ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

... ขอบคุณกำลังใจนะคะ .. ก็ตอนนั้นยังดูแลตัวเองไม่ได้คะ มักเป้นภาระของพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นมาช่วยเสมอ .. เราเกรงใจผู้มีพระคุณทุกท่านที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเราไม่รู้จักโต .. งั้นวันนี้เราจะเล่าเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดกับเราหลังจากที่เราเข้ามาโพสข้อความเมื่อเช้ามืดให้ฟังนะคะ ... ส่วนมันจะเข้าตัวใครก้พิจารณาเองแล้วกัน .. อาจมีคำกระแทกหน่อยนะคะให้สมกับสิ่งที่คนเหล่านั้นทำกับเรา ...

 

.. สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ขอบอกก่อนว่ามันเป็นเพียง" แค่ความฝันของฉันเท่านั้น "
" เต่าในกระดอง "

... วันนี้เราเข้านอนเมื่อตอนเช้าเหมือนทุกครั้งไม่ได้สวดมนต์ .. ในความฝันนั้นเหมือนเราใช้ชีวิตประจำวันเหมือนปกติในห้องนอน .. ลูกสาวนั้นเล่นบนที่นอน ลูกชายไปโรงเรียน .. เราเดินไปมาในห้องหาของนั้น คือ สร้อยพระที่เราแขวนติดตัวประจำนั้นเองเพราะหลัง ๆ ไม่ค่อยได้ใส่แล้วแต่ในฝันเรากำลังเดินหาสร้อยไปทั่วห้อง ... เพราะเรารู้สึกว่าตรงแผ่นหลังถึงคอของเรา " มันร้อนมาก ร้อนจนควันขึ้น " เราหาจนเจอจึงเอาสร้อยนั้นมาคล้องคอแล้วหันพระ กับ ฤษี ไปไว้ด้านหลังเพื่อผลักดัน " ศัตูรที่มันลอบกัดเราข้างหลัง " มันรุนแรงพอสมควรเพราะเหรียญทั้งสองเรืองแสงออกมา ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ จนลูกสาวเราทักว่า " ม๊าเกิดไรขึ้น " เราตอบลูกว่า " อ้อไม่มีอะไรแค่หมาลอบกัดนะ " แล้วสักพักทุกอย่างก็สงบลง .. ทุกคนอาจสงสัยว่าเรากลัวไหมีตอนนั้นความรู้สึกในฝัน " เราไม่ได้กลัวคะ บอกแล้วเราโดนบ่อย "

... นั้น คือ สิ่งที่เราฝันในวันที่ 30 /08 /59 เวลาช่วงสาย ๆ เราจะขออธิบายให้เข้าใจกันนิดหนึ่งนะคะว่าความฝันของเรามันเรียกว่าอะไร .. เราขอใช้คำว่า " นิมิต " เพราะเราไม่ใช่ร่างทรง เราจัดเป็นพวกมีองค์เทวดามารักษาสังขารจึงไม่ได้มีความสามารถเท่าพวกร่างทรงเต็มขั้น ทุกอย่างมันยังไม่ถูกเติทให้เต็มจะมีเพียงความสามารถบางอย่างที่แต่ละคนมีมากบ้างน้อยบ้างต่างกัน ..

... ในความฝันของเราบ่งบอกว่า .. มีผู้พอมีวิชาอาคม มีฤทธิ์ ส่งคุณไสยย์ มากระทำร้ายเราแบบหวังผลร้ายแรงพอสมควร แต่ตัวเรามีปฏิกิริยาตอบโต้กลับในกำลังที่มากกว่าของที่ส่งมาทำให้เกิดอาการ " ออกร้อนบริเวณแผ่นหลังถึงต้นคอ " เพราะตรงบริเวณนี้ คือ จุดที่พวกโอปะปาติกะ คุณไสยย์วิชาขั้นกลางถึงขั้นสูงจะเจาะเข้าสู่ร่างกายของเราได้จากทางนี้ เมื่อพลังสองอย่างมันต้านกันอย่างรุนแรงจึงเกิดควัน และ แสงสว่างสีขาววีาบขึ้นที่องค์พระเพราะพุทธคุณจะออกมาต้านพลังด้านมืดที่ถูกส่งมานั้นเอง .. ถ้าลองสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่า " ผู้ที่มาสายสักยันต์ก็จะเอา " ยันต์ครู " ไว้ตรงกลางบริเวณแผ่นหลังกับต้นคอนั้นก้เพื่อไว้กันสิ่งต่าง ๆ ทะล่วงจุดนี้เข้ามาได้นั้นเอง หรือ การแขวนเครื่องรางไว้ด้านหลังหนึ่งชิ้นก็เพื่อกันการบุกรุกของสิ่งไม่พึงประสงค์เข้ามาในร่างกายของเราคะ

... วันนี้เราจึงไปสวดมนต์อธิฐานขอพรพระที่ฉันนับถือมาก .. เพื่อหาคำตอบของความฝันเพื่อความแน่ใจว่าเราคิดไม่ผิด

1. ว่าเราโดนลอบกัดจากคนที่ขี้ขลาดไม่กล้าสู้ต่อหน้าตรง ๆ ใช่ไหม๊ ?
2. ใครเป็นคนทำ ?
3. ของเหล่านั้นมันไปอยู่ที่ไหน ?
4. ตัวเราไม่มีของเหล่านั้นตกค้างในกายใช่รึไม่ ?
5. คนที่ทำตอนนี้โดนกรรมที่ทำสนองกลับแล้วใช่ไหม ?
6. คนที่ทำสำนึกในความผิดของตนที่ทำรึเปล่า ?
7. คนที่ทำมันยังมีจิตใจชั่วร้ายกับเราต่อไปอีก หรือ ไม่ ?
8. ท่านทั้งหลายที่คอยช่วยเหลือเราได้พิจารณาโทษของคนผู้นี้อย่างไร ?
9. สิ่งที่ครอบงำจิตใจเขาอยู่เป็นอะไรกันแน่ ?
10. เราควรจะทำยังไงต่อไปกับคนพวกนี้ดี ?
11. เราควรจะหยุดเขียนเรื่องราวในเว้ปนี้ต่อไป รึ กลับมาเขียนอีกครั้ง ?
12. ทางแก้ไขสิ่งที่คนเหล่านี้มาทำร้ายเรามีทางใดบ้าง ?

.... อาจดูเรื่องมากยุ่งยากนะคะ แต่เราเป้นคนแบบนี้จริง ๆ คะ ถ้าเรื่องอื่นธรรมดาเรามักจะมองข้ามไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องแนวนี้จะละเอียดอ่อนมาก เพราะถ้าผิดพลาดเราก็เกิดกรรมหนัก เพราะเขาหวังให้เราเป็นหนัก รึ ตาย .. นั้นคือสิ่งที่เขาหวังผลไว้แต่พลาดโดนเองนั้นก็ช่วยไม่ได้ .. เราก็ไม่ต้องไปรับกรรมหากเขาเกิดอะไรขึ้นเพราะเราไม่ได้ไปทำเขาก่อน เขาถูกกรรมที่เขาได้กระทำขึ้นตอบสนองตนเอง " กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง .. " ส่วนเราแค่ตั้งรับแบบไม่เจาะจงผู้บุกรุก ทำตัวเป็นเพียงกระจกที่สะท้อนเงากลับไป " .. ต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของภพภูมิจะเครียกันเองแล้วเราก็ทำตัวตามปกติต่อไป .. สวดมนต์ .. ไหว้พระ .. แนะนำคนเพื่อเป็นธรรมทานตามความรู้ความสามารถของตนเองต่อไป ..

......... เรายังสบายดีนะคะทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง .. เตรียมรอฟังเรื่องราวประสบการณ์แปลก ๆ ของเราได้เลยคะ ... เพราะที่หายหน้าไปนี้เราไปผจญภัยในโลกกว้างมา .. โดนมาเยอะอ่วมเลยคะ

 

คุณKalina คงจะโดนเล่นงานมาเยอะนะ แต่ก็ยังดีที่เอาตัวรอดมาได้ตลอด ผมเองยังสงสัยว่าทำไมคนที่ปฏิบัติธรรมจนจิตมีกำลังในระดับหนึ่งแล้ว ชอบใช้สิ่งที่ได้มาไปลองไปทำร้ายคนอื่น ทำไมเค้าไม่พัฒนาจิตใจตนเองตามแนวคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า หรือว่าคนจำนวนมากที่ปิบัติธรรมกำลังหลงทางกันอยู่นะ คือไม่ได้ทำเพื่อการถอดถอนกิเลสออก แต่กลับเพิ่มพูนกิเลสซะยังงั้น ที่พิมพ์มานี่ก็ใช่ว่าผมจะทำได้ดีนะ แต่ก็ยังพยายามทำดีอยู่ครับ

 

ยินดีที่กลับมาค่ะ

ปล. เราไม่เคยคิดร้ายใคร นั่นคือความจริง ที่มีในใจ เพราะฉะนั้นใครที่คิดร้ายกับเรา ถือว่าเขามีความประมาทเป็นที่ตั่ง ^_^ สู้ๆค่ะ

 

รอฟังเรื่องราวจากคุณกาลีนะ อีกคนนะครับ...ห้องนี้จะได้มีความรู้และความสุขเหมือนเดิมอีกครับ

 

เคยเจออยู่ครับ แบบประเภท ข้าเจ๋ง ข้าเยี่ยม ข้าแน่ สุดท้ายไป เจอของแข็งเข้า ส่งกลับ กระอักเลือดตาย

 

ติดตามค่ะ

 

เพิ่งอ่านกระทู้นี้ เป็นกระทู้ยาวที่ติดตามอ่านจนจบในวันเดียว ..ขอบคุณสำหรับเรื่องราวมากมายที่แบ่งปันกัน.. เป็นกระทู้ที่หลายอรรถรสมากๆค่ะ 5555 ยังงัยคุณกาลีนะ อย่าลืมอัพเดตเรื่อยๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

... อุตส่าห์บอกว่าจะกลับมาเขียนบทความใหม่ .. แต่ กาลีนะ ก็แว๊ปหายไปอีก .. ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ .. มีงานนอกมารุมเร้าเยอะไปหน่อยคะ.. ช่วงปลายปี และ ต้นปีเราเป็นที่จับตามอง และ หมายหัวจากหลายคนพอสมควร " เราเพิ่งรู้ว่าเรา .. มีค่าหัว .. กับเขาด้วย "
.
.... เพราะความที่สมัยนี้เป็นช่วง " หลังกึ่งพุทธกาล" ที่ในพุทธธรรมนายได้บอกไว้ความหนึ่งว่า
" อภิญญาจะเป็นสาธารณะ .. แต่จะไม่มี อรหันต์ จะมีแต่โสดาบันลงไป .. เทพ เทวดา จะลงมารักษาพระพุทธศาสนาแทน " เราเอามาแค่ใจความที่พอให้เข้าใจนะคะที่เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่เราเจอมา และ จะนำมาเล่าต่อไป .. แต่จะเป็นเรื่องในส่วนของ " ร่างทรง องค์ " ที่เราไปเจอมา เราจะขอเล่าในแบบมุมของเราที่เราเจอมาเอง และ จากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ เรานะคะ

** ไม่หวังให้ทุกท่านเชื่อในสิ่งที่เราจะเล่าหลังจากนี้ .. เพราะเราตั้งใจเอามาเล่าให้ฟังเพื่อเป็น " ธรรมทาน " เรายังยืนยันในเจตนารมณ์เดิม คือ เราไม่ปรารถนานิพพาน เราต้องการเพียงแค่ได้อยู่กับคนรักของเราอย่างสงบสุข ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก ดั่งที่เราได้เคยกล่าวไว้ตั้งแต่เข้ามาในเว็ปนี้แรก ๆ
.
.... จากวันนั้นจนตอนนี้เราได้พบเขาแล้วอีกครั้ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปดังที่เราเฝ้ารอคอยอธิฐานขอพรพระแม่อุมาท่านไว้ หรือ เปล่า เพราะยังมีสิ่งที่เรามิอาจจะทำอะไรได้ ทำได้เพียงอยู่ในที่ของตน และ ชดใช้หนีให้แด่เทวดาที่ท่านคอยช่วยเหลือเรามาตลอด " ของฟรีไม่มีในโลก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องจ่ายเป็นอะไร " .. ของเราจ่ายคืนเป็น " การใช้ความสามารถของตนเองทำความดีตลอดชีวิต " เหตุนี้เราจึงหายหน้าไปจากเว็ปพลังจิต เพราะเราไม่อยากจะเป็นภาระของ " พี่ ๆ " ที่เคยช่วยเหลือปกป้องสั่งสอน ด่า เรามาตลอดโดยที่เรายังไม่เคยตอบแทนพระคุณพวกเขาเลย มีใครบ้างคนที่ตามเรามาหลายปีคงพอรุ้กันอยู่ว่าเป็นใครบ้าง .. เราจึงพยายามหาทางไปด้วยตนเองจากประสบการณ์ที่เราได้พบเจอมาเป็นครูให้ตนเอง กับ คำสอน ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราค้นคว้าได้มาทดลองกับตัวเอง และ อาสาสมัครที่เป็นญาติเรานี้แหละคะ ทดลองทำตามวิธีของเรา จนตอนนี้เราบอกเลยว่าเราก็ยังเป็นเราคนเดิมคะ .. เพิ่มเติมมา คือ เราได้พบทางลัดให้ต้นเองด้วยการ ... " นำความรู้ ความสามารถ สิ่งที่ตนเองมีติดตัวมาแต่เกิดมาพัฒนา โดยอาศัยหลักการที่พระอาจารย์ ต๋อง ได้เคยให้เราไว้ครั้งนั้นมาใช้จนวันนี้เราพร้อมแล้วที่จะกลับมาสู้สมรภูมินี้อีกครั้ง .. ไม่ใช่ว่าเราเก่งอะไรหรอกนะคะ .. แต่เรารู้จัก " วิธีป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากพวก ขี้เบ่ง นักเลงวิชา พวกบ้าอำนาจ พวกชอบลองวิชา ฯลฯ โดยที่เราไม่มีบาปติดตัว แต่กลับได้ บุญบารมีเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว กับ สิ่งที่เราต้องเสียไปหากมีใครมารังแกเราด้วย .. การใส่ร้าย + นินทา + ทำร้ายด้วย กำลัง + คุณไสยย์ + เดรัชฉานวิชา + คาถาอาคม .. " ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ... ได้ตั๋วไปลงนรกอเวจี เป็นที่หมายแบบตีตั๋วยาวววววว ... ( เราจัดข้อหาสร้างกรรมหนัก หรือ ครุกรรม ให้แก่คนนั้นไปคะ ) แถมก่อนตายยังมีให้ชิมลางว่ากฏแห่งกรรมมันเที่ยงธรรมแค่ไหน !! ... ใช่คะ .. .. เราก้าวเท้าเข้าสู่วังวนที่เราหนีมาตลอดชีวิต .. ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นมาตั้งแต่เกิด และ เรียนรุ้ที่จะสู้ไม่หนีแบบเก่าที่เคยเป็นเคยทำมา .. แต่เราก้ไม่ทำร้ายใครก่อนเช่นกันคะ .. .. บอกแล้วนะคะ
.
* * เราไม่บังคับให้ใครเชื่อในสิ่งที่เราพูด .. ขอปล่อยให้เป็นเรื่อง .. " ปัจจัตตัง " .. ไปคะ
.
.. .. แต่ก็อยากจะเตือนคนที่คิดอยากจะทดสอบ อยากลองของในตัวเราว่า
" เราใช่ หรือ ไม่ใช่, มีจริง หรือ โอ้อวด " เพราะมันอาจทำให้พวกคุณ " เสียใจภายหลัง " .. เราต่างคนต่างอยุ่จะดีที่สุดเราอยากได้ " กัลยาณมิตร หาใช่ ศัตรูไม่ " อย่าทำให้เจตนาอันดีของเราต้องมัวหมองไปเลยนะคะ .. เพราะในโลกของความจริง เราก็เจอพวกมิจฉาทิฐิ พวกความรู้ไม่ถึงแต่อวดฉลาด บางคนทำชั่วไว้แล้วเราได้ไปรุ้เรื่องเขาโดยบังเอิญ ก็หันมาทำร้ายเราแล้วมาหาเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายเราหน้าตาเฉย ตัวเองทำไม่ดีไว้พอเจอดีเข้าไปก็โยนขี้นั้นมาให้เรารับแบบไม่รุ้ตัว .. เราเลยได้สร้างบารมีแบบอัพเวลเป็นเท่าทวีคูณแบบไม่ได้ตั้งใจมาเป็นสิบ ๆ รายแล้ว ... เรียกว่า .. " ของเข้าตัวกันทั่วหน้า " .. บางรายนี้เราเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้นึกว่าเป็นแค่ความฝันไม่มีจริง แต่มันกลับเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น ของเข้าตัวแล้วดวงจิตได้ดีบไปจากร่างลงสู่นรกอเวจีตามคำสาปของเรา แต่กายสังขารของเขากลับทรงอยู่ได้ต่อไปอีก ตอนแรกเราไม่เข้าใจจนเทวดาท่านให้เราฝันเห็นความฝันอันประหลาดจนเรานึกย้อนไปถึงเรื่องเพื่อน อ. ของเราที่มันก็มีสภาพเช่นนี้เหมือนกันเป็น .. " สัตว์นรกเดินดิน " .. คือ กายสังขารยังตั้งอยู่ในโลก แต่จิตภายในไม่ใช่จิตเจ้าของร่างแต่เป็นจิตของพวก " สัตว์นรก " มาอาศับร่างเพื่อก่อกรรมต่อไปมาอยู่แทน !! .... มันทำให้เราเริ่มไม่อยากมี " ทิพยจักขุ " เลย มันน่ากลัวมากที่เทวดาทำให้เราเห็น มันเป็นภาพซ้อนกันของหน้าของกายเนื้อ กับ ผีหน้าตาหน้ากลัวมาก .. แถมมีพวกมันเต็มไปหมด ท่านทำให้เห็นว่าพวกมันทำได้ยังไง และ ถามเราว่าพร้อมแล้ว หรือ ยัง .. Y_Y .. มันสยองจริง ๆ นะ เพราะส่วนที่เป็นหน้าผีอ่ะ มันจะเป็นผีตาโบ๋วมีหนอนไต่เต็มหน้าไปหมดเป็นร้อย ๆ ตัวเลย แต่ถ้คนทั่วไปจะไม่รู้ว่า " เจ้าของร่างนั้นดดนยึดร่าง หรือ เจ้าของร่างได้ตายไปแล้ว ที่เห็น คือ สัตว์นรกที่แฝงตัวมาในร่างนั้นเพื่ออาศัยทำความชั่ว หรือ ทำทุกอย่างเพื่อสนองตัณหาของตน .. ( ส่วนมากจะเป็น ผีวิชา ที่ย้อนเข้าตัวนั้นเอง )
.
.... ก็เหมือนอย่างที่ คุณ Higtmax พูดนั้นแหละคะ เดี๋ยวนี้จะมีพวกประมาณนี้มากจริง ๆ .. ข้าเจ๋ง ข้าเป็นผู้วิเศษคนอื่นไม่มีใครสู้ข้าได้ พวกพอมีดีเข้าหน่อยก้อยากเบ่ง และ พวกที่เข้ากับหัวข้อกระทู้ของเรา คือ พวกที่ถุกทักว่า " มีองค์เทพ " มาอยุ่ด้วยโดยไม่มีการไตร่ตรอง หาความรุ้ให้มั่นใจก่อนรีบ " รับขันธ์ " แล้วมาตั้งตำหนักรับแขกเลย .. โดยขาดความรู้ ความเข้าใจ ทำให้เกิดมหกรรมการสร้างบาปอย่างมหันต์ .. สอนกันผิด ๆ สืบทอดกันไปเรื่อย ๆ น่าสังเวชใจมากคะ เอาคำสอน เอาเรื่องบุญมาบังหน้า สาระพัดคะที่เจอจะทะยอยเอามาเล่าให้ฟังคะ .. ^^
.
.... ไหน ๆ กระทู้นี้ก็มีคนให้ .. ฉายาว่า " กระทู้ล่อเป้า " งั้นคงไม่มีอะไรที่เราจะต้องกังวลว่า " ประสบการณ์ส่วนตัวเราจะเป้นที่ไม่พอใจของใคร เพราะมันเป็นเรื่องของเราเอง "

 

เป็นกำลังใจและแอบปลื้มนะคะ คุณกาลีนะเป็นหญิงแกร่งมากๆๆ

 

ยินดีครับที่คุณKalina กลับมาแล้ว ปล่อยให้แฟนคลับอย่างผมรอหลายเดือนเลยนะครับ
ขอคุณพระรัตนตรัย และพรหมเทวดารักษา อย่าให้คนไม่ดีมาทำร้ายได้นะครับ

 

สวัสดีญาติธรรมทุกท่านคะ
.
... จากที่เราได้บอกว่าเราจะกลับมาเล่าเรื่องช่วงที่เราหายไปเราไปเจออะไรมาบ้าง ... เราได้พบเจอเรื่องที่ทำให้เรา " หนักใจหลายประการ " จึงอยากขอสอบถาม ญาติธรรมทั้งหลายก่อนจะเขียน ขอท่านผู้รู้ในเรื่อง โปรดให้ความกระจ่างแก่เราด้วย เพราะเราไม่ชำนาญในเรื่องนี้จริง ๆ

.... ผู้ห่มเหลืองกระทำการอะไรบ้างคะถึงจะเรียกว่า
.
" ต้องอาบัติปราชิกขาดจากความเป็นผู้ห่มเหลือง .. ในส่วนของการมาเกี่ยวข้องกับ ด้านไสยย์ศาสตร์ การทำคุณใส่คน การใช้อำนาจอภิญญาในทางที่เกี่ยว กับ การทำให้ผู้อื่นได้รับทุกข์ ประมาณนี้คะ " คือ เราเจอมาหลายท่านแล้วคะ ตั้งแต่หายไปจากเว็ปน่าจะเป็นสิบองค์แล้วที่ ใช้ อวิชา บางอย่างเรียกว่าเดรัชฉานวิชาเลยก็มี เราไม่เชิงได้สู้ กับ ผู้ห่มเหลืองเหล่านั้นหรอกส่วนมาก " เราโดนแล้วถึงมารู้ทีหลังมากกว่า " ยกตัวอย่างดังนี้
.
... มีเพื่อนคนรักเก่าของเราคนหนึ่งเขาเป็นญาติกันด้วย เมื่อช่วงปีก่อนคนรักของเราได้บอกผ่านลูกบุญธรรมของเราว่า " ให้ช่วยเหลือเพื่อนเขาคนนี้ด้วย เพราะเป็นญาติ และ เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน ให้เตือนเขาเรื่อง .. อุบัติเหตุ .. เราเองก็ไม่กล้าติดต่อเขาไปก่อนเพราะเรากลัวมีปัญหาภายหลัง แต่เราก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรที่สำคัยเราจะทำการ " เสี่ยงทายถามเทวดาต่อหน้าพระก่อนเสมอ " ซึ้งคำตอบ คือ อนุญาติให้ช่วยได้ .. จากนั้นอยู่ ๆ เขาก็ติดต่อมาคุยด้วยเราจึงคุยติดต่อกัน ( อยู่ ๆ เขาก็ติดต่อมาจีบเรา ตอนนั้นเขาเลิกแฟนแล้ว เราไม่มีแม้แต่คนคุยเพราะตอนนั้นเราตัดสินใจรอเจอเนื้อคู่ของเราอีกคนที่กำลังจะเข้ามาอยู่ ) .. คนรักของเราเขามักพูดผ่านปากลูกบุญธรรมเราตลอดหากมีอะไรที่จะให้เตือน ( เราไม่มีหูทิพย์ ไม่เห็นผี แต่เรารับรู้ผ่านการสัมผัสทางจิตใน และ ความฝัน ) .. เอาง่าย ๆ เลยนะคะ คือ เขาเฝ้าเราตลอดที่เราคุยกับเพื่อนเขา ( เขาเป็นกายทิพย์ที่ขี้หึงมากเคยเจอดีไปหลายรายแล้วตั้งแต่เขาตาย ยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา 6 ปี ที่เขาเสียเราก็สะสมบุญให้เขาตลอด " เราสร้างบารมีได้เท่าไหร่เขาจะได้เท่ากับเรา " .. จึงไม่แปลกที่เขาสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่า ผี ปกติ .. แต่ช่วงหลังเขาอยู่ในสภาวะ " กายทิพย์ " ( เราไม่รู้จะใช้คำไหนแทนสิ่งที่เขาเป็นได้ดีเท่าคำนี้ รูปกายเขาเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น เราจึงต้องใช้คำนี้แทน แต่เราจำเขาได้ หากเป็นในฝันบางทีเขาก็จะมาในรูปกายแบบต่าง ๆ แต่เราจะจำได้ว่าเป็นเขา ด้วยใจเราจะบอกว่าเขา คือ คนรักของเรา .. แล้วเขาก้ชอบทำแบบนี้มาบ่อย ๆ )
.
... พอแฟนเก่าเขามาขอคืนดีซึ้งเรา กับ คนนี้ก็คุยกันมาได้เดือนกว่าไปแล้ว โดยการที่มาอาละวาดตบตีเขา และ หอบเสื้อผ้ามาอยู่ด้วยกับคนนี้เลย เราเองก็พูดอะไรไม่ออก .. แต่คนนี้เขาก็ยังคงดทรมาคุย กับ เราทุกวันที่เขาว่างเหมือนปกติ .. ผ่านไปสักครึ่งเดือนเราเริ่มฝันแปลก ๆ จนลูกบุญธรรมเราบอกว่า " ผู้หญิงคนนี้เล่นไม่ซื่อ " เราจึงเี่ยงทายถามเทวดาอีกครั้งว่า " ผู้หญิงคนนี้ทำของใส่จริงเหรอ " คำตอบ คือ .. จริง .. และ ทำมาตั้งนานแล้วจึงได้คนนี้มาครอง เรียกว่าทำเสน่ห์ใส่มาเกินห้าปี ประกอบกับที่เขาก็บอกว่าสมัยก่อนเขาไม่ใช่คนขี้โรค เขาเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วยซ้ำ การเรียนดีถึงดีมาก แต่ช่วงหลังเขามีอาการเปลี่ยนไปป่วยจนเกือบตายหลายครั้ง ต้องผ่าตัดกระดูกสันหลัง คือ ทุกอย่างในชีวิตพลิกด้านหมด.
.
... เราจึงต้องระวังตัวมากขึ้น และ เริ่มเข้าใจว่าทำไมคนรักของเราที่ขึ้นชื่อว่า " ขี้หึงมาก " จึงยอมให้เราคุย กับ เพื่อนเขาคนนี้ น้องสาวเราอีกคนที่เป็นคนมีความสามารถด้านแก้ไขอาถรรพ์ ติดต่อจิตภพภูมิได้บอกกับเราว่า " เพราะพี่เป็นคนเดียวที่ช่วยเขาได้แล้วในโลกนี้ " น้องเราบอกแค่นี้จริง ๆ เราเองก็ไม่รู้จะหาคำตอบมาจากไหนว่าทำไมมันจึงเป็นหน้าที่เรา จนเขาเปิดกล้งคุยในบ้านแล้วถ่ายไปที่หิ้งบรรพบุรุษของเขา ( ลืมบอกว่าแม่เขาเป็นคน ลำปาง แต่ไปอยู่แพร่ คนรักเราก็เช่นกันแม่เขาก้มาจาก ลำปาง ) เราจึงถึงบางอ้อในทันที
.
.... ประเด็นไม่ใช่ตรงนี้หรอกนะคะ แต่ กาลีนะ เป็นพวกชอบอธิบายคะ 55555 ... เข้าเรื่องต่อคะเอาประเด็นเลย ในบรรดาอาจารย์หลายท่านที่ผู้หญิงคนนี้ไปว่าจ้างให้ทำเสน่ห์ใส่คนนี้ ... มีผู้ห่มเหลือง รวมอยู่ด้วย ..และ คนนี้เขาก็เกิดอาการป่วยกระทันหันจนต้องนอนโรงพยาบาลเรียกว่าเสี่ยงตายกระทันหันมาก .. เราเองก้ต้องเดินทางไปสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูปที่เรานับถือทุกวันเพื่อขอพรท่านให้ช่วย และ เราเองก็ทำเป็นปกติวิสัยอยู่ก่อนแล้ว .. มีวันหนึ่งเราเสี่ยงทานถามเทวดาว่า ผู้หญิงคนนี้เลิกราเรื่องนี้ หรือ ยัง ลุก ฯ ก็พูดว่า " มีผู้ห่มเหลืองช่วยด้วย " เราตกใจมากว่าท่านจะมาทำเรื่องพวกนี้ทำไม เพราะช่วงหลังผู้หญิงคนนี้เล่นแรงเอาแบบของบางอย่างให้เขากินใส่ในอาหารที่เรียกว่า " ยาสั่ง " ทำให้เขาป่วยเข้าโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ .. ที่ผู้ห่มเหลืองได้มาเกี่ยว คือ เวลาที่ของสะท้อนกลับไปนางก็จะย้ายไปหาอาจารย์คนใหม่ต่อไปจนมีคนแนะนำให้ไปหาผู้ห่มเหลืองท่านหนึ่ง นางได้เรียนท่านว่าถูกเรากระทำคุณไสยย์ใส่นางอยากให้ท่านช่วยถอนของให้ และ ท่านก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรมากด้วยฐานะของนางนั้นเป็นถึงครูบาอาจารย์วิทยาลัยมีชื่อทางเหนือ หน้าตานางก็เป็นคนเคร่งขรึม ดูแล้วเป็นคนน่าเชื่อถือ .. ในวันนั้นเราได้เดินทางไปสวดมนต์พร้อมกับลูกบุญธรรมกับอาสะใภ้ ( สมมติชื่อ ต้อย ) .. เวลานั้นมันก็เป็นช่วงหลังเที่ยงคืน เพราะที่นี้ท่านเปิด 24 ชม.ตรงองค์พระให้คนมาไหว้ได้ตลอดเวลา ..
.
.... ตอนนั้นบังเกิดเหตุการณืที่เราสามคนต้องจำจนตาย เพราะว่าพอเรามาถึงวัดนั้นได้บังเกิดลมพายุแรงมากพัดต้นโพธิ์ใหญ่ดุน่ากลัวมาก เราก็สวดมนต์กันต่อไปเพราะมีหลังคาบังลมฝน ( สวดบูชาพระรัตนะไตรธรรมดานี้แหละคะ แบบที่พระสวดกันเน้นพระปริตย กับ อธิฐานจิตกำกับก่อนแผ่เมตตา ) เสียงหมาหอน เสียงลมพัดแรงเราเลยลองเสี่ยงทายดูเพราะลูกบุญธรรมบอกว่ายังกลับไม่ได้ " ข้างล่างพวกมันเต็มไปหมด ไม่เชื่อม๊าเสี่ยงทายถามดูก็ได้ " เราเสี่ยงทายแล้วเป็นจริงตามนั้น ถามกี่ครั้งก็ คือ ใช่ .. แถมไม่ใช่แค่มีรายเดียวที่ส่งมาด้วยสิ .. วันนั้นมีประมาณ 5 คน ที่ส่งของมาในวันนั้น .. บอกเลยถึงจะหายไปจากเวปพลังจิต กาลีนะ ก้เป้นที่สนใจของเหล่า ร่างทรง หมอผี ฯ อยู่เช่นเดิม เพราะคนใกล้ตัวหลายคนที่โดนรังแกไม่มีที่พึ่งเราก้ทนเห็นเขาถูกรังแกไม่ได้เพราะแต่ละเรื่องมันไม่ยุติธรรมสักเรื่อง เราจึงช่วยพวกเขาเท่าที่เราช่วยได้ และ เราก็สอนเขาสวดมนตืตามแบบที่เราฝึกมาก่อนแต่เราปรับตามพวกเขา กับ แผ่เมตตาให้ประมาณนี้แหละคะ เวลานั้นก็จะพาพวกเขามาวัดที่เรามาประจำเพื่อขอพรท่านให้ช่วยเพราะท่านขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่สามารถ " ล้างคำสาป โดยเฉพาะเรื่องลูกเนรคุณพ่อแม่ " .
.
... เมื่อเราเสี่ยงทายถามท่านเรียงตามสิ่งที่มันขึ้นมาในหัวของเรา มาสะดุดตรงคำถามที่ว่า ผู้ที่ส่งคุณไสยย์มาทำร้ายลูกในตอนนี้มี ผู้ห่มเหลือง ด้วยหรือไม่ !! คำตอบคือ " มี " ถามกี่ครั้งก็คำตอบเดิม เรานี้เข่าอ่อนเลยทั้งที่รู้ว่ามี ผู้ห่มเหลือง ทำเรื่องแบบนี้อยู่เยอะ .. แต่ไม่คิดว่าตนเองจะมาเจอ เราก้เสี่ยงทายถามเรื่อย ๆ ไล่เรียงลำดับเรื่องราวไปจนได้ใจความว่า
.
.... ผู้หญิงคนนี้ได้ไปตามคำแนะนำของเพื่อนที่ทำงานไปหา ผู้ห่มเหลือง ผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งทางเหนือ นางไปหาท่าน และ โกหกท่านว่าตนถูกเราแย่งสามีด้วยการกระทำคุณไสยย์ใส่เพื่อทำร้ายนาง เพราะนางรู้สึกไม่สบายตัวมาก ( นางมีอาการของคนถูกคุณไสยย์ ) อาจารย์หลายท่านที่ไปหาไม่มีใครช่วยนางถอนได้เพื่อนจึงแนะนำมาหาท่านให้ช่วย ผู้ห่มเหลือง ท่านเชื่อ และ ไม่ได้ทำการตรวจตราเรื่องราวความจริงฟังนางพูดแล้วท่านก็ทำการถอนให้แต่ไม่สำเร็จ ท่านจึงได้ส่งของวัดมาหาเราเพราะนางมีรูปถ่ายเราไปด้วย พอ ผู้ห่มเหลือง ซัดของมาแล้วมาเจอเราท่านจึงได้รู้ว่า " ท่านพลาดแล้ว " ของนั้นจึงเข้าตัวท่านด้วย และ ท่านเองก้ไม่สามารถอนมันออกได้แถมของท่านก็เริ่มเสื่อมลงในทันที .. เราเองก้เสียใจที่วันนั้นเรากลายเป็นคนทำให้อาจารย์หลายท่านต้องกลายเป็นเช่นนี้ ... ในวันนั้นลูก ฯ บอกว่าเธอเห็นชายใส่ชุดขาวถือไม้เท้าเดินลงไปไล่พวกนั้นไป กิ่งโพธิ์ที่เป็นร่มเงาบนลานพระกิ่งใหญ่หล่นลงมาข้าง ๆ ตัวพวกเราเราสามคนนี้สะดุ้งกันเลย ฝนตกไม่หนักนะแค่ปรอย ๆ แต่ลมนี้สิแรงจนน่ากลัว เราไม่รุ้จะทำยังไงดี เราจึงตั้งจิตอธิฐานต่อหน้าองค์พระพุทธรูปขอพรท่าน และ เทวดาประจำตัวเราให้ท่านช่วย และ วันนั้นเราได้ทำการ " สาปแช่ง " พวกที่ส่งของมาทำร้ายเราตรง ๆ ( พระอาจารย์ ต๋อง ท่านสั่งห้ามเราไว้ว่า เราหากไม่จำเป้นห้ามสาปแช่งใคร แต่ให้พรได้ ) .. เพราะเราโกรธคนพวกนั้นที่ทำไมเป็นพวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีกันนัก เห็นว่าตนเองมีวิชาคาถาอาคมก็ใช้มันมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า แถมแต่ละรายนี้หมายเอาชีวิตพวกเขาอีกด้วย พอเรายื่นมือเข้าไปช่วยคนเหล่านั้นพวกเขาเลยเห็นเราเป็นศัตรู และ ด้วยหน้าตาของเราเองหากใครได้เห็นจะไม่เชื่อแน่นอนว่าเราจะมาทางธรรม !! พอจบคำสาปแช่งของเราแล้วเราเลยขอ " นิมิตร " จากเทวดาที่เราขอถ้าท่านจะบรรดาลให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราขอจริง ไม่ถึงนาทีไฟที่ลานพระก็ดับพรึบลงแล้วค่อยติดขึ้นใหม่ ทุกคนตกใจกระเถิบเข้าหากันยิ่งกว่าเดิมเพราะตกใจ 55555555
.
1. ญาติห่าง ๆ เป็นอาสะใภ้ โดนเมียน้อยทำคุณไสยย์ใส่ด้วยการทำหุ่นแทนแล้วเอาเชือกแขวนคอหุ่นไว้รอวันกระตุก เราเลยให้เขามาขอพรพระแม่ของเราที่บ้านให้ท่านช่วยคุ้มครอง และ เอาน้ำมนต์ที่เราสะสมไว้ให้อาสะใภ้คนนี้กิน .. และพาไปรักษาที่เมืองเลยกับหมอมีชื่อแถวภูหลวง แต่ก่อนไปถึงอาสะใภ้ของเราได้อ้วกแตกออกมา พอไปถึงที่นั้นเราได้ถามหมอท่านนี้ว่า " มีของอะไรในตัวคนนี้ไหม๊ " หมอตอบว่า " มันออกไปหมดแล้ว " เพราะเรากับหมอท่านนี้รู้จักกันดีพอสมควรคะ .. ทั้งนี้ก่อนมาหาเรา ก็มี ผู้ห่มเหลือง ที่ถือเป็นอาจารย์เราท่านหนึ่งได้เตือน อาสะใภ้ไว้ตามที่บอก หน้าแกที่เคยดำก็ดีขึ้นเป้นลำดับ
.
2. น้องมุก ( ชื่อสมมติ ) ครอบครัวของเธอได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนักคนทรงแห่งหนึ่งตั้งแต่เธอยังเด็กจนตอนนี้เป็นสาว พ่อแม่เธอก็ห่างที่นี้ไปปีกว่า ๆ อยู่ ๆ พ่อก็เสียชีวิตกระทันหันเส้นเลือดในสมองแตกตายตอนเข้าห้องน้ำ พอมารู้จักเราแม่เธอได้ฝากเธอให้เราดูแลสั่งสอนเธอ .. คนทรงจึงไม่พอใจเราที่เราไปยุ่งกับเป้าหมายที่เขาหมายตาร่างนี้ไว้ คือ ร่างเด็กสาวที่มีดวงชะตาวาสนาดีตั้งแต่เกิด มีรูปโฉมสวยงาม มีเสียงอันไพเราะ ฯ คือ เพรียบพร้อมทุกอย่าง
.
3. เพื่อนของคนรักที่ได้ฝากเราไว้ให้ดูแลให้เขาผ่านช่วงชะตาชีวิตที่อาจจะถึงฆาตรได้ให้รอดตายตามคำแนะนำของเขาที่คอยบอกเราให้ทำตาม ที่เป็นคนเหนือ
.
4. ศัตรูเก่าแก่ของครอบครัวเราในชาติก่อนที่ชาตินี้เราดันเข้าไปขัดขาเขาอย่างจัง ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่เราถูกรบกวนให้ช่วยเหลือลูกสาว และ ภรรยา ของดวงจิตหนึ่งเมื่อปี 51 ที่เราเคยเล่าไว้ใน " ห้องภพภูมิ " ตอนที่เข้าเว็ปมาใหม่ ๆ หากมีคนติดตามอ่านถคงพอจำได้ เราหาพวกเขาเจอแล้ว และ มันก็ลึกลับซับซ้อนมากมายหลายชั้นจนไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดี แต่ชายชราผู้นี้มีความเก่งมากจริง แถมถนัดในการทำ " ยาสั่ง " ด้วย เพราะเขาวางยาสั่งใส่คนในครอบครัวนี้หลายคนมาก แม้แต่เราก็เกือบจะโดนไปด้วย ดีแต่มีคนเตือนเราไว้ก่อนจะเดินไปที่นี้ก่อนแล้วจึงรอด แต่เขาก็ได้กระทำย่ำยีเราหลายครั้งมาก แม้แต่ส่ง " พญานาคสีแดง " หรือ " งูสามเหลี่ยม " มาเพื่อทำร้ายเราถึงบ้าน แต่ก็มีคนช่วยเราไว้อีก เราจึงจัดการสับหัวมันขาดกระเด็ดด้วยจอบนั้นแหละทุกอย่างจึงนิ่งไป .. หากเราไม่มี " มหามิตรที่ดี " ป่านนี้เราคงตายแล้วด้วยพิษงูนี้
.
5. ผู้หญิงจากกรุงเทพ ฯ นี้ก็เป็นเหมือนพวกอันธพานหาเรื่องใส่ร้ายเรา เพราะนางเป็นคนขี้หึง และ นิสัยไม่ยอมใคร จึงบังเกิดเรื่องขึ้น .. นางได้ทำเสน่ห์น้องคนหนึ่งที่เราต้องรับผิดชอบดูแลเขาทุกอย่าง แต่ตัวเราไม่เคยแม้แต่จะเข้าใกล้ตัวเขาถ้าไม่จำเป้น เราจะอยู่ดูแลห่าง ๆ มาตลอดในเรื่องของ " ถ้ามีคนทำคุณไสยย์ใส่เขา " เพราะคนนี้เราต้องดูแลพิเศษกว่าทุกคน เรียกว่า หากใครทำอะไรคนนี้เราจะต้องเอาตัวเรารับแทนเขา หากทำบุญอะไรเราก็ต้องให้เขาด้วยทุกครั้งเสมอเรา เพราะเรามีกรรมร่วมกันกับเขามาก่อนหลายชาติ ( มีคนบอกมาหลายท่าน และ เราก็พิสูจน์ในแบบเราจนแน่ใจแล้ว ) เราจะต้องใช้หนี้ให้เขา และ ทำตามคำสัจจะสาบานที่เคยให้กันไว้ว่าเราจะดูแลเขา และ จะชดใช้หนี้ให้เขาอันนี้เทวดาประจำตัวเราเป็นคนทำให้เราเห็นกรรมข้อนี้เอง ประกอบกับคนรักของเราก็ขอให้ช่วยดูแลคนนี้ด้วย ..เราไม่สามารถปล่อยเขาให้ต้องเผชิญกรรมคนเดียวได้ .. ทำให้แฟนเก่าเขาที่ทำคุณไสยย์ใส่ไม่พอใจเราเพราะถ้าซัดของมาใส่คนนี้จะรู้เลยว่าเราเป็นคนคนกันไว้ พวกอาจารย์นั้นจะรู้เองเพราะมีรูปของเราให้ดูด้วย นางไปจ้างคนมาทำของแบบนี้เป็นสิบ ๆ คนนับวันจะเป็นคนเก่งมากขึ้น และ มีชื่อเสียงมากขึ้นเพราะบ้านนางมีเงินหนา ถึงพ่อแม่นางจะไม่รู้ก็ตาม แต่ที่นางรุ้สึกกับเราไม่ใช่ว่าหึงหวงแฟนเก่าตัวเองนะคะ " นางแค้นเรานะคะที่แพ้เราตลอด และ ประกอบกับพวกอาจารย์เหล่านั้นพูดใส่ร้ายเราว่าเราเป็นพวกเล่นวิชา เป็นพวกมีคาถาอาคม เลี้ยงผี " นางเป็นคนไม่ยอมแพ้ใครอยู่แล้วนางจึงเสาะแสวงหาเสียเหลือเกิน .. คิดเอาแล้วกันนะคะว่า อาจารย์สิบกว่าคนในระยะสองปีกว่า ทั้งทำเสน่ห์ ทั้งทำของซัดมาเอาชีวิต กาลีนะ แล้วมันสะท้อนกลับเข้าตัวเองจะมีมากมายแค่ไหน .. ก็มากจนจิตแท้ของนางไม่เหลือแล้ว ที่สังขารยังดำรงอยู่ได้ก็เพราะ " ดวงจิตที่เกิดจากคุณไสยย์วิชาครอบงำร่างอยู่เท่านั้น " เหมือนเพื่อน อ. ของ กาลีนะ ที่ทุกวันนี้สิบกว่าปีแล้วยังมีชีวิตอยู่ทั้งที่คนอื่นที่เป็นโรคเดียวกันตายไปหมดแล้ว แต่นางยังคงกระพันอยู่ได้จนทุกวันนี้ แค่ไม่มาราวีเราอีกก็เท่านั้น ถ้ามาก็จะนั้งร้องไห้เวลาเห็นเราเดินผ่านไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนแต่ก่อน ไม่ซ่าว่างั้นเถอะ .. เดือนนี้นางก้หมดเงินไปหลายหมื่นเพื่อจ้าง ผู้ห่มเหลือง ที่ระดับเจ้าอาวาสวัดดังในกรุงเทพทำให้แต่ก็เหมือนทุกครั้งสะท้อนกลับ .. เมื่อไม่กี่วันนี้ก็เป้น อาจารย์ดังมีชื่อ ดารานับถือมากมาย ออกทีวี มีเครื่องรางของขลังให้คนบูชามากมายจน กาลีนะ เองก็เหนื่อยหน่ายกับจิตมารของนางมากจริง ๆ แต่ทำไมพอเจอหนน้ากันนางกลับทำหน้าตาเลิกลั๊กกลัว กาลีนะ ก็ไม่ทราบเพราะ กาลีนะ จำหน้านางไม่ได้ด้วยซ้ำมีแต่เพื่อน กาลีนะ บอกว่านั้นแหละคนนี้แหละที่ทำของใส่แก .. เราก็งงคะ 55555555 มิน่าละหน้านางซีดเลยตอนเราเดินไปใกล้ ๆ ไอ้เราก็ไม่รู้อะไรเพราะเป็นคนไม่ระวังตัวนะคะ ใช้ชีวิตแบบอยากไปไหนก้ไปไม่คิดว่าใครจะมาทำร้ายเรา เพราะเราไม่ได้ไปทำอะไรใครก่อน ถ้าช่วยใครเราจะตรวจสอบก่อนว่าผิดศีลไหม๊ ใครผิดใครถูกกว่า เราช่วยได้แค่ไหน พอจะพาไปหาใครที่ช่วยได้บ้าง .. เอาตามกำลังตนเองเท่านั้นคะ
.
...ต่อทั้งลม และ ฝนปรอย ๆ ก้สงบลง เราเลยเสี่ยงทายถามในส่วนเรื่องของ ผู้ห่มเหลือง เพราะเรารู้สึกสงสารท่านที่ถูกคนหลอกใช้ท่านเช่นนี้ ก่อนที่เราจะกลับบ้านกันเพราะจากเที่ยงคืนมาจนตอนนี้ตีสามกว่าแล้วที่พวกเราผู้หญิงสามคนต้องนั้งกันบนลานพระแห่งนี้ไปไหนไม่ได้ ไม่มีใครมาดูมาช่วยเลย .. พอเราถามแล้วท่านอนุญาติให้กลับได้พวกเรารีบบึ่งรถทันทีเลยคะ 55555 เห็นแบบนี้ กาลีนะ ขี้กลัวนะคะ แต่จะพยายามทำหน้านิ่ง ๆ ไว้ก่อนเพราะเราอายุมากอายเด็กเขา ... พอเช้ามืดเราก้เดินทางต่อไปที่ " คำชะโนด " ต่อไป ....
.
.... ยังมีผู้ห่มเหลือง อีกหลายท่านที่เคยส่งของมาทำร้ายเราเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ ... ทั้งตั้งใจทำร้าย กาลีนะ เพราะคิดว่า กาลีนะ เป็นผู้มีวิชาอาคม ร่างทรง หมอผี คือ กาลีนะ ไม่ใช่สักอย่างคะในตอนนี้ ยังคงเป็น กาลีนะ คนเดิมที่สวดมนต์ยังไม่ถูกยังต้องเปิดตำราเวลาสวดมนต์เพราะจำไม่ได้ ยังคงมองไม่เห็นผี ไม่ได้ยิน ดูองค์ใครไม่เป็น ทำได้แค่สัมผัสจากความรู้สึกเท่านั้น กับ มีอะไรดลใจมาเข้าฝัน หรือ มีคนรอบข้างที่เขามีเซ็นต์คอยบอกเราในเรื่องต่าง ๆ .... หากจะมีเพิ่มเติมมาคงเป็นในส่วนของ " บารมี " ที่พุ่งแบบก้าวกระโดดมาก ๆ ยิ่งมีคนมาทำร้ายมากเท่าไหร่ บารมีจะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เพราะคนเหล่านั้นจะถูกล้างทุกอย่างที่พวกเขามีจนไม่เหลืออะไรเหมือนเกิดใหม่ แต่ไม่สามารถเรียกวิชาคืนมาได้อีก และ ผีที่เขากักขังไว้ใช้งานทั้งหมด รวมทั้งของขลังที่เขาเคยปลุกเสกจะเสื่อมหมดเช่นกัน วิญญาณเหล่านั้นจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระกลับสู่ " วัฏจักรกฏแห่งกรรม " ... แบบนี้ละมั้งคะอาจารย์เหล่านั้นจึงคิดว่า กาลีนะ เป้นผู้ทรงพลังมีวิชาสูง ... ทั้งที่ความจริงไม่มีเลย .. จะว่าไม่มีเลยก้ไม่ใช่ เพราะยังคงสวดมนต์บูชาพระรัตนะไตรอยู่ และ อธิฐานจิตในแบบของ กาลีนะ จบด้วยกรวดน้ำแผ่เมตตาแก่ " กัลยาณมิตรทั้งสามโลก " แต่จะขอพรว่า " ขอให้ศัตรูของลูกจงแพ้ภัยตนเองทุกทาง ของที่ส่งมาจงสะท้อนให้หมด ฯ " ทำอยู่แค่นี้ทุกวันคะ ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และ พี่ระมิงค์ เคยให้ฝึกสวดบทพระปริตรเยอะมาก เอาเป็นว่าสวดวันละสองชั่วโมงครึ่งทุกวัน ทำได้ 70 วัน ก็เลยเปลี่ยนแนวปรับมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้ละคะ ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ และ เริ่มให้คนรอบตัวลองทำตามดูผลว่าเขาได้แบบที่เราทำรึเปล่า ผลก้ได้ดีนะคะ .. แต่แค่อาจไม่ได้เท่าเรา ..... อย่าลืมว่า กาลีนะ เกิดมามีองค์เทวดาประจำตัวมาตั้งแต่เกิด ด้วยเหตุนี้จึงอาจมีอะไรที่ช่วยได้มากกว่าคนอื่นก็ได้ และ พยายามทำตามที่พระอาจารย์ ต๋อง สอนไว้ว่า สวดมนต์อ้อนวอนขอพรบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็ให้เองแหละ ... ตื้อเอาคะ ...
.
... มาถึงตรงนี้ ... คงมีหลายท่านเริ่มร้อนวิชา .. อยากเด็ดชีพ กาลีนะ แล้วแน่ ๆ พวกภัยเงียบมันเยอะในนี้ กาลีนะ ก้ได้ไตร่ตรองแล้วคะ จึงกลับมาเขียนอีกครั้งว่ายังไงก็ต้องโดนแน่ ๆ .. แต่ทำไงได้ละคะ เราติดหนี้เทวดาท่านมาก ชีวิตเราก็ยกให้ท่านแล้วจะเป็น หรือ ตาย ก็แล้วแต่แม่ท่านจะบรรดาลแล้วกันคะ อย่างน้อยก็ตายอย่างมีเกียรติไม่อายใคร เพราะเราทำความดีไว้มาก ส่วนพวกที่คิดจะลอบกัดเราเหมือนฝูงสัตว์นรกที่จะรุมทึ่งเนื้อเราเพื่อความสะใจของตนเอง เพื่อตนเองจะมีชื่อเสียง อยากลองวิชา ฯลฯ กาลีนะ คงห้ามอะไรใครไม่ได้ .. เพราะท่านก็บอกให้ทราบมาแล้วว่า " โดนแน่ ๆ " ... แต่ทำแล้วจะคุ้มค่าหรือเปล่านั้น ก็ใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนนะคะ เพราะถ้าทำแล้วแก้ไขไม่ได้นะคะ ...
.
เพราะท่านจะโดน " คำสาปแช่งจากเรา และ จะมีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ได้ หากเราตายไปจะไม่มีใครแก้คำสาปนี้ได้อีก เพราะพวกท่านคงไม่มีโอกาสอยู่รอเรากลับมาเกิดใหม่แน่นอน .. ที่ไปของพวกท่านจะมีเพียงที่เดียวเท่านั้น คือ มหานรกอเวจี .. ท่านจะได้ไปกำเนิดใหม่ที่นั้น พร้อมทั้งสัตว์นรกที่แฝงในร่างทุกตน " มันอาจดูเป็นคำสาปที่ร้า่ยแรงนะคะ เราเองก็ไม่ได้มีความพอใจที่จะทำแบบนี้ แต่ทำไงได้ละคะ .... ถ้าพวกคุณมีจิตใจที่ดีจริง ๆ ไม่เป็น " มิจฉาทิฐิ " ไม่มาทำร้ายเราโดยไม่สมเหตุสมผล ... ท่านก็ไม่อาจจะรอดพ้นคำสาปนี้ไปได้หรอกนะคะ ... แค่พูดใส่ร้ายเราถึงเราไม่รู้ท่านก็โดนคะไม่ต้องกังวลว่าเราจะรู้หรือเปล่า ... เราเตรียมตัวมาดีคะ ....
.
.... จากผู้ถุกล่า ถูกรังแกมาตลอดชีวิต วันนี้ขอปกป้องตัวเองแบบดุดันนับจากนี้ไปคะ
..... กราบขออภัยหากใช้คำที่ไม่ถุกใจใครหลายท่าน แต่มัน คือ กาลีนะ .....

 

ทำแบบนี้ก็ดีนะครับ แต่ไม่รู้จะมีผลกรรมต่อเนื่องกันไปอีกหรือเปล่า ถ้ามีทางอื่นที่ดีกว่านี้ก็น่าจะลอลองดูครับ จะได้ไม่ต้องก่อกรรมที่ไม่ดีต่อกันไปอีกครับ
ส่วนตัวผมเองก็กลัวเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะโดนเมื่อไหร่นะครับ

 

ทำเสน่ห์ให้คนมารักมาหลง
หรือทำคุณไสย์ให้บุคคลอื่นๆเดือดร้อน
ถ้าสมัยยุคต้นรัชกาล
โทษตัดคอประหารชีวิตนะ..
หรือไม่ก็โดนสักที่หน้าแล้วโดนอัปเปหิไปอยู่ที่อื่นๆ
ใครไปสนทนาด้วยจะถือว่ามีโทษเหมือนกัน....

ถ้ายุคนี้มีบุคคลอย่างอดีตกลมหลวงฯมีชื่อในอดีต
อยู่เป็นแกนนำซักหน่อยนะ รับประกันได้ว่า
พวกที่มีพฤติกรรมอย่างนี้มีหนาวๆร้อนๆไปตามๆกันแน่ๆ..

 

.
... ตอนแรกก้กลัวเหมือนกันคะ ก็ลองสอบถามหลายคนเหมือนกันคะ คำตอบคือ " ไม่บาป " เพราะเราไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร และ เราก็ขอพรให้บุญบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของพระรัตนไตร และ ของเราเอง ให้ปกป้องคุ้มครองตัวเรา และ บริวารที่ภัคดีของเรา ขอให้สะท้อนกลับทุกอย่างที่มีพวกที่มีจิตเป็นมิจฉาทิฐิส่งมาให้กลับเข้าตัวพวกเขาทั้งหมด วิชา คาถา อาคม ฤทธิ์ ทุกอย่างให้เสื่อมหมดสิ้น และ ไม่มีใครสามารถแก้ หรือ ถอนให้ได้ นอกจากเราเท่านั้น
.
... นี้คือ ส่วนหนึ่งในคำอธิฐานที่เราขอเกือบทุกวัน และ อย่าลืมว่า " องค์เทวดาที่เกิดมาพร้อมกับเราท่านเป็นใคร และ พระพุทธรูปที่เราไปสวดมนต์ภาวนามาตลอดท่านเป้นพระ " ล้างคำสาป " และ ในทางตรงข้าม " อดีตท่านได้สาปแช่งผู้ที่ใช้อำนาจของตนไปในทางที่ผิดให้ ล่มจม ฉิบหาย ตายอย่างทรมาน .. ก็ลองคิดเอาเองแล้วกันคะว่ามันจะขลังไหม๊ ..และ เราไม่ได้ไปทำร้ายใครในคำขอนี้ " คนที่จะถูกคำสาปนี้มีแต่คนที่มีจิตเป็นมิจฉาทิฐิ กับ เรา และ คนของเราเท่านั้น และ ความผิดของพวกเราก้ไม่สมควรแก่โทษนั้น .. เป็นต้น
.
.. ง่าย ๆ เลย " บารมี " ใครมากกว่ากัน หากเรามีมากกว่า มีอ๊อฟชั่นเยอะ หรือ สูง โอกาศที่เขาจะทำอะไรเราได้มันก็น้อยลง และ เมื่อทำอะไรเราไม่ได้ของมันก้กลับไปยังคนที่ส่งมันมาคะ มายังไงกลับอย่างนั้น แต่เราได้ให้ของแถมสมน้ำหน้าคุณให้ไปด้วยเพิ่มเข้าไปในปัจจุบันคือ ไม่สามารถ แก้ไข ถอดถอน ขับ เรียกวิชาคืนกลับไม่ได้ เสริมออฟชั่นล่าสุดไปว่า ถ้ายังไม่สำนึก คิดพิจารราในสิ่งที่ตนทำผิดไม่ได้ ยังมีจิตเป้นมิจฉาทิบิอยู่ต่อไป อาฆาตร เราก็ขอให้พระแม่ท่าน " แยกธาตุขันธ์ 4 ให้แตกออกจากกัน และ ดวงจิตใดที่เป็นมิจฉาทิฐิในร่างนั้นทั้งหมด สัตว์นรก ขอให้ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พญายมราช และ เหล่าบริวารลากตัวพวกมันลงขุมนรกอเวจีให้หมด จนกว่าจะสำนึกผิดได้จริงเท่านั้น และ เราเท่านั้น คือ คนที่จะแก้คำสาปนี้ได้
.
... ตอนนี้เราผ่านคนไม่ดีมาก และ พวกเขาก็ไม่เข็ดหลาบ ยังคงถือทิฐิมานะว่า "ตรูนี้เก่ง ตรูนี้แน่ ตรูนี้แหละของจริง " บางคนก้กลัว " เสียชื่อ เสียหน้า กลัวคนจะไม่ศรัทธา " ก็จะหาทางเอาคืนเราให้ได้ เพราะไม่เชื่อว่าเราจะทำเช่นนี้ได้ เราจึงต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ เพราะเราก็พยายามอดทน กับ สิ่งที่พวกเขามาทำเรามานานพอสมควรแล้ว และ ได้ลองเสี่ยงทายถามเทวดามาก่อนที่จะทำแล้ว คือ เราไม่เห็น ไม่ได้ยิน คุยไม่ได้ เราจึงอาศัยการเสี่ยงทายถามผ่านพระพุทธรูปเอาคะ

 

.
... เยอะมากคะป๋าเรื่องทำเสน่ห์ตอนนี้แถวบ้านหนูนี้ยิ่งเยอะ น่าเบื่อมากคะ ...
.
... หนูใช้วิธี สวดมนต์ ขอพรเสี่ยงอธิฐานเอาคะว่าถ้าใช่ก็ขอให้ท่านช่วยให้สมปรารถนา ขจัดอุปสรรคปัญหาทั้งหลายให้ และ จะกรวดน้ำแผ่เมตตาให้เขาคะป๋า หนูก็ทำไปตามที่มันขึ้นมาในหัวเราคะ และ พิจารณาแล้วว่ามันไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาคะ

 

ติดตามอ่านกระทู้ของคุณกาลีนะตั้งแต่หน้าแรกจนปัจจุบัน มีประโยชน์มากครับ จึงมีเรื่องอยากจะถาม เนื่องจากผมไปตำหนักแห่งหนึ่ง และร่างเขาว่ามีองค์เทพองค์นึงตามคุ้มครองผม ให้เรารับขันธ์ แต่ผมไม่รับ เนื่องจากยังไม่ค่อยเชื่อ บวกกับไม่เคยสัมผัสอะไรได้เลย ร่างจึงบอกว่าให้พนันกับเทพ โดยร่างบอกกับท่านนั้นว่า ให้ผมสอบติดและได้เข้าทำงานในหน่วยงานที่ว่ากันว่าต้องใช้เส้นสายถึงจะเข้าได้ ถ้าทำได้จริงจึงจะให้ผมไปรับขันธ์เอา แบบนี้ผมควรทำยังไงครับ ถ้าเกิดเป็นจริงขึ้นมา เพราะจากการได้อ่าน ได้ศึกษาในกระทู้ การรับขันธ์ ดูจะเป็นเรื่องอันตรายมาก ยิ่งสำหรับผมที่ยังไม่รู้อะไรเลยกับทางนี้เลย กลัวโดนหลอกอะครับ

 

ไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เลย

 

สวัสดีค่ะ มีคนทักว่ามีองค์พระแม่อุมาค่ะ อยากทราบว่าเป็นเทพจริงๆมั้ยคะ หรือเป็นอย่างอื่นเพราะมี สองอารมณ์ตลอดเวลาค่ะ

 

.
... ก่อนอื่นขอโทษที่มาตอบช้านะคะ
.
.. การเป็น ร่างทรง กับ มีองค์ มันคนละเรื่อง หนังคนละม้วนนะคะ
...... ร่างทรง คือ การยินยอมด้วยวาจาให้ อมนุษย์ มีสิทธิ์ มีอำนาจเหนือดวงจิต เหนือร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นจงเลือกให้ดี พิจารณาให้รอบคอบ สิ่งเหล่านี้มาไม่เป็นเวลา เราเรียก เชิญก็จะมา หรือ พอใจท่านจะมาก็มาเราควบคุมไม่ได้ .. ถ้าโชคร้ายก็โดนสวมสิ่งไม่ดี จิตวิญญารที่ไม่ จิตที่เป็นบริวารของคนที่เราไปรับขันธ์จากเขา .. แล้วแต่จะรับมาได้หรือเขายัดมาให้ปริมาณไม่จำกัดดวงจิต
.
...... คนมีองค์ คือ คนที่มี เทพ เทวดา ติดตามมาดูแลช่วยเหลือ สงเคราะห์ สั่งสอน อบรม ปกป้องสังขารของเรา เพื่อร่วมสร้างบารมี .. หรือ จิตท่านเองที่ลงมาชดใช้กรรมบางอย่าง หรือ มาท่องเที่ยว มาทำหน้าที่บางอย่าง .. ท่านจะมาของท่านเองเมื่อถึงเวลา หรือ มีเหตุให้ต้องมา ท่านเหล่านี้เป็นของมีมาเฉพาะบุคคลเฉพาะเชื้อสาย

... คนส่วนมากจะเข้าใจผิดเยอะมาก และ สุดท้ายก็ไปทำอะไรที่ผิด ๆ ทำให้เกิดปัญหาที่ต้องตามแก้กันวุ่นวาย .. ทุกอย่างเพราะการ #พลั่งวาจาให้สัจจะไป .. กลายเป็นกรงที่มากักขังเราให้ไปไหนไม่ได้ ไม่สามารถหลุดพ้น และ อาจหลงทางจมดิ่งสู่มหานรกอเวจีในที่สุด
.
.. .. สมัยปัจจุบัน " การเป็นคนมีองค์ ไม่ใช่เรื่องแปลกคะ " เพราะมันเข้าสู่ยุคของ เทพ เทวดา ที่ต้องลงมาทำหน้าที่บำรุงพระพุทธศาสนาอยู่แล้วคะ .. แค่ท่านเหล่านั้นจะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง ไม่ว่าจเป็น อวตาร, กึ่งอวตาร, บริวาร รึ ผู้ศรัทธาที่มีกรรมร่วมกันแล้วท่านตามมาดูแล, ผู้ที่ถูกเลือก, ผู้ที่มีศรัทธาแก่กล้าจนสามารถเชิญท่านมาอยู่ด้วยได้ .. ทั้งนี้ล้วนต้องมีหน้าที่ของตนเองทั้งนั้น อยู่ที่จะทำหน้าที่นั้น ๆ หรือไม่ ??
... ถามว่าไม่ทำได้ไหม ?
คำตอบ ได้ .. แต่ก็ต้องก้มหน้ายอมรับวิบากรรมที่จิตตนเคยก่อไว้โดยไม่มีตัวช่วยมาแบ่งเบา หรือ ช่วยเหลือ .. รับคนเดียวเต็ม ๆ " เพราะคนมีองค์ คือ คนมีกรรม "
... ถ้าทำหน้าที่ของตนเองที่มีมาละ จะดีกว่าไหม๊ ?
คำตอบ ดีกว่าแน่นอน .. เพราะมัน คือ หนทางสร้างบารมีให้แก่ตนเอง !! ลดวิบากรรมเก่า สร้างบุญบารมีเพื่อภพชาติใหม่ที่ดีกว่า แถมแบ็คหลังก็ได้บุญบารมีไปด้วย
.
.. ส่วนการที่เขาแนะนำให้ " ท้าองค์ท่าน " คุณคิดว่ามันสมควรเล่นเหรอคะ .. อันนี้โตแล้วคิดเอาเองคะว่า " มันคุ้มไหม๊ กับ สิ่งที่คุณต้องแลกเพื่อให้ได้มา แล้วทุกอย่างในชีวิตของคุณจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป .. ไม่ว่าดี หรือ ร้าย ในวันข้างหน้า .. ใครจะช่วยคุณไปได้ตลอดชีวิตคะ "