ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปลาคาร์พมงคล เปิดตัวโชว์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมืองไทยประกาศศักดาความเป็นผู้นำด้านอัญมณีของโลก

เปิดตัวผลงานชิ้นเอกหนึ่งเดียวของโลก “ปลาคาร์พมงคล” ประดับบุษราคัมกว่า 5,400 กะรัต ครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 8 ธ.ค. นายอดิศักดิ์ ถาวรวิริยะนันท์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี เปิดเผยว่า ทางสมาคมและสมาชิกรวมถึงผู้ประกอบกิจการอัญมณี ร่วมกันจัดงาน “เปิดโลกอัญมณีและของดีเมืองจันท์ ครั้งที่ 5” ขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 ธ.ค.นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี โรงแรมเคพีแกรนด์ อ.เมืองจันทบุรี โดยเรียนเชิญนายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผวจ.จันทบุรี เป็นประธานเปิดงาน มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ ชื่อเสียงความเป็นแหล่งพลอยสวยของประเทศไทย ผลงาน
การผลิตอัญมณีและเครื่องประดับจนเป็นที่รู้จักของทั่วโลก โดยร้อยละ 80 ของอัญมณีไทยที่ส่งออกไปยังตลาดโลก ล้วนเจียระไนมาจากฝีมือช่างไทยใน จ.จันทบุรี

สร้างรายได้จากการส่งออกปีละนับแสนล้านบาท โดยปัจจุบัน จ.จันทบุรี เป็นศูนย์กลางการซื้อขายพลอยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับผลงานชิ้นเอกที่จะมาร่วมจัดแสดงในงานดังกล่าว คือ “อัญมณีแห่งสายน้ำ ปลาคาร์พมงคล” จัดสร้างและผลิตโดยร้านธัญมณี จันทบุรี ของนางสุภาพร นิยมกิจ เป็นผลงานที่รังสรรค์ผ่านแนวความคิดของนายชายพงษ์ นิยมกิจ วัย 29 ปี บุตรชายของนางสุภาพร โดยยึด “ปลาคาร์พ” (Fancy Carp) สายพันธุ์สีเหลืองทอง หรือสายพันธุ์ “Ogon” มาใช้เป็นต้นแบบ ตามความเชื่อของคนเอเชียที่ว่า ปลาคาร์พเป็นปลาที่กล้าหาญไม่ท้อถอยและมีอายุยืนคือ 60-100 ปี ถือเป็นตัวแทนของความสำเร็จ ความพยายาม โชคลาภ และอายุยืนยาว ด้วยความที่มีหลากหลายสีของเกล็ดและสายพันธุ์ ทำให้ ปลาคาร์พได้ชื่อว่าเป็น “อัญมณีแห่งสายน้ำ”

นางสุภาพรกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของปลาคาร์พที่จัดสร้างขึ้น เริ่มต้นถอดแบบทุกสัดส่วนจากปลาคาร์พจริงมีความยาว 40 ซม. เส้นรอบวงลำตัว 40 ซม. ใช้โลหะเงินชนิด 92.5 เปอร์เซ็นต์ มาขึ้นโครงสร้างหลักทั้งส่วนหัว

เกล็ดปลาจำนวน 990 เกล็ด ครีบหลัง ครีบหาง ครีบใต้ท้อง ตลอดจนโครงสร้างของลำตัวที่ถักทอเป็นตาข่ายเงิน ใช้โลหะเงินหนักถึง 2.6 กก. จากนั้นก็เริ่มประดับพลอยบุษราคัมลงบนเกล็ดปลาทั้ง 990 เกล็ด โดยใช้บุษราคัมขนาด 4.0-10 มม. แบบกลมเหลี่ยมเพชรจำนวนกว่า 100,000 เม็ดมาคัดไซส์และสี จนเหลือเพียง 37,999 เม็ด รวม 5,499 กะรัต เพื่อใช้ประดับลงบนเกล็ดและลำตัวของปลาคาร์พมงคล

“ปลาคาร์พตัวนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะต้องใช้ความพยายามและความอุตสาหะอย่างสูงของช่างไทย เนื่องจากต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการไล่สีและขนาดของบุษราคัมประกอบเกล็ดปลาซึ่งมีขนาดแตกต่างกันไปในแต่ละส่วน ก่อนจะนำชิ้นส่วนทั้งหมดไปชุบทองไมครอนหนา 5 ไมครอน โดยเริ่มต้นทำงานชิ้นนี้ช่วงเดือน ก.ย. 50 เพิ่งจะมาเสร็จสมบูรณ์เมื่อต้นเดือน ธ.ค.นี้ รวมระยะเวลาการประดิษฐ์ผลงานถึง 1 ปี 3 เดือน มีน้ำหนักรวมแล้วกว่า 5 กก. โดยตัวปลาคาร์พมงคลจะมีสีเหลืองอร่าม ตั้งวางอยู่บนฐานทำจากเงินชุบทองไมครอน ซึ่งสีเหลืองทองนี้เป็นสีมงคลยิ่งของปวงชนชาวไทย ด้วยเป็นสีประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นสีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง เป็นผลงานที่ผลิตขึ้นเพียงชิ้นเดียวในโลก จุดเด่นสำคัญอีกแห่งคือตาของปลาคาร์พมงคลจะประดับด้วย “ทับทิมสยาม” อัญมณีเลื่องชื่อของไทย ราคาที่ตั้งไว้ในขณะนี้คือ 3 ล้านบาท” นางสุภาพรสรุป

ด้านนายภูเก็ต คุณประภากรณ์ ประธานคณะกรรมการจัดงานกล่าวเสริมว่า นอกจาก “อัญมณีแห่งสายน้ำ ปลาคาร์พมงคล” แล้ว ภายในงานยังนำผลงานชิ้นเด่นๆมาจัดแสดง

เช่น “ทับทิมสยามหนัก 18 กะรัต” ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 30 ล้านบาท สร้อยสังวาลสาย ประดับพลอยเขียวแสงส่อง ซึ่งเป็นพลอยใต้ดินจันท์แท้ “มาลัยจันทบูร” มาลัยสีทองตลอดทั้งสายใช้บุษราคัมและเพชรกว่า 127 กะรัต และ “มณีบุศรา” ที่ใช้พลอยบุษราคัมมารังสรรค์เป็นเครื่องประดับสุดล้ำค่า ซึ่งทุกท่านจะหาชมได้จากภายในงานนี้เท่านั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คนไทยเฮ'ดีเซล'ลงต่ำกว่า 20 บ. </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>คนไทยได้เฮลั่นอีกระลอกราราน้ำมันดีเซลหลุด 20 บาทต่อลิตร เป็นครั้งแรกในรอบ 42 เดือน หรือเกือบ 4 ปี

ผลพวงภาวะเศรษฐกิจโลกทรุดฮวบ นักวิเคราะห์ ชี้ ปีหน้าราคาน้ำมันดิบร่วงเหลือบาร์เรลละ 25 เหรียญ แน่ ด้านโรงกลั่นขาดทุน สต๊อกแล้วกว่าหมื่นล้านบาท สอท. ชี้ยังไม่พอใจ เพราะราคาที่แท้จริงควรอยู่ที่ 14-15 บาทต่อลิตร

ที่กระทรวงพลังงาน เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้ปรับลดราคาน้ำมันทุกชนิดลงอีกลิตรละ 60-80 สต. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 9 ธ.ค. เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกทม.และปริมณฑล โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลลดต่ำกว่าลิตรละ 20 บาท เป็นครั้งแรกในรอบ 42 เดือนหรือเกือบ 4 ปี ซึ่งอยู่ที่ลิตรละ 19.84 บาท ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 16.89 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 16.09 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่า 20 บาท เช่นกัน ขณะที่เบนซิน 95 อยู่ที่ 26.59 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 21.39 บาทซึ่งเป็นการปรับลดลงตามตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเหลือเพียง 40.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ ดูไบ ราคา 38.84 ดอลลาร์
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า

ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงิน ทำให้การใช้น้ำมันในสหรัฐ-ยุโรป ลดลง ขณะที่การเก็งกำไรจากบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้หายไปจากตลาด และพบว่าราคาน้ำมันเบนซินที่ต่ำกว่าน้ำมันดิบ ส่งผลให้โรงกลั่นฯ ประสบปัญหาขาดทุน ค่าการกลั่นตกต่ำ ส่วนราคาดีเซลแม้สูงกว่าน้ำมันดิบ แต่หากผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้วก็น่าเป็นห่วงว่าราคาจะลดลง ดังนั้น ทุกโรงกลั่นฯ ต้อง บริหารโรงกลั่นฯ ให้อยู่รอดเพราะช่วงนี้อาจขาดทุนสต๊อกรวมกันกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่า

ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลด้านจิตวิทยาในวงการน้ำมัน และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอื่น ๆ เป็นลูกโซ่ โดยนักวิเคราะห์จากหลายสถาบันคาดว่าหากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลกระทบต่อประเทศจีนที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลก อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในปีหน้าปรับลดลงถึงระดับ 25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้

“ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มลดลงอีกครั้ง จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และยุโรป ล่าสุดสถิติการปลดพนักงานในสหรัฐ เดือน พ.ย. 51 มีอัตราสูงสุดในรอบ 34 ปี อยู่ที่ระดับ 533,000 อัตรา และคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเฉลี่ยในปีหน้าอยู่ที่ระดับ 86.37 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ล่าสุดวันที่ 8 ธ.ค. 51 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 39.00 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซินอยู่ที่ 34.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และดีเซลอยู่ที่ 57.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล”

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า

เป็นเรื่องที่ดีที่ราคาน้ำมันดีเซลลดลงอย่างมากเพราะจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ระดับหนึ่ง แต่ตามหลักแล้วราคาน้ำมันดีเซลควรอยู่ที่ 14-15 บาทต่อลิตร แม้ราคาจะลดลงมาแต่เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมถือว่าไม่คุ้มค่ากับภาคอุตสาหกรรม เพราะน้ำมันที่ลดลงนั้นมาจากเศรษฐกิจไม่ดีส่งผลให้โรงงานต้องลดกำลังการผลิตลง.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คนประหลาด (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
​

เรื่องวาจา

“คำว่าพูดเป็นธรรม มิได้หมายความว่า พูดเรื่องธรรม
แต่หมายความว่า พูดถูกต้อง มีเหตุผล
ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียน แต่เป็นไปเพื่อเกื้อกูล”

การสังวรวาจา

เมืองหนึ่งมีคนแปลกประหลาด คือมีปากเป็นขวาน
เมื่อไม่ชอบผู้ใด ก็ใช้ขวานที่ปากฟันผู้นั้น
แต่ก็มีข้อแปลกประหลาดคือฟันไม่ถูกที่ร่างกาย
แต่ไปถูกที่จิตใจที่ทำให้เจ็บยิ่งกว่าร่างกาย
คนที่ถูกฟันก็มีขวานที่ปากอีกเหมือนกัน
ก็ฟันตอบเข้าบ้างและก็ถูกที่ใจอีกเหมือนกัน

เมื่อใช้ปากขวานฟันกันไปฟันกันมา
ก็มีคนมารุมดูกันมากมาย สนับสนุนข้างโน้นบ้างข้างนี้บ้าง
บางที่ก็เข้าช่วยตะลุมบอนกันเป็นสองฝ่าย

เพราะต่างฝ่ายก็มีปากเป็นขวานอยู่ด้วยกันและมีแปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่ง
คือนอกจากเป็นขวานที่ฟันไม่ถูกร่างกายของใครถูกแต่ใจแล้ว
ยังเป็นขวานที่เมื่อเหวี่ยงออกไปที่ใครอื่นแล้ว
ยังหมุนมาถูกตัวเจ้าของขวานเองอีกด้วย

บางคราวมีผู้วิเศษมาเป่ามนต์ลงไปว่าน้ำลม ลมน้ำ
อำนาจมนต์ทำให้ขวานหลุดจากปาก หมดอำนาจที่จะฟาดฟันกันต่อไป

เมืองที่มีคนปากขวานแปลกประหลาดนี้ สมมุติขึ้นตามพระพุทธภาษิตในพระสูตรหนึ่งที่ว่า “ขวานเกิดที่ปากของคน ผู้เกิดมาแล้ว เป็นเครื่องตัดตนเองของคนโฉดผู้ชั่วร้าย ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรติเตียน หรือติเตียนผู้ที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นย่อมก่อโทษขึ้นด้วยปาก ย่อมไม่ได้ความสุขเพราะโทษนั้น ความเล่นการพนันเสียทรัพย์หมดสิ้น พร้อมทั้งตัวเองล้มละลาย โทษนี้แหละใหญ่ยิ่งกว่านัก”

พระพุทธภาษิตนี้ ตรัสสอนให้คนสังวรปาก สังวรวาจา เพื่อที่จะไม่ใช้วาจาฟาดฟันใครด้วยความคะนอง เพราะวาจานั่นเองจะกลับมาเป็นขวานฟันตัวเองเข้าให้ ข้อที่ว่า “ขวานเกิดที่ปาก” เป็นข้อเตือนด้วยว่า เมื่อว่าเขาได้ก็เป็นเหตุให้เขาว่าตอบเข้าบ้าง เพราะเท่ากับปากของตนเองเป็นขวาน ที่หวนกลับมาฟันตนเอง

เรื่องของความคะนองวาจา
ถึงจะไม่ไปทำอันตรายทางร่างกายแก่ใครๆ
แต่ก็ไปทำให้คนที่มุ่งจะว่า เกิดความเจ็บใจหรือทุกข์ใจขึ้นได้แม้อย่างสาหัส
ทั้งอาจจะเป็นชะนวนแห่งความวิวาทแตกร้าว ตลอดถึงเหตุรุนแรงอื่นๆ
ดังที่มีตัวอย่างเป็นอันมาก

พูดไม่ดีหน่อยเดียวก่อให้เกิดผลร้ายมากมาย หรือพูดดีไม่กี่คำ ก่อให้เกิดผลดีเป็นอันมาก ผู้วิเศษที่มาช่วยเป่ามนต์นั้น คือใครก็ตามที่จะช่วยเตือนสติ หรือแม้สติของตนเองที่เกิดเตือนใจว่า วาจาที่พูดนั้นเป็นเพียงลมปากหรือน้ำลาย เพื่อผู้ที่จะพูดจะได้สงบลมปากของตน หรือระงับน้ำลายไว้ ไม่เป่าไม่พ่นออกไปแก่ใครและผู้ที่ฟังจะได้คิดว่าเพียงแต่ลมปากหรือเพียงแต่น้ำลาย

ถ้าตัวเองไม่รับเอาลมหรือน้ำลายมาปรุงปนขึ้นให้เป็นตัว ก็ไม่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นพิษสงอะไรทั้งนั้น แต่ถ้ารับมาปรุงมาแต่ง มาปรุงมาปั้นเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นแล้ว ลมปาก็กลายเป็นลมกรดแรงยิ่งกว่าพายุ น้ำลายก็กลายเป็นน้ำที่มีระลอกคลื่นยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทร

จึงอยู่ที่ใจนี้เอง “ความสงบระงับสังขาร (ความปรุงแต่งใจนี่แหละ) เสียได้เป็นสุข”


: ธรรมจักขุ มกราคม ๒๕๕๑ (๑๕-๑๖)
: พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต​

 

สงขลาท่วมฉับพลันอีก ตัดขาดกว่า 50 ครัวเรือน​

​

สงขลา 9 ธ.ค.- นายไชยรัตน์ ศรประสิทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลพะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมเจ้าหน้าที่ นำเรือท้องแบนสำรวจความเสียหายของพื้นที่ตั้งแต่เช้า (9 ธ.ค.) หลังมีน้ำป่าจากอำเภอสะเดาไหลหลากลงคลองอู่ตะเภาอย่างรวดเร็ว ทำให้เอ่อท่วมบ้านเรือนเขตเทศบาลตำบลพะตง ​

โดยเฉพาะบริเวณตลาดทุ่งลุง สะพานเชื่อมต่อระหว่างตลาดทุ่งลุงไปยัง อ.คลองหอยโข่ง น้ำสูงกว่า 1 เมตร ตัดขาดการสัญจร ประชาชนกว่า 50 ครัวเรือน ม.1 เทศบาลตำบลพะตง และ ม.8 บ้านคลองประตู ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำออก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขณะที่ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกซ้ำอีก จะทำให้น้ำไหลระบายรวดเร็วขึ้น.- สำนักข่าวไทย​

2008-12-09 11:07:12 ​

ฝนถล่มนราฯ แม่น้ำสุไหงโก-ลกเอ่อท่วมซ้ำสอง​

​

นราธิวาส 8 ธ.ค.-ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุด ฝนตกหนักอีกรอบในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทำให้น้ำป่าเขาสันกาลาคีรี อ.สุคิริน ไหลหลากอย่างรวดเร็วลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก และล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรริมฝั่ง 3 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก แว้ง และตากใบ เป็นรอบที่ 2 รวม 18 ตำบล 122 หมู่บ้าน ระดับน้ำ 80-100 ซม. เจ้าหน้าที่นำเรือท้องแบนอพยพชาวบ้านและสัมภาระมาพักชั่วคราวยังจุดที่จัดไว้​

ส่วนแม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้ชาวบ้านสองฝั่งเร่งเก็บสิ่งของไว้ล่วงหน้า เพราะเกรงว่าน้ำอาจล้นตลิ่งฉับพลัน ส่วนน้ำท่วมเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 13 อำเภอ 593 หมู่บ้าน 77 ตำบล เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท และเตรียมงบประมาณฟื้นฟูหลังน้ำลดอย่างเร่งด่วน.- สำนักข่าวไทย​

2008-12-08 18:02:08 ​

สุราษฎร์ฯ คึกคักแห่ชมดอกบัวผุดยักษ์อุทยานฯ เขาสก​

​

สุราษฎร์ธานี 9 ธ.ค.- นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เร่งประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวที่มีทั้งชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาชมดอกบัวผุดในเขตอุทยานฯ ให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับหรือคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ​

เพื่อป้องกันการทำลายดอกบัวผุดโดยไม่ตั้งใจ อาจไปเหยียบปุ่มตาของดอกบัวผุดที่ติดอยู่กับเครือเถาวัลย์ ย่านไก่ต้ม เพราะจะทำให้ดอกบัวผุดนั้นตายและไม่มีโอกาสเจริญเติบโตขึ้นอีก โดยอุทยานฯ จะมีเจ้าหน้าที่พานักท่องเที่ยวเดินชมชุดละ 12 คน คอยให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเก็บภาพความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก และถ้านักท่องเที่ยวฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของอุทยานฯ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายขั้น ​

สำหรับดอกบัวผุดเป็นพันธุ์ไม้หายาก มีดอกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร โดยบัวผุดจะบานในช่วงเดือน พ.ย.-พ.ค.ทุกปี สำหรับปีนี้จะมีดอกบัวผุดบานอยู่ 5 จุด จำนวน 73 ดอก.-สำนักข่าวไทย​

2008-12-09 11:15:59 ​

ปศุสัตว์พัทลุงพบเพิ่มพื้นที่ระบาดปากเท้าเปื่อยในโค​

​

พัทลุง 8 ธ.ค.- นายไพโรจน์ อินทรศรี ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง ยืนยันสามารถควบคุมโรคปากเท้าเปื่อยระบาดในโคพื้นที่ อ.กงหรา และ ต.นาโหนด อ.เมือง พร้อมฉีดวัคซีนแก่สัตว์เลี้ยงของเกษตรกร แต่ล่าสุดพบการป่วยเพิ่มในพื้นที่ ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง โดยเฉพาะในโคชน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ่อนชนโค ​

ถือเป็นพื้นที่เสี่ยง เพราะผู้เลี้ยงโคชนไม่นิยมฉีดวัคซีนและมีการเคลื่อนย้ายสัตว์บ่อย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องควบคุมจุดแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด ทั้งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณบ่อนชนโค จึงเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้พิจารณาความเห็นชอบให้ชะลอเปิดบ่อนชนโคในระยะนี้ เพราะสภาพอากาศฝนตกและน้ำท่วมขังเอื้ออำนวยต่อการระบาดของโรค จึงขอเตือนเกษตรกรให้หมั่นตรวจตราสัตว์เลี้ยง หากพบสัตว์ป่วยผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และที่สำคัญห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยเด็ดขาด หรือถ้าสัตว์ป่วยตายควรแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย​

2008-12-08 14:24:29 ​

ผู้ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อเศรษฐกิจดีขึ้นหลังไทยตั้งรัฐบาล​

​

จันทบุรี 9 ธ.ค.- นายสมบัติ จึงตระกูล นายกชมรมผู้ประกอบการค้าชายไทย–กัมพูชา จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการค้าระหว่างไทย–กัมพูชา ในหลายจังหวัดของกัมพูชา ​

ส่วนใหญ่เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ของไทยจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศได้ดี และส่งผลถึงเศรษฐกิจกัมพูชาดีขึ้นด้วย เนื่องจากไทย-กัมพูชาค้าขายร่วมกันมานาน และเศรษฐกิจของกัมพูชาเกือบทุกด้านต้องอิงกับเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก เพราะตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.จันทบุรี ที่มีตลาดชายแดนถึง 5 แห่ง ลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด จากมูลค่าการค้าในแต่ละวันประมาณ 10 ล้านบาท เหลือเพียงกว่า 2-3 ล้านบาท เพราะชาวกัมพูชาไม่มีกำลังซื้อสินค้าของไทย ​

สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ของไทยนั้น ผู้ประกอบการค้าชายแดนทั้งสองฝ่ายยังมั่นใจว่าการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในประเทศกัมพูชาที่นักธุรกิจไทยเข้าไปดำเนินการและหยุดชะงักไปจะสามารถดำเนินการต่อไปได้. -สำนักข่าวไทย​

2008-12-09 11:14:12 ​

ที่มา http://news.mcot.net/local/​

 

ยอดคนตายเพราะอหิวาต์ในซิมบับเวเกือบ 600 คนแล้ว​

​

ฮาราเร 9 ธ.ค. - สำนักงานประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคระบาดในซิมบับเวเพิ่มเป็น 589 รายแล้ว ในจำนวนนี้ 189 รายเกิดขึ้นในกรุงฮาราเร เมืองหลวงของประเทศ ส่วนยอดผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ที่ 13,960 คน

อหิวาตกโรคระบาด การขาดแคลนอาหารและเศรษฐกิจพังทลายจุดกระแสเรียกร้องครั้งใหม่จากชาติตะวันตกให้ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ของซิมบับเว ลาออก ขณะที่นายมูกาเบ โทษมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกว่าทำให้ซิมบับเวลำบาก ส่วนผู้ที่ไม่ชอบเขากล่าวหาว่า เขาปกครองแบบเบ็ดเสร็จยิ่งกว่าเดิม

เจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้ได้เดินทางไปซิมบับเวในวันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์หลังจากรัฐบาลนายมูกาเบ ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติเป็นครั้งแรก ขณะนี้ซิมบับเวกำลังขาดแคลนอาหารจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวในแต่ละวัน เงินเฟ้อขนาดหนัก ธนาคารจำกัดให้ถอนเงินได้ไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์ซิมบับเวต่อสัปดาห์ แต่เงินจำนวนนี้ซื้อได้เพียงขนมปัง 3 แถวเท่านั้น สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเพราะนายมูกาเบ และนายมอร์แกน สแวงกิไร ผู้นำฝ่ายค้าน ยังตกลงเรื่องแบ่งปันอำนาจกันไม่ได้หลังจากประเทศตกอยู่ในความวุ่นวายจากผลการเลือกตั้ง. -สำนักข่าวไทย

2008-12-09 15:04:30

ซิมบับเวห้าม shake hand เพราะไม่มีน้ำล้างช่วงอหิวาต์ระบาด ​

​

ชาวไทยที่กำลังกลุ้มใจกับความวุ่นวายในประเทศ อาจหายกลุ้มใจ หากหันไปดูซิมบับเวเพื่อนร่วมโลกในทวีปแอฟริกาของเรา ที่มีแต่ปัญหาทับถมอย่างน่าสงสาร ล่าสุด มีคำเตือนให้ชาวฮาราเรเลิกทักทายกันด้วยการเช็คแฮนด์เพราะไม่มีน้ำใช้ตอนอหิวาต์ระบาดทั่วประเทศ ตามมาด้วยการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ท่ามกลางการล่มสลายของระบบการเงินและการชงักงันทางการเมืองที่ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้ายลง

นายเดวิด ปาริเรนยัตวา รัฐมนตรีสาธารณสุขซิมบับเว ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ ให้ประชาชนเลิกใช้วืธีการทักทายด้วยวิธีจับมือ หรือเชคแฮนด์ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ ที่นับจากปลายเดือนสิงหาคม มีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 11,000 คน และคร่าชีวิตชาวซิมบับเวไปแล้วอย่างน้อย 589 คน

ที่ต้องห้ามคนจับมือกัน เป็นเพราะแม้อหิวาต์กำลังระบาดหนัก แต่กรุงฮาราเร่กลับไม่มีน้ำประปาใช้โดยสิ้นเชิง เพราะทางการขาดแคลนสารเคมีที่ใช้ในการกรองน้ำให้บริสุทธิ์ กำลังรอการส่งมอบจากแอฟริกาใต้ ทำให้ชาวฮาราเร่ 2 ล้านคน ต้องทุกข์ยากหนักขึ้น และหลายคนหันไปใช้วิธีขุดบ่อน้ำในสวนบ้านตัวเอง ในขณะที่มีคนเข้าคิวยาว ในทุกจุดที่มีการขายน้ำ

รายงานข่าวระบุว่าอหิวาต์ระบาดเพราะน้ำปนเปื้อน ประกอบกับการล่มสลายของระบบสาธารณสุขและอนามัยของ ซิมบับเว ซึ่งมีขึ้นตามหลังการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ โรงพยาบาลและโรงเรียนพากันปิดให้บริการ

คงจำกันได้ว่าก่อนหน้านี้ ซิมบับเวสร้างความฮือฮาด้วยการพิมพ์ธนบัตรราคาแพง ที่มีค่านิดเดียวมาใช้ เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อต่อปีล่าสุดอยู่ที่ 231,000,000% ( สองร้อยสามสิบเอ็ดล้านเปอร์เซ็นต์แล้ว) และธนบัตรราคา ใบละ 100,000 ล้านดอลลาร์ซิมบับเว ที่พิมพ์ออกมาใช้ล่าสุด มีค่าเพียง 8 เพนนีเท่านั้น

​

ตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม รัฐบาลต้องยอมให้ร้านค้ารับเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเงินแรนด์ของแอฟริกาใต้แล้ว เพราะเงินสกุลของตนแทบจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิง แถมเงินสดยังขาดแคลนหนัก เพราะรัฐบาลไม่มีปัญญาที่จะต้องคอยพิมพ์แบ๊งค์ใหม่ๆออกมาโดยตลอด เพราะค่าเงินตกฮวบอย่างรวดเร็ว

มีชาวซิมบับเววัยผู้ใหญ่เพียง 1 คนจากทุกๆ 5 คนที่มีงานประจำทำ และคนครึ่งหนึ่งของประเทศ เป็นโรคขาดอาหารเรื้อรัง

​

รัฐบาลโทษว่าประเทศมีปัญหา เพราะมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ที่มุ่งโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (ภาพบน) แต่นักวิเคราะห์บอกว่า มีการนำมาตรการแซงชั่นมาใช้กับซิมบับเว หลังจากมีข้อกล่าวหาเรื่องโกงการเลือกตั้งและการใช้ความรุนแรงทางการเมือง ซึ่งมีเป้าหมายที่มูกาเบ้กับพรรคพวก รวมทั้งการห้ามเดินทางเข้าประเทศตะวันตก และการอายัติทรัพย์สินของพวกเขา

นอกจากอหิวาต์ ชาวซิมบับเวยังเริ่มมีปัญหากับโรคระบาดอีกชนิด คือ แอนแทรกซ์ หรือโรคปากเท้าเปื่อย โดยเมื่อวันจันทร์ องค์การการกุศล" เซฟ เดอะ ซิลเดรน"ของอังกฤษ ออกแถลงการณ์เที่กรุงฮาราเร่ว่า ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ ทำให้มีคนตายแล้ว 3 คน เป็นเด็ก 2 คนกับผู้ใหญ่ 1 คน ในแถบหุบเขาแซมเบซี่ และกำลังเป็นภัยคุกคามต่อฝูงปศุสัตว์ 60,000 ตัวในทางภาคเหนือของประเทศ

แอนแทรกซ์เป็นโรคระบาดในสัตว์ที่สามารถส่งต่อไปยังมนุษย์ ผ่านทางการสัมผัสหรือกินเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ ราเชล พาวด์ส ผู้อำนวยการของ"เซฟ เดอะ ซิลเดรน"ในซิมบับเว กล่าวว่า การขาดแคลนอาหารทำให้ครอบครัวที่หิวโหยจำเป็นต้องกินเนื้อสัตว์ที่ตายเพราะโรคนี้ และป้อนเนื้อให้กับลูกๆ

การระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในซิมบับเวในปัจจุบันร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี เจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้มาตรการกักกันโรคเพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดออกไป แต่การล่มสลายของเศรษฐกิจของประเทศทำให้ไม่มีทางเลือกมากนัก

ซิมบับเวกลายเป็นประเทศยากจนอย่างหนัก หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจนานนับสิบปี และการปราบปรามอย่างรุนแรงของประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ้ ต่อการท้าทายทางการเมืองจากพรรคฝ่ายค้าน คือ"แนวร่วมเพื่อการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย ( Movement for Democratic Change.) หลังจากข้อตกลงแบ่งสรรค์อำนาจชงักงัน

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เกิดการก่อม็อบขึ้นโดยทหารชั้นผู้น้อยของซิมบับเวที่แต่งเครื่องแบบ แต่ไม่ติดอาวุธ โดยมีพลเรือนหลายร้อยคนเข้าร่วมก่อจลาจล ซึ่งนับเป็นการออกมาก่อความไม่สงบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

มีรายงานว่ามีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ขณะที่ทางการส่งทหารติดอาวุธหนักและตำรวจปราบจลาจลเข้ามาสลายการชุมนุม ฝูงชนพากันใช้ก้อนหินขว้างปารถยนต์ ปล้นสดมภ์ร้านค้าและทุบทำลายหน้าต่างขณะที่หลายคนใช้มือแสดงสัญญลักษณ์ " the open hand salute " (การแบมือคารวะ) ของพรรคฝ่ายค้าน (ในภาพล่าง)

​

พวกเขาผิวปากและเต้นรำที่กลางเมืองหลวง ก่อนจะสลายตัวเมื่อตำรวจปราบจลาจลเข้าสกัด ทิ้งไว้แต่ก้อนอิฐและก้อนหินเกลื่อนถนน สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนความไม่พอใจที่ฝังรากลึกในกองทัพที่มีกำลังพล 25,000 นายของนายมูกาเบ้ ในขณะที่บรรดานายพลยังจงรักภักดีอย่างล้นเหลือต่อนายมูกาเบ้วัย 84 ปี แต่ทหารชั้นผู้น้อยต่างได้รับความยากลำบากแบบเดียวกับชาวบ้าน

มีข่าวว่า การก่อความไม่สงบครั้งนี้เกิดจากทหาที่มาต่อคิวยาวอยู่ที่หน้าธนาคาร โมโหหลังจากพบว่าธนาคารไม่มีเงินสดให้เบิก ทหารเหล่านี้หันไปเล่นงานบรรดาผู้ให้บริการแลกเงินเถื่อนจำนวนมาก ที่อยู่กันที่ชุมทางรถโดยสาร

ทางไกลในแถบนั้น เพราะในขณะที่ธนาคารต้องดิ้นรนหาเงินสดมาให้ลูกค้าอย่างยากลำบาก พวกให้บริการแลกเงินเถื่อน กลับให้บริการรับแลกธนบัตรซิมบับเวเป็นเงินสกุลดอลลาร์ การบุกเล่นงานของทหารทำให้พวกนี้แตกกระเจิงหนีไป ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดเหตุคล้ายกันนี้ แต่มีขนาดเล็กกว่า

นักวิเคราะห์มองว่า แม้จะเป็นครั้งแรกที่เกิดการก่อจลาจลในกรุงฮาราเร นับตั้งแต่สินค้าพื้นฐานพากันแพงขึ้นพรวดพราดมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่สำคัญคือ การที่มูกาเบ้ต้องปราบทหารที่ก่อจลาจล โดยใช้ตำรวจ ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า เห็นตำรวจใช้ไม้พลองชนิดมีไฟ หรือ night sticks.ทำร้ายทหารที่ก่อจลาจล ..

Posted by ThelastKGB

ที่มา http://www.oknation.net/blog/inter/2008/12/02/entry-5

 

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 17:14 น. ข่าวสดออนไลน์


เผยคลิปฮอตหมาช่วยหมา

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อ 9 ธ.ค. เอพีรายงานว่า คลิปที่สุนัขฮีโร่ของชิลี วิ่งเข้าไปคาบซากเพื่อนของมันที่ถูกรถชน บนทางด่วนในกรุงซานติเอโก กลายเป็นคลิปยอดนิยมที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผู้โทรศัพท์ไปยังผู้บริหารทางด่วนเพื่อขอรับเลี้ยงสุนัขตัวดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จนถึงขณะนี้ยังหาสุนัขในคลิปไม่เจอ

คลิปดังกล่าวเผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูบ หลังจากสถานีโทรทัศน์ของชิลีแพร่ภาพนาทีสุนัขฮีโร่ วิ่งฝ่ารถยนต์เข้าไปช่วยเพื่อนของมันที่ถูกรถชนกองอยู่กลางพื้นถนนที่รถยนต์วิ่งสวนไปมาด้วยความเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยกันรถให้สุนัขทั้งสองตัว ทั้งตัวที่ตายไปแล้ว และตัวที่เข้าไปช่วย จากนั้นตัวที่เป็นฮีโร่ก็วิ่งหายไป ตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ 4 ธ.ค.

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/fXXaRECHHT4&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>

</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>หาดใหญ่อ่วมน้ำท่วมอีกระลอก

หลังฝนตกหนนัก 2-3 วันที่ผ่านมา

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.สงขลา รายงานว่า จากกรณีที่มีฝนตกหนักในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมาก รวมถึงน้ำป่าจากเทือกเขาในพื้นที่ อ.สะเดาได้ไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลัก ทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่บ้านทุ่งลุง เขตเทศบาลตำบลพะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และที่ ต.ทุ่งลาน อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ล่าสุดมีระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร โดยฉพาะพื้นที่ หมู่ 1 และ หมู่ 8 ในเขตเทศบาลตำบลพะตง ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก การเดินทางไปมาต้องใช้เรือเป็นพาหนะ เนื่องจากมีระดับน้ำสูง รถยนต์ขนาดเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้
ทางด้าน นายชัยรัตน์ ศรประสิทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลพะตงเปิดเผยว่า ทางเทศบาลตำบลพะตงได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เพื่อขอสนับสนุนเรือท้องแบนในการเข้าให้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยเบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องรับส่งผู้ประสบภัยในการเดินทางออกจากบ้านพักมาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาด หรือออกจากบ้านมาทำธุระ พร้อมทั้งได้นำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยเพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ในส่วนของกระแสข่าวที่ลือกันว่าทางพื้นที่ อ.สะเดาได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนออกมานั้นตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ปริมาณน้ำดังกล่าวมาจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ อ.สะเดา โดยเฉพาะบนเทือกเขา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากลงสู่คลองอู่ตะเภาจนน้ำเอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมในพื้นที่ดังกล่าว

</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>สวพ.91จัดอันดับสถานที่จอดรถแล้วหาย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> น.ส.ไจตนย์ ศรีวังพล รอง กก.ผจก. บริษัท วิไลเซ็นเตอร์ แอนด์ซันส์ จำกัด ผู้ร่วมดำเนินงานสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM 91 เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.

 

ใส่ใจในพุทธพยากรณ์​

ใส่ใจในพุทธพยากรณ์ จากหนังสือ "งานของแผ่นดิน" ของนายประมวล รุจนเสรี อธิบดีกรมการปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๒

นอกจากประเทศไทย ได้มีปรากฏการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นมากมาย ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนก่อน สภาพบ้านเมืองของเรายังมีพฤติการณ์ที่น่าปริวิตกอีกมาก เช่น

- บุตรหลาน ไม่มีความเคารพยำเกรงในบิดามารดา ของตนเองของคู่ครอง ทอดทิ้งไม่ดูแลเลี้ยงพ่อแม่ ผู้ใหญ่

- ผู้ปกครองประเทศ ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม คนดีมีฝีมือไม่ได้รับการยกย่อง สนับสนุนให้ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ คนซื่อสัตย์ เฉลียวฉลาด เฉียบแหลม ไม่ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ทางบริหารทางตุลาการ แต่ตรงกันข้ามคนไร้ฝีมือได้รับการยกย่องให้มีหน้าที่การงานสูงใหญ่ กิจการบ้านเมืองเกิดความเสียหาย คนดีมีฝีมือพากันทอดธุระ ปล่อยให้ผู้ที่มีฝีมืออ่อนบริหารบ้านเมืองตามยถากรรม

- นักปกครองผู้โง่เขลา ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งคนไร้ศีลธรรมเข้ามาทำงานเกี่ยวกับคดี บุคคลนั้นก็จะรับสินบนจากคู่กรณีทั้ง ๒ ฝ่าย

- ตระกูลที่เคยมียศศักดิ์ หรือตระกูลผู้ดีจะตกต่ำ ผู้คนเลวๆ จะได้รับยกย่องเป็นใหญ่เป็นโต มีอำนาจวาสนาในแผ่นดิน

- ผู้หญิงจะประพฤติตัวเลวทราม สำส่อน กินเหล้าเมายา เที่ยวเตร่เอาแต่แต่งตัว ใครมีเงินทองของล่อใจ ก็ไปกับคนนั้น

- บ้านเมืองจะร่วงโรย ไม่มีความอุดมสมบูรณ์

- ผู้ปกครองบ้านเมืองจะไร้คุณธรรม มีแต่อคติในใจ ไม่ปฏิบัติราชการโดยชอบธรรม มุ่งกอบโกยแต่ผลประโยชน์ เห็นแก่เงินเป็นที่สุด มิได้มีน้ำใจเห็นแก่ทุกข์ยากของราษฎรทั้งจะหยาบช้า ทารุณ กดขี่ ขูดรีดเอาแต่ราษฎรทุกวิถีทาง

- ผู้ปกครองบ้านเมือง จะไม่อยู่ในธรรม ผู้คนพลเมืองทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ชาวไร่ ชาวนา แม้พระสงฆ์องค์เจ้า ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เทวดาอารักษ์ทุกหมู่เหล่าพลอยไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อบ้านเมืองปราศจากผู้ตั้งอยู่ในธรรม ลมฟ้าอากาศ ก็เกิดวิปริตแปรปรวน เกิดพายุร้ายแรง ฝนไม่ตกทั่วทุกถิ่น แผ่นดินเดียวกัน บางถิ่นน้ำท่วม บางถิ่นแห้งแล้งบางถิ่นน้ำขาดแคลน

- พระศาสนาจะเสื่อมลง ภิกษุอลัชชีมีมาก อลัชชีเหล่านั้นแสดงธรรมเพราะหวังวัตถุปัจจัย ผู้คนก็เลื่อมใสฟังเทศน์เฉพาะแต่ชอบคำสำเนียงไพเราะ ถวายปัจจัยผู้เทศน์คราวละมากๆ พระภิกษุก็จะเทศน์เอาใจโยมเพื่อหวังปัจจัย

- คนดีตกต่ำ ไม่ได้รับการยกย่อง คนเลวได้เป็นใหญ่เป็นโต ได้รับการยอมรับนับถือ มีคนเอาอย่างการประพฤติปฏิบัติของคนเลว แม้แต่ในฝ่ายพระศาสนา พระสงฆ์ที่ประพฤติเลวทราม ทุศีลอลัชชี ก็ยังได้รับการยกย่อง

- สังคมเสื่อมทรามลงไปเรื่อยๆ ผู้คนเกิดตัณหาราคะจัด และประพฤติตนไปตามอำนาจกิเลส ผู้ชายตกอยู่ในอำนาจของภรรยาซึ่งเป็นสาวรุ่น

- สภาพการณ์ที่ยกมาแสดงไว้ ณ ที่นี้ เป็นสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยและสภาพการณ์เหล่านี้ มีปรากฏกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก เล่มที่๒๗ เอกนิบาตชาดก ขุทกนิกาย ชื่อ

 

พุทธพยากรณ์ 16 ประการ​

​

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศล ได้ทรงสุบินนิมิตประหลาดถึง 16 ประการ ทรงเกรงว่าอันตรายจะเกิดกับ พระองค์ จึงให้พราหมณ์ปุโรหิตทำนาย พราหมณ์ได้พยากรณ์ว่า อันตรายจะเกิดมีแก่พระชนม์ชีพของพระองค์ พระอัครมเหสีและราชสมบัติ และได้ทูลแนะนำให้ฆ่าสัตว์บูชายัญสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ ในลัทธิของตน ​

แต่โชคดีที่พระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีได้แนะนำให้ พระเจ้าปเสนทิโกศล ไปทูลถามพระบรมศาสดาก่อน พระองค์ทรงมีพุทธฎีกา ทำนายว่า ผลของพระสุบินนิมิตจะไม่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลแต่จะเกิดขึ้น ในอนาคตกาล ถ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ชนทั้งหลายย่อหย่อนในศีลธรรม จิตใจเสื่อมคลายจากกุศล ก็จะเกิดเหตุวิปริตผิดธรรมชาติ บ้านเมืองจะเดือดร้อน แล้วทรงพยากรณ์ พระสุบินนิมิตเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้ ​

​

ข้อ 1 โคหนุ่ม 4 ตัว ตั้งท่าจะวิ่งมาชนกันจากทิศทั้ง 4 แต่แล้วก็ไม่ชนกัน ต่างถอยหลีกออกไป ​

พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่ความดีลดน้อยถอยลงความชั่วหนาแน่น เป็นกาลที่โลกเสื่อมถอย ฝนจะแล้ง ทำให้ข้าวกล้าแห้งเกิดทุพภิกขภัย แม้จะมีมหาเมฆตั้งขึ้นจากทิศทั้ง 4 ตั้งเค้าจะตก แต่ก็ไม่ตก กลับลอยหายไป เป็นเหมือนโคตั้งท่าจะชนกันแล้วไม่ชนฉะนั้น ​

​

ข้อ 2 ต้นไม้เล็กๆ แทรกแผ่นดินขึ้นมาได้คืบหนึ่ง ก็ผลิดอกออกผลไปตามกัน ​

พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่โลกเสื่อม มนุษย์มีอายุสั้นลง ชนทั้งหลายจะมีราคะกล้า เยาวชนพากันมีเพศสัมพันธ์ มีครรภ์มีครอบครัว ตั้งแต่ยังแรกรุ่นเป็นเหมือนต้นไม้เล็กๆ ผลิดอกออกผลฉะนั้น ​

​

ข้อ 3 แม่โคใหญ่พากันดื่มนมของลูกโค ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ชนทั้งหลายจะพากัน กระด้างละทิ้งประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่ยำเกรงเคารพนับถือในบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย หาทรัพย์ได้แล้วไม่บำรุงบุพการีทั้งหลาย ผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่าหาเลี้ยงตนไม่ได้ ต้องอ้อนวอนลูกหลานเลี้ยงชีพ เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ พากันดื่มนมลูกโคฉะนั้น ​

​

ข้อ 4 ชนทั้งหลายไม่ใช้โคใหญ่ที่สมบูรณ์แข็งแรง กลับใช้โครุ่นที่กำลัง
ฝึกใหม่ๆ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถพาแอกไปได้ พากันสลัดแอกออกยืนเฉยอยู่ ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้งผู้ใหญ่ที่เป็นบัณฑิต ฉลาดในการยังภาระกิจของชาติให้ลุล่วงไปได้ ฉลาดในการวินิจฉัยคดีในโรงศาล ตรงกันข้ามกลับแต่งตั้งคนหนุ่ม ผู้อ่อนประสบการณ์ ไม่รู้สิ่งที่ควรไม่ควร ไม่สามารถทำให้ภาระกิจทั้งหลายให้ลุล่วงไปได้ ผู้คนอ่อนประสบการณ์ต่างพากันทอดทิ้งภาระทั้งหลายที่ได้รับ มอบหมาย ความเสื่อมจึงเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง เป็นเหมือนคนจับเอาโครุ่นๆ กำลังฝึก มาเทียบแอก ต่างก็ไม่สามารถพาแอกไปได้ ไม่เอาโคใหญ่ๆที่เคยพาแอกไปได้เทียมฉะนั้น ​

​

ข้อ 5 ม้าตัวหนึ่งมีปากสองข้าง ชนทั้งหลายให้หญ้าที่ปากทั้งสอง ม้าก็เคี้ยวกินหญ้าที่ปากทั้ง 2 ข้าง ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งชนผู้ไม่หนักแน่นในธรรม ไว้ในตำแหน่งวินิจฉัยคดี คนพาลเหล่านั้น ไม่ละอาย ไม่กลัวบาป รับสินบนจากคู่คดีทั้งสองฝ่าย เป็นเหมือนม้ากินหญ้าด้วยปากทั้งสองฉะนั้น ​

​

ข้อ 6 มหาชนขัดถูถาดทองคำมูลค่าเรือนแสน ไปให้สุนัขจิ้งจอกแก่ ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองนั้น ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม รังเกียจกุลบุตรผู้มีตระกูลใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ แล้วไม่แต่งตั้งยศตำแหน่งให้ แต่กลับแต่งตั้งให้แก่คนพาลผู้ชั่วช้าทั้งหลายให้เป็นใหญ่ ​

เมื่อเป็นเช่นนี้ตรกูลใหญ่ๆ ทั้งหลาย ไม่อาจจะประกอบธุรกิจ เลี้ยงชีพอยู่ได้ จึงพากันยกกุลธิดาให้แก่คนพาลผู้ต่ำช้า การอยู่ร่วมของคนพาลผู้ต่ำช้ากับกุลธิดาเหล่านั้นเหมือนถาดทอง รองปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกฉะนั้น ​

​

ข้อ 7 บุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้านางสุนัขจิ้งจอก ผอมโซตัวหนึ่ง ที่อยู่ใต้ตั่งที่บุรุษหนึ่ง มันกัดกินเชือกนั้น โดยบุรุษนั้นไม่รู้ตัว ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล หญิงสาวจะพากันมั่วสุมส่ำส่อนกับผู้ชาย ลุ่มหลงในอบายมุขทั้งหลาย เป็นคนทุศีล นางจะนำทรัพย์ของ สามีที่หามาได้ ไปเสพสุรากับชายชู้ แม้ทรัพย์ที่เตรียมสำหรับลงทุนในกิจการ ก็นำไปผลาญใช้จ่ายบำเรอตน เป็นเหมือนนางสุนัขจิ้งจอกผอมโซ ที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้าฉะนั้น ​

​

ข้อ 8 ตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง ล้อมด้วยตุ่มเป็น อันมาก ชนทุกชั้นเอาหม้อตักน้ำมาจากทุกทิศ เทใส่ลงในตุ่มที่เต็มแล้ว น้ำก็ไหลล้นออกไป คนทั้งหลายก็ยังเทน้ำลงในตุ่มที่เต็มแล้วอยู่เรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจในตุ่มที่ว่างเปล่าเลย ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล โลกจะเสื่อมเมืองเล็กเมืองน้อย จะหมดความหมาย ทรัพย์สำรองของแผ่นดินจะถดถอยมีเหลือเพียงเล็กน้อย ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง จะเกณฑ์ให้ชาวเมืองแสวงหาทรัพย์มาส่งให้กับผู้ปกครองเมืองใหญ่ๆ จนไม่มีใครสามารถที่จะสำรองทรัพย์ไว้ในบ้านเรือนของตน เป็นเหมือนกับ การเติมน้ำใส่ตุ่มที่เต็มแล้ว ไม่เหลียวแลตุ่มเปล่าๆ บ้างเลยฉะนั้น ​

​

ข้อ 9 สระโบกขรณีสระหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี ลึกมีท่าโดยรอบด้าน สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้น ขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ เบียดเบียนขูดรีดทรัพย์ของประชาชนใน เมืองทั้งหลาย จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท สร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นเป็นเหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใส่ฉะนั้น ​

​

ข้อ 10 ข้าวสุกที่คนหุงในหม้อเดียวกัน แต่สุกไม่ทั่วถึงกัน บางส่วนแฉะ บางส่วนดิบ บางส่วนสุกดี ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครอง บริการบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้ข้าราชการ คหบดี ประชาชนก็จะไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้เทวดาทั้งหลายก็เช่นกัน จึงยังฝนให้ตกไม่สม่ำเสมอ บางที่ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมข้าวกล้า เสียหาย บางที่แห้งแล้งฝนไม่ตกจนข้าวกล้าเดอกไม้่ยวแห้ง บางที่ฝนตกดี ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ ข้าวกล้าที่หว่านในแผ่นดินเดียวกันจะเป็น 3 ส่วน เหมือนข้าวสุกที่หุงในหม้อเดียวกัน มีผลเป็น 3 อย่างฉะนั้น ​

​

ข้อ 11 คนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ ราคาเรือนแสน ขายแลกกับนมส้มเน่า ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรม พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัย จะมีมาก ภิกษุเหล่านั้นจะพากันแสดงธรรม มีตถาคตเพื่อปัจจัย 4 ไม่แสดงธรรมเพื่อนำให้ชนทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์ มุ่งตรงพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลายจะพากันนั่งตามสี่แยก ท้องถนนแสดงธรรมแลกปัจจัย เอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีค่าควรแก่พระนิพพานไปแลกปัจจัย 4 จะเป็นเหมือนฝูงชนเอาแก่นจันทร์มีราคาเรือนแสน ไปขายแลกนมส้มเน่าฉะนั้น ​

​

ข้อ 12 กะโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ ​

พุทธพยากรณ์ :-ในอนาคตกาล เมื่อโลกหมุนไปถึงยุคเสื่อมผู้เป็นใหญ่ ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้ง ผู้สมบูรณ์ด้วย ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ แต่ไปแต่งตั้งแก่ผู้ทุศีลไห้เป็นใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายจะยากจนลง ถ้อยคำของ พวกทุศีลจะเป็นที่น่าเชื่อถือทั้งในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน แม้ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเหมือนกะโหลกน้ำเต้าจะจมลงฉะนั้น ​

​

ข้อ 13 แท่งหินทึบก้อนใหญ่ลอยน้ำได้เหมือนเรือ ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งผู้ไม่มีศีลให้เป็นใหญ่ ชนพวกมีคุณทั้งหลายจะตกยาก ชนทั้งหลายจะพากันเคารพใน พวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของชนผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในการวิจัย จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ก็เช่นกัน ถ้อยคำของภิกษุผู้มีศีลจะไม่ หนักแน่นมั่นคง ไม่เป็นที่เชื่อถือ เป็นเหมือนแท่งหินทึบที่ลอยน้ำได้ฉะนั้น ​

​

ข้อ 14 ฝูงลูกเขียด วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่กัดเนื้อจนขาดเหมือนตัด ก้านบัวแล้วกลืนกิน ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อโลกเสื่อมโทรมลง คนทั้งหลายมีราคะจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจกิเลส หลงไหลยอมตนอยู่ในอำนาจของภรรยาผู้อ่อนวัย คนรับใช้บริวาร ทรัพย์สินเงินทอง จะอยู่ในครอบครองของเธอ เมื่อสามีถามถึง ทรัพย์สินเงินทองว่าเก็บไว้ที่ใด ก็จะถูกภรรยาผู้อ่อนวัยด่าทอด้วย คำหยาบคาย ประดุจทิ่มตำด้วยหยกคือปาก กดขี่ไว้ในอำนาจเหมือนทาสและคนรับใช้ เพื่อรักษาความเป็นใหญ่ของตน เหมือนฝูงลูกเขียดพากันกัดกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษร้ายฉะนั้น ​

​

ข้อ 15 ฝูงพญาหงส์ทอง พากันแวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยความชั่ว เที่ยวหากินตามหมู่บ้าน ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารแผ่นดิน จะเป็นผู้ไม่ฉลาดในกิจการทั้งปวง แต่งตั้งพวกรับใช้ใกล้ชิด สนิทสนมให้เป็นใหญ่ ผู้ที่สมบูรณ์คุณทั้งหลายเมื่อไม่ได้รับการอุ้มชู สนับสนุน ก็จะพากันปรนนิบัติรับใช้ ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย เหมือนฝูงหงส์ทอง แวดล้อมเป็นบริวารของกาฉะนั้น ​

​

ข้อ 16 ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินกันอย่างมูมมาม เสือดาว เสือโคร่งเพียงแค่เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว พากันวิ่งหนี หลบซ่อนเข้าในป่ารก ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะได้ที่ปรึกษาเป็นคนละโมบ ทุศีล ผู้เป็นใหญ่จะเชื่อฟังถ้อยคำของที่ปรึกษาเหล่านั้น แม้ในที่ประชุม ในโรงศาล พวกที่ปรึกษาจะพากันรุกยึดเอาที่ดินทรัพย์สินของชนทั้งหลาย หากมีผู้ใดโต้เถียงก็จะถูกลงโทษ ถูกข่มขู่ ชนทั้งหลายต่างต้องยอมตาม กลับไปนอนหวาดผวาอยู่บ้านไปตามๆกัน แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลาย ก็จะพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ตามชอบใจ ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เมื่อถูกเบียดเบียน ต่างก็พากันเข้าป่า หลบซ่อนอยู่ เป็นเหมือนฝูงเสือเหลือง เสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลายพากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะฉะนั้น ​

***********************************************************************************​

จะเห็นว่าตัวแปรสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อความวุ่นวายของบ้านเมืองคือ ผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จึงขอให้ประชาชนชาวไทยทุกท่านได้ตระหนักถึงพุทธพยากรณ์ทั้ง 16 ประการ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2512 มีใจความตอนหนึ่งว่า ​

“สิ่งสำคัญในการปกครองคือ ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมี ปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความวุ่นวายได้” ​

แม้พระบรมศาสดาก็ได้ตรัสรับรองไว้ว่า เหตุประการสุดท้ายที่จะทำให้ตระกูลบ้านเมืองตั้งอยู่ได้นาน ไม่ล้มละลาย ล่มสลายไปก่อนคือ ไม่ตั้งคนพาลเป็นหัวหน้า ​

จากคุณ : deedeejang - [ 23 ม.ค. 2004 , 16:49:29<!--203.113.36.9 : -->

ที่มา http://www.deedeejang.com/zodiac/forward/00027.html

 

“นิทรรศการภาวะโลกร้อน และ มหันตภัยสตอร์มเสิร์จ”​

​

โลก สิ่งมหัศจรรย์ มหันตภัยแนะนำแนวทาง ลดสภาวะโลกร้อน กับสตอร์มเสิร์จ อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ป้องกัน

ด้วยสถานการณ์ ในปัจจุบัน ของโลกทุกวันนี้ มนุษย์ ได้ทำลายสภาพแวดล้อม ต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นการตัดต้นไม้ ทำลายป่า ปล่อยพลังงาน ปล่อยของเสียลงสู่แม่น้ำ พลังงานจากก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นก๊าซที่มีอยู่มากที่สุดในจักรวาลและ เป็นหนึ่งในก๊าซที่มีปติกริยาสูงที่สุด เมื่อมันเผาผลาญ oxygen การระเบิดภูเขาไฟ เมืองถ่านหิน ฯลฯ เหล่านี้ หรือ ต้นกำเนิดของสภาวะโลกร้อนด้วยกันทั้งสิ้น หรือ แม้กระทั้ง การดำรงชีวิต ของมนุษย์ ในปัจจุบัน ก็สามารถ ทำลายล้าง ให้เกิดภาวะโลกร้อนได้

ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา แถบขั่วโลกได้รับผลกระทบมากที่สุดและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูเขาน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งจะละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำทะเลทางขั่วโลกเพิ่มขึ้น และไหลลงสู่ทั่วโลกทำให้เกิดน้ำท่วมได้ทุกทวีป นอกจากนี้พลอยทำให้สัตว์ทางทะเลเสียชีวิตเพราะระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง

ส่วนทวีปยุโรป ยุโรปใต้ภูมิประเทศจะกลายเป็นพื้นลาดเอียงเกิดความแห้งแล้ง ในหลายพื้นที่ปัญหาอุทกภัยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากธารน้ำแข็งบนบริเวณยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะจะละลายจนหมด

ขณะที่เอเชียอุณหภูมิจะสูงขึ้น เกิดฤดูกาลที่แห้งแล้ง มีน้ำท่วม ผลิตผลทางอาหารลดลง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น สภาวะอากาศแปรปรวนอาจทำให้เกิดพายุต่าง ๆ มากมายเข้าไปทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชน

ซึ่งปัจจุบันเห็นได้ชัด สำหรับประเทศไทย ในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา จะมีพายุไต้ฝุ่นเปลี่ยนทิศทาง เกิดความรุนแรง และมีจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฤดูร้อนจะขยายเวลายาวนาน ในขณะที่ฤดูหนาวจะสั้นลง อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ทำให้การระเหยของน้ำทะเล มหาสมุทร แม่น้ำ ลำธาร และทะเลสาบเพิ่มมากข้น ยิ่งจะทำให้ฝนตกมากขึ้น ทำให้เกิดอุทกภัยบ่อยครั้งขึ้น

แต่เรา จะมาร่วม กัน รณรงค์ ลดภาวะโลกร้อน ได้หรือไม่ นั้น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ มนุษย์ สมควรทำ และ จะมีอีกสักกี่คน ที่ จะคิด และปฎิบัติ ช่วยสร้าง โลกที่น่าอยู่ของเรา ให้กลับมาดังเดิม หรือ แม้จะเป็นการเริ่มต้น ก็ยังดี

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบความแห้งแล้ง ในฤดูร้อนที่ยาวนาน ภาวะโลกร้อน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลทางอ้อมต่อความมั่นคงทางสังคม และเศรษฐกิจของประเทศชาติ ความเสียหาย ต่าง ๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าเสียพื้นที่ทางเกษตรกรรม ที่สำคัญแนวชายฝั่งที่ยุบตัวลง ภัยธรรมชาติ อาจมีการป้องกัน หรือโครงสร้างป้องกันกระแสคลื่น ซึ่งจะรุนแรงขึ้นเมื่อน้ำทะเลสูงขึ้น หรือสร้างกำแพงกั้นน้ำทะเลหรือเขื่อน เพื่อป้องกันการเพราะเลี้ยงสัตว์น้ำทางการเกษตร

ผลกระทบด้านสุขภาพ ก่อให้เกิดการฟักตัวของเชื้อโรคและศัตรูพืช สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ในการติดเชื้อ เพิ่มมากขึ้นในโรคมาเลเรีย ไข้ส่า อหิวาตกโรค ฯลฯ

ด้วยเพราะเหตุนี้ จึงได้มีบุคคลต่าง ๆ พยายามลดสภาวะโลกร้อน หรือ มหันตภัยสตอร์มเสิร์จ ด้วยกันหลายวิธี และ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ คุณพูนผล อัศวเหม ประธานการจัดงาน “นิทรรศการภาวะโลกร้อน และมหันตภัยสตอร์มเสิร์จ” ขึ้น ด้วยแนวคิด ต่าง ๆ คิดหาวิธีช่วยเหลือประชาชน หาวิธีป้องกัน ที่อยู่อาศัย ย่านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะชาวปากน้ำ สมุทรปราการ ที่เป็นเมืองหน้าด่าน ที่จะต้องรับสภาวะที่เกิดขึ้นเป็นด่านแรก

เพื่อเป็นการสนับสนุน โครงการในแต่ละโครงการ ที่จัดทำ ได้แนวคิด ในการจัดทำเพื่อลดภาวะโลกร้อน หรือ มหันตภัยสตอร์มเสิร์จ ที่อาจเกิดขึ้น ช่วยกันเสริมสร้างต้านสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย คุณพูนผล อัศวเหม ประธานการจัดงาน ที่เลงเห็นมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น กับสภาวะโลกร้อนหรือแนะนำวิธี สิ่งที่จะเกิดขึ้น ด้วยวิธีป้องกันแบบง่าย จึงได้มีงานนี้ เกิดด้วยความคิดอันเฉียบแหลม เพื่อประชาชนเมืองหน้าด่าน ชาวปากน้ำสมุทรปราการ

จึงได้เกิดงาน “นิทรรศการภาวะโลกร้อน และ มหันตภัยสตอร์มเสิร์จ” เกิดขึ้น เพื่อเป็นแนวทาง ให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงภัยร้าย ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต ได้ศึกษาเรียนรู้ คิดหาแนวทางแก้ไขต่อไป

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.มั่น พัธโนทัย เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้ง คุณชนสวัสดิ์ อัศวเหม ที่ปรึกษาในการจัดนิทรรศการ เข้าร่วมงาน ทั้งยัง คุณจอห์น นูโว และ คุณสุจิรา อรุณพิพัฒน์(นุ้ย ) สองดารา นักร้อง ชื่อดัง ได้ให้เกียรติ เป็นพิธีกร ในครั้งนี้

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 081-559-4492 กรุงเทพ.- 9 ธ.ค.51​

ที่มา http://www.ryt9.com/news/2008-12-09/48506095/

 

ขนม ....

มนุษย์ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกใบนี้ ย่อมต้องเคยลิ้มลองรสชาดของขนม รสชาดที่แสนจะกลมกล่อม ทุกย่างก้าวตั้งแต่เกิดมาในวัยเด็ก ทุกท่านย่อมได้ดื่มด่ำกับรสชาดของขนม ชีวิตที่หิวกระหาย ในเมื่อเติบใหญ่เลี้ยงชีพได้ ย่อมต้องมีขนม

ถ้าจะพิจารณาดูดีๆ แล้ว คำว่า "ขนม" ก็คล้ายๆกับคำว่า "นม" ในเมื่อไพรเมต เป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม อาหารที่เด็กทารกได้ดื่มกินเป็นครั้งแรกก็คือน้ำนมจากมารดา นี่คือสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำว่า "ขนม" ก็ครือๆกันกับคำว่า "นม"

ที่นี้เรามาต่อประเด็นที่ว่าประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัย อย่างที่หมอดูทำนายไว้หรือไม่?

เรื่องนี้ผมจะเล่าให้ฟัง ท่านที่ฟังได้ก็ฟัง ท่านที่ฟังไม่ได้ก็จงทำลายแก้วหูของตัวเองเสีย ที่ที่มองได้ก็จงแลมอง หากท่านที่ทนมองไม่ได้ก็จงทำลายแก้วตาของท่านเสีย ... อันคำว่าหมอดูนั้นย่อมคู่อยู่กับหมอเดา แต่จะมีใครเล่า จะมีใครกันสักกี่คนที่ได้แว่นแก้วของท่านพระยายักษ์ ผู้ที่เป็นโหราจารย์ ชื่อพระยายักษ์ท่านนี้ ผมเข้าใจว่าหมอดูทั้งหลาย ย่อมรู้ดี ถ้าท่านหมอดูหมอเดาไม่รู้ ผมจะบอกให้เอาบุญว่า ท่านพระยาพิเภกนี่แหล่ะคือสุดยอดโหราจารย์

คำโบราณท่านก็กล่าวไว้มาเนิ่นนานแต่ไหนแต่ไรว่า ... หมอดูคู่กับหมอเดา แต่จะมีหมอดูสักกี่รายที่เดาถูก แต่ผู้ที่ได้ญานทัศนะที่แจ่มแจ้ง ย่อมจะดูตัวเองได้ มองเห็นงานศพของตัวเอง มีใครมาบ้าง มีอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง วันเวลาที่ตายคือวันที่เท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่ และตายที่ไหน ... นี่แหล่ะครับ ผมกำลังจะสื่อให้เห็นว่า ถ้าพวกหมอดูมันยังดูตัวเองไม่ได้ แล้วจะมาดูระดับอภิที่ยิ่งใหญ่ ในระดับชาติระดับประเทศได้อย่างไร?

คิดดูสิครับ ไม่ใช่อะไร ก็จะแบนผมอย่างเดียว แจกใบเหลืองแจกใบแดง

ใช้สติสิครับ ผมพยายามจะบอกหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทยเรามีจิตผู้พิทักษ์อยู่มากมาย และไม่มีทางที่จะเกิดภัยอะไรที่ร้ายแรงหรอก อย่างมากก็เป็นไปตามกระแส นิดๆหน่อยๆ แค่นี้ท่านยังมองไม่เห็นรึ ว่าทำไมประเทศไทยจึงยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้ ... และจะยังคงอยู่ตลอดไป

ผมพูดเรื่องขนม แต่อย่าแย่งขนมกิน เพราะสุดท้ายแห่งนาวาชีวิต ไม่ใช่ขนมแต่เป็นข้าวต้มแทน นี่คือบทบาทของนาวาชีวิต
(cry)

ครับท่าน

 

นั่นสิ ก็เพราะว่าประเทศไทยเรามีจิตผู้พิทักษ์อยู่มากมาย ดังนั้นภัยพิบัติต่างๆถึงได้ลดความรุนแรงลงหรือเลื่อนออกไป แต่มันก็เกิดอยู่บ่อยนะครับเพียงแต่ต่างเวลาต่างสถานที่เท่านั้น ขนาดประเทศที่เรียกตัวเองว่าเจริญแล้วยังไม่สามารถคาดการณ์หรือรับมือกับภัยนั้นได้ หรืออาจจะมีจิตผู้พิทักษ์เหมือนประเทศไทยน้อยก็เป็นได้

แต่ผู้คนต่างก็รู้ว่าทุกสิ่งไม่จีรังยั่งยืนย่อมมีเกิดและดับไปตามวัฏจักร ขึ้นอยู่กับเหตุคือตัวเร่งที่มาจากการกระทำของมนุษย์ผู้คิดว่าตัวเองเจริญและเก่งกว่าธรรมชาติ ผลเป็นยังไงก็คงได้เห็นและรับรู้ข่าวสารภัยพิบัติต่างๆที่เกิดจากธรรมชาติและเกิดจากมนุษย์ด้วยกัน ดังที่ลุงเกษมและหลายๆท่านได้รวบรวมข่าวมาจากแหล่งต่างๆมาลงในกระทู้ให้รับรู้

เมื่อรับรู้แล้วก็ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการในชีวิตของใครก็ของใครล่ะครับ จะวางเฉยหรือว่าจะเตรียมตัว หรือว่าจะตื่นตัวแค่ไหน ก็เท่านั้นเอง แต่ขอให้เชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งโอวาทครั้งสุดท้ายได้ตรัสสอนครอบคลุมไว้ว่าอย่าประมาทในชีวิต

 

<CENTER>ปัจฉิมโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อใกล้จะเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน พระองค์ทรงตรัสสอนพระอานนท์พร้อมหมู่ภิกษุทั้งหลายว่า ​

“ อานนท์ ตถาคตได้เคยบอกเธอแล้วมิใช่หรือ ว่าสัตว์จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจไปทั้งสิ้น สัตว์จะได้ตามปรารถนาในสังขารนี้แต่ที่ไหนเล่า การที่จะขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว ที่มีปัจจัยปรุงแต่งแล้ว และที่จะต้องมีการแตกดับเป็นธรรมดาว่า อย่าฉิบหายเลยดังนี้ ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะมีได้เป็นได้ ​

เปรียบเหมือนภาชนะดิน ที่ช่างหม้อได้ปั้นแล้ว ทั้งเล็กและใหญ่ทั้งที่สุกและที่ยังดิบ ล้วนแต่มีการแตกทำลายไปในที่สุดฉันใด ชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลาย ก็ล้วนแต่มีความตายเป็นเบื้องหน้าฉันนั้น วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราริบหรี่แล้ว เราจักต้องละพวกเธอไป ที่พึ่งของตัวเอง เราได้ทำแล้ว ​

ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีล มีความดำริอันตั้งไว้แล้วด้วยดี ตามรักษาซึ่งจิตของตนเถิด ในธรรมวินัยนี้ ภิกษุใดเป็นผู้ไม่ประมาท ก็สามารถที่จะถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ ” ​

แล้วตัวของเราท่านทั้งหลายก็เกิด แก่ เจ็บ และมีความตายเป็นที่สุดเพียงเท่านี้ มิได้ยิ่งใหญ่เกินไปกว่าท่านในอดีต จะรอดพ้นจากสัจธรรมนี้ไปได้หรือ เมื่อความเป็นจริงก็เห็นๆ กันอยู่เช่นนี้แล้ว เหตุใดเราท่านทั้งหลาย จึงต้องพากันดิ้นรนขวนขวาย สะสมสิ่งในที่สุดก็จะต้องทิ้งจะต้องจากไป ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายวันเวลาอันมีค่าของพวกเรา ซึ่งก็คงมีไม่เกินคนละ 100 ปี ให้ต้องโมฆะเสียเปล่า โดยหาสาระประโยชน์อันใดมิได้ เหตุใดไม่เร่งขวนขวายสร้างสมบุญบารมี ที่เป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ ซึ่งจะติดตามตัวไปได้ในชาติหน้า ​

แม้หากสิ่งเหล่านี้จะไม่มีจริง ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ อย่างเลวพวกเราก็เพียงเสมอตัว มิได้ขาดทุนแต่อย่างใด หากสิ่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้มีจริง ดังที่ปรากฏในอดีตกาลยอมรับ แล้วเราท่านทั้งหลายไม่สร้างสมบุญและความดีไว้ สร้างสมแต่ความชั่วและบาปกรรม ตามติดตัวไป เราท่านทั้งหลายมิขาดทุนหรือ เวลาในชีวิตของเราที่ควรจะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ กลับต้องโมฆะเสียเปล่า ​

(จากหนังสือ “ วิธีสร้างบุญบารมี “ โดย สมด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก องค์ที่ 19)​

http://webboard.mthai.com​

<!-- / message -->

 

สงขลาเร่งช่วยพื้นที่น้ำท่วมริมคลองอู่ตะเภา​

​

สงขลา 10 ธ.ค.- นายชัยรัตน์ ศรประสิทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลพะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ประชาชนบริเวณริมคลองอู่ตะเภาและย่านตลาดทุ่งลุงยังคงประสบปัญหาน้ำท่วม หลังจากวานนี้ฝนตกหนักอีกระลอก ทำให้คลองอู่ตะเภาเอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมฝั่งของ ต.พะตง และบางส่วน อ.คลองหอยโข่ง ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกัน ล่าสุดน้ำลดลงเพียงเล็กน้อย ส่วนเส้นทางเชื่อม อ.หาดใหญ่ บริเวณตลาดทุ่งลุง กับ อ.คลองหอยโข่ง ยังถูกตัดขาด ทางเทศบาลฯ ระดมอาหารกล่องไปแจกช่วยเหลือเบื้องต้นกว่า 50 ครัวเรือน

นอกจากนี้ บ้านเรือนในเขต อ.สะเดา ถูกน้ำคลองอู่ตะเภาเอ่อท่วมเช่นกัน 4 ตำบล ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งให้ความช่วยเหลือ ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลายังต้องเฝ้าระวังพื้นที่ริมคลองอีกหลายจุดที่เสี่ยงต่อน้ำล้นตลิ่ง.- สำนักข่าวไทย

2008-12-10 11:11:17

เชียงรายขาดแคลนเครื่องกันหนาวกว่าแสนคน ​

​

เชียงราย 10 ธ.ค. - สภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือยังหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จ.เชียงราย มีผู้ขาดแคลนเครื่องกันหนาวกว่า 100,000 คน

เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลตับเต่า และสื่อมวลชน จ.เชียงราย มอบผ้าห่มจำนวน 500 ผืน ให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านขุนต้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับนักเรียน เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน และช่วงกลางคืนอากาศหนาวเย็นมาก เพราะมีหุบเขาล้อมรอบ จากการสำรวจของจังหวัดพบว่า มีชาวบ้านขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาวอีกกว่า 100,000 คน

ส่วนที่ จ.พิจิตร อากาศที่หนาวเย็นลง ทำให้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาว นำสินค้าใหม่จากโรงงาน และสินค้ามือ 2 จากตลาดโรงเกลือ มาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก แต่บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากชาวบ้านนิยมนำเสื้อผ้าเก่ามาสวมใส่คลายความหนาวแทนการซื้อเสื้อผ้าใหม่ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายลดลงกว่าร้อยละ 50. - สำนักข่าวไทย

2008-12-10 03:19:21

พนักงาน รง.ผลิตชิ้นส่วนคอมฯ จ.อยุธยา ประท้วงถูกเลิกจ้างไม่บอกล่วงหน้า​

​

พระนครศรีอยุธยา 9 ธ.ค.- ช่วงเย็นวันนี้วันนี้ (9 ธ.ค.) พนักงาน บริษัท เอ็มแอนด์เจเทคโนโลยี จำกัด ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 800 คน ชุมนุมประท้วงหน้าโรงงานดังกล่าว เนื่องจากบริษัทประกาศเลิกจ้างพนักงานโดยไม่บอกเลิกจ้างล่วงหน้า

นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย เดินทางมาให้ความช่วยเหลือ พร้อมกล่าวว่า บริษัทเอ็มแอนด์เจ มีการบอกเลิกจ้างพนักงานอย่างกะทันหัน ที่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่มาจากซับคอนแทคทั้งสิ้น โดยทางบริษัทแจ้งว่า จะรับผิดชอบจ่ายเงินโอนผ่านธนาคารให้กับพนักงานคนละ 15 วัน ภายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นธรรมในเรื่องการไม่บอกล่วงหน้าแล้ว ยังไม่ถูกต้องในการจ่ายเงินด้วย ในฐานะที่สหภาพแรงงานของบริษัทนี้เป็นสมาชิก ก็จะเข้ามาดูแล และประสานกับทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ทางบริษัทดำเนินการช่วยเหลือพนักงานตาม กฎหมายแรงงานในเรื่องการบอกเลิกจ้างล่วงหน้า

ขณะที่ นางวรภรณ์ เพียรจิตเลิศขจร นักวิชาการแรงงาน สำนักงานสวัสดิการสังคมและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฯ ได้เดินทางมาร่วมเจรจา โดยทางบริษัทรับที่จะไปหารือกับทางบริษัทแม่ในการช่วยเหลือ เนื่องจากขณะนี้ บริษัทซับคอนแทค ยังไม่แสดงความรับผิดชอบและช่วยเหลือแต่อย่างใด คาดว่า จะมีการเจรจาอีกครั้ง ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ เพื่อให้พนักงานได้รับความเป็นธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

2008-12-09 19:41:34

สงขลาเฝ้าระวังชิคุนกุนยาระบาดรอยต่อชายแดนใต้​

​

สงขลา 9 ธ.ค. - นพ.สรรพงษ์ ฤทธิรักษา นายแพทย์ 9 ด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 28 ต.ค.-2 ธ.ค. พบผู้ป่วยต้องสงสัยโรคชิคุนกุนยาในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย รอยต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 37 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจเลือดยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสามารถเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว และยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง พร้อมฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายพาหะของโรค นอกจากนี้ ยังกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งให้ตรวจวินิจฉัยโรคผู้ป่วยอย่างละเอียด และเจาะเลือดส่งตรวจยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อการรักษาอย่างรวดเร็ว. - สำนักข่าวไทย

2008-12-09 15:36:03

จ.เลย ห่วงไฟป่าฤดูหนาวลามรุนแรงประสานท้องถิ่นคุมเข้ม​

​

เลย 9 ธ.ค. - นายปริญญา คุ้มสระพรม หัวหน้าสถานีป้องกันไฟป่าจังหวัดเลย เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันไฟป่าว่า แม้ช่วงปีนี้เกิดปัญหาไฟไหม้ป่าลดลงจากปีที่ผ่านมา สร้างความเสียหายกว่า 4,000 ไร่ ทั้งพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูเรือ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง แต่เนื่องจากช่วงนี้อากาศหนาวเย็นมากและแห้งแล้งกว่าทุกปี

คาดว่าจะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น ประกอบกับสภาพพื้นที่ของจังหวัดเลยส่วนใหญ่เป็นเขาสูง หากเกิดปัญหาจะทำให้ลุกลามอย่างรวดเร็วและยากต่อการเข้าควบคุม จึงเร่งประสานความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 86 แห่ง ซักซ้อมความพร้อมเครือข่ายอาสาสมัครป้องกันไฟป่าไว้ตลอดเวลา โดยจังหวัดจะเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือ นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือทุกชุมชนและนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันสอดส่องดูแล โดยเฉพาะการระมัดระวังจุดไฟทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะสาเหตุการเกิดไฟป่าส่วนใหญ่มาจากมนุษย์. -สำนักข่าวไทย

2008-12-09 14:30:27

รุกพื้นที่สร้างรีสอร์ท กระทบสิ่งแวดล้อม​

​

ภูเก็ต 9 ธ.ค. - ธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีโครงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่หลายโครงการพบว่าไม่ได้ทำตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติได้ในอนาคต. -สำนักข่าวไทย

2008-12-09 19:36:18

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>อหิวาต์ระบาดในซิมบับเวคาดจะมีคนตายหลายพัน

</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551 02:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575><!img001:m:r>(8ธ.ค.) ชาวบ้านในเมืองฮาราเร ของ ซิมบับเว ยังต้องดื่มน้ำสกปรกแม้จะต้องเสี่ยงกับการติดเชื้ออหิวาต์ ที่กำลังระบาดอย่างหนักคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 575 ราย นับตั้งแต่เริ่มระบาดเมื่อเดือนสิงหาคม ชาวบ้านบางคนที่อยู่ในย่านที่มีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นบอกว่า พวกเขาไม่มีน้ำดื่มมาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว ทำให้ต้องไปตักน้ำสกปรกที่มีกลิ่นเหม็น ในบ่อแถวๆ บ้านมาดื่มกิน โดยไม่มียาฆ่าเชื้อโรคมาช่วยกำจัดเชื้อโรคในน้ำก่อน เพราะไม่มีเงินซื้อ
ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุของโรคอหิวาต์ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำอาจเพิ่มขึ้นเป็นหลายพันคน เนื่องจากระบบสาธารณสุขของซิมบับเว ได้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง ประกอบกับความขาดแคลนอาหาร และฤดูฝนที่กำลังมาถึง อาจยิ่งทำให้การระบาดรุนแรงมากขึ้น
// <!-- google_ad_client = pub-1044823792492543; google_ad_slot = 8122705396; google_ad_width = 250; google_ad_height = 250; //-->// ขณะที่หนังสือพิมพ์ของทางการซิมบับเว ฉบับวันอาทิตย์ รายงานอ้างคำพูดของโฆษกรัฐบาลซิมบับเวกล่าวหาว่า อังกฤษใช้เรื่องอหิวาตกโรคระบาดในซิมบับเวเป็นข้ออ้างในการวางแผนใช้กำลังทหารบุกซิมบับเวเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีโรเบิร์ตมูกาเบ้ ซึ่งความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ กล่าวโทษว่ารัฐบาลซิมบับเวต้องรับผิดชอบต่อการระบาดของอหิวาตกโรค ด้านนายกรัฐมนตรีเคนยา นายไรร่า โอดินก้า แถลงเมื่อวานนี้เรียกร้องให้ทหารต่างชาติเข้าไปแทรกแซง ในซิมบับเว เพื่อยุติวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังเลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนประธานาธิบดี มูกาเบ้ ในข้อหาก่ออาชญกรรมต่อมนุษยชาติ เขายังกล่าวประณามบรรดาผู้นำแอฟริกา ที่เพิกเฉยต่อวิกฤติในซิมบับเวด้วย นอกจากนี้รัฐบาลเคนยายังเรียกร้องอีกครั้งให้มูกาเบ้ลาออกจากตำแหน่ง และขอให้สหภาพแอฟริกันประชุมฉุกเฉินเพื่อมีมติส่งทหารเข้าไปยุติวิกฤติในซิมบับเว<!--END--> <!--PICLIST-->
</TD><TD width=10 rowSpan=6></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://news.sanook.com/world/world_328635.php

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วัยรุ่นปะทะตำรวจใกล้พิธีศพเด็กถูกยิง/ร้องรบ.กรีซลาออกรับผิดชอบจลาจล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ธันวาคม 2551 03:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=335 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=335> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เหตุรุนแรงในกรีซยังไม่บรรเทา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - กองกำลังความมั่นคงและผู้ประท้วงปะทะกันเมื่อวันอังคาร(9) ใกล้พิธีศพของเด็กนักเรียนที่ถูกตำรวจฆ่าตายซึ่งกลายเป็นชนวนเกิดจลาจลทั่วประเทศนานกว่า 4 วัน ขณะที่ฝ่ายค้านกรีซเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ประธานาธิบดีกรีซวอนให้อยู่ในความสงบ ขณะที่นายกรัฐมนตรีกอสตาส คารามันลิส ประกาศปราบปรามเหตุรุนแรง แต่ผู้ประท้วงท้าทายอำนาจรัฐบาลและยังเกิดความไม่สงบระลอกใหม่ทั้งในเอเธนส์และเมืองอื่นๆ

เหตุกระทบกระทั่งมีขึ้นบนถนนนสายหลักใกล้กับป่าช้ารอบนอกกรุงเอเธนส์ ซึ่งใช้จัดพิธีศพของ อเล็กซิส กริโกโรปูลอส วัย 15 ปี

กลุ่มวัยรุ่นโจมตีและขว้างกระป๋องไฟเข้าใส่ตอบโต้แก๊สน้ำตาของตำรวจ

วัยรุ่นบางคนแสดงความโกรธเกรี้ยวตะโกนต่อต้านตำรวจ ณ พิธีฝังศพ แต่ผู้คนส่วนใหญ่เคารพต่อคำร้องขอของครอบครัวผู้เสียชีวิตสำหรับไว้อาลัยอย่างสงบ

ในเอเธนส์ ตำรวจปราบจลาจลต่อสู้กับผู้ชุมนุมรอบนอกรัฐสภาและกองบัญชาการหลักตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาและลากผู้ประท้วงออกจากท้องถนน ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นขว้างระเบิดเพลิงและก้อนหินทำลายรั้วรอบรัฐสภาและอาคารราชการอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีการเผชิญหน้ากันที่สองมหาวิทยาลัย ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของกรุงเอเธนส์ หลังนักศึกษาบุกยึดจนทำให้ตำรวจต้องกระจายกำลังล้อมตัวอาคาร ก่อนเปิดฉากยิงแก๊สน้ำตายสลายการชุมนุม ขณะที่เมืองซาโลนิกา ก็มีเหตุปะทะครั้งใหม่ระหว่างวัยรุ่นกับเจ้าหน้าที่เช่นกัน

ตำรวจเปิดเผยว่าสามารถจับกุมผู้ประท้วงได้ 87 คน ในคืนที่ 3 ของการประท้วงอันโกลาหลเมื่อวันจันทร์(8) โดยหลายคนบุกปล้นธนาคารและร้านค้าหลายแห่งในกรุงเอเธนส์ นอกจากนี้ยังมีผู้ประท้วงบางรายใช้ดาบและที่ยิงหนังสติ๊ก ซึ่งขโมยจากร้านขายอาวุธมาทำร้ายตำรวจด้วย

มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 12 นายในเหตุปะทะเมื่อวันจันทร์(8) และมีประชาชนอย่างน้อย 10 คนที่ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจากอาการเกี่ยวกับการหายใจที่ได้รับจากกลุ่มควันของแก๊สน้ำตาที่ปกคลุมที่ทั่วใจกลางกรุงเอเธนส์

สำนักงานเหตุฉุกเฉิน ระบุว่า เกิดไฟไหม้อาคารสำนักงาน 49 แห่ง ร้านค้า 47 แห่ง ธนาคาร 14 แห่ง รวมทั้งรถยนต์อีก 20 คัน และกระทรวงอีก 3 แห่ง

วิกฤตที่รุนแรงขึ้นได้เลี้ยวเข้าสู่การเผชิญหน้าทางการเมือง เมื่อนักศึกษา ครูอาจารย์และกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย ร่วมเดินขบวนเมื่อวันอังคาร(9) ต่อการปฏิบัติการของตำรวจและรัฐบาลฝ่ายขวา

ผู้ประท้วงราว 2,000 คน นำโดยกลุ่มสหภาพครู เดินขบวนไปยังรัฐสภา ถือป้ายมีข้อความว่า "ผู้ร้ายลอบฆ่า รัฐบาลคือฆาตกร" ขณะที่ จอร์จ ปาปันเดรอู ผู้นำฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและขอคำตัดสินจากประชาชนต่อวิกฤตครั้งนี้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000145318

 

เกิดคลื่นยักษ์ทำลายบ้านเรือนหลายสิบหลังในอินโดนีเซีย​

​

จาการ์ตา 10 ธ.ค.

 

***ยอดสุนัขใจประเสริฐ***​

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/fXXaRECHHT4&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>​

คลิปสุนัขฮีโร่! วิ่งฝ่าดงรถใช้ขาหน้าลากร่างเพื่อนหมาออกจากถนน​

ภาพจากกล้องวงจรปิดบนทางหลวง ในกรุงซานดิเอโกของประเทศชิลี ที่มีการจรจรคับคั่ง สุนัขจรจัดตัวหนึ่ง วิ่งฝ่าดงรถที่วิ่งกันขวักไขว่ เข้าไปช่วยสุนัขที่ถูกรถชนบาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน โดยใช้ขาหน้าดึงร่างของเพื่อนสุนัขจากกลางถนน ลากมาไว้ริมถนนแบบไม่กลัวตาย หลังจากที่ช่วยเหลือเพื่อนสุนัขอย่างกล้าหาญแล้ว เจ้าหน้าที่ทางหลวงก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ นำสุนัขที่แสนกล้าและตัวที่บาดเจ็บออกมาจากเกาะกลางถนนได้ แต่เจ้าสุนัขตัวที่แสนรู้ตัวนั้นมันก็วิ่งเตลิดหายไป​

ข่าวจากมติชน
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/31789​

ความคิดเห็นจากคุณ : anne"​

ดูแล้ว...ซึ้งมากๆเลยอ่ะ อยากเห็นคนไทยรักและช่วยเหลือกันมั่ง ​

ความคิดเห็นจากคุณ : มะนาวหวานมาก ​

เศร้าจัง เมื่อวานตอนดูทีวีนะ น้ำตาจะไหล อึ้งก็อึ้ง ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่พอดูแล้วไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้ สงสารน้องหมาอ่ะ ตอนนี้ภาพนั้นยังติดตาอยู่เลย มันคงรักเพื่อนมันมากน่ะ ถ้าได้ดูทีวีจะสังเกตว่ามัน ทำหน้าส่ายไปมา เหมือนหาให้ใครช่วยมันหน่อยอ่ะ เห็นแล้วซึ้งมากเลย นี้แหละชีวิต!​

ความคิดเห็นจากคุณ : กอล์ฟ ​

ตัวมันเองก็โดนชนนะครับ แต่มันลุกขึ้นวิ่งไปช่วยเพื่อนของมันต่อ ผมดูแล้วน้ำตาแทบไหลเลยหละ หมาอะไรจะคิดได้ขนาดนั้น สุดยอดไปเลย ​

ความคิดเห็นจากคุณ : ยินดีต้อนรับ​

มันเข้าใกล้ภพภูมิมนุษย์ ขึ้นมาอีกหน่อย ต่างจากคนเราเข้าใกล้ ภพภูมิเดรัจฉานมากขึ้นทุกที​

ความคิดเห็นจากคุณ : Hoolala ​

ประเสริฐมากค่ะ อยากให้คนเป็นอย่างนี้กันเยอะๆๆค่ะ​

**************************************************​

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/31789/1​

 

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>ทหารปากีฯเข้ายึดค่ายกลุ่มหัวรุนแรงต้องสัยถล่มมุมไบ

</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551 02:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575><!img001:m:r>(8ธ.ค.) สื่อปากีสถานรายงานวันนี้ว่า ทหารปากีสถานเข้ายึดค่ายแห่งหนึ่งของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงลัชการ์-อี-ไทบา ซึ่งถูกระบุว่าก่อเหตุโจมตีนครมุมไบของอินเดียเมื่อปลายเดือนที่แล้ว และจับกุมตัวสมาชิกไว้ได้ 12 คน นับเป็นการเคลื่อนไหวของปากีสถานครั้งแรกหลังได้รับแรงกดดันทั้งจากอินเดียและสหรัฐให้ดำเนินการล่าตัวคนบงการ ที่ให้การฝึกฝนกลุ่มมือปืนและวางแผนโจมตีหลายจุดทั่วนครมุมไบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 170 คนและบาดเจ็บอีกราว 300 คน
กลุ่มดังกล่าวอ้างว่า ทหารปากีสถานยิงต่อสู้กับสมาชิก ที่ค่ายแห่งหนึ่งใกล้เมืองมูซัฟฟาราบัดในแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ในฝั่งของปากีสถานเมื่อวานนี้ แต่ทางการปากีสถานยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อข่าวนี้
// <!-- google_ad_client = pub-1044823792492543; google_ad_slot = 8122705396; google_ad_width = 250; google_ad_height = 250; //-->//
ก่อนหน้านี้ปากีสถานแสดงความพร้อมร่วมมือกับการสอบสวนของอินเดีย หากมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นการโจมตีจากดินแดนปากีสถาน แต่ก็ยืนยันว่าหน่วยราชการของปากีสถานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะที่คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังคงย้ำให้ปากีสถานเร่งปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรง แต่ปฏิเสธกระแสข่าวว่าสหรัฐได้กำหนดเส้นตายให้ปากีสถานดำเนินการภายใน 48 ชั่วโมง และไม่เชื่อว่าทางการปากีสถานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีมุมไบ เมื่อไม่กี่วันมานี้อินเดียระบุว่า มือปืนที่ก่อเหตุทั้ง 10 คนมาจากปากีสถาน และได้มอบรายชื่อผู้ต้องสัย 20 คนให้ปากีสถานเพื่อขอให้ช่วยจับกุมและส่งมอบตัวให้ด้วย<!--END--> <!--PICLIST-->
</TD><TD width=10 rowSpan=6></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>

รวมเรื่องฮอต : คลิปเด็ด ภาพเด็ด ซุบซิบดารา กระทู้ฮอต ข่าวเด่น วาไรตี้ เกมส์-ไอที ข่าวกีฬา คลิกที่นี่​

</TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อนุโมทนาครับพี่เกษม ประมาณ20ปีก่อน ผมได้เคยดูข่าวทางTV เค้าให้ดูปลาทองประมาณ3-4ตัวที่อยู่ในตู้เล็กๆตู้หนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นปลาทองพิการ คือไม่มีครีบหาง เวลาเค้าว่ายน้ำก็จะหมุนตุปัดตุเป๋ตลอดเวลา พอเจ้าของให้อาหารก็จะไม่สามารถว่ายขึ้นมากินได้เหมือนตัวอื่นๆ ความพิเศษของเรื่องนี้มาอยู่ที่ จะมีปลาทองตัวหนึ่ง ว่ายเข้ามาเอาลำตัวดันให้เจ้าตัวที่พิการ ให้สามารถขึ้นไปกินอาหารที่ลอยอยู่บนผิวน้ำได้ครับ..

หลังจากได้ดูเรื่องนี้แล้ว เกิดความประทับใจในน้ำใจของปลาทองตัวนั้นมากๆ จะทรงจำคุณความดีของปลาทองตัวนี้ไปจนวันตาย คิดว่าธรรมะสิ่งดีงาม คงเกิดขึ้นในดวงใจของหลายๆท่านแล้วในตอนนี้ กราบอนุโมทนาด้วยนะครับ...

 

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>คนงานยึดรง.ชิคาโกหลังถูกเลิกจ้าง

</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551 02:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=6></TD><TD width=575><!img001:m:r>สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (7 ธ.ค.) ว่า เกิดความวุ่นวายอันเป็นผลพวงมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อเหล่าคนงานโรงงานผลิตหน้าต่างและประตูในนครชิคาโก สหรัฐ ประมาณ 250 คน ไม่พอใจที่รู้ล่วงหน้าเพียง 3 วันเท่านั้น ว่าจะโรงงานจะถูกปิด จึงพากันเข้ายึดโรงงาน โดยยื่นคำขาดว่าจะไม่กลับบ้าน หากไม่ได้คำรับรองว่าจะได้รับเงินชดเชยการถูกเลิกจ้าง และเงินลาพัก
รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาคนงานได้แบ่งกำลังเข้ายึดโรงงานรีพับลิก วินโดว์ส แอนด์ ดอร์สเป็นกะๆ เมื่อวันเสาร์ ขณะที่บรรดาแกนนำสหภาพที่อยู่ด้านหน้าโรงงานได้เปิดเวทีปราศรัยวิจารณ์เรื่องที่รัฐบาลเข้าอุ้มบริษัทการเงินในวอลล์สตรีท แต่กลับตัดหางปล่อยวัดพวกผู้ใช้แรงงานแบบพวกเขา โดยบรรดาผู้ประท้วงด้านนอกโรงงานต่างพากันติดสติกเกอร์ที่เขียนคำว่า คุณได้รับเงินช่วยเหลือ แต่พวกเรากลับถูกขายทิ้ง
ลีห์ ฟรีด ผู้นำสหภาพแรงงาน กล่าวว่า บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานที่มีอยู่ 300 คนได้ เพราะว่าแบงก์ ออฟ อเมริกา ในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ท แคโรไลนา ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของโรงงานไม่ยอม นอกจากนี้ บรรดาคนงานยังไม่พอใจที่ผู้บริหารของบริษัทไม่ยอมมาพบปะกับคนงานเมื่อวันศุกร์ ทั้งๆ ที่ ส.ส.จากพรรคเดโมแครตได้เป็นตัวกลางจัดให้มีการพบปะกันขึ้นก็ตาม โดยผู้นำสหภาพกล่าวว่า จะยึดโรงงานต่อไปจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม โดยพนักงานของโรงงานแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายละตินอเมริกาผู้มีรายได้น้อย
// <!-- google_ad_client = pub-1044823792492543; google_ad_slot = 8122705396; google_ad_width = 250; google_ad_height = 250; //-->// ขณะที่โฆษกสำนักงานตำรวจชิคาโกกล่าวว่า รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปลาดตระเวนแถวๆ โรงงานแล้ว ทั้งนี้ มีรายงานว่า ยอดขายประจำเดือนของโรงงานรีพับลิก วินโดว์ส ลดลงเหลือ 2.9 ล้านดอลลาร์ จาก 4 ล้านดอลลาร์ ในเดือนที่แล้ว ทำให้นายริช กิลแมน ซีอีโอ ส่งจดหมายถึงสหภาพแจ้งว่า บริษัทไม่มีทางเลือกนอกเสียจากต้องปิดโรงงานลง<!--END--> <!--PICLIST-->
</TD><TD width=10 rowSpan=6></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>