บังเอิญคล้ายๆเหตุการณ์ช่วงนี้ ดูที่หน้า 11 (จากกระทู้เตือนภัยพิบัติเดือนมิถุนายน 2554)

ขอบคุณ คุณ karan มากๆครับ แล้วจะคอยติดตามเหตุการณ์ต่อไปครับ

 

วิธีทำบุญง่ายๆและได้บารมี 10 ทัศ โดยหลวงพ่อจรัญ

วิธีทำบุญง่ายๆ สำหรับคนไม่มีเวลา สามารถทำได้ทุกวัน โดยได้บารมี 10 ทัศ ครบถ้วนบริสุทธิ์บริบูรณ์
พูดถึงเวลาถ้าเราทำบุญ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการตักบาตรหรือเข้าวัดทำบุญเป็นส่วนมาก
ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มีเวลา ก็เลยเสียโอกาสในการสั่งสมบุญบารมี
วันนี้จึงมีเรื่องมาเล่าให้ทุกๆท่านได้อ่านและพิจารณา
เผื่อจะได้แง่มุมใหม่ๆในการสร้างบุญกุศล สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา
เพื่อจะได้นำมาปฏิบัติอย่างง่ายๆ เพื่อสั่งสมบุญบารมี มีดังนี้


1. หากระปุกออมสิน หรือ บาตรพลาสติก ( ร้านสังฆทานต่างๆจะมีขาย ) หรือภาชนะที่สะดวกในการหยอดเงิน
นำมาวางไว้ที่ในห้องพระ หรือหิ้งพระ
สำหรับคนที่อยู่คอนโด หรืออพาร์ทเม้นต์ ถ้าไม่มีห้องพระ ให้หารูปพระ มาติดที่ฝาผนังก็ได้

2. ทุกวันให้เราสละเวลา เพียงวันละประมาณ 20-30 นาที สวดมนต์ไหว้พระเวลาไหนก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ
เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอน โดยเริ่มจากบท


คำบูชาพระ

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระพุทธเจ้า ด้วยเครื่องสักการะนี้)
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระธรรม ด้วยเครื่องสักการะนี้)
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะนี้)


คำบูชาพระรัตนตรัย

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ(กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ(กราบ)


นมัสการพระพุทธเจ้า


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ


*ระหว่างที่ตั้งนะโม ก็ให้เรานำเงินมา จบเอาไว้ในมือ จะกี่บาทก็ได้ 5 บาท 10 บาท หรือ 20 บาท
หรือจะมากกว่านั้นตามแต่ศรัทธา จากนั้นก็เริ่มสวด



คำกล่าวบูชาไตรสรณคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.

บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย
อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสา

พาหุงมหากา หรือ พุทธชัยมงคลคาถา (ถวายพรพระ)

๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะ

สวดจบแล้วให้กลับมาสวด พระพุทธคุณ บทเดียวหรือ 9 จบ เท่าอายุบวกหนึ่ง



* * * ถ้าไม่มีเวลา ให้กลับมาสวด บทพระพุทธคุณบทเดียว 9 จบ เท่าอายุบวกหนึ่ง



3. ต่อจากนั้น ตั้งสมาธิจิตสักระยะหนึ่ง แล้วอธิษฐานจิตจนเสร็จ จากนั้น เอาเงินที่จบไว้ในมือ
ใส่เข้าไปในภาชนะที่เตรียมไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชา หรือหน้ารูปพระ เสร็จแล้วอย่าลืม
แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งให้เจ้ากรรมนายเวร ทำอย่างนี้ทุกวันอย่าให้ขาด



คาถาแผ่เมตตา (แผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย)

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ


4. หลังจากนั้น เราก็จะได้บารมีครบถ้วน เพียงแค่สวดมนต์ไม่กี่นาที และสิ่งเหล่านี้ก็จะสะสมในใจเราทีละน้อย
เหมือนกับเราเก็บเงินวันละ บาท 10 วันก็ได้ 10 บาท แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะไม่ได้อะไรเลย
แล้วเงินที่เราหยอดทุกวัน ที่ได้จากการสวดมนต์ ก็เหมือนเราตักบาตรทุกวัน โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
เมื่อมีโอกาศเข้าวัด หรือจะไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ เราก็นำเงินนั้นแหละไปทำบุญ หยอดตู้ ใส่ซอง
ทำให้จิตของเราติดอยู่กับบุญกุศลทุกวัน




บารมีครบถ้วน 10 ประการมีดังนี้

1. ทานบารมีี = ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จ เราทำทานคือเอาเงินที่จบใส่ใน กระปุกออมสิน หรืออื่นๆ เป็น ทานบารมี

2. ศีลบารมี = ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้นเราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวดมี ศีลบารมี

3. เนกขัมมบารมี = ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ จิตของเราปราศจากนิวรณ์มารบกวนจิตใจ ถือว่าเป็นการบวชใจ ถือว่าเป็น เนกขัมมบารมี

4. ปัญญาบารมี = การสวดมนต์ทำด้วยความศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ช่วยฝึกฝนให้เกิดสติ มีสมาธิเป็น ปัญญาบารมี

5. วิริยะบารมี = ถ้าเราไม่มีความเพียร เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นความเพียรเป็น วิริยะบารมี

6. ขันติบารมี= มีความเพียรแล้ว ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความอดทน ความอดทนเป็น ขันติบารมี

7. สัจจะบารมี = มีความเพียร มีความอดทนแล้ว และมีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งความจริงใจคือ สัจจะบารมี

8. อธิษฐานบารมี = เมื่อเราสวดมนต์เสร็จ ทำสมาธิ ตั้งจิตอธิฐาน การอธิฐานเป็น อธิษฐานบารมี

9. เมตตาบารมี = ใส่บาตร สวดมนต์เสร็จ ก็ต้องแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาเป็น เมตตาบารมี

10. อุเบกขาบารมี = ขณะที่แผ่เมตตา เราต้องทำใจของเราให้มีเมตตา ต่อสัตว์ทั้งหลาย
ทำใจให้เป็นพรหมวิหาร 4 อุเบกขา วางเฉย อโหสิกรรม กับบุคคลที่เราเคยล่วงเกินกันมา
ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบ วางใจให้เป็นอุเบกขา เป็น อุเบกขาบารมี



ขอความมุ่งมั่นโปรดอยู่กับท่าน............... ขออนุโมทนา ณ ที่นี้ด้วย

คัดลอกจาก วิธีทำบุญง่ายๆและได้บารมี 10 ทัศ โดยหลวงพ่อจรัญ

 

สาธุ ทำตามที่คุณการัณแนะนำอยู่แล้วเกือบทุกอย่างค่ะ ยกเว้นเรื่องการออมเงิน ต่อไปจะได้เพิ่มข้อนี้เข้าไปอีกหนึ่งอย่าง ขอบคุณมากนะคะ

 

ขอบพระคุณสำหรับวิธีทำบุญที่แนะนำมาค่ะ

 

ผมขอขอบคุณสำหรับวิธีทำบุญที่แนะนำมา โดยเฉพาะวันนี้วันวิสาขบูชา เป็นวันดีวันพระใหญ่ เหมาะแก่การเริ่มต้นทำบุญ สำหรับคนที่คิดว่าจะเริ่มนะครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณกับคำเตือนและคำแนะนำ

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ จะได้รีบหาบาตรเล็กหรือกระปุกออมสินวางหิ้งพระแล้วครับ

 

ล่าสุดได้ข้อมูลจาก 'ท่านผู้เตือน' ว่าน่าเป็นห่วงเรื่องน้ำ
ส่วนเรื่องแผ่นดินไหวนั้นยังไม่น่าห่วง วันที่คาดกันไว้จะคลาดเคลื่อน

แต่ท่านว่าเขื่อนที่อุตรดิตถ์มีปัญหาอยู่ตอนนี้
ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้แล้ว คือฝ่ายซ่อมบำรุงกำลังพยายามแก้ไขกันอยู่
(ใครพอมีข้อมูลหรือสามารถตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ได้บ้างครับ)

ท่านเป็นห่วงเรื่องปริมาณน้ำมากกว่าอย่างอื่น
เนื่องจากปริมาณน้ำมีมาก น้ำมาจากทุกทิศ
และโครงสร้างเขื่อนเองก็มีปัญหา

ระวังน้ำจะตีเข้ากรุงเทพ ระวังแต่ยังไม่ยืนยัน
ขอให้พวกเราฝ่ายเตือนภัยคอยติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

ขอให้ทุกคนเตรียมรับมือ อย่าประมาท แต่อย่าตระหนก
หากเกิดน้ำท่วมจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกว่าน้ำท่วมฉับพลัน


ข้อสังเกตจากผู้เขียน
การเตือนในลักษณะระบุวันเวลาล่วงหน้านั้นน่าจะมีความคลาดเคลื่อนครับ
เพราะท่านที่มาเตือนบอกว่าให้คอยติดตามอย่างใกล้ชิด
หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงท่านจะบอกให้ทราบ

 

จีนยอมรับว่าเขื่อน สามผามีปัญหา ข่าวจากเนชั่น

 

มรณานุสสติเป็นอารมณ์ ลดการตื่นกลัวได้มาก ความทุกข์ ความเครียดลดน้อยลงเป็นลำดับ

 

ผมได้สร้างกลุ่มไว้ใน Facebook ไว้ติดต่อและติดตามข่าวสารจากผมนะครับ
โดยให้เข้าไปใน Facebook แล้วค้นหาโดยพิมพ์ว่า กาขาว

สังเกตที่มีภาพเป็นนกสีขาวนะครับ

ถ้ามีข่าวอะไรผมจะแจ้งไว้ใน<wbr>เว็บพลังจิตและที่ (กลุ่ม) กาขาว

 

หาไม่เจอครับ กลุ่มกาขาว

 

เข้าไปใน Facebook แล้วค้นหาโดยพิมพ์ว่า กาขาว

 

หาไม่เจอเหมือนกันค่ะ มีท่านที่ใช้คำว่ากาขาวอยู่หลายท่านเหมือนกัน แต่คาดว่าไม่ใช่ เพราะหาที่ไอคอนรูปนกสีขาวไม่มีค่ะ

 

พอพิมพ์ำคำว่า กาขาว จะมีขึ้นมาหลายคนมาก ๆ ต้องกด See more results ไปอีก 3-4 หน้าค่ะ ถึงจะเจอรูปกาขาว

 

เพิ่งทราบครับว่าหายาก
เพราะสำหรับผมแค่พิมพ์คำว่า กาขาว มันก็ขึ้นมาเป็นชื่อแรกเลย

ยังไงก็ตามผมจะแจ้งข่าวผ่านเว็บพลังจิตแห่งนี้เป็นหลักครับ
ส่วนใน Facebook นั้นมีสำรองเผื่อไว้

 

ผมก็ลอง หายากครับ เดี๋ยวจะลองดูใหม่ ยังไม่เจอเลย 555

 

ลองเข้าจาก link นี้ แล้วไป คลิก group กาขาว
หรือมีวิธีง่ายกว่านี้ share ให้ด้วยค่ะ - ขอบคุณค่ะ

ขอโทษค่ะ ขอลบนะคะ ลืมขออนุญาตเจ้าของ link ในการลงค่ะ

 

6 มิย. 2554 15:54 น.


<DD>ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์กกรมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยว่า วันที่ 16 มิ.ย.นี้จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง กินเวลาเกิดปรากฏการณ์ทั้งสิ้น 3.39 ชั่วโมง นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานที่สุด และเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 4 ปี สามารถเฝ้าชมได้ตลอดทั้งเหตุการณ์หากท้องฟ้าเป็นใจ ไม่มีเมฆฝนบดบัง ปรากฏการณ์ครั้งนี้เริ่มตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป โดย 01.22 น. ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามืดบางส่วน และการเกิดคราสในเวลา 02.22 น. ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าสู่กึ่งกลางเงามืดของโลก ยาวนานกว่า 1.40 ชั่วโมง และสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลา 04.00 น.โดยประมาณ
<DD>ความพิเศษอยู่ที่ดวงจันทร์ปรากฏสีแดงส้มหรือแดงอิฐ จากการหักเหของแสงสีขาว ทำให้สีแดง ส้ม ตกกระทบบนพื้นผิวดวงจันทร์ และจันทรุปราคาครั้งนี้มีโอกาสเห็นทางช้างเผือกในคืนวันเพ็ญ ขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวง
<DD>สดร.เตรียมพร้อมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในคืนวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ผ่านเว็บไซต์ สดร : NARIT โดยได้รับความร่วมมือจากหอดูดาวภูมิภาคทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ หอดูดาวภูมิภาคเชียงใหม่ที่ละติจูด 18 องศา หอดูดาวภูมิภาคฉะเชิงเทราที่ละติจูด 13 องศา และหอดูดาวภูมิภาคสงขลาที่ละติจูด 7 องศา
<DD>พร้อมกันนี้ ในคืนวันที่ 16 มิ.ย. ยังจะเห็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปบังดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า 51 โอฟีอุชชี (Ophiuchi) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์สีขาวอยู่นอกระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มาก แต่อยู่ไกลจากโลกถึง 446.35 ปีแสง โดยจะสังเกตเห็นดาวฤกษ์ดวงนี้เริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก
<DD>ทั้งนี้ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาหรือจันทรคราส เกิดขึ้นจากที่ดวงอาทิตย์ โลกและดวงจันทร์ โคจรมาเรียงตัวอยู่ในระนาบเดียวกัน ซึ่งเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง แต่ใช่ว่าจะเห็นได้จากทุกมุมโลก เช่นครั้งนี้ที่เห็นได้ชัดเจนเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย แอฟริกาและตะวันออกกลาง ขณะที่อเมริกาอาจต้องรอลุ้นชมจันทรุปราคาอีกครั้งในวันที่ 10 ธ.ค.2554 คาดว่าจะเห็นแสงแรกจากกล้องดูดาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร ของหอดูดาวแห่งชาติบนดอยอินทนนท์ ซึ่งคนไทยจะได้เฝ้าชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้อีกครั้งหนึ่ง</DD><DD>วันที่ 16 นี่ใกล้วันที่ 18 มากเลยนะครับ แถมท้องฟ้าน่าจะมีสีแดงตามคำเตือนเลย งานจะเข้าแล้วสิครับ</DD>

 

Update วันที่ 8/6/2554

ล่าสุดได้ข้อมูลจาก 'ท่านผู้เตือน' ว่า
ตอนนี้ทุกสิ่งบนโลกมีการเปลี่ยนแปลง
ภัยพิบัติไม่ใช่จะไม่เกิด
แต่ตอนนี้สิ่งที่เห็นเหมือนรอเวลา
อย่างไรก็ตาม อย่าประมาท
ทุกสิ่งดูเหมือนนิ่ง แต่ให้รอติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลก

ที่จริงแล้วตอนนี้ในกรุงเทพน่าจะไม่ปลอดภัยแล้ว
แต่ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่ชัดเจน ยังต้องรอดูต่อไปว่า
จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางด้านดีหรือไม่
ต้องติดตามดูให้แน่ชัดเสียก่อนจึงจะตอบได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

การเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจน
ถ้าบอกไปตอนนี้จะมีการคลาดเคลื่อน
ตอนนี้ทุกที่เหมือนกันหมด ดูไม่ออกเลย
ภัยพิบัติจะเกิดแน่ เพียงแต่เรื่องเวลาเท่านั้นที่ยังไม่ชัดเจน
- จบข้อความคำเตือน -


ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้วิเศษหรือมีญาณหยั่งรู้ใด ๆ
ผู้เขียนเป็นเหมือนเพียงกาคาบข่าวมาบอก
ถ้อยคำบางอย่างมีการเรียบเรียงใหม่เพื่อความเหมาะสมในการเผยแพร่ แต่ใจความยังเหมือนเดิม

ต่อไปนี้ความเห็นส่วนตัวจากผู้เขียน
ที่ผ่านมาข่าวที่ท่านผู้เตือนมาบอกนั้นทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องภัยพิบัตินั้จัดว่าเป็นคำเตือนที่ไม่ควรปรามาส
เช่น ที่ก่อนหน้านี้มีผู้ทำนายหรือเตือนว่าจะเกิดภัยพิบัติในเดือนพฤษภาคม
คือวันที่ 5 และวันที่ 22 พฤษภาคมนั้น
ท่านผู้เตือนได้บอกกับผู้เขียนไว้ล่วงหน้าว่าจะไม่มีภัยพิบัติอะไรร้ายแรงอย่างนั้น
ถ้าจะมีคือช่วงใกล้ปลายเดือนพฤษภาคมก็คือ แค่พายุเข้า ฝนตกหนัก น้ำจะท่วมรอบนอก (หมายถึงท่วมต่างจังหวัดที่อยู่ไกลกรุงเทพ)
ส่วนเรื่องแผ่นดินไหวที่ทำนายหรือเตือนไว้นั้นจะคลาดเคลื่อน
ถ้าผู้อ่านถามว่าแล้วทำไมเพิ่งจะมาบอก
ขอตอบว่าได้บอกไว้แล้ว ให้ลองย้อนกลับไปอ่านดู
แต่ตัวผู้เขียนเองนั้นก็ไม่ต้องการคัดค้านท่านอื่น เหตุผลเพราะ
1. ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่เชื่อในคำเตือนไม่ว่าจากแหล่งใดๆก็ตาม เพียงถือหลักว่า
'เราจะไม่ประมาท' หากใครเตือนเรา เราก็จะรับฟังและนำเก็บไปคิดวิเคราะห์และเตรียมพร้อม
2. ไม่ต้องการขัดแย้งกับผู้ใด ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น กรณีการหลบหลู่ธรรม หรือสถาบันที่คนไทยเคารพรัก
ไม่ต้องการแข่งกันว่าใครจะทำนายแม่นกว่ากัน ซึ่งผู้เขียนไม่หวังประโยชน์อะไรในข้อนั้น
3. หากเราย้ำกับคนอื่นๆ อยู่เสมอว่าอย่าประมาท แต่กลับไปบอกว่าคำเตือนของคนนั้นคนนี้ไม่เกิดแน่นอน
หากคิดแบบนี้ก็ถือว่าเป็นความประมาทของตัวเราเอง

สรุปประเด็นคือที่ผ่านมา 2 ครั้งนั้นคือวันที่ 5 และ 22 พฤษภาคม 2554
ท่านผู้เตือนได้บอกไว้อย่างถูกต้องว่าจะไม่เกิดภัยร้ายแรงอะไร
จึงเหลือแต่เพียงว่า วันที่ 18 มิถุนายน 2554 นี้ จะเกิดภัยรุนแรงอะไรหรือไม่
โดยท่านให้สังกตว่าตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2554 ก็จะเริ่มมีความผิดปกติให้เห็นแล้ว
ดังนั้นขอให้ติดตามกันต่อไปว่าในวันที่ 16 มิถุนายนจะเป็นอย่างไร
หากมีอะไรผิดปกติ หมายถึงมีเริ่มมีการก่อตัวของภัยต่างๆ ก็ควรเพิ่มความระมัดระวังวันที่ 18 มิถุนายนให้ดีๆ
อย่างไรก็ดีเราควรไม่ประมาทในทุกๆวัน
ภัยครั้งนี้หากเกิดจริง ท่านบอกไว้ว่าไม่ใช่วันสิ้นโลกหรือวันโลกแตก ไม่ใช่ว่าชาติไทยจะสูญสิ้น
ประเทศไทยยังคงอยู่ เป็นแค่เพียงภัยครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง แต่ก็มีความรุนแรงมากทีเดียว ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่เตือน

ท่านผู้เตือนเคยบอกว่า ภัยพิบัตินี้ไม่ใช่เกิดหรือดำเนินไปเองของมัน
แต่มีคณะผู้ดูแลจัดการเรื่องนี้
ผู้เขียนมาพิจารณาเอาเองว่าคงเหมือนที่ หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล กล่าวถึงเรื่อง 'นาคกวาดน้ำ'
ท่านผู้เตือนยังเคยกล่าวถึง 'พระแม่ธรณี'
ผู้เขียนก็มาพิจารณาถึงเรื่อง พระแม่ธรณีบีบมวยผม ในพระพุทธประวัติ
มุมมองของคนทั่วไปมองว่าแผ่นดินก็คือแผ่นดิน เป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งเท่านั้น
แต่มีบางท่านนั้นได้รู้เห็นถึง 'นามธรรม' ที่ดูแลธรรมชาติต่างๆ


สิ่งที่ผู้เขียนกังวลในตอนนี้คือ
ข่าวที่ทราบจากท่านผู้เตือนเป็นไปในลักษณะที่ ท่านผู้เตือนเองก็เริ่มดูไม่ออกบอกไม่ถูก
รู้ว่าภัยพิบัติต้องเกิด แต่เมื่อใกล้วันที่ 18 มิถุนายน ท่านกลับบอกว่าเรื่องเวลากลับเริ่มเป็นสิ่งไม่ชัดเจน
ผู้เขียนเริ่มเห็นแล้วว่าคำเตือนต่างๆนั้น ไม่ใช่สรณะที่พึ่งอันเที่ยงแท้แน่นอนเลย
คงอย่างที่ท่านได้เตือนสอนไว้หลายหนว่า มีเพียงความดีบารมีที่เราสร้างไว้และพระรัตนตรัยเท่านั้นจะเป็นสรณะที่พึ่งอันแท้จริง

ผู้เขียนไม่ทราบว่าทุกสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปในทางร้ายหรือดีขึ้นนั้น
เป็นการกระทำของท่านใด หรือท่านปราถนาอะไร
การที่ท่านผู้เตือนเริ่มดูไม่ออกนั้น เพราะมีผู้ใดต้องการปกปิดความลับนี้หรือไม่

จึงขอเตือนเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทุกท่านว่า
อย่าเชื่อถือคำเตือนหรือคำทำนายต่างๆมากเกินไป รู้คำเตือนไม่ได้แปลว่าจะรอดตาย
รอดตายครั้งนี้ ก็ใช่ว่าจะรอดตายไปได้ตลอดทุกครั้ง
วัฏสงสารนี้มีภัยพิบัติมากมาย ทั้งเกิดกับคนหมู่มากและเกิดเฉพาะตน
ขอให้ท่านใช้คำเตือนให้เกิดประโยชน์ คือความไม่ประมาท
ขอเพื่อนทุกท่านเร่งสร้างความดีเป็นเกราะคุ้มกายจนเข้าถึงที่หลบภัยอันเป็นบรมสุขอันเที่ยงแท้ คือพระนิพพาน

ถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นแน่นอนในวันที่ 18 มิถุนายน 2554 หรือไม่้
แต่หากมีข่าวอะไรคืบหน้า และกาผู้นี้ยังมีชีวิต ก็จะเร่งรีบคาบข่าวมาบอกทุกท่าน

การรักษาศีลนั้น แท้จริงคือการให้ศีลรักษาเรา
หากเราจองโต๊ะ จองเก้าอี้ จองตั๋ว สิ่งเหล่านั้นย่อมเป็นของเรา
ถามว่า ถ้าเราจองเวรเล่า เวรนั้นจะเป็นของใคร
เราอย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย