นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

......ตะกรุด หนึ่งในเครื่องรางสะท้านแผ่นดิน....

เชื่อว่า พวกเราที่ชอบวัตถุมงคล รู้จักตะกรุดกันดี ซึ่งตะกรุด เป็นเครื่องรางที่มีเสน่ห์ ตรงที่ เป็นงาน handmade มีเอกลักษณ์ และที่สำคัญ ทำได้น้อยของดีต้องจารมือเท่านั้น

ความเข้มขลังอานุภาพของตะกรุด ก็คล้ายๆ มีดหมอ คือ ใช้ได้หลากหลาย ใช้ทางร้ายก็ได้ ดีก็ได้... เป็นเครื่องรางที่ มิจฉาชีพ โจรเก่า ๆ ต้องมีกันทุกคน เพราะหากประกอบกิจการด้านดำ ๆ จะให้ห้อยรูปพระพุทธ พระคงไม่คุ้มครองแน่ครับ



การจารตะกรุด ก็แล้วแต่ตำรา สูตรของแต่ละสำนัก ความเข้มขลัง ก็ต้องแล้วแต่ อักขระยันต์ที่นำมาใช้ ซึ่ง ผู้ที่สร้างเป็น ที่สอบถามท่านที่ปรึกษามา และสอบถามครูบาอาจารย์มา ต้องเสกตามสูตรเท่านั้น

ท่านที่ปรึกษาเล่าว่า กว่าจะจารได้ต้องมีการตั้งขันครู บอกกล่าว แล้วจะจารได้กี่ดอก ก็แล้วแต่ แรงครู หรือ ครูบาอาจารย์กำหนด หากจารไป แล้วเกิดจารเสีย สะดุด คือ ถือว่าใช้การไม่ได้ หยุดเลย และมีฤกษ์ยามวันเวลาอีกที

เรื่องเสกก็เสกตามสูตร จากนั้น ก็ ขอครูบาอาจารย์ที่สำเร็จในวิชาอธิษฐานเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งสมัยก่อน นำไปให้ครูบาอาจารย์ระดับอภิญญา ท่านจับปุ๊ปรู้เลยตะกรุดอะไร (ยังไม่ทันบอกกล่าว)

ในภาพคือตะกรุดกาสะท้อนหลวง (สะท้อนใหญ่) ซึ่ง ท่านที่ปรึกษาทำได้แค่ประมาณ 9 ดอก คือ จารเสีย ดอกที่ 10 เลยรู้ว่าทำได้แค่นี้

นำเสกโดยครูบาสุข วัดป่าซางน้อยที่สำเร็จวิชากาสะท้อน

การใช้ตะกรุด จริง ๆ มีหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ พกแล้ว จบนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าวันหลัง.....

 

รอติดตามครับ

 

ในภาพคือตะกรุดกาสะท้อนหลวง (สะท้อนใหญ่) ซึ่ง ท่านที่ปรึกษาทำได้แค่ประมาณ 9 ดอก คือ จารเสีย ดอกที่ 10 เลยรู้ว่าทำได้แค่นี้

นำเสกโดยครูบาสุข วัดป่าซางน้อยที่สำเร็จวิชากาสะท้อน

การใช้ตะกรุด จริง ๆ มีหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ พกแล้ว จบนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าวันหลัง.....




ตะกรุดนี้ สร้างขึ้นในวาระสำคัญที่มีมารผจญ โดยศิษย์ได้ขอให้สร้างขึ้นมา ครั้งแรก ยังไม่ได้ร้อยเชือกอะไรนะครับ ผมก็ ด้วยความไม่รู้เรื่อง ได้นำไปขอครูบาอาจารย์อื่นเสก ซึ่งการเสกก็ใส่พาน ขอท่านลงเพิ่ม คิดว่า จะแรงขึ้น ๆ ๆ (ไม่ได้บอกกล่าวอะไร ใส่พานรวม ๆ กับพระเครื่อง)... ซึ่งเกิดผลที่คาดไม่ถึง...

ต่อมา ท่านที่ปรึกษามาบอก ว่า ได้ไปคุยกับครูบาอาจารย์ท่านแนะนำ กาสะท้อนแต่เดิมต้องพอกครั่งพุทรา แต่ครั่งพุทราแท้ๆ หายาก สมัยก่อนต้องผสมกับครั่งต้นไม้อื่น (ต้นพุทรา ครั่งจะไม่ค่อยมี ครั่งเกิดจากแมลงไปทำรัง) ครูบาอาจารย์ได้แนะนำวิธีที่ทดแทนได้ด้วยการนำเชือก ชุบน้ำยาอย่างหนึ่ง (ขอปิดเคล็ดลับ) มาร้อยจะเพิ่มอานุภาพ

ผมจึงส่งตะกรุดนี้ขึ้นไป ท่านที่ปรึกษาจับปุ๊ป ถามเลย ว่าไปเสกเพิ่มมาเหรอ ผมตอบว่าใช่ เป็นไงครับดีขึ้นไหม

ท่านตอบว่าจาก มีดดาบเป็นดอกไม้ไปเลย ตะกรุดนี้ใช้ทางโต้กลับ พลังไม่ดี ซึ่งแน่นอน ออกดุร้ายแบบมีดดาบ หลวงปู่อื่นมาเสกทับ ท่านเล็งเห็นจะลดอานุภาพลงทันที จากมีดดาบเป็นดอกไม้

พอนำตะกรุดนี้ร้อยเชือกไปขอครูบาอาจารย์สายตรงเสก ผมได้ฟังจากโทรศัพท์ลำโพง ท่านกล่าวเลย ว่าดึงพลังเมตตาออกไปแล้วนะ ฯลฯ

เรียกว่าเสกจนเข้าวิชา

จึงเป็นบทเรียนมาจนทุกวันนี้ ว่า ควรพิจารณาให้ดีของเฉพาะทาง ต้องเฉพาะทางจริง ๆ ....

หมายเหตุ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ บางอย่างยิ่งเสกมากยิ่งดีแน่

ผลของตะกรุดนี้ มารผจญที่ว่า หายสาบสูญไปตลอดกาลเลย จนผู้สร้างตะกรุดนี้เสียใจมาก รู้สึกผิดจึงไม่สร้างอีกเลย และแม้สร้างอีก ผู้เสกที่สำเร็จวิชานี้ ก็ ละสังขารแล้วครับ ทำไม่ได้อีกแล้ว จบเลยยย

 

ในภาพ เป็นตะกรุดมหาระงับ ของหลวงพ่อสมภพ (หลวงพ่อสาลีโข)

ซึ่งกว่าจะได้มาก็ แสวงหามามากเหมือนกันครับ

จุดเริ่มต้น ในชีวิตของคนเราย่อมมีสุขและทุกข์ปะปนกัน เมื่อเจอปัญหาหลายอย่าง อาจต้องใช้ของเฉพาะทาง

มีคำถามว่า อ้าว ห้อยพระเครื่องดี ๆ ชีวิตสงบสุขตลอดไปไม่ได้เหรอ คำตอบของคำถามนี้ต้องถามทุกท่านเองแล้วละครับ จะได้อย่างที่ต้องการไหม

แรกเริ่มผมก็เช่าหาตามหนังสือเชียร์ จนได้มหาระงับ มหาจักรพรรดิ์มาจากวัดหนึ่ง (ขอปิดนาม) ซึ่งก็ได้ผลไม่ตามต้องการ จนเจอผู้รู้จริง ตรวจสอบกะแสพลังพบว่า สร้างได้ไม่ครบตามตำรา (อ้าว ซะงั้น)

จนได้มา พบท่านที่ปรึกษาและหลาย ๆ ท่านที่เรียนมาโดยตรง ทราบว่า การศึกษาในยุคปัจจุบัน คิดว่ามีตำราแล้วจะครบสูตร คิดผิดอย่างมาก

สมัยโบราณกว่าจะได้วิชามา เรียกว่าต้อง อยู่กับครูบาอาจารย์ยาวนาน จนท่านเห็นน้ำใจ เห็นความดีจึงสอนให้ การบันทึกในตำรา มักจะมีการ อั้นไว้ (ศัพท์เฉพาะทางแปลว่า ปกปิด ซุกซ่อน) เพราะป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด

แม้ผมเองได้พบครูบาอาจารย์เก่า ๆ ท่านก็บอกเช่นนี้ ว่ากลัวนำไปใช้ในทางที่ผิด

อย่างที่บอกนะครับ ตะกรุดนี้ ไม่ใช่รูปพระ จึงนำไปใช้กันผิด ๆ ได้

หากนำไปใช้ทางที่ผิด ที่ได้ฟังมา เมื่อกรรมตามมาจะมีเหตุให้ตะกรุดสูญหาย หรือแตก แล้ว วาระกรรมก็จะตามมา (ดังเช่นเรื่องตี๋ใหญ่ นี่อ่านมานะครับจริงไม่จริงไม่ทราบ เมื่อดวงถึงฆาต ตะกรุดหาย )

ต่อ ๆ จนผมได้ไป พุทธอุทยานธรรมโกศล กับพระผู้เรืองวิชา ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อ มรณภาพแล้ว ร่างท่านเก็บไว้ในโลงแก้ว เรียกว่าเหมือนท่านหลับไปเลย

ตะกรุดนี้ตอนนั้นมีตกค้างไม่กี่ดอก (ประมาณปี 2551) บูชาดอกละ 5 พัน ขนาด 5 นิ้ว ไม่ผิดครับดอกละครึ่งหมื่น เรียกว่าเช่ามาต้องยืมเงินพระเลย แล้วคืนให้ทีหลัง 555

แต่อานุภาพคุ้มค่าสุด ๆ เพราะได้นำมาใช้ตอนเกิดปัญหาหลายอย่าง เวลาใช้ ต้องเพียว ๆ เลย แช่น้ำ ไม่มีอะไรกั้น

ค่าบูชาที่แพง ตามได้ค้นคว้ามาเพราะสร้างยาก ทำยาก ไม่ได้จารง่ายๆ ปัจจุบันไม่เหลือแล้ว และหาตามท้องตลาดได้ยาก เพราะศิษย์ท่านที่มีต่างหวงแหน

เรื่องอานุภาพ ไม่ต้องห่วง ครบเครื่อง คุ้มค่าจริง ๆ ....

จึงจะเห็นได้ว่า ตะกรุดเฉพาะทาง ไม่ได้ทำง่าย ๆ และมีราคาสูงเพราะเหตุนี้

อีกที่หนึ่งที่ได้ยินมาว่า สุดยอดจริง ก็ ตะกรุดมหาระงับ หลวงพ่ออุดม ค่าบูชาก็เท่านี้ครับ ดอกละ 5 พัน... แต่ทำได้น้อย ออกมาหมดเกลี้ยง ไม่ทัน....

 

....หมายเหตุ ตะกรุดในภาพทุกอย่างเป็นของส่วนตัวนะครับ ผมเองมีแค่อย่างละดอก ไม่มีให้บูชา แต่จะมาเล่าประสบการณ์ตามหัวข้อกระทู้ เคล็ดลับที่พบมา และจากการสอบถามผู้รู้

.....ท้ายสุด จะเล่าโครงการสำคัญ ท่านที่ติดตามผมมาอาจจับทางได้ แต่ตอนนี้บอกอะไรไม่ได้ รอให้สำเร็จ ครบเครื่องก่อนค่อยเปิดเผยครับ..... เพราะผมถือหลักว่าอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ

 

.....ตะกรุดกาสะท้อนหลวง มีวิธีใช้สำคัญ ๆ ที่ เล่าได้ อย่างสนุกสนาน มีศิษย์ท่านหนึ่งที่มีวิชาดี ได้นำตะกรุดนี้ไปใช้ปัดของ ส่งกลับ ดังท่านที่ปรึกษาเล่ามาดังนี้


...ผู้ได้ไปท่านหนึ่ง ได้พบคนที่โดนคุณไสยอย่างหนัก คือมีอาการปวดแขน วิ่งตามร่างกาย เขาได้นำตะกรุดกาสะท้อนหลวงไปแตะเหนือบริเวณที่ปวด แล้วลากออกมาปลายมือ ขณะที่ลากตะกรุดเกิดอาการหนัก เหนื่อย อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก กว่าจะออกมาสุดปลายมือ แล้วส่งกลับได้ เรียกว่า หอบเหนื่อยแทบตาย

...อาการปวด นั้นหายทันที ผู้ที่โดนคุณไสยเล่า ผลต่อมาไม่กี่วัน ทราบว่าคนแถวบ้าน เจ็บไม่ทราบสาเหตุ (เป็นบุคคลผู้ต้องสงสัยว่าทำคุณไสยจริงไม่จริงไม่ทราบได้ )

....ผู้สร้างตะกรุด ทราบวันนั้นทันที เพราะของบนขันครูท่านสั่น ว่ามีการนำตะกรุดไปใช้แล้ว ท่านกล่าวว่า ของที่โดนปัดส่งกลับไปผู้ทำแล้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกล...

....ดังนั้นของเฉพาะทางจึงมีผลเช่นนี้เอง และตะกรุดนี้จึงไม่ได้นำไปปัดคุณไสยอีกเลย เพราะกลัวบาปกรรม....

 

การจารตะกรุดแต่ละสำนัก แต่ละสูตร มีเคล็ดลับปลีกย่อยต่างกันไป ผมจะเล่าถึงตามที่รับฟังมา โดยสรุปนะครับ ท่านผู้รู้จริง หากเห็นผิดพลาดอย่าได้ตำหนิ

โดยหลัก ต้องดูฤกษ์ยาม (ยกเว้นครูบาอาจารย์ทรงจิตสูงจริง ๆ แบบศิษย์มาขอ รีบด่วน จารให้ทันที ซึ่งก็ทรงอานุภาพ แต่โดยมากตะกรุดแบบนี้มักเป็นแนวพุทธคุณ เพราะ พุทธ ถือหลัก ฤกษ์สะดวก)

แนวพุทธคุณ ก็โดยเช่น เมตตา แคล้วคลาด คงกระพันตามสูตรคาถาอักขระ เพราะโดยหลัก อักขระที่ลงมักเป็นหลักหัวใจพระรัตนตรัย ดังเช่น มะอะอุ ก็ครอบจักรวาลได้แล้ว

แต่ ท่านผู้รู้บอก พวกเราจิตยังไม่สูงส่งเท่าครูบาอาจารย์ จึงยึดถือตำราไว้ก่อน คือ ฤกษ์ยาม ก่อนจะจาร ต้องมีพิธีกรรมต่างๆ เช่น ชำระร่างกายให้สะอาด ปิดห้องไม่รับแขก เสกตั้งแต่เหล็กจาร ทำขันครู บูชาครูบาอาจารย์

เคล็ดฤกษ์ยาม ก็มีปลีกย่อย เช่นวันนี้วันดี แต่ ฤกษ์ยามเวลา ก็แล้วแต่ เจตนาการสร้างตะกรุด หากใช้ทางบู๊ ก็ใช้ฤกษ์แข็ง หากใช้เมตตาลาภ ก็ใช้ฤกษ์ที่แปลแล้ว ทางสิริมงคล


ต้องเข้าใจว่า ศาสตร์การทำตะกรุด มาจาก พราหมณ์ พูดง่ายๆ มาจากไสยศาสตร์ แต่อักขระ เรามาประยุกต์ ตามแนวพุทธคุณ เพราะถือว่าคุณพระ ยิ่งใหญ่ที่สุด

หลังการจาร ลงวิชาตามตำรา ก็มีการเสกตามสูตร หลังจากนั้น ผู้รู้บอกว่าหากให้แรงยิ่งขึ้น ต้อง ให้ครูบาอาจารย์ที่สำเร็จแล้ว ลงอีกครั้ง

คำว่าสำเร็จแล้วคือ สำเร็จวิชาสายนี้นะครับ เสกโดยเฉพาะทางไปเลย นอกจากเป็น ด้านพุทธคุณเมตตานี้ มัก จะขอพระอริย สายเมตตาเสกมาก ๆ นั่นอีกประเด็น....

ต่อไป หากข้อมูลเวลาแน่นอน ผมจะมาเล่าถึง ตะกรุดที่ทำเฉพาะด้าน เฉพาะทาง ที่สร้างยาก รอข้อมูลที่ชัดเจนก่อนครับ....

 

ในภาพ เป็นตะกรุดเก่า ๆ ที่ท่านที่ปรึกษาเคยสร้างมานะครับ แล้วครูบาอาจารย์เสกกำกับอีกครั้ง

จะเห็นได้ว่า บางตะกรุดมีวิธีใช้ที่แยบยล จนคาดไม่ถึง

เป็นที่รู้กันในหมู่ผู้เรียนเวทย์คาถาว่า การสำเร็จด้านนี้มีหลาย ๆ ปัจจัย ดังเช่น

1.ดีที่สุดได้เรียนโดยตรงจากครูบาอาจารย์ผู้สืบสายวิชา เพราะมีแค่ตำรา บางครั้งก็ บันทึกไม่หมด ท่านเรียกว่า โดนอั้นไว้ (ปกปิด) ด้วยเหตุที่ ครูบาอาจารย์เป็นผู้เลือกศิษย์ ไม่ใช่ศิษย์เลือกอาจารย์ ต้องดูใจกันยาวนานถึงได้เคล็ดลับบางประการ

สรุป เรื่องนอกตำรามีมาก

2. ตำราแต่ละบท มักมีครูแรง

3. ต้องมีสมาธิจิตดีพอสมควร

4. บุญวาสนาเก่าก่อน สำคัญ ท่านผู้รู้เคยบอก สมัยก่อน เขามีตำราการดูเพดานปาก คือนำสีผึ้งแท้ มากดที่เพดานปาก ดูรูปลักษณะ ดังเช่น หากเป็นรูปใบหอก ก็แสดงว่าคนนั้นเหมาะเรียนทาง .........

กล่าวโดยสรุป การสำเร็จด้านวิชาคาถาอาคม มีหลายปัจจัยที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะเรื่องนอกตำรา เพราะกลัวศิษย์คิดล้างครู

ใน บทต่อไป ผมจะมาเล่าสู่กันฟัง ในสายเทา ๆ ดำ ๆ ๆ ว่ามีเครื่องรางที่ เราคาดไม่ถึงว่ามีอยู่จริง....

 

ติดตาม อิอิ

 

ในวงการผู้มีวิชา ท่านผู้รู้บอกว่า หากเป็นพระเสก จะแบบร่มเย็น พูดง่ายๆ ยังไงจะไม่ลงวิชาแบบสายเทา ๆ ให้ แต่หากเป็นฆราวาสเสก จะอีกแบบ พูดง่ายๆ จะลงแบบไม่ปราณี รวมจนถึงลงวิชา สายเทา ๆ จนถึงดำ

สมัยโบราณ มีฆราวาสเก่ง ๆ มากมายดังท่านที่ศึกษาสายนี้คงทราบ หลายท่านเป็นเสือเก่า มีวิชาอาคมแก่กล้า

ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วตั้งแต่ครั้งสมัยสร้างลูกอมกายสิทธิ์มหาลาภ วิชาอาคมนั้น มีไว้เพื่อฝืนชะตา

ณ จุดนี้ จึงเริ่ม บทใหม่แห่งตะกรุด ที่ใช้เฉพาะทางแบบคาดไม่ถึง.... โปรดคอยติดตาม

หมายเหตุ เรื่องเล่าจากนี้ ไม่เหมาะกับสายเมตตาธรรม ค้ำจุนโลกนะครับ.... หรือศีลธรรมเคร่งครัด จะไม่เหมาะกับเครื่องรางนับจากนี้ครับ....

 

ผู้รู้วิชาได้เล่าให้ฟัง ในสายวิชาการสร้างเครื่องราง จะมี ตะกรุด หรือเครื่องรางที่ทำไว้ให้กับ พวกเสือ โจร หรือ มิจฉาชีพอยู่ บ้าง ซึ่งวิชาพวกนี้จะบันทึกในตำรา

เราอาจเคยอ่านนิยาย หรือเรื่องเล่าของ เสือโจรสมัยก่อน ที่ได้ตะกรุดของดีจากครูบาอาจารย์ที่แก่กล้า โดยมากเป็น สายแคล้วคลาด มหาอุด ซึ่ง เหตุที่ครูบาอาจารย์สร้างให้ ก็อาจสร้างให้ก่อนเป็นโจร คือเป็นคนดี ได้ของไปมาเป็นโจรภายหลัง จนสุดท้ายเวรกรรมตามมา ของดีเหล่านี้จะสูญหาย เมื่อดวงถึงฆาต แล้วก็หนีไม่พ้นกรรม

แต่มีของดีบางประเภท ที่ในหมู่ผู้เรียนคาถาอาคม ใช้ป้องกันตัวจากผู้มีวิชาอาคมด้วยกันเอง ดังเช่น กาสะท้อน ที่ ใช้สะท้อนกลับสิ่งไม่ดี จนประยุกต์มาใช้กับเรื่องทางโลกทั่วไปได้ เช่นโดนด่า สาปแช่ง กลั่นแกล้งให้สะท้อนกลับไปได้

ผมเคยสอบถามผู้รู้ อ้าวเห็นกาสะท้อนมีหลายสำนัก หาเช่าได้ไม่ยาก แล้วสมมติไปสู้กับคนมีกาสะท้อนได้ไง ท่านกล่าวว่า เขามีวิธีแก้กาสะท้อน หรือที่เรียกว่าการคัดของกัน แล้วจัดการ......

ท่านเล่าว่า มีตะกรุดที่ใช้สำหรับด้านเทา ๆ ก็มี เช่นใช้ด้านการพนัน หรือทำร้ายกันก็มี

 

ได้สอบถามผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ตะกรุดที่เหมาะกับคนทำงานเทา ๆ มีด้วยหรือครับ เป็นแบบคงกะพัน แคล้วคลาดแบบ โจรเสือสมัยก่อนพกพากันรึเปล่า และเหตุใด มีของแบบนี้ด้วย

ท่านได้กล่าวว่า ทุกชีวิตทุกคน เกิดมาตามฟ้าลิขิต พูดแบบพุทธ คือ มาจากกรรม ซึ่งคนเราย่อมฝืนกรรมไม่ได้ บางคนถูกลิขิตมาให้ประกอบอาชีพเทา ๆ ดังเช่น เป็นเจ้ามือหวย เล่นหวย เปิดบ่อน ทำงานหลบเลี่ยงภาษี เป็นโจรก็มาก ตามที่เขาว่า เกิดใต้ดาวโจรเป็นต้น ตามเรื่องเล่าประวัติ อ.ไพฑูรย์

ซึ่งลักษณะนี้หากคนรู้ผิดชอบชั่วดี ก็คงบอกว่ารู้ว่าผิด แต่ก็ต้องทำ อาจด้วยการหลงผิดแต่เดิม จนถอนตัวไม่ได้ หรือไปประกอบอาชีพสุจริต แต่ก็ไม่พอกินมีภาระจนต้องกลับมา แต่หากไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เต็มใจนั่นก็อีกประเด็น ของแบบนี้ให้มีไม่ได้เด็ดขาด

หากเป็นผู้สุจริตชน ตะกรุดหรือเครื่องรางแนวนี้จะออกแนวมหาอำนาจ สะกด ข่ม เพราะอย่าลืมว่า ธรรมดาโลก คนดีมักโดนกลั่นแกล้งจากคนไม่ดี แผ่เมตตาคงเอาไม่อยู่ (ในบางกรณีนะ ถ้าใครทำสำเร็จก็ อนุโมทนาด้วยครับ) หรือ พกพาไปเล่นการพนันก็ได้

เครื่องรางช่วยเรื่องการพนันที่เคยพบ ก็เช่น ปีเซียะ ผมเคยบูชาที่แจ่มๆ ไปให้คนนึง พกไปเล่นในบ่อนชายแดน ซึ่งก็บอกข้อห้ามไปแล้วนะ เขาทำผิดข้อห้าม คือ มีหลักว่า ต้องขอก่อนจะเอา เท่าไร แล้วพอได้ตามเป้าเกิดโลภ สุดท้ายแพ้หมด จบ เกม....

 

รอติดตามครับ

 

ตามอ่านครับ
ตอนนี้

ไลน์เก่าหาย
เลยอาจตะขาดการติดต่อ
เดี๋ยวจะแอดใหม่ครับ

 

รอติดตามครับ

 

มาปูเสื่อรอครับ ^^

 

ภาคตะกรุดนี้ แค่อารัมภบทก็น่าติดตามอย่างมาก
รอๆสุดยอดตะกรุดครับ

 

ระหว่างรอเรื่องราวตระกรุด ชมลูกอมกายสิทธิ์มหาลาภกันครับ

 

กำลังเพลิน จบแล้วหรือครับ

 

ยังครับ ที่เล่าไป เพื่อแสดงที่มาของวิชา ตำราที่สำคัญ