เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    3-12.jpg
    2.jpg

    spec3-1.jpg spec1.jpg
    " ความขยันนั้น ลางทีเกิดเป็นนิสัยมาเอง ลางทีต้องอาศัยฝึกหัดกันเรื่อยๆไป เพื่อให้เกิดเป็นนิสัยขยันหรือเกิดความขยันเป็นนิสัย ไม่ยอมให้เป็นโอกาสความเกียจคร้านเข้ามาแทรกซึมได้

    วิธีฝึกให้เกิดความขยันนั้น ในสมัยโบราณมีอยู่หลายวิธี แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่พระพุทธองค์เคยทรงใช้มาคือ การแบ่งเวลาออกเป็นส่วนๆ ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร และฝึกฝนตามนั้น ทำกันเรื่อยไป ไม่ใช่ทำกันชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็เงียบหายไป อย่างนี้ไม่ใช่ลักษณะขยัน ลักษณะขยันต้องเดินเรื่อยๆไปไม่หยุด เหมือนกระแสน้ำไหลในฤดูน้ำ มิใช่ดังลักษณะพลุที่สว่างวาบเดียวแล้วก็หยุดกัน "


    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร)วัดสามพระยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2018
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ___paragraphaeparagraph_11_309.jpg


    ตายเพื่ออยู่หรืออยู่เพื่อตาย


    "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" นี่เป็นคำสอนในทางพระศาสนาซึ่งเกี่ยวกับสภาวะธรรม มีปรากฎอยู่ทั้งในฝ่ายพระสูตร ทั้งในฝ่ายพระอภิธรรม เป็นคำสอนที่เป็นกฎเกณฑ์ตายตัวอยู่ทุกกาลทุกสมัย ไม่มีผู้ใดจะโต้แย้งคัดค้านได้ พระพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลกหรือหาไม่ ปวงมนุษย์หรือเทวดสอินทร์พรหมยมยักษ์จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม กฎเกณฑ์ทั้ง ๓ นั้น ก็คงมีอยู่ปรากฎอยู่อย่างนั้นเสมอไป



    ความเกิด ความตั้งอยู่ ความดับ ย่อมมีประจำอยู่ในสรรพสิ่งทุกอย่าง ซึ่งรวมเรียกตามศัพท์บัญญัติในทางพระศาสนาว่า สังขาร อันแยกออกเป็น ๒ ประการคือ สิ่งที่มีวิญญาณครองเช่น คน และสัตว์เป็นต้น เรียกว่า อุปาทินนกสังขาร สิ่งที่ไม่มีวิญญาณครอง เช่น ต้นไม้ และเครื่องใช้สอยเป็นต้น เรียกว่า อนุปาทินนกสังขาร ดังนั้นจึงทำให้แลเห็นว่ากฎของธรรมดานั้นมีความยุติธรรมเป็นที่สุด ของบรรดาความยุติธรรมทั้งหลาย



    ความเกิดเป็นเรื่องได้ ความตายเป็นเรื่องเสีย เนื่องจากเหตุนี้ ความเกิดจึงเป็นเรื่องนำความชื่นบานนิยมยินดีปรีดาปราโมทย์มาให้ ส่วนความตายกลายเป็นเรื่องนำความห่อเหี่ยวระทมขมขื่นมาสู่ ความเกิดกับความตายจึงมีลักษณะตรงกันข้ามอยู่ในตัว ดุจขาวกับดำ หรือบวกกับลบ

    แต่ในทางพระศาสนาท่านสอนไว้ว่า ความตายเป็นเงื่อนปลายสาย เพราะฉะนั้นความตายจึงสืบต่อมาจากความเกิด เมื่อความเกิดอันเป็นเงื่อนต้นสายไม่มี ความตายอันเป็นเงื่อนปลายสายย่อมมีไม่ได้ เหมือนแผ่นดินที่เป็นแดนเกิดของต้นไม้ และกอหญ้า หากแผ่นดินไม่มี ต้นไม้ และกอหญ้าที่ต้องอาศัยแผ่นดินเป็นแดนเกิดย่อมมีไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ท่านผู้รู้แจ้งเห็นจริงทั้งหลาย ย่อมไม่กลัวแต่ความตาย กลับไปกลัวแต่การเกิด อันเป็นตัวทุกข์ และเป็นที่รับรองความทุกข์ยากลำบากทุกประการ ส่วนสามัญชนทั่วไปหาได้กล้วแต่ความเกิดไม่ ล้วนกลัวแต่ความตายด้วยกันทั้งสิ้นทุกตัวคน ทั้งชาววัดทั้งชาวบ้าน เวลามีใครเกิด ไม่เห็นมีใครร้องไห้ เห็นมีแต่ล้วนยินดีปรีดา ครั้นเวลามีใครตายที่เป็นญาติหรือมิตรสหาย เห็นมีแต่ความเศร้าโศกเสียใจร้องไห้พิไรรำพัน ความแตกต่างกันในระหว่างผู้รู้แจ้งเห็นตริง กับสามัญชนในเรื่องเกี่ยวกับการเกิดการตายอยู่ที่ตรงนี้ หาใช่อยู่ที่อื่นไม่

    จากข้อความตามที่พูดมา จึงจับหลักได้มั่นเหมาะว่า ความเกิดกับความตายเป็นของคู่กัน เกิดโดยไม่มีตายเป็นเบื้องปลาย หรือตายโดยไม่มีเกิดเป็นเบื้องต้น เป็นอันมีไม่ได้ไม่ว่าในกาลไหนๆ เพราะผิดกฎของธรรมดา ก็และในท่ามกลางระหว่างเกิดกับตายนั้น ยังมีสิ่งอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นคือความตั้งอยู่ อันความตั้งอยู่นี้ก็คือชีวิตนั่นเอง เพราะมีอยู่ในระหว่างเกิดกับตาย ชีวิตย่อมตั้งต้นเดินทางออกไปจากเกิด และเดินเรื่อยไปไม่มีหยุดยั้ง จนกระทั่งถึงที่สุดทาง หรือปลายทาง กล่าวคือความตายเป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น"เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" จึงเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว เป็นจริงตามคำสอนในทางพระศาสนาทุกประการ



    คำว่า"อยู่" ที่มาคู่กับคำว่า"ตาย"เป็นหัวข้อแห่งหนังสือนี้หมายถึงความเป็นอยู่ซึ่งเรียกว่า"ชีวิต" มิได้หมายความถึงกิริยาที่อาศัยอยู่ ส่วนคำว่า "ตาย" หมายถึงลักษณะอาการอย่างเช่นใด นี่เป็นปัญหาที่ควรได้รับการพิเคราะห์ก่อน



    คำว่า ตาย สามัญชนทั่วไป ย่อมเข้าใจกันอยู่เป็นพื้นว่าความขาดแห่งชีวิตินทรีย์ หรือความแตกกายทำลายขันธ์ หรือความขาดสิ้นแห่งลมหายใจเข้าออก แต่ในวงการของพระศาสนาหมายความกว้างกว่าที่สามัญชนเข้าใจกันอยู่ กล่าวคือมิได้หมายความเอาเฉพาะความขาดแห่งชีวิตินทรีย์ หรือความแตกกายทำลายขันธ์ หรือความขาดสิ้นแห่งลมหายใจเข้าออกเท่านั้น แม้ความหมดสิ้น หรือความเสื่อมสิ้นไปแห่งอายุ และสังขารก็ดี ความหยุดอยู่กับที่ไม่มีความคลี่คลายขยายตัวเพื่อความก้าวหน้าสืบต่อไปก็ดี ความดับแห่งจิตคือดวงความคิดนึกก็ดี ท่านหมายกันว่า ตาย เช่นเดียวกัน



    เมื่อได้พิเคราะห์คำว่า ตาย หมายถึงลักษณะหรืออาการเช่นใดแล้ว ตามแนวทางในพระศาสนา ลำดับต่อไปจะได้พูดถึงข้อว่า ตายเพื่ออยู่ หรืออยู่เพื่อตาย นั้นหมายความอย่างไร



    น่าจะมีปัญหาอยู่สักหน่อยว่า ตายไปแล้วแต่ชื่อว่ายังอยู่ หรือยังอยู่แต่ชื่อว่าตายไปแล้ว มีอยู่หรือ? ข้าพเจ้าขอตอบว่า มีอยู่ เพราะพฤติการณ์ของบุคคลแต่ละคนในโลกนี้ เป็นพยานให้เห็นปรากฎอยู่เป็นหลักพิสูจน์หัวข้อเรื่องที่ข้าพเจ้าตั้งไว้ข้างต้น

    กระแสแห่งชีวิตของสัตว์โลก ย่อมไหลไปตามลำธารแห่งชีวิต ไม่มีเวลาหยุดพักสักขณะหนึ่ง ไหลไป และไหลไปจนกว่าจะถึงที่สุดของชีวิต ซึ่งเรียกว่าความดับ หรือความตาย เช่นเดียวกับกระแสน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูงไม่มีเวลาหยุดพักสักขณะ จนกว่าจะถึงที่สุดของกระแสน้ำ ฉะนั้น เวลาที่ล่วงไปของอายุ และความเสื่อมสิ้นแห่งสังขาร ไม่มีเวลาถอยกลับมีแต่จะรุดหน้าไปถ่ายเดียว เสื่อมไป สิ้นไป หมดไปเป็นหลักยืนให้เห็นกันอยู่ แต่ใครจะเห็นหรือไม่เห็นจะรู้หรือไม่รู้ เป็นเรื่องบุคคลแต่ละคนไป หาได้เกี่ยวข้องด้วยหลักดังที่กล่าวไม่ ยังไม่มียาขนานใดอันจะแก้ความตายเป็นไม่ให้ตายได้ สัตว์โลกย่อมกลัวแต่ความตาย ก็เพราะความตายเป็นที่สุดของชีวิต หรือความเป็นอยู่ สัตว์โลกยังปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ จึงยังกลัวแต่ความตาย หากหมดปรารถนาเมื่อใด เมื่อนั้น จะเห็นความตายเป็นของธรรมดาที่สุดมีค่าเท่ากับปิดฉากละครครั้งหนึ่งๆเท่านั้น


    ในอันดับต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขอพูดโดยตรงในเรื่องของบุคคลอันเกี่ยวกับความตายความอยู่ ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่จะพูด ไม่มีปัญหาที่จะทิ้งไว้ให้เราต้องสงสัยกันอีกแล้ว บุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ ที่จะไม่ตายไม่มี บัญชีเกิดเท่าใด บัญชีตายเท่านั้น จะเหลื่อมล้ำก้ำเกินกัน หามีไม่ ไม่มีข้อแตกต่างกันแต่ประการใด



    แต่ในระหว่างเกิดกับตายนี้ มีข้อที่ควรพินิจอยู่ประการหนึ่งซึ่งจะมองข้ามไปเสียมิได้ ข้อนั้นคือ "บุคคลบางคนตายเพื่ออยู่ บุคคลบางคนอยู่เพื่อตาย" มีปัญหาสืบต่อไปว่า บุคคลเช่นใดชื่อว่าคายเพื่ออยู่ บุคคลเช่นใดชื่อว่าอยู่เพื่อตาย? ข้าพเจ้าขอตอบปัญหาข้อนี้โดยหลักการว่า บุคคลผู้สร้างชื่อว่าตายเพื่ออยู่ บุคคลผู้ไม่สร้างชื่อว่าอยู่เพื่อตาย



    คำว่า "สร้าง" และ "ไม่สร้าง" ตามหลักภาษาไม่ได้เจาะจงลงไปว่าสร้างดี หรือสร้างชั่ว ไม่สร้างดีหรือไม่สร้างชั่ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จะยุติเอาว่า สร้างดีก็ได้ สร้างชั่วก็ได้ ไม่สร้างดีก็ได้ หรือไม่สร้างชั่วก็ได้ เป็นการถูกต้องตามหลักภาษาหรือหาไม่ หากจะมีปัญหาเกิดขึ้นเช่นกล่าวนี้ ข้าพเจ้าขอตอบว่าความเข้าใจเช่นนั้นเป็นการถูกต้องตามหลักภาษา แม้จะให้อธิบายความตามหลักภาษานั้น ก็อธิบายได้โดยมีหลัก เพราะสิ่งที่เหลือซึ่งไม่ตายไปตามร่างกายสังขารมีปรากฏอยู่กล่าวคือ ดีก็ปรากฏ ชั่วก็ปรากฏ ดังปรากฏในคำฉันท์อันเตือนใจที่ดีที่สุด ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรสว่า



    พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
    โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
    นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
    สถิตย์ทั่วแต่"ชั่วดี" ประดับไว้ในโลกา



    แม้ในส่วนคำว่า"ไม่สร้าง" ก็อธิบายความได้ว่า เมื่อบุคคลที่เกิดมาไม่สร้างดีไม่สร้างชั่ว หรือพูดเป็นคติธรรมว่า บุญไม่ทำ กรรมไม่สร้างแล้ว ย่อมไม่มีอะไรปรากฎอยู่ ชีวิตเป็นหมัน เรียกตามโวหารทางพระศาสนาว่า ชีวิตของบุคคลเช่นนี้ เป็นโมฆชีวิต เป็นสิ่งที่ท่านตำหนิไว้ ตกอยู่ในประเภทเสีย


    แต่อย่างไรก็ดี เรื่องสร้าง กับเรื่องไม่สร้าง นี้ ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะพูดตามหลักภาษา ซึ่งจะต้องอธิบายขยายความกันกว้างขวางพิสดารเกินกำลังของหนังสือเล่มนี้ และเกินความประสงค์ของข้าพเจ้าผู้เขียนเรื่องนี้ด้วย จะขอพูดตามความหมายที่ข้าพเจ้ามุ่งตั้งขึ้นให้เป็นความหมายเท่านั้น ซึ่งพอกำลังของหนังสือเล่มนี้ และพอเหมาะแก่ความประสงค์ของข้าพเจ้า



    คำว่า "สร้าง" ข้าพเจ้ากำหนดความหมายไว้ว่า หมายถึง สร้างความดี คำว่า "ไม่สร้าง" ข้าพเจ้ากำหนดความหมายไว้ว่า หมายถึง ไม่สร้างความดี จากความหมายอันเป็นหลักนี้ จึงได้ความหมายสืบต่อไปว่า บุคคลผู้สร้างความดี ชื่อว่าตายเพื่ออยู่ บุคคลผู้ไม่สร้างความดี ชื่อว่าอยู่เพื่อตาย


    เมื่อได้ให้ความ หมายสืบต่อมาเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดปัญหาท้ายคำตอบสืบต่อไปว่า ความดีได้แก่สิ่งใด หรือสิ่งใดจัดว่าเป็นความดี? ปัญหาว่าความดีคืออะไร หรือว่าอะไรเป็นความดี ถ้าจะพูดกันตามโลกสมมติตามยุคสมัย เห็นจะหาคำตอบให้ถูกต้องครบถ้วนได้ยากเต็มที จะว่าเป็นปัญหาโลกแตกก็พอจะว่าได้ แต่ถ้าจะหาคำตอบตามแนวพระศาสนา พอจะหาคำตอบที่เป็นหลักได้อยู่ ข้าพเจ้าจึงสมัครใจที่จะให้คำตอบตามแนวพระศาสนาที่ข้าพเจ้าพอรู้อยู่บ้าง ความดีคืออะไร หรืออะไรเป็นความดี เมื่อพูดกันตามแนวทางของพระศาสนา พอจะรวบรวมได้เป็นหลักใหญ่ ๓ ประการคือ


    1 .สิ่งที่วิญญูชนยอมรับนับถือว่าเป็นความดี
    2. สิ่งที่เป็นประโยชน์ตน และเป็นประโยชน์ผู้อื่น หรือสิ่งที่ไม่เบียดเบียนตน และไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    3. ความสงบกาย สงบวาจา สงบใจ


    แนว คิดของข้าพเจ้าตามแนวพระศาสนาทั้ง ๓ ประการนี้ ข้าพเจ้าขอฝากท่านผู้รู้ทั้งหลายเพื่อพิจารณาต่อไปด้วย ว่าจะครบถ้วนหรือยังขาดตกบกพร่องประการใด จะได้ช่วยกันแก้ไขตกเติม เพื่อให้ถูกครบถ้วนสืบต่อไป
    ย่อม เป็นที่รับรองต้องกันในวงการพระศาสนาแล้วว่า ความตายไม่ได้หมายเอาเฉพาะความสิ้นชีวิต หรือการแตกกายทำลายขันธ์เท่านั้น แม้ยังมีชีวิตอยู่หรือยังไม่แตกกายทำลายขันธ์ กล่าวคือยังเป็นอยู่นั่นเอง ก็เรียกว่าตายได้เหมือนกัน พระพุทธภาษิตมีอยู่ว่า "เย ปมตตา ยถา มตา คนพวกใดประมาทแล้ว คนพวกนั้นย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว" เพราะภาวะแห่งความเป็นผู้สร้างของเขาไม่มี เช่นเดียวกับคนที่ตายแล้ว ย่อมไม่มีภาวะแห่งความเป็นผู้สร้าง ฉะนั้น


    บุคคลที่ปล่อยให้ อายุหมดสิ้นไป หรือปล่อยให้สังขารร่างกายเสื่อมสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในโลกนี้ หรือประโยชน์ในโลกหน้า หรือปรมัตถประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ตน หรือประโยชน์ผู้อื่น ก็ล้วนแต่เปล่าทั้งสิ้น ความหมดสิ้น หรือความเสื่อมสิ้นแห่งอายุสังขารย่อมสูญไปตามลำดับกาลเวลา อันไม่มีใครจะห้ามได้ อายุสังขารที่ต้องสูญเสียไปเช่นนี้ ชื่อว่าสูญเสียไปโดยถ่ายเดียว ไม่มีสิ่งที่เป็นคุณค่าทดแทนเลย ชีวิตของบุคคลเช่นนี้ต้องนับว่าอยู่เพื่อตายเท่านั้น เป็นคนที่เอาตัวไม่รอด หรือเอาตัวรอดไม่ได้ ครอบครัวใดมีแต่คนประเภทนี้ ครอบครัวนั้นย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ สกุลใดมีแต่คนประเภทนี้ สกุลนั้นต้องสูญสิ้นสกุลวงศ์ หมู่ใดคณะใดมีแต่คนประเภทนี้ หมู่นั้นคณะนั้นต้องสูญสิ้นเช่นกัน ชาติใดประเทศใดมีแต่คนประเภทนี้ ชาตินั้นประเทศนั้นย่อมตั้งอยู่ไม่ได้โดยอิสระเสรี มีแต่จะป่นแหลกล่มจม หรือต้องเป็นขี้ข้าชาติอื่นประเทศอื่น ศาสนาใดมีแต่สาวกประเภทนี้ ศาสนานั้นต้องอันตรธานสูญสิ้นไปในไม่ช้า สมาชิกของครอบครัว ของสกุลวงศ์ ของหมู่คณะ ของประเทศชาติของศาสนา หากล้วนแต่มีลักษณะอยู่เพื่อตาย ผลร้ายที่สุดย่อมบังเกิดเช่นกล่าว โดยไม่ต้องสงสัยแต่ประการใด ชีวประวัติ ของบุคคล ของครอบครัว ของสกุลวงศ์ ของหมู่คณะ และประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ ตลอดถึงศาสนาจะเป็นพยานได้อย่างดีที่สุดในเรื่องที่พูดมานี้



    โดย นัยตรงกันข้าม หากบุคคลไม่ให้อายุหมดสิ้นไป หรือไม่ปล่อยให้สังขารร่างกายเสื่อมสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ มุ่งหน้าบากบั่นพยายามประกอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ จะเป็นประโยชน์ในโลกนี้ หรือประโยชน์ในโลกหน้า หรือประโยชน์อย่างยิ่งก็ตาม หรือมุ่งหน้าบากบั่นพยายามประกอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น หาสิ่งที่ทดแทนความหมดสิ้นแห่งอายุ หรือความเสื่อมสิ้นแห่งสังขาร ไม่ปล่อยให้ตายเปล่าโดยไม่มีสิ่งเป็นคุณค่าทดแทน ชีวิตของบุคคลเช่นนี้ต้องนับว่าตายเพื่ออยู่ เป็นคนที่เอาตัวรอด หรือรอดตัวได้ ครอบครัวใด สกุลใด หมู่ใด คณะใด ประเทศชาติใด ศาสนาใด มีคนประเภทนี้อยู่ แม้ไม่ต้องทั้งหมด แต่มีเป็นส่วนมากเท่านั้น ครอบครัวนั้น สกุลนั้น หมู่คณะนั้น ประเทศชาตินั้น ศาสนานั้น ต่างจะรุ่งเรืองมั่นคง ตำรงเป็นปึกแผ่นอยู่ได้ไม่ล่มจม หากจะมีคนประเภทนี้ทั้งหมด หรือส่วนมากที่สุดแล้ว จะไม่มีวันเสื่อมเลย จะมีแต่ความเจริญโดยส่วนเดียว และยั่งยืนตลอดกาล ชีวิตสิ้นเปลืองไปเท่าใด สิ่งอันเป็นคุณค่าเครื่องทดแทนแห่งชีวิตย่อมพอกพูนขึ้นเท่านั้น เมื่อเป็นดังนี้ กำไรแห่งชีวิตย่อมเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ตายเพื่ออยู่ ล้วนอำนวยประโยชน์ทุกที่ทุกทาง จึงเป็นข้อควรนึก และควรปลูกฝังให้มีอยู่กับตัว



    ความ หมดสิ้นแห่งอายุก็ดี หรือความเสื่อมสิ้นแห่งสังขารก้ดี ย่อมมีอยู่ทุกโมงยามทุกวันทุกเดือน และทุกปี ไม่มีใครสามารถจะยับยั้งได้ ดังกล่าวแล้ว กาลเวลาย่อมกินสรรพสัตว์ให้มอดม้วยไปพร้อมกับกินตัวมันเองด้วย สัตว์โลกจึงชื่อว่าตายไปทุกโมงทุกยาม ทุกวัน ทุกเดือน และทุกปี เป็นเช่นนี้ทั่วเมทนีดล และมิใช่แต่ความหมดสิ้น หรือเสื่อมสิ้นเท่านั้น ที่ท่านเรียกว่าความตาย กิริยาที่หยุดยั้งไม่มีการเคลื่อนไหน หรือคลี่คลายขยายตัว ท่านก็เรียกว่าตายเหมือนกัน เช่นดังนาฬิกาตาย ก็คือนาฬิกาที่ไม่เดิน น้ำตายก็คือน้ำที่ไม่ไหล ฉะนั้นความไม่สืบต่อในสิ่งที่ต้องทำ ในคำที่ต้องพูด ในแนวที่ต้องคิดก็ดี กิริยาที่หยุดอยู่กับที่ ไม่มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับภาวะต่างๆ อันเนื่องกับความเป็นไปในปัจจุบันก็ดี เนื่องกับเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นเฉพาะหน้าก็ดี เนื่องกับกาลสมัยก็ดี เนื่องกับเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นเฉพาะหน้าก็ดี เนื่องกับกาลสมัยก็ดี เนื่องกับผลได้ผลเสียทั้งบัดนี้ และภายหน้าก็ดี เหล่านี้เป็นต้น ล้วนแต่บ่งถึงความตายอยู่ในตัวทั้งสิ้น คือบอกให้รู้ว่าไปไม่รอด เพราะภาวะแห่งความเป็นผู้สร้างได้ถึงความสะดุดหยุดลงสิ้นแล้ว อย่างนี้ก็เป็นเรื่องอยู่เพื่อตายเช่นกัน ชีวิตมีแต่จะสิ้นไปหมดไปถ่ายเดียวเท่านั้น




    ส่วนกิริยาที่ไม่ หยุดยั้ง สืบต่อไปไม่ขาดสายในสิ่งที่ต้องทำ ในคำที่ต้องพูด ในแนวที่ต้องคิด กิริยาที่ไม่ยืนอยู่กับที่ มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับภาวะต่างๆดังกล่าวแล้ว กิริยาที่เป็นไปเช่นนี้ ทำให้สิ่งทั้งหลายมีชีวิตอยู่ได้โดยมีการเคลื่อนไหว หรือคลี่ขยายตัวไม่มีการหยุดยั้ง ถึงชีวิตจะหมดสิ้นไปตามระยะกาลเวลา ก็ยังชื่อว่าตายเพื่ออยู่ ถึงจะตายก็เหมือนยังอยู่ เพราะภาวะแห่งความเป็นผู้สร้างมิได้สะดุดหยุดลงแต่ประการใด



    ความ อยู่กับความตายตามที่พูดมา หมายเอาเฉพาะความเป็นไปในระหว่างแห่งชีวิตของบุคคล ก่อนแต่จะถึงความแตกกายทำลายขันธ์หรือหมดลมปราณ ความตายครั้งสุดท้ายของสัตว์โลกย่อมมีเป็นประจำสำหรับชีวิต บุคคลบางคนในโลก เมื่อแตกกายทำลายขันธ์ไปแล้วก็หมดกัน ไม่ทิ้งอะไรเหลือไว้ให้เป็นสมบัติเพื่อคนในภายหลัง มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อตายในที่สุดเท่านั้น อย่างนี้เข้าในลักษณะว่าอยู่เพื่อตาย อันคติธรรมที่ว่า "เสียเพื่อได้" อันบริสุทธิ์มิเคยบังเกิดขึ้นในวาระจิตของเขาเลย หากจะมีเรื่องได้เสียเกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้งบางคราวในน้ำใจ ก็มักจะเป็นไปในลักษณะ "ได้เพื่อเสีย" เรื่องได้กับเสียเป็นคติธรรมชนิดหนึ่งที่คู่ ตัวหนึ่งอยู่ ตัวหนึ่งตาย เสียเพื่อได้ เสียเป็นตัวตาย ได้เป็นตัวอยู่ ได้เพื่อเสีย เสียไม่ใช่ตัวตาย ได้ไม่ใช่เป็นตัวอยู่ ได้กลับเป็นตัวตาย เสียกลับเป็นตัวอยู่ การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุว่าสิ่งที่ได้มานั้น เล็กกว่า แคบกว่า ต่ำกว่า ส่วนสิ่งที่เสียไป ใหญ่กว่า กว้างกว่า สูงกว่า ขอให้เทียบดูในเรื่องประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ส่วนรวม สิ่งที่ใหญ่กว่า กว้างกว่า ย่อมครอบงำสิ่งที่เล็กกว่าแคบกว่าได้มิดชิด สิ่งที่สูงกว่าย่อมกำบังสิ่งที่ต่ำกว่าการได้ชนิดถูกความเสียเข้าครอบงำ กำบังไว้ย่อมไม่ปรากฏ เท่ากับสูญสิ้นไป ส่วนความเสียย่อมลอยเด่นเป็นที่ปรากฏอยู่ เสียจึงกลายเป็นตัวอยู่ ได้จึงกลับเป็นตัวตายมีลักษณะละม้ายกันกับอยู่เพื่อตาย



    ส่วน บุคคลบางคนไม่เป็นเช่นพูดมา มองเห็นความเกิดความดับว่าเป็นของของคู่กัน เหมือนมีหน้าก็ต้องมีหลัง มีสว่างก็ต้องมีมืด จะเลือกเอาเฉพาะแต่อย่างใดอย่างหนึ่งหาได้ไม่ ในฐานะที่ตนได้เกิดมาเป็นสมาชิกร่วมกลุ่มอยู่ในมนุษยชาติไม่เกิน ๑๐๐ ปี จะต้องถอดทิ้งเรือนร่างถมแผ่นดิน จึงลงทุนก่อสร้างสมบัติเพื่อคนในภายหลัง โดยวิธียกประโยชน์อันเหนือกว่าเป็นหลักยึดกล่าวคือ ยอมสละผลอันเล็กน้อย เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ยอมสละสุขอันเล็กน้อยเพื่อสุขอันไพบูลย์ เขามั่นอยู่ในคติธรรมที่ว่า "พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทรัพย์ และอวัยวะ และชีวิตเพื่อรักษาธรรม" คติโลกที่ว่า "ตัวตายดีกว่าชาติตาย" จึงเป็นคติอันถูกต้องสอดคล้องกับคติธรรมดังกล่าวมา เพราะได้ยึดสิ่งที่เหนือ หรือสูงสุดเป็นหลัก และยอมสละสิ่งที่เล็กน้อยเพื่อสิ่งอันกว้างขวางยิ่งใหญ่ไพบูลย์ บุคคลผู้อุทิศร่างกาย และชีวิตประกอบกิจเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพื่อสิ่งที่เกื้อกูล และเพื่อความสุขแก่มหาชน แม้ร่างกายชีวิตจะต้องย่อยยับแตกดับลงก็ตาม สมบัติที่เขาลงทุนก่อสร้างไว้ยังคงดำรงอยู่ ชื่อเสียงเกียรติคุณยังลอยเด่นอยู่ไม่ดับ บุคคลเห็นปานนี้แลชื่อว่า"ตายเพื่ออยู่" โดยแท้



    จากข้อความตามที่พูดพอเป็นแนวคิดสะกิดใจโดยย่อเพียงเท่านี้ พอจะยุติได้ว่า "อยู่เพื่อตาย" ไม่ดี "ตายเพื่ออยู่" ดีกว่า ดีทั้งแก่ตัว แก่ครอบครัว แก่สกุลวงศ์ แก่หมู่คณะ แก่ประเทศชาติ แก่ศาสนา



    เพราะฉะนั้น จึงควรตั้งเป็นสูตรว่า "อยู่เพื่อตาย ได้เพื่อเสีย เป็นทางล่มจมป่นแหลก และย่อยยับอัปปาง เสียเพื่อได้ ตายเพื่ออยู่ เป็นทางรุ่งเรืองเฟื่องฟูวัฒนาสถาพร" บุคคลในโลกนี้จะเป็นประเภทอยู่เพื่อตาย หรือตายเพื่ออยู่ก็ตาม ในที่สุดก็แตกกายทำลายขันธ์เหมือนกันทั้งหมด แต่ความอยู่เพื่อตายกับความตายเพื่ออยู่หาเหมือนกันไม่ เป็นข้ออันวิญญูชนทั้งหลายควรไตร่ตรองพิจารณา


    (จากหนังสือ " บูชา " ในขัอธรรมเทศนาเรื่อง " ตายเพื่ออยู่หรืออยู่เพื่อตาย " โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโร ป.ธ. ๙) วัดสามพระยา)

    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UIAcd8R_ZSIXU_YxMxgtIjAc3LqAj0DFr-WQ6kZnSAow.jpg 12523201_10153908805699329_7796109620508669499_n.jpg 12705457_10153976689319329_5675488131501056885_n.jpg 12742125_10153976643279329_9159203842693177663_n.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2018
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC05911.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC05911.jpg" border="0" alt=" photo DSC05911.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC05725.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC05725.jpg" border="0" alt=" photo DSC05725.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC05723.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC05723.jpg" border="0" alt=" photo DSC05723.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2015
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/7327.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/7327.jpg" border="0" alt=" photo 7327.jpg"/></a>

    สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 4



    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/7341.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/7341.jpg" border="0" alt=" photo 7341.jpg"/></a>

    สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 4 และ รุ่น 5
     
  6. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***กราบ หลวงพ่อ ฤาษีวัดท่าซุง ครับ
    สวัสดีครับ ท่าน วัน และ ศิษย์ หลวงพ่อ ทุกๆท่าน เฮงๆรวยๆ***
     
  7. mikoto

    mikoto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +1,135
    อาวรรณครับ หลวงพ่อเคยบอกวิธีรักษาไมเกรนไหมครับ
     
  8. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475
     
  9. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475

    น่ามีแบบจำหน่ายเป็นเพชรป่าวเป็นองค์ๆไปด้วยครับ เราจะได้เอาไปทำแหวนแบบที่เราชอบถูกใจได้เอง เลือกเนื้อได้จะเอาทองคำเงินนาคแล้วแต่กำลังทรัพย์เราเอง
     
  10. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475

    ถามอากู๋กูเกิ้ลดูก้อได้ครับ
    :boo:
     
  11. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,607
    อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ วันนี้ได้เจริญพระกรรมฐาน และได้ถวายสังฆทาน(หลังออกจากสมาบัติ) กับตุ๊พ่อมหาสิงห์ แห่งวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ด้วยครับ และเมื่อวานได้จัดพานครูอันมีดอกไม้3สี ธูป3ดอก เทียนหนักหนึ่งบาท1เล่มและเงินบูชาครู1ใบแดง ไปถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่านด้วยครับ อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ สาธุๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    เป็นไมเกรนควรทานยาสมุนไพรของวัดดูครับ "ยาบำรุงประสาท" หรือชื่อป้จจุบัน“ยาถ่ายแก้วกาญจน์” ยาตัวนี้รักษาไมเกรนได้ครับ
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/S__3752060.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/S__3752060.jpg" border="0" alt=" photo S__3752060.jpg"/></a>
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/spec20.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/spec20.jpg" border="0" alt=" photo spec20.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/spec13-1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/spec13-1.jpg" border="0" alt=" photo spec13-1.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/spec19.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/spec19.jpg" border="0" alt=" photo spec19.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2015
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/14-2.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/14-2.jpg" border="0" alt=" photo 14-2.jpg"/></a>
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/3-6.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/3-6.jpg" border="0" alt="big photo 3-6.jpg"/></a>
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0009.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0009.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0009.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0018.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0018.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0018.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0017.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0017.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0017.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0013_2.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0013_2.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0013_2.jpg"/></a>

    เหรียญรูปไข่สมเด็จองค์ปฐม - หลวงพ่อ แจกผู้ทำบุญทำสังฆทานประมาณ 10 กว่าปีก่อน จำปีพ.ศ.ไม่ได้แน่ชัดครับ
     
  20. This old man

    This old man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +138
    ขออนุญาติ Copy ภาพนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...