ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ arayagood [​IMG]
    ลุงเค..ผลไม้เมืองนอกนี่ฮานะ 555 เขาเอามาฝากลุงหรือเปล่า เผอิญส่งไปผิดบ้านน่ะ 555
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    23 มิ.ย. 55

    คงส่งไม่ผิดบ้านหรอก บ้านลุงบ้านเลขที่ก็ชัดเจน

    เนื่องจากเมื่อวาน สีแดงเขาชุมนุมกันแถวบ้าน มีตำรวจมากเลยเอามาหย่อนข้างบ้านตำรวจคือขอฝากไว้ก่อน พอดีมี อปพร. มาขายชั้นไม้ตรงข้ามร้านลุงเลยรีบแจ้ง สน.ดอนเมืองมาดู จากนั้นตำรวจก็แจ้ง สพ. ทอ.
    จบข่าว

    เคอิสรา<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    วันนี้ดูเจจุงวอน เป็นการแพทย์สมัยใหม่ในเกาหลี เมื่อเริ่มนำในประเทศครั้งแรกมีการเข้าใจผิดต่อต้านประท้วงกันมาก
    จึงเห็นพระมหากรุณาธิคุณที่ ร.5 พระองค์มองกาลไกลส่งพระราชโอรสไปเีัีรียนการแพทย์ แล้วนำมาเปิด รพ.ศิริราช
    (อาจเขียนราชาศัพท์ไม่เป็นบ้างนะ)
    ในหลวง ร.9พระองค์ทรงมองกาลไกลให้นำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ประชาชนชองพระองค์จะได้อยู่รอดไม่ว่ามีภัยธรรมชาติหรือภัยเศรษฐกิจ เราไม่อดตาย เพราะเราพึ่งตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2012
  3. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ขอบคุณคุณTreetorn นักบิน F16ที่ช่วยไขข้อสงสัย
     
  4. นางไพจิตต์

    นางไพจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +956
    .....................................................................
    สวดดึกๆได้ไหม...ช่วงนี้ไม่ทัน....แล้วมีบทสวดพิเศษไหมค่ะ...:cool:
     
  5. TREETORN

    TREETORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +199
    ผมไม่ได้เป็นนักบิน เอฟ-16 หรอกครับแค่คนสนใจการบินครับเท่านั้นครับ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นิมิตฝันวันสิ้นโลก(ยุคเก่า)ของคนไทย !!!
    (อ่านนิมิตของฝรั่งมาเยอะแล้ว ลองมาอ่านนิมิตของคนไทยดูบ้างครับ)

    [​IMG]

    Noterider สมาชิก

    สวัสดีครับ ผมได้มีโอกาสติดตามกระทู้ต่างๆ ในห้องภัยพิบัติมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะเริ่มสนใจเรื่องนี้หลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว เรื่องของเรื่องก็คือว่า เมื่อต้นปีที่แล้วช่วงเดือนเมษา-พฤษภา ผมได้ฝันเห็น ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่มาก มาเป็นแบบคลื่นยักษ์

    ฝันแบบนี้ติดต่อกันถึงสามครั้ง ในช่วงเวลาที่ไม่ห่างกันมาก และก่อนจะฝันเห็นน้ำท่วม ก็ฝันเห็นพญานาคสีดำทะมึนตัวใหญ่มาก มีอักขระโบราณดูแปลกๆสะท้อนแสงอยู่ตามร่างกายดู น่าเกรงขามมากๆ ลอยขึ้นลงหนือน้ำหน้าบ้านผม ซึ่งในฝันนั้น หน้าบ้านผมได้เป็นชายทะเลเวิ้งว้าง ท้องฟ้าดำมืดดูน่ากลัว แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย คิดว่ามันแปลกนิดหน่อยที่ฝันติดๆกันในแบบเดิมๆ เพราะปกติเป็นคนที่ไม่ได้หมกมุ่นในเรื่องแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นน้ำก็ท่วม

    พอเข้ามาต้นปี55 ก็ฝันอีก ในฝันนั้นผมอากาศเย็นขื้นมาฉับพลัน เย็นยะเยือก ผมพาเมียและลูกสาว วิ่งหนีเข้าครัวเพื่อที่พยายามจะจุดเตาแก๊ส เพื่อเพิ่มความอบอุ่น เพราะในฝันนั้นเหมือนจริงมากๆ รู้สึกได้ถึงความเย็นจริงๆ ผ่านมาได้ไม่กี่เดือนผมก็ฝันอีก วันนั้นเป็นวันที่ 11เมษาที่ผ่านมา ผมรู้สึกเพลียจึงงีบหลับไปในตอนกลางวัน ในฝันนั้นเกิดแผ่นดินไหวในกรุงเทพ ผมกับคนอีกหลายๆคนก็พากันวิ่งหนีหาที่ปลอดภัย ผู้หญิงบางคนวิ่งหนีเลียบไปทางใต้ตึกสูง

    แรงสั่นสะเทือนทำให้กระจกของตึกแตกกระจายลงมาใส่ จนเสียชีวิต ผมมองขึ้นฟ้าไปเห็นกลุ่มควันขนาดมหึมา พวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า คล้ายๆกับเป็นควันที่ออกมาจากปล่องภูเขาไฟยังไงยังงั้น หลังจากนั้นผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงจากที่ผมฝัน ข่าวก็ออกว่ามีแผ่นดินไหวใต้ทะเล 8.9 ริกเตอร์ ที่เกาะสุมาตตรา

    และหลังจากนั้นอีกเดือนกว่าๆ ผมก็ได้ฝันอีก ในฝันเป็นเมือง น่าจะเป็นกรุงเทพ ท้องฟ้าหม่นหมอง แล้วจู่ๆก็เกิดฟ้าผ่า ฟ้าเริ่มแดงเหมือนมีพายุใหญ่ แล้วสุดท้ายก็มืดดับไปเลยในเวลาอันรวดเร็ว

    และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ได้ฝันอีกครั้งหนึ่ง ในฝันเป็นเวลากลางคืน มีลูกไฟเล็กใหญ่มาจากไหนไม่ทราบ เพราะในฝันผมไม่ได้มองขึ้นฟ้าเลย เพราะผมมัวแต่หลบ หลายคนถูกไฟตกใส่ร่างกายไหม้เกรียม คนต่างวิ่งกรีดร้องหนีตาย ผมสงสัยกับความฝันที่เกิดขึ้นกับตัวเอง วันหนึ่งมีลูกค้ารายนึงเป็นผู้หญิงมาซื้อของ เค้าดูเหมือนคนปฏิบัติธรรม แล้วก็มาชวนผมคุยเกี่ยวกับวันฟ้าดับ ผมก็งงๆ มาชวนคุยเรื่องนี้ทำไม แต่ทีนี้สิ่งที่เค้าพยายามเล่ามันเหมือนกับที่ผมฝัน ทำให้ผมตั้งใจฟัง

    แล้วจู่ๆขนผมเกิดลุกขึ้นมา เค้าก็บอกว่าขนเขาก็ลุก จากนั้นเค้าก็บอกกับผมว่า เค้าสัมผัสอะไรในตัวผมได้ และบอกอีกว่า ที่ผมฝันนั้นมันมีเหตุผล ที่ผมเห็นมันคือนิมิต ผมมีหน้าที่ช่วยคน ผมก็งงใหญ่เลยทีนี้ ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด จะไปช่วยใครเขาได้ยังไง ลูกค้าคนนี้ก็พูดทิ้งท้ายไว้ว่า ถึงเวลานั้นผมก็จะรู้เอง


    นี่คือเรื่องของผม อยากทราบว่ามีใครที่เป็นคล้ายๆผมไหมครับ ผมไม่ใช่คนปฏิบัติธรรม แต่ก็ชอบทำบุญนะ อาจจะไม่บ่อยมาก จึงสงสัยว่าเราไม่ใช่คนปฏิบัติ มันจะมีนิมิตเรื่องแบบนี้ได้ด้วยหรือ แล้วที่สำคัญก็ไม่ใช่คนที่หมกมุ่นกับเรื่องพรรค์นี้ ไม่เคยเชื่อกับ 2012 โลกแตกมาก่อนเลย สงสัยจริงๆครับ

    25-06-2012, 02:48 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A1.345685/

    เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตตามวิถีชุมชนพึ่งตนเอง

    [​IMG]


    buddhpunjat สมาชิก

    ด้วยเห็นว่ามีเพื่อนๆ หลายคนในห้องสนใจว่าจะทำอยู่ทำกินอย่างไร ในยามที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างที่เราเคยชิน...คำตอบของเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นที่จะต้องหันมาเรียนรู้วิถีของชุมชนพึ่งตนเอง ซึ่งความจริงชีวิตเราใกล้ชิดกับชุมชนพึ่งตนเองมานานมาก แต่เนื่องจากเราอยู่ในสายงานสื่อสิ่งพิมพ์และกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ในส่วนตัวจึงไม่ได้เรียนรู้งานในเรื่องเกี่ยวกับการทำอยู่ทำกินสักเท่าไหร่ ชีวิตที่ผ่านมาจึงเป็นเหมือนทัพพีที่ไม่รู้รสแกงอย่างนั้น

    ในวันนี้...สถานการณ์ทุกอย่างทำให้ต้องถอยมาชนฝา คนเมืองอย่างเราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพาตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ถือว่า...เรามาเริ่มเรียนความรู้ที่แต่ละคนจะช่วยกันมานำเสนอในห้องนี้ไปพร้อมๆกัน เพื่อที่แต่ละคนจะได้มีความรู้ ความเข้าใจว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไร จะทำอยู่ทำกินอย่างไร ในยามที่ไม่มีห้างสรรพสินค้า...ไม่มีซุปเปอร์มาเก็ต...ไม่มี 7-11...ไม่มีตลาด ไม่มีร้านค้าปากซอย...ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างที่เคยมี เคยชิน...

    ต่อไปพี่น้องในบอร์ดพลังจิต คงจะต้องหล่อหลอมตัวเอง เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งให้แก่ตนเองและคนรอบข้าง และเผื่อแผ่ความรู้ต่อไปให้แก่เพื่อนบ้าน ให้แก่คนในชุมชนของตนเอง สร้างชุมชนของตนให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และเมื่อชุมชนเข้มแข็ง ประโยชน์ที่จะสะท้อนกลับมาหาเราก็คือ อาชญากรรมในชุมชนก็จะมีน้อยตามไปด้วย

    เพราะการที่เราเตรียมทุกอย่างพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ภัยธรรมชาติ แต่มันก็ไม่ใช่คำตอบว่าเราจะรอดจากภัยที่ถูกบุคคลอื่นคุกคาม เพราะความพร้อมมากนั่นแหละ...จะชักนำภัยจากคนมาหา ดังนั้น...สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถแย่งยื้อเอาไปได้ก็คือ...ความสามารถในการดำรงชีพของตัวเราเอง...เพราะต่อให้ทุกอย่างหมดไป ถูกแย่งยื้อไป เราก็ยังสามารถที่จะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้ด้วยความสามารถที่เรามีอยู่

    และต่อไปนี้ก็คือ...สรรพวิชาที่แต่ละคนควรศึกษาและนำไปฝึกปฏิบัติเพื่อความอยู่รอดของตนเองและครอบครัว และเผื่อแผ่ความรู้ให้แก่คนรอบข้าง และเรื่องสำคัญที่เคยได้ฟังมา...ผู้ที่มีจิตอาสา มีจิตเอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อบุคคลอื่นๆ...เทวดาฟ้าดินจะอารักษ์คุ้มครองท่านสุดแรง...เท่าที่ผลบุญผลกรรมของท่านจัดสรรมา...นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ขอให้ทุกท่านตั้งจิตให้เป็นกุศลทุกเมื่อเถิด...สิ่งที่ดีที่สุดก็จะบังเกิด...ตามผลกรรมของแต่ละบุคคล
    ..................................................................................................................

    (หมายเหตุ : ถ้าสิ่งที่เกิดจริง หากเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก...แต่ความจริงนั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่กรรมจัดสรรให้เราแล้ว เพราะถ้ากรรมไม่จัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้ตามบุญกรรมที่เราทำไว้...สิ่งที่เราได้รับก็จะคือเรื่องที่สาหัสมากกว่านี้ ดังนั้นจึงควรทำจิตให้ยอมรับในสิ่งที่เกิด และไม่ควรต่อต้านสร้างพลังงานลบให้แก่ตัวเองเพิ่มขึ้น...นี่จึงคือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี และตั้งใจทำจิตให้เป็นกุศลต่อไป คิดแต่สิ่งดีให้กับตัวเอง และเรื่องดีๆก็จะตามมาอย่างที่เราคิด)

    ศึกษาเหตุผลต่อได้จากกระทู้นี้
    http://palungjit.org/threads/%E0%...8C.344902/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k_97 [​IMG]
    19 มิ.ย. 55

    ตรวจซ่อม ตู้ไฟ ปลอดภัย
    ป้องไว้ แต่เนิ่น ไม่เกิด
    ประมาท ก็จะ เลยเถิด
    ทำเถิด ก็จะ ปลอดภัย

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    24 มิ.ย. 55

    ข่าวช่อง3 ช่วงเย็น ได้ออกว่าไฟไหม้โรงเรียนสอนพิเศษ สาเหตุเกิดจากตู้ไฟฟ้า มีเด็กสำลักควันหลายคน

    ระวังต่อไป

    เคอิสรา<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    25 มิ.ย. 55 น้ำ

    ภาพนิมิต ได้เห็นก๊อกน้ำเกลียวนอก ในฝันให้หาวิธีอุดหรือปิดไม่ให้น้ำไหลทิ้ง

    ภาพนี้ จะสื่อว่าน้ำประปากำลังจะมีปัญหาคือไม่ไหล

    ไม่ไหลมีหลายสาเหตุ ท่อแตก ปิดซ่อม ฯลฯ

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    <TABLE id=post6309709 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6309709 class=alt1>อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k_97 [​IMG]
    24 มิ.ย. 55

    ข่าวช่อง3 ช่วงเย็น ได้ออกว่าไฟไหม้โรงเรียนสอนพิเศษ สาเหตุเกิดจากตู้ไฟฟ้า มีเด็กสำลักควันหลายคน

    ระวังต่อไป

    เคอิสรา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    25 มิ.ย. 55 รื่นเริงทัศนาจร

    ช่วงนั้น ถ้าได้อ่านบทนี้แล้วเหตุการณ์จะเกิดต่อเนื่อง <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6309709")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    เกิดเหตุอะไรขึ้นก้อตามหากเราไม่ช่วยตัวเองรอให้คนอื่นมาช่วย ก้อต้องรอความตายอย่างเดียว
    ดังคติที่ว่า
    "ตนแลเปนที่พึ่งแห่งตน "
     
  11. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    25 มิ.ย. 55

    ประปา ไม่ไหล ใฝ่รู้
    โฉมตรู ควรจะ ตระเตรียม
    น้ำดื่ม น้ำใช้ พอเพียง
    ไม่เตรียม ถ้าขาด อาจอด

    ปฐพี ไหวไหว ใครรู้?
    เผื่อกรู เข้ามา ตัดขาด
    ประชา ของคน ในชาติ
    อดอยาก ปากแห้ง ทั่วกัน

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำกาแทน
    <!-- google_ad_section_end --><!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2012
  12. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม....โดยพึ้นฐานถึงมีอะไรเกิดขึ้น...ในน้ำมีปลาในนามีข้าว...ถ้าไม่งอมืองอเท้าอยู่รอดปลอดภัยถึงไหนถึงกัน:cool:
     
  13. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    คนไทย....ไม่เคยทิ้งกันนะ:cool:
     
  14. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    เมื่อวันเสาร์เพิ่งถอดไฟฉุกเฉินที่บ้านมีไว้เวลาไฟดับจะติดเองอัตโนมัติ พบว่า ร้อนมากเพราะสัญญาณแสดงว่าสำรองไฟอยู่+แบตตอรี่ชาร์ทไฟตลอดเวลา
    แม่น ตรงมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  15. ณัฐวัฒน

    ณัฐวัฒน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +43
    ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ สมัยก่อนนะใช่ ในน้ำมีปลาในนามีข้าวแต่ปัจจุบันคนไทยกินกันหมดแล้ว อิอิ
     
  16. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    สมัยนี้คงต้องเป็น "ในบ้านมียา นอกบ้านมีโจร" แล้วล่ะมั้ง

    ติดกันเหลือเกินคนไทย เรื่องอบายมุขเนี่ย
     
  17. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    26 มิ.ย. 55

    ในภาพนิมิต แผ่นบาร์ของตู้เมนจะร้อนจัดจนแดงขึ้นมา สุดท้ายความร้อนจากแผ่นบาร์ก็จะแผ่กระจายไปยังเปลือกหุ้มสายไฟฟ้า ทำให้เปลือกสายไฟลุกไหม้ ถ้าเป็นสายไฟเส้นคู่ก็จะเกิดการลัดวงจรของระบบ ถ้าสะพานไฟตัดก็ไม่มีปัญหา ถ้าไม่ตัดก็จะเกิดการลุกไหม้

    ทุกๆหนึ่งปี ควรจะตรวจสอบสักหนึ่งครั้งเพราะการเดินของกระแสไฟฟ้าจะทำให้สกรูที่ขันยึดสายไฟฟ้ามีการคายตัว ทำให้กระแสไฟเดินไม่สะดวกทำให้เกิดการสะสมความร้อนตรงจุดที่หลวม

    ทุกจุดของการเข้าสายของสวิสต์เปิดปิด เต้ารับหรือจุดเชื่อมต่างๆก็เช่นเดียวกัน ถ้าเกิดความร้อนขึ้นต้องรีบจัดการแก้ไข

    การใช้เต้าเสียบและเต้ารับไม่สมดุลย์กันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้ได้

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มิถุนายน 2012
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุสุริยะกำลังทำให้สนามแม่เหล็กโลกมีปัญหา !!!

    [​IMG]

    <TABLE class=tborder id=post6292946 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247)" width=175>Aunyasit
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2005
    ข้อความ: 1,418
    Groans: 0
    Groaned at 133 Times in 31 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 9,972 ครั้ง ใน 1,101 โพส
    พลังการให้คะแนน: 904[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]





    </TD><TD class=alt1 id=td_post_6292946 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239)">ในช่วงแรกๆของการเกิดภัยพิบัติ ให้ญาติธรรมทุกท่านหลีกเลี่ยงหรืออย่าเข้าใกล้ สถานที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าย่อย หรือแม้กระทั่งพวกหม้อแปลงขนาดต่างๆ

    เท่าที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกมาก็คือฟ้าจะผ่าลงตรงโรงไฟฟ้าหรือสถานที่แหล่งกำเนิดไฟฟ้าต่างๆ และจะเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่และเสียงดังมาก และ เข้าใจว่าการที่ประจุไฟฟ้าแรงสูงลงตามสถานีไฟฟ้าต่างๆ รวมทั้งแหล่งกำเนิดไฟฟ้าบริเวณบริเวณเขื่อนต่างๆ ซึ่งแรงระเบิดนั้นจะทำให้มีผลกระทบกับเขื่อน อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้เขื่อนร้าวหรือแตกได้ครับ

    สำหรับคนที่หลบภัยอาศัยในสถานที่ๆ พอจะปลอดภัยตามสถานที่ต่างๆ ที่พอจะอยู่ได้ หลังจากภัยพิบัติแล้วความเป็นอยู่คงลำบาก ก็ควรหาทางปลูกพืชผักกินได้ รวมทั้งเตรียมพื้นที่ทำกินไว้ รวมทั้งแหล่งน้ำสะอาดไว้ให้พร้อม เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ปัจจัยสี่สำคัญมากๆครับ ความโกลาหลส่วนหนึ่งก็ จะเกิดจากการแย่งชิงปัจจัยสี่กันนี่แหละครับ คนบางส่วนอาจจะต้องอดตาย หนาวตาย เพราะไม่ได้เตรียมการ

    เมื่อเกิดสงครามขึ้น ในขอบเขตประเทศไทยจะปลอดภัยเฉพาะบางพื้นที่ครับ เขตที่มีพุทธานุภาพคุ้มครองจะปลอดภัยจากนิวเคลียร์ แต่จะมีสถานที่ใดบ้างนั้นตอบได้ยากครับ

    ภูมิสถานในแต่ละที่จะมีความแตกต่างกัน สถานที่ ที่แต่ละคนตัดสินใจไปอยู่ในยามภัยพิบัตินั้นขึ้นอยู่กับบุญวาสนาและกรรมเวรของแต่ละคนครับ บุญ-บาปจะเป็นผู้จัดสรรให้เราเอง บางคนอาจจะได้ไปอยู่ในสถานที่ที่ดี แต่บางคนอาจจะได้ไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่พึงปรารถนา ครับ บางครั้งอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องศึกษาเบื้องลึกของภพภูมิที่ซ้อนกันกับสถานที่ที่เราจะไปอาศัยอยู่ อย่างบางที่เป็นเขตของตระกูลยักษ์ แต่เราเป็นเชื้อสายทางพญานาค เมื่อไปอาศัยอยู่ในเขตนั้นก็จะไม่มีความสุข หรือในทางกลับกันหากเป็นเขตของเชื้อสายพญานาค พวกลูกหลานยักษ์ไปอยู่ก็จะไม่ราบรื่นเช่นกัน

    หากเป็นไปได้ สถานที่ ที่เราควรแสวงหาก็คือเขตของเทพ พรหมและพระอริยเจ้า รวมถึงเขตที่มีพุทธานุภาพหนาแน่น ก็จะทำให้เรามั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้นครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://palungjit.org/threads/กระทู้...ธิ์-ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่.344425/page-5

    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ

    'ฮารัลด์ เลสช์' (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย 'มิวนิค' ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ 'ฮารัลด์ เลสช์' สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศแต่ทว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้

    แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก

    สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุด จนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์ จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน

    ที่มา http://atcloud.com/stories/25684

    ลิ้งค์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน

    "พายุสนามแม่เหล็ก"แรงสุดในรอบ 6 ปี" หายนะคืบคลานสู่โลกาวินาศ ปี 2012 ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "คนบาป" ที่กำลังจะถูกลงทัณฑ์จากพระเจ้า !!!

    [​IMG]

    ยามเย็น บนถนนสายหลักในเมืองแห่งนี้ พลุกพล่านไปด้วยรถราที่รีบร้อนมุ่งจะไปให้ถึงที่หมายก่อนตะวันตกดิน ภาพของเด็กนักเรียนชายหญิงนั่งเบียดเสียดกันเต็มรถ ผู้คนที่เพิ่งเลิกจากงาน บวกกับแม่ค้าที่เข็นรถตะเบ็งเสียงขายของแข่งกับเสียงเครื่องยนต์บนถนน เป็นความเคยชินที่คนอาศัยในเมืองอย่างผมเห็นจนเลิกคิดที่จะหาคำตอบว่า ทนอยู่กับความวุ่นวายเช่นนี้ทุกวันได้อย่างไร?

    ยิ่งย่ำเย็นเข้าไปมากเท่าไร วิถีการใช้ชีวิตเยี่ยงคนในเมืองดูจะออกรสชาติมากขึ้นเท่านั้น ไฟฟ้าตามเสาสว่างขึ้นพรึบพรับเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกพอดี พอเริ่มมืดรถเข็นของพ่อค้าแม่ขายก็สว่างไสวส่องให้เห็นขนมคาวหวานที่วางขายชวนดูให้น่าลิ้มลอง หลายร้านเป็นรถขายอาหารตามสั่ง วางโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกินกันตรงนั้นเลย ชีวิตกลางวันที่เหน็ดเหนื่อยเพราะต้องทำงาน พอตกค่ำจึงออกมาหาความสะดวกสบายด้วยการซื้ออาหารง่ายๆ โดยไม่ต้องทำเองมาทาน พูดถึงของที่ขายก็ไม่แพงมากนัก ข้าวห่อหนึ่งยี่สิบบาท ทำสดๆ กินกันร้อนๆ พอได้ถูกใจคนบริโภค เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างคนซื้อคนขาย เป็นธุรกิจกลางคืนที่ทำรายได้งามให้คนที่ขยันทำมาหากินรับไปเหนาะๆ กว่าจะขายเสร็จบางทีก็เที่ยงคืน เหนื่อยหน่อยแต่ก็ยิ้มได้เมื่อเห็นเงินที่รับมาคุ้มกับแรงที่เสียไป

    กลางคืนสำหรับคนในเมืองดูเหมือนจะตอบสนองความอยากสบายได้ดีทีเดียว อากาศที่คลายความร้อนลงแล้ว ถนนที่โล่งว่าง ทำให้สะดวกต่อการนั่งรถเครื่องไปโน่นไปนี่เพื่อชมความศิวิไลซ์และแสงสี ธุรกิจหลายประเภทที่จะทำกำไรได้เฉพาะเวลาตกค่ำ ธุรกิจบางอย่างถือว่ากลางคืนคือเงื่อนไขสำคัญของการลงทุนกันเลย

    กลางคืนมีไว้ให้เราได้พักผ่อน หยุดจากความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องทำงานในตอนกลางวัน แต่วิธีของการใช้เวลาเพื่อพักผ่อนของแต่ละคนดูหลากหลาย บางอย่างก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชนบทตามป่าเขา หลังตกค่ำไม่กี่นาที ทานอาหารเสร็จก็กางมุ้งเข้านอน เป็นวิธีการพักผ่อนที่ได้รับประโยชน์และคืนพลังงานให้กับร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ต้องอาศัยเครื่องมือหรือสื่อบันเทิงเป็นตัวช่วยก็มีความสุขกับวิถีชีวิตง่ายๆ

    ลองหันกลับมามองคนในเมืองแบบเราๆ รอบๆ ตัวแล้ว ต้องหอบลมหายใจให้เหนื่อยได้ไม่หยุด คิดๆ ไป ทำไมยิ่งมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย ยิ่งหมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เรายิ่งดูเหมือนไม่ค่อยมีเวลาที่จะใช้หลับนอนมากขึ้น ต้องคอยแบ่งเวลาให้กับความบันเทิงที่เทคโนโลยีสร้างให้ โดยอ้างมั่วๆ เหมือนปลอบตัวเองว่านี่คือการพักผ่อน ใครพอจะทราบบ้างว่า ต้องใช้พลังงานมากเท่าไรเพื่อใช้ตาจ้องไปที่จอทีวีสามสี่ชั่วโมง เพื่อดูรายการที่ตัวเองโปรดปราน ทั้งๆ ที่สมองล้าเต็มที กระนั้นก็ยังยอมอดนอนได้

    คำว่าพักผ่อนของคนในเมือง ต้องเพียบพร้อมด้วยแสงสี ต้องมีเครื่องดื่มเย็นๆ ต้องมีอาหารจานโปรด ต้องนั่งอยู่ริมถนน บนฟุตบาท หรือในบาร์ไนต์คลับ ต้องมีคนข้างๆ ต้องมีเสียงเพลง ต้องมีหนังสนุกๆ ต้องจบด้วยการกลับเข้าบ้านดึกๆ แบบเปลี้ยเต็มที่ แล้วหลับยาวจนพระอาทิตย์ขึ้นโด่งในวันรุ่งขึ้น หรือบางครั้งก็จบโปรแกรมด้วยสิ่งที่เป็นการทำบาปใหญ่อีกชิ้นหนึ่ง มันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้กับทุกคน และอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทุกคืน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันมีจริงในสังคม

    ภาพของผู้คนที่หลงลืมอยู่กับความบันเทิง เบื้องหลังความสลัวของแสงสีที่คลุ้งด้วยกลิ่นมะอฺซิยัต ในขณะที่องค์อภิบาลกำลังมองพวกเขาอยู่ทุกคืน พวกเขาหารู้ไม่ว่า อยู่ในภาวะที่พร้อมจะได้รับทัณฑ์จากพระองค์ ความน่าอดสูของการเป็นมนุษย์ คือการใช้นิอฺมัตของอัลลอฮฺ ปรนเปรอความต้องการของตัณหานี่เอง

    สิ่งที่น่าสลดใจมากๆ ก็คือ ความทันสมัยของวัฒนธรรมใหม่ และการแผ่กว้างของการสื่อสาร เป็นปัจจัยหนึ่งที่ได้กลืนสังคมทุกสังคมให้เป็นสังคมเดียว บางทีเราทุกคนก็เคยคิดว่าไม่ง่ายเลยที่จะแยกระหว่างหนุ่มสาวมุสลิมกับหนุ่มสาวกาฟิรฺในภาพของสังคมทุกวันนี้

    คนที่อาศัยในเมืองส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนรุ่นใหม่ อย่างพวกหนุ่มๆ สาวๆ เป็นนักเรียนนักศึกษาที่มาจากหมู่บ้านนอกเมือง บ้างก็มาจากที่ไกลเป็นร้อยกิโลเมตร มาอยู่รวมกันเป็นสังคมเมือง บรรยากาศและภาวะแวดล้อม ได้หล่อหลอมให้ผู้คนเหล่านี้เป็นเหมือนตัวแทนของวิถีการใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนที่มีความรู้ ทันต่อโลกและการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นเหยื่อของความบันเทิง ที่เกือบทั้งหมดล้วนมีส่วนผสมของมะอฺซิยัตทั้งสิ้น

    บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมชีวิตในเมืองช่างดูสกปรก ช่างห่างไกลจากความบริสุทธิ์แบบง่ายๆ เหมือนในชนบทเสียเหลือเกิน เพราะเวลานั่งกินก๋วยเตี๋ยวหรือทานอาหารเย็นตรงร้านริมถนน นอกจากต้องพบกับฝุ่นและควันจากท่อไอเสียแล้ว ความรู้สึกและบรรยากาศรอบๆ ข้าง ยังคละเคล้าไปด้วยกลิ่นอายความหดตัวของจริยธรรมอยู่ลางๆ มีใครเคยคิดบ้างไหมว่า จะทำเช่นไรให้ชีวิตคนเมืองดูสะอาดขึ้นบ้าง

    ถ้าเราท่านตีความหมายของชีวิตว่าเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเอง ใครเคยหวนคิดบ้างว่า ในระยะยาว สังคมเช่นปัจจุบันให้ความสงบสุขอะไรกับเราบ้าง ภาพที่เห็นเช่นทุกวันนี้ สามารถรับประกันความมั่นคงของอนุชนรุ่นต่อไปได้มากแค่ไหน เด็กและเยาวชนอายุรุ่นตั้งแต่ไม่ถึงสิบกว่าขวบในวัฒนธรรมใหม่อย่างในเมือง ตกค่ำปุ๊บก็เร่เข้าร้านเกมส์หรืออินเตอร์เน็ต นั่งเล่นกันจนถึงสามสี่ทุ่มโดยไม่รู้ว่าได้รับประโยชน์อะไรจากการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ถึงสามสี่ชั่วโมง นอกเสียจากได้หัวเราะ เฮฮา บั่นทอนสุขภาพ และรับเอานิสัยของตัวประกอบในคอมพิวเตอร์มาบ่มเพาะตัวเอง เพราะเทคโนโลยีมันพาไป เราจึงเข้าใจว่าเทคโนโลยีคือทุกอย่างที่เด็กควรจะต้องรู้ทัน โดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาเด็กในด้านความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของสังคมและจริยธรรมของมวลมนุษย์บ้าง

    ค่ำคืนที่มืดมิด แต่ในเมืองยังมีแสงสว่างส่องสลัวจนถึงเช้า เสมือนเป็นความร้อนที่คอยฟักให้ไข่ของวัฒนธรรมแห่งการหลงลืม กะเทาะเปลือกออกมาขยายพันธุ์อย่างไม่สิ้นสุด

    รัตติกาลที่แท้จริง มีความงดงามที่เป็นพลังซ่อนเร้น มีหมู่ดาวที่ทอแสงประกายระยิบระยับ มีเสียงจักจั่นเรไรที่ขับกล่อมให้สรรพสิ่งได้หลับสบาย แต่คนในเมืองไหนเลยจะสัมผัสกับความเรียบง่ายของธรรมชาติเหล่านั้นได้ เพราะดวงตาถูกปกปิดด้วยแสงสีที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น สองหูก็อัดแน่นด้วยเสียงที่ดังออกมาจากลำโพงทีวีหรือไม่ก็เครื่องเสียงรุ่นดิจิตอล

    ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงอยากอยู่ในเมืองกันนัก? หวนนึกถึงตัวเอง ความจำเป็นอะไรที่บีบคั้นให้ผมก็ต้องเป็นคนหนึ่งที่ต้องพึ่งสังคมของผู้คนที่วุ่นวายและขาดความเงียบสงบเช่นนี้ เราสร้างชีวิตอื่นได้ไหม? จะเป็นอะไรขนาดไหนเชียว ถ้าต้องอยู่กินแบบคนอาศัยในกระต๊อบไม้ไผ่เล็กๆ ริมสวน มีที่สักแปลงเอาไว้ปลูกผักปลอดสารพิษกิน เลี้ยงไก่สองสามตัวเอาไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา สอนลูกๆ หลานๆ ให้รู้จักใช้ชีวิตเยี่ยงคนของธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีเป็นตัวผลิตความสะดวกสบายที่แฝงด้วยภัยร้ายที่เราต่างมองไม่เห็น

    บางทีคำพูดข้างต้นอาจจะดูเกินไป และเราเองก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำถึงขนาดนั้น เพียงแค่จะตอกย้ำว่า ถ้าชีวิตมุ่งหมายที่จะให้อยู่ได้ด้วยความสุฃ ปลอดภัย และมั่นคง บางครั้งเราก็อาจจะตัดสินใจผิด ถ้าคิดว่าวัฒนธรรมเมืองคือทุกอย่างที่เราใฝ่หา

    ดึกแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงคืน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองทนอยู่ได้ไม่ยอมหลับนอนเสียที รัตติกาลของคนเมืองช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ปกติ ทุกวันผมเองก็ไม่เคยมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนี้เหมือนกัน เพราะอย่างน้อยก่อนนอนก็มีรายการทีวีให้ชมจนเพลินหรือลืมที่จะใช้สมองกับเรื่องราวหนักหัว ตั้งแต่สมัครมาเป็นคนทันสมัย ผลผลิตของความนึกคิดที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและคนอื่นดูลดหย่อนลงไปจนเกือบสูญ ทีนี้ก็ถึงคราวที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทำอย่างไรดี ถ้าหากจำเป็นต้องอยู่เป็นคนเมืองต่อไปเรื่อยๆ จะเอาพลังมาจากไหนเพื่อทวนกระแสสังคมที่เชี่ยวกราก หรือจะใช้อะไรขวางมันดี

    บทสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้ จบลงด้วยการที่ต้องยอมรับว่า เมืองมีสังคมที่ซับซ้อนด้วยปัญหาและการหลอมตัวของความตกต่ำทางจริยธรรมที่แทรกซึมเข้าไปในวิถีชีวิตของผู้คน ใครที่รู้บ้างว่าท่ามกลางความวิกาลที่ไม่เคยมืดสนิท มีบ่าวของพระเจ้ากี่คนตกอยู่ในภวังค์แห่งบาป หรือจมปลักอยู่ในภาวะมึนเมา วัยรุ่นกี่คนที่เป็นเหยื่อของยาเสพติด หนุ่มสาวกี่คู่ที่สังเวยอนาคตให้กับอารมณ์และตัณหา เรื่องราวเหล่านี้หรือจะสร้างความสุขให้กับมนุษย์ เรารู้สึกปลอดภัยมากแค่ไหนที่ต้องอยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมของภัยเงียบที่จะขย้ำเราเมื่อไรก็ได้

    รัตติกาลของคนเมือง อาจจะสนุกสนานบันเทิง และน่าสัมผัส แต่ก็ซ่อนไว้ซึ่งผลพวงอันน่ากลัวที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย.
    ....................................................................................................
    บทความจากหนังสือ "ว่าด้วย .. สังคม"
    โดย ซุฟอัม อุษมาน

    ที่มา http://www.iqraforum.com/forum/index.php?topic=3281.0;wap2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "จอมมาร"จะมาครองโลกก่อนวันสิ้นยุคเก่า !!!

    [​IMG]

    ดัจญาลคือใคร?

    สัญลักษณ์หนึ่ง ก่อนการมาปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (พระเจ้าจักรพรรดิ์) อิมามคนสุดท้ายแห่งวงศ์วานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) คือการปรากฏตัวของ "ดัจญาล" เขาจะมาสร้างความปั่นป่วนและความหายนะบนหน้าแผ่นดินนี้ในยุคสุดท้ายของมนุษยชาติ ท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีนอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าว่า "ก่อนวันสิ้นโลก (กิยามัต) จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นสิบเรื่องราว ซึ่งการปรากฏกายของสุฟยานีย์ และดัญญาลนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน"

    ในมุสลิมพี่น้องสุนนะฮ์ ก็มีบันทึกเรื่องการมาปรากฏกายของดัจญาลเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกับมุสลิมชีอะฮ์ ตรงที่พี่น้องสุนนะฮ์เชื่อว่าการมาปรากฏกายของดัจญาลนั้น เป็นสัญลักษณ์ของวันกิยามัต (วันสิ้นโลก) และพี่น้องชีอะฮ์เชื่อว่าการมาปรากฏกายของดัจญาล เป็นสัญลักษณ์ของการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) แต่ก็ถือว่าไม่ต่างอะไรกัน เพราะการมาปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น ก็เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลกเช่นเดียวกัน

    แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า "ดัจญาล" คือใคร? คืออะไร? และมีคุณลักษณะอย่างไร? ซึ่งเราควรที่จะทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ต่อแก่นแท้ของดัญญาล ตามรายงานต่างๆ ที่มี "ดัจญาล" คือบุคคลหนึ่งซึ่งจะมาปรากฏกายในยุคสุดท้ายของมนุษยชาติ ก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ดัจญาลจะออกมาสร้างความปั่นป่วน และความหายนะอย่างมากมายโดยการลวงล่อมนุษยชาติให้หันเหออกจากแนวทางที่เที่ยงตรง

    "ดัจญาล" ไม่ใช่นามของบุคคลที่ถูกเฉพาะเจาะจง แต่ทว่าเป็นนามของบุคคลซึ่งที่มักจะกล่าวอ้างสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ ไร้ความน่าเชื่อถือ และเขาจะมีแต่เล่ห์เพทุบาย ในการหลอกลวงประชาชน ดังนั้นมนุษย์คนใดก็ตามที่มีคุณลักษณะเช่นนี้เขาผู้นั้นคือ "ดัจญาล" ตัวจริงเสียงจริง ซึ่งตามรายงานอย่างมากมายได้ตอกย้ำถึงคุณลักษณะนี้เอาไว้อย่างชัดเจน

    ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้มีวจนะเอาไว้ว่า "วันสิ้นโลกจะไม่บังเกิดขึ้น จนกว่ามะฮ์ดีจากวงศ์วานของฉันจะมาปรากฏกาย และมะฮ์ดีก็จะยังคงไม่ปรากฏกายจนกว่าจะมีผู้โกหก 60 คน จะปรากกฏขึ้น และทุกคนเหล่านั้นจะกล่าวว่า ฉันคือศาสดา"

    ดัจญาล มีรากศัพย์มาจากคำว่า "ดาญาลา" หมายถึง "การโกหกชนิดเขี้ยวลากดิน" ในรายงานต่างๆอย่างมากมายที่ได้ให้ความหมายของดัจญาล ในนามของผู้โกหก ผู้หลอกลวง ผู้ชั่วร้าย ผู้ปกปิด ฯลฯ ซึ่งสามารถที่จะสรุปได้ว่าบุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้ที่โกหกชนิดเขี้ยวลากดิน และในแต่ละวันอยู่แต่กับการโกหกหลอกลวงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เขาคือดัจญาลในวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) และหากวันใดที่หน้าแผ่นดินนี้เต็มไปด้วยบุคคลเหล่านี้ วันนั้นคือวันซึ่งอิมามมะฮ์ดี (อ.) ตัวแทนแห่งพระผู้เป็นเจ้าคนสุดท้ายจากวงศ์วานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จะมาปรากฏกายในไม่ช้า

    ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ยังได้กล่าวไว้อีกครั้งหนึ่งว่า "ก่อนการปรากฏของดัญญาล จะมีมากกว่าเจ็ดสิบดัจญาลปรากฏขึ้นก่อน" หรือ "ก่อนวันสิ้นโลก ดัจญาลจะปรากฏขึ้น และก่อนการปรากฏดัจญาล จะปรากฏผู้พูดปดสามสิบคนหรือมากกว่า" ดังนั้นแสดงว่า ดัจญาลมีสองประเภท ประเภทหนึ่งคือดัจญาลตัวจริง และอีกประเภทคือบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่พูดจาโกหกปลิ้นปล้อน หลอกลวงประชาชนให้ไปสู่ความหลงผิด ก็คือดัจญาล เช่นกัน

    เมื่อพิจารณาถึงความหมายทางหลักภาษาของดัจญาล และพิจารณารายงานต่างๆ ดัจญาลจึงไม่ใช่บุคคลที่ถูกเฉพาะไว้ แต่หมายถึงมนุษย์ทุกคนที่อยู่กับการหลอกลวงประชาชนอยู่ตลอดเวลาเป็นนิจสิน หรือใครก็ตามที่คอยเกลี้ยกล่อมเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปสู่ความหลงผิด ผู้นั้นคือดัจญาล

    ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวของดัจญาล คือสิ่งที่มาอรรถธาธิบาย บรรดาผู้ที่อยู่กับการลวงหลอกผู้อื่น และหน้าไหว้หลังหลอกนั่นเอง บุคคลเหล่านี้จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อนำมนุษยชาติกลับไปสู่ยุคแห่งความป่าเถื่อน ด้วยวิธีต่างๆนานา ทั้งในเรื่องความคิด ความเชื่อ สังคม และหันเหความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่มุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของดัจญาลจึงเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งสำหรับมนุษย์ทุกคน และคงมีแต่ความศรัทธาที่มั่นคง และความตื่นตัวเท่านั้นที่จะทำให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายของดัจญาลได้

    ในการปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งเป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่นอนการหลอกลวงของดัจญาลก็มีมาก และยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ดัจญาลเหล่านั้นไม่ว่าจะอยู่ในคราบของมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมจะพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายจิตวิญญาณของมนุษยชาติ เพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่น และความศรัทธาของมนุษย์ ที่รอคอยการปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

    ด้วยเหตุนี้เองบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์วงศ์วานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จึงได้บอกข่าวการมาของดัจญาลพร้อมคุณลักษณะต่างๆ ให้ประชาชาติได้รับรู้ เพื่อที่จะได้ตื่นตัวและเตรียมพร้อม ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อแห่งการลวงล่อของดัจญาล ซึ่งในรายงานมีมากมายที่ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้ อาธิเช่น ในทุกๆศาสดาของพระองค์ จะมีการบอกข่าวถึงความชั่วร้ายของดัจญาลแก่ประชาชาติในทุกยุคนั้น เพราะดัจญาลคือศัตรูของบรรดาศาสดาในทุกยุคทุกสมัย จนมาถึงยุคปัจจุบัน

    สมควรที่จะกล่าวเช่นเดียวกันว่า เรื่องดัจญาลก็มีปรากฏอยู่ในคำภีร์อินญีลของชาวคริสเตียนอีกด้วย ซึ่งมีปรากฏหลายครั้งด้วยกัน ชาวคริสเตียนเชื่อว่าดัจญาลคือผู้ที่ปฏิเสธท่านมะซีฮ์ (ศาสดาอีซา) หรือปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร คำว่า "ดัจญาล" มีบันทึกอยู่ในคำภีร์ และในหนังสือวิชาการของชาวคริสเตียนที่เป็นภาษาอังกฤษว่า "แอนตี้ไครส์" หมายถึงผู้โกหกมดเท็จ ผู้หลอกลวง

    ดัจญาล อีกความหมายหนึ่งคือ อุปมาอุปมัยของการลวงโลก และการมีอำนาจทางวัฒนธรรม ทางวัตถุเหนือประชาคมโลกของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ความหยิ่งผยองในรูปลักษณ์ภายนอกเพื่อลวงหลอกประชาคมโลกโดยเฉพาะต่อบรรดามุสลิม ด้วยการนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในการครอบครองเช่นอำนาจด้านวัตถุ ด้านอุตสาหกรรม ด้านเศษรฐกิจ ด้านเทคโนโลยี เพื่อให้มุสลิมได้มีความเกรงกลัว ไม่กล้าที่เป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาได้

    ดังนั้นความหมายของดัจญาลที่ได้กล่าวไปจึงมีความเป็นไปได้สูงด้วยคุณสมบัติและคุณลักษณะและอำนาจต่างๆ ที่พวกคนเหล่านั้นมีในขณะนี้ นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของดัจญาลเช่นนั้น เนื่องจากคุณลักษณะของดัจญาลที่มีตามรายงานต่างๆ อย่างมากมายตรงกับมหาอำนาจในยุคปัจจุบันยิ่งนัก เช่นดัจญาลจะเดินทางไปในทุกๆ ที่บนโลกนี้ นั่นหมายถึงเทคโนโลยีที่มหาอำนาจเหล่านั้นมีอยู่ในครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่างๆทุกชนิดที่มีความซับซ้อนมากมาย ดาวเทียมต่างๆ ที่สามารถมองทะลุเข้าไปในบ้านผู้ใดก็ได้ ฯลฯ การครอบงำประชาคมโลกด้วยสื่อโฆษนาชวนเชื่อนานาชนิด ข้ออ้างการปกป้องสิทธิมนุษยชน สันติภาพ ความมั่นคง การให้ความช่วยเหลือที่มีนัยยะแอบแฝงของมหาอำนาจเหล่านี้คือ ความหมายที่แท้จริงของ "ดัจญาล"

    เขาถือว่าความยิ่งใหญ่ของพวกเขาสามารถปกครองประชาคมโลกได้ โดยการยึดเอาความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี ความมั่งมีที่พวกเขามี ล่วงล้ำอาณาธิปไตยของประเทศอื่น และจะบุกหรือยึดครองที่ไหนก็ได้ให้อยู่ใต้อาณัติของพวกเขาตามอำเภอใจ ด้วยข้ออ้างต่างๆนานา

    ดังนั้นความหมายที่แท้จริงของดัจญาล ในวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) คือผู้ที่เป็นศัตรูกับศาสนาของพระองค์ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในอุดมการณ์ของมุฮัมมัด ผู้ที่กดขี่ผู้อื่น ผู้ที่ไม่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ที่หน้าไหว้หลังหลอก และแน่นอนยิ่งดัจญาลคือผู้ที่จะสร้างความหายนะบนหน้าแผ่นดินนี้ และเมื่อนั้นอิมามมะฮ์ดี (อ.) ผู้ชี้นำแนวทางที่เที่ยงตรงจะมาทำสงครามกับ "ดัจญาล" เป็นการทำสงครามกันระหว่าง รัศมีแห่งพระผู้เป็นเจ้า กับความมืดมนแห่งความชั่วร้าย และรัศมีแห่งพระผู้เป็นก็จะมีชัยชนะเหนือดัจญาล เมื่อนั้นโลกใบนี้ก็จะมีแต่ความยุติธรรมในทุกๆ หนแห่ง

    ที่มา http://www.ahlulbait.org/main/printable.php?category=46&id=771
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dajjal01.jpg
      dajjal01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.5 KB
      เปิดดู:
      421
    • dajjal02.jpg
      dajjal02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.3 KB
      เปิดดู:
      36
    • 1_490.jpg
      1_490.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.8 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...