เล่นของสูงกันหน่อยดีมั้ย รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูสักที รู้ว่าเราแตกต่างกันเท่าไร รู้ว่าเธออยู่ไกลอยู่สูงขนาดไหน ใครๆ ก็รู้เป็นไปไม่ได้หรอก แต่คำว่ารักมันสั่งให้ฉันต้องปีนขึ้นไป ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน
<marquee direction=right scrollamount=2><IMG src='http://i39.photobucket.com/albums/e174/noppawan2703/th_manga74.gif' width=80></marquee> <marquee direction=left scrollamount=2><IMG src='http://i39.photobucket.com/albums/e174/noppawan2703/th_manga74.gif' width=80></marquee>
เห็นมิกกี้ชอบพูดถึงบ่อยๆ กะเลยไปหามาและนำมาแบ่งกันอ่านค่ะ เดจาวู เดจาวูคืออะไร คำว่า เดจาวู เป็นคำในภาษาฝรั่งเศส (Déjà vu) แปลว่า เคยได้พบเห็นมาแล้ว บัญญัติขึ้นโดย นักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศสนามว่า Emile Boirac (1851–1917) ในหนังสือ L'Avenir des sciences psychiques (แปลว่า อนาคตของวิทยาศาสตร์จิตวิทยา) ความหมายของคำนี้คือ ลักษณะอาการของจิตที่บอกเจ้าของว่า เหตุการณ์นี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ หรือการสนทนานี้ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือจำได้ว่าเคยฝันเห็น อาการนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน หลายคนอาจจะยังไม่เคยเป็น หลายคนเป็นนานๆครั้ง หลายคนเป็นบ่อยจนตัวเองประหลาดใจ แต่คนที่เคยเป็น จะมีความรู้สึก "รับรู้" เหมือนๆ กัน ทฤษฎีอธิบายการเกิด (ข้อมูลต่อไปนี้นำมาจากวิกิพีเดีย) ทฤษฎีแรก อดีตชาติ ทฤษฎีนี้อธิบายว่า สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน ทฤษฎีที่สอง พลังจิต บ้างก็ว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างก็ว่าเป็นทิพจักขุญาณ (ความรู้คล้ายตาทิพย์) ซึ่งได้มาจากการเจริญสมถะภาวนาในหมวดของกสิณ 3 กองคือ เตโชกสิณ (กสิณไฟ), โอทากสิณ (กสิณสีขาว) และ อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จากทั้งหมด 10 กอง เราทุกคนมีพลังจิต เพียงแต่จะอ่อนจะเข้ม บางทีเพราะเราไม่ได้ฝึก จะเก็บกดไว้ภายใน วันดีคืนดีก็ล้นออกมา ตามตำรา ถ้าได้ฝึก เราสามารถควบคุมได้ มีนักพยากรณ์หลายคน พยากรณ์ได้จากการเพ่ง ว่ากันว่า มีผู้หนึ่งมีเดจาวูแรงกล้ามาก หาใครเปรียบได้ไม่ เขาชื่อ นอสตราดามุส ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน อธิบายเกี่ยวกับ โลกคู่ขนาน หรือ จักรวาลคู่ขนาน ก่อนหมายถึง จักรวาลที่ดำเนินไปพร้อมกับจักรวาลที่เราอยู่นี้ ทฤษฎีนี้นักฟิสิกส์ริเริ่มคิดขึ้นมา มีเหตุการณ์ที่เราลังเลอยู่ 2 ทาง แต่เราก็ตัดสินใจไปทางหนึ่ง แล้วคิดไหมว่า ถ้า ณ วันนั้นเราติดสินใจเป็นอย่างอื่น อะไรจะเกิดขึ้น ในโลกนี้ที่เรามีตัวตนอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันก็มีเราอีกคนหนึ่งในอีกโลกหนึ่ง และมีโลกคู่ขนานมากมายนับไม่ถ้วน.. มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน กล่าวว่า การที่เรารู้สึกหรือเห็นภาพที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ คุณเคยทำจริง แต่เป็นคุณในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ คุณในทุก ๆ โลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง อาจเป็นเพราะ สมองมีคลื่นตรงกัน ก็เป็นคุณคนเดียวกันนี่นา ในบางจังหวะที่เหมาะสม กระแสประสาทจูนกัน คุณก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากคุณในอีกโลก ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง ตามแนวคิดของหลักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้าในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้..
สวัสดี ค่ะ น้องกุล ..ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ในเร็ววัน สิ่งที่มาเกิดขึ้นในตอนนี้ ..ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่ง มีเสียงมากระซิบ ที่หูพี่ ..ว่า " อิสิ - อิทธิ - พลัง " พี่ล่ะ งง ไปหมดแล้ว..... ท่านประธาน ค่ะ ช่วยตอบหน่อยค่ะ ว่าเป็นเสียง ใคร.. และมาบอก แบบนี้ คือ อะไรค่ะ... <!-- google_ad_section_end -->เขาบอกว่า อิทธิ ฤทธิ พกานัง ทิสสะวานะตัง คือ การเรียกความสามารถ ของกำลังของตนเองจากอดีตชาตินั้นออกมาให้ใช้ได้ ก็จะ....
ก็ต้องว่าพระคาถาที่จะใช้นั้นต่ออีกบทด้วยครับ เช่น พระคาถาตาทิพย์ ก็จะมีสัมผัสพิเศษ ในเรื่องที่อยากรู้ครับ แสดงว่า มีคนช่วยเหลืออยู่ ในอนาคตก็จะปกครองนครแห่งนี้ต่อไปแล้วกันนะครับ(เพราะเก่งที่สุดแล้วครับ)
" ใจจายยยยยย สู้...รึเปล่า... ไหวไหม......บอกมา ใจอันแข็งกล้า....ศรัทธา....ไม่เคย..ท้อ" ร้องเพลงปลุกใจก่อน... สู้.....โว้ยยยยย....
ก็นึกห่วงท่านประธานอยู่ว่า จะโดนผีสาวจับไปเป็นตัวประกันหรือเปล่า อิอิ<!-- google_ad_section_end --> นราวดีหายไปไหนครับ เมื่อคืนหาไม่เจอ แอบไปเที่ยวที่ไหนครับ ว่าจะให้นราวดี เลื้อยเข้าสำรวจไปในถ้ำผาวังหมีซะหน่อย กลับหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ
เมื่อคืนไปไหนมาไม่รู้อ่ะ เปลี่ยวเชียว กะจะต่อรถไปเที่ยวต่อที่อื่น ก็หารถไม่เจอ เลยตัดสินใจเหาะไปเองเลย อิอิ ^^
เรียน ท่านประธาน ที่เคารพ ... รั้งไม่มี ศาตราวุธ ทางธรรมใดใดเลย เพียงแต่อาศัย จมูก (ทางทิพย์) ท่านอื่นมาบอกมาช่วยเท่านั้นค่ะ.. หาใช่ตัวเองไม่.. แต่ยอมรับว่ารอบๆตัว ..มีผู้ช่วยที่เรียกได้เสมอค่ะ... จึงมิกล้ารับ นครแห่งนี้ค่ะ..ยกให้ ท่านและ เพื่อนๆดูแล.......... เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ...
ในนครกลางหาวนั้น ส่วนใหญ่ชาวเมืองที่นั้นจะอยู่ใครอยู่ต่างหาก แตกต่างจากเมืองบาดาล ที่ชอบทำกิจกรรมร่วมกัน แต่บางครั้งชาวเมืองที่นี้ก็จะมาประชุมกันเหมือนกัน ขึ้นอยู่เจ้าเมืองว่า จะแจ้งเรื่องอะไรให้ทราบครับ ชาวเมืองนครกลางหาวจะมีพิธีกรรมอย่างหนึ่ง พิธีนั้น เรียกว่า ......(ให้ใครที่มาจากที่นั้นบอกแล้วกันครับ) เป็นพิธีที่ชาวเมืองที่นั้นรู้จักกันทุกคนครับ พิธีนี้ ชาวเมืองจะมารวมกันทุกคนครับ เพื่อแสดงถึงพละ อำนาจ ของทุกคนในเมืองนี้ เมืองกลางหาวนั้น จะไม่สู้รบกันเองเหมือนเมืองบาดาล ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีกว่าครับ สิ่งที่ชาวเมืองกลางหาวกลัวมากที่สุด นั้นก็คือ....(ให้ชาวเมืองตอบแล้วกันครับ)