ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ไก่ได้พลอย
ลิงได้แก้วยังมีครับ

หมูได้แก้วกายสิทธิ์เหาะได้ มันเหาะมาแค่หาอาหารในเกาะ
มีคนไปแย่งแก้วมันมา เอามาใช้บุกเมือง ครองตนเองเป็นพระราชา


พิณวิเศษ หัสดีกัณฑ์เรียกช้างของพระเจ้าอุเทน บังคับช้างได้ทั้งป่า
ท่านฤาษีได้มาเอาไว้แค่ไล่ช้างไม่ให้มากวน กับให้หาอาหารให้
พอยกให้พระเจ้าอุเทน เล่นบังคับช้างทั้งป่า บุกเข้าล้อมเมืองให้ยกเมืองให้

 

เช่น อะไรครับ(คนโดนฟ้าผ่า ไม่ตาย คงไม่ได้จัดเป็นทนสิทธิ์ใช่ไหมครบ)
คตปรอทจัดเป็นทนสิทธิไหมครับ

 

ต้องขออภัยคำถามไม่ชัดเจนครับ
ผมหมายถึงวิธีการใช้เพื่อทำให้เกิดผลที่ปราถนาครับ
ไม่ใช่ นำมาใช้เพื่อผลอะไร

เช่น จะขับมอเตอร์ไซค์ วิธีการขับต้องทำอย่างไร
1.สตาร์ทเครื่ิอง
2.ใส่เกียร์
3.บิดคันเร่ง

กรณีั
หมูได้แก้วกายสิทธิ์เหาะได้ มันเหาะมาแค่หาอาหารในเกาะ

กรณีนี้ หมูคงแค่นึกจะเหาะ ก็เหาะได้(เดาเอานะครับ)

 

อนุโมทนาด้วยครับ _/\_

 

คนโดนฟ้าผ่าแต่ไม่ตาย ก็คิดว่าใช่ครับ คงมีทนสิทธิ์บางอย่างในตัวด้วย แต่ไม่รู้ เหมือนคนมีผมผีช่อ หรือผมหอม หรือพวกคดมนุษย์ในร่างกาย

เพื่อนผมคนหนึ่งมีเขี้ยวแก้วบนเพดานปาก เหมือนหลวงปู่กาหลง เพื่อนผมก็อยู่รอดปลอดภัยดีนะครับ รถชนก็ไม่ค่อยเป็นไร แต่ตอนนี้ฟะนเพดานปากเลื่อนมาอยู่ข้างหน้า ผีเข้าบ๊อยบ่อย สัมผัสอะไรแปลกๆไวดี เคยให้เพื่อนจับพลังพระหลายๆองค์บอกถูกด้วยแฮะ

ส่วนคดปรอท น่าจะจัดเป็นทนสิทธิครับ

 

หมูนึกจะเหาะ ก็คาบไว้ในปากแล้วนึก ก็ไปได้
ส่วนพิณหัสดีกัณฑ์พระอินทร์เอามาให้ ต้องร่ายมนตร์ แล้วดีดให้ได้ยินเสียง
ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี มีแก้วมณีดวงใหญ่อยู่. เลี้ยงไก่ขาว ท่านถือเจว็ดไม้เท้า

คงจะอย่างที่คุณคิดมั้งครับ เรื่องนี้ไม่ทราบเพราะไม่ได้กายสิทธิ์ที่แรงพอขนาดนั้นครับ

แต่คิดว่าคงจะใช้ให้เหมาะกับงาน คงลองทดสอบไปเรื่อยๆมั้งครับ ใช้แบบนี้ได้ไหม แบบนี้หละ. พลิกแพลงไปได้น่าจะไม่รู้จบ

 

การใช้ทนสิทธิ์ กายสิทธิ์ หรืออะโลมะประสิทธิ์นั้น กรณีแรกคือผู้มีอยู่ในครอบครองได้รับรังสีจากวัตถุนั้นๆ จะได้อานิสงค์จากการรับพลังโดยอัตโนมัติ เช่นคนป่วยเมื่อได้รังสีจากธาตุปรอทหรือเหล็กไหลจะแข็งแรงขึ้นทันที เป็นต้น

๒ ต้องอาศัยโทรจิตหรืออำนาจจากสมาธิร่วมกัน อย่างในตำราปรอทกล่าวไว้ชัดว่าเมื่อจะดำดินให้ท่องคาถานั้น คาถานี้จำนวนร้อยจบบ้าง พันจบบ้าง

๓ อำนาจจากกายสิทธิ์เป็นเครื่องทุ่นแรงอย่างหนึ่งคือแทนที่เราต้องได้สมาบัติ แต่เมื่อมีกายสิทธิ์เพียงมีขณิกสมาธิก็แสดงฤทธิ์ได้เหมือนผู้ได้สมาบัติเป็นต้นครับ

๔ ความรู้ในการใช้กายสิทธิ์มีส่วนสำคัญมากครับ อย่างคนมีเหล็กไหล ถ้าไม่มีความรู้อะไรเป็นพิเศษ จะได้รับอานิสงค์จากเหล็กไหลเพียงแค่มหาอุดคงกระพัน แต่ถ้าคนผู้นั้นมีความรู้ความสามารถทางจิต โทรจิตกับเหล็กไหลได้ เขาจะสามารถสื่อให้เหล็กไหลดับไฟฟ้า กินไฟฟ้าทั้งโรงงานก็ได้ หรือสามารถโทรจิตให้เหล็กไหลปล่อยคลื่นไฟฟ้ามาสะกดจิตคนจำนวนมากๆ ก็ได้

๕ โดยปกติการใช้กายสิทธิ์มักมีคาถากำกับ แต่สำหรับผู้เข้าใจทางสมาธิดีแล้ว ใช้โทรจิตเป็นการสื่อสารกับกายสิทธิ์นั้นๆได้โดยตรง

สมัยหลวงพ่อสดมีการศึกษาเรื่องกายสิทธิ์อย่างจริงจัง ศิษย์สำนักวัดปากน้ำรุ่นใหญ่ๆ มักมีแก้ว มีคต กำไว้ในมือเวลาภาวนา อำนาจจากกายสิทธิ์ทำให้ลงสมาธิได้เร็ว และมีอำนาจฤทธิ์เกิดขึ้นได้ไว

ดังนั้นสมาธิกับกายสิทธิ์จึงสัมพันธ์กันมากและผุ้รู้ทางสมาธิย่อมใช้ประโยชน์จากการสิทธิ์ได้หลากหลายกว่าผู้ไม่รู้

 

เรื่องกายสิทธิ์จบลงที่ไหนเมื่อไหร่ เรื่องนี้ท่านจัดเอาไว้ในหมวดกรรมวิบาก เกี่ยวกับการจุติของวิญญาณต่างๆที่อาศัยการมาในไม้หรือโลหะหรืออัญญมณีต่างๆ ถ้าเรามีความเจริญทางจิตและวัตถุยิ่งขึ้นกว่านี้ก็จะสามารถจำลองการเกิดกายสิทธิ์ได้ เช่นเดียวกับการทำโคลนนิ่งและมนุษย์หลอดแก้ว ในสมัยแอตแลนติสก็มีความสามารถทางด้านนี้เป็นปกติแล้วก็เสื่อมสูญลงไป เพราะยิ่งเจริญมากก็เข้าใกล้ความเสื่อมมากเช่นกัน

การเกิดกายสิทธิ์มีทั้งธรรมชาติ และผู้รู้วิทยา ในหลายระดับ ตั้งแต่ผู้สามัญจนกระทั่งผู้มีอภิญญาแล้ว

กรณีของผู้มีอภิญญาการทำกายสิทธิ์คือเครื่องเล่นของท่าน เป็นกีฬาฌานของท่าน

กรณีของผู้สามัญ คือการค้นคว้าไปเรื่อยๆจนได้ความสำเร็จในที่สุด

กายสร้างกายสิทธิ์ทุกชนิด ล้วนอาศัยสมาธิและพลังจิตเป็นเครื่องประกอบ รวมไปถึงศีลบริสุทธิ์การกระทำบริสุทธิ์ ทั้งนี้เปรียบกับืงวิทยาศาสตร์ว่า ถ้าเราจะเพาะเชื้อพืช หรือคน ต้องอาศัยห้องปลอดเชื้อฉันใด การสร้างกายสิทธิ์ละเอียดกว่าคือต้องอาศัยความสะอาดภายในใจด้วยมิเช่นนั้นของที่สำเร็จออกมาก็ปนเปื้อนและด้อยอานุภาพ

เรื่องวิชาทางกายสิทธิ์นั้น เป็นสิ่งที่ต้องเรียนควบคู่กันไปทั้งนามธรรม และรูปธรรม อาศัยความรู้ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยความเข้าใจทั้งทางวิญญาณศาสตร์และธาตุวิทยา เมื่อความรู้ทั้งสองนำมารวมกันอย่างถูกส่วนก็สำเร็จซึ่งกายสิทธิ์ได้

 

ต้นไม้รู้นอนมีกี่ชนิดต้นอะไรบ้างครับ......

 

การสร้างวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์จากอดีตอาศัยหลักการจำลองธรรมชาติ
เช่นจะสร้างพระเครื่อง หรือวัตถุมงคลใดๆก็อาศัยการตั้งธาตุ ๔ หนุนธาตุ เข้าธาตุแล้วเชิญวิญญาณธาตุปฏิสนธิ เพื่อให้วัตถุมงคลนั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ด้วยการอาศัยการตั้งสมมุติด้วยอำนาจสมาธิก็ทำให้สิ่งที่สมมุตินั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ หลักการของการเสกของมีอย่างนี้

การสร้างกายสิทธิ์ก็เป็นการพยายามจำลองอำนาจจากธรรมชาติหรือจักรวาลลงมาสู่เนื้อที่อันน้อยนิดแต่มกด้วยคุณมหาศาล การเลานแร่แปรธาตุส่วนหนึ่งของครูยุคก่อนคือการพยายามแปรธาตุให้ได้ใกล้เคียงกับเหล็กไหล จึงเกิดเป็นเมฆสิทธิ์เมฆพัตรขึ้น หรืออาศัยเหล็กไหลชั้นรองๆมาหุงใหม่เพื่อให้ได้ใกล้เคียงเหล็กไหลชั้นยอด การสร้างปรอทสำเร็จก็เช่นกันเป็นการพยายามสร้างแก้วจักรพรรดิ์ขึ้น ซึ่งในอดีตผู้สำเร็จก็มีเช่นเรื่องของอาจารย์ของครูบาชุ่ม วัดวังมุย จ.ลำพูนที่ท่านทำได้มาแล้วเป็นต้น

ขอชมความรู้ของคุณ manitta ว่าวิเคราะห์ได้ดีจริงๆ

 

ขอบคุณครับ

 

ยิ่งอ่านยิ่งสนุก ยิ่งอ่านยิ่งเพลิดเพลินค่ะ มาแชร์กันเยอะๆนะคะ อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะกับความรู้ใหม่ๆ

 

คำถามนี้ต้องถามอีกนิดว่า แล้วเราจะขายได้หรือเปล่า

จากที่ผมทำงานหนังสือไปสัมภาษณ์ท่านผู้รู้หลายท่าน พบว่าอย่างผู้ที่มีเหล็กไหลจริงๆและพยายามขาย (เป็นเหล็กไหลชั้น 1 แท้ๆ) พยายามขายเท่าไหร่ก็ขายไม่ได้ มีเหตุให้เหล็กไหลเสด็จหนีไปตลอด และคณะทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขายมักประสบเคราะห์กรรมเป็นตั้งแต่โรคแปลกๆที่รักษาไม่หาย เช่นอยู่ๆกล้ามเนื้อไม่มีแรง จนถึงขั้นประสบอุบัติเหตุ กิจการงานต่างๆย่ำแย ผมเคยสัมภาณ์เสี่ยโรงงานทำอาหารกระป๋องท่านึงครับ ได้เข้ากับคณะตัดเหล็กไหล ท่านนี้ไปตัดเหล็กไหลที่ถ้ำแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ปรากฏว่าได้เหล็กไหลมาจริง แต่ว่าตั้งแต่แกได้มานั้นประสบแต่ปัญหานานาประการ ในที่สุดกิจการที่รุ่งเรืองก็พับตัวลง ปัจจุบันดำรงชีพด้วยการเป็นคนขับแท็กซี่ครับ

ของกายสิทธิ์ชั้นสูงที่เราได้มาหรือสำเร็จด้วยตนเอง เป็นวัตถุที่อยู่เหนือการซื้อขายครับ ของที่ซื้อขายมีอยู่ในระดับที่ยังเป็นไปได้ แต่ถ้าสูงขึ้นไปในชั้นกายสิทธิ์เต็มภูมิแล้ว ไม่สามารถขายได้หรือแลกเปลี่ยนใดๆได้ จะได้มาหรือครอบครองไว้ในชั้นนี้อยู่ที่บุญบารมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

และตอบได้ว่าถ้าทำได้เป็นปรอทกายสิทธิ์ก็คงไม่ขายล่ะครับหรือท่านอื่นๆคิดยังไงครับ

 

เรื่องแอตแลนติสยกไว้ก่อนเพราะหลักฐานชัดเจนเรื่องเกาะอัศลันทิศนี้ยังไม่มีฮิๆ
เรื่องหมวดกรรมวิบากของหลวงพ่อสด เคยอ่านผ่านๆตาขอรับ คิดว่าเป็นเรื่องที่ท่านสอนไว้อย่างครอบๆเพื่ออธิบายง่ายๆ แต่รายละเอียดยังไม่ค่อยมั่นใจ เพราะหาลึกกว่านี้ไม่ได้ ลูกศิษย์สมัยหลังท่านบางคนยังบอกว่าปรอทเป็นธาตุดำฝ่ายมารไปโน่นเลย เลยยกไว้ เฮ้อ ..........


ชอบคุณคุณทิพยจักรที่เอามาอธิบายให้ชัดเจน ว่าแล้วขอหนังสือแถมลายเซ็นสักเล่มฟรีได้ไหมครับ อิอิ

 

เพิ่มเติมอีกสักนิดครับ ในกรณีของผู้ที่มีอภิญญาสมาบัติดียิ่งแล้ว การทำธาตุกายสิทธิ์โดยมากเพื่อเป็นการสงเคราะห์แก่คณะศิษย์ครับ อย่างเซียนสู ท่านให้กสิณเพ่งปรอทจนแข็งตัวท่านก็ทำได้ ทำแล้วก็แจกลูกศิษย์ไปเท่านั้น หรืออย่างหลวงปู่โอภาสีท่านก็หุงปรอทของท่านแต่ท่านทำเพื่อเป็นการทดสอบภูมิจิตของท่านเอง หรือกรณีของอาจารย์ของครูบาชุ่ม วัดวังมุย ซึ่งท่านมีสมาบัติสูงยิ่งท่านก็สร้างปรอทจากแก้วจักรพรรดิ์ไว้เพื่อเป็นการสงเคราะห์คนรุ่นหลัง หรืออย่างครูบาชุ่ม วัดวังมุยท่านเองก็ทำแก้วราหูจากปรอทเช่นกัน ท่านทำไว้สงเคราะห์แก่คณะศิษย์ เรียกว่าการทำกายสิทธิ์ของครูบาอาจารย์ก็เพื่อสงเคราะห์คนทั้งหลายนั่นเอง

กรณีศึกษาของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำตอนที่ท่านนั่งกรรมฐานเรียกกายสิทธิ์เสด็จ ก็เพื่อประโยชน์ที่ว่ากายสิทธิ์ชั้นสูงมีบารมีทำให้บริบูรณ์ด้วยทรัพย์ ท่านว่ามีกายสิทธิ์ระดับบรมจักรพรรดิ์สามารถเลี้ยงคนได้ตั้งพัน ต่อไปวัดปากน้ำจะไม่อดอยาก ก็เป็นจริงดังคำพูดของท่านทุกประการ

 

เจอเมื่อไหร่ให้แน่นอนครับ ขอยกย่องภูมิความรู้ของท่านเช่นกันครับ

 

ขายไปเลยครับพี่น้อง ขายไปเลย ผ้มรับผิดชอบเอง เย้ยยยยย




ถ้าผมทำได้จะขายไหม มีคนซื้อไหมล่ะครับ ถ้ามีก็ขาย ไม่มีคนซื้อก็ให้ลูกให้หลาน ให้เพื่อนสนิทๆชอบพอกัน ก็ยกให้ เพราะถ้าทำได้ ผมทำหลายลูกแน่นอน ขายก็มี แจกฟรีก็ได้ แจกให้คนทำบุญก็เอา ตามงบประมาณที่ทำได้ บรรจุกรุเล่นๆเอาสนุกๆก็ทำ เค้าสร้างพระหล่อพระแอบเอาไปใส่ให้พระท่านขลังขึ้นก็ทำได้ หุหุ

 

วัดท่าซุงมีลูกแก้วจักรพรรดิขนาดกลางและแก้วราหูองค์เล็กที่หลวงพ่อพระเดชพระคุณพระราชพรหมญานได้มา จากหลวงปู่ครูบาชุ่ม ที่ทำได้จากปรอทมา แช่ทำน้ำมนต์ อยู่วัดท่าซุง วัดท่าซุง รวยมากเลยครับ พระไม่มีอดจริงๆ ท่านให้ใช้ร่วมกับคาถาเงินล้านเพิ่มอำนาจไปอีก อิอิ ประสบการณ์เยอะดี

 

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

สงสัยว่าเสื่ยนั้น ทำล่วงเกินอะไรไปรึปล่าวครับ โรงงานทำอาหารกระป๋องอะไรรึครับ ท่านเหล็กไหลจึงไม่ชอบ