นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พี่พระยาเคยทำนายให้นู๋นานมาแล้ว จำได้มั้ยเอ่ย ในกระทู้ลูกหลานพญาศรีสัตตนาคราช ที่บอกว่านู๋มีความเกี่ยวข้องกับงูขาว แต่ตอนนี้เป็นมานพเทพอ่ะ วันนี้จะเฉลยได้หรือยังว่ามานพเทพคือใคร???

    ขอถามคำถามนี้เป็นคำถามสุดท้ายสำหรับวันนี้ แล้วอนุญาตให้พี่พระยาไปพักผ่อนได้ค่ะ เพราะนู๋ก็ง่วงแล้วเหมือนกัน ฮ่า...ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ:cool:
     
  2. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596
    ส่องให้ นู๋ บ้างค่ะ ท่านพระยาฯ
     
  3. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    งูขาวหมายถึงงูสายพระโพธิสัตว์ มานพเทพไม่รู้จะเป็นพี่หรือป่าว 555
     
  4. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พยายามอย่ามีข้อสงสัยในจิต มันจะเป็นตัวถ่วงให้เราไม่สามารถมีเรดาร์ที่ชัดเจนได้
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณนะคะ...ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ชายที่น่าร๊ากมั่กมาก และเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ขอให้นอนหลับฝันดี บ้ายบาย...(k)
     
  6. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    สงสัยจะได้อยู่เชียร์มวยโลก555
     
  7. jernnrej_JJ

    jernnrej_JJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,175
    อ่านข้อความพี่นุ๊กแล้วต๊กกะใจ
    เมื่อเช้าหนูฝันเห็นลูกแก้ว ลูกเล็กๆ สีชมพูมุกๆด้วยละคะ
     
  8. momoru

    momoru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +246
    เมื่อคืนฝันว่า ไปรู้จักผู้หญิงอยู่คนนึงโทรหาเจอกันมาแล้วหลายครั้ง แต่แรก ๆ ผมไม่ได้สนใจเลย พอตอนหลังผมอยู่บ้านแต่กลับรู้สึกคิดถึงผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน แบบคิดถึงมากเหมือนแทบจะคลั่ง ผมเลยโทรไปหาเพื่อนของเธอ โดยหาเบอร์จากบันทึกการโทรเข้าโทรออก คิดว่าเบอร์นี้ละมั๊ง น่าจะใช่ก็เลยโทรไป เพื่อนเธอชื่อหนิงเพื่อถามเบอร์ศัพท์หญิงคนนั้น เพราะผมไม่มีเบอร์ปกติเธอจะโทรมาแล้วผมก็ไม่เคยสนใจบันทึกไว้เลยก็ได้คุยกันแต่ยังไม่ได้รู้เบอร์โทรศัพผมก็ทำท่าจะตื่น จากนั้นผมก็มาสงสัยว่าเราถูกทำของ ทำสเหน่อยู่รึป่าวนะ ไม่งั้นจะคิดถึงอะไรมากมายขนาดนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคืนคุยกับพี่พระยาซะจนดึก กว่าจะได้นอนเกือบตีสอง อาบน้ำสวดมนต์นั่งสมาธิ แผ่เมตตา....ฝันถึงการถาม-ตอบในบอร์ดเลยอ่ะ (เป็นเอามาก) ไม่ไหว ต่อไปต้องจำกัดเวลาตัวเองแระ เข้าห้องดึกไม่ดี กว่าจะสวดมนต์นั่งสมาธิดึกทุกคืนเลย แต่สมาธิระยะหลังๆ นี้ ดีกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ นั่งตอนไหนก็ได้สมาธิตอนนั้น ไม่ง่วง เมื่อคืนพี่นิวรณ์ไม่อยู่ ฮ่าฮ่า... จนขึ้นเตียงนอนไม่ยอมหลับเลย เพราะอธิษฐานไว้ในสมาธิว่า "เราเป็นลูกตถาคต ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนั้น ขอความง่วงหงาวหาวนอนอย่าได้มีกับตัวข้าพเจ้า และตื่นมาก็ขอให้สดชื่นเบิกบาน"

    แหมก็มันนอนดึกนิ แล้วเช้าต้องตื่นมาทำงาน มัวงัวเงียได้งัย ต้องสดชื่นเบิกบานจิ จริงมั้ย? นี่แหละพลังของสมาธิ จะให้เป็นยังไงก็ได้...ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ ถ้าใครจะเอาไปใช้บ้าง...:cool:
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แล้ววันนี้ จะมีนิทานให้อ่านกันไหมหนอ...:cool:

    ฝนตกทั้งคืน จนรุ่งสางถึงตอนนี้ก็ยังตกอยู่ อากาศดีน่านอนต่อนิ
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอมอบ ดอกไม้ ในสวน นี้เพื่อมวล ประชา
    จะอยู่ แห่งไหน จะใกล้ จะไกล จนสุดขอบฟ้า

    ขอมอบ ความหวัง ดั่งดอกไม้ ผลิ สด ไสว งาม ตา
    เป็นกำลังใจ ให้ คุณ เป็นกำลังใจ ให้ เธอ เป็นสิ่งเสนอ ให้ มา
    ดวงตะวัน ทอ แสง มิถอยแรง อัปรา
    เป็น เปลวไฟที่ไหม้นาน เป็นสายธารที่ชุ่มป่า เป็นแผ่นฟ้าทานทน

    ขอมอบ ดอกไม้ ในสวน ให้หอมอบอวล สู่ ชน
    จงสบ สิ่ง หวัง ให้สม ตั้งใจ ให้คลาย หมอง หม่น
    ก้าว ต่อไป ตราบชีวิต สุด ดุจ กระแส ชล

    เป็นกำลังใจ ให้ คุณ เป็นกำลังใจ ให้ เธอ เป็นสิ่งเสนอ ให้ คุณ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 004.jpg
      004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      36
    • 31_2.jpg
      31_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      41
    • jasmine.jpg
      jasmine.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.3 KB
      เปิดดู:
      47
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่มีเรื่องเล่าจร้า แต่มีภาพสวยๆ มาฝาก

    เห็นแล้วต่อมความอยาก...กำเริบ ต้องแข็งใจไว้คร้า..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    เมื่อคืนพอออกจากห้องนิทาน ปวดหัวมาก นอนไม่ค่อยหลับเลย พลิกไปพลิกมา พอเคลิ้มๆ จะหลับ รู้สึกมีคนมานั่งข้างๆ เอามือมาผลักเบาๆ เราก็เลยแผ่เมตตาให้ คนนั้นก็ลุกออกไป (ตอนนี้พักโรงแรมใน กทม คะ) พอหลังจากนั้นก็ฝันว่า หนีผู้ชาย 4 คน 3 คนเรารู้จัก อีกคนไม่รู้จักอ่ะ ทุกคนตามหาเราเพราะชอบเรา แล้วหนึ่งในนั้นประชดด้วยเดินลงนำ้ เรากลัวเค้าตาย เลยตามลงไปในนำ้ด้วยไปพาเค้าขึ้นมาอ่ะ จากนั้นไงต่อไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ เราไม่สบาย ยังคงปวดหัว
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อสุขภาพกายเจ็บป่วย จิตย่อมอ่อนแอตามไปค่ะ
    ความฝันดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากความเจ็บป่วย

    หรืออีกกรณีคือ จิตอ่อนแอก็เลยส่งผลกระทบมาที่กาย
    ทำให้กายเจ็บป่วย รักษาใจรักษากายให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ:cool:

    น้องอัญ เคยได้ยินคำว่า "ธรรมโอสถ" มั้ยคะ

    เราก็ทราบกันแล้วว่าชีวิตของเราแต่ละคนๆ
    ประกอบไปด้วยใจ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวชักหุ่น คือ กาย
    ที่กายไปไหนมาไหนได้ ก็เพราะมีใจเป็นตัวกำกับ
    เป็นตัวทำให้เราคิดนึก ตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ

    ถ้าไม่มีใจเสียอย่าง กายของเราก็เหมือนท่อนฟืน
    จะเอาไปทำอะไร กายก็ไม่รู้สึก ไม่เจ็บไม่ปวด
    ไม่สุขไม่ทุกข์ ที่เรามีปฏิกิริยาสนองต่อสิ่งต่างๆ ที่มากระทบได้
    ก็เพราะเรามีส่วนที่เรียกว่า ใจ ที่เป็นธาตุรู้ พลังรู้

    ใจที่เป็นพลังรู้นี้ มีความสัมพันธ์กับพลังทั้งหลายในจักรวาลได้
    บางท่านเชื่อว่า เราต้องดูดาวต้องเชื่อโหราศาสตร์
    เชื่อฮวงจุ้ย เชื่อฤกษ์ เป็นต้น
    เราก็ติงว่า ชาวพุทธนั้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้เชื่อในการกระทำ
    ดังคำตรัสที่ว่า ของทุกอย่างมาแต่เหตุ

    แต่ท่านก็มิได้ปฏิเสธสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ว่า
    จะไม่มีความหมายเสียเลย

    ท่านเพียงแต่ให้เราเข้าใจว่า
    ถึงแม้สิ่งทั้งหลายจะมามีแรงสัมพันธ์กับใจของเราได้
    ทำนองเดียวกัน ที่วิชาภูมิศาสตร์อธิบายว่า
    เมื่อพระจันทร์เต็มดวงน้ำจะขึ้น
    เพราะแรงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
    มาช่วยเสริมแรงดึงดูดโลก ดึงน้ำเอาไว้ได้มากขึ้น

    พระพุทธองค์ทรงรับเรื่องโหราศาสตร์ เรื่องอิทธิพลต่างๆ เหล่านี้
    แต่ไม่ได้หมายเลยไปว่า ถ้าสิ่งเหล่านี้มีอยู่
    เราจะต้องปล่อยใจของเราให้ตกเป็นบริวาร
    ถ้าดวงดาวว่า ตอนนี้เคราะห์เราร้าย
    เราก็ต้องยอมให้เคราะห์นั้นเตะเรากลิ้งกระเด็นไป

    ท่านทรงสอนให้เราเฝ้าดู จนรู้ชัดว่า
    ถึงจะมีเหตุ มีปัญหา เราก็สามารถป้องกัน แก้ไข เปลี่ยนแปลงได้
    ด้วยการเพียรพยายามตั้งสติ ระลึกรู้สึกทั่วพร้อมอยู่ ไม่ประมาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012
  15. ศิวกา

    ศิวกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +779


    อยากรู้อยากเห็นบ้างจัง แต่กลัวจะเข้ารกเข้าพงกว่าเดิม ก็ขอโมทนากับทุกคนที่ได้ทราบความของตนนะคะ

    ชะแว๊บบบบ ไปทำงานก่อนเดี๋ยวโดนดุ :boo:
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีนิทานมาเล่าให้อ่านกัน ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (เพราะไม่รู้คร้า)

    มีเจ้าผู้ครองแคว้น 2 แคว้นในอินเดีย ซึ่งมีอาณาเขตประชิดติดกัน 2 แคว้นนี้ รบพุ่งกันเป็นประจำ ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ แต่ยังไม่เด็ดขาดกันไป

    ช่วงที่คอยจะรบกันครั้งต่อไป พระเจ้าแผ่นดินแคว้นหนึ่ง มีปุโรหิตที่ภาวนาแล้วเกิดนิมิต ติดต่อกับพระอินทร์ได้ พระเจ้าแผ่นดินรับสั่งให้ปุโรหิตถามพระอาทิตย์ว่า รบครั้งใหม่นี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ปุโรหิตไปทำสมาธิ จนมีนิมิตเห็นพระอินทร์ จึงทูลว่า พระราชาให้ทูลถามถึงการรบครั้งใหม่นี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ พระอินทร์ถวายพระพรพระราชาว่า จะชนะ

    เมื่อพระราชาทรงทราบ นายทัพนายกองทราบ แทนที่จะเอาความนี้เป็นกำลังใจ แล้วซ้อมรบให้แคล่วคล่องว่องไว กลับพากันรื่นเริงบันเทิง ตกอยู่ในความประมาท เพราะปักใจว่า พระอินทร์พยากรณ์แล้วว่า จะเป็นฝ่ายชนะ จึงพากันเที่ยวเตร่สนุกสนานไปตามอำเภอใจ ที่จะรู้หน้าที่ มาฝึกซ้อมก็ย่อหย่อนละเลยกันไป

    หากมีใครทักท้วง ก็จะประกาศว่า โฮ้ย... พระอินทร์บอกแล้วว่า เราจะชนะ

    นายทัพนายกองและไพร่พลฝ่ายนี้ก็ตั้งอยู่ในความประมาท ฝ่ายแคว้นตรงข้าม เมื่อข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงนายทัพนายกองทั้งหลาย ก็เสียกำลังใจ แต่พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้มีสติปัญญา เมื่อทราบข่าว แทนที่จะปล่อยให้ทหารของท่านเสียขวัญ ท่านรีบเสด็จลงมาเป็นกำลังใจ ควบคุมการฝึกซ้อมเอง และปลุกปลอบเหล่านายทัพนายกองว่า การทำสงคราม หรือการเล่นกีฬานั้น ผลมีเพียง 2 ประการ คือ แพ้หรือชนะ

    ก็ดี ที่พระอินทร์พยากรณ์ให้รู้ว่าเราจะแพ้ ใจของเราจะได้ไม่เป็นกังวลว่า... นี่เราจะชนะหรือจะแพ้ ใจที่กังวลนั้น ทำให้เราทำหน้าที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะฉะนั้น ครั้งนี้พระอินทร์ช่วยให้รู้แล้วว่าเราจะแพ้ เราก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน คนเราทำสงครามกัน ก็มีแพ้บ้าง ชนะบ้าง เป็นธรรมดา ความสำคัญของการรบ ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะอย่างเดียว ถ้าชนะด้วยเล่ห์กล รู้มาก เอาเปรียบการชนะนั้นก็ไร้ค่า ถ้าจะแพ้ก็ต้องแพ้ย่างองอาจกล้าหาญ สง่างาม แพ้อย่างประทับใจผู้รู้เห็น ไม่ใช่พอเริ่มรบ ก็ถูกเข้าโจมตีรุกไล่จนเสียริ้วขบวน ล้มตายเป็นเบือ เราต้องฝึกซ้อมให้คล่องแคล่ว ถึงจะแพ้ ก็อาจเหลือผู้ชนะอยู่เพียงคนเดียว ที่จะข้ามศพสุดท้ายของพวกเราได้ นอกนั้นต้องแลกกันแบบชีวิตต่อชีวิต
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การศึกสงครามครั้งนี้ ประวัติศาสตร์จะต้องจดจารึกไว้ สำหรับผู้ศึกษาตำราพิชัยสงคราม นำไปเป็นแบบฉบับ เป็นที่เลื่องลือระบือ เป็นตำนานไปอีกนานแสนนาน จนพวกเราตายไปแล้วเป็นร้อยๆ ปี

    ตรัสแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงอยู่ฝึกซ้อมด้วย นายทัพนายกองทั้งหลายก็มีกำลังใจ นอกจากนั้น ท่านยังประกาศไปทั่วว่า หากใครมีวิทยายุทธ์ หรือเจนจบตำราพิชัยสงคราม ช่วยมาฝึกมาสอนมาซ้อมให้ทหารของท่าน ท่านจะยินดีมาก

    ทหารฝ่ายนี้ก็คึกคัก ได้ขวัญได้กำลังใจ เพราะถือว่าเราจะแพ้ก็ไม่ว่ากัน เพราะความสำคัญอยู่ตรงกระบวนการรบ ความชำนิชำนาญช่ำชองต่างหาก นายทัพนายกอง ตลอดจนไพร่พลทหาร ต่างก็เกิดกำลังใจ หมั่นฝึกซ้อมจนมีความมั่นใจ แคล่วคล่อง ฮึกหาญ ครั้นถึงวันรบ ฝ่ายที่ทะนงตัวว่าจะชนะก็ฝืดอืดอาด เพราะขาดการฝึกซ้อม โดนฝ่ายปรปักษ์ซึ่งฝึกซ้อมมาเต็มฝีมือ รุกไล่จนเสียท่า ถอยร่นไม่เป็นส่ำ

    ในที่สุด องค์พระราชาก็ถูกอาวุธฝ่ายข้าศึกบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบถอยกลับเข้าพระนครและปิดประตูเมืองตรึงไว้ พระเจ้าแผ่นดินกริ้วมาก รับสั่งให้ปุโรหิตไปต่อว่าพระอินทร์ที่มาหลอก ไหนว่าจะชนะ รบกันยังไม่ทันไรเลย ฝ่ายเราก็เสียท่าไม่เป็นริ้วขบวน ปุโรหิตเข้าสมาธิ กราบทูลถามพระอินทร์ตามที่พระราชารับสั่ง

    พระอินทร์อธิบายว่า ที่ท่านพยากรณ์พระราชาว่าจะเป็นฝ่ายชนะนั้น เพราะจากดวงดาวและสภาพแวดล้อมทั้งหลาย หากจะเปรียบเทียบ ก็เป็นทำนองว่า ขณะนี้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายรบกันนั้น สภาพฝ่ายมหาบพิตรเหมือนกำลังพายเรือตามกระแสน้ำ มีแรงจากกระแสน้ำช่วยพัดอีกแรงหนึ่ง ซึ่งมองดูแล้วก็น่าจะชนะ

    แต่ฝีพายของท่านขาดการฝึกซ้อม พายกันไปคนละทิศละทาง มิหนำซ้ำ ยังไม่คอยคัดหางเสือ คุมทิศทางเอาไว้ ปล่อยให้เรือเหไปทางนั้น หันมาทางนี้ สะเปะสะปะไปหมด ถึงกระแสน้ำจะช่วยพัดแรงอย่างไร เรือของท่านก็ไม่ได้ประโยชน์ ฉะนั้นพระราชาจะกล่าวโทษคำพยากรณ์ของท่าน ย่อมไม่ถูก ความจริงเป็นเพราะ พระราชาไม่เตรียมการให้รอบคอบ ไม่รู้จักเก็บสิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์มาทำให้เกิดโภคผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    ส่วนฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ออกเดินทางทวนกระแสน้ำ แต่ฝ่ายนี้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จะต่อสู้เอาชนะอุปสรรคทุกประการให้จงได้ เมื่อรู้ว่าจะต้องเดินทางทวนกระแสน้ำ แทนที่จะเตรียมฝีพายชุดเดียว ก็เตรียมเพิ่มเป็นสองชุด สามชุด ฝึกซ้อมไว้อย่างดีเยี่ยม

    เมื่อฝีพายชุดแรกเริ่มอ่อนกำลังลง ก็ผลักชุดใหม่เข้าไปแทน ทำกันอย่างเป็นทีม เพราะฉะนั้น ถึงเสียเปรียบที่ต้องทวนกระแสน้ำ ต้องทำงานหนักต้องเหนื่อยอย่างไรก็ตาม แต่ไม่มีพลังอะไรจะเหนือไปกว่าพลังใจของมนุษย์ได้ พระอินทร์ให้ปุโรหิตไปกราบทูลพระราชาดังที่กล่าวมานี้

     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรื่องนี้จึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา จะเป็นแง่ดีหรือแง่ร้าย จะเป็นอุปสรรคเป็นปัญหาก็ตาม เราอย่าท้อถอยหรือเสียกำลังใจ

    ของทุกอย่างย่อมมาแต่เหตุ ถ้าเรารู้ว่าเหตุเก่าของเราไม่ดี ไม่ว่าจะทำอะไร ก็เหมือนธรรมชาติสภาพแวดล้อมเข้ามาบั่นรอน เราก็เร่งประกอบเหตุใหม่...เหตุปัจจุบัน แต่ละขณะ ลงไปให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยสติสัมปชัญญะ ปัญญา ด้วยความพากเพียร เราก็สามารถปรับเปลี่ยนอุปสรรคและปัญหา ให้กลายมาเป็นความสำเร็จได้ เพราะไม่มีพลังใดในจักรวาล จะสามารถต้านทานพลังในของมนุษย์ ที่มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังได้ ดังคำที่ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ

    ตรงนี้ คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความเป็นมนุษย์ของเรา และตรงนี้คือ แก่นของพุทธศาสนา ที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า ไม่ว่าเหตุเก่าของเรา จะมีว่าเป็นอะไร ก็ไม่ได้เป็นเครื่องริดรอนเราว่า เราจะไม่มีวันไปถึงจุดที่มุ่งหวังตั้งใจได้ เราอาจจะต้องทำงานหนักเหนื่อยกว่าคนอื่น เพราะเราบังเอิญก่อหนี้สินไว้ล้นพ้นตัว แต่ไม่ได้หมายความว่า การมีหนี้สินจะเป็นการขีดคั่นว่า เราเป็นบุคคลต้องสาป หมดสิทธิจะประสบความสำเร็จ


    ถ้าเราตระหนักตรงนี้แจ่มชัด และตั้งใจจริงจังว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ แล้วเรามุ่งมั่น ลงมือประกอบแต่สิ่งที่เป็นสัมมาทิฐิ สิ่งที่เป็นมรรค ปัญหาทั้งหลายย่อมคลี่คลายไป แล้วเราก็ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

    หากใจเชื่อมั่นอย่างนี้ ลงมือทำตั้งแต่วินาทีนี้ เราจะพบว่า อะไรหลายๆ อย่างที่เคยท้อใจ แต่พอเราเริ่มตั้งมั้นในการจะทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะมีแต่อุปสรรคอยู่บ้าง ก็จะเริ่มคลี่คลายไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้าใครอ่านพระไตรปิฎก ตอน อัคคัญญสูตร
    สูตรที่ว่าด้วยสิ่งที่เป็นต้นเดิม
    พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่อง สมัยหนึ่งโลกหมุนเวียนไปสู่ความพินาศ


    สัตว์ทั้งหลายไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหมกันโดยมาก ครั้นโลกเวียนกลับเกิดขึ้นใหม่ เริ่มแรกก็ร้อนจัดมาก แล้วค่อยเย็นลง เย็นลง ดินซึ่งเริ่มแรกร้อนจนเดือด เมื่อบรรยากาศเย็นลงก็มีลักษณะเหมือนซุปข้นๆ เริ่มจับตัวเป็นฝ้าที่ผิวหน้า เรียกว่าง้วนดิน ยังมีความร้อนระอุอยู่ในตัว สมบูรณ์ด้วยสี กลิ่นและรส

    สัตว์ทั้งหลายในชั้นอาภัสสรพรหม ก็จุติมาสู่โลกนี้
    โดยเกิดจากใจ ยังมีฌานเป็นอุปนิสัย เป็นสุขอยู่ด้วยสมาธิ กินปีติเป็นอาหาร ตัวจึงใส มีแสงสว่าง ไปมาในอากาศ เหมือนเมื่ออยู่ในชั้นอาภัสสรพรหม เมื่อได้กลิ่นง้วนดิน ก็อดที่จะลองไม่ได้ จึงเอานิ้วแตะง้วนดินกิน ก็ชอบใจ

    เมื่อเสพดินเข้าไป ตัวก็เริ่มมือทึบ
    หมดแสงสว่างและเหาะไม่ได้ ดินที่เสพอยู่เรื่อยๆ มีผลให้กายหยาบกระด้าง ผิวพรรณที่เคยสุกสว่างเหมือนๆ กัน ก็เปลี่ยนไป เป็นบางคนผิวพรรณคล้ำมาก คล้ำน้อย บางคนยังขาวอยู่ ทำให้เกิดความแตกต่างหลากหลายจากกันไป ใจที่หลุดจากสมาธิ มาติดหลงใหลในรสของง้วนดิน ก็เริ่มถูกถามวัตถุ... รูป รส กลิ่น เสียง ผัสสะ... ครอบงำ ต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน เกิดความรักใคร่ในความผิดแผกของกันและกัน ใจที่ใคร่ใฝ่กัน เกิดความกำหนัดต่อกัน ทำให้กายเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นเพศหญิงเพศชายขึ้น

    เมื่อต่างเพศเพ่งจ้องมองกันมา ก็เกิดกำหนัดเร่าร้อน จนสังวาสกันต่อหน้าหมู่พวก ที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด ก็เริ่มมีความกระดากอาย มีความติดเนื้อต้องใจกัน แยกอยู่กันเป็นคู่ หาใบไม้มาปกปิดร่างกาย สร้างบ้านเรือนเป็นที่อยู่อาศัย

    ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ครอบงำอยู่ ชักพาใจให้รังสรรค์ความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อุปนิสัย ไปกระทั่งรูปร่างกาย จากความเป็นอยู่แบบพรหม คืนกลับมาเป็นสัตว์โลกข้องติดอยู่ในกามภพ กามวัตถุ เกิดกามราคะ ดำรงชีวิตที่เป็นเพศคู่คืนมาอีก

    อุทาหรณ์จากสัตว์ชั้นอาภัสสรพรหม ทำให้เราเห็นว่า แม้จะเจริญไปอยู่ในชั้นพรหมแล้ว หากไม่ระมัดระวังรักษาใจ ให้มีสติตามระลึกรู้อยู่กับความเป็นจริง ก็สามารถเผลอ กลับมาสู่กามกิเลสใหม่ได้
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้ให้อ่านกันยาวๆ เลย เพราะว่าอากาศดีคร้า...

    เมื่อไรเราเบื่อการถูกกิเลสผูกมัดรัดจิตใจ ทำให้เราทุกข์ด้วยการหาอยู่หากิน ทุกข์ด้วยเรื่องของโลก จนไม่มีเวลาดูแลใจ เราก็สามารถทำอย่างเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ท่านเห็นความทุกข์เหล่านี้ชัดเจน แล้วมุ่งมั่นปฏิบัติ

    ถ้าเราจะดูว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจนั้น สำเร็จอย่างไร ก็ดูจากประวัติของพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เริ่มปฏิบัติเมื่อท่านเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านเริ่มมายาวนาน ก่อนหน้านั้น ก่อนสมัยพระทีปังกรพทุธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 1 พระพุทธเจ้าของเรา พระโคดมพุทธเจ้าเป็นลำดับองค์ที่ 25


    ใจที่มุ่งมั่นปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เกิดเป็นครั้งแรก เมื่อท่านเห็นพระป่ารูปหนึ่งและได้ถวายท่อนผ้าเก่า มาสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า ท่านเป็นดาบส ชื่อสุเมธ เมื่อพระทีปังกรพาพระสาวกเสด็จมาเมืองที่สุเมธดาบสตั้งอาศรมอยู่ ชาวเมืองพากันทำทางให้พระทีปังกรและสาวกดำเนินผ่าน สุเมธดาบสก็มาช่วยทำด้วย แต่ยังไม่ทันเรียบร้อยดี พระพุทธเจ้าและพระสาวกก็มาถึง สุเมธดาบสเอาตัวเองนอนทับโคลนให้ พระพุทธเจ้าและสาวกเดินเหยียบข้าม จะได้ไม่ลื่นเป็นอันตราย เสร็จแล้วจึงลุกตามไปฟังธรรมที่ศาลากลางเมือง

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจบลงแล้ว ก็ตรัสกับสุเมธดาบสว่า สิ่งที่สุเมธดาบสได้กระทำมา รวมทั้งที่ร่วมทำทางถวายท่านและสาวกในวันนี้ ถ้าสุเมธดาบสปรารถนาความหลุดพ้นเป็นอรหันตสาวก ก็จะสำเร็จในชาติภพนี้

    แต่พระพุทธองค์ทรงรู้ในใจของสุเมธดาบสว่า ปรารถนาพุทธภูมิ คือ มุ่งหวังสั่งสมบุญบารมี เพื่อมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ท่านจึงตรัสพยากรณ์สุเมธดาบสว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ในกาลเบื้องหน้า แล้วทรงเล่าถึงการบำเพ็ญทศบารมีในสิบชาติสุดท้าย ว่ามีอะไรบ้าง จบลงด้วยชาติที่มาเป็นพระเวสสันดร
     

แชร์หน้านี้

Loading...