ทำอย่างไรจึงจะรักษาศีล ๕ ตลอดชีวิตได้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 13 มิถุนายน 2010.

  1. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,620
    ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
    ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด
    ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
     
  2. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294



    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  3. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    แล้วศิลห้ารักษาอย่างไร

    ขออนุญาติครับ
    ผมพบเจอคนเป็นจำนวนมากที่บอกว่าตนรักษาศิล 5
    แต่พอผมถามว่าท่านปฏิบัติธรรม ภาวนาหรือไม่
    กลับพากันตอบว่าไม่ได้ภาวนา
    ผมก็ให้สงสัยถ้าท่านไม่ปฏิบัติธรรม ภาวนา แล้วท่านจะเอาสติที่ใหนมารักษาศิล
    ถ้าสติยังตามจิตไม่ทันแล้วจะรักษาได้อย่างไร
    มันจะไม่เหมือนผู้ร้ายที่ทำผิดกฏหมายบ้านเมืองอยู่เรื่อยๆ
    ตราบใดที่ตนเองยังไม่รู้ตัวว่าทำผิด หรือ ตราบใดที่ตำรวจยังจับไม่ได้ หรือ ตราบใดที่ ศาลยังไม่ตัดสินความผิด
    ผู้ร้ายนั้นก็ยังเป็นผู้บริสุทธิอยู่หรือ?
    กฏแห่งกรรมก็ทำหน้าที่ของมันไป แล้วที่ ตนเองไม่รู้ คนอื่นไม่รู้ แล้วมันผิดใหม?
    จิต กับ สติ ที่ยังไม่ผ่านเข้าไปในสมาธิ แล้ว จะ "รู้ถูก รู้ผิด รู้ดี รู้ชั่ว"ได้อย่างไร?
    แล้ว จิตที่ยังไม่เปิด จิตที่ยังไม่เห็นจิต จิตที่ยังไม่รู้ตัวทั่วพร้อมทั้งในและนอกเวลานั่งสมาธิ เราจะเรียกว่า การรักษาศิลที่สมบุูรณ์ได้อย่างไร?
    หรือจะพอกล้อมแกล้มว่า รักษาศิลขั้นหยาบ ไปก่อน
    แล้วคนที่ไม่รู้ตัว จะบอกเขาว่าอย่างไร
    หรือจะอนุมาณได้ว่า
    รู้แค่ใหน เข้าใจ แค่นั้น
    พอเขาปฏิบัติไป พัฒนาไป เขาก็จะเข้าใจได้มากขึ้น?
    หรือถ้าไม่มาปฏิบัติก็ปล่อยให้เขารู้อยู่แค่นั้น เข้าใจอยู่แค่นั้น?
    เขามีสิทธิ์เขาสมควรรู้มากกว่านั้นหรือไม่?
    ใช่หน้าที่ของผู้รู้ก่อน เห็นก่อน สมควร บอกกล่าวเขาหรือไม่?
    หรือจะรอ จะปล่อยให้เขา รู้เอง เห็นเอง?
    ปล่อยให้เขาเข้าใจว่า ศิล 5 ที่เขาเพียรรักษานั้น ครบถ้วน สมบูรณ์ดีแล้ว?
    แล้วกฏแห่งกรรมจะว่าอย่างไร?
    ขอฝากให้เหล่าสมาชิกทั้งหลายช่วยกันคิดเพือจะเป็นประโยชน์ต่อสวนรวมบ้าง
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้ตั้งอกตั้งใจรักษาศิลทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
    เขียนจบแล้วผมก็อดเปรียบเทียบอดระลึกถึง การใช้รถ ใช้ถนน การจราจร ในบ้านเมืองเราไม่ได้ ว่าช่างเหมือนกันซะจริงๆ
     
  4. ธนานันต์

    ธนานันต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +95
    เมตตา.....สงสาร......เราก็ไม่ฆ่า
    เมตตา.....เขา......ไม่ทำให้เขาเดือดร้อนใจ....เราก็ไม่โกหก
    เมตตา.....ไม่ทำครอบครัวเขาร้าวฉาน......เราก็ไม่ประพฤติผิดในกาม
    เมตตา......ไม่ให้เขาเสียทรัพย์......เราก็ไม่ลักขโมย
    เมตตา......ไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน..เมตตาไม่บั่นทอนสุภาพขันธ์ตน...เราก็ไม่ดื่มสุรา
     
  5. rattanaphan

    rattanaphan คุณเข้ม สหายแห่งธนนม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +386
    คนที่รู้ธรรมหลายคนใช่ว่าจะรักษาศีล ยิ่งคนไม่สนใจธรรมยิ่งไม่ต้องไปหวังอะไร
    คนจะรักษาศีล 5 ได้
    1.ต้องรู้ว่าเขาจะรักษาไปเพื่ออะไร
    2. รักษาแล้วได้อะไร
    3. เชื่อในนรกและสวรรค์มีจริง
    เท่านี้แหละหากใครทำให้ผู้อื่นรักษาศีล 5 ได้ ก็บุญธรรมทานยิ่งใหญ่นักแล ทานใดๆ ก็อย่ามาเทียบ
     
  6. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับ :cool::cool::cool:

    “สีเลนะสุคะติง ยันติ บุคคลจะไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล สาธุ
    สีเลนะโภคะ สัมปะทา บุคคลจะมีโภคะได้ก็เพราะศีล สาธุ
    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ บุคคลจะบรรลุพระนิพพานได้ก็เพราะศีล” สาธุ
     
  7. vanil

    vanil Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    อนุโมทนาสาธุค่ะ กำลังพยายามจะรักษาศีลให้ได้ เพราะตอนนี้มักไม่ค่อยได้ในเรื่องการพูด บางทีพูดมากเหมือนเพ้อเจ้อค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1-19.jpg
      1-19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.5 KB
      เปิดดู:
      39
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,500
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    <table width="100%" align="left" border="0"><tbody><tr><td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
    </td></tr> <tr><td>
    </td><td align="right">
    </td></tr></tbody></table>
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,500
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    <table width="100%" align="left" border="0"><tbody><tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]สมาธิคืออะไร?
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]สมาธิมีกี่ประเภท?
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ประเภทของสมาธิ
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]มิจฉาสมาธิ
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]สมาธิจำแนกตามฐานที่ตั้งของใจ
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ฐานของใจ
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]การฝีกสมาธิเบื้องต้น </td></tr></tbody></table>
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,500
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    <table width="100%" align="left" border="0"><tbody><tr><td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ข่าวการค้นพบร่องรอยของพระพุทธศาสนาในอัฟกานิสถาน[​IMG]
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]ฝันเห็นหลวงปู่ฯ[​IMG]
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]การดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมหรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่น่าที่จะผิดศีลข้อ ๕ ใช่หรือไม่-หลวงพ่อตอบปัญหา[​IMG]
    </td></tr> <tr> <td valign="top" width="5%" align="center">[​IMG]</td><td valign="top" align="left">[​IMG]สัมผัสที่ 6[​IMG] </td></tr></tbody></table>
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,500
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    การที่จะรักษาศีล 5 ได้มันก็ต้องรู้คุณของศีล 5 ว่าดีอย่างไรอย่างแท้จริง เพราะคนเรามักเลือกสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดให้กับตัวเองแม้แต่โจรจะโขมยของยังเลือกเอาของที่ตนคิดว่าดีที่สุดเลย แต่ในความจริงแล้วอาจไม่ใช่ของแพงที่สุดก็ได้ คนเราก็เหมือนกันพอไม่รู้ว่าอะไรดีแล้วก็ทำดีบ้างชั่วบ้างไปเรื่อยจนกว่าจะแน่ใจว่าอะไรดีกับตัวนั่นแหละครับ ศีลนี่มองกันถึงประโยชน์ปัจจุบันก็ทำให้ใจสงบได้บ้างเพราะเป็นหลักยึดถือให้ใจมีระเบียบมีหลักปฏิบัติไม่ต้องคิดมาก และศีลนี้ยังเป็นบานรองรับสำหรับการภาวนาและการเกิดของปัญญา ในอานาปานสติขั้น 1-4 จะมองเป็นศีลไปก้ได้คือเป็นฐานของสมาธิและปัญญา ถ้ามองกันถึงประโยชน์ต่อไปก็จะทำให้เรามีอายุยืน ไม่ต้องผิดหวังในความรัก ทรัพย์สินไม่เสียหายทำลายไป มีสติสมบูรณ์ และมองกันต่อถึงภพหลังความตายศีลนี้ยังกำจัดกิเลศอย่างหยาบที่ทำให้ลงอบายภูมิคือปิด นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไปเกิดเป็น คนไม่ก็เทวดา และหากมีชาติใดที่พลาดพลั้งตกอบายภูมิก็ยังเกิดเป็นมนุษย์ได้ เพราะการเป็นมนุษย์ยากแท้ต้องเคยรักษาศีล 5 กุศลกรรมบท 10 มาก่อน ศีลยังเป็นเครื่องรักษาใจให้มีปกติเวลาเผชิญทุกข์จะเบาลงได้
     
  13. เศรษฐาพล

    เศรษฐาพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    498
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,535
    สุดยอดครับ ขอบคุณมาก ครับ
     
  14. liliwan

    liliwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอบคุณค่ะ
    เป็นบทความที่ดีมาก ๆ
     
  15. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ว่า “ให้รักษาใจตัวเดียว” ดังในสมัยพุทธกาล ภิกษุรูปหนึ่งในจำนวน ๕๐๐ รูปผู้บวชใหม่ เมื่อบวชแล้วได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเพื่อขอลาสิกขา โดยกล่าวว่า ศีลของภิกษุมากเหลือเกิน ปฏิบัติไม่ไหว จึงขอลาสิกขา พระพุทธองค์จึงให้ภิกษุรูปนั้นรักษาศีลเพียงข้อเดียว คือให้รักษาใจ พระภิกษุรูปนั้นจึงรับถือศีลข้อเดียวจนได้สำเร็จอริยบุคคล

    สาธุ สาธุ สาธุ

    คำว่า "อกเขา อกเรา" เป็นจุดรวมของศีลห้า ที่มาให้ใจข้าพเจ้ารักษาครับผม
     
  16. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ขอออกความคิดเห็นค่ะ เราว่ามันเป็นเรื่องของกิเลส..ค่ะ ส่วนใหญ่ดูแล้วเกิดกิเลสรึเปล่า ถ้าเกิดก็เป็นบาปทั้งนั้น แต่ถ้าดูแล้วมีความคิดสร้างสรรค์ ก็ดีไป.. ส่วนการเล่นหวยคิดว่ามันคล้ายๆกับการพนันนะ (แต่อาจจะเบากว่า) มีการเก็งว่าจะออกเลขนั้นเลขนี้ มีเงินเป็นเดิมพัน ติด รึ เปล่า
     
  17. finalpay

    finalpay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +272
    ศีล 5 จะมีตลอดชีวิต ตายแล้วเกิดก็ยังมีอยู่ นั้น คือ พระโสดาบันขึ้นไป

    จะเป็นพระโสดาบันได้ต้องเจริญวิปัสนากรรมฐานจนถึง

    ญาณที่ 14 มัคคญาณ มัคคญาณนี้เป็นโลกุตตรญาณ จะทำหน้าที่ประหารกิเลสระดับอนุสัยกิเลส ทำหน้าที่รู้ทุกข์ ละเหตุแห่งทุกข์ แจ้งนิโรธความดับทุกข์ เจริญตนเองเต็มที่ คือองค์มรรค 8 มีการประชุมพร้อมกัน ทำหน้าที่ละอนุสัยกิเลสแล้วก็ดับลง มีนิพพานเป็นอารมณ์

    การเจริญสติปัฏฐาน ๔

    การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็คือ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง อารมณ์ของวิปัสสนากรรมฐาน ได้แก่ วิปัสสนาภูมิทั้ง ๖ คือ

    ๑. ขันธ์ ๕
    ๒. อายตนะ ๑๒
    ๓. ธาตุ ๑๘
    ๔. อินทรีย์ ๒๒
    ๕. อริยสัจจ์ ๔
    ๖. ปฏิจจสมุปบาท ๑๒

    ย่อให้สั้น ได้แก่รูปกับนาม รูปกับนามนี้เกิดที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และกิเลสก็เกิดที่ตรงนี้ เช่น เวลาตาเห็นรูป รูปนามเกิดแล้ว สีเป็นรูป เห็นเป็นนาม ถ้าเห็นรูปดีใจชอบ เป็นโลภะ เห็นรูปไม่ดี ไม่ชอบใจ เป็นโทสะ เห็นแล้วเฉยๆ ไม่มีสติกำหนดรู้ เป็นโมหะ

    ทางหูก็เหมือนกัน เช่น เสียง เป็น รูป หู (หมายเอาโสตประสาท) เป็นรูป ได้ยินเป็นนามได้ยินเสี<WBR>ยงเพราะชอบใจเป็นโลภะ ได้ยินเสียงไม่เพราะ ไม่ชอบใจ เป็นโทสะ ได้ยินเสียงแล้วใจเฉยๆ และไม่มีสติกำหนดรู้ เป็นโมหะ

    ทางจมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นรูปนาม และเป็นเหตุ ให้ โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นในทำนองเดียวกันนี้

    ตามธรรมดาของชาวโลกทั่วๆ ไป แล้ว เวลาจะดับไฟต้องเอาน้ำไปสาดหรื<WBR>อเทลงตรงไฟที่ไหม้นั้น จึงดับได้ เช่น ไฟกำลังไหม้บ้าน ต้องเอาน้ำไปเทรดที่บ้านนั้น ไฟจึงจะดับได้ ฉันใด ผู้ที่จะดับกิเลส ก็ฉันนั้น กิเลสเกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ให้ดับตรงที่ ตา หู เป็นต้นนั้น เช่นกัน

    วิธีที่จะดับได้นั้น ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ

    ๑. อาตาปี มีความเพียรเผากิเลสให้ร้อนทั่ว ได้แก่ หมั่นขยันทำกรรมฐานมิให้ขาด
    ๒. สติมา มีสติกำหนดรูปนามเสมอ
    ๓. สมฺปชาโน มีสัมปชัญญะ คือ รู้รูปนามอยู่ทุกๆ ขณะ เมื่อปฏิบัติถูกต้องตามองค์เช่<WBR>นนี้ ติดต่อกันไป ภายใน ๗ วัน ๑๕ วัน ๑ เดือน หรือ ๒ เดือน เป็นต้น จึงจะสามารถละกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ได้

    ภาคปฏิบัตินั้นตามสติปัฏฐาน ๔ นั้น ทำดังนี้ คือ

    ๑. ให้เดินจงกรม ใช้สติจับอยู่ที่เท้า เวลายกเท้าขวาขึ้นให้<WBR>ภาวนาในใจว่า “ขวาย่างหนอ” ให้สติรู้ตั้งแต่เริ่มยก กลางยก สุดยก มิให้เผลอ ประมาณสัก ๓0 นาที หรือ ๑ ชั่วโมง
    ๒. เดินแล้วนั่งลง นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งตัวให้ตรงพอสมควร หลับตามให้เอาสติจับอยู่ที่ท้<WBR>องเวลาท้องพองขึ้น ให้ภาวนาตามว่า “พองหนอ” เวลาท้องยุบให้ภาวนาว่า “ยุบหนอ”

    ๓. ในขณะที่นั่งอยู่นั้น ถ้ามีเวทนาเกิดขึ้น เช่น เจ็บ ปวด เมื่อย คัน ก็ให้ใช้สติกำหนดอารมณ์นั้นๆ คือ ให้ทิ้งพอง ยุบ ก่อน แล้ว กำหนดอาการเจ็บว่า “เจ็บหนอๆ” จนหว่าจะหายไป ถ้าอาการปวดเกิดขึ้น ก็ให้กำหนดว่า “ปวดหนอๆ” ถ้าอาการเมื่อยเกิดขึ้น ก็ให้กำหนดว่า “เมื่อยหนอๆ” ถ้าอาการคันเกิดขึ้น ก็ให้กำหนดว่า “คันหนอๆ” จนกว่าจะหายไป เมื่อเวทนาหายไปแล้ว ให้กลับมากำหนด “พองหนอ” “ยุบหนอ” ต่อไป นั่งให้ได้ประมาณสัก ๓๐ นาที ถึง ๑ ชั่วโมง แรกทำจะนั่งเพียงวันละ ๕ นาทีก่อนแล้วค่อยเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐–๑๕–๒๐–๓๐ นาที ก็ได้

    ๔. เวลาใจคิดไปถึงเรื่องต่างๆ เช่น นึกถึงบ้าน นึกถึงการงาน ลูกหลานเป็นต้น ให้ใช้สติปักลงไปที่หัวใจ พร้อมกับภาวนาว่า “คิดหนอๆ” จนกว่าจะหยุดคิด
    เวลาโกรธ ก็ให้กำหนดว่า “โกรธหนอๆ” จนกว่าจะหายไป เวลาดีใจ ก็ให้กำหนดว่า “ดีใจหนอๆ” เวลาเสียใจ ก็ให้กำหนดว่า “เสียใจหนอๆ” เช่นกัน

    ๕. เวลานอน ให้เอาสติจับอยู่ที่ท้อง ภาวนาว่า “พองหนอ” “หยุบหนอ” จนหลับไปด้วยกัน ให้คอยสังเกตดูให้ดีว่าจะหลั<WBR>บไปตอนพอง หรือจะหลับไปตอนยุบ ถ้าใครจับนับว่าดีมาก

    แสดงเหตุแห่งการปฏิบัติเป็นข้อๆ ดังนี้ คือ

    ๑. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า ได้เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ตามพระบาลีในพระไตรปิฏก
    ๒. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ได้ปฏิบัติวิปั<WBR>สสนากรรมฐาน
    ๓. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท เพราะไม่อยู่ปราศจากสติ
    ๔. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติตรงและถูกต้<WBR>องครบทั้ง ๓ ปิฎก ดังหลักฐานเป็นเครื่องสาธกมีอยู<WBR>่ว่า

    สกลํปิ หิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา
    กถิยมานํ อปฺปมาทํเอว โอตรติ.

    จริงอยู่ พระพุทธพจน์จบทั้งพระไตรปิฎกแม้<WBR>ทั้งสิ้นที่พระนักเทศน์ พระธรรมถึก นำมาชี้แจงแสดงไขอยู่นั้นย่<WBR>อมรวมลงสู่ที่แห่งเดียว คือความไม่ประมาทเท่านั้น


    ๕. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า ได้บำเพ็ญอัฏฐังคิกมรรคทั้ง ๘ อันเป็น มัชฌิมาปฏิปทา หรือ ทางสายกลาง

    ๖. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า ได้บำเพ็ญไตรสิกขาครบบริบูรณ์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ขณะเดินจงกรมหรือนั่งกำหนดอยู่<WBR>นั้น กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ บริสุทธิ์ จัดเป็นศีล ใจไม่เผลอจากรูปนาม จัดเป็นสมาธิเห็นรูปนาม เห็นพระไตรลักษณ์จัดเป็นปัญญา

    ๗. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยปฏิปัตติ<WBR>บูชา ดังที่ได้ตรัสแกพระอานนท์เถระ ในคราวจะปรินิพพาน ซึ่งปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๐ มหาปรินิพพานสูตร ว่า

    “โย โย อานนฺท ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน วิหรติ” เป็นต้น แปลเป็นใจความว่า

    “ดูกรอานนท์ บุคคลใด เป็นภิกษุก็ตาม เป็นภิกษุณีก็ตาม เป็นอุบาสกก็ตามเป็นอุบาสิการก็<WBR>ตาม ถ้าปฏิบัติธรรมสมควรแก่นวโลกุ<WBR>ตรธรรมทั้ง ๙ ปฏิบัติชอบยิ่งกว่าปฏิบัติ<WBR>ตามธรรม คือ เจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้แก่ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน นั่นเอง จนได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน บุคคลนั้นชื่อว่า ได้สักการะ ได้เคารพ ได้นับถือ และได้บูชาเรา ด้วยการบูชาอย่างสูงสุด” ดังนี้

    ๘. ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ชื่อว่า ได้เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่<WBR>อพระองค์มาก ดังที่ตรัสแก่ภิกษุทั้<WBR>งหลายในเมือง ไพสาลีว่า

    ภิกฺขเว มยิ สสิเนโห ติสฺสสทิโสว เป็นต้น ใจความว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดมีความรักใคร่ในเรา ผู้นั้นจงเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เช่นกับพระติสสะนี้เถิด ถึงแม้พุทธบริษัทจะทำการบูชาด้<WBR>วยของหอม และดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น ก็ยังไม่เชื่อว่า ได้บูชาเราอย่างแท้จริง เฉพาะผู้ที่เจริญวิปั<WBR>สสนากรรมฐานสมควรแก่มรรค ผล นิพพานเท่านั้น จึงจะชื่อว่าได้บูชาเราอย่างแท้<WBR>จริง ดังนี้


     
  18. pandablahblah

    pandablahblah Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +71
    อนุโมทนาสาธุค่ะ เพิ่งผิดศีลข้อสี่ไปเมื่อครู่นี้แบบลืมตัวจริงๆเลย (เอาเรื่องของคนอื่นมาพูดค่ะ แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม...สติไม่ทันกิเลส โธ่ๆๆ มารู้ตัวอีกทีสายไปแล้ว) ต้องเอาใหม่ค่ะ ไม่ยอม
    อนุโมทนาสาธุที่มห้บทความดีๆมาเตือนใจกันค่ะ สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...