ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. lert

    lert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +39
    ไทยรัฐ ปีที่56ฉบับที่17168วันเสาร์ที่22มกราคม2548

    49
    จังหวัดเสี่ยงธรณีสูบกทม.หลุดโผแต่มีเสียวอาฟเตอร์ช็อกครั้งล่าสุดหลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ...เกิดแผ่นดินแยกใต้ทะเลบริเวณอ่าวแหลมสนปากคลองช้างแหกอำเภอเมืองจังหวัดระนองพบฟองอากาศผุดขึ้นมาเหนือน้ำทั่วบริเวณเป็นจำนวนมาก...เมื่อสำรวจลึกลงไปใต้น้ำพบรอยแผ่นดินแยกขนาดกว้าง3-4นิ้วแตกเป็นแนวยาวกว่ากิโลเมตรผลต่อเนื่องจากคลื่นยักษ์สึนามิดร.อานนท์สนิทวงศ์อยุธยาผอ.ศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบอกว่าคลื่นสึนามิจะส่งผลให้เกาะภูเก็ตเคลื่อนจากแนวเดิม11ซม.ทำให้พิกัดการเดินเรือต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งที่ช่วงเวลาปกติแผ่นดินบริเวณเกาะภูเก็ตจะขยับเพียงปีละ1มม.เท่านั้นที่น่ากลัวผลคำนวณแนวเลื่อนประเทศอินโดนีเซียขยับมากถึง20เซนติเมตรเมื่อเข้าไปสำรวจพิกัดจริงพบว่าแผ่นดินขยับ18เซนติเมตร...ผิดพลาดแค่2เซนติเมตร

    สอดคล้องกับรายงานผลตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมกรณีศึกษารอยแยกของแผ่นดินของเลิศสินรักษาสกุลวงศ์ผอ.สำนักธรณีวิทยากรมทรัพยากรธรณีผลจากภาพถ่ายดาวเทียมพบปรากฏการณ์แผ่นดินยุบตัวเป็นหลุมกว้างรวม18แห่งกินพื้นที่7จังหวัดภาคใต้กับอีก1จังหวัดในภาคอีสานตอนบนพื้นที่แผ่นดินยุบเกิดขึ้นที่.อ่าวลึก.กระบี่.เมืองและ.ห้วยยอด.ตรังกิ่ง.มะนังและ.ควนโดน.สตูล.ทุ่งใหญ่.นครศรีธรรมราช.ทับปุด.พังงา.กาญจนดิษฐ์.สุราษฎร์ธานี.ศรีนครินทร์.พัทลุงและที่.เมือง.เลยในวันและเวลาแตกต่างผอ.เลิศสินบอกว่า "แผ่นดินยุบ" หลุมใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่3.. 2548ที่.ทุ่งใหญ่.นครศรีธรรมราชเป็นหลุมกว้างขนาด20เมตรลึกราว10เมตรท่านผอ.ว่าปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินยุบหลังเกิดแผ่นดินไหวประการแรกพื้นที่บริเวณนั้นมักจะตั้งอยู่บนบริเวณที่มีโพรงหินปูนเป็นจำนวนมากประการถัดมาเพดานโพรงหินปูนบริเวณนั้นไม่แข็งแรงหรือทนทานพอต่อแรงสั่นไหวของแผ่นดินแต่กระนั้นมิได้หมายความว่าทุกพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่บนโพรงหินปูนจะเกิดปรากฏการณ์นี้เสมอไปจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของชั้นโพรงเพดานหินปูนแต่ละแห่ง

    ตัวบ่งชี้หรือลักษณะเตือนภัยเกิด "แผ่นดินยุบ" มี3อย่าง1. สังเกตได้จากการได้ยินเสียงดังคล้ายดินถล่มมาจากใต้ดิน2. บริเวณนั้นมีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดินโดยไม่มีสาเหตุและ3. มักมีรอยแตกคล้ายร่างแหหรือใยแมงมุมยาว3-5เมตรในบริเวณนั้นผอ.เลิศสินบอกว่าถ้าพบสิ่งบอกเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน3ลักษณะที่ว่าให้ผู้อยู่ในบริเวณนั้นรีบถอยห่างและแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการหรือกรมทรัพยากรธรณีโดยด่วนเพราะอาจเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินยุบตัวในบริเวณนั้นได้ "ส่วนใหญ่แผ่นดินยุบที่เคยเกิดในอดีตพบเป็นหลุมกว้างสุดขนาดไม่เกิน30เมตรและเกิดเป็นบริเวณแคบๆมากกว่าจะยุบหายไปทั้งเมืองโอกาสจะเกิดแผ่นดินยุบขึ้นอยู่กับลักษณะและความแข็งแรงของโพรงหินปูนบริเวณนั้นจึงขอบอกประชาชนว่าไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินเหตุ" อย่างไรก็ดีผอ.สำนักธรณีวิทยาเตือนว่าในเมืองไทยพื้นที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงเกิดแผ่นดินยุบตัวหลังเกิดแผ่นดินไหวมีมากถึง49จังหวัดจังหวัดที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินยุบสูงมี23จังหวัดได้แก่กาญจนบุรีนครราชสีมาเพชรบูรณ์สระแก้วขอนแก่นนครสวรรค์แม่ฮ่องสอนสุโขทัยฉะเชิงเทราน่านระนองสุราษฎร์ธานีชัยนาทปราจีนบุรีราชบุรีอุดรธานีชุมพรพะเยาลำปางอุทัยธานีเชียงใหม่พัทลุงและเลย

    จังหวัดที่มีโอกาสเกิดแต่ไม่ถึงกับเสี่ยงสูงมี26จังหวัดคือกระบี่ตากสตูลนครศรีธรรมราชเพชรบุรีกำแพงเพชรแพร่สระบุรีจันทบุรีนราธิวาสยะลาสุพรรณบุรีชลบุรีประจวบฯระยองหนองบัวลำภูชัยภูมิปัตตานีลพบุรีอุตรดิตถ์เชียงรายพังงาลำพูนตรังสงขลาและพิษณุโลกนอกจาก "แผ่นดินยุบ" เป็นปรากฏการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังแผ่นดินไหวรุนแรง "แผ่นดินถล่ม" (Landslide) อาจเป็นอีกของแถมตามมา "แผ่นดินถล่ม" หมายถึงภาวะการเคลื่อนที่ของแผ่นดินเป็นกระบวนการซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการเคลื่อนที่ของดินหรือหินตามแนวลาดชันโดยมีแรงดึงดูดของโลกเข้ามาเกี่ยวการเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหินอาจมีความเร็วตั้งแต่ปานกลางจนถึงเร็วมากรศ.ดร.เป็นหนึ่งวานิชชัยวิศวกรโครงสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากคณะวิศวกรรมโยธาสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) หัวหน้าคณะวิจัยในโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวของประเทศไทย (ระยะที่1) บอกว่าผลของแผ่นดินไหวซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นดินอาจก่อให้เกิดแผ่นดินถล่มในบริเวณที่มีความลาดชันส่งผลให้มวลดินหรือแผ่นหินเลื่อนไถลลงมายังพื้นที่ราบหรืออาจเกิดภาวะแผ่นดินยุบซึ่งคนไทยมักเรียกกันว่าธรณีสูบขึ้นได้ในเมืองไทยโอกาสที่จะเกิด "แผ่นดินยุบ" เป็นหลุมกว้างหลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเพดานโพรงหินปูนซึ่งอยู่ใต้ผิวดินแต่ละบริเวณซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้ออกสำรวจเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบเป็นระยะส่วนโอกาสที่จะเกิด "แผ่นดินถล่ม" ในเมืองไทยดร.เป็นหนึ่งบอกว่าขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลัก2อย่างคือชั้นดินซึ่งอยู่ใต้บริเวณนั้นอ่อนไหวและพื้นที่บริเวณนั้นมีความลาดเอียงเช่นบริเวณที่ราบสูงต่างๆทั้ง2กรณีอาจทำให้ก้อนธรณีหรือมวลดินมหึมาทรุดตัวลงมายิ่งถ้าเกิดขึ้นบริเวณริมถนนหรือชุมชนซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นถือว่าอันตรายเขาบอกว่ากรณีแผ่นดินถล่มในบ้านเรามีความเสี่ยงพอสมควรแต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาชี้ชัดได้ว่าบริเวณไหนบ้างมีความเสี่ยงเพราะยังไม่มีใครศึกษาปัญหานี้จริงจังแต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่น่าเป็นห่วงกว่าและหลายคนมองข้ามก็คือผลของแผ่นดินไหวที่มีต่ออาคารซึ่งถูกต่อเติมหรือก่อสร้างผิดแบบ "เรามักจะย่ามใจกันว่าดูจากประวัติการเกิดแผ่นดินไหวในเมืองไทยที่ผ่านมามักจะไม่รุนแรงและมักเกิดตามรอยเลื่อนที่สำคัญเช่นในภาคเหนือเคยมีแผ่นดินไหวขนาด5-6ริกเตอร์เกิดขึ้น8ครั้งในรอบ30ปีมานี้" "แต่หารู้ไม่ว่าแผ่นดินไหวขนาดกลางเพียง5ริกเตอร์กว่าๆซึ่งคิดกันว่าไม่น่าอันตรายเป็นความเข้าใจผิดมหันต์เพราะหากศูนย์กลางการเกิดอยู่ที่ภาคเหนือหรือแถวกาญจนบุรีซึ่งยังมีรอยเลื่อนมีพลังอยู่จะก่อความเสียหายอย่างมโหฬารเพราะมีรัศมีการทำลายที่อาจแผ่กว้างไปไกลถึง20กิโลเมตร" ดร.เป็นหนึ่งบอกว่าเรามักสนใจแต่เพียงว่ารอยเลื่อนหรือรอยแตกของแผ่นเปลือกโลกซึ่งมีการเคลื่อนตัวได้และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมีอยู่2แบบหลักๆแบบแรกรอยเลื่อนที่ตายแล้ว (ไม่มีพลัง) ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสานและภาคใต้ของไทยอีกแบบรอยเลื่อนที่ยังไม่ตาย (มีพลัง) อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันตก "เราคิดว่ารอยเลื่อนพวกนั้นอยู่ไกลตัวและในรัศมีใกล้กทม. ไม่มีแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวแต่หารู้ไม่ว่ายังมีความเสี่ยงจ่อคอหอยเพราะระยะห่างจากกทม.โดยรอบ200-400กม. มีรอยเลื่อนใหญ่อันดามันซึ่งอาจเกิดแผ่นดินไหวได้รุนแรงถึง8ริกเตอร์และรอยเลื่อนย่อยที่กาญจนบุรีมีโอกาสเกิดได้เกิน7ริกเตอร์"

    "คุณรู้มั้ยถ้าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง7ริกเตอร์กว่าที่เมืองกาญจน์อาคารสูงที่มีโครงสร้างอ่อนแอในกรุงเทพฯมีโอกาสโยกไหวรุนแรงหรือพังโครมลงมาได้ทั้งหลัง"

    ดร.เป็นหนึ่งบอกว่าแม้ "แผ่นดินยุบ" และ "แผ่นดินถล่ม" สร้างความน่าสะพรึงให้แก่ผู้อยู่ในบริเวณที่ล่อแหลมแต่เมื่อเทียบระดับความน่าสะพรึงกันแล้วทั้งรอยเลื่อนใหญ่ในทะเลอันดามันและรอยเลื่อนแขนงที่.กาญจนบุรีเปรียบเสมือนระเบิดเวลากลางเมืองกรุงที่น่าสะพรึงกว่าเขาบอกว่าทุกวันนี้อาคารสูงส่วนใหญ่ในกทม. ไม่มีการออกแบบเพื่อต้านทานแผ่นดินไหวส่วนในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในภาคเหนือแม้ปัจจุบันมีกฎหมายบังคับให้ออกแบบอาคารสูงรองรับแผ่นดินไหวแต่ในความเป็นจริงไม่มีใครสนใจปฏิบัติดร.เป็นหนึ่งว่าทางออกที่ดีในการล้อมคอกก่อนเกิดปัญหาไม่คาดคิดสำหรับอาคารสูงในกรุงเทพฯหรือบางจังหวัดในภาคเหนือตอนบนที่จะสร้างขึ้นใหม่ควรนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มงวดให้มีการออกแบบโครงสร้างเผื่อรองรับกรณีแผ่นดินไหวส่วนอาคารสูงสำคัญหรือมีผู้ใช้งานมากที่สร้างขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่มีระบบรองรับแผ่นดินไหวแก้ไขได้โดยออกมาตรการบังคับให้เจ้าของอาคารเสริมตัวโครงสร้างทั้งคานและเสาโดยใส่เฟรมเหล็กเพิ่มเข้าไปหรือปรับปรุงเสาและคานบางจุดให้แข็งแรงขึ้นไม่ก็ทำเป็นกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) เข้าช่วยในบางจุดเพื่อลดความอ่อนแอของตัวอาคาร "ถ้าคิดจะป้องกันแก้ไขจริงจังตอนนี้ยังไม่สายเกินไปแต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยวันหน้าอาจสายเกินแก้และต้องเสียใจกว่าเหตุการณ์สึนามิ"

    ดร.เป็นหนึ่งฝากประโยคทิ้งท้าย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2005
  2. lert

    lert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +39
    ข่าวเกี่ยวกับเขื่อนและผลกระทบจากแผ่นดินไหว

    ทางการกายอานาเตือนประชาชนให้ระวังภัยจากเขื่อนพัง

    โดยผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2548 14:19 .

    ทางการกายอานาเตือนประชาชนให้ระวังภัยจากเขื่อนพังโดยทางการได้ระดมกำลังทหารมาช่วยเหลือและลำเลียงประชาชนราว 20,000 คนให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยทางตะวันออกของกรุงจอร์จทาวน์เนื่องจากเกิดน้ำท่วมใหญ่หลังจากที่ฝนตกติดต่อกันนานตลอดสัปดาห์รายงานแจ้งว่าปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้น้ำในเขื่อน 2 แห่งทางตะวันออกเอ่อล้นออกมาและไหลเข้าท่วมชุมชนรวมทั้งน้ำในเขื่อนอีกแห่งทางตะวันตกเฉียงเหนือก็อยู่ในขั้นวิกฤตเช่นกันและเมื่อวานนี้ชาวบ้านผู้ประสบภัยนับร้อยคนพากันออกมายืนรอนอกเต๊นท์บรรเทาทุกข์ด้วยความโกรธเนื่องจากความล่าช้าในการขนส่งอาหารและน้ำสะอาดจากทางการอย่างไรก็ดีรัฐบาลกายอานาได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากสหรัฐในการอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านด้วยทั้งนี้มีรายงานเด็กชายวัย 6 ปีจมน้ำตายซึ่งนับเป็นรายที่ 3 แล้วจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้

    ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ยืนยันเขื่อนไม่แตกหลังประชาชนแตกตื่นอพยพเตรียมหนีน้ำ

    โดยผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2548 09:58 .

    นายอนุชิตอสัมพิณวงศ์ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์จังหวัดกาญจนบุรีให้ความมั่นใจว่าเขื่อนศรีนครินทร์จะไม่ร้าวจนแตกอย่างแน่นอนรวมถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดโดยการก่อสร้างเขื่อนได้มีการติดตั้งเครื่องมือป้องกันแผ่นดินไหวได้รุนแรงถึง 7.5 ริกเตอร์ ส่วนข้อสังเกตการปล่อยน้ำผิดปกติผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ยืนยันเขื่อนสามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 17,700 ล้านลูกบาศก์เมตรขณะนี้รับน้ำประมาณร้อยละ 30 ขณะที่แต่ละวันจะมีการปล่อยน้ำออกมาวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรสำหรับเขื่อนศรีนคินทร์เป็นเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

    ผอ.ยันเขื่อนไม่แตกหลังคนเมืองกาญจน์อพยพหนีตาย

    โดยผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2548 10:19 .

    ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ยืนยันเขื่อนไม่แตกร้าวแน่นอน หลังชาวเมืองกาญจน์แตกตื่นอพยพหนีตายกันจ้าละหวั่นระบุเป็นเพียงข่าวลือทางเขื่อนติดตั้งเครื่องมือป้องกันแผ่นดินไหวถึง7.5 ริกเตอร์

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้(23 ..) เกิดเหตุชาวบ้านใน.กาญจนบุรีแตกตื่นอพยพหนีตายกันอลหม่านเนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวว่าเขื่อนศรีนครินทร์หรือเขื่อนเจ้าเณรกำลังจะแตกนั้น

    โดยในวันนี้(24 ..) นายอนุชิตอสัมพิณวงศ์ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์จังหวัดกาญจนบุรีกล่าวให้ความมั่นใจว่าเขื่อนศรีนครินทร์จะไม่ร้าวจนแตกอย่างแน่นอนรวมถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดโดยการก่อสร้างเขื่อนได้มีการติดตั้งเครื่องมือป้องกันแผ่นดินไหวได้รุนแรงถึง 7.5 ริกเตอร์

    ส่วนที่มีผู้ปล่อยข่าวว่าเขื่อนมีการปล่อยน้ำผิดปกตินั้นผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ยืนยันเขื่อนสามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 17,700 ล้านลูกบาศก์เมตรขณะนี้รับน้ำประมาณร้อยละ 30 ขณะที่แต่ละวันจะมีการปล่อยน้ำออกมาวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร

     
  3. lert

    lert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +39
    ขอทุกท่านมีสติ พิจารณาด้วยใจ,เหตุผลและความจริงนะครับ

    ขอทุกท่านสมความปรารถนา ถึงพระนิพพานในที่สุดทุกท่านครับ
     
  4. poopunnnnnn

    poopunnnnnn บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ข่าวล่าสุด

    ล่าสุด ลูกศิษย์ของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก (อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งสามัคคีธรรม และวัดสังฆทาน) ซึ่งท่านได้มรณภาพไปแล้ว ได้บอกว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนท่านจะมรณภาพ ได้ไปกราบท่านและสนทนาธรรมด้วย และมีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ฯ กล่าวว่า


    เราฝันเห็นน้ำสูงเท่าเสาไฟฟ้าในกรุงเทพฯ จะเกิดขึ้นอีกไม่นาน...



    จาก

    Messenger
     
  5. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +335
    หากจุดที่เกิดแผ่นดินไหวคือบริเวณเขื่อนเองถึงแม้จะไม่ถึง ๔ ริกเตอร์ก็ไม่มีเขื่อนไหนที่จะไม่พังถ้ามันเกิดตรงเขื่อนเลย ไม่ต้องแตกตื่นแค่รู้ไว้ว่ามันเกิดขึ้นได้แต่น้อยมาก แล้วเพื่อความไม่ประมาทควรคิดไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดบริเวณนั้นๆจะกระทบกับที่อยู่อาศัยของท่านหรือไม่อย่างไร ถ้ากระทบท่านจะอพยพให้เร็วพอได้อย่างไรและไปที่ไหน เมื่อท่านพร้อมก็ใช้ชีวิตปกติ คิดดี ทำดี มีศีลธรรมเป็นใหญ่ จะเกิดหรือไม่ก็ช่างเกิดเมื่อใดก็ทำตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ก็จบ หากปฏิบัติไม่ได้เพราะขณะเกิดอยู่ตรงนั้นด้วยก็ให้มีสติแล้วใช้ปัญญาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา คนเราหากมีกุศลที่จะรอดมันก็ต้องรอดด้วยทางใดทางหนึ่งจนได้แหละครับ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำทำนายอนาคตของโลกffice[​IMG]ffice" /><O:p></O:p>

    โดยอาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิงไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเลคทรอนิค จะใช้การไม่ได้ภัยพิบัติหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้คนจะเกิดความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    ในวันนั้นน้ำ 1 ลิตรจะมีค่ามากกว่าทองคำ 1 กิโลกรัม และอาจจะไม่สามารถแลกซื้อได้ อาหารขาดแคลนมาก นับเป็นภัยอันตรายยิ่งกว่าสงครามใดๆ ภัยนี้จะคุกคามไปทั่วโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซนต์ทั้งโลก<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พยายามค้นคว้าว่า จะมีวิธีใดที่จะถนอมอาหารเอาไว้ใช้ได้นานๆ และจะหาที่เก็บที่เหมาะสม เพื่อเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    สำหรับประเทศไทย จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านจิตวิญญาณสูง ต่อไปมนุษย์ที่เหลืออยู่เกือบทั้งโลกจะต้องมาพึ่งประเทศไทย ซึ่งจะยังคงมีพืชพันธุ์ธัญญาหารและสิ่งแวดล้อมอุดมสมบูรณ์อยู่ และพลเมืองมีเมตตาธรรม<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    หนทางแก้ไขล่วงหน้านั้น นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และรัฐบาลต่างๆ ต้องรับรู้ถึงภัยพิบัติครั้งนี้ และหาทางป้องกันแก้ไข ต้องพยายามให้คนที่มีฐานะดีช่วยเหลือคนยากคนจน เป็นการพัฒนาจิตวิญญาณให้ดีขึ้น จิตวิญญาณที่ดีจะช่วยคุ้มครองตัวเราไว้ <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    สำหรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นหลังจากศตวรรษที่ 20 นี้ขอให้ผู้มีวิชาพลังจักรวาลได้ช่วยกันนั่งสมาธิ อธิษฐาน ขอให้เบื้องบนรับรู้การแก้ปัญหาของเรา และให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคงจะได้ผลเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่เราได้เคยช่วยกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่หรือไฟไหม้ครั้งมโหฬาร การรวมพลังกันอย่างตั้งใจและแน่วแน่ เช่นนี้คงจะช่วยผ่อนคลายวิกฤตการณ์ร้ายครั้งนี้ ให้เบาบางลงไปได้บ้าง<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    ( แหล่งที่มา หนังสือพลังจักรวาลรักษาโรค โดยนพนนท์ สำนักพิมพ์เรือนบุญ 10/1 หมู่ 7 ซอยบางกระสอบ 2 ต.บางกระสอบ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ )<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2005
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พายุสุริยะ

    ตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์รู้ว่า ดวงอาทิตย์มีความสำคัญต่อชีวิต เพราะดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างและความร้อนแก่โลก และสิ่งมีชีวิต ทุกชนิดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการดำรงชีพ คนโบราณจึงนับถือดวงอาทิตย์เสมือนเป็นเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจลึกลับ และถึงแม้ว่า วันเวลาจะผ่านไปนานร่วมพันปีแล้วก็ตาม มนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจธรรมชาติของดวงอาทิตย์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=566>
    [​IMG]



    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ebebeb colSpan=2>
    ภาพจาก : http://sec.noaa.gov/wind/rtwind.html



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ย้อนอดีตไปเมื่อ 300 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รู้ว่า ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซร้อนและความดันที่มีอยู่ในก๊าซนั้นมีค่าสูงพอที่จะรับ น้ำหนักของก๊าซที่กดลงมาได้ ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงสามารถทรงตัว ทรงรูปร่างและทรงขนาดอยู่ได้

    และเมื่อ 100 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มรู้ว่า ดวงอาทิตย์มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีฮีเลียมเป็นองค์ประกอบรอง และนอกจากธาตุทั้งสองนี้แล้วดวงอาทิตย์ก็ยังมีธาตุอื่นๆ เช่น คาร์บอน โซเดียม แคลเซียม และเหล็กบ้าง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 นักดาราศาสตร์ได้พบว่า ในบางขณะผิวดวงอาทิตย์จะมีเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้มีเปลวก๊าซร้อน พุ่งออกจากผิว และในบางครั้งเปลวก๊าซอาจจะพุ่งไกลถึงล้านกิโลเมตร เหตุการณ์ระเบิดที่ผิวแล้วทำให้มีเปลวก๊าซร้อนพุ่งออกไปใน อวกาศนี้ เราเรียกว่า พายุสุริยะ (solar wind)

    การศึกษาพายุสุริยะในเวลาต่อมาได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า พายุนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง เพราะเมื่อเรารู้ว่า เปลวก๊าซร้อนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้นนำอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมากมายด้วย ดังนั้น เมื่ออนุภาคเหล่านี้พุ่งถึงชั้นบรรยากาศ เบื้องบนของโลก ถ้าขณะนั้นมีนักบินอวกาศร่างกายของนักบินอวกาศคนนั้นก็จะได้รับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าและรังสีต่างๆ มากเกินปรกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเป็นอันตรายได้

    นอกจากนี้ พายุอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอาจพุ่งชนดาวเทียมที่กำลังโคจรอยู่รอบโลกจนทำให้ดาวเทียมหลุดกระเด็นออกจากวงโคจรได้ และถ้าอนุภาคเหล่านี้พุ่งชนสายไฟฟ้าบนโลก ไฟฟ้าในเมืองทั้งเมืองก็อาจจะดับ ดังเช่นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่เมือง Quebec ในประเทศ คานาดาเป็นเวลานาน 9 ชั่วโมง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 เพราะโลกถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง

    ความจริงเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 11 ปีมาแล้ว แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์รู้อีกว่า ทุกๆ 11 ปีจะเกิดเหตุการณ์พายุสุริยะ ที่รุนแรงบนดวงอาทิตย์อีก ดังนั้นปี พ.ศ. 2543 จึงเป็นปีที่นักวิทยาศาสตร์คาดหวังจะเห็นโลกถูกดวงอาทิตย์คุกคามอย่างหนักอีก ครั้งหนึ่ง และเมื่อขณะนี้โลกมีดาวเทียมที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 800 ดวงและสหรัฐอเมริกาเองก็มีโครงการจะส่งนักบินอวกาศ ขึ้นไปสร้างสถานีอวกาศนานาชาติในปีนั้นอีกเช่นกัน บุคลากรและดาวเทียมเหล่านี้จึงมีโอกาสถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำ จนเป็นอันตรายได้ ก็ในเมื่อเวลาพายุไต้ฝุ่นหรือทอร์นาโดจะพัด เรามีสัญญาณเตือนภัยห้ามเรือเดินทะเลและให้ทุกคนหลบลงไปอยู่ห้อง ใต้ดิน จนกระทั่งพายุพัดผ่านไป การเตือนภัยพายุสุริยะก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าเรารู้ว่าพายุสุริยะกำลังจะมาถึงโลก โรงไฟฟ้า ก็ต้องลดการผลิตกระแสไฟฟ้า คือไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากเครื่องเต็มกำลังเพราะถ้าไฟฟ้าเกิดช็อต ภัยเสียหายก็จะไม่มาก ดังนั้น การแก้ไขล่วงหน้าก็จะสามารถทำให้ความหายนะลดน้อยลง

    แต่ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญสภาวะของอวกาศ วันนี้ก็ดีพอๆ ความสามารถของนักอุตุนิยมวิทยาที่สามารถทำนายสภาพของอากาศ บนโลก เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศ (Space Environment Center) ขึ้นมา โดยให้นักวิทยาศาสตร์มีหน้าที่ทำนายสภาพของอวกาศล่วงหน้า และผลงานการพยากรณ์เท่าที่ผ่านมาได้ทำให้เรารู้ว่า คำพยากรณ์นี้มี เปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90% ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในหนึ่งชั่วโมง แต่เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดก็จะสูง ถ้าเป็นกรณีการทำนายล่วงหน้า หลายวัน

    เพื่อให้คำทำพยากรณ์ต่างๆ มีเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องมากขึ้น องค์การ NASA ของสหรัฐฯ จึงได้วางแผนส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้น อวกาศเพื่อสำรวจสถานภาพของพายุสุริยะทุกลูกที่จะพัดจากดวงอาทิตย์สู่โลกในอีก10 ปี ข้างหน้านี้

    ความรู้ปัจจุบันที่เรามีอยู่ขณะนี้คือ ผลกระทบของพายุสุริยะจะรุนแรงอย่างไร และเช่นไร ขึ้นกับ 3 เหตุการณ์ต่อไปนี้ คือ

    เหตุการณ์แรกเกี่ยวข้องกับจุดดับบนดวงอาทิตย์ (sunspot) ซึ่งเป็นบริเวณผิวดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณส่วนอื่น และเป็น บริเวณที่สนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์สามารถทะลุออกจากดวงอาทิตย์ออกมาสู่อวกาศภายนอกได้ ดังนั้น เมื่อเกิดการระเบิดที่ผิวดวง อาทิตย์ในบริเวณนี้ กระแสอนุภาคจะถูกผลักดันออกมาตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กนี้มาสู่โลก และเมื่อกระแสอนุภาคจากจุดดับพุ่งชน บรรยากาศเบื้องบนของโลก มันจะปะทะอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก (ionosphere) การชนกันเช่นนี้จะทำให้ เกิดกระแสประจุซึ่งมีอิทธิพลมากมายต่อการสื่อสารทางวิทยุ

    เหตุการณ์สองที่มีอิทธิพลทำให้สภาวะของอวกาศระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ปรวนแปร ในกรณีมีพายุสุริยะที่รุนแรงคือ ชั้นบรรยากาศ ของโลกอาจจะได้รับรังสีเอกซ์มากกว่าปกติถึง 1,000 เท่า รังสีเอกซ์นี้ จะทำให้อิเล็กตรอนที่กำลังโคจรอยู่รอบอะตอม กระเด็นหลุดออก จากอะตอม และถ้าอิเล็กตรอนเหล่านี้ชนยานอวกาศ ยานอวกาศก็จะมีความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ซึ่งจะทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยานเสีย และนั่นก็หมายถึงจุดจบของนักบินอวกาศ

    ส่วนเหตุการณ์สาม ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก๊าซร้อนหลุดลอยมาถึงโลก และเมื่อมันพุ่งมาถึงโลกสนาม แม่เหล็กในก๊าซร้อนนั้นจะบิดเบนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างมากมาย กระแสไฟฟ้านี้ จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น มันจึงขยายตัว ทำให้ยานอวกาศที่เคยโคจรอยู่เหนือบรรยากาศ ต้องเผชิญแรงต้านของ อากาศ ซึ่งจะมีผลทำให้ยานมีความเร็วลดลงแล้วตกลงสู่วงโคจรระดับต่ำ และตกลงโลกเร็วกว่ากำหนด

    เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเวลาโลกถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ดังนั้น เพื่อเตือนภัยล่วงหน้า ศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศจึงได้ประกาศ คำพยากรณ์สภาวะของอวกาศล่วงหน้าหนึ่งวันทุกวัน เพื่อให้คนเกี่ยวข้องได้รู้ว่า พายุจากอวกาศที่กำลังจะเกิดนั้นรุนแรงเพียงใด และจะมาถึงเมื่อใด โดยใช้ดาวเทียมที่ชื่อ Solar and Heliospheric Observatory (SOHO) ซึ่งถูกส่งขึ้นไปเมื่อ 5 ปีก่อนนี้ ให้สำรวจดวงอาทิตย์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพราะดาวเทียมดวงนี้อยู่ห่างจากโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร และมีกล้องโทรทรรศน์สำหรับ วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ บนดวงอาทิตย์ ดังนั้น SOHO ก็สามารถบอกได้ว่า ความเร็วของกลุ่มก๊าซร้อนเป็นเช่นไร และกลุ่มก๊าซนั้นมี ขนาดใหญ่หรือไม่เพียงใด และนอกจากดาวเทียม SOHO แล้วสหรัฐฯ ก็ยังมีดาวเทียมที่ชื่อ Advanced Composition Explorer หรือ ACE อีกด้วย ซึ่ง ACE ถูกส่งไปโคจรรอบดวงอาทิตย์กับโลก และทำหน้าที่รายงานให้โลกรู้ว่า มหพายุสุริยะกำลังจะมาหรือไม่

    เพราะถ้ามาจริงๆ เราจะได้มีเวลาปลง

    http://www.ipst.ac.th/ThaiVersion/publications/in_sci/solarwind.html
     
  8. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    โอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิม (สัจจคัมภีร์กัปป์สุดท้าย)

    (1475 คำในบทความ)
    (541 คนอ่าน) [​IMG] [​IMG]



    พระศรีอาริยเมตไตรย พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวร ได้ฟังพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ให้ประคองช่วยเหลือเวไนยสัตว์สิบชั่วร้ายไม่ดีงาม ฟ้าเบื้องบนจะจัดส่งผู้คุมตารางสวรรค์เทียนเหลอเซียน ลงมายังโลกมนุษย์ตรวจดูคัมภีร์นี้ หากผู้ใดถวายด้วยความศรัทธาเคารพ สามารถหลุดพ้นจากดวงแห่งภัยพิบัติได้ ทุกชีวิตในครอบครัวไร้ทุกข์ ไร้กังวล หากคนชั่ว ร้ายที่ไม่เชื่อและศรัทธา แต่คอยดูปีวอก,ระกา,จอ,กุน มีข้าวไร้คนกิน มีเสื้อผ้าไร้คนใส่ มีถนนไร้คนเดิน มีบ้านไร้คนอยู่ มีที่นาไร้คนทำ จวบจนถึงเดือนห้า เดือนหกนั้น งูพิษร้ายเกลื่อนเต็มไปทั่ว เดือนแปด เดือนเก้า คนชั่วร้ายจะตายสิ้น ซากศพเต็มเกลื่อน
    มีคนที่ละชั่วประพฤติดีไม่ต้องวิตกกังวล เศร้าสลดกับภัยพิบัติทั้งสิบประการนี้คือ
    1. อัคคีภัย - อุทกภัย
    2. ควันที่เป็นสัญญาณทำลายล้าง
    3. มึนซึมหมดสติตาย
    4. การหย่าร้างของสามี - ภรรยา
    5. งูพิษทำร้ายคน
    6. เศร้าสลดซากศพเต็มพื้นปฐพี
    7. ภัยสงครามฆ่าฟันกัน
    8. อากาศแปรเปลี่ยน วันคืนหนาวเย็น
    9. มีบ้านต้องยกให้ผู้อื่นอยู่
    10. เศร้าสลดไม่พบความสันติสุข
    บนถนนคนตายนับไม่ถ้วน หนึ่งหมื่นตายเก้าพัน มหันตภัยมาแล้ว พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อย เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พญานาคดุร้าย เกะกะระรานทั่ว เวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนมหาราชจึงจัดส่งกวน, เจ้าสองขุนพลลงสู่โลกมนุษย์ และเทพยดาที่สัญจรอยู่เบื้องบน เหนือโลกมนุษย์เพื่อตรวจดูคัมภีร์นี้ หากมีคนชั่วร้ายทั้งหลาย จะให้ข้าวยากหมากแพง พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏกวน เจ้าสองขุนพลสู่แดนมนุษย์ จากปีจอเริ่มต้นด้วยโรคระบาดจนถึงปีกุน ประชาราษฎร์ในเก้าคน จะรอดตายเพียงหนึ่งคน จะเกิด มหันตภัยขึ้น เช่น
    1. วาตภัย
    2. อัคคีภัย
    3. ฟ้าผ่าไฟฟ้าช๊อต
    4. ภัยสงคราม
    5. ภัยโรคร้าย
    6. อดอยาก ขาดอาหาร
    7. งูพิษร้ายกัด
    8. ภัยจากการคลอดบุตร
    9. อุทกภัย
    10. ภัยจากการสูญสิ้นมนุษย์ชาติ
    พระศากยมุนีพระพุทธองค์ ครองธรรมกาลหนึ่งหมื่นสามพันปีจนมาถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยรับสืบต่อครองธรรมกาล เริ่มต้นแต่ปีวอก จนถึงปีชวด พืชพันธ์ธัญญาหารไม่สมบูรณ์คนจะอดอยากตาย ภัยสงครามยากที่จะหลีกหนี หากมีคนนำคัมภีร์นี้เผยแพร่ไปทั่วทุกหนทุกหนึ่งแพร่ไปถึงสิบ สิบแพร่ไปถึงร้อย ร้อยแพร่ไปถึงพัน จนถึงหมื่น จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ ถึงยุค เหยาซุ่น มาถึง ( เหยา หมายถึง บ้านเมือง จะมีคง ความรุ่งโรจน์ ซุ่น หมายถึง สังคมจะมีความยุติธรรม) ก็จะได้ร่วมสุขสันต์กับโลกแห่งบัวบาน ผู้ใดรู้แล้วไม่ยอมเผยแพร่คัมภีร์นี้ จะต้องพบภัยพิบัติทั้งสิบประการ ยากที่จะกลับมา เกิดอีก ผู้ใดเขียนถ่ายทอดเผยแพร่ออกไป ทุกคนในครอบครัวจะอยู่เป็นสุข พบแต่ความ เป็นสิริมงคล สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยได้ พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวรเข้าเฝ้าพระผู้ เป็นเจ้าเบื้องบน นำความดีชั่วของชาวโลกกราบบังคมทูลต่อเบื้องบน องค์เง็กเซียนมหา ราชทรงทราบข่าว ทรงพิโรธยิ่ง ต่อว่าบรรดาเทพยดาทั้งหลายเสียแรงเปล่าที่ชาวโลกจุดธูปเทียนบูชากราบไหว้ แต่ไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายจวบจนบัดนี้ ในโลกเต็ม ไปด้วยคนชั่วร้ายไม่มีมโนธรรม จึงได้มีพระราชโองการให้เกิดภัยพิบัติหลายปี เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงประชาราษฎร์ ในเวลานั้นบรรดาเหล่าเทพยดาทั้งหลาย ได้กราบทูลพร้อมด้วยพระโพธิสัตต์กวนอิมแห่งทะเลใต้ ได้ทรุดกายหมอบลงกับพื้นพระบรมมหาราชวัง ทูลขอ ให้ทรงโปรดกรุณาแก่ชาวโลกเป็นหลายครั้ง ว่าผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรแบ่งแยก
    องค์เง็กเซียนมหาราช ทรงบัญชาชี้ขาด ทรงเห็นว่าดี ชั่ว สองอย่างต่างกัน ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น และส่งจอมพลรับราชโองการเก็บกวาดล้างมนุษย์โลกตามที่มีผู้ทำชั่วร้ายดังนี้
    1. เก็บผู้ที่กล่าวโทษด่าว่าฟ้าดิน
    2. เก็บผู้ที่ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา
    3. เก็บผู้ที่กดขี่ราษฎรและฉ้อราษฎร์บังหลวง
    4. เก็บผู้ที่ประพฤติผิดในกาม มักมากตัณหา
    5. เก็บผู้ที่ทิ้งขว้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร
    6. เก็บผู้ที่ทำลายศาสนา หลอกบางเทพยดา
    7. เก็บผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    8. เก็บผุ้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม คดโกงตาชั่ง
    9. เก็บคนที่หลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
    10. เก็บผู้ที่ทำลายผุ้อื่นเพื่อประโยชน์สุขส่วนตน
    11. ผู้สูงอายุนิดเดียวก็ไม่ยอมตักเตือนแก้ไข
    12. คนรุ่นหลังไม่มีคุณสัมพันธ์ 5
    13. คนชั่วรังแกคนดีที่ซื่อสัตย์
    14. คนรวยใจไม้ไส้ระกำต่อคนยากจน
    15. ชักศึกเข้าในเพื่อประโยชน์ภายนอก
    16. ใช้กลอุบายวางแผนแก่งแย่งชิงดีกัน
    17. ลักขโมยสิ่งของของผู้อื่น
    18. ขายยาปลอมหลอกลวงชาวบ้าน
    19. พบคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตถูกรังแกจนเข้ากระดูกดำ
    20. พบคนเลวประจบสอพลอพะเน้าพะนอ
    21. ซื้อขายหลอกลวงคนโง่เขลา
    22. ย่ำยี เหยียบกระดาษตัวอักษร
    23. มีแต่พวกแต่งกายเรียบร้อยสวมหน้ากากมนุษย์
    24. ปฏิบัติดำเนินการผิดหลักฝ่าฝืนหลักธรรม
    25. มีบางพวกอาศัยอำนาจใช้อิทธิพล
    26. หลอกลวงใจตนเองและละเมิดหิริโอตัปปะ ทำลายคนโดยขาดศีลธรรม
    27. มีบางพวกใจโหดเหี้ยม มุ่งกำไร หาผลประโยชน์ไม่คำนึงถูก - ผิด
    28. ไม่คำนึงถึงหิริโอตัปปะ ไม่มีความสุจริตใจ
    29. มีบางพวกอกตัญญู ไม่รู้คุณคน
    30. รุ่นหลังจะเป็นคนกันอย่างไร
    31. มีบางพวกรังแกข่มเหงเด็กและคนแก่
    32. มีบางพวกทำลายการวิวาห์ให้แตกแยกสลาย
    33. มีบางพวกทุบตี ปู่ ย่า ตา ยาย
    34. มีบางพวกยกย่องคนรวย รังเกียจคนจน
    35. มีบางพวก พี่ ป้า น้า อา ไม่สมานปรองดองกัน
    36. มีบางพวกไม่เคารพรักสามี
    37. มีบางพวกยุยงส่งเสริมให้ฟ้องร้องกัน
    38. พี่น้องแก่งแย่งชิงดีกัน
    39. จับงู ตีอวน ยิงนก
    40. ปล่อยไฟเผาป่า ทำลายสุสาน
    41. ส่งหนังสือทำลายพิธีภูติผีเวทมนต์
    42. ใช้คาถาอาคมฝังรูปฝังรอยทำร้ายผู้อื่น
    43. เจตนาเขียนยันต์สาปแช่งทำลาย
    44. เกิดโทสะเมื่อผู้อื่นต่อว่า ต่อปาก ต่อคำ
    45. ใช้เล่ห์กลกล่าวให้ร้ายป้ายสี
    46. ธัญญชาติปะปนน้ำ ขายขูดรีด
    47. เห็นคนมีเงินโกรธแค้น
    48. เห็นคนร่ำรวยมีเกียรติเกิดความริษยา
    49. เห็นคนทุกข์ยากไม่ช่วยเหลือ
    50. พบคนตกอยู่ในความลำบากไม่ช่วยเหลือ
    51. ไม่ประมาณดีชั่วของตนเอง
    52. กลับกล่าวว่าผู้อื่นไม่เที่ยงธรรม
    53. ตักเตือนให้ทำแต่ความดีไม่เชื่อฟัง
    54. แนะนำให้ทำชั่วดำเนินทันที
    นี่คือห้าสิบสี่ข้อกรรมชั่ว แต่ละรายควบคุมสอดส่องเก็บกวาดเรียบ มิให้เหลือไว้ในโลกา ส่งเข้าสู่หนทาง เปรตเดรัจฉานให้เขาเหล่านั้นสูญพันธุ์ทั้งครอบครัว ให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาด ให้เขานองเลือด ให้กระดูกพวกเขาเหล่า นั้นดั่งพงพี่ มีที่นาไม่มีคนเพาะปลูกไถ มีบ้านให้ผู้อื่นอยู่อาศัย หากเปลี่ยนปแปลงแก้ไข ละความชั่ว สร้างความดี เขาจะหายเจ็บป่วย อายุยั่งยืน ดูเหล่าความคิดของเวไนยสัตว์ทั้งหลายรีบเร่งดำเนินปฎิบัติแต่ดีงาม กำหนดสามปีให้ ตรวจทั่ว กลับมากราบทูลทันที องค์เง็กเซียนมหาราชทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้ ข้า ฯ จะลงมา ตรวจตระเวนทุกหนทุกแห่งควบคุมสอดลส่องละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯ จะดำเนินการตัดสินให้เกิดภัยสงครามระลอก- หนึ่ง ให้โรคระบาดอีกบางส่วน ภายในเวลาไม่กี่เดือนทุกหนทุกแห่ง เก็บกวาดคนชั่วร้ายให้หมดสิ้น ต่อให้เจ้าวิง- วอนไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิตอบสนอง ต่อให้เจ้ากินยารักษาโรคไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่. ถึงทานยาดีชั่วก็ต่างกัน คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาได้ผล คนชั่วเลวร้ายกินยาแล้วไม่รอด บัดนี้ข้าฯ เห็นเหตุการณ์น่าเวทนา ไม่มี วิธีใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ ต่อให้เจ้าจุดธูปบูชาข้าฯ เสียแรงเปล่าเห็นข้าฯ เป็นเทพยาดาน่าเคารพ แต่ปัจจุบัน มีทุกข์ ไม่ยอมช่วยเหลือ ใช่ว่าข้าฯ นั้นจะบิดเบือนต่อเบื้องบน ข้าฯ ได้วิงวอนด้วยความรีบเร่งร้อนรน และเบื้องล่างก็กล่าวพูดสัจธรรมตักเตือนให้ได้
    บัดนี้ถึงกาลปลายกัปป์ ภัยพิบัติยุคสุดท้าย ปุถุชนธรรมดาเก้าตายไว้หนึ่งรอด สงครามอาวุธมีดพร้าเกิดขึ้นรอบด้าน โรคระบาดบุกรุกทุกแห่งหน ฟ้าอสุนีบาตฝ่าฟาดดังสนั่นสั่นสะท้าน อุทกภัยไหลหลากท้นท่วมบ้านเมือง วาตะพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ภัยธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตยากจะอยู่รอด พญามารเคาะประตูยามค่ำคืน โรคระบาดปรากฎในกลางวันประชิดตัว เสือร้ายออกจากป่าเขาจะหลบหนีอย่างไร งูพิษเต็มถนนหนทาง ยากที่จะเดิน หนี มีสิบมหันตภัย ยากหลีกหนี เมื่อมหันตภัยสิบได้ผ่านจึงนับว่ายอดคน
    นี่แหละคือสิบมหาภัยอันยิ่งใหญ่ มีเพียงเตือนให้ท่านเปลี่ยนแปลงปรับปรุงในจิตใจ สบโอกาสรีบ ๆ แก้ไข สำนึกผิดได้ยินได้รู้ เร่งกลับตัว กลับใจโดยทันใด อย่ารอจนภัยพิบัตินั้นมาถึงจะวิงวอนให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล สร้างกุศลความดีกันแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลบหลีกภัยพิบัติ เหล่าเวไนยสัตว์รีบตั้งจิตศรัทธา เคารพกตัญญู ฟ้า บิดา มารดา จงรักภักดีต่อชาติ บ้านเมือง ประชาราษฎร์คนจนจงรู้จักเจียมตัว ผู้มั่งมีจงเร่งรับช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ยากไร้ ผู้เปรื่องปัญญาตักเตือนชี้แนะผู้ด้อยรู้ให้ได้ผ่านพ้นภัยด้วยกันในโลกีย์ ผู้ไร้บุญบารมีตกลงสู่ทะเลทุกข์ มีบุญสัมพันธ์ ได้พบความสงบสุข บัดนี้ ข้าฯ แฝงกายยืมปากท่านไหว้วานบรรดาผู้ที่รู้จักอักษรเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ หนึ่งเล่ จะปกปักษ์รักษาให้ร่างกายสมบูรณ์ และแข็งแรง เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภยันตราย เขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน อีกทั้งบลาภ วาสนา มีเงินรีบพิมพ์แจกทันทีทันใดจะปกปักษ์รักษาให้ได้เกียรติทั้งยศศักดิ์อันรุ่งโรจน์ หากพบผู้ไม่รู้ตัวอักษรช่วยบอกต่อให้เข้านั้นได้ฟังและเข้าใจ ถ้าหากมีคนชั่วร้ายไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะใกล้ตัวในทันใด จะเกิดปวดเศียรเวียนศีรษะหน้ามืดและตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ไปเมืองผี ภายในสิบชั่วร้ายนี้ ข้าฯ มิอาจกล้ากล่าวได้ให้ชัดแจ้งคิดจะเผยความลับของสวรรค์ ก็กลัวเบื้องบนจะลงโทษทัณฑ์ หากท่านทั้งหลายไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาว่าไม่จริง ไม่นานภยันตรายจะมาใกล้ตัวท่าน หากชาวโลก ศรัทธาและเชื่อฟัง เบื้องบนอาจทรงโปรดช่วยให้ไม่เกิดภัยพิบัติ
    จงหัวหมินกั๊ว ปีที่ 5 จันทรคติ เดือน 10 คืนขึ้น 10 ค่ำ 3 ชั่วโมงลงสู่ ณ กู่ซี่ (โกวจิน) หงีเลียงเกาะ สถานธรรมจิบเลียง * หนังสือนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1916 พ.ศ. 2459 รวม 77 ปี *

    จาก
    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=313
     
  9. ผไท

    ผไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +257
    (b-wow)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ผไท

    ผไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +257
    นำมาจากในนี้ครับ

    ;)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE style="WIDTH: 412.5pt; mso-cellspacing: 1.5pt" cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" colSpan=3>
    กราบขออภัยทุกท่านไว้นะโอกาสนี้ด้วยนะครับที่มารบกวน ขอให้มองวัตถุประสงค์เป็นหลัก

    ขอให้ทราบทั่วกันนะครับว่าข้อความต่อไปนี้ไม่ได้เป็นจดหมายลูกโซ่ที่ใช้บังคับหรือให้ใครทำตามเพียงแต่ให้ท่านรับรู้และเร่งปฏิบัติธรรมจริงๆ ไม่อ้อมหาสิ่งภายนอกมาเติมเต็ม อย่ามัววิ่งอ้อมอยู่เลยขอท่านทั้งหลายหันกลับมาดูจิตตัวเองแต่เพียงอย่างเดียวนะครับเพราะว่าสิ่งทั้งปวงย่อมเป็นอนัตตาธรรมอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัยอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้วขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาสิ่งทั้งปวงคืนสู่ความว่างซะเพราะจิตเดิมแท้ของเราเป็นความว่างอยู่ตลอด
    อ่านแล้วให้พิจารณาให้เป็นอนิจจังอนัตตานะครับ ถ้าท่านพอจะบอกกล่าวใครที่เราพอบอกได้ก็ให้รีบเตือนกันนะครับถ้าบอกไม่ได้ก็ให้รีบปล่อยวางจะได้ไม่มีอะไรมากวนจิตได้นะครับ
    คำภีร์ใบลานอักขระะรรม
    จากภูค้อของสามเณรคำ
    ประสบวันเรื่องบ้านเมืองออกมาเสียก่อนที่มันมีมาแล้วเขียนไว้ต้นๆ ศาสนาในเขตตามหมู่บ้าน มีหินก้อนหนึ่ง มีอักขระธรรมเขียนติดไว้กับก้อนหินนั้นสงฆ์ทุกรูปมาเห็นอยากตัดแบ่งกัน ต่อมามีชายสามคนเข็ญหนีไปไว้ในเขตเฮือนคนทั้งหลายพากันมาเบิ่งเห็นอักขระธรรมติดอยู่กับหินพากันเว้าว่าคือบ่เหลียวส่องเบิ่งแน่ในหินนั้นผู้หนึ่งเป็นคนไม่เชื่อบ่เหลียวเบิ่ง อยู่มาสามวันคนในเฮือนนั้นเลยตายเหตุว่าเฮือนนั้นเด็ด มีเทวดาองค์หนึ่งชื่อว่านัททีเทวะลงมาฮ้องบอกแก่เจ้าของเฮือนนั้นให้ท่อง พุทโธ ๆ นั้นตลอดไปเก็บไว้ศาสนาจะมาฮอดแล้วคนลุ่มฟ้าเฮียกฮ้องขอตามอายุออกมา เพราะว่าบ่มีใจให้ซื่อ บ่ฮู้จักคุณ่อคุณแม่เห็นเขากระทำบ่ซื่อ มีใจเลี้ยวเพราะพริ้งอย่างเก่าถืออย่างอื่นใหญ่กว่าได้หลายไปขาย เจ้านายกะบ่ซื่อสัตย์ขายของเล็กน้อยก็จู้จี้จี่เผา เอามากินก่อนได้มี ได้มีเบี้ย มีมากก็ติดหนี้ยืมสินกันตลอดดังนี้แล ฯฯ
    มีเทวดาองค์หนึ่งชื่อว่า ถีดานเดชเทวะดาลงมามนุษย์โลก ลงมาเมืองคนชั้นกลางเฮานี้ มีผู้ใดรวบรวมธรรมอันนี้ไว้ได้เทศนาให้เขาฟังทั้งหลายจักหายโทษทั้งมวลแต่ถ้าผู้ใดฮู้จักแล้วบ่เว้าให้คนฟังดังนั้นก็บ่ตลอดแต่โทษน้อยดอก มีผู้ใดบ่เชื่อให้เบิ่งในปีระกา ปีจอ นี้ มีเฮือนแล้วบ่มีคนอยู่ มีนาบ่มีคนเฮ็ดเดือนเจ็ดจักมีงูเต็มไปทั่ว ฮอดเดือนสิบเดือนสิบเอ็ดคนบาปจักตายเพราะบ่สัตย์ซื่อในใจ ขอให้ตั้งใจถือธรรมสวดอะระหังสัมมาสัมพุทโธ นะโม ข้าขอไหว้พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทุกท่านจึงจะอยู่ได้ตลอด อีกอย่างหนึ่งสิมีเสิกเกี้ยวกันทางน้ำและภัยอันตรายที่สามจะนอนบ่หลับ ภัยที่สี่ผัวเมียบ่ได้เห็นหน้ากันภัยที่ห้าทั้งลูกและหลานบ่ได้เห็นหน้ากัน ภัยที่หกคนจักตายกันทั่วทั้งทวีปแต่ตายบ่มีผู้ฝัง ผู้เผา บ่มีผ้านุ่ง ผ้าถุงมีพาข้าวบ่มีคนกินเพราะคนกระทำบาปทั้งหลาย ในจำนวนคนหนึ่งหมื่นคนจะตายไปจะเหลือแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อให้ถือหนังสือนี้ไว้จักเห็นในไวๆ นี้แหละมีภัยอันหนึ่งมีเสิกเทวดาได้ใช้ให้เสนาทุกคนชาวเมืองพรหมแถนน้อยร่างเตี้ยๆให้มากวดเบิ่งคนคต คนซื่อ บันดาลให้เกิดสนธิในโลก เฮ็ดนาบ่ได้ข้าวข้าวสารแพงเงินสามสิบบาทซื้อข้าวได้พอหมื่นเพราะว่าคนอดข้าวตายอีกทางหนึ่งตายทางท่าน้ำแล ฯอีกข้อหนึ่งจะมีโจรผู้ร้ายฮ้ายเรียกค่าคุ้มครอง เสือฮ้ายต่างๆจักเกิดขึ้นอยู่ราวสี้ห้าหกปี ไปจนฮอดปีชวดก็หมดกัปแล้วบ้านเมืองบ่สบายในห้าปีนี้มันฮ้อดเต็มที่แลฯ เฮ็ดนาบ่ได้ข้าว คนก็ตายหลายถ้าบ่เชื่อคอยเบิ่งนาถ้าผู้ใดเทศนาธรรมแล้วคนฟังทำตามจักมีความสุขสบายผู้ใดเทศนาธรรมอันนี้ให้เทศนาวันออกใหม่ค่ำหนึ่งเป็นวันเกิดเทวดาท่านจักพ้นทุกขเวทนาแน่นอน
    ให้ท่านบอกป่าวญาติพี่น้องทุกคนให้ร่วมใจถืกใจกันน้อถวายบังคมตามคำบอกกล่าวนี้จะอยู่อย่างสุขสบายยังมีภัยรัศมีอีกชื่อว่าชาญชัย ผู้จักมาตรการขนาดมาฮอดแล้ว ตายไปฮอดป่าดงถ้ำเหว โกนกะบ่เหลือถ้ากลางคืนมีคนมาเอิ้นอย่าขานย้านผีมันมาเห็นเดือนออกใหม่ค่ำหนึ่งกับมื้อแฮมเก้าบ่ให้ตักน้ำให้ตักไว้แต่มื้อก่อนจึงจะดีจะมีอายะสมังเพราะว่าย้านผีมันใส่ยาในน้ำถ้ากินมันใส่ยาแล้วตายในวันออกใหม่ค่ำหนึ่งกับเก้าค่ำนี้เป็นวันเกิดเทวดาให้รักษาศีลภาวนาสวดมนต์จึงจะสุขสบายแลฯ
    หากว่าผู้ใดเขียนธรรมไว้ห้าสิบใบบูชาเทิ่งหัวจะมีความสุขทุกเมื่อแลฯถ้าหากบ่เขียนไว้เว้าให้คนฟังก็จะดีมีอายุมั่นยืนคือกันถ้าหากผู้ใดฮู้จักแล้วบ่เว้าให้เขาฟังก็บ่มีอายุยืนถ้าผู้ใดเขียนธรรมอันนี้ไว้ในเฮือนก็ได้ เอาเป็นทานก็ได้เอาให้ใจดีใจซื่อมักอ่านอย่าได้ขี้ค้าน ในบ้านในเฮือนนั้นจะฮุ้งเฮืองถ้านับถือเพราะคนต่อไปนี้ว่ากูแข็งแฮงบ่เชื่อไผบ้านเมืองต่อไปนี้รัศมีบ่งบอกว่าจะอุบาทว์น้ำท่วมโดยบังเอิญทั้งทวีปภัยอันหนึ่งการบ่สมมาพาควรของบ้านเมืองเฮาพยาอินทร์มีอำนาจนัดกันมารวมทั้งห้าทวีปชุมกันบ้านเมืองจักฮ้อนแฮงมากเดี๋ยวอดข้าวน้ำตายทั่วทุกสารทิศบ่มีสุขสบายแลฯ มีผ้าบ่มีคนนุ่ง มีข้าวบ่มีคนกินมีถนนบ่มีคนเทียว คึดย้านมันบ่ ฮอดปีระกาและมีชวดเด้น้อถ้าบ่เชื่อเดือนสิบสองจักบันดลคนไอออกเป็นเลือดแล้วตายถ้าผู้ใดฮู้จักยารักษานี้เอาธูปเทียนไปใต้บนไหว้ถวายบังคมผู้มียาจึงจะดีแลฯหมดเขตแล้วมีพระบุญโวหารองค์หนึ่งชื่อว่า พิกงเว้ากูโผดบ่ได้ดอกพวกมึงใจบ่ถือบ่ซื่อ กูให้มึงเป็นทุกขเวทนาอย่างนี้ ยังมีเทวดาองค์หนึ่งซื่อว่าบังวะตุ รักษาคนอยู่ชนชั้นกลางขึ้นไปเป็นองค์วิเศษคนชั้นกลางนี้กระทำบาปหลายเทวดาจึงเคียดให้ตัวเฮา จึงกระทำโทษทั้งหลายเฮ็ดให้ทุกคนเทวดาองค์หนึ่งว่าอย่าหลงคุณครูบาอาจารย์ ให้ฮู้จักพี่น้อง ผู้อยู่ใกล้อยู่ไกลให้สั่งสอนลูกหลานให้ถือใจซื่อถ้าผู้ใดยังคิดโลภเลี้ยวเอาทรัพย์สินของเขาเทวดาบอกให้ท่านทุกข์ให้ถือใจสัจซื่อตามคำสั่งสอนให้นับถือปฏิบัติจึงจะดี มีความยกย่องเขาทั้งปวงมีผู้หนึ่งชื่อแหนแฮะเป็นคนบ่เชื่อธรรมมีคนอยู่ในเฮือนหกคน เกิดไอออกเลือดตายคนผู้หนึ่งชื่อไตแมนเป็นคนบ่เชื่อธรรม มีกรรมหลายกรรม คนในเฮือนมีสิบคนตายหมดมีอีกพวกหนึ่งเจ็บเอ็นเข่าคะน่องไปรักษาเกิดหัวขวัญเขาย้อนเขาให้ทำความเพียรบ่นานก็ย่างได้ต่อมาคนเฮือนนั้นเลยเป็นบ้านกรรมเขาถือมาแล้วพอเขาคึดขึ้นได้ว่าสาธุๆ ขอให้ผู้ข้าดีผู้ข้าสิเขียนธรรมแจกจ่าย ทั่วบ้านจักร้อยใบ แต่นั้นมาคนนั้นก็อยู่สบายดีมีอีกผู้หนึ่งโกรธฮ้ายบ่เชื่อธรรม กังวนตลอดเกิดเป็นบ้าแทงตัวตายอีกผู้หนึ่งต้มคนโกงคนบ่ชื่อธรรมเลยเกิดเป็นพยาธิ์ กินยาบ่เชื่อถือเลยยกมือไหว้ให้ผู้ข้าดี ผู้ข้าจะเขียนธรรมนี้แจกจ่ายไปสักห้าสิบใบบ่นานก็เลยหายดีแลฯ มีผู้หนึ่งชื่อแม่แพงสีเป็นคนเชื่อธรรมลูกตายอยู่ในท้องได้ห้าวัน เลยยกมือไหว้ขึ้นว่า สาธุๆขอให้ลูกออกถ้าออกมาแล้วขออย่าให้ลูกผู้ข้าตายผู้ข้าสิเขียนแจกจ่ายไปทั่วสารทิศสักห้าสิบใบบ่ดนนานลูกออกมาแล้วกะบ่ตายอีหลีเท่านี้เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2005
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    มหาสงครามนิวเคลียร์

    คัดลอกมาจากhttp://www.geocities.com/buddhatatum/index.htm

    การถามถึงเรื่องอนาคตและตอบเรื่องอนาคตนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั้นมันขึ้นอยู่กับการกระทำที่มาจากอดีตและปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะกิเลสของมนุษย์การกระทำของมนุษย์มันสุดที่จะคำนวณได้

    ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันจะเป็นสงครามศาสนาหรือไม่ และก็ไม่รู้ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2005
  13. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
  14. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    พายุหิมะถล่มแคชเมียร์ไม่เลิกล่าสุดยอดตายพุ่งเกือบ300แล้ว

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2548 01:32 น.



    อาสาสมัครชาวแคชเมียร์ช่วยกันขนย้ายศพผู้เสียชีวิตท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ


    เอพี
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ผมขออนุญาตนำข้อความจากบอร์ดเก่ามาโพสต์เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน

    หนทางแก้ไข

    <LARGFONT>โลกมนุษย์ก็จะรอดได้อีกนานเท่าที่จะนานได้ แต่ต้อง
    ปลุกระดมให้มนุษย์ทั่วโลกสวดมนต์ภาวนา และอนุรักษ์
    สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยปลูกป่าให้มาก อย่าทำลายป่า
    ก็จะมีทางรอดได้มากกว่านี้



    --------------------------------------------------------------------------------


    คนที่รอดชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้
    จำแนกได้เป็น ๓ ประเภท คือ


    ๑.พวกที่รอดชีวิตแต่สูญเสียสติสัมปชัญญะอย่าง
    สิ้นเชิง ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมีจิตใจและสติที่
    ไม่เข้มแข็งพอ เพราะไม่ได้ฝึกเจริญกรรมฐานมาก่อน
    ไม่สามารถทนต่อสภาพของเหตุการณ์ต่างๆ ได้ เช่น
    คนตายจำนวนมาก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยกฯลฯ


    ๒.พวกที่รอดชีวิตแต่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ
    หรือบางส่วน ที่เรียกว่ากึ่งดีกึ่งบ้า พวกนี้ได้แก่
    พวกที่ฝึกหัดกรรมฐานมาบ้างจนมีพื้นฐานพอสมควร
    แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ


    ๓.พวกที่รอดชีวิตและมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์
    ซึ่งมีจิตใจเข้มแข็ง มองเห็นการเกิดแก่เจ็บตายเป็น
    ของธรรมดาของมนุษยโลก หรืออาจจะกล่าวว่า
    ผู้ที่เคยเจริญมรณานุสติมาเป็นประจำแล้ว
    จนไม่กลัวความตาย และมองเห็นความตายเป็นเรื่อง
    ธรรมดาของมนุษย์นั่นเอง


    หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โลกก็จะ
    คงเหลือแต่ผู้มีศีลธรรม คนชั่วทั้งหลายจะเสียชีวิตไปหมด
    หรือกลายเป็นคนบ้า สูญเสียสติสัมปชัญญะ

    เพชรนิลจินดาและทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะผุดขึ้นมา
    เกลื่อนพื้นโลก พันธุ์ไม้ต่างๆ แปลกๆ จะออกดอกออกผล
    เต็มไปหมด

    อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์มาก แต่ใช้เวลาอกหลายร้อยปี
    โลกมนุษย์จะค่อย ๆ วิวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    ภายหลังจากถาวรวัตถุทั้งหลายถูกทำลายลงไปหมด

    ทัศนคติและค่านิยมในยุคนี้จะตรงกันข้ามกับในยุคก่อน
    เกิดภัยพิบัติ คือ มีความเจริญทางจิตใจและมีคุณธรรม
    สูงขึ่น แต่ความเจริญทางวัตถุจะมีน้อยมาก เพราะจะต้อง
    ก่อสร้างกันใหม่หมด เพชรนิลจินดาทั้งหลายที่กองเกลื่อน
    พื้นดิน จะไม่มีค่า อาหารการกินจะมีค่ามากกว่า

    ประเทศไทยซึ่งจะมีคนรอดชีวิตมากกว่าประเทศอื่นๆ จะค่อยๆ
    เจริญขึ้นมาจนภาษาไทยอาจเป็นภาษาหลักของโลกในที่สุด
    เนื่องจากคนในประเทศอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็จะมีสติ
    วิปลาสไปหมด

    ชาวไทยผู้มีศีลธรรม ซึ่งเหลือรอดจากภัยพิบัตินี้จะ
    เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ให้คนรุ่นต่อไป
    รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มชนที่สวดมนต์ภาวนาจะมีบทบาทมาก

    จากนี้ไปอีก ๓๐๐-๔๐๐ ปี วิชาการสิ่งก่อสร้าง ฯลฯ
    จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ควบคู่กับจิตขอมนุษย์ในโลกซึ่ง
    เจริญเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คือ มีชีวิตที่งดงาม



    --------------------------------------------------------------------------------


    การเตรียมตัวในขณะนี้


    ให้ชาวโลกทุกคนเร่งรีบทำจิตใจให้สงบและเข้มแข็ง
    คือ ให้บำเพ็ญภาวนานั่นเองให้ทุกคนพยายาม
    หาเวลาฝึกกรรมฐานอย่างเข้มแข็ง รวมทั้ง
    พากเพียรเจริญมรณานุสติไว้ว่า การตาย
    เป็นธรรมดาของคนทุกคน ไม่มีใครสามารถ
    หลีกเลี่ยงได้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้ หากแม้น
    ต้องเสียชีวิตในภัยพิบัติ จิตใจจะได้สงบเวลาตาย
    จิตวิญญาณจะได้ไปอุบัติในภพภูมิที่ดี


    ให้ชาวโลกทุกคนรักษาศีล ๕ ให้ได้ เพื่อลดการ
    เบียดเบียน ทำให้มีความสงบเย็น และสันติสุข
    เกิดขึ้นในโลก อย่าได้ทำสงครามและทะเลาะวิวาทกัน
    จะได้ไม่เพิ่มพลังแห่งความชั่วร้ายให้สูงขึ้น เพราะ
    จะเร่งให้ภัยพิบัติเกิดเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น


    ให้ชาวโลกทุกคนมีความเมตตา กรุณา เท่ากับ
    ทำบุญทำทาน ช่วยเหลือแบ่งปันให้แก่ผู้ที่
    ขาดแคลน เพื่อไม่ให้มีผู้ทุกข์ใจร้อนใจ ก่อให้เกิด
    ความร่มเย็นขึ้นในโลกมนุษย์



    --------------------------------------------------------------------------------


    การเตรียมตัวในระยะที่ภัยพิบัติใกล้จะเกิดขึ้น

    จะต้องหาบทสวดมนต์ภาวนา ซึ่งใช้ในการสวดเพื่อระงับ
    หรือบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก
    ภูเขาไฟระเบิด สวดพระพุทธมนต์ พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง ฯ)
    มงคลจักรวาฬใหญ่ (สิริธิติ ฯ) และ สวดพระคาถาชินปัญชร
    หรือ นะมะพะทะ



    --------------------------------------------------------------------------------


    การปฏิบัติตัวในขณะที่เกิดภัยพิบัติ



    หนีไปอยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งไม่เกิดภัยพิบัติ
    ผู้ที่มีความสามารถมากจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ


    ผู้ที่รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ อาจจะรอดชีวิตได้
    ถ้าไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาจริง ๆ


    ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาบ้าง และสามารถทำจิตใจ
    ให้สงบได้แต่ยังไม่ถึงขึ้นฌาน ก็อาจจะรอดชีวิต
    แต่หากตาย จิตวิญญาณจะไปอุบัติในภพภูมิที่ดี


    ในขณะที่เกิดเหตุ คือจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา
    ก็ให้ทำพิธีสวดมนต์กลางแจ้ง


    ให้ทุกๆ คนในโลก หยุดการใช้เครื่องจักรกล
    เครื่องใช้ไฟฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวต่างๆ ให้หมด
    แม้แต่การเคลื่อนที่ของมนุษย์และสัตว์
    คือให้ทุกคนอยู่เฉยๆ ถ้านั่งกรรมฐานได้ก็นั่ง
    กรรมฐาน เนื่องจากว่าการเคลื่อนไหวและการใช้
    พลังงานไฟฟ้า หรือแม่เหล็กต่าง ๆ จะเป็นการ
    ซ้ำเติมให้เกิดความสับสนของสนามพลังงาน
    ในระบบสุริยจักรวาลมากขึ้น
    อาหารจะขาดแคลนตลอดจนถึงปัจจัยสี่
    ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้



    --------------------------------------------------------------------------------


    อุปกรณ์การดำรงชีวิตในป่า
    ( แล้วแต่จะคิดหาได้ )


    เชือกอย่างเดียว ๑๐ เมตร ต่อคน
    จักรยานวิบาก ๑ คัน ต่อ ๑ คน พร้อมทั้งอะไหล่
    เช่น ยางใน ลูกปืน (ถนนหนทาง จะพังพินาศหมดในเวลานั้น)
    ผ้าร่ม ผ้าปูที่นอน มุ้งธุดงค์ และกลด
    มีด หม้อสนาม กระติกน้ำ แก้วพลาสติก
    เรือไฟเบอร์กล๊าส หรือ เรือยาง ถ้าสามารถนั่งได้
    จำนวนมากคนแล้วยิ่งดี
    ที่สำคัญมากคืออาหาร และแหล่งเสบียงอาหาร
    ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อักเสบ
    ยาแก้ไข ฯลฯ
    เชื้อเพลิงและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น เทียน
    น้ำมันก๊าด ไฟฉาย ฯลฯ

    นอกจากนี้ในช่วงภัยพิบัติ นั้นขอให้ผู้ที่มีปัจจัยสี่
    แบ่งปัน ช่วยเหลือผู้ที่อดอยากขาดแคลน ในเวลาเช่นนั้น
    ทรัพย์สมบัติ และทอง ไม่มีความหมายแล้ว

    เหตุการณ์ที่เล่ามานี้ ไม่ได้ต้องการให้ท่านเชื่อ
    เพียงแต่บอกให้ท่านตั้งอยู่บนความไม่ประมาท แต่
    มนุษย์อย่าตั้งตนอยู่ในความประมาทแหละดี ความจริง
    เหตุการณ์เหล่านี้ได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ แล้ว
    แต่เกิดน้อย ทำให้สังเกตไม่ชัด เนื่องจาก เทพพรหม
    และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้านทานไว้ เช่น ท้าวมหาพรหมชินนะ
    ปัญจะระ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี หลวงปู่ทวด
    (เหยียบน้ำทะเลจืด) และผู้สำเร็จอื่น ๆ อีกมาก แต่มนุษย์
    ไม่รู้สึก เพราะฉะนั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔
    จะรุนแรงขึ้น แต่เนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
    พรหมรังษี เป็นผู้ช่วยดูแลโลกมนุษย์ร่วมกับมนุษย์
    กลุ่มหนึ่ง หาวิธีช่วยเหลือให้เหตุการณ์เบาบาง
    ลงและอย่าเกิดเร็วเกินไป ให้เลื่อนออกไปอีก ๓๐ ปี

    ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนมนุษย์ผู้มีสัมมาทิฐิรวมผนึกกำลัง
    เพื่อลดภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ให้เบาบางลง
    เนื่องจากเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อไรเร็วหรือช้า
    ย่อมขึ้นอยู่กับมนุษย์ในโลกนี้เท่านั้น เพราะเป็นความ
    อยู่รอดของมนุษย์ ไม่ใช่ความอยู่รอดของเทพพรหม
    ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับมนุษย์ต่อมนุษย์ เมื่อท่านได้อ่าน
    คำบอกเล่านี้แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?
    ถ้าเชื่อก็ขอให้รวมกลุ่มสวดมนต์ และขอให้ผู้ที่
    ปรารถนาดีต่อมนุษยชาติรวมกลุ่ม เพื่อให้พลังจิต
    ที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ช่วยลดเหตุการณ์ธรรมชาติ
    ที่จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ให้เบาบางลง อย่าถึงขึ้น
    แตกสลาย ท่านที่ไม่เชื่อ ก็ขอให้กาลเวลาเป็นเครื่อง
    พิสูจน์

    เราไม่ขอรับรองว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อไร
    เพราะเป็นเรื่องของฟ้าดินและมนุษย์เท่านั้น ทุกคน
    มีพลัง ขอให้ชาวโลกใช้พลังในทางที่ถูก อย่าแก่งแย่ง
    ชิงดีชิงเด่นทำลายกัน ธรรมชาติกำลังจะทำลาย
    เราอยู่แล้ว ขอให้โลกมนุษย์จงมีความสามัคคีกัน
    เราไม่กล้ารับรองว่าบารมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
    พรหมรังษี จะสามารถชะลอเหตุการณ์ออกไปได้ ๓๐ ปี
    เพราะ พลังอภิญญาฝ่ายดำขณะนี้มีถึง ๙๕% แล้ว
    ถ้าพลังอภิญญาฝ่ายขาวไม่รวมสามัคคี ผนึกเป็นหนึ่ง
    ก็คงไม่สามารถหลีกเหลี่ยงเหตุการณ์ครั้งนี้ได
    โอ้อนิจจามนุษย์เอ๋ย ความตายกำลังตามใกล้ท่านเข้ามา
    ทุกขณะแล้ว ท่านยังหลงอยู่หรือ?

    *หมายเหตุ* ข้อมูลจากท่านผู้รู้ผู้มีฌานญาณ และจาก
    หนังสือ " พระสูตรพ้นเคราะห์ภัย " ในบทพุทธทำนาย
    ( รายละเอียดอ่านได้จากรายการเอกสารเพิ่มเติม )


    --------------------------------------------------------------------------------


    มหันตภัยของโลก
    มหันตภัยที่กำลังคุกคามโลกมนุษย์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต พอสรุปได้ดังนี้


    ภัยจากน้ำท่วม และมลภาวะสิ่งแวดล้อม
    ภัยจากสงครามเศรษฐกิจ
    ภัยจากสงครามพลังจิต
    ภัยจากสงครามโลกครั้งที่ ๓
    ภัยจากสงครามจักรวาลระหว่างดวงดาว
    ภัยจากอุกกาบาตขนาดยักษ์ที่หลุดจากดวงอาทิตย์
    กำลังเดินทางมาชนโลก

    "ถึงเวลาแล้วที่มนุษย์เราควรจะดำรงชีวิตอยู่อย่างธรรมชาติ
    ปฏิบัติยึดมั่นในปัญจศีล พัฒนาจิตใจให้มีคุณธรรม ศีลธรรม
    เพื่อให้ธรรมนำโลก ก็คงจะช่วยผ่อนคลายจากหนักเป็นเบา
    ในการที่มนุษย์จะเผชิญมหันตภัยข้างต้นได้ไม่มากก็น้อย..."

    เชื่อหรือไม่เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของท่าน?


    คัดลอกมาจากhttp://www.4floor.com/nextcom/sawas...00/book1-1.html</LARGFONT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2005
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ลูกเห็บยักษ์ และ อาวุธแสง!


    <LARGFONT>​
    “ท่านได้เล่าให้น้องชายของผมฟังถึงเรื่องบรรยากาศของโลกซึ่งเกิดจาก ภาวะเรือนกระจก จนทำให้เกิดเป็นลูกเห็บน้ำแข็งหนักประมาณ 50 กิโลกรัมตกลงมาในอนาคต ท่านพอจะอธิบายเหตุการณ์ตรงนี้ ให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ”

    “ตอนแรกอาตมาใช้สมาธิเข้าไปดูว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คือมนุษย์เราเผาผลาญน้ำมันมากอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ ผลจะเกิดขึ้นเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเราสร้างนั้นไม่ว่ากายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี สร้างเหตุอันใดผลมันก็ต้องย้อนกลับมาจนได้ในที่สุด มนุษย์นี่โง่เขลาเบาปัญญาจึงทำให้เกิดในจุดนี้ พวกเขาคิดแต่จะหาความสะดวกสบายในปัจจุบัน อนาคตผลเสียจะเกิดขึ้นอย่างไรเขาไม่รู้ .....

    มีอยู่วันหนึ่งอาตมาไปหยิบหนังสือของศาสนาคริสต์เกี่ยวกับวันที่พระเจ้าตัดสินโลกออกมาดู อุ้ย ! ทำไมมันเหมือนกับที่เราเห็นก็ไม่รู้ จากสภาวะเรือนกระจก (กรีนเฮ้าส์เอฟเฟค) นี่จะทำให้น้ำแข็งเป็นก้อนๆ หนัก 40 – 50 กิโลกรัม ไปเกาะตัวอยู่ข้างบนบรรยากาศ ในที่สุดก็จะตกลงมาเนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของผิวโลก พื้นผิวโลกเกิดการสั่นสะเทือนทำให้บรรยากาศไหวตัว ไปดันเอากระแสของโมเลกุลของน้ำที่อยู่ใกล้ขอบที่อยู่เป็นน้ำแข็งแห้งตกลงมา พอมันตกลงมาก็จะเป็นน้ำท่วมโลกเพราะว่าเดี๋ยวนี้เราเอามันขึ้นไปไม่รู้เท่าไรแล้ว

    มันไปหนักอยู่ข้างบนที่นี้พอถึงเวลานั้นน้ำ มันก็ต้องท่วมเป็นธรรมดา แต่มันก็จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นเสียก่อนว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เป็นคนทำคือไปกดดันสถาณภาพของโลกใบนี้ โลกของเรานี้มันลอยอยู่บนอวกาศแล้วพื้นดินมันก็ลอยอยู่ด้วย มนุษย์นี่ไม่เข้าใจใช้แสงใช้แรงกดดัน แสงนี่หนักที่สุดวัตถุทั้งหมดในโลกนี้ไม่ว่าก้อนอิฐ ก้อนหินหรือว่าแร่ธาตุอะไรที่ว่าหนัก ๆ แล้วก็ยังไม่เท่ากับแสง แสงนี่หนักมากถ้าเราเอาแสงไปกดที่พื้นผิวข้างใดข้างหนึ่ง มันก็จะเกิดการเคลื่อนตัว การแตกแยกเกิดแผ่นดินไหว” (มีการใช้อาวุธแสงในสงครามโลกครั้งที่ 3 – ผู้เขียน)

    คำพูดท้ายสุดนี้คงต้องขยายความสักหน่อยว่า ภิกษุรูปนั้นได้เคยเล่าให้ผมฟังอย่างเป็นทางการว่าอีกไม่นานนัก มนุษย์คงค้นพบเรื่องแสงแล้วมาทำเป็นอาวุธยิงจากอวกาศ อาวุธที่เป็นแสงนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนอาวุธชีวภาพคือทำให้ผู้คนที่โดนแสงเจ็บป่วยล้มตายได้ ท่านถึงกับบอกว่า “ในอนาคตข้างหน้า โรคภัยไข้เจ็บต่อไปจะเป็นอิทธิพลของแสงเท่านั้น” แต่มนุษย์ผู้คิดค้นอาวุธแสงออกมาได้ คงนึกไม่ถึงว่าอาวุธแสงนี้จะเป็นตัวการก่อให้เกิดแผ่นดินไหว มันจะไปดึงดูดในโมเลกุลของน้ำบนบรรยากาศที่อยู่ใต้กรีนเฮ้าส์เอฟเฟค เคลื่อนตัวตกลงมาเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ จนทำให้น้ำท่วมโลกได้..........

    เรื่องที่ผมฟังจากปากท่านแล้วถึงกับหูผึ่ง ก็คือนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกสมัยนี้ คือพวกชาวแอตแลนติสกลับชาติมาเกิดและอีกไม่นานคนพวกนี้คงคิดค้น “อาวุธมหาประลัยที่ใช้แสง” ได้เหมือนกับชาวแอตแลนติสในอดีต ซึ่งนำไปสู่จุดจบแห่งการล่มสลายของทวีปแอตแลนติกที่ต้องจมทะเลในที่สุด

    ผมขอสารภาพว่าในตอนแรกที่ภิกษุรูปนั้นได้บอกกับผมว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีลูกเห็บน้ำแข็งหนักประมาณ 50 กิโลกรัมตกลงมาผมยังไม่แน่ใจนัก ผมได้พยายามศึกษาเอกสารงานค้นคว้าคำทำนายต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จึงได้พบข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ “ชนวนสงครามล้างโลก หรือนอสตราดามุส พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ” ของคุณสนธิ สารธรรม หน้า 283 ดังต่อไปนี้

    “มนุษย์ที่เหลือต่างปล่อยตัวมัวเมาในกามกิเลสตัณหา และความชั่วร้ายสุดที่จะพรรณนา”

    จนกระทั่ง ทูตสวรรค์ต้องนำขันแห่งพระพิโรธ 7 ใบเทบนโลก ความหมายของขันที่เจ็ดมีดังนี้ (วิวรณ์ บทที่ 16 )

    ขันที่ 7 เกิดวิบัตินานาชาติ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยประสบ ลูกเห็บก้อนใหญ่ขนาดก้อนละ 50 กิโลกรัมตกลงมา คนจำนวนมากจะเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายเหลือคณานับ เกาะทั้งเกาะจะจมหายไป……..

    (แหล่งที่มา จากหนังสือ มังกรจักรวาล1 ตอนสมาธิหมุน นอสตราดามุส และมนษย์ต่างดาวว่าด้วยญาณทัศนะกับหายนะของโลกก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย</LARGFONT>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    อันตรายที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้


    <LARGFONT>สำหรับ "อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้" นั้น ให้สังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อไปนี้ว่าจะมีเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น ก็ขอให้มนุษยชาติได้เตรียมตัวเผชิญชะตากรรมร่วมกันที่จะพบกับมหันตภัยสาธารณะ ทุพภิกขภัย และความเดือดร้อน ที่จะติดตามมาหลังเหตุการณ์เหล่านี้ไม่นาน

    1. ทารกแรกเกิด คนหนุ่มสาว และคนแก่เฒ่าชรา จะเป็นโรคที่รักษาไม่มีหาย มีการติดโรคร้ายได้ทุกวัยของมนุษย์ ใครเป็นโรคนี้แล้วจะต้องตายทุกคน จะนับจำนวนได้มากกว่า 60 ล้านคน ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ยาก เพราะจะติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือโดยโลหิตของมนุษย์เท่านั้น (องค์การอนามัยโลก ได้แถลงข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 ว่าขณะนี้ ประชากรโลก ได้ติดเชื้อเอดส์แล้ว ประมาณ 60 ล้านคน)

    2. จะไม่พบว่า มีวันใดที่จะว่างเว้นจากการฆ่ากัน เพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองดินแดน ไม่เกิดในประเทศนี้ ก็เกิดในประเทศโน้น มีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองดินแดนทุกวัน (ให้สังเกตข่าวต่างประเทศในโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ดูกันเอาเอง)

    3. สภาพดิน ฟ้า อากาศ จะมีความแปรปรวนสูง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่เคยเป็นมา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จะเกิดขึ้นในช่วงนี้มากขึ้น แม้บางแห่งไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว ก็จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บางแห่งภูเขาไฟได้ดับไปหลายร้อยปีมาแล้ว ก็จะระเบิดอีกครั้ง (เช่น เหตุการณ์ภูเขาไฟพินาตูโบ้ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งดับมาเกือบ 600 ปีแล้ว ได้ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น)

    4. ความต้านทานโรคของมนุษย์จะมีน้อยลง จะมีโรคแปลก ๆ เกิดใหม่มากขึ้น

    5. หลายประเทศจะมีการสร้าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินกันอยู่ในใต้ดิน (ใครที่เคยไปโตเกียวมาแล้ว หากได้มีโอกาสเดินลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน จะพบความยิ่งใหญ่ของเมืองใต้ดินที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่นับเป็นหมื่นคน อยู่ในใต้ดินถึง 3 ชั้นมหึมา มีทั้งร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ น้ำพุ น้ำตก ฯลฯ อยู่ในใต้ดินนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนเมื่อปลายปี 2534 แล้วพูดได้อย่างเดียวว่า มีเหตุการณ์เช่นว่าแล้วจริง)

    6. พลังแห่งความชั่วร้าย หรือซาตาน จะครอบงำโลก จะยุแหย่ให้ผู้คนแย่งชิงอำนาจฆ่าฟันกันเอง คนจะขาดสติมากขึ้น คนจะมีทิฐิมากขึ้น คนจะเห็นผิดเป็นชอบมากขึ้น ใครพูดผิดจากฝ่ายที่ตนคิด จะถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิด ในขณะที่ฝ่ายตนตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ใครที่มีความคิดต่างจากฝ่ายตน จะถูกประฌาม และสาปแช่งในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่พี่น้องพ่อแม่ก็อาจแตกแยกอันเนื่องมาจากแนวคิดในทางการเมืองต่างกัน และรุนแรงถึงขนาดทำร้ายและฆ่ากันได้ เพียงเพราะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในทางการเมืองเท่านั้น การกระทำเพื่อยุติปัญหาการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ก็กระทำควบคู่กับการฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง วิถีทางการทูตก็ทำกันไป แต่ไม่สามารถยุติการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้

    7. อารมณ์ของคนโดยทั่วไป จะมีความพลุ่งพล่าน หงุดหงิดงุ่นง่าน อย่างไม่ค่อยมีสาเหตุมากขึ้น คนที่รักสงบ จะถูกกดขี่ย่ำยี ผู้ที่มีอำนาจ ก็จะบ้าอำนาจมากขึ้น

    หากสังเกตได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแน่ อันตรายโดยส่วนรวมของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้นติดตามมาในปี 2551 แต่ถ้าผู้คนส่วนใหญ่หันมามีการกระทำความดีมาก ๆ โดยมีคุณสมบัติ 5 มี (มีสติสัมปชัญญะ มีความกตัญญููกตเวที มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีน้ำใจ และมีศีล 5 มีคุณสมบัติ 5 ให้ (ให้อภัย ให้ความรัก ให้ความจริงใจ ให้เกียรติผู้อื่น ให้การเสียสละ) และทำ 1 ทำ คือ ทำความดีมาก ๆ เหตุการณ์ที่เป็นมหันตภัยร้ายครั้งร้ายแรง จะเคลื่อนย้ายไปเกิดในปี 2560 (ค.ศ.2017)

    ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมว่า เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ผู้เขียนขอให้ท่านดำเนินการดังนี้

    1. นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านต้องเตือนตัวเองทุกวัน ว่า "ต้องไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในแต่ละวัน โดยมิได้ทำประโยชน์อันใดให้เกิดขึ้น"

    อะไรก็ได้ สิ่งใดก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ จะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ประโยชน์ต่อคนในครอบครัว ประโยชน์ต่อที่ทำงาน ประโยชน์ต่อผู้บังคับบั_ชา ประโยชน์ต่อลูกน้อง ประโยชน์ต่อชุมชน ประโยชน์ต่อสังคม ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ฯลฯ

    โปรดอย่าปล่อยชีวิตให้หมดเปลืองไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และอย่าอ้างว่า "การนอนมาก การกินมาก การไม่ทำอะไร" เป็นประโยชน์ตน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลงผิดอย่างมหันต์ หรือกล่าวโดยสรุป คำว่า "ประโยชน์ตน" จะต้องเป็นสิ่งที่ปราชญ์สรรเสริญว่า "สิ่งนั้นต้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์โดยแท้" สิ่งนั้น จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้แก่ผู้ใด สิ่งนั้นจะต้องทำให้บุคคลผู้นั้นเอง มีความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สิ่งนั้น จะต้องทำให้บุคคลนั้นเอง ไร้ทุกข์-มีสุข อย่างถาวร สิ่งนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ครอบครัว ที่ทำงานชุมชน และสังคม ได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย ฯลฯ

    2. ขอให้ท่านตระหนักว่า ในยามที่มหันตพิบัติภัยของโลก และของชาติมาถึง โรคภัยไข้เจ็บมีมาก ภัยธรรมชาติ และภัยสงครามระหว่างชาติแผ่ขยาย ข้าวปลาอาหารและยารักษาโรคขาดแคลน มีเงินและทรัพย์สินก็อาจหาอาหารมาประทังชีวิตมิได้ อาจเข้าสู่ยุคของการ "นำอาหารแลกเปลี่ยนอาหาร" หรือ "นำอาหารไปแลกเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค" เพราะการป่วยเจ็บในยามมีภยันตราย ย่อมมีมากกว่าเกณฑ์ปกติ เป็น 10 เท่าทวีคูณได้

    3. ฝึกฝนตนให้เป็นคน "กินน้อยลง ใช้น้อยลง และนอนน้อยลง" ให้เริ่มต้นโดยพยายามลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อลดได้มากพอ ให้ลดมื้ออาหารลงเหลือเพียงวันละ 2 มื้อ เพราะจะเดือดร้อนน้อยเมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ที่ขาดแคลนอาหารอย่างที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งนี้ ข้าวราดแกง ที่เคยมีราคาจานละ 20 บาท อาจจะมีราคาถึงจานละ 600 บาท ทุกอย่างที่มีราคาในปัจจุบัน ถ้าราคากระโดดสูงขึ้น 30 เท่าตัว จะเป็นอย่างไร กรุณาลองวาดภาพดู เราจะไม่มีทางฟุ่มเฟือยได้เลยในภาวะวิกฤติภายหน้า

    ถ้าเราไม่ฝึกฝนตนเองในปัจจุบันให้เกิดความเคยชิน เราต้องลำบากยากเข็ญมากแน่

    4. ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้มากขึ้น ฝึกจนใจร้อยเข้าสู่แกนสงบนิ่ง แล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ อันประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ประจักษ์แจ้ง เห็นจริง ลงไปในส่วนลึกของจิต และให้เห็นจริงตามธรรมชาติว่า ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป วนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ให้เห็นเรื่องการตายเป็นเรื่องธรรมดา ฝึก "ตายก่อนตายจริง" แล้วทุกสิ่งจะเห็นเป็นธรรมดา

    5. ฝึกกินอาหารพืชผักให้มากขึ้น ค่อย ๆ ลดเนื้อสัตว์ลง หากงดกินได้ในที่สุด ก็จะอยู่รอดได้ยาวนาน เพราะในสภาวะที่แร้นแค้น ทุกชีวิตล้วนแต่ตกระกำ ยากแค้น มีเงินทองก็อาจซื้อเนื้อสัตว์มิได้ แต่เราสามารถที่จะปลูกผักสวนครัว ไว้รับประทาน ประทังให้มีชีวิตอยู่รอดได้ ถ้าไม่ฝึกเสียแต่วันนี้ ความเคยชินก็จะไม่มี บางท่านอาจบอกว่า หากกินแต่พืชก็ขาดโปรตีน จะทำอย่างไรดี ก็ขอเรียนว่า โปรตีนจากพืชก็มี ความจริงในโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลมิชชั่น ทั้งหมอและพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยทุกราย รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดชีวิต เขาอยู่อย่างปกติสุข มีสุขภาพที่ดี ก็มีมากให้เราพบเห็นในปัจจุบัน "โปรดอย่าอ้างว่า กินแต่ผัก จะทำให้อ่อนแอ" แท้จริงนักโภชนาการ กลับบอกว่า "ผู้ที่กินเนื้อสัตว์ต่างหาก จะมีความอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ที่รับประทานพืชผัก"

    พวกเราจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตที่หวนคืนกลับเข้าหาธรรมชาติให้มากขึ้น ผู้ใดเข้ากับธรรมชาติของมนุษย์ในสมัยโบราณได้ จะมีความเป็นอยู่ปกติสุขได้มาก ในยามโลกวิกฤติ ท่านจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเติมรถยนต์ขาย.......... โปรดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้รอบคอบ ผู้เขียนไม่ปรารถนาให้เกิดมีขึ้น ไม่ว่าจะเกิดใน 3 ปี ข้างหน้า (ปี 2551) หรืออีก 12 ปี ข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 (ปี 2560) แต่เราก็คงจะหลีกหนีเหตุการณ์ณ์ดังกล่าวมิได้ อย่างมาก ก็คงช่วยให้เหตุมหันตภัยดังกล่าวขยายเวลาออกไปให้ยาวไกลที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น แต่ถ้าไม่มีเหตุวิกฤติหรือมหันตภัยใด ๆ เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้ โดยแลกกับการที่ผู้เขียนต้องถูกประฌามด่าว่า "ไอ้บ้า ทำให้คนตกใจกลัวทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดในโลกใบนี้" ผู้เขียนยินดีให้ประฌามด่าว่า ผู้เขียนอยากให้เรื่องเลวร้ายและมหันตภัยไม่เกิดขึ้น ผู้เขียนอยากให้เรื่องของมหันตภัยเป็นเรื่องเหลวไหล หลอกลวง เลอะเทอะ ผู้เขียนยอมให้เวลาที่ผู้เขียนค้นคว้าในวันหยุดและตอนกลางคืนวันละหลายชั่วโมง สูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเรื่องเลวร้ายใด ๆ เกิดขึ้น กับมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง ความจริงนั้น ผู้เขียนไม่ต้องการเห็นมนุษย์และสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน จากภัยพิบัติที่ร้ายแรง ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มนุษย์ทั้งหลายตกอยู่ในความประมาท ในที่สุด ก็ต้องสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ในยามโลกเข้าสู่วิกฤติอีกทั้งไปเพิ่มความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เป็นการเพิ่มความรุนแรง ด้วยการฉกชิง วิ่งราว จี้ปล้น และฆ่าผู้มีทรัพย์สิน หรืออาหาร หรือยารักษาโรค ผู้เขียนขอวิงวอนท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ได้โปรดไตร่ตรองและอ่านทบทวนโดยรอบคอบ แม้จะเป็นชีวิตของท่าน ที่ท่านจะเลือกทางเดินอย่างไร ได้ตามใจชอบ แต่ผู้เขียนก็ไม่อยากให้ท่านทุกข์ยากเข็ญใจหนักหนาสาหัสกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น สิ่งใดที่ผู้เขียนจะชี้แนะให้พ้นภยันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ขอทำหน้าที่ดังกล่าวสักนิด

    6. ถิ่นที่อยู่อาศัยในยามโลกเข้าสู่แดนมิคสัญญี เกิดโรคร้ายแรงระบาด สารพิษแพร่กระจายเต็มไปในอากาศและน้ำดื่มน้ำใช้ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด การสื่อสารทุกชนิดงดให้บริการหมด "อยู่ในภาวะสิ้นสุดของโลกยุคโลกาภิวัตน์" เป็น "การสิ้นสุดของโลกไร้พรมแดนในการติดต่อสื่อสาร" สภาพดังกล่าว พวกเราอาจจะได้พบได้ใน 3 ปี ข้างหน้า มิฉะนั้นก็ภายใน 12 ปี ข้างหน้า (เวลาผ่อนปรนสุดท้าย) ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอนในพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม ขงจื๊อหรือเต๋า และนิกายศาสนาอื่นใด มีคำเตือนมาแต่โบราณกาล กล่าวถึง "วันพิพากษาโลก / วันชำระล้างคนบาป / วันที่ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก" เพียงแต่อาจจะมาเกิดให้เห็นในยุคของเราเท่านั้น

    สถานที่ต้องระวังและต้องขยับขยายถิ่นฐานคือ จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัดบริเวณที่ลุ่ม บริเวณใต้เขื่อนต่าง ๆ และสถานที่ควรเข้าใกล้ คือ สถานที่ใกล้พุทธสถาน สถานที่ใกล้วัดป่า สถานที่ใกล้บริเวณที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    สถานที่อยู่อาศัย จะต้องหาบริเวณไว้ปลูกผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน และพื้นที่เลี้ยงสัตว์สำหรับประกอบอาหาร (สำหรับผู้ที่ยังติดในรสชาติเนื้อสัตว์ที่เลิกรับประทานมิได้ ก็เตรียมไว้ จะเป็นไก่ เป็ด หมู ปลา กุ้ง หอย ท่านก็จะต้องวางแผนไว้) หรือเลี้ยงสัตว์ที่จะใช้แทนยานพาหนะ เพื่อการติดต่อหรือเดินทางในยามจำเป็น และถ้าเป็นไปได้ ขอให้สร้างห้องใต้ดินไว้ทุกบ้าน ห้องใต้ดินควรปูด้วยแผ่นหินที่จะช่วยให้เกิดความเย็น หรือใช้วัสดุใดก็ได้ที่มีความเย็นเป็นหลัก มีระบบระบายอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองอากาศเสีย เพื่อมิให้ควันพิษจากข้างนอกเข้าไปภายในห้องใต้ดินได้

    7. ต้องจัดเตรียมเสบียงอาหาร โดยเฉพาะเครื่องกระป๋องให้มาก (ต้องดูวันหมดอายุให้ดีด้วยครับ) ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่าง ๆ อุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องช่วยดำรงชีพในป่า เพราะทุกแห่งหน จะมีสภาพเหมือนป่า โดยให้จัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เช่น

    - เชือกชนิดดี มีความเหนียวทน ความยาวประมาณ 10 เมตรต่อคน

    - ยารักษาโรคที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิ ยาแก้ปวดศรีษะ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้หวัดและยาประจำตัวต่าง ๆ ก่อนวิกฤติดังกล่าว

    - อุปกรณ์ให้แสงสว่างต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ น้ำมันก๊าด เป็นต้น

    - ถังใส่น้ำดื่มขนาดใหญ่ หรือภาชนะสำรองน้ำดื่ม (น้ำใช้มีความจำเป็นน้อยกว่ามาก ช่วงเวลานั้นไม่มีการซักเสื้อผ้า ไม่มีการอาบน้ำกันแล้ว)

    บทความนี้ ขอให้ท่านเก็บไว้อ้างอิง และเป็นแนวทาง เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้เห็นในปี 2548 เป็นต้นไปว่า จะมีความรุนแรงอันเกิดจากภัยธรรมชาติมากขึ้นถี่ขึ้น ดินฟ้าอากาศจะปรวนแปรมากขึ้น พายุใต้ฝุ่นและน้ำท่วมมีมากขึ้น แผ่นดินไหวมีเพิ่มขึ้น การฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามในประเทศต่าง ๆ มีมากขึ้น การแย่งชิงอำนาจในการเข้าบริหารประเทศชาติมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็ได้เกิดให้เห็นแล้วในปัจจุบันหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัลบาเนีย ซาอีร์ ปาปัวนิวกินี เป็นต้น และจะมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เป็นจริง ก็สบายใจไปได้ 50% แสดงว่าเงื่อนเวลาขยายออกไปอีกช่วงหนึ่ง ประมาณ 9 ปี นั่นคือ
    ความพยายามในการสงบระงับเหตุร้ายแรงนั้น ทำได้สูงสุดไม่เกิน พ.ศ.2560 หรือภายใน 12 ปีข้างหน้า ถ้าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นจริง เกิดใน 12 ปีข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 ย่อมดีกว่าเกิดภายใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2551) แต่ถ้ารอไปอีก 12 ปีข้างหน้า ผู้คนทั้งหลายยังตกอยู่ในความประมาท ตกอยู่ในความมัวเมา ก่อกรรมทำเข็ญมากขึ้น หลีกหนีจากความดีงาม ไม่สนใจที่จะงดกระทำสิ่งที่เป็นบาปกรรม ไม่สนใจที่จะฝึกจิตให้ผ่องใส หากจะเกิดเหตุร้ายใน 3 ปีข้างหน้า ก็คงจะหนีชะตากรรมไปมิได้ เมื่อนั้น ต่างก็คงจะต้องหาทางช่วยตัวเองและรับการตัดสินจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ติดค้างมานานถึง 60,000 ปี จะได้ขุดรากถอนโคนให้หมดหนี้กรรมไปวาระหนึ่ง โดยผู้โชคดี หรือมีหนี้กรรมน้อย จะได้ตายในทันที ไม่ทรมาน แต่ผู้ที่มีกรรมชั่วมากจะตายก็ไม่ตาย แต่ได้รับความทรมานแสนสาหัส อยู่อย่างแร้นแค้น ยากเข็ญร้อนก็ร้อน สุดโหด หนาวก็หนาวสุดขีด ซึ่งก็คงจะได้พบเห็นกันในเร็ว ๆ นี้ โดยจะได้เห็นหิมะตกในประเทศไทยด้วย

    ด้วยความปรารถนาดี

    จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ

    วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2547

    เวลา 02.35 น.

    คัดลอกมาจากhttp://nouchiko.diaryhub.com/?20050225</LARGFONT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2005
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในปี 2551 บ้าง


    <LARGFONT>จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันนะ



    แบบว่าช่วงนี้ได้อีเมล์เกี่ยวกับเรื่องโลกจะแตก

    แผ่นดินจะยุบ หรือ น้ำจะท่วมจนเหลือเป็นเกาะ

    ฯลฯ เยอะเหลือเกิน อ่านแล้วก็แอบกลัวอ่ะ

    ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นจริงรึเปล่า

    อันแรกที่ได้เลยก็คือ วันที่ 25 กุมภานี่ล่ะ

    ต่อไป ก็คือ 12 มีนา

    แล้วอันล่าสุดที่ได้นี่ ปี 2551 (อีก 3 ปีเองนะ)

    เค้าบอกว่าปี 2551 หรือ 2560

    จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น

    ร้ายแรงกว่าซึนามิอีกหลายเท่า

    แต่อันล่าสุดนี่ อ่านแล้วรู้สึกไม่งมงาย

    มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อยู่มากเชียวล่ะ

    ยังไงซะ ทำกรรมดีเอาไว้เถอะพวกเรา

    ไม่รู้จะอยู่บนโลกนี้ได้อีกนานแค่ไหน

    ไม่รู้จะต้องตายยังไง

    แล้วหรือไม่ก็ ไม่รู้ว่าใครจะตายบ้าง

    หรือบางที เราไม่ตาย แต่คนอื่นที่เรารู้จักตายไปหมด

    อันนี้ทุกข์ยิ่งกว่า

    เพราะคนตายไม่รับรู้อะไรแล้ว

    เหลือแต่คนเป็นเท่านั้นละที่ต้องเป็นทุกข์

    ใครอยากทำอะไรทดแทนพระคุณพ่อแม่

    หรือผู้มีบุญคุณกับเราทั้งหลาย

    ก็รีบ ๆ ทำซะ

    ทำทุกวันให้ดีที่สุดก็แล้วกันนะ

    อย่างน้อย ตายไปจะได้ไม่เสียดายชีวิตไง

    อ่ะ มีอีเมล์ที่ว่ามาฝาก

    ก๊อปมาให้อ่านกันนะจ๊ะ แล้วแต่วิจารณญาณจ๊ะ

    จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในปี 2551 บ้าง

    มีคำถามที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในปี 2551หลั่งไหลเข้ามาหาผู้เขียนค่อนข้างมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 อันเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น ขยับตัว และซ้อนเกยกันบริเวณเหนือเกาะสุมาตรา ซึ่งอยู่ห่างจากประเทศไทยประมาณ 400 กิโลเมตร มีอัตราการสั่นไหว 9 ริกเตอร์ เป็นเหตุให้ประเทศไทยได้รับความสูญเสีย โดยได้คร่าชีวิตผู้คนที่พักอยู่อาศัย และมาท่องเที่ยวใน 6 จังหวัดริมฝั่งทะเลอันดามัน โดยพบศากศพมากกว่า 5,000 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 10,000 คน และยังสูญหายอีกมากกว่า 3,000 คน โดยมีผู้คนของประเทศต่างๆอีกหลายประเทศ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล เมื่อนับจำนวนซากศพผู้ที่เสียชีวิตในคราวเกิดคลื่นยักษ์สึนามิครั้งนี้ ก็มีจำนวนมากกว่า 220,000 ศพ ทั้งนี้เนื่องจากในปี 2534 ผู้เขียนเคยเขียนเตือนเกี่ยวกับคลื่นยักษ์ซูนามิ ที่จะเกิดขึ้นโดยมีผลกระทบต่อประเทศไทย ( คำที่ถูกต้องในปัจจุบัน เรียกว่า สึนามิ) และได้เขียนบทความอีกครั้งในต้นปี2539 รวมทั้งผู้เขียนได้เคยออกรายการให้สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย หยุ่น ที่ itv 2 เสาร์ติดกันในรายการ " น้ำท่วมโลก "ในปลายปี 2539 ซึ่งมีผู้เคยอ่านบทความ ในปี 2534 แจ้งว่าผู้เขียนเคยเขียนเตือนให้ระวังซูนามิที่จะเกิดในปี 2547 , 2551 หรือ 2560 ในประเทศไทยมาก่อนแล้ว

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปลายปี 2547 นี้ หากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในปี 2551 หรือ ปี 2560 นั้น ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ในปี 2551 หรือ ปี 2560 นั้น จะเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า " อภิมหามหันตวิปโยคสุดแสนโศกสลด" ทั้งนี้ เพราะจะมีผู้คนเสียชีวิตมากกว่าเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2547 ประมาณ 1,000 เท่า หรือถ้าจะพูดให้ชัดมากขึ้นคือ มีคนตายมากกว่าเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกของช่วงปลายปี 2547 นี้ถึง 1,000 เท่าทีเดียว

    เหตุการณ์อะไรเล่า ที่ทำให้มีคนตายประมาณ 220 ล้านคน ในปี 2551 (ปลายปี 2547 เหตุจากคลื่นสึนามิได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายประเทศรวมกัน มากกว่า 220,000 คน)เหตุการณ์ในปี 2551 หรือ ปี 2560 มิได้มาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์เดียว แต่มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในปีเดียว คือปี 2551 หรือ ปี 2560 ตลอดทั้งปี เสมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกถูกถล่มด้วยพระราหู ทั้งนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เปลือกโลกหลายแผ่นมีการขยับเคลื่อนตัว และเกยทับกัน (การเกยทับกันเพียงเล็กน้อยของชั้นเปลือกโลก บริเวณเหนือเกาะสุมาตราเพียงจุดเดียว เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 เป็นเหตุให้เกิดการไหวของแผ่นดินถึง 9 ริกเตอร์ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์วิ่งไปถึงชายฝั่งอัฟริกา ซึ่งมีระยะห่างกันหลายพันกิโลเมตรได้) ในปี 2551 หรือ ปี 2560 นั้น จะมีการเกยทับกันทั้งในบริเวณใต้ทะเลลึก และบริเวณที่เป็นพื้นแผ่นดินในหลายทวีป ความรุนแรงมีขนาดตั้งแต่ 9.5 ริกเตอร์ขึ้นไป (ปกติถ้ามีการไหวของแผ่นดินเพียง 6.5 ริกเตอร์ ก็เป็นเหตุให้อาคารบ้านเรือน ตึกรามอาคารบ้านช่อง ถนนหนทางถล่มทลาย สามารถสร้างความเสียหายได้แล้ว แต่ถ้าเกิดการไหวของเปลือกโลกบริเวณใต้ทะเลลึก ประมาณ 7.5 ริกเตอร์ จะเกิดคลื่นสึนามิ (คลื่นยักษ์) ซึ่งในปี 2551 หรือ ปี 2560 จะมีการเกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีขนาด 9.5 ริกเตอร์ขึ้นไป)

    สำหรับในประเทศไทยเอง ผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของชั้นเปลือกโลกในปี 2551 หรือ ปี 2560 นั้น จะเกิดบนพื้นแผ่นดินประมาณ 3 - 4 จุด ซึ่งในทะเลก็มีทั้งบริเวณเหนือเกาะสุมาตรา และบริเวณใกล้เกาะบอร์เนีย และอีก 2 รอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งจะมีผลทำให้เขื่อนใหญ่ 2 เขื่อนแตก และ ตึกราม บ้านเรือน สะพานและถนนหนทางพังพินาศทลายลงเป็นจำนวนมาก สำหรับจังหวัดชายฝั่งทะเล ก็จะได้พบกับสึนามิ หรือคลื่นยักษ์อีกครั้ง ด้วยความรุนแรงของการเกยทับของแผ่นเปลือกโลกอีกครั้งด้วยความแรงมากกว่าเดิม คือ ขนาด 9.5 ริกเตอร์ ขึ้นไป แม้ระบบเตือนภัยจะทำงานในอนาคต แต่ความเร็วของคลื่นสึนามิใช้ความเร็วในทะเลประมาณ 500 กม./ ชั่วโมง นักวิชาการบางท่านบอกว่ามีความเร็วระหว่าง 600 - 800 กม./ ชั่วโมง ผู้คนจำนวนมากยังไม่ใส่ใจคำเตือน คนจำนวนมากหนีไม่รอด ศพตายเป็นเบือ โผล่ให้เห็นในน้ำยิ่งกว่าดอกเห็ด แม้จะได้ทราบคำเตือน แต่ความประมาทของประชาชนที่ไม่ติดตามข่าวสารก็คงยากที่จะป้องกันความเสียหายชีวิตของผู้คนและทรัพย์สินที่อยู่ชายฝั่งทะเล ยกเว้นท่านต้องร่นให้อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลให้มากหน่อย โดยมีต้นไม้ใหญ่เป็นกำแพงกั้น หรือภูเขาสูงบังไว้ ( ความจริงตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน บริเวณชายฝั่งทะเล บริเวณเกาะ บริเวณภูเขา จะต้องเป็นที่สาธารณะเท่านั้น จะไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ แต่ด้วยความฉ้อฉล ฉ้อโกง ของบุคคลผู้มีความละโมบโลภมาก ร่วมกับข้าราชการที่มีหน้าที่ออกหลักฐานกรรมสิทธิ์ ( โฉนด) ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส. 1,2,3) ออกหนังสือแสดงสิทธิครอบครอง (ส.ค.) กลับกระทำละเมิดกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน ออกหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ที่ผิดกฎหมาย จึงทำให้ข้าราชการ นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ได้สิทธิ์ที่ผิดกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน กลายเป็นเจ้าของเกาะ เจ้าของภูเขา เจ้าของชายฝั่งทะเล ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินจริงๆนั้น ต้องเป็นที่สาธารณะ กลายเป็นสถานที่ส่วนบุคคล หากว่ากันตามกฎหมายทรัพย์สินจริงๆทุกสถานที่ดังกล่าวข้างต้น คือ ชายฝั่งทะเล บริเวณที่เป็นเกาะ บริเวณที่เป็นภูเขา เป็นสถานที่ที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทรัพย์สิน)

    สิ่งสำคัญที่ทุกคนที่อยู่ริมฝั่งทะเลต้องรับทราบ คือ เมื่อใดมีเหตุการณ์ขึ้นลงของน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว ต้องรีบหนี 2 วิธี คือ วิ่งเรือออกสู่กลางทะเลลึก ถ้าขณะนั้นอยู่บนเรือในทะเล ห้ามกลับเข้าชายฝั่งทะเลเป็นอันขาด อีกวิธี คือให้วิ่ง หรือขับรถขึ้นที่สูงที่มีความมั่นคงแข็งแรงโดยเร็ว ซึ่งถ้ามีภูเขา ขึ้นเขาให้เร็วที่สุด ถ้ามีตึกที่มั่นคงแข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง ต้องอาศัยเป็นที่ยึดไว้ก่อน อาคารที่บอบบาง ที่ไม่มั่นคงแข็งแรง ห้ามเข้าไปอาศัยในช่วงขณะนั้น เพราะตัวอาคารอาจพังทลายได้แม้จะขึ้นบนชั้นสูง แต่ถ้าฐานรากไม่ดี อาคารพังทลายลงมาได้ง่าย ผู้หนีไปอยู่ชั้นบนของอาคาร ก็ไม่รอดเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อใดที่อยู่บริเวณชายทะเลในปี 2551 หรือ ปี 2560 กรุณามองทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าก็มีส่วนช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง

    กรณีที่พึงต้องระวังเพิ่มขึ้นก็คือ ระดับน้ำในแม่น้ำลำคลองโดยเฉพาะแม่น้ำสายใหญ่ๆทุกสาย เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำตาปี แม่น้ำโขง ฯลฯ ถ้ามีลักษณะขึ้นลงเร็วผิดปกติ ผิดธรรมชาติที่เคยมีเคยเป็น โปรดเตรียมการอพยพขนย้ายหาที่อยู่อาศัยพักพิงใหม่โดยเร็ว

    และอีกเรื่องหนึ่ง โปรดศึกษาและสังเกตคำเตือนของคนโบราณที่ให้สังเกตดูลม ฟ้า อากาศ และอาการของสัตว์ต่างๆที่แสดงออกก่อนที่จะเกิดภยันตรายต่างๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ผู้เขียนไม่มีข้อมูลเพียงพอ จึงขอบอกกล่าวประชาสัมพันธ์ท่านผู้รู้ที่มีโอกาสอ่านสารชมรมฯฉบับนี้ว่า " ถ้าท่านทราบคำบอกเล่า หรือคำสอนสั่งของปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา คุณพ่อคุณแม่ หรือครูบาอาจารย์ พี่น้องลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย หรืออ่านพบจากหนังสือใดๆ ที่บอกกล่าวในเรื่องดังกล่าว กรุณาช่วย E- mail แจ้งมาให้ผู้เขียนได้ทราบที่ mkrichti @ ktb.co.th ด้วย จักขอบคุณยิ่ง หรือส่งทางโทรสารที่หมายเลข 0 - 2256 - 8320 ก็ได้ หรือส่งทางไปรษณีย์ที่ตู้ ปณ. 1234 นานา กรุงเทพฯ 10112 ซึ่งเป็นตู้ไปรษณีย์ของชมรมศาสนาและการกุศลได้เช่าไว้เป็นเวลา 3 ปี ( พศ. 2548 - 2550 ) ด้วย ก็จักขอบคุณยิ่ง

    ในปี 2551 หรือ ปี 2560 นั้น นอกจากจะมีแผ่นดินไหวบนพื้นดิน และใต้ทะเลลึกแล้ว ปัญหาที่เกิดจากฝนตกหนัก โคลนถล่ม น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุโซนร้อน ดีเปรสชั่น ทอนาโด และเฮอริเคน ต่างก็มาเยี่ยมเยือนประเทศต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้นบางประเทศแอบทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ระเบิดไฮโดรเจน อาวุธเชื้อโรคและอาวุธสารเคมี (เป็นปีที่มีการทดลองอาวุธร้ายแรงมากที่สุดในรอบพันปี) จนปรากฏความเปลี่ยนแปลงของพื้นเปลือกโลกหลายชิ้น ก่อให้เกิดแผ่นดินยุบ ธรณีสูบ เกาะแก่งสูญหาย แผ่นดินโผล่ขึ้นมาใหม่ และเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ไปทั่ว มีคนตายมากกว่า 220 ล้านคน แต่บางท่านว่าอาจถึง 1,000 ล้านคน (ผู้เขียนไม่ยืนยันตัวเลข เพราะไม่สนใจจะไปนับซากศพที่ตายเกลื่อนกลาด)

    ข่าวดี ขณะนี้ มีแนวโน้มว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดในปี 2551 (คศ. 2008) อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไปเกิดในปี 2560 (คศ. 2017) แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้ายืนยันฟันธง ประการสำคัญ คือ ต้องไม่ประมาท ถ้าเหตุการณ์เลวร้ายระดับ " อภิมหามหันตวิปโยคสุดแสนโศกสลด " ถ้าเกิดในปี 2551 โดยไม่เปลี่ยนกำหนดการล่ะ ท่านควรประพฤติปฎิบัติตนในปัจจุบันอย่างไร ?
    ท่านวางแผนจะทำอะไรบ้าง หากท่านมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 ปี (2548 - 2550)

    คลื่นสึนามิ หรือคลื่นยักษ์ที่ได้ถล่มภาคใต้ 6 จังหวัด เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 มีคนตายไปมากกว่า 5,000 คน บาดเจ็บมากกว่า 10,000 คน และยังสูญหายมากกว่า 3,000 คน หากรวมกับประเทศที่อยู่ริมทะเลหลายประเทศ ปรากฏว่าคนตายรวมกันมากกว่า 220,000 คน ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเป็นมหันตภัยใหญ่ ที่ไม่มีคนไทยคนใดได้เคยพบเห็นมาก่อน แต่ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2551 (ค.ศ.2008) แล้ว จะเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่เสียหายเพียงเล็กน้อย เพราะจะมีชีวิตชาวโลกเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในปี 2551 นั้น มากกว่าเหตุการณ์สึนามิครั้งนี้ประมาณ 1,000 เท่า มีหลายเสียงให้ความเห็นมาว่า น่าจะมากกว่า 1,000 เท่า แต่ผู้เขียนขอเพียงตัวเลข 1,000 เท่าก่อน จึงไม่อยากให้เป็น 1,000 ล้านคน ขอเพียงตัวเลข 220 ล้านคนทั่วโลกที่ต้องสังเวยชีวิตในปี 2551 ก็น่าจะมากพอแล้ว โปรดเก็บบทความนี้ไว้ตรวจสอบ เพราะอีก 3 ปีเศษเท่านั้น เราจะได้รู้เห็นกัน แต่ถ้าโชคดีขยับเคลื่อนไปอีก 9 ปี จากปี 2557 เป็นปี 2560 (ค.ศ.2017) ก็จะมีเวลาวางแผนป้องกันมากขึ้น แต่ไม่ยืนยัน เนื่องจาก ณ ขณะนี้ (มกราคม 2548) โอกาสเกิดมหันตภัยในปี 2551 มีโอกาสมากกว่าปี 2560 อยู่

    สำหรับจังหวัดใดอยู่ จังหวัดใดหาย ผู้เขียนเคยนำแผนที่ออกแสดงทาง itv. ในรายการ "น้ำท่วมโลก" ซึ่งผู้เขียนได้ยืนยันว่า ไม่มีน้ำท่วมโลก มีแต่น้ำท่วมในบางพื้นที่ของโลกเท่านั้น บางพื้นที่อาจเปลี่ยนจากพื้นดินเป็นผืนน้ำถาวรแทน เป็นการออกรายการทีวี ประมาณปลายปี 2539 โดยให้สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย หยุ่น 2 เสาร์ติดกัน โดยมีนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นฝ่ายโต้แย้ง เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีผู้ใดเชื่อเรื่อง "ซูนามิ" ที่ผู้เขียนเคยกล่าวถึง

    ท่านที่ไม่เชื่อ ผู้เขียนไม่ว่า เพราะผู้เขียนไม่มีวัตถุมงคลมาบอกขาย ไม่มีที่ดินมาบอกขาย ไม่มีการเรี่ยไรขอบริจาคสิ่งใดจากท่านผู้อ่าน หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สิ่งใดจากท่านผู้อ่าน เป็นเรื่องที่ท่านผู้อ่านจะใช้ดุลพินิจและตัดสินใจดำเนินชีวิตของท่านเอง

    แต่ถ้าท่านติดตามข่าวสารของสื่อมวลชนต่าง ๆ ในช่วงเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ท่านคงได้ยินข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวให้ทราบว่า มีเกาะหลายเกาะของประเทศอินเดีย ปัจจุบันสูญหายไปจากที่ตั้งเดิม บางเกาะเหลือเพียงเสาสูงโผล่ให้เห็นเท่านั้น
    แต่ไม่เห็นบ้านเรือนของประชาชน บางพื้นที่ในภาคใต้ของเราเอง ก็มีพื้นดินยุบตัวเป็นหลุมใหญ่มีการเคลื่อนตัวของเกาะภูเก็ตไป 15 ซ.ม. จากพิกัดละติจูดและลองติจูดเดิม (ปกติจะมีการเคลื่อนตัวประมาณปีละ 1 มม.เท่านั้น แต่ครั้งนี้เคลื่อนตัวเท่ากับ 150 มม.) เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มิใช่เหตุการณ์ใหญ่โตอะไร ถ้าเทียบกับสิ่งที่จะปรากฏในปี 2551 แม้จะเป็นเหตุการณ์วิปโยคที่คนตายไปมากกว่า 220,000 คน ตามที่ทุกคนได้ทราบกันดีแล้วก็ตาม

    กรุณาอย่าประมาท การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีการบัญญัติศัพท์ใหม่ว่า ธรณีพิบัติภัย ซึ่งปกติน่าจะเป็นเพียง ธรณีภัย ซึ่งจะสอดคล้องภัยที่เกิดจาก อุทก (น้ำ) วาตะ (ลม) อัคคี (ไฟ) โดยเรียกว่า อุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย ภัยที่เกิดจากแผ่นดิน ก็ควรเป็นธรณีภัย คำว่า ภัย : ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน ปี 2542 ให้ความหมายคำว่า "ภัย คือ สิ่งที่น่ากลัว หรือ อันตราย" โดยมีการเติมคำว่า พิบัติเข้าแทรกกลาง คำว่า "พิบัติ แปลว่า ความฉิบหาย ความหายนะ หรือความอัปมงคล"

    ดังนั้น คำที่ถูกต้องในการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ (เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547) ซึ่งมีคนตายในเหตุการณ์เดียวกันนี้มากกว่า 220,000 คน คือ ธรณีพิบัติภัย ซึ่งแปลว่า สิ่งที่น่ากลัวจากความหายนะของแผ่นดิน โดยในปี 2551 จะมีคำที่เรียกเกี่ยวกับสิ่งที่น่ากลัวจากน้ำ ลม และไฟ เปลี่ยนไป โดยเรียกว่า อุทกพิบัติภัย / วาตะพิบัติภัย และอัคคีพิบัติภัย ทั้งนี้เพราะจะมีเหตุให้มีคนตายในแต่ละเรื่อง ในแต่ละคราว ไม่น้อยกว่าครั้งละพันคน หมื่นคนทีเดียว

    ผู้ใดใครเชื่อ ก็เชื่อ ใครไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องเชื่อ เพราะผลคงไม่แตกต่างกันมากนัก
    ถ้าสภาพจิตใจของท่านยังไม่พัฒนา ท่านยังไม่ฝึกเตรียมตายก่อนตายจริง ท่านอาจต้อง
    เผชิญกับการสูญเสียสิ่งที่เรารักที่สุด หวงที่สุดทั้งด้านทรัพย์สินเงินทองและบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เกียรติยศและชื่อเสียง รวมตลอดถึงบิดามารดา คู่สมรส และบุตรหลานที่รักยิ่งของเรา ที่ต้องฉับพลันสูญหาย หรือตายลงต่อหน้าต่อตา ถ้าท่านยังยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู หลงติดอยู่ในโลกียสมบัติ จิตใจไม่สอดรับความจริงตามธรรมชาติที่เป็นลักษณะสามัญ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ซึ่งหมายความว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง ทนอยู่สภาพเดิมตลอดเวลามิได้ และแท้จริง ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตน เนื่องจากเกิดจากการผสม หรือรวมตัวของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น

    อย่างไรก็ดี ผู้เขียนมิได้หมายความว่า ท่านต้องละทิ้งครอบครัว ละทิ้งสังคม ออกบวช การบวชที่กาย แต่ใจมิได้บวช หาประโยชน์ไม่ได้ ภิกษุในพระพุทธศาสนา แม้จะมีมากกว่า 400,000 รูป ในประเทศไทย แต่ที่มีศีลาจานุวัตร และเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่เป็นบุคคล 4 จำพวก ตามคำสรรเสริญพระสงฆ์นั้นน่าจะมีในประเทศไทยไม่เกิน 400 องค์ หรือภิกษุ 1,000 รูป ที่เป็นพระแท้ หรือพระสงฆ์จริง ๆ นั้นอาจจะมีเพียง 1 รูป เท่านั้น หรือ 0.001% แม้จะมีวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยมากกว่า 30,000 วัด ซึ่งก็แปลว่า เจ้าอาวาสวัดมากกว่า 29,000 วัด มิใช่พระสงฆ์แท้ ตามบทสวดพระสังฆคุณ เพราะบุคคล 4 จำพวก ในคำสรรเสริญพระสงฆ์นั้น คือ เป็นพระอริยบุคคล ชั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์ ซึ่งผู้เขียนมิได้ปรามาส พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่ปรามาสลูกชาวบ้านที่มาบวชในพระพุทธศาสนา แต่มิได้ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดา ซึ่งเป็นได้อย่างมากก็เพียง "ภิกษุ" ในพระพุทธศาสนา ยังไม่ถึงระดับนักบวช ยังไม่ถึงระดับสมณะ และยังไม่ถึงระดับ พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่เป็นพระอริยบุคคล

    ความหมายของผู้เขียน คือ ท่านจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นภิกษุ นักบวช สมณะ พระหรืออุบาสก หรือฆราวาสก็ตาม จะต้องลดความโลภ ความโกรธ ความหลง มีเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลสงเคราะห์ผู้อื่น มีความกตัญญูกตเวที /
    มีกรุณา(ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ ไม่เบียดเบียนคนและสัตว์ให้ทุกข์ยากลำบาก)
    มีมุทิตา (ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี) และอุเบกขา (วางตัวเป็นกลาง / รักษาความเป็นธรรม /
    ไม่ลำเอียง / ไม่ปรุงแต่งอารมณ์) มากขึ้น มีหิริ โอตตัปปะมีความละอายชั่ว กลัวบาป ยอมรับกฎแห่งกรรมว่าเป็นความจริงแท้ ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จะต้องได้รับผลกรรมหรือการกระทำของตน ผู้ใดทำดี ย่อมได้รับผลดีในสัมปรายภพ หรือโลกหน้า ผู้ใดทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ทุกขเวทนาในสัมปรายภพ หรือโลกหน้า ต้องยอมรับความจริงว่า ทุกอย่างล้วนแต่ไม่เที่ยงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ตลอดไป และไม่มีตัวตนที่แน่นอน ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้น เป็นส่วนประกอบของธาตุต่าง ๆ มารวมกัน เป็นวัตถุสิ่งของตัวตนบุคคลล้วนแต่เป็นสมมุติบัญญัติทั้งสิ้น ในที่สุดก็ต้องแปรเปลี่ยนและแตกสลายไป การหลงเรื่องตัวกู ของกู แท้จริงก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ควบคุมมิให้มีสภาพแก่ มิให้เจ็บและมิให้ตายไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องทิ้งร่างกายของตนจากไป นั่นก็แปลว่า ตัวกู ก็มิใช่ของกู สิ่งอื่น ๆ ของอื่น ๆ ย่อมต้องมิใช่ของกูใช่ไหม เพราะตัวกู ยังมิใช่ของกู คิดดูให้ดี เพื่อพวกเราจะได้รู้จักปล่อยวางบ้าง ลดแสวงหาโลกียทรัพย์ หันมาสะสมอริยทรัพย์มากขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าในช่วง 3 ปีสุดท้ายที่เหลือ หรืออาจกล่าวโดยสรุป คือ ในช่วง 3 ปีสุดท้ายนี้ ท่านจะต้องสร้างเสริมและถือปฏิบัติอย่างจริงจังให้มี 5 มี 5 ให้ และหนึ่งทำ

    มี 5 มี ได้แก่

    1. มีสติสัมปชัญญะ - ในการทำหน้าที่ของตนจะต้องทำทุกหน้าที่ให้ดีที่สุด คิด
    ก่อนพูด / ก่อนทำเสมอ ไม่ปล่อยชีวิตให้หมดไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ทุกวัน
    ต้องพยายามทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

    2. มีความกตัญญูกตเวที - รู้บุญคุณคนและรู้จักตอบแทนคุณทุกคน ตั้งแต่ พ่อ
    แม่ ปู่ ย่า ลุง ป้า น้า อา และผู้มีพระคุณทุกคน

    3. มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา - มีความต้องการให้คนอื่นมีสุข พ้น
    ทุกข์ และได้ดีก็ยินดีด้วย ไม่อิจฉาริษยาใคร มีใจเป็นธรรมช่วยใครมิได้ก็ทำ
    ใจเป็นกลาง

    4. มีน้ำใจ - ช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้ออาทรคนอื่นเสมอ

    5. มีศีล 5 - ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น ไม่พูดปดหลอกลวง
    ไม่ดื่มสุรา

    มี 5 ให้ ได้แก่

    1. ให้อภัย - ไม่ว่าใครจะทำอะไรให้ไม่พอใจ จะต้องให้อภัยเสมอ

    2. ให้ความรัก - ให้ความเอาใจใส่ ให้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

    3. ให้ความจริงใจ - ไม่หลอกลวง ไม่เบียดเบียนคนอื่น

    4. ให้เกียรติผู้อื่น - ให้เกียรติในความเป็นคนของคนอื่น ไม่ดูถูกเหยียดหยามคน

    5. ให้การเสียสละ - ยิ่งให้ จะยิ่งได้ ไม่มีหมดในสิ่งที่ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือ
    แก่คนอื่น

    1 ทำ ได้แก่

    - ทำความดี ทุกเวลา ทุกโอกาส และทุกสถานที่

    - ทำให้ทุกคน และทุกชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดมีความสุข และได้ประโยชน์จากตัวของ
    เรา โดยเริ่มจากคนในครอบครัวเป็นลำดับแรก คนในที่ทำงานเป็นลำดับ
    ที่สอง คนในสังคมเป็นลำดับที่สาม

    - ทำการฝึกอบรมพัฒนาจิตใจโดยการวิปัสสนากรรมฐานให้มากขึ้น พิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนเห็นชัดในดวงจิต

    หวังว่าในวันที่โลกเข้าสู่วิกฤติ ท่านคงจะได้สะสมคุณสมบัติ 5 มี 5 ให้ และ 1 ทำ ที่มีปริมาณมากเพียงพอให้ชีวิตของท่าน และครอบครัวอยู่รอดและปลอดภัย


    เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้น ผู้เขียนแนะนำแนวทางที่เคยชี้แนะไว้ ในสารชมรมศาสนาและการกุศลที่ผู้เขียนได้พิมพ์แจกเผยแพร่ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2540 โดยได้ประมวลข้อมูลจากบางตอน ในบทความเก่าที่เคยพิมพ์เผยแพร่แล้ว โดยได้ข้อมูลจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ถือศีลที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ บางท่านเป็นพระธุดงค์ที่เคร่ง บางท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมมานานหลายปี ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ปฏิบัติในสายพุทธธรรมนั้น ส่วนใหญ่ท่านไม่ตอบปัญหาที่ถามตรง ๆ เกี่ยวกับ "อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้" ท่านมักจะพูดในทำนองว่า "โยมจะรู้ไปทำไม โยมรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก เพราะผู้ที่ไม่เชื่อนั้นมีมาก ระวังเขาจะกล่าวหาโยมว่า เพี้ยน หรือเพ้อเจ้อ เลื่อนลอย ไร้แก่นสาร และที่สำคัญ คือ ถ้าอาตมาพูดออกไป ก็จะเป็นเรื่อง "อุตริมุนษย์ธรรม"..........โยมต้องเข้าใจนะว่า เมื่อความเจริญได้เดินทางมาถึงที่สุด ความเสื่อมก็จะต้องติดตามมา และในช่วงเวลานับแต่นี้ไป จะเข้าสู่เวลาแห่งการนับถอยหลังเข้าไปสู่ความเสื่อม ความหายนะแล้ว มันเป็นวัฏจักรของโลก เหตุการณ์อย่างนี้ เคยเกิดขึ้นมาในโลกนับเป็นแสนปี ล้านปีมาแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย และมิใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในโลกของเรา............. ความทุกข์ยากลำบาก ทุพภิกขภัยต่าง ๆ โยมคงจะได้เห็นกันในช่วงชีวิตของโยมนี่แหละ เพราะเท่าที่ดูมารดำ หรือความชั่วร้าย แผ่คลุมโลกมากขึ้นทุกที กฎหมู่จะมีอำนาจเหนือกฎหมาย คนดีจะถูกย่ำยีมากขึ้น คนโดยทั่วไปจะขาดสติในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ฝูงชนจะถูกชักนำให้ร่วมขบวนการในการทำลายล้างมากขึ้น คนส่วนใหญ่จะถูกชักนำและจูงใจให้ทำสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้นจะสนุกกับการทำลาย บางครั้งทำเหมือนคนบ้าคลั่ง ที่เจ็บแค้นมานานปี ทั้ง ๆ ที่มิได้มีเหตุที่ควรเจ็บแค้นเช่นนั้นเลยก็ตาม เหมือนเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมารดำเข้าสิงจิตใจผู้คน เมื่อไรก็ตามที่คนขาดสติกำกับการคิด การพูด และการทำ มารดำจะสิงสู่ทันที และมีอิทธิพลครอบงำจิตใจให้ทำในสิ่งที่เป็นภัยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง............................ความรุนแรง ความเดือดร้อน อันตรายต่าง ๆ จะลดลงได้อย่างมาก ถ้าบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้.........จะหันมาปฏิบัติสิ่งที่ดีให้มากขึ้น ให้ความดีงามช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ความรุนแรงก็จะลดลงได้

    สิ่งที่ดี หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์นั้นมีหลายระดับ ในระดับของคนทีเป็นฆราวาสที่ยังต้องเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากมายนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงประโยชน์ในชาติไหน ๆ เอากันในชาตินี้ก็พอ พยามยามละเว้นการทำความชั่ว พยายามทำแต่ความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส มารร้าย มารดำ ย่อมครอบงำเราไม่ได้ แต่ถ้าตรงกันข้าม คือ ทำแต่ความชั่ว ละเว้นทำกรรมดี และทำจิตใจให้เศร้าหมอง การกระทำดังกล่าวจะเป็นแรงเสริมมารดำ มารร้าย ให้มีพละกำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ปัญหาความเดือดร้อนก็จะมีไปทั่ว และรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในปี 2551

    การละเว้นทำชั่ว นั้น ในเบื้องต้นขอให้ละเว้นการทำผิดศีล 5 ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ซึ่งพอสรุปได้ ดังนี้

    ละเว้นการฆ่าสัตว์ การเบียดเบียนสัตว์และการสนับสนุนให้เกิดการฆ่าและเบียดเบียน สัตว์ด้วย แม้จะไม่ได้ลงมือกระทำ แต้ถ้าเป็นเหตุให้เกิดการกระทำดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีควรละเว้น ควรลด และเลิกเสีย

    ละเว้นการลักขโมย หรือการเอาทรัพย์สินบุคคลอื่นมาเป็นของตน การกระทำทุจริตต่อหน้าที่ หรือการขโมยผลงานคนอื่น แล้วอ้างว่าเป็นผลงานของตน ผู้ที่ถูกลักขโมยก็ย่อมเกิดความเสียดาย และเกิดอาฆาตแค้น ผูกใจเจ็บ

    ละเว้นผิดลูกเมีย (สามี) คนอื่น คือ คนที่เขามีเจ้าของแล้ว ผู้ที่ได้ครอบครองก่อนหากถูกแย่งชิงไป ก็ย่อมโกรธแค้นและอาฆาตพยาบาทเป็นธรรมดา ปัญหาความไม่สงบก็จะเกิดขึ้นติดตามมา

    ละเว้นการพูดโกหก หลอกลวง นินทาว่าร้าย ส่อเสียด ประชดประชัน กระทบกระแทกแดกดัน พูดแล้วเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเสียแก่ตนเอง เสียแก่ผู้ฟัง หรือเสียแก่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็ตาม ไม่ควรพูดออกไป

    ละเว้นการเสพสิ่งเสพย์ติดให้โทษ ที่ก่อให้เกิดอาการมึนเมา ที่เป็นการเสียหายแก่สุขภาพของผู้เสพย์ ที่เป็นการทำลายทรัพย์สินที่ก่อให้บุคคลอื่นเดือดร้อน รำคาญจากการเสพย์ของตน บุคคลอื่นนั้น นับตั้งแต่บุคคลในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และสาธารณชนโดยทั่วไป

    พยายามทำแต่ความดี นั้น หมายถึง การกระทำต่าง ๆ ตัวอย่าง เช่น

    - มีเมตตา คือ มีความปรารถนาให้ทุกชีวิตมีความสุข ตั้ง- จิตด้วยความกรุณา คือ ปรารถนาให้ทุกข์ชีวิตพ้นจากทุกข์ รู้จักการให้อภัย และการอโหสิกรรม ตั้ง- จิตให้มีมุทิตา คือ แสดง- ความยินดีกับทุกชีวิตที่ได้ดีมีสุข ไม่อิจฉาริษยา เมื่อเห็นคนอื่นเขาได้ดีกว่า ในกรณีที่เราช่วยลดทุกข์ให้ผู้อื่นมิได้ หรือช่วยเพิ่มสุขให้ผู้อื่นมิได้ ก็จะต้อง- ทำจิตวาง- เฉย ทำความเข้าใจว่า ทุกชีวิตต่าง- ก็มีกรรมเป็นของ- ตนเอง- มีกรรมเป็นมรดก เมื่อกรรมนั้นตามทัน ใครก็ช่วยไม่ได้ เว้นแต่กรรมนั้นเบาบาง- หรือกรรมนั้นตามยัง- ไม่ทัน แต่บุญ- นั้นฉุดขึ้นให้พ้นจากห้วง- กรรมไปก่อน ดัง- เช่น ท่านอง- คุลิมาร แม้จะได้ฆ่าฟันชีวิตไปถึง- 999 ชีวิต แล้วก็ตาม แต่กุศลกรรมดีที่สั่ง- สมมามากได้ดึง- ท่านให้หลุดพ้นบ่วง- กรรม ทำให้ท่านบรรลุเป็นอรหันต์ได้ ดัง- นั้น ใครก็ตามแม้เคยทำความชั่วมามาก หรือทำความชั่วมากกว่าทำดี ต้อง- เร่ง- ทำกรรมดี เพื่อความดีจะได้ฉุดรั้ง- ขึ้นก่อนที่กรรมชั่วจะตามทัน ก็ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น และเป็นไปได้ ความดีที่ได้ทำแล้ว ผลดีย่อมตอบสนอง- แต่ถ้าประมาทขาดความใส่ใจ โชคร้าย โรคภัยต่าง- ๆ ย่อมเบียดเบียน หรืออาจเป็นโรครักษาไม่หายได้ ซึ่ง- เป็นกรรมที่ตามมาทัน หรือเป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง- ๆ นั่นเอง- ขอให้ทุกคนได้โปรดหันมาทำแต่กรรมดี ทั้ง- ในด้านการคิด การพูด และการกระทำต่าง- ๆ ความดี ทำได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส และทุกหน้าที่ หากทุกคนทำดีกันมาก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดในปี 2551 อาจเลื่อนไปเกิดในปี 2560 แทน

    ด้วยความปรารถนาดี

    จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ

    วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2547

    เวลา 02.35 น.

    หมายเหตุ ท่านใดที่ต้องการรับข่าวสารชมรมศาสนาและการกุศล ที่รวดเร็วโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
    ใด ๆ ชมรม ฯ จะจัดส่งข่าวสารชมรม ฯ ให้ทาง E-mail กรุณาแจ้งให้ชมรมฯ ทราบ ด้วยว่าจะให้ส่งทาง E-mail ของท่านหมายเลขใด แจ้งมาที่ประธานชมรมฯ
    ที่ mkrichti @ ktb.co.th ด้วยครับ

    คัดลอกมาจากhttp://nouchiko.diaryhub.com/?20050225</LARGFONT>

    </LARGFONT>
     
  19. lmagine

    lmagine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +359
    ผมว่าถ้าเกิดภัยพิบัติจริงๆก็ดีนะครับ เพราะสังคมตอนนี้มีคนเลวมากเหลือเกิน(คนพวกนี้เกิดมาก็ตั้งใจทำเลวอยู่แล้ว) ผมคิดว่าเด็กสมัยนี้เลวได้มากกว่าผู้ใหญ่ซะอีก แล้วต่อไปประเทศไทยจะเป็นยังไง เพราะเด็กสมัยนี้ อายุแค่ 12-13 ก็สามารถปล้น ฆ่า ข่มขืน ได้ครบทุกอย่างดังที่ข่าวออกมาทุกวัน

    ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้ามีภัยพิบัติจริงก็คงดี จะได้เหลือแต่คนดีๆไว้โลกจะได้สวยงามขึ้น
    คนจะได้หันมาปฎิบัติธรรมกันจริงๆซะทีแม้ไม่ได้บวชเป็นพระสงฆ์

    ผมสนับสนุนการเกิดภัยพิบัติครับ อย่าว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัวเลยละกัน
    ผมว่าถ้ามีการล้างส่วนที่ไม่ดีออกไป ส่วนดีๆที่เหลือก็จะชัดเจนสวยงามขึ้น

    ถึงว่าจะสูญเสียไปบ้างแต่ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น น่าจะคุ้มค่ามากๆครับ
    โลกหลังจากภัยพิบัติจะเหลือแต่คนดี มีศีลธรรม ไม่มีคนมักมาก คนหยาบ คนชั่ว
    เพราะทุกอย่างถูกทำลาย ไม่เหลืออะไรให้แก่งแย่งกันอีกต่อไปแล้ว


    นี่แนวคิดของผมคนเดียวนะ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกก็ตำหนิได้นะครับ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำพยากรณ์โลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    การชำระล้างโลกของพระบิดา<O:p</O:p

    กระบวนการทางเทคนิคของพระบิดาต่อไปนี้ จะเปิดเผยเฉพาะบางส่วนที่มนุษย์ควรรู้เท่านั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เป็นข้อพิสูจน์ว่าความรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นพระเมตตาที่พระบิดาประทานมาให้เผยแพร่ มิใช่เป็นการกระทำขึ้นมาเองของมนุษย์ที่อวดอุตริจริงแท้หรือไม่<O:p</O:p
    </O:p
    หากทุกอย่างเป็นความจริงตามที่เผยให้รู้ไว้ล่วงหน้านี้ ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าองค์จิตจักรวาล ผู้เป็นพระบิดาหรือพระผู้สร้างหรือว่าพระเจ้าล้วนมีจริงเป็นแน่แท้ แต่จะมีใครสักกี่คนกันเล่า ที่จะมีโอกาสข้ามผ่านกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้เพื่อถึงวันเวลาแห่งการพิสูจน์นั้น?<O:p</O:p
    </O:p
    ขึ้นตอนโดยสังเขปทางเทคนิคของพระบิดา<O:p</O:p
    </O:p
    1. ก่อนวันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ทำมุมกันแนวดิ่งอยู่ 23.5 องศานั้น จะถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น<O:p</O:p

    2. น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จากกรณีที่เกิดขึ้นในข้อแรก ทำให้น้ำแข็งละลายกลืนกับน้ำในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว<O:p</O:p
    </O:p
    3. เมื่อโลกเอียงในลักษณะก้มหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำจากขั้วโลกก็จะพากันไหลหลั่งลงสู่เบื้องล่างเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ ในอันที่จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมแผ่นดิน และบริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่จะกลืนแผ่นดินต่อไป<O:p</O:p
    </O:p
    4. ขณะเดียวกันก็จะกำหนดให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้มหาสมุทรบริเวณขั้วโลกใต้ เพื่อกระเทาะเอาก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้หลุดออก เพื่อใช้เป็นมวลในการถ่วงดุลด้านน้ำหนักมวลระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ในกระบวนการทางเทคนิคที่จะกล่าวถึงในข้อ 5 และ 6 เป็นลำดับต่อไปนั่นเอง<O:p</O:p

    5. เมื่อครบ 15 วันตามกำหนดที่จะชำระความครั้งใหญ่แล้ว แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม 8.5 องศา หรืออยู่ที่ 32 องศากับแนวดิ่งแล้ว ตรงพิกัดตำแหน่งนี้จะเป็นกำหนดเวลาที่ส่วนโค้งของโลก จะเริ่มบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีอีกต่างหากด้วย ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความในกรณีชำระโลกครั้งใหญ่ ที่มนุษย์จะสังเกตมายาได้ก็คือ ฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลง ผิดปรกติ<O:p</O:p
    </O:p
    6. ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้วโลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียนกลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตนต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี<O:p</O:p
    </O:p
    ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!<O:p</O:p
    </O:p
    7. คำกล่าวที่ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...