ถูกหลอกไปรับ ขันธ์ ครอบครู รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยครับ

ใครที่คิดจะรับขันธ์ ก็พึงสังวรด้วยว่าจะเป็นอย่างไร รับศีล ๕ ดีที่สุดครับ

 

ถ้าเป็นจากสิ่งทึ่มองไม่เห็นทำมัยพึ่งเป็น. เรื่องแบบนี้เราว่าเราจัดการได้ถ้าจริง. และขอแนะนำพระอาจารย์โนรี วัดหนองหญ้าป้อง อยู่ด่านมะขามเตี้ยท่านก็เก่งในเรื่องเอาของออก

 

เรื่องขันธ์

ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์รับขันธ์มา หลายปี แต่แล้ววันหนึ่ง มีความรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง มันคือการเพิ่มภาระถ้าเราลือกทางธรรมเราไม่ควรยิืดสิ่งใด้ ต้องถ่ายถอนออก แล้วจะทำไงกับครูละ..เราจะผิดไม๊เราจะถูกทำโทษไม๊ ..แล้วก็มีคำตอบออกมา คือไม่ผิด ไม่มีใครทำลายเรา จิตอันหวาดหวั่นเราทำลายเรามากกว่า ก็ตั้งจิตมั่นต่อหน้าขันธ์ครู ว่าลูกขอมี้แต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ครูบาอาจารย์ และเทพทั้งหลายขอเป็นญาติผู้ใหญ่ ลูกขอคืนจิตครูสู่ครู คืนขันธ์นี้ สู่ธรรมชาติ แล้ววันรุางขึ้นก๋่็นำขันธ์ครู เอาเฉพาะส่วนใบตองดอกไม้ที่เป็นธรรมชาติแยกออกมา ใส่ถุง นั่งเรือข้ามฝากที่ท่าพระจันทร์ เมื่อ้เรือึถึงกลางแม่น้ำก็ถุงใบตองเทุลงกลางแม่น้ำ ขอเป็นอิสระต่อกัน ทุกอย่างิอยู่ทีจิต การเพิ่มพลังจิตก็สวดมนต์นั่งสมาธิ มีวิสิทืธีเดียว ทำบุญสงฆทานอุทิศส่งให้ อาการที่คุณเป็นทางกาย คือจิตต่อต้านไม่มีใครทำไรคุณ นำพระที่คุณนับถือมาแล้วตั้งจิตให้มั่น อิธิฐานว่า ขอพลังแห่งพุทธานุภาพ ปกป้อง คุ้มครอง ชี้นำ ข้าพเจ้า ...นี่มาจากประสบการณ์จริงที่ทำ ไม่ได้กุขึ้น ลองดู อาจช่วยคุณได้ ..

 

คำสอนของพระพุทธองค์ถูกทางที่สุดถ้าเป็นพุทธแท้เราทำตามคำสอนของพระองค์เพี่อหาทางหลุดพ้นไม่เวียนว่ายตายเกิด พรหมเทวดาผีก็ยังไมหลุดพ้นแล้วเราจะนับถือใคร:'''(

 

รับขันธ์ อะไรก็ แต่งขันนั้นยกขึ้น เช่นขันธ์ ๕ แบบกลวยใบตอง ก็ทำแบบเดิมครับ
จากนั้นเรียกองค์ที่มากับขันธ์ และ เอ่ยนามท่านที่ให้ขันธ์ บอกว่าข้าพเจ้า ไม่ขอรับขันธ์นี้
ตั้งนะโม ๓ จบ พุทธะตัด ธรรมะตัด สังฆะตัด ขอให้ตัดออกจากทายาทแห่งขุนธ์นี้ ออกจาก ๓๒ จิต ออกจาก ๓๒ ขวัญ ออกจากธาตุทั้ง ๔ ดิยน้ำลมไฟ ขออาราธนาบารมีขององค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตัดทายาทแห่งขันธ์นี้ สาธุๆๆ แล้วเอาขันธ์ ลอยน้ำไปไม่ต้องหันไปมอง
หากมีอาการ ปวดตามนิ้ว เหมือนไฟฟ้าช็อด ปวดตามเส้นเอ็น ปวดหัวเหมือนซีดขึ้นสมอง ท้องเป็นก้อนๆ ไหล่เวลาจับมีเสียงกรุบกรับ นั่นเป็นเพราะพรายที่มากับทายาท ต้องจัดเครื่อง ดำแก้ ส่งของดำอันนี้ต้องใช้วิชาครับ หาพระที่ท่านส่งพรายวิญาณ
เขามาพึ่งพาอาศัยเรา หวังในบุญกุศล ให้เราหมั่นเจริญภาวนา เมื่อไม่สมหวัง เราก็จะเจ็บป่วย
หนทางคือ พาไปหาพระที่ทานรู้ภาวจิต เพราะวิญญาณจะแฝงร่างเราไปหาพระท่านเอง
พระท่านจะเทศสั่งสอนเอา จากนั้นพระท่านจะอาบน้ำมนต์ให้ หากยังไม่ออก จากร่างเราไป ก็ต้องอาศัยร่างทรงรับส่งต่ออีกครั้ง หากมาอยู่กับเราหลายปี วิญาณจะมีทิฏฐิสูงมากไม่ออกปากง่ายๆ หรอกครับ นอกจากพระองค์นั้นจะสอนนิพพานโลกุตระ ให้ ถึงจะยอมไปแต่โดยดี

 

เอาข้อความมาจากอีกเว็บหนึ่งครับ

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ
เนื่องจากเคยโดนของมาก่อน คงจะ 2 ครั้งได้ คนโดนของทำไมถึงรู้ล่ะ อันนี้ คงมีเหตุบางอย่าง ให้นำพาไปสู่หนทางแก้ นั่นคงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวครับ
ผมอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนผม สวดมนต์ปกติ แล้วก็สวดบทพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า 9 จบ จบแรกที่เบื้่องหน้า จบที่สองขวา หลัง ซ้าย เฉียงขวาบน เฉียงขวาล่าง เฉียงซ้ายล่าง เฉียงซ้ายบน และบนศรีษะเรา แล้วก็ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าท่านประดิษฐานอยู่บนอากาศเหนือตัวเรา เยื้องไปข้างหน้า แล้วขออัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ ออกจากฝ่ามือท่าน (ช่วงนี้ให้หลับตานึกเอานะครับ) พอนึกว่าน้ำลงมาถูกตัว ผมก็จะมีอาการอาเจียนลมทันทีเลยครับ ผมคิดว่าผมโดนของ ทีนี้ มีเหตุให้ผมไปหาหมอดู หมอดูท่านแนะนำให้อาบน้ำมนต์ครับ
ที่สำคัญนะครับ มาอาบน้ำมนต์กับ หลวงปู่อี๊ด วัดเทพประสาท ต.เตาถ่าน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นะครับ ผมอาบแล้ว อาการอาเจียนลม ไม่มีเลย และสบายกาย สบายใจขึ้นครับ การมาอาบน้ำมนต์นั้น ต้องมาดูคิวนะครับ ว่าหลวงปู่อี๊ด ท่านว่างหรือเปล่า ลองมาดูก่อนนะครับ

 

มาแก้ไขได้ค่ะ บวชเนกขัมมะ 10 วัน แก้ไขได้แน่ ไม่ต้องเสียเงินค่าทำพิธีแก้ แต่ต้องมาบวชและปฏิบัติที่วัด

 

ผมคิดว่า เป็นความเข้าใจที่ผิดๆในเรื่องขันธ์ ที่ปัจจุบัน แก้ไขยาก

ความจริงแล้วไม่มีอะไรน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือ ศีล5 ความดีของเรา เรารักษาให้ดีทำได้มากน้อยแค่ไหน

คนที่เขาทำไม่ดีกับเรา กรณีที่เล่นของทำของใส่ ผมยอมรับว่ามีจริง แต่ก็แสดงว่าเราก็มีกรรมเกี่ยวพพันธ์กันจึงได้ไปเกี่ยวข้องกันแบบนั้น แต่ถ้าเรายึดมั่นในพระรัตนตรัย ในความดี ในศีล ผมคิดว่า ความดีในปัจจุบันจะหนุนส่งให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ

เราคิดดี ทำดี จิตใจดี ผลที่ได้รับก็ย่อมดี

อย่างเรื่องขันธ์ ของผมแนะนำเสมอว่า จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่ต้องเข้าใจนะว่า การแสดงความกตัญญุกตเวทีต่อเทพพรหม ครูอาจารย์ คือการปฏิบัติบูชา ส่วนการถวายโน่นนี่นั้นแม้แต่ขันธ์ เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่พร้อมก็ไม่ทำ ถ้าพร้อมหรือสะดวกก็ทำได้ ไม่ได้จำกัดหรือกำหนดอะไร เห็นบางคนรับขวัญกราบไหว้บูชาดีมาก แต่ไม่ยอมปฏิบัติบูชา ยังทำบาปศีล5ก็ไม่ยึดถือ ยังไม่ละกรรมชั่ว อย่างนี้ ก็มีมาก เป็นไปในทางมิจฉาทิฏฐิก็มีมาก

ก็เพราะไม่ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ สาธุ

 

ไปหาหมอปลาด่วนเลยครับ ที่คุณไปรับขันธ์มานั้นเป็นวิญญาณสัมภเวสี เปรตชั้นต่ำ ไม่ใช่เทพเทวาแต่อย่างใด ที่คุณมีอาการ ปวดตามเนื้อตามร่างกายนั้นเป้นเพราะว่ามีสัมภเสสีอยู่ในตัวคุณด้วย ไปหามอปลาครับ นี่ครับช่องทางการติดต่อทางเฟสบุคทีมงานมือปราบสัมภเวสีชื่อเฟสบุค (รายการ มือปราบสัมภเวสี) ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้นครับ หรืออยากดูหมอปลารักษาก่้อนก็ที่ youtube ครับ พิม คำว่า รายการมือปราบสัมภเวสี ครับ เคส แบบคุณ มีเพียบที่ไปรับขันธ์กันมาแล้วมีอาการแบบนี้

 

รับขันธ์ 5 ตั้งขันธ์ 5 และ "ชำระขันธ์"

+++ การรับขันธ์ 5 นั้น มักจะเข้าใจเอาเองว่า "เป็นขันธ์ของผู้อื่น แล้วจับมันมา ยัด ลงไปในตัว หรือ บูชา (ห้ามประมาทใน ขันธ์ 5)" แล้วจึงกลายเป็นขันธ์ของเรา ความจริงแล้ว มันเป็น "อุบายโบราณ" ที่ชาญฉลาดมาก และผู้ที่ "ผลิตอุบาย" นี้ขึ้นมาได้ย่อม "ไม่ใช่ปุถุชน" อย่างแน่นอน และย่อมไม่ใช่ "เพศนักบวช" เพราะหากเป็น เพศนักบวชแล้วย่อมใช้ "วิธีตรง ๆ อย่างอื่น" โดยไม่ต้องใช้ "อุบาย" อัน "พิสดาร" ตัวนี้ออกมาเลย และผู้ที่ผลิตอุบายตัวนี้ออกมาได้ ย่อมเป็น "เพศฆราวาส" เป็นธรรมดา

+++ พิธี "รับ ถือ บูชา" ขันธ์ 5 นั้นหลักจริง ๆ คือ การให้ "โน้มจิตตนเอง" ให้ "ระลึกถึงขันธ์ 5 และให้ตั้งขึ้นมาในใจให้ได้" เมื่อ "ทำ" ตรงนี้ได้สำเร็จ ทางฝ่ายผู้ให้อุบายจะเรียกว่า "ให้รับขันธ์ 5" ส่วนทางฝ่ายผู้ที่รับอุบายได้แล้ว เรียกว่า "ให้ตั้งขันธ์ 5" (ตั้งในที่นี้คือ "ตั้งมั่น" ผลลัพธ์ของมันคือ "ตั้งสมาธิใน ขันธ์ 5")

+++ ขันธ์ 5 หรือ "ขันธ์ทั้ง 5 ประการ" คือ "กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ" ท่านให้ "รับเอาไว้ รู้เอาไว้" ผู้ที่สามารถ "รับได้ รู้ได้" (มีสติเพียงพอ) ท่านก็จะ "ให้ตั้งเอาไว้" (สมาธิ = ตั้งมั่น) และผู้ใดที่มีขีดความสามารถที่จะ "ตั้้งได้ (มีสมาธิได้)" ท่านก็จะให้ "หม้่นระลึก บูชา เอาไว้" (บูชา = เคารพ = ห้ามประมาท) คือ "ห้ามประมาทในขันธ์ 5 หมั่นระลึก หรือ ตั้งสติ ในขันธ์ 5" จนได้นิสัยนั่นเอง

+++ อุบายขันธ์ 5 นี้ ย่อมเกิดในยุค "หลังพุทธกาล" และย่อมเกิดในสถานที่ ๆ "กันดารพระภิกษุสงฆ์" (พระหายาก หรือ พุทธศาสนากำลังถูกคุกคามอย่างหนัก หรือ กำลังถูก "กลืนศาสนา" อย่างใดอย่างหนึ่ง) และ "ผู้ที่ตั้งอุบายนี้" ย่อมเป็นผู้ที่ "เข้าถึงสภาวะ พุทธะ แล้ว" และย่อมอยู่ในสถานที่ "กันดารพระ" และย่อม "เล็งเห็น (ญาณทัศนะ)" วิถีทางที่จะ "ทิ้งทางถอย" ไว้เส้นหนึ่งเพื่อให้ "พุทธศาสนายังดำรงค์อยู่ได้ในโลก" โดยใช้วิธี "กลืนกลับในภายหลัง" เพราะทั้งหมดมีกุญแจอยู่ในที่ ๆ เดียวเท่านั้นคือ "ขันธ์ 5" เมื่อผู้ใดได้ "กุญแจ" ตัวนี้แล้วก็จะสามารถ "ตั้งขันธ์ 5" (มี สติ ในการตั้ง สมาธิ ในขันธ์ประการใดประการหนึ่งในขันธ์ 5) ซึ่งเป็น "แก่นหลัก" ของพระพุทธศาสนาอยู่แล้วคือ "สติ สมาธิ และให้ผลลัพธ์เป็น ปัญญา" (ญาณทัศนะ) นั่นเอง ส่วนหลักสัจจะธรรมตรงนี้ก็คือ "ให้มี (รับ) สติ และ ตั้งสติ ให้เป็นสมาธิ (ตั้ง) ในขันธ์ 5 ประการ" นั่นเอง

+++ สำหรับ "ผู้ที่ไปรับขันธ์ 5 มาแล้ว" ก็ไม่ต้องไป "ฟุ้งซ่าน" อะไรมาก เพียงแค่ "ปรับความเข้าใจ ให้ตรงทาง" เสียก่อน จากนั้นก็ให้ "หมั่นระลึกถึง บุญคุณ ของท่านผู้ที่ได้ตั้ง อุบายขันธ์ 5 ตัวนี้ออกมา" (ครอบครู) และ "มองให้เห็น เจตนารมณ์ ของท่านผู้นั้น" แล้ว "ปฏิบัติให้ตรงทาง" (ขันธ์ 5 "อยู่ข้างใน" ความเป็นตน) ก็พอ

+++ พยายาม "อ่าน" ให้ตรงประเด็น และในเวลา "อ่าน" ให้ระงับความ "ปรุงแต่ง" ไปในตัว ก็จะได้ประโยชน์แบบตรง ๆ เลย นะครับ

 

สำหรับผม ขันธ์ 5 เป็นขันธ์ เอก เป็นขันธ์พระ รัตนตรัย ครูอาจารย์ผมสอนว่า ให้ทำให้ดี ควรเป็นขันธ์ที่ใช้เงิน หรือสิ่งที่แสดงถึงความขาวสะอาด ผ้าที่ใช้ก็เป็นผ้าขาว ดอกไม้ก็ควรเป็นสีขาว เน้นสีขาว ยกเว้นธุป แต่เทียนก็ใช้สีขาว ทำแล้วก็ไม่จำกัดเวลาว่าจะต้องทำทุกปีหรือเมื่อไหร่ ถ้าเราอยากเปลี่ยนของใหม่ทำให้ใหม่ก็ตามสะดวกเช่นกัน

ส่วนขันธ์8ก็แล้วแต่ครูอาจารย์, ขันธ์ 9 ของเทพเทวดา,ขันธ์ 16 พรหมขึ้นไป ก็มีวิธีการทำที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายก็คือเป็นเพียงอามิสบูชา เครื่องถวายสักการะเท่านั้นเองครับ
ที่เราสะดวกก็ทำ ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ทุกอย่าง มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งสิ้น อยู่ที่เหตุผล ความพร้อมของเรา โบราณเขาแนะนำให้ทำปีต่อปี ถ้าสะดวกทำ แต่ สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจเรานี่แหละครับ ที่ต้องตั้งอยู่ในความดีงาม มีคุณธรรมศีลธรรม ปฏิบัติบูชาต่อท่าน ต่อตนเองจึงเป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้องครับ

 

ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว เค้าจะรับคุณเข้าเป็นศิษย์ ถ้าไม่สนใจก็ปล่อยไป

แต่ที่บอกว่าปวดตามตัวนั้นมาจากการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันของคุณเอง

 

อย่าไปคิดมากครับ..ทุกอย่างมันเป็นการสมมติ ขึ้นมาทั้งนั้น
...แค่เรามีจิตเคารพ ในพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
ขันธ์ 5 มี รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร,วิญญาณ นี่ขันธ์5 ตัวจริง
...พระพุทธเจ้า สอนให้เรา หลุดพ้นจากขันธ์ 5 ตัวนี้เท่านั้นครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านเจ้าของกระทู้ อย่ากังวลเลยนะครับ
(ถ้าผู้น้อยกระทำให้ผู้ใด ไม่ถูกใจ ผู้น้อยขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว....สาธุ)

 

การรับขันธ์ คือการรับเอาวิญญาณผีมาสิงอยู่ในร่างเรานั่นแหละ มันมีทั้งขันธ์ป่าวๆไม่มีอะไร และพวกขันธ์ผี คนเข้าใจว่าพวกนี้จะมาช่วยเสริมให้เจริญรุ่งเรืองเป็นความเข้าใจที่ผิดเพราะเขาก็ยังหวังส่วนบุญจากเราอยู่เลยจะมาเสริมมงคลอะไรให้เราได้ อาตมาเป็นพระนะ แต่มีกัลญาณธรรมเป็นฆาราวาสเขาเก่งมากอยู่บุรีรัม ช่วยน้องได้แน่นอนท่าสนใจไปก็บอกได้ ท่าเป็นขันธ์เปล่าๆก็โล็ะออกได้เลย ไม่มีอะไร แต่ท่าขันธ์ผี ต้องมีพิธีถอน

 

ลองสวดคาถา ชินบัญชร วันละหลายๆ จบทุกวันก่อนนอน ให้จิตรเป็นสมาธิแล้วแผ่เมตตาว่า...สัพเพสัตตา....ให้เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลาย ครับ

 

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/pgLiI_xenFY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/77YbIY2Kp8Q" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/TUIqo6iIa5U" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

 

พุทโท ธัมโม สังโฆ ชนะทุกอย่าง

 

ความจริงการแก้การรับขันธ์นั้นง่ายนิดเดียวนะ

ก็แค่ เราเข้าไปรับไตรสรณะคม เอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ มาแทนที่ แค่นี้ ก็จบละ ด้วยใจจริง นะครับ

 

ประสบการณ์จากท่านใกล้จริงๆ

ท่านนั้นเกือบตายทีเดียว ... ท้ายสุดแก้ได้หมดจดทั้งสิ้น อาศัยใจที่สละจริงๆครับคือ
... สมาทานศีล สมาทานพระรัตนไตรด้วยใจจริง"แล้วปล่อยวางขันห้า" คือกายกับใจเราให้หมดสิ้น
กำลังใจต้องสูงครับ ให้ถวายชีวิตนี้กับพระพุทธเจ้าด้วยใจ"ย้ำว่าต้องด้วยใจจริงๆเท่านั้น" หลอกกันไม่ได้
พิจารณาความตาย ขอบารมีพระพุทธเจ้าเท่านั้น"ตายเป็นตาย" ... "ตายเมื่อไหร่ไปนิพพาน" ให้วางใจอย่างนี้

เมื่อรักและเคารพพระพุทธเจ้าด้วยใจจริงแล้ว พึงวางขันห้า แล้วอธิษฐานถวายชีวิต
"อิมาหัง ภันเต ภะคะวา , อัตตะภาวัง , ตุมหากัง , ปะริจจะชามิ"
จากนั้น ... ลองเพิ่มอธิษฐานว่า
"ด้วยพุทโธอัปปมาโณ คือบารมีพระพุทธเจ้าไม่มีประมาณ ลูกขอความอนุเคราะห์ด้วยอำนาจพระฉัพพรรณรังสีพุทธบิดา"
"ขออวิชชาและอาถรรพ์จงพินาศไป" ...
"ขึ้นชื่อว่าสรณะอื่นของข้าพระพุทธเจ้าไม่มี ข้าพระพุทธเจ้าขอถึงซึ่ง"
"พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า เป็นสรณะสูงสุดเท่านั้น ... กายและใจนี้ถวายแด่พุทธบิดา ...

จากนั้นประคองใจละขันห้าไปครับ ตั้งใจนึกน้อมประหนึ่งมีแสงสว่างจากองค์พระพุทธเจ้าส่องมาหา
ทะลุทะลวงขันห้าเราให้กลับเป็นอิสระ และสว่างไสวอีกครั้งครับ (วางใจให้เย็น สะอาด และเป็นอิสระ)
... วางใจได้ จะได้ผล ... "ขึ้นอยู่กับกำลังใจของตัวท่านเอง" และวิบากกรรมครับ ...

ลองพิจารณาครับ ... ใจนี้สำคัญ ใจนี้เป็นใหญ่ ทุกสิ่งอย่างสำเร็จด้วยใจ และไม่มีบารมีใดจะเกินบารมีพระพุทธเจ้า ...

โปรดใช้วิจารณญาณเป็นการพิจารณาธรรมะครับ
ขอได้โปรดพินิจพิจารณา ไม่ส่งใจไปเพื่อลุ่มหลงอะไรอีกต่อไป ให้อยู่ในคลองของพระสัจธรรม
พระพุทธเจ้าเท่านั้น พิจารณาอริยะสัจให้มาก ... ผลไพศาล ...


ปรารถนาดียิ่ง
ประทีป
^__^
_/|\_

 

สลัดออกให้หมดครับ(อุปมาทำเหมือนสุนัขตกน้ำ เมื่อสุนัขมันขึ้นจากน้ำมันก็แสดงอาการสลัดขนเพื่อให้น้ำออกไปจากตัวของมันจนแห้งในที่สุด สุดท้ายแล้วก็เหลือแต่ขนที่แห้งอยู่บนตัวมันเหมือนเดิม) ขอแนะนำนะครับ
1.ขันธ์ต่างที่รับมาไม่มีจริงเป็นเพียงอุปาทานของเรา(ปรุงแต่งขึ้น)ต่างหาก
2.ไม่มีอะไรจะมาทำอะไรเราได้นอกจากตัวของเราเอง(เพราะเราไปสกดตัวเราเองว่ามีขันธ์)
3.ขันธ์ในที่นี้หมายถึงตัวเองต่างหากหาใช่ใครอื่น เป็นเพียงสิ่งสมมุติไม่มีตัวตนเป็นที่ประชุมของ ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น
4.อย่าเอาความเชื่อใดๆมาสกดตัวเอง มันจะเป็นกรอบทำให้เราไม่สามารถไปสู่หนทางแห่งความเจริญได้เลย
5.ศิลหรือความเชื่อและมงคลต่างไม่ต้องไปถือให้หนักไม่มีประโยชน์เป็นแค่สิ่งปีกย่อยแท้จริงสิ่งสุดท้ายรวมอยู่แล้วที่ " ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " เท่านั้นพอแล้วทุกสิ่งต่างๆก็จะเป็นไปตามครรลองธรรมชาติของมันเองไม่ต้องปรุงแต่งให้วุ่นวาย
6.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ล้วนมีอยู่ในตัวของคนเราทุกคนอยู่แล้วตั้งแต่เกิด ไม่ต้องไปแสวงหาอีกแล้ว
7.ปัจจุบันนี้ผมไม่เชื่ออะไรหรือถือมงคลอะไรอีกแล้วเชื่อแต่ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " เท่านั้นครับ
8.สิ่งมงคลต่างที่จะเกิดกับตัวเรามากที่สุด คือ อย่าหมกมุ่น