีย.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 14:59:37

    น้ำท่วมในอิตาลี ส่งผลให้สุนัขตายไปหลายร้อยตัว

    [​IMG]

    โรม 13 ธ.ค.- สำนักข่าวอันซา รายงานว่า มีสุนัขกว่า 800 ตัว ตายหรือสูญหาย หลังคอกสุนัขแห่งหนึ่งทางใต้ของอิตาลี ถูกกระแสน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งพัดเข้าท่วม

    คอกสุนัขแห่งนี้ เลี้ยงสุนัขไว้ประมาณ 1,000 ตัว แต่ในช่วงที่น้ำจากแม่น้ำเพเทรซ ไหลเอ่อเข้าท่วม ทางเจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตสุนัขได้แค่ 270 ตัว เท่านั้น

    อิตาลีประสบปัญหาพายุฝนตกหนักมาตั้งแต่เมื่อวันพุธ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 4 คน ขณะที่แม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งไหลผ่านกรุงโรม ก็มีระดับน้ำพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำจึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง บางแห่งถึงกับต้องอพยพชาวบ้านออกจากบ้านเรือนชั่วคราว เพราะเกรงว่า น้ำจะเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของพวกเขา ระบบการสัญจรทางรถไฟก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

    ส่วนเมืองเวนิสในอิตาลี ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมครั้งรุนแรง เป็นหนที่ 2 ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระดับน้ำพุ่งสูงถึง 1.05 เมตร เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 15:33:10

    อิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโรมแล้วหลังจากระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว

    [​IMG]

    อิตาลี 13 ธ.ค. - รัฐบาลอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโรมแล้วหลังจากระดับน้ำในแม่น้ำไทเบอร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและยอดผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักเพิ่มเป็น 4 คนแล้ว

    กระทรวงป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของอิตาลีออกประกาศเตือนประชาชนในกรุงโรมให้เตรียมรับมือภาวะน้ำล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรเนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงเร็วมากถึง 16 ฟุต ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของกาชาดสากล ทหาร และเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนได้เร่งระดมกันวางกระสอบทรายเสริมแนวตลิ่งบริเวณสะพานมิลวิโอ เจ้าหน้าที่ได้อพยพค่ายพักของชาวยิปซีหลายแห่งซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ไปสู่ที่ปลอดภัย ขณะที่ถนนหลายสายในกรุงโรมจมอยู่ใต้กระแสน้ำ ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักผิดปกติในกรุงโรมและหลายพื้นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 4 คน. -สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 16:13:02

    รัฐบาลสหรัฐเตรียมเจียดงบช่วยค่ายรถยักษ์ใหญ่

    [​IMG]

    วอชิงตัน 13 ธ.ค.- รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณานำงบประมาณที่ช่วยอุตสาหกรรมธนาคารในประเทศ แบ่งออกมาบางส่วนเพื่อช่วยค่ายรถยักษ์ใหญ่ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่อยู่แล้ว คงจะรับมือไม่ไหวแน่นอน ถ้าปล่อยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องล้มครืนลงไปอีก

    ถ้อยแถลงของรัฐบาลสหรัฐมีขึ้น หลังวุฒิสภาตกลงกันไม่ได้ ในแผนจัดงบ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยเหลือค่ายรถยักษ์ใหญ่ ก่อให้เกิดความวิตกว่า ถ้าค่ายรถยักษ์ใหญ่ 3 แห่งในสหรัฐ คือ ฟอร์ด ไครสเลอร์ และเจเนอรัล มอเตอร์ส ไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อาจทำให้ 3บริษัทต้องลดตำแหน่งงานลงอีก

    วิกฤติการเงินโลก ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ซบเซาอย่างหนัก เจเนอรัล มอเตอร์ส ถึงกับจะระงับภาคการผลิตร้อยละ 30 ในอเมริกาเหนือ หลังยอดขายรถลดลงถึงร้อยละ 41 เมื่อเดือนที่แล้ว เช่นเดียวกับค่ายรถญี่ปุ่น ฮอนด้า ที่จะลดกำลังการผลิตในอเมริกาเหนือเช่นกัน

    การระงับภาคการผลิตชั่วคราวของเจเนอรัล มอเตอร์ส จะส่งผลกระทบต่อโรงงานในสหรัฐ 14 แห่ง ทั้งยังกระทบกับโรงงานในแคนาดา 3 แห่ง และในเม็กซิโกอีก 3 แห่ง ทำให้เจเนอรัล มอเตอร์ส มียอดการผลิตรถลดลง 250,000 คัน ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-13 14:08:35

    ชาวบราซิลประท้วงอาชญากรรม-ความรุนแรง

    [​IMG]

    บราซิล 14 ธ.ค. - ชาวบราซิลรวมตัวประท้วงการก่ออาชญากรรมและความรุนแรง ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตไปถึง 16,000 คน

    กลุ่มผู้ประท้วงไปรวมตัวกันที่ชายหาดโคปาคาบานา สถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงในนครรีโอเดจาเนโร พร้อมนำมะพร้าวจำนวน 16,000 ลูก ไปวางบนชายหาด เป็นสัญลักษณ์แทนจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรม ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 มีจำนวนถึง 16,000 คน นอกจากนี้ ยังมีบุคคลสูญหายไปอีกหลายพันคน

    นอกจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวแล้ว ยังมีสมาชิกครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิดไปในเหตุการณ์รุนแรง มาเข้าร่วมกิจกรรมด้วย เช่น คุณแม่รายหนึ่งที่ต้องสูญเสียลูกชายวัย 3 ขวบไป เนื่องจากถูกกระสุนปืนลูกหลงที่ตำรวจยิงเข้ามายังรถของเธอ

    เหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับแก๊งอาชญากร และอัตราการฆาตกรรมรายปีของนครรีโอเดจาเนโร อยู่ที่ 50 ต่อ 100,000 คน ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในโลก โดยเมื่อปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตที่ทางการลงทะเบียนไว้ถึง 48,000 คน. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 07:22:29

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  19. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    กฏแห่งกรรม
    ใครจะใหญ่กว่ากรรม
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    กรุงเก่า แตกตื่น! มนุษย์อยู่ในโพรง หมวด » ข่าว » ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    ชาวบางไทร กรุงเก่า แตกตื่นมนุษย์ประหลาด อาศัยอยู่ในโพรงป่าต้นกระถิน หลังนิคมเกษตรกรรมทหาร ผ่านศึก มีชาวบ้านเข้าไปหาผึ้ง เจอผู้หญิงตัวเล็กๆอายุ 40-50 ปี โผล่ออกมาจากดงกระถิน พอเห็นคนตกใจวิ่งมุดกลับเข้าไปทันที ตามเข้าไปพบเป็นโพรง มีผ้าห่ม เศษอาหาร กล้วย แต่ไม่เจอตัว ด้านหน่วยกู้ภัยระดมเจ้าหน้าที่กระจายหาตลอดทั้งวัน ก็ยังไม่เจอ คาดเป็นคนต่างถิ่น อาศัยอยู่ในโพรงมานานกว่าเดือน เตรียมนำเครื่องร่อนบินตรวจพิสูจน์
    เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนิคมเกษตรกรรมทหาร ผ่านศึก หมู่ 10 ต.บางไทร อ.บางไทร จ.พระนคร ศรีอยุธยา ว่าพบเห็นมนุษย์ประหลาดอาศัยอยู่โพรงป่าละเมาะ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าที่บริเวณริมคันดินหลังนิคมฯ มีต้นกระถินจำนวนมากขึ้นปกคลุมหนาทึบสูงท่วมหัว และพบเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ กำลังเดินตรวจสอบร่องรอยอยู่ พบว่ามีทางเดินลาดลงไปจากริมถนน การเข้าไปตรวจสอบเป็นไปด้วยความยากลำบากต้องก้มตัวมุดเข้าไปในโพรงป่ากระถิน และพบกองหญ้าแห้งคลุมกล้วยไว้จำนวน 4 หวี
    จากการตรวจสอบบริเวณรอบๆ โพรง ยังพบ กะลามะพร้าวจำนวนมากมีรอยถูกทุบ ในกะลามีรอยร่องรอยขูดเนื้อมะพร้าวออก และยังพบเปลือกมะพร้าวทิ้งไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน อีกทั้งยังพบรอยทางเดินเข้าไปในโพรงป่าที่มีความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร เป็นทางยาวเชื่อมต่อ จึงเดินมุดไปในโพรงลึกเข้าไปประมาณ 5 เมตร พบเศษผ้านวมกองใหญ่ บนที่นอนมีเศษผมตกอยู่ ใกล้กันยังพบไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่วางพิงอยู่ มีทางเดินเป็นโพรงลึกเข้าไปอีก โดยรอบยังพบกองอุจจาระกระจายอยู่ทั่วไป และพบรอยเท้าอยู่ริมบ่อน้ำ
    นายอนุกร คุ้มพวงมี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 10 ต.บางไทร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เดินออกมาตีผึ้งในป่าละเมาะ พบผู้หญิงอายุประมาณ 40-50 ปี ผมยาวสวมเสื้อแขนยาว ใส่ผ้าถุงรูปร่างสูงประมาณ 140-150 เซนติเมตร เดินโผล่ออกมาจากป่ากระถิน พอเห็นคนแล้วรีบวิ่งหนีเข้าไป จากการสังเกตคาดว่าเป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงมุดติดตามเข้าไป แต่เข้าไปด้วยความยากลำบาก จึงไล่ไม่ทัน ก่อนที่ผู้หญิงคนดังกล่าวจะมุดหายเข้าไปในโพรง ตามเข้าไปพบเพียงกล้วยสุก และกล้วยดิบหมกเอาไว้ ก่อนหน้านี้กล้วยของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงหายไปจำนวนมาก หลังจากนั้นมีชาวบ้านนำเอาอาหารพร้อมน้ำดื่มและช้อนมาแขวนที่ต้นไม้ปากทางเข้า แต่เมื่อเช้าพบว่ามีเพียงช้อนเท่านั้นที่หายไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบข่าว ต่างเดินทางมาดูจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นมนุษย์ประหลาดอาศัยใช้ชีวิตอยู่ในโพรง เพราะไม่เคยมีใครพบเห็นคนลักษณะนี้มาก่อน และบริเวณดังกล่าวไม่ค่อยมีใครเข้าไปเพราะเป็นป่าทึบ และเป็นพื้นที่ของนิคมเกษตรกรรมทหารผ่านศึก ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าออก ชาวบ้านต่าง วิพากษ์วิจารณ์ว่าน่าจะเป็นเหมือนคนรูที่เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว
    ด้านนายนที โรจนะนาวี หัวหน้าหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ กล่าวว่า จัดเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกว่า 20 คน เดินหน้าเรียงแถวเข้าค้นหาตามจุด ที่สงสัยว่าผู้หญิงจะหลบหนีเข้าไปในโพรงหญ้า ปรากฏว่าค้นหากว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งเกือบมืดแต่ยังไม่พบ จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง หลายคนให้ข้อมูลตรงกันว่า เป็นหญิงวัยกลางคนความสูงไม่เกิน 150 เซนติเมตร น่าจะมาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้นานกว่า 1 เดือน เชื่อว่าหญิงคนดังกล่าวอาจจะเป็นคนที่ผิดหวังจากครอบครัวแล้วหลบมาโดยไม่อยากพบผู้คน ทางหน่วยกู้ภัยจะประสานกับหน่วยราชการของ อ.บางไทร ในวันที่ 13 ธ.ค. เพื่อนำเครื่องร่อนบินตรวจ


    ที่มาจากหนะงสือพิมพ์ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...