ทุกข์ใจที่สุดในชีวิต สามีบอกเลิกเพราะดิฉันขอไปฝึกมโนมยิทธิ ดิฉันควรจะทำยังไงดี

รู้สึกอิ่มใจ..ยังไงไม่รุ๊..ที่เห็นคนดีๆในนี้..ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก..จงเจริญๆทุกๆท่าน....

ในความเห็นผมนะผมจะแบ่งรับแบ่งสู้..แล..ใช้สติปัญญาในการแก้ไข..ไม่จำเป็นต้องยึดตามหลักการมาก..แม้นจะต้องใช้อุบาย(ที่ดี)ในการได้มาซึ่งผลที่เราต้องการ..พระพุทธเจ้าทำให้พระสาวกบรรลุอรหันต์ด้วยอุบาย..และคำสอนที่ต่างกัน..ได้ฉันได..ขอให้ท่าน..เจริญรอยตามพระองค์เถิด..เช่น พราหมณ์ โมฆราช ท่านเป็นศิษย์หนึ่งใน ๑๖ คน ของ พราหมณ์พาวรี วันหนึ่งอาจารย์ตั้งคำถามขึ้นมา ให้ศิษย์ทั้ง ๑๖ คนไปถามพระพุทธเจ้า ท่านโมฆราชจะเป็นผู้ถามปัญหาคนที่ ๒ แต่ถือตัวว่าตนเป็นคนมีปัญญาดีกว่า พระพุทธเจ้าจึงตรัสห้ามไว้ก่อนเพราะรู้ว่ายังมีมานะอยู่ ต่อเมื่อถามปัญหาเป็นลำดับถึงคนที่ ๘ แล้ว ท่านโมฆราชปรารภจะทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๙ อีก พระบรมศาสดาก็ทรงห้ามไว้ดุจนัยหนหลัง รอให้ถามปัญหาถึง ๑๔ คนแล้วจึงทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ว่า

" ข้าพระพุทธเจ้าจะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราช ( ความตาย ) จึงไม่แลเห็นคือจักไม่ตามทัน พระพุทธเจ้าข้า ?"
สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า
" ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าเป็นตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจะข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มัจจุราชจึงจะไม่แลเห็น ฯ "
ในที่สุดแห่การแก้ปัญหาข้อนี้ ท่านโมฆราชได้บรรลุพระอรหัตผล มาณพทั้ง ๑๖ คนกับทั้งบริวาร จึงได้ทูลขออุปสมบท ต่อมาพระโมฆราชได้รับยกย่องจากพระศาสดา ว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง​

 

***การปฏิบัติธรรม**** มีมากมายหลากหลายวิธี หลายอาจารย์ แต่สุดท้ายจะจบลงที่จิตใจตนเอง เพราะหลักของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้านำมา มี ๓ ประการ คือ ๑.ไม่ใช่วัตถุ พิธีการ ๒.ไม่ใช้ความเห็น (ใช้ความจริง สัจจะรรม) ๓.ปฏิบัติด้านจิตใจ ดังนั้น สถานที่ จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ พิธีการก็เช่นเดียวกัน ความสำคัญจึงอยู่ที่ "ใจตนเอง" ว่าจะตั้งใจทำสิ่งที่ดีอะไรบ้าง ให้กับตนเอง ในแต่ละวัน ซึ่งก็คือ "สัจจะ" สัญญากับใจตนเอง เมื่อเกิดการกระทำขึ้นมา สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน คือ "ตัวกระทำ" เป็นเหมือนถ่ายรูป ถ่ายภาพยนต์ไว้ และเก็บในกระเป๋าใบหนึ่งของตนเองที่เราจะต้องแบกติดตัวไปตลอดชั่วกัปล์ชั่วกัล และผลของตัวกระทำนี้ก็จะต้องตอบแทนตัวเราในอนาคต สิ่งนี้ก็คือ "หลักสัจจะธรรม" ที่พระพุทธเจ้าค้นคว้าจนพบ และนำมาสอนถ่ายทอดให้กับสาวกที่เชื่อและศรัทธา จึงสรุปเป็นหลักสัจจะธรรมสั้นๆ ว่า "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน" จึงเป็นคำตอบของกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว พระองค์ท่านจึงมุ่งสอนให้ทุกคนเกิด "การกระทำใหม่" หมายถึง การกระทำที่เกิดจากการตั้งใจหยุดนิสัยที่ไม่ดีของตนเอง โดยตั้งใจทำให้ได้จริงในช่วงเวลากำหนดที่ชัดเจน เพราะจะเกิด "ตัวกระทำ" ขึ้นมา ซึ่งจะเกิดผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอนในอนาคต ทั้งหมดนี้พระไตรปิฏกได้ "ย่อการปฏิบัติ" จนเหลือเพียง "สัจจะ" ซึ่งคือพื้นฐานของการปฏิบัติทั้งมวล ทุกศาสนา เพราะหัวข้อธรรม การให้ทำดี ละเว้นชั่วมีอย่างมากมาย แต่ถ้าไม่มี "สัจจะ" ก็จะไม่สำเร็จ หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตนเองไม่ได้ การปฏิบัติธรรมด้วย "สัจจะ" ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่อยู่คู่กับโลกมานานแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันเวลาผ่านไปนานมาก แก่นสารสำคัญนี้ จึงถูกบดบังด้วยความเชื่อ ความเห็นต่างๆ มากมาย ให้สังเกตุว่าพระที่ปฏิบัติได้จนบรรลุอรหันต์จะทราบเรื่องนี้ดี แต่ด้วยเป็นสิ่งที่ขัดกับคำสั่งสอนในตำราปัจจุบันอย่างมาก จึงไม่สามารถนำมาถ่ายทอดสอนใครได้ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่สงฆ์ และประชาชนที่ศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ที่ข้าพระพุทธเจ้านำมาบอกเพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่ "หลักสัจจะธรรม" จะถูกเปิดเผยต่อชาวโลก และเห็นว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สถานการณ์บ้านเมืองวิกฤติที่สุด และภัยพิบัติกึ่งพุทธกาลก็กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป หาก "หลักสัจจะธรรม" ถูกเปิดเผยโดยพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในโลก จะทำให้ "สัจจะ" ที่เป็นทางตรงในการปฏิบัติของการหลุดพ้น สามารถเข้าถึงจิตใจของคนไทยและชาวพุทธทั่วโลกได้ทันการณ์ ก่อนที่ "กรรม"ในใหญ่หลวงกำลังปรากฏขึ้นในอนาคต หากภารกิจที่ข้าพระพุทธเจ้ากำลังดำเนินการสามารถทำสำเร็จ จะทำให้ประเทศไทยเกิดปฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ ชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์จะรอดพ้นภัยจาก "กรรม" ที่กระทำร่วมกันมาในอดีต อีกทั้งยังเป็นการบูรณะต่อเติมส่วนที่ขาดหายไปในพุทธศาสนาให้สมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศรับรู้รับแจ้งในการกระทำครั้งนี้ของข้าพระพุทธเจ้าแล้ว เพียงแต่รอเวลาการตัดสินพระทัยของพระเจ้าแผ่นดิน ความสบายพระทัยจะเกิดขึ้นทันที ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า "หนุมาน ผู้นำสาร"

 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Peaceful นะคะ..ขอให้ผ่านอุปสรรคทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี......ในเวลาที่เหมาะสม..ธรรมะจะมอบทางออกที่ดีให้เสมอค่ะ(verygood)

 

รูปังอนัตตา

สวัสดีครับที่เขาว่าจะเลิกกับคุณเพราะเขาว่ามโนมยิทธิเป็นการปฏิบัตินอกรีตนอกรอยนั้น ผมขอประกันด้วยหัวว่าคำกล่าวที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก ไอ้มโนมายิทธินี่เป็นหลักสูตรเพื่อเข้าสู่อภิญญาตามหลักการปฏิบัติแนวฉฬภิญโญ สามีคุณบอกว่าคุณจะโดนหลอกผมว่าเขานั่นแหละกำลังจะเป็นเหล่ากอของเทวทัติ พระพุทธเจ้าทรงวางแนวทางการปฏิบัติไว้สี่แนว แนวแรกคือแบบสุขวิปัสสโก แนวนี้ไม่มีความเป็นทิพย์ มีแต่ฌานก็สามารถเป็นพระอริยะสี่ระดับได้เช่นกัน คนทั่วไปก็คิดว่ามีแต่แนวนี้แนวเดียว เลยลืมไปอ่านพระไตรปิฏก อ่านพระสูตร นอกจากแบบสุกขวิปัสสโก ก็ยังมีแบบเตวิชโช แนวนี้มีความเป็นทิพย์ เห็นผีเทวดา มีหูทิพย์ตาทิพย์แต่ไม่มีฤทธิ์ ต่อไปก็คือแนว ฉฬภิญโญมีฤทธิ์ฟังเสียงในที่ไกลได้ที่ใกล้ รู้ภาษาสัตว์ รู้อนาคตล่วงหน้าของคนและสัตว์ รู้เหตุการณ์ในปัจจุบัน รู้เหตุการณ์ในอดีตไม่จำกัดภพชาติ รู้จิตใจมนุษย์ เหาะเหินเดินอากาศได้ เสกนั่นเสกนี่ได้ คิดถึงใครก็สามารถหอบเอาคนคนนี้นมาหาได้ในพริบตา
แปลงกายได้ เดินบนน้ำได้ ทำได้ทุกอย่าง ต่อมาก็แนวปฏิสัมภิทัปปัตโต แนวนี้ก็คล้ายกับแนวฉฬภิญโญ แต่จะมีความรู้มากกว่า คุณจงจำคำผมไว้พระพุทธองค์สอนให้มีฤทธิ์เพื่อคนขยันเท่านั้นเพื่อปฏิบัติเพื่อเปลื้องความสงสัยลังเลในพระรัตนตรัยเท่านี้น ท่านมิได้สอนให้เอาไว้อวดโอ้ อวดตนเป็นผู้วิเศษ เพื่ออนุเคราะห์ตามกำลังไม่เกินกฏแห่งกรรม คุณมาถูกทางแล้วไม่ผิดหรอก ทางไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น อย่างแรก แนวสุกขวิปัสสโก หรือ แนว เตวิชโช แนวฉฬภิญโญ แนวปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็ได้ ผมไม่ได้ยุยงให้คุณเลิกกัน แต่ถ้าเขาจะเลิกเพระเรื่องนี้ก็ลองอธิบายหาพระสูตรมาท่องให้เขาฟังแทรกวันละนิดวันละหน่อย ถ้าไม่สำเร็จคุณก็เลือกเอาระหว่างความรักจอมปลอมความสกปรกของร่างกาย ของผู้ชาย ของคน กับธรรมมะที่จะช่วยคุณให้รอดจาด ทุคติภูมิได้ คุณน่าจะมีสมองมากกว่านี้ แต่อย่าไปด่าว่าสามีคุณนะ ต่างคนต่างรู้ มโนมยิทธิสอนไว้ให้เปลื้องความสงสัยในพระรัตนตรัยครับ ไม่ใช่มีไว้หลอกใคร หลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่หลอกใครหรอกครับ คุณลองคิดดูถ้าท่านได้เงินทำบุญเป็นล้าน ๆ ทำไมไม่เอาไปแอบบำเรอตัวเอง แต่กลับมาสร้างวัดสร้างวิหารทานชวน ลูกศิษย์มาทำบุญ คุณลองคิดดู พระแก่ ๆ คนนึงอายุก็70กว่าแล้ว จะมาโกหกทำไม แล้วทำไมละสังขารแล้วร่างท่านทำไมไม่เน่า อาจมีคนบอกว่า แอบฉีดยา ให้ฉีดยาก็เหอะกี่ปีแล้วศพไม่น่าจะอยู่ได้ จริง ไหม แสดงว่าท่านเป็นพระสามีจิปัฏฏิปันโน จริง ถ้าจะสงสัยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับธรรมโทรมาที่ 0895644484 ผมไม่ใช่ผู้รู้ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ผมเป็นคนที่ปฏิบัติตามสติกำลัง ตามแนวทางพระพุทธเจ้า เอาคำสอนท่านมาบอกท่านให้หายเครียด เท่านั้น ช่วยได้ก็ช่วยกันไป ถ้าผมจำไม่ผิดสวนโมกข์นี่เขาสอนเรื่องนรกสวรรค์ไม่มีจริง นิ แสดงว่าเขาบิดเบือนคำสอนของพระจอมไตรด้วย แนวหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่จวน หลวงปู่ฝั้น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตนี่ล้วนแล้วแต่ทางอรหันตวิถีทั้งนั้น

 

สามีดิฉันก็เหมือนกับของคุณนะค่ะ เพียงแต่เขาไม่ช่ายคนไทยเท่านั้น
ตอนนั้นที่ดิฉันฝึกอ่ะ เขาพูดเลยว่าจะฝึกไปทำไม จะรู้จะเห็นเอาไปทำไม
ไม่พูดป่าว พูดไปน้ำตานองหน้าไป....ดิฉันเองก็พูดไม่ออก
ตอนหลังไปฝึกที่วัดท่าซุง กับบ้านซอยสายลม ...กลับมาเราก็เฉยสะ
ตอนหลังไม่ได้ฝึกมากเท่าไร .....คิดถึงครอบครัวสะมากกว่า
เช้ามาก็นั่งคิดว่ามันเป็นทุกข์สะ ร่างกายเป็นสิ่งสกปรก
จากนั้นขอบารมีท่านนำพาจิตเราไปวิมานสมเด็จองค์ปฐมท่าน
แค่นั้น......ก่อนนอก็ทำแค่เนี่ย เพราะเวลาคนมันจะตาย ไม่มีเวลา
มาเข้ามโนมได้ทันหรอก เราก็รักครอบครัวนะ.....เขาไม่ชอบเราก็ต้องนั้น
กะเขา.....ชีวิตครอบครัว อย่ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้เลย
พอฝึกมาเห็นไร ได้ยินไร ...เราก็เฉยสะ ไม่ช่ายโกหก แต่ถ้าเขา
ไม่นั้น เราก็ไม่สมควรไปพูดมากกว่า ดีไม่ดีจะกลายเป็นปรามาสหลวงพ่อ
ไปสะ

 

สมาธิ ทำได้ทุกที่ทุกสถานนะครับ แค่เราฝึกสติให้รู้ทันตามสิ่งที่กระทำ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่จำเป็นต้องไปวัดโน่น นี่ หรอกครับ เรื่องทะเลาะก็คงจะเบาบางลงนะครับ

 

สมาธิ มีหลายแบบ ถ้าการฝึกมโนทำให้ครอบครัวมีปัญหาจริงๆ ก็มีหลายวิธีนะครับ ลองใคร่ครวญให้ดีว่ามีแบบไหนบ้างที่เราชอบและถนัด ครับ เพื่อความสุขทั้งสองฝ่ายนะครับ

 

ผมรุ้จักและใช้ อาณาปาณสติ ตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็สำเร็จได้ด้วยอาณาปาณสตินี้ ไม่ทำให้เกิดนิมิตร้าย และเป็นการฝึกลมปราณไปในตัว
ตื่นเช้า รู้สึกเมื่อยๆ พอมานั่งกำหนดตามรู้ลมหายใจ ก็จะรู้สึกหายเพลียหายเหนื่อยได้ชัดเจน มีช่วงนี้ก็สนใจทางด้านมโนยิทธิ ก็อยากจะทำดู ซึ่งของเดิมวิธีเดิมก็ไม่ได้ทิ้ง มันเกื้อหนุนกัน ทำไปเถอะครับ อะไรที่มันดีและไม่ทำให้คนเดือดร้อน โมทนาครับ ที่ท่านมีจิตน้อมหากุศลอันเป้นทางพ้นโลก

 

ครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและ ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ก็ขอให้คุณอดทน
อดกลั้นและ...ปล่อยวาง อย่าคิดมาก....ยังงัยครอบครัวก็มีความสำคัญมาก
เรื่องการฝึกมโนมยิทธิก็รอเวลาซักพัหนึ่งก่อน และเราสามารถฝึกใจของเราได้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...เป็นกำลังใจให้นะคะ ....

 

อดทน และให้กำลังใจนะคะ

 

" ตนพึ่งตน " พยายามปรับปรุงตนเอง สังเกตว่าเรามีนิสัยไม่ดีอะไรบ้าง โดยเฉพาะที่เขาไม่ชอบ ไม่พอใจ เมื่อรู้แล้ว ให้ตั้งใจ "ไม่ทำสิ่งนั้น" กำหนดกับตัวเองว่า จะทำให้ได้จริงว่าจะทำถึงเมื่อไหร่ เมื่อทำได้จริง รับรองว่านิสัยเราจะเปลี่ยนไปเอง การกระทำของเราจะเปลี่ยนไปอย่างอัตโนมัติ แล้วสิ่งที่ดีจะเริ่มเข้ามาในชีวิตแทนอย่างปาฏิหาริย์

 

เพื่อนๆ สมาชิกคนอื่นๆ แนะนำไว้ดีแล้วคะ
อย่างน้อยพี่ peaceful มาที่นี้ก็มีคนเข้าใจและคอยให้กำลังในน่ะคะ
ขอให้อดทนและสู้ต่อไปคะ

^.^

 

ตามใจเขาไปก่อนละกันครับ ผมประสบการณ์ยังน้อยนะ ก็เปรียบเหมือนกับ ข้าว เรากินที่ไหนก็ได้ อิ่มเหมือนกัน ดังนั้น ฝึกที่ไหนก็ตามขอเพียงไม่ลดละ ความเพียรพยายามก็ต้องสำเร็จเข้าสักวันเหมือนกัน / อนุโมทนาในความดีนะครับ เอาใจช่วย

 

ต้องการอะไรจากการฝึกล่ะจ๊ะ

 

ตอนนี้ทั้งคู่ HAPPY กันดีแล้วครับ


กำลังจะย้ายบ้านมาอยุ่เชียงใหม่ ดาวน์บ้านไว้แล้ว

ผมกำลังจะได้เพื่อนบ้านใหม่เพิ่ม



***********พอมีความสุข เขาก็เลยไม่ได้มาโพสบอกทุกท่าน 555

ชื่นใจแทนเขานะครับ ที่หลายคนในที่นี้ ยังมีมิตรที่ห่วงใย

(f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)

 

ดีใจด้วยครับที่มีความสุข ชีวิตก็แบบนี้หละครับ

อนุโมทนาทุกท่านนะครับ