นู๋ฟ้า>ใหม่!แก้วขนเหล็ก,แก้วจอมขวัญ,แก้วโป่งข่ามเถินราคาถูกที่นี่ที่เดียว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย nu_fah, 23 มีนาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    วันนี้พี่มาสาย ก็เพราะเมื่อคืนออกเวรเที่ยงคืนไงจ๊ะ กว่าจะถึงบ้านก็โน่นแน่ะ ตี 01.15 น.
    อาบน้ำอาบท่า กว่าจะเข้านอน....คุณผู้ชายก็บรรเลงเพลง ฟี้ ฟี้...ให้ฟังซะเพลินไปเลยจ๊ะ

    วันนี้ตื่น 7 โมง...แต่ขี้เกียจลุกจากที่นอน พี่สาวมาจากหัวหิน เดี๋ยวจะชวนไปช๊อปปิ้งอีก เลยต้องนอน (แอบ) ไปเรื่อยๆ....อิอิ

    น้องฟ้า "ร้อนใน" เหรอ...ไงหละ ตามใจปากอ่ะ ไม่ดีงี้แหละ....อ้วนด้วย ป่วยด้วย...(อันแรกหนะ ไม่ดีอย่างแรง) แล้ววันนี้ไปทำบุญอีกเหรอ อิจฉาน้องฟ้าจัง ได้ไปทำบุญบ่อยๆ งั้นพี่ก็อนุโมทนาด้วยทุกงานเลยนะจ๊ะน้องสาว...

    น้องดากะน้องจันทร์หละ เมื่อไหร่จะได้เวลาไปกินหนมกันซ้าที ไปป่ะ ไปป่ะ ไปเนี่ย Mall งามฯ หรือว่า จะหลอกล่อให้น้องฟ้าแว๊บมาร่วมวงด้วย...(คงสนุกน่าดูนิ)
     
  2. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    โอ...เพิ่งรู้ความลับวันนี้นี่เอง ว่าแก้วฯของน้องจันทร์ เป็นแก้วฯ สาวๆ
    ไม่ใช่ แก้วหนุ่มๆ (งง ป่ะ)

    ก็คุณน้องบอกว่า เอาแก้วฯ ไป "อายแสงจันทร์" มาอ่ะค้าบ (deejai)(deejai)
     
  3. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่แก้ว พี่น้าเม้าจะไปหาคุณนพแล้วอาทิตย์คงได้ดูปวกชมพูเร็วๆๆนี้แหล่ะ ดีจัยด้วย


    อนุโมทนาบุญกับพี่ฟ้าด้วย ช่วงนี้ทำบุญบ่อยดีจริงๆๆเลย อยากไปทำบุญบ้างแต่งานเข้าตลอดเลย เราว่าง เพื่อนก้อไม่ว่าง ต้องนัดแนะกันอีกที

    จันทร์เค้าหวงแก้วฯสาวของเค้ามาก...ต้องนั่งเฝ้า กลัวหนุ่มๆๆอื่นมาสอยไป หลายเม็ดอยู่นะ อิอิ
     
  4. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    เพื่อนๆๆ สมาชิก มีข้อมูล น่าสนใจมากอีกแล้วคร้าบ...

    เม็ดเล็ก ๆ ลึกลับลึกล้ำ 'ลูกปัดโบราณ' หลักฐานมนุษยชาติ!
    การค้นพบ “ลูกปัดโบราณ” ในประเทศไทยอีกครั้งที่ จ.กระบี่ และการที่ลูกปัดโบราณอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า “ลูกปัดสุริยเทพ” หายไปจากการจัดแสดงงานปริศนาแห่งลูกปัด ที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ในกรุงเทพฯ เป็นข่าวไม่เล็กต่อเนื่องหลายวันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน...

    เพราะนี่เป็นกรณีสำคัญสำหรับแวดวงโบราณคดี...

    และยังเกี่ยวพันกับเรื่องราวอารยธรรมของมนุษย์...

    กล่าวสำหรับ “ลูกปัดสุริยเทพ” ที่หายไป ซึ่งเจ้าของคือ นพ. บัญชา พงศ์พานิช นั้น ทำขึ้นจากหินธรรมชาติ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 เซนติเมตร มีลวดลายคล้ายรูปหน้าเทพเจ้าชนเผ่าอินเดียนแดงอยู่ตรงกลาง รอบ ๆ หินมีขอบสีเขียวและแดงสลับกัน คล้ายสีเครื่องแต่งกายนักรบโบราณ ซึ่งจากรายงานข่าว เห็นว่าทั่วโลกมีลูกปัดสุริยเทพประมาณ 50 เม็ดเท่านั้น และอยู่ในไทยไม่ถึง 10 เม็ด จึงเป็นลูกปัดที่บรรดานักสะสมของเก่าสนใจมาก อีกทั้งยังมีความเชื่อเรื่องการเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเครื่องรางให้โชคลาภ-ปราศจากโรคภัย

    ทั้งนี้ ว่ากันเฉพาะคำว่า “สุริยเทพ” ยังไม่ต้องพูดถึงลูกปัด นี่ก็เกี่ยวพันกับความเชื่อ-ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติทุกมุมโลก ซึ่งในอดีตกาล หรือแม้ในปัจจุบันก็เถอะ มนุษย์ในหลายมุมโลกมีความเชื่อในเรื่อง “เทพเจ้า” ต่าง ๆ โดย “สุริยะ” หรือ “ดวงอาทิตย์” ก็ถือว่าเป็นเทพเจ้าสำคัญองค์หนึ่งตามความเชื่อ อีกทั้งยังแยกย่อยออกเป็นหลายคติความเชื่อ และมีเรื่องราวที่ถูกบันทึก-เล่าขานแตกต่างกันไปในรายละเอียด

    ส่วนกับ “ลูกปัด” ซึ่งใกล้ตัวมนุษย์ และจับต้องได้จริงยิ่งกว่าความเชื่อเรื่องเทพเจ้า ในทางโบราณคดีนั้น “ลูกปัดโบราณ” จะถูกทำขึ้นจากวัสดุธรรมชาติหลายชนิด เช่น ไม้ กระดูกสัตว์ เปลือกหอย ดินเผา รวมถึงหินและแก้ว ซึ่งลูกปัดโบราณที่ทำจากหินและแก้วนั้น ในยุคนี้เป็นของหายาก มีค่า จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สะสม

    ว่ากันในส่วนของหินที่ใช้ทำลูกปัดในสมัยโบราณ ก็มีทั้งหินชนิดที่เรียกว่า หินคาร์เนเลียน, หินอาเกต(โมรา), หินควอทซ์ ซึ่งว่ากันว่าลูกปัดหินคาร์เนเลียนได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มนักสะสม ลูกปัดโบราณไทย

    แต่ “ลูกปัดโบราณ” ใช่จะมีคุณค่าเพียงในแง่ของเก่า...

    ทว่ายังแฝงไว้ด้วยเรื่องราว-ความสำคัญในแง่อื่น ๆ อีก...

    กับความสำคัญของลูกปัดนั้น นอกจากจะใช้ในสัญลักษณ์ของการ เป็นเครื่องประดับ แล้ว ในสมัยโบราณยังมีความหมายสำหรับการใช้งานด้านอื่น ๆ เช่น เป็นเครื่องแสดงฐานะของผู้สวมใส่, เป็นใบผ่านทาง, เป็นตัวกลางแทนเงินตราเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ และ เป็นเครื่องรางของขลัง-เป็นเครื่องมือรักษาโรค ตามความเชื่อของผู้คนในอดีต นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบันลูกปัดโบราณยังสำคัญยิ่งทางโบราณคดี

    ในทางโบราณคดีนั้น ลูกปัดโบราณช่วยในการ เชื่อมโยงภาพของการติดต่อสื่อสารระหว่างชุมชนในอดีต จากแหล่งที่ขุดค้นพบ ซึ่งก่อนจะมีการพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้มีการพบลูกปัดโบราณในดินแดนเปอร์เซีย ในพื้นที่สำคัญแถบเมโสโปเตเมีย ที่แสดงถึงเทคโนโลยีการผลิตแก้วที่มีมานานหลายพันปี

    ในประเทศไทย ก็มีการค้นพบลูกปัดโบราณหลายแห่ง โดยแหล่งที่ขึ้นชื่อ เช่น จ.ลพบุรี, จ.ลำพูน, จ.สุพรรณบุรี, จ.กระบี่ ซึ่งชนิดลูกปัดที่ค้นพบก็มีทั้งลูกปัดสีเดียวที่ทำจากแก้ว หิน และดินเผา, ลูกปัดหลายสี แบ่งย่อยเป็นลูกปัดสีแบบแถบ ที่ทำเป็นแถบสีต่างกัน และลูกปัดสีแบบกลม หรือที่เรียกว่า “ลูกปัดมีตา”

    ขยายความเกี่ยวกับ “ความสำคัญของลูกปัดโบราณ” แบบที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ไม่ยาก ทางรองอธิบดีกรมศิลปากร เขมชาติ เทพไชย แจกแจงผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” โดยสรุป โดยบอกว่า... การค้นพบลูกปัดโบราณนั้นคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ คือหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตได้หลายเรื่อง อาทิ เส้นทางการค้าโบราณ ที่ทำให้รู้ว่าในอดีตมีการเชื่อมโยงกัน เพราะลูกปัดมีทุกทวีป ลูกปัด เป็นเครื่องบ่งบอกถึงอารยธรรมโบราณ ลูกปัดเป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญที่เชื่อมโยงยุคสมัย และช่วยเปิดมุมมองด้าน การสร้างสรรค์ศิลปะที่ส่งผลถึงโลกในยุคปัจจุบัน ให้นักโบราณคดีได้รับทราบ

    “ลูกปัดโบราณเม็ดหนึ่งมีเรื่องราวมากมายให้ค้นหา ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การผลิต การค้า และวิถีชีวิตของผู้คนยุคโบราณ” ...ดังนั้น เมื่อค้นพบแล้วก็ไม่ควรจะสูญหายไปอีก

    ทั้งนี้ การสูญหายของลูกปัดโบราณ แม้จะไม่ได้หายไปไหน อาจจะตกไปอยู่ในความครอบครองอย่างลับ ๆ ของหัวขโมยนักสะสมบางคน แต่รองอธิบดีกรมศิลปากรก็บอกว่า...ยังไงก็เป็นเรื่องที่ไม่ควร-ไม่คุ้ม เป็นเรื่องน่าเสียดาย ก็เหมือนกรณีพระพุทธรูปโบราณ พระพุทธรูปสำคัญ พระเครื่องสำคัญ ถูกโจรกรรม ซึ่งยังเกิดขึ้นถี่ยิบ

    “ลูกปัดโบราณ-วัตถุโบราณทุกชิ้น สำหรับนักโบราณคดี ในทางโบราณคดี ถือว่ามีคุณค่าทุกชิ้น เพราะเปรียบเสมือนเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เสมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกเรื่องราว เสมือนตำราการเรียนรู้เล่มโต ที่ให้เราได้ศึกษาแง่มุมต่าง ๆ ดังนั้น ทุกชิ้นที่ค้นพบล้วนแล้วแต่มีคุณค่าสูงมาก ๆ จนไม่สามารถประเมินค่าออกมาเป็นตัวเงินได้” ...รองอธิบดีกรมศิลปากรกล่าวทิ้งท้าย

    ของสำคัญเช่นนี้...มิควรจะตกไปอยู่กับผู้ใดด้วยวิธีที่ผิด ๆ

    “ลูกปัดโบราณ” เชื่อกันว่าให้คุณ...แต่ก็เชื่อว่าให้โทษได้

    “อาถรรพณ์แรง” กับหัวขโมย...อาจมิใช่แค่คำขู่ ?!?!?.


    ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 9 มีนาคม 2552
     
  5. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    <TABLE width="95%" align=center border=0><TBODY><TR class=texeng vAlign=top><TD class=Code width=274 height=20>ลูกปัด : เครื่องประดับที่ไม่เคยเสื่อมความนิยม</TD></TR><TR><TD class=texeng height=20></TD></TR><TR><TD class=text1 vAlign=top align=middle>[​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=text1 vAlign=top>
    ค่านิยม ความเชื่อ โชคลาง และเครื่องประดับที่เรียกว่า ลูกปัด

    เพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องเครื่องประดับคงจะรู้จักและคุ้นเคยกับลูกปัดเป็นอย่างดีนะคะ ลูกปัดที่เราเห็นในปัจจุบันมีรูปแบบ ขนาด และรูปทรงต่างๆ มากมาย และมีวางขายอยู่ทั่วไปหาซื้อได้ง่าย ความนิยมในการนำลูกปัดมาทำเป็นเครื่องประดับต่างๆมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นพันๆ ปีเชียวค่ะ
    </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top><TD class=text1>ไม่น่าเชื่อนะคะว่าสิ่งที่เคยได้รับความนิยมในอดีตที่มีช่วงเวลายาวนานขนาดนั้น จะยังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน น่าสนใจใช่มั้ยล่ะคะ เรามาติดตามเรื่องราวของลูกปัดกันดีกว่าค่ะว่า ลูกปัดเม็ดเล็กๆ หลากสีหลายรูปแบบในสมัยโบราณมีความเป็นมาและมีความสำคัญอย่างไร
    </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top align=middle><TD>[​IMG] </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top align=middle><TD></TD></TR><TR class=texeng vAlign=top><TD class=text1>ลูกปัดโบราณ

    ลูกปัด หมายถึง วัตถุทีมีลักษณะเป็นเม็ดมีรูตรงกลางสำหรับร้อยด้ายหรือเชือก ใช้เป็นเครื่องประดับ ลูกปัดทำจากวัตถุหลายชนิด เช่น หิน ดินเผา แก้ว ไข่มุก เปลือกหอย เปลือกไข่นกกระจอกเทศ กระดูกสัตว์ ปะการัง เปลือกไม้ ยางไม้ แร่ เมล็ดพืช รวมทั้งโลหะต่างๆ เช่น สำริด และทองคำ เป็นต้น ลูกปัดมีหลายรูปทรงเช่น ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ทรงกระบอก ทรงลูกทุ่น รูปสัตว์ และอื่นๆ มีวิธีการผลิตและรูปแบบตามลักษณะการใช้สอย ความเชื่อ หรือค่านิยมในยุคสมัยต่างๆ

    </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top align=middle><TD>
    </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top align=middle><TD>
    </TD></TR><TR class=texeng vAlign=top><TD class=text1 height=82>หลักฐานการค้นพบ

    พบตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 12,000 - 32,000 ปี ในลักษณะของเมล็ดพืช เปลือกหอยทะเล ฟอสซิล เขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ หิน และฟันมนุษย์
    เมื่อประมาณ 6,000 ปี ชาวอียิปต์และชาวเมโสโปเตเมียรู้จักทำลูกปัดดินเผาและลูกปัดหินเลือบคล้ายแก้ว รวมทั้งมีการนำหินคาร์เนเลี่ยน (Carnelian) มาทำลูกปัด โดยแพร่กระจายไปในดินแดนต่างๆ ในอินเดียพบว่ามีการนำหินแร่พวกหินแคลซีโดนี (Chaicedony) และหินโมรา (Agate) มาใช้กันอย่างแพร่หลาย ตลอดจนพบการทำลูกปัดโลหะเมื่อประมาณ 5,000 ปี ในแถบดินแดนลุ่มแม่นำสินธุ สุเมเรียน และอียิปต์ที่ได้มีการติดต่อสัมพันธ์กันทำให้เทคนิคการทำลูกปัดแพร่หลายไปยังยุโรปและตะวันตก รวมทั้งได้เริ่มมีการทำลูกปัดแก้วขึ้นในอียิปต์หลังจากพบน้ำยาเคลือบภาชนะดินเผา
    จากการติดต่อสัมพันธ์กันและการค้าขายของกลุ่มประเทศดังกล่าวทำให้เทคนิคการทำลูกปัดแพร่หลายออกไป โดยลูกปัดมีกำเนิดจากตะวันออกกลางและแพร่หลายไปยังจีน อินเดียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนลูกปัดแก้วได้แพร่หลายมาทางตะวันออกจนถึงอินโดนีเซีย และจีน

    ในประเทศไทย
    สำหรับในประเทศไทย พบการใช้ลูกปัดเป็นเครื่องประดับมาตั้งแต่ยุคหินใหม่ทั้งลูกปัดที่ทำด้วยเปลือกหอย กระดูกสัตว์ งาช้าง โดยนำมาเจาะรูร้อยเชือกใช้เป็นเครื่องประดับ จากการขุดค้นทางโบราณคดีตามแหล่งโบราณคดีต่างๆ พบลูกปัดเรื่อยมาจนถึงยุคโลหะ และพบลูกปัดแก้วในปลายยุคโลหะด้วย
    ลูกปัดแก้วที่พบเหล่านี้มีทั้งสีเดียวและหลายสี โดยเฉพาะในบริเวณชุมชนโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีที่รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอินเดียได้พบลูกปัดชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ลูกปัดหินและลูกปัดแก้วรุ่นแรกๆ ประเภทหินคาร์เนเลี่ยน(Carnelian) หินโมรา (Agate)และลูกปัดแก้วฝังสี (Etched) ที่พบตามแหล่งโบราณคดีและเมืองโบราณต่างๆ เช่น ที่แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี, เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี, เมืองคนรปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม, แหล่งโบราณคดีท่าแค จังหวัดลพบุรี, แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร และแหล่งโบราณคดีแหลมโพธิ์ เป็นต้น เหล่านี้คงเป็นของนำเข้าจากแหล่งผลิตในประเทศอินเดียในสมัยอินโด - โรมัน (พุทธศตวรรษที่ 5 - 9) ส่วนลูกปัดหินและลูกปัดแก้วรุ่นหลังคงจะมาจากแห่งผลิตในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะลูกปัดแก้วรุ่นหลังมีแหล่งผลิตที่ควนลูกปัด จังหวัดกระบี่

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
     
  6. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    เพิ่มเติม แก้วโป่งข่าม
    คำว่าแก้วโป่งข่ามนี่จะหมายถึง แก้วหรือหินจำพวกควอทที่ขุดได้ที่ อ.เถิง จ.ลำปางเท่านั้น และที่แน่จริงๆ ต้องมาจากแถวโป่งด้วย....

    ในปัจจุบัน แก้วควอท ที่มีต้นกำเนิดมาจาก อ.ถิน จ.ลำปางนั้น ไม่มีนานแล้ว ยกเว้นจำพวกของแก่เก็บ ที่ยังมีขายเป็น OTOP นั้นมาจากต่างประเทศ เช่น จีน หรือพม่าทั้งสิ้นครับ ดังนั้นหากจะหวังสรรพคุณทางความเชื่อ นักเลงเล่นของพวกนี้ เขาไม่ยอมรับของต่างประเทศเหล่านี้
    2. สลิงเจ้า คือคำเรียกแก้วควอทพม่า

    3. จุยเจีย คือคำเรียกแก้วควอทจากจีน

    ทั้ง 3 แหล่งที่มาแยกกันไม่ออก เนื้อก็พอๆกัน แตกต่างกันไปตามความเชื่อแต่ที่เชื่อกันหนักๆและพิศดารมาก ชนิดว่ามีตำราดูกันเลย ก็ต้องแก้วจาก อ.ถิน จ.ลำปาง ความจริงทางพม่าเองและจีนเองก็เชื่อว่าเป็นของดีตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน
    อนึ่งคำเรียกชื่อแก้วนั้นเด่นๆในประเทศไทยมี 2 ตำรา คือตำราทางสายกลาง กับสายเหนือ ดูง่ายๆดูชื่อก็พอจะเดาๆออกครับ เพราะภาษาสำเนียงมันสื่อ อีกอย่างทางเหนือเขาจะเรียกของตระกูลหินทนสิทธิ์ ตระกูลแก้วต่างๆนี้ว่าเป็ก<!-- / message --><!-- sig -->

    ขอบคุณhttp://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?p=183466
     
  7. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    เอ..เรื่องลูกปัดน่ะ ต้องยกให้ผู้สันทัด และศึกษามานาน หยั่ง "ชายรักจันทร์" สิคร้าบ
    - รายนี้เค้าเาอจริงเอาจังกับทุกเรื่องนะจาบอกหั้ย...หุหุหุ
    - ขนาดแก้วต้องแสงจันทร์วันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำเชียวนา..อิอิ (แซวเล่นน่านะ..ชายจันทร์)
    - ดีๆๆๆ เราศึกษาอะไร ต้องเอาแบบชายจันทร์นี่แหล่ะ ...
    - พี่แก้ว น้องดา ฟ้าทานลิ้นจี่มากพอสมควรนะ แต่ยังไม่เคยร้อนในแบบนี้อ่ะค่ะ
    - สงสัยสังขารจาไม่ได้ทานของหวานๆ เยอะๆซะล่ะม้าง...อิอิ
    - พี่แก้ว แล้วมะคืนน่ะ กลับออกเวรซะดึก ซะมีไม่งอนเหรอจ๊ะ แล้วพี่แก้วตัวร้อนมั้ยอ่ะ..(ฮา)....ต้อง "ตัวร้อน" แน่เรย..
    - ชายจันทร์ เค้าชอบพาน้องแก้ว "หลบไป "อายแสงจันทร์" บ่อยๆมั้ยน้า...555+
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2009
  8. รักจันทร์

    รักจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +311
    สวัสดีครับทุกคน...

    - คุณติครับ ผมว่าคุณไว้หนวดยังงี้ดูเข้มดีครับ หล่อดี แต่ถ้าสัญญากับลูกสาวไว้ก็โกนเถอะครับ (เดี๋ยวลูกงอน!) ตัดผม โกนหนวดเมื่อไหร่ ขอพวกเรายลโฉมใหม่ของคุณติด้วยนะครับ :)

    - พี่แก้ว แซวผมเลยนะ ก็มันดึกแล้วอ่ะครับ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกบ้างก็อย่าว่ากันเลย 555+
    ส่วนเรื่องไปกินหนมนั้นลองนัดพี่ดาซิครับพี่ ผมอยู่แถวนั้นอยู่แล้ว บอกล่วงหน้าสักเดือน เอ้ย! สัก 3-4 วันครับ ส่วนเรื่องที่จะหลอกล่อคุณฟ้าให้ลงมาด้วยนั้นต้องลองดูครับ หุหุ หรือเราจะรวมพลกัน แบบนัดหยุดงานแล้วไปบุกคุณฟ้าถึงเชียงรายดี?


    - พี่ดา ปกติผมไม่อาบแสงจันทร์ทั้งคืนหรอก ถึงอาบบนระเบียงบ้านก็กลัวหาย(ใครจะมาเอาหว่า?) ปกติอาบประมาณชั่วโมงนึงครับ

    ส่วนการอาบแสงอรุณรุ่งก็ดีนะ เพราะหินที่ผมมีอยู่ บางอย่างที่มีความเชื่อเกี่ยวกับพลังแห่งดวงอาทิตย์ ต้องอาบแสงตอนรุ่งอรุณ ถึงจะดี... แต่เป็นคนตื่นไม่เช้าอ่ะ (แถวบ้านเรียกตื่นสาย 555+)

    ส่วนใหญ่ที่จะได้อาบแสงอรุณก็คือตอนไปทะเลครับ... เพราะชอบตื่นมาดูและถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น (แล้วกลับไปนอนต่อ... ฮา) ก็ถือโอกาสเอาหินไปล้างน้ำทะเล+อาบแสงอรุณด้วยเลย

    อ้อ... เดี๋ยวนี้คลับคนรักแก้วฯ(แก้วโป่งขามนะจ๊ะ... ส่วนพี่แก้วนะ รักอยู่แล้ว) จะเปิดวิชาโทแล้วใช่ไหมครับ? ตกลงเป็นเอกโป่งขาม โทลูกปัดโบราณ 555+

    - คุณฟ้ารักษาสุขภาพนะ หายไวไว (มาม่า, ยำยำ) เอาบุญมาฝากด้วยนะครับ
     
  9. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    ขอบคุณน้องดา หาสาระน่ารู้มาฝากอีกแระ...
    - ทนสิทธิ์ หรือ อีกอย่างก็คือ หินเขี้ยวหนุมาน นั่นเอง คร้าบป๋ม..
    - เห็นหินจำพวกควอซต์มาก็แยะ แต่ก็ยังชอบ โดยไม่ได้แบ่งแยกว่า ต้องที่นั่นที่นี่ แต่เรามีสิ่งดีๆ ตามความเชื่อโบร่ำโบราณ เค้าบอกต่อๆกัน มาเก็บไว้บ้าง ก็จะดีไม่น้อย เพราะอนาคตต่อไป ลูกหลานก็คงไม่รู้จัก หรือ หาแทบไม่ได้แล้ว ทั้งที่แต่ก่อน เม็ดละไม่กี่บาทเอง...แต่เพราะมันหายาก และหายไปจากแวดวงอัญมณีไทย จนเกือบจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว
    - ก็อยากอนุรักษ์ และ อยากให้ช่วยกันเผยแพร่ ตอ่ไปให้ลูกหลานได้ชื่นชม และภูมิใจในตำนานหินกายสิทธิ์เม็ดเล็กๆ นี้บ้างนะคะ...
    ;34
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2009
  10. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    เอาลิ้นจี่มาฝากอ่ะ...เหอๆๆ แต่อย่าหม่ำเยอะนา..จาร้อนในแบบฟ้าเนี่ยล่ะ..แค้กๆๆๆ
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  11. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    สมาชิกใหม่ สนใจเข้าไปดูแก้วโป่งข่าม รอคุณอยู่ที่หน้า 70, 74 นะคะ..
    ;42
     
  12. รักจันทร์

    รักจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +311
    แหม... คุณฟ้า เป็นไปกับเขาอีกคนนะ

    จริงๆก็อาย... เอ้ย! อาบแสงจันทร์วันไหนก็ได้จ้า ขอเป็นจันทร์เพ็ญ
    แต่วันนี้วันพระใหญ่ใช่ม่ะ แล้วแสงจันทร์วันนี้ก็สวยดี อีกอย่างเดี๋ยวเราก็ต้องสวดมนต์บทใหญ่ๆอยู่แล้ว ก็เลยเอาพี่หิน-พี่แก้วเขาไปอาบแสงจันทร์ก่อนให้เขามานั่งสวดมนต์ด้วยเลยไง เขาจะได้รับพลังเยอะๆ

    อีกเพ็ญหนึ่งที่ห้ามพลาด คือ เพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่งครับ (เราทั้งหลายชาย-หญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง)

    มีความเชื่อกันว่า... จันทร์เพ็ญในวันนี้เป็นจันทร์เพ็ญที่เย็นที่สุดครับ และพลังของดวงจันทร์ในวันนี้ก็แรงที่สุดด้วย ครูบาอาจารย์หลายสำนักจึงนิยมประกอบพิธีเกี่ยวกับจันทร์เพ็ญเดือนสิบสองมากมาย

    อาทิ... การอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ กรรมวิธีคร่าวๆก็คือ อาจารย์ท่านจะให้บรรดาศิษย์ตักน้ำใส่ภาชนะไปตั้งกลางแสงเพ็ญ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเที่ยงคืนครับ ส่วนใหญ่พาชนะที่นิยมก็คือพาชนะปากกว้างและก้นตื้น เช่น กาละมัง เพราะเชื่อกันว่าน้ำจะได้รับแสงจันทร์ได้ทั่วถึงและดีกว่าการใช้ถังซึ่งปากแคบและก้นลึก

    พอใกล้เวลาเที่ยงคืน ลูกศิษย์ลูกหาจะเข้าประจำภาชนะของตัวเอง อาจารย์ท่านก็จะนำสวด นำกล่าวตามตำราวิชาของท่าน พอได้เวลาเที่ยงคืนท่านก็จะอาบน้ำมนต์นั้นให้ลูกศิษย์ ซึ่งตามความเชื่อนั้นเชื่อกันว่าการอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญจะเพิ่มพลังทางด้านเมตตาให้ผู้ถูกอาบครับ

    อีกอันที่คงได้ยินกันบ่อยๆคือ ตะกรุดจันทร์เพ็ญ ซึ่งจะทำในวันเพ็ญเดือนสิบสองเช่นกัน แต่ต้องดูฤกษ์ดูยามกันพอสมควร บางสายวิชา ครูบาอาจารย์ต้องลงไปจารตะกรุดใต้น้ำครับ เป็นเคล็ดในการสร้างตะกรุด ก่อนจะเอาแผ่นยันต์นั้นมาสวดประจุพลังและอาบแสงจันทร์ตอนเที่ยงคืน ซึ่งแน่นอนครับ ตะกรุดจันทร์เพ็ญนี้ก็เน้นไปทางเมตตาเช่นเดียวกับการอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ

    เพราะฉะนั้นลอยกระทงปีนี้ ใครอยากให้แก้วหรือหินที่มีอยู่ได้รับพลังเย็นที่สุดแห่งปีจากพระจันทร์ก็อย่าลืมนำเขาออกมาอาบจันทร์เพ็ญเดือนสิบสองกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2009
  13. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    เอ...ทานลูกไหน ดีกว่าจ๊ะ...????
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01709.JPG
      DSC01709.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      45
  14. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    ฮ่าๆๆๆ วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลาย ชายหญิง สนุกกันจริงวัน สงกรานต์ ....อ้าวหักมุขซ้า...ได้ไงเนี่ย..
    - ว่าแต่ วันเนี้ย ก้อต้อง อาบแสงจันทร์ ทั้งคน ทั้งพี่แก้วพี่หินล่ะคร้าบ...
    - ชายจันทร์ แถวบ้าน หรือที่ทำงาน ตอนนี้กี่องศาน่ะ ที่แน่ๆ เชียงราย ตอนนี้ องศาเดือดแร้ว...หุหุ ร้อน เดือด ปุดๆๆๆ เพราะเหงื่อย้อยมาข้างขมับติ๋งๆๆๆ แหมะๆๆๆ ลงคอมแย้ว ขนาดยกมาเล่นแถวโรงรถแร้วนาเนี่ย..อิอิ...
    - ชายจันทร์ ลูกไหนอ่ะ...????
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2009
  15. รักจันทร์

    รักจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอโทษทีครับคุณฟ้า... ตอบช้าไป 8 ชั่วโมง 555+

    เมื่อบ่ายๆ กทม.ร้อนมากๆ ยังคุยกับคุณพ่อเลยว่ากรมอุตุฯบอกว่า 27 เม.ย. ร้อนสุดน่ะไม่จริงหรอ วันนี้ต่างหากร้อนมากๆ เปิดพัดลมก็มีแต่ลมร้อนออกมา

    .... แต่ตอนนี้เกือบห้าทุ่ม ผมเริ่มเข้าแล้วว่าทำไมวันนี้มันร้อนจัง
    เพราะฝนจะตกนั่นเอง (เอ... หรือว่ามันร้อนจัดจนฝนตกกันแน่นะ)
    สงสัยคืนนี้จะหลับสบาย อิอิ

    ผมทานลูกไหนก็ได้ครับ... เอาที่ไม่ร้อนในเหมือนคุณฟ้าก็พอ 555+
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2009
  16. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    hello5;aa32;aa49;aa47;aa27;aa13หวัดดีจ้า1;aa57
     
  17. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
  18. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่แก้วรูปแรกกินไม่ลงหรอกมั๊งสงสารหมาค่ะ รูปที่สามเท่ห์สุด นัยตามุ่งมั่น น่ารัก ถูกใจนู๋เลย แล้วคนอื่นล่ะคิดว่ารูปไหนเป็นอย่างไร

    จันทร์ เอาแก้วไปอาบแสงวันลอยกระทง ที่ระเบียงเรามันเล็ก กาละมังใหญ่ไป คงต้องเปลี่ยนเป็นใส่ขันแทน อิอิ

    พี่ฟ้าอย่ากินลิ้นจี่เยอะ เด๋วร้อนในแล้วอ้วนด้วยจาหาว่าน้องไม่เตือนนะคะ

    เมื่อคืนฝนตก แต่เป็นหวัดก้อเราไม่ได้เอาแก้วไปล้าง เสียดายจัง...วันนี้ร้อนๆๆๆเหมือนเดิมเหนื่อยไหลย้อยแล้วค่ะ
     
  19. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    ลูกปัด ตอนที่2

    ลูกปัด

    [​IMG]

    ลูกปัด คือวัตถุที่มีลักษณะเป็นเม็ด มีรูอยู่ตรงกลาง เพื่อใช้ร้อยด้ายหรือเชือก ลูกปัดถูกใช้เป็นหลักฐานทางโบราณคดีตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เนื่องจากมักมีการขุดพบลูกปัดมากมายในแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ทั้งหลาย ลูกปัดโบราณที่ขุดพบนั้นทำมาจากวัสดุต่างๆ อาทิ

    1.ลูกปัดหิน และแร่หิน มักถูกนำมาขัดแต่งเป็นลูกปัด มาจากวัสดุต่างๆ เช่น หินคาร์เนเลี่ยน (Carnelian), หินโมรา (Agate), หินเจสเปอร์ (Jesper), หินออนนิกซ์ (Onyx), หินคาลซิโลนี (Chalcedony), หินเขี้ยวหนุมาน (Guartz)

    2.ลูกปัดดินเผา

    3.ลูกปัดกระดูกสัตว์ เปลือกหอย

    4.ลูกปัดโลหะ สำริด ทอง

    5.ลูกปัดแก้ว ที่ผลิตขึ้นจากแร่ธาตุต่างๆ


    จากการศึกษาลูกปัดในทางโบราณคดี น่าเชื่อได้ว่า ลูกปัดนอกจากจะใช้เป็นเครื่องประดับแล้ว ยังถือว่าเป็นเครื่องรางของขลัง, เป็นเครื่องมือสำหรับแลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย แทนเงินตรา และอาจมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย

    ลูกปัดเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมาแทบทุกยุคทุกสมัย การค้นคว้าเรื่องราวของลูกปัดนั้น เชื่อว่ามีมายาวนานนับหมื่นปี ซึ่งลูกปัดในยุคนั้นทำมาจากเมล็ดพืช กระดูกสัตว์ เขี้ยวสัตว์ เปลือกหอย และหินที่มีรูอยู่แล้วตามธรรมชาติ เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้น การทำลูกปัดก็ซับซ้อนขึ้น สวยงาม แปลกตาเพิ่มขึ้น เช่นการตกแต่งลวดลายลงไปบนเนื้อหินมีค่า เช่น อาเกต และคาร์เนเลียน เรียกว่า เอตช์คาร์เนเลียน (etched carnelian) ของอินเดีย และซีบีท (dZi beads) ของทิเบต

    เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว เชื่อว่ามีการผลิตลูกปัดจากแก้ว เพื่อทดแทนลูกปัดจากหินมีค่า เช่น อาเกตและคาร์เนเลียนที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในยุคนั้น ซึ่งเริ่มหายากและราคาแพง ทำให้ผู้คนในยุคนั้นสามารถหาลูกปัดแก้วที่ถูกผลิตขึ้นมาสวมใส่มาทดแทนได้ไม่ยากนัก แหล่งที่มีการผลิตลูกปัดแก้วโบราณที่สำคัญมีอยู่ 3 แหล่ง คือ

    1.อียิปต์ (Egyptian)

    2.โรมัน (Roman)

    3.กลุ่มประเทศอิสลาม ทางตะวันออกกลาง (Islamic influenced Eastern Midditeranian)


    [​IMG]

    ความเป็นมาของลูกปัดแก้ว

    แก้วเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่มนุษย์รู้จักมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 14,000 ปีมาแล้ว เป็นแก้วที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดจากฟ้าฝ่าลงมาบนพื้นทราย เกิดเป็นแท่งแก้วยาวคล้ายรากไม้ หรือแก้วที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ เรียกว่า หินออบซิเดียน (Obsidian) ซึ่งคนสมัยโบราณจะนำมาทำอาวุธ เช่น มีด ขวาน และหัวธนู นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า ชาวโพนีเซียนน่าจะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่คิดค้นวิธีการทำแก้วได้ จากนั้นชาวอียิปต์และกลุ่มประเทศใกล้เคียงจึงใช้แก้วที่ทำขี้นมานั้น มาขูด หรือเกลากับหินเพื่อทำเป็นลูกปัด ต่อมาก็วิวัฒนาการเครื่องมือเพื่อใช้เป็นแม่พิมพ์

    ลูกปัดทวารวดี

    ลูกปัดทวารวดี เป็นลูกปัดที่แสดงความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นลูกปัดที่ผลิตจากดินเหนียว ในหนังสือ "The History of Beads" ของ Lois Sherr Dubin ได้กล่าวถึงไว้ว่า ลูกปัดแก้วในยุคบ้านเชียง จะมีการผลิตควบคูไปกับการผลิตภาชนะพวกหม้อ ไห และเครื่องใช้ต่างๆ ที่ทำจากเหล็ก (iron) ประมาณเมื่อ 2,300 ปีมาแล้ว ลูกปัดในยุคแรกส่วนใหญ่จะมีสีส้มแดง (สีมันปู) และบางส่วนมีสีน้ำเงิน เหลือง

    แต่เป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนที่สนใจลูกปัดโบราณว่า สีของลูกปัดทวารวดีนั้น มีทั้งหมด 19 สี แต่ละสีมีคุณสมบัติ แตกต่างกันไปตามความเชื่อว่า หากผู้ใดได้ครอบครองลูกปัดทวารวดีทั้ง 19 สี จะทำให้ผู้นั้นไม่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ลำบาก และแคล้วคลาดจากอันตราย ปกป้องให้พ้นจากเดรัจฉานวิชา ตลอดจนเขี้ยวงาอาวุธ ส่งเสริมบารมี เงินทองไหลมาเทมา โดยจะใช้เป็นเครื่องประดับสวมคอ และข้อมือ คุณสมบัติของสีอาจแตกต่างกันไปบ้าง แล้วแต่ท้องถิ่น คุณสมบัติของลูกปัดทวารวดี ทั้ง 19 สี มีดังนี้


    1.ทวารวดีแท้ ถือว่าดีที่สุด หายากที่สุด สีออกน้ำตาล เนื้อละเอียด คุณสมบัติใช้ป้องกันอาวุธต่างๆ อาทิ ดาป แหลน หลาว ธนู หน้าไม้


    2.ทวาลูกยอ มีลวดลายคล้ายลูกยอ มีคุณสมบัติ ใช้ต้มกับลูกยอ เป็นยารักษาโรคได้


    3.ทวาหัวดำ ท้ายดำ ตรงกลางขาว ใช้ป้องกันเช่นเดียวกับ ทวารวดีแท้


    4.ทวาหัวเทียน หัวดำ จะทำให้เกิดไหวพริบ ปฏิภาน เฉลียวฉลาด หลักแหลม


    5.ทวาอำพันทอง อยู่ยงคงกระพัน กันโรคนิ่ว หมากัดไม่เข้า เงินทองไหลมาเทมา ป้องกันสามีมีชู้


    6.น้ำเงินเนื้อกษัตริย์ มีอำนาจวาสนา ส่งเสริมวาสนาให้สูงส่ง นำโชค


    7.หยก ป้องกันอุบัติเหตุ กันผี เป็นมหามงคลอันอุดม


    8.เหลือง มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม คนรักใคร่ ไม่เกลียดชัง



    9.เหลืองสวาท หรือเหลืองตองอ่อน เสน่ห์แรง คนรักใคร่ลุ่มหลง


    10.แสลน ป้องกันอุบัติเหตุ ป้องกันสามีมีชู้


    11.หยกขาว ให้อายุมั่นขวัญยืน ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้


    12.ฟ้า มีโชคลาภ ร่ำรวย


    13.ดำ กันผีสาง กันขโมย นำโชคมาสู่


    14.เขียวหนุมาน (แก้วสารพัดนึก) นึกอะไรได้ทั้งนั้น


    15.ส้มมันปู อยู่ยงคงกระพัน ร่ำรวย ไม่อดอยาก ดูดพิษสัตว์ได้


    16.น้ำผึ้ง มีวาสนา มีความสุข มีชีวิตสดชื่นอยู่เสมอ


    17.สีอิฐ ป้องกันเขี้ยวงา อสรพิษกัดต่อย


    18.สีแดงเข้ม มีอำนาจดุจพญาราชสีห์ คนไม่กล้าทำร้าย


    19.สีม่วง คนเมตตาสงสาร นำทรัพย์สินมาให้ อุปถัมภ์ และคอยให้ความช่วยเหลือ


    [​IMG]

    มีคำแนะนำอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการบูชา หากผู้ใดทำบุญอธิษฐานเป็นเนืองนิตย์ ผู้นั้นจะไม่ยากจนเข็นใจ ไม่ไร้ทรัพย์อับปัญญา ไม่ว่าจะมีลูกปัดทวารวดีสีใดก็ตามให้เคารพสักการะด้วย ธูป เทียน ดอกไม้ และใส่บาตร กรวดน้ำให้ดวงวิญญาณของผู้ที่เป็นเจ้าของ การบูชา ให้บูชาดังนี้

    1.ธูป 5 ดอก

    2.พวงมาลัยมะลิสด

    3.น้ำสะอาด 1 แก้ว

    ทำก่อนนอนทุกคืน แล้วอธิษฐานเอาตามความปรารถนาจะเป็นผล การทำบุญตักบาตรทุกวันก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่าลืมกรวดน้ำนึกถึงดวงวิญญาณของเจ้าของลูกปัดด้วย



    ที่มา www.myfirstbrain.com
     
  20. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    มาแล้ว แก้วฯปวกเงินของพี่แก้ว วงล่าสุด
    (จะมีตามมาอีก 3 วง รอก่อนน๊า)


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN5733.JPG
      DSCN5733.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      91
    • DSCN5735.JPG
      DSCN5735.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSCN5736.JPG
      DSCN5736.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      121
    • DSCN5737.JPG
      DSCN5737.JPG
      ขนาดไฟล์:
      31.8 KB
      เปิดดู:
      81
    • DSCN5730.JPG
      DSCN5730.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSCN5701.JPG
      DSCN5701.JPG
      ขนาดไฟล์:
      29 KB
      เปิดดู:
      185
    • DSCN5659.JPG
      DSCN5659.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.1 KB
      เปิดดู:
      88
    • DSCN5669.JPG
      DSCN5669.JPG
      ขนาดไฟล์:
      33.7 KB
      เปิดดู:
      89
    • DSCN5674.JPG
      DSCN5674.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32.4 KB
      เปิดดู:
      70
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...