ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    7 ดวง ใน 3 วัน ดาวเคราะห์น้อย 7 ดวงผ่านเข้าใกล้โลก มากกว่าดวงจันทร์ในเวลาเพียง 3 วัน

    FB_IMG_1613345793155.jpg

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ต่อชีวิต! “ลาล่า” ไม่อายขายทอง-ขายรถ หลังโควิด-19 ทำกระทบหนัก โดนยกเลิกกว่า 100 งาน
    .
    อ่านข่าวเต็ม https://www.amarintv.com/news/detail/66985

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำพริกเซี่ยงไฮ้ไว้กินกับไก่ต้ม

    ส่วนผสมประมาณนี้นะคะ แต่ยู้ไม่ได้ตวงคะ ไม่เคยทำอาหารแล้วตวงเลยคะ กะเอาตลอด

    กระเทียม หอมแดง เท่ากัน
    ขิงนิดหน่อย
    ️พริกแห้งใหญ่แช่น้ำ
    ️พริกแห้งเล็กแช่น้ำ เผ็ดตามชอบ
    เต้าเจี้ยว อิ๊ว เกลือ น้ำตาล รสชาติกะเอาเองนะ
    น้ำมันสำหรับผัด
    น้ำมันงาเล็กน้อยกลิ่นแฝง

    นำกระเทียม หอมแดง ของ พริก ปั้นไม่ต้องละเอียดจนเละนะคะ ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ไฟเบา ใส่ส่วรผสมที่ปั่นลงไปผัด ปรุงรสให้มีรสเค็มและหวานตามแบบกลอมกล่อม ผัดไปเรื่อยๆค่ะจนส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น มีกลิ่นหอม ใส่น้ำมันงา คนให้เข้ากัน ปิดเตา พักให้เย็นแล้วตักใส่โหล

    #พริกเซี่ยงไฮ้
    FB_IMG_1613346123516.jpg FB_IMG_1613346132003.jpg FB_IMG_1613346135248.jpg
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️[BREAKING]⚠️ ลามปามไปกันใหญ่แล้ว ! Elon Musk ทวีตชวนผู้นำสูงสุดแห่งรัสเซีย Vladimir Putin มาร่วมจับเข่าคุยกันบนแอป ClubHouse ที่กำลังร้อนแรงสุดๆในตอนนี้ !

    นับตั้งแต่ Twitter ของทรัมป์โดนแบนไป ก็น่าจะมี Twitter ของ Elon Musk นี่แหละที่กำลังขึ้นมาเป็นบัญชีที่น่าติดตามและก็สร้างความปั่นป่วนมากที่สุดในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเชียร์ราคา Bitcoin ปั่นราคา Dogecoin หรือแม้แต่แค่การกล่าวถึงบริษัทใดลอยๆขึ้นมาก็สามารถทำให้ราคาหุ้นบริษัทนั้นดีดกระจายได้

    ล่าสุดเช้านี้ทาง Elon Musk กำลังป่วนอีกครั้ง ! โดยการทวีตไปหาประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน ว่า

    " @KremlinRussia_E would you like join me for a conversation on Clubhouse?"

    หรือแปลได้ว่า "ถึงท่านผู้นำรัสเซีย คุณสนใจที่จะมาพูดคุยกับผมบนแอป Clubhouse ไหม ?"

    แถมทาง Elon ยังได้ปิดท้ายด้วยการเขียนภาษารัสเซียที่แปลได้ว่า "มันจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคุณ"

    ตอนนี้ก็ได้แต่รอว่าทางปูตินจะตอบมาว่ายังไง แต่ทางแอดคงประหลาดใจถ้าปูตินจะตอบรับคำเชิญครั้งนี้

    Clubhouse แอปน้องใหม่ที่กำลังมาแรงมากๆ !

    ช่วงนี้หลายท่านคงเริ่มได้ยินถึงแอป Clubhouse กันมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นแอป Social Media แนวใหม่

    ถ้า #Facebook เน้นการแสดงเรื่องราวของคน
    ถ้า #Instagram เน้นการแสดงรูปภาพและชีวิตสวยๆ
    ถ้า #TikTok เน้นการแสดงความสามารถของผู้ใช้

    แอปใหม่ #Clubhouse นั้นกำลังเน้นที่จะแสดงความเห็น การจับเข่าพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง โดยเฉพาะในเหล่ากลุ่มคนที่เป็น Influencer ในด้านต่างๆ

    แอดเชื่อว่าแอปนี้น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่ม และกำลังมาแรงจนมีข่าวว่า Facebook อาจจะต้องมาเข้าซื้อไป (หรือไม่ก็ทำ Function คล้ายกันมาแข่ง) !

    ลองนึกภาพดูนะครับ ยกตัวอย่างเช่นถ้า Elon Musk กับ Kanye West นัดกันไปทานข้าว พูดคุยกันตามประสาคนดัง พวกเขาจะพูดคุยอะไรกันบ้าง ?

    แอป Clubhouse นี่แหละที่จะทำให้พวกเราสามารถฟังบทสนทนาที่น่าสนใจของพวกเขาได้จนหมดเปลือก และล่าสุดสิ่งนี้ก็กำลังจะเป็นจริงขึ้นมา เพราะทาง Elon Musk กับ Kanye West เพิ่งจะมีนัดพูดคุยกันบน Clubhouse เร็วๆนี้

    แอป Clubhouse จะเป็นการเปิดห้องพูดคุยกันง่ายๆ โดยที่แต่ละฝ่ายไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไรเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็พอ (แต่ตอนนี้มีแค่ iOs ก่อนนะ ของ Android ยังไม่มา)

    ความง่ายมันคือถ้าหาก Elon Musk กับ Putin คิดอยากจะคุยให้พวกเราฟังกันจริงๆ #มันก็จะเกิดขึ้นได้ทันที ! โดยไม่ต้องพึ่งพาทีมงานอะไรต่างๆมากมายเลย

    เวลาที่ตั้งห้องสนทนากันขึ้นมา ทางแอปจะมีเครื่องมือให้ครบแล้ว และแบ่งคนในห้องออกเป็น 3 สถานะ

    1️⃣ Moderator หรือผู้ดูแล จะได้ดำเนินรายการ
    2️⃣ Speaker หรือผู้พูด ที่ผู้ฟังทุกคนจะได้ยิน
    3️⃣ Audience หรือผู้ฟัง ที่จะแค่ได้ยินเฉยๆ พูดไม่ได้

    แอป Clubhouse จะทำให้เราสามารถได้ฟังความคิดเห็นของเหล่าคนดัง ดารา ผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือ Influencer ต่างๆมานั่งจับเข่าคุยกันสบายๆ บนหัวข้อที่น่าสนใจต่างๆ

    ✅ ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจทั่วโลกไปกับเราได้อย่างรวดเร็ว

    ขอแนะนำให้นักลงทุนทุกท่านตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนของเพจให้เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด” ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ

    หรือใครอยากติดตามเพจเราผ่านทาง #LINE ก็ได้ด้วยนะครับ https://bit.ly/3akh8uD

    ฝากกด #Like และ #Share ให้แอดด้วยถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นคาถาในทางตันตระเถรวาทที่แพร่หลายคาถาหนึ่งในประเทศไทย ดังปรากฎตำนานเรื่องพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ทรงได้คาถานี้มาจากหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง คราวก่อนเสด็จประพาสยุโรป กระทั่งถูกทดสอบจากฝรั่งเศสให้ปราบยพศม้าร้าย จึงทรงใช้คาถานี้เสกหญ้าให้ม้ากิน จนกระทั่งคลายพยศเป็นที่น่าอัศจรรย์

    สำหรับคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าฉบับนี้ออกจะพิสดารกว่าฉบับทั่วไป เป็นตำรับของอาจารย์เทพสาริก บุตร ในหนังสือ "ประชุมบทสวดมนต์" ท่านกล่าวว่าเป็นฉบับของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) บูรพาจารย์สายพระป่า แอดมินเคยอ่านประวัติหลวงปู่จันทา ถาวโร พระเถระสายพระป่า ท่านก็เคยใช้คาถานี้เช่นกัน ปรากฎในหนังสือ "ธรรมพเนจร - อัตโนประวัติของ “หลวงปู่จันทา ถาวโร”" ความดังนี้ว่า

    *******************

    ...เมื่อพักภาวนาอยู่ที่ดงผาลาด พอสมควรแล้ว ได้ข่าวว่าที่ผาอีเมย บ้านดงนาซอน อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร มีผีโป่งดุร้ายมาก เขาว่าถ้าไปที่นั่นแล้ว ระวังให้ดีนะ มันจะหักคอกิน

    นั่นแหละ ก็เลยออกเดินทาง ไปถึงที่นั่น ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ทำที่พักไม่ทัน ก็เลยอาศัยอยู่ใต้ร่มไม้ ค่ำนั้นก็ไม่เดินจงกรม เพราะเดินทางไกลมาแล้ว

    พอ ๖ โมงเย็นกว่า ๆ ก็มีเสียเหาะขึ้นทางโคนโป่งโน้น ขึ้นไปบนฟ้า แล้วก็พุ่งลงทางหัวทุ่งทางโน้น เสียงดัง ตึ้ง... ราวกับว่าทุ่งมันจะพังทลาย ไม่นานก็กลายเป็นไฟไหม้ป่าแดงจ้าร่าเข้ามา ไฟป่าก็ลุกรุ่งโรจน์ใกล้เข้ามา มันจะทำให้ตกใจกลัวจนเป็นบ้า วิ่งหนีเข้าป่าไป

    โอ๋...นี่หรือที่เขาว่า ผีโป่งผาอีเมยมันร้าย ถ้าใช่จริง ๆ ก็มาหากันวันนี้ เรามาก็เพื่อว่าจะเจริญสมณธรรมหรอก มิได้มารบกวน หวังยึดเอาสถานที่ของใครทั้งนั้น เอานะ มาลองดูกันว่า คาถาอาคมของใครจะเก่งกว่ากัน เราจะได้รู้กันว่า อาคมของศาสนาจะดีเพียงใด จะปราบผีร้ายได้ไหม พอไฟใกล้เข้ามาในระยะประมาณ ๑ เส้น (๒๐ วา) เท่านั้น ก็อ่านคาถาว่า

    อิติปิโสวิเสเส อิอิเสเส พุทธนาเม อิอิเมนา พุทธะตังโส อิอิโสตังพุทธะปิติอิ ตะโจพระพุทธเจ้า ขอจงมาเป็นหนัง มังสังพระธัมมเจ้า ขอจงมาเป็นเนื้อ อัฏฐิพระสังฆเจ้า ขอจงมาเป็นกระดูก ตะริเพ็ชรคงคง อิสวาหะ สวาสุ สวาอิ พุทธะปิติอิ นะมะอะอุมิ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ พุทโธกั้ง (กั้น) ธัมโมบัง สังโฆปิด

    จบแล้วก็เป่าพึบ !...ไฟนั้นก็แตกกระจายไป สีแดง ๆ หายไป กลายเป็นสีเขียววิ่งเข้าโคนโป่งไปเลย

    คืนนั้น ๓ ทุ่มกว่า มีโยมบ้านดงนาซอนเขามาหา (บ้านดงนาซอน เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประมาณ ๑๒ หลังคาเรือน ตั้งอยู่กลางดงผาลาด) เมื่อซักไซ้ไต่ถามได้ความกันแล้ว ก็ให้เขารับพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ จากนั้น ก็อธิบายธรรมให้เขาฟังบ้างเล็กน้อย เสร็จแล้วก็ถามเขาว่า

    “โยม...เมื่อเย็นนี้ ราว ๖ โมง มีเสียงเหาะขึ้นไปบนฟ้า แล้วตกลงมากลางทุ่งทางโน้น เสียงดังสนั่นราวกับทุ่งมันจะถล่มทลาย และไม่นานก็มีนิมิตเป็นไฟป่ามา อันนั้นเป็นเสียงอะไร ?”

    “อ๋อ...ผีโป่งมันมาหาท่าน มันร้ายกาจมากนะท่าน นายพรานในเขตนี้มาล่าสัตว์ ยิงเก้งกวางแล้วมันวิ่งหนีเข้าไปในพุ่มไม้นั้น พอวิ่งตามเข้าไปดู ก็เห็นผีตัวใหญ่ หัวล้านเพ่อเว่อ นั่งสูบยามวนใหญ่เท่าแขนโป้ อยู่บนจอมปลวกโคนโป่งนั่น นายพรานในเขตนี้เขากลัวกันมาก ไม่กล้าไปอีกเลยนะท่าน”

    นั่นแหละ พอรุ่งเช้าได้ข่าวว่า ผีโป่งมันเข้าไปสิงชาวบ้าน แล้วมันพูดว่า

    “แหม...เราเป็นเจ้าของโป่ง อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยศาสนาของพระพุทธเจ้ากัสสโป โน่น เคยเป็นนายพรานใหญ่มาล่าสัตว์ที่นี่ แล้วขึ้นไปนั่งบนโคนโป่งใหญ่ มีเสือตัวใหญ่ยาว ๑๒ ศอก ผ่านมา ก็เลยยิงออกไป แต่ว่าเสือนั้นไม่ตาย มันจึงกระโดดเข้ามากัดเราตาย เราหึงหวงห่วงอาลัยในสถานที่นี้ เมื่อตายก็เลยกลายเป็นผีมาเฝ้าโป่งอยู่ที่นี่ นั่นแหละ พอเห็นพระกรรมฐานจีวรคล้ำ ๆ ร่มใหญ่ ๆ บาตรโต ๆ เดินผ่านมามีรัศมีด้วยนะ เราก็รู้ว่าพระจำพวกนี้มีธรรมจืดนะ ไปอยู่ที่ไหนก็จืดหมดทั้งนั้น ไม่มีใครสู้ได้ แต่เราก็สู้ด้วยฤทธิ์ด้วยคาถา คาถาของเราก็เป็นหนึ่ง ฤทธิ์ของเราก็เป็นเลิศประเสริฐ ไม่กลัวใครทั้งนั้น แต่เราสู้ไม่ได้ เพราะคาถาของพระกรรมฐานนั้นเก่งกว่าเรา”

    นั่นแหละ ก็ไปได้ชัยชนะกับผีโป่งที่นั่น ฉะนั้น เรื่องผีสางคางแดงดำอะไรจึงไม่กลัวทั้งนั้น ธรรมพระไตรสรณคมน์เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้ ผีเจ้าเข้าสิง ใช้ทำน้ำมนต์ กำจัดปัดเป่าหายไปได้ทั้งนั้น อันนี้ข้อสำคัญมั่นหมาย ฉะนั้นขอให้เอาไปภาวนาเช้าเย็นอย่าได้ขาด ไปไหนมาไหนก็ภาวนาอย่างนั้น ตายแล้วอบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้ จะได้ไปสวรรค์โดยเร็วพลัน นี่เรียกว่า คาถาธรรมพระไตรสรณคมน์ เอาไปบริกรรม อย่าได้ขาด อย่าได้ประมาท อันนี้เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาถาอูขันตี

    ️ธนสิทธิ คาถา พระคาถาป้องกันภัยมหาลาภ️
    เป็นพระคาถาของมหาฤษี อูขันตี ที่ท่านได้บริกรรมสวด ชาวพม่าว่า เป็นสิริมงคล มหาลาภ ป้องกันอันตราย เป็นต้น
    ️อะระหัง พะหิ อันตะชะยัง สุคะตัง
    ️อะมิตัง วิระชัง ละลิตัง อะตุลัง
    ️จะระณัง ติ ภะวูปะ สะมัง ยะมะกัง
    ️สุขะทัง สะระณัง ปะณะมามิ ชินัง

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุขภาพหรรษา : โควิด–19 ไวรัส เท่ เก๋ ยียวน คาดการณ์ไม่ได้

    ไทยรัฐ หมอดื้อ

    โควิด-19 ภาษายียวน ทุกคนและนักวิทยาศาสตร์ตระหนักว่า เธอมาได้ทุกรูปแบบ มาแบบเนียน แพร่ไปเรื่อยจากคนไม่มีอาการ ทั้งในระยะฟักตัว และเมื่อพ้นระยะฟักตัวแล้ว แทนที่อาการจะให้เห็นชัดๆ กลับหลบไปซ่อนในปอด และคนติดเชื้อยังเดินไปเดินมาทำงานทำการได้ และการที่มาที่ปอดลึกๆ ไอก็ไม่ไอ แต่มีละอองไวรัสออกมาเวลาพูด ร้องเพลงได้ และจำนวนไวรัสจะมาจากแหล่งซ่องสุมในปอด

    ยิ่งไปกว่านั้น เวลาไวรัสเปิดตัว เปิดม่าน บางครั้งเร็วจนแทบไม่ได้ตั้งตัว เหนื่อย เร็ว ทรุดหนัก จากการที่ไวรัสท้ารบกับร่างกาย เราเลยยิงปืนใหญ่แทนที่จะอาหนังสติ๊กยิง เลยกระจุยกระจายไปทั้งเนื้อเยื่อ อวัยวะ ปอด หัวใจ ไต สมอง
    ความลึกลับของโควิด-19 ยังน่าจะส่งผลงงงวยในการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนที่กำลังพัฒนาและในการพยากรณ์ต่อการติดเชื้อว่าจะมีอะไรเป็นตัวกำหนดอาการหนัก เบา จนถึงการแพร่ต่อหลังจากที่หายแล้วก็ตาม

    การตอบสนองทางระดับภูมิคุ้มกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับวิธีการฉีดเช่นการให้วัคซีนทางชั้นผิวหนัง หรือการฉีดโดยตรงเข้ากล้าม

    และยังขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละคนออกมาเป็นระดับสูง กลาง ต่ำหรือแทบจะไม่ตอบสนองเลย ทั้งๆที่เป็นคนปกติสุขภาพดี อย่างที่เห็นในวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ดังการศึกษาของเราตั้งแต่ปี 2010 ในวารสาร vaccine
    สำหรับกระบวนการตอบสนองเมื่อได้รับวัคซีนเข้าทางชั้นผิวหนัง กระบวนการลำดับขั้นจะเบี่ยงเปลี่ยนไปในทางระบบ Th2 และที่น่าแปลกโดยมี IL5 eotaxin ชัดเจน ในขณะที่ IL 1betaจะเห็นในกลุ่มที่ฉีดเข้ากล้ามและอิงระบบ Th1 นอกจากนั้นยังมี cytokines และ chemokines ตัวอื่นๆอยู่ด้วย

    ทั้งนี้ กระบวนการในการฉีดวัคซีนถ้าให้ไปในตำแหน่งเดียวกันกับที่ไวรัสอยู่ จะทำให้กระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันและการป้องกันโรคกลับมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการศึกษาในสัตว์ทดลองและอาจจะอธิบายได้ว่าเป็นการทำให้กลยุทธ์ล่องหนพรางตัวของไวรัสอ่อนแอลง ดังได้รายงานในปี 2016 วารสาร Arch Virol

    ลักษณะของการติดเชื้อเช่นโควิด-19 ซึ่งเสมือนเป็นการได้รับวัคซีนตามธรรมชาติ ทั้งนี้โดยหวังว่าเมื่อประชากรอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือ 60% ขึ้นไปเมื่อมีการติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) และเป็นปราการป้องกันไม่ให้มีการแพร่เชื้อออกไปอีกอย่างมาก
    แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ การตอบสนองของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ทั้งนี้อาจจะขึ้นกับการที่ไวรัส “ชอบ” ที่จะเข้าไปอยู่ที่คอจมูกและระบบทางเดินหายใจส่วนต้น หรือ “รัก” ที่จะเข้าไปอยู่ในปอดลึกๆ และทำให้ไม่มีอาการหรือแทบจะไม่มีอาการเลย ทั้งๆที่มีปอดอักเสบและไม่มีอาการไอด้วยซ้ำ

    ตำแหน่งที่ไวรัสอยู่จะมีผลในการกระตุ้นขั้นตอน ของการสร้างภูมิคุ้มกันต่างกัน กระบวนการหลบหลีกการมองเห็นของระบบภูมิคุ้มกัน (immune evasive strategy) ในที่ต่างๆเหล่านี้อาจไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นในส่วนของไวรัสเริ่มมีข้อมูลว่ามีการเข้าไปกวนการสร้างภูมิคุ้มกันของ Tเซลล์ แบบไวรัสเอชไอวี แต่ไม่ได้ทำให้จำนวนเซลล์ต่ำลง และชนิดของไวรัสเอง (ไม่ได้ขึ้นกับสายตามจุดกำเนิดหรือการแพร่ lineage A B หรือ C) ในสัดส่วนระดับเหนือพันธุกรรม มีผลต่อระบบการต่อสู้ของร่างกาย ผู้ติดเชื้อ ว่าให้เก่งหรือไม่เก่งในส่วนของโปรตีนที่สู้ไวรัส (antiviral protein)
    ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ ส่งผลทั้งการเพิ่มจำนวนและปริมาณของไวรัส ตั้งแต่ระดับ transcription replication รวมทั้งการประกอบร่างตั้งแต่ subgenomic RNA และยังมีผลต่อเนื่องไปถึงการที่ไวรัสไปท้ารบกับร่างกายโดยให้ร่างกายสร้างการอักเสบมากเกินพอดี เกิดมรสุมภูมิวิปริต (cytokine storm) และยังส่งผลไปลดทอนระบบการละลายการอักเสบผ่านทางตัวรับสัญญาณ AT1-7

    นอกจากนั้น การที่จะหายจากโรคอย่างสมบูรณ์หมดจด มีกระบวนการขั้นต้นที่เรายังไม่ทราบชัดเจนแต่อาจอนุมานเอาว่า เกิดจากการที่มีภูมิคุ้มกันน้ำเหลือง แอนติบอดีชนิดที่ทำลายไวรัสได้ (neutralizing antibody) แต่ยังคงต้องตระหนักว่า เซลล์ในร่างกายแต่ละชนิดที่มีการติดเชื้อ อาจจะมีกระบวนการทำลายไวรัสต่างกัน ทั้งในขั้นต้นและในระยะกลาง ซึ่งต้องอาศัยระบบเซลล์และระบบน้ำเหลืองเข้ามาควบคู่กัน
    และในที่สุดถ้าไม่สามารถทำลายไวรัสได้อย่างหมดจด เนื่องจากต้องทำลายส่วนของร่างกายที่ติดเชื้อไปด้วย ก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้มีการติดเชื้อต่อ โดยมีการตรวจตราควบคุมไม่ให้ไวรัสกระจายออกมาอีก ซึ่งเป็นการควบคุมระยะยาว (long term control) โดยใช้ระบบคุ้มกันชนิดเซลล์อย่างเดียวหรือร่วมกับระบบน้ำเหลือง
    ทั้งหมดนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าความเข้าใจในโควิด-19 ยังไม่สมบูรณ์ และยังไม่สามารถทำนายได้อย่างชัดเจนว่าใครจะมีอาการหนักเบา แม้ว่าอายุจะน้อยจะมากไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม

    อีกทั้งยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเมื่อหายแล้วจะหยุดปล่อยเชื้อได้เร็ว ช้า หรือจะกลายเป็นคนที่แพร่เชื้อไปในระยะเวลายาวนาน และเชื้อที่ปล่อยออกมานั้นเป็น ตัวสมบูรณ์กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะติดต่อไปหาคนอื่น หรือเป็น ตัวที่กะปลกกะเปลี้ย มีความสามารถในการแพร่ได้จำกัด หรือเป็นเพียงแต่ เศษพันธุกรรม RNA ของไวรัสที่ออกมากะปริบกะปรอย จากผลของการปลดปล่อยออกมาเป็นระยะ (intermittent shedding) จากเซลล์ที่ไวรัสไปหลบซ่อนอยู่จากการถูกมองเห็นของระบบภูมิคุ้มกัน

    และท้ายสุด ภูมิคุ้มกันหลังจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจะอยู่ได้คงทนนานเท่าใด ยังไม่มีใครทราบ และถ้าจะอยู่ได้นานแต่ถ้าไวรัสเปลี่ยนหน้าตาไป ภูมิคุ้มกันดังกล่าวเพียงแต่รู้จักไวรัสเฉยๆแต่ไม่ไปทำลาย หรือจะซ้ำร้ายไปช่วยไวรัสให้มีการเพิ่มจำนวนและเกิดอาการมากขึ้นหรือไม่ยังไม่มีใครทราบ
    เชื่อแล้วนะครับ เธอเก๋ เท่ ขนาดไหน.
    หมอดื้อ

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การที่ไวรัสมีรหัสเพี้ยน mutations และจะเกิดเป็น กลุ่มเพี้ยน variant ไหม่หรือไม่ก็ตาม
    ....ผลกระทบ

    27/1/64
    ผลกระทบคือ

    1-การตรวจหาเชื้อโดยการจับชิ้นพันธุกรรมของไวรัสอาจจะผิดพลาด ทำให้คิดว่าไม่ติดเชื้อ

    2-การเพี้ยนเหล่านี้ถ้าทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกระบวนการของการติดเชื้อ ไม่ว่าการติดจับกับเซลล์ การเข้าเซลล์ การเพิ่มจำนวน หรือการทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของเซลล์มนุษย์ หรือการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
    มากชึ้น
    เหล่านี้เป็นการเพี้ยนที่มีความสำคัญในการแพร่โรคและการก่อให้เกิดการเสียชีวิตและการตาย และเป็น functional mutations

    3- ความเพี้ยนเหล่านี้ จะกระทบประสิทธิภาพของวัคซีนทำให้วัคซีนไม่ได้ผลและนอกจากนั้น ถ้าเพี้ยนในตำแหน่งที่สำคัญ คนที่ได้รับวัคซีนตับจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น vaccine enhanced Covid-19 severity

    ถ้าวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ “ยังคง” มีประสิทธิภาพที่จะสู้กับไวรัส ก็จะเป็นความหวังที่จะขัดขวางไม่ให้ไวรัสเพี้ยนต่อไปอีก
    และขณะเดียวกันประชาชนต้องป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อแพร่ออกไปอีก
    การแพร่ออกไปแต่ละครั้งจากคนหนึ่งจะเอื้ออำนวยให้ไวรัสผันแปรพันธุกรรมออกไปเรื่อยๆ

    ถ้าสยบไวรัสได้เร็วเท่าใดจะไม่ปล่อยให้ไวรัสเก่งกาจมากขึ้นเรื่อยๆ
    ดังที่มีกลุ่มเพี้ยน variant รายงานใหม่ทุกวัน กลุ่มอังกฤษ แอฟริกัน อเมริกาใต้ยุโรป และกลุ่มเพี้ยนย่อยเล็กๆทั่วโลก

    ขอให้ปลอดภ้ย

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาขนานแรกของประเทศแล้ว เปิดทางสำหรับการฉีดวัคซีนก่อนหน้าการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    .
    สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ว่า วันนี้รัฐมนตรีสาธารณสุขได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์เป็นกรณีพิเศษแล้ว
    .
    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ 10,000-20,000 คนอย่างเร็วที่สุดในวันพุธนี้ ก่อนจะเริ่มต้นฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาขนานอื่นๆ แก่บุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมและผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนเมษายน
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่ได้วางกำหนดการที่จะเริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชากรที่เหลือของประเทศที่มี 126 ล้านคน
    .
    เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันโอลิมปิกยืนกรานว่า โตเกียวเกมส์ 2020 จะจัดขึ้นตามกำหนดเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีนี้ หลังจากเลื่อนมาจากปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าโควิด-19 จะยังระบาดอยู่ก็ตาม
    .
    รายงานกล่าวอีกว่า นักกีฬาและผู้เข้าร่วมอื่นๆ จะได้รับการส่งเสริมแต่ไม่ผูกมัดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด.
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.thaipost.net/main/detail/93031
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาคเหนือฝนเบาบางลง แต่ระวัง! 17 ก.พ. วันเปิดทำงาน จะมีลมหนาวกำลังแรงลูกใหม่มาเยือน ทำอุณหภูมิลดฮวบอีกครั้ง กรมอุตุฯ พยากรณ์ว่า ภาคเหนือ หลังมีฝนตกมาตั้งแต่ก่อนวันส่งท้ายปีเก่า (10 ก.พ.) จนถึงวันนี้ (14 ก.พ.) ฝนเริ่มซา มีโอกาสเห็นแสงแดดสาดส่อง ส่วนพื้นที่ตั้งแต่ซินจู๋ลงไปถึงภาคกลางและใต้ อากาศดี อย่างไรก็ตามในวันพุธที่ 17 ก.พ. นี้ ซึ่งเป็นวันเปิดทำงานหลังตรุษจีน ลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงลูกใหม่จะพัดลงมาปกคลุมไต้หวัน ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิต่ำสุดในที่ราบโล่งอาจลดลงแตะ 10 °c ขอให้ระวังสุขภาพ สำหรับสภาพอากาศทั่วไต้หวันในวันนี้ อุณหภูมิต่ำสุด 14-18°c อุณหภูมิสูงสุด ภาคเหนือ 22-24°c ภาคกลางและใต้ 25-26°c (ภาพจาก Liberty Times)...#RtiFanpage⛅️

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลูกเสือขาวตายเพราะโควิด 19
    .
    ลูกเสือขาวของสวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศปากีสถานเสียชีวิตโดยมีอาการคล้ายกับติดโควิด 19
    ทำให้ตอนนี้ทางสวนสัตว์กำลังตรวจสอบว่าลูกเสือขาวติด covid 19 เสียชีวิตหรือไม่
    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่สุนัข หรือแมว สามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่คนได้ แต่ก็มีผลการวิจัยพบว่า แมวอาจสามารถเป็นพาหะของไวรัสและแพร่เชื้อสู่แมวตัวอื่นได้ซึ่งหากเจ้าลูกเสือติด covid-19 อาจจะหมายถึงเสือทั้งสวนสัตว์
    .
    https://www.channelnewsasia.com/new...4188100?utm_source=dlvr.it&utm_medium=twitter

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงงานปลากระป๋อง และโรงงานผลิตอาหารทะเล ตำบลท่าทราย และนาดี มีพนักงานรวม 50,000 คน ตรวจพบติดเชื้อโควิด 7,800 คน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้อยู่อาศัยในกลูเซสเตอร์เสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับวัคซีนไฟเซอร์

    Drene Keyes เป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์แม่และยายอายุหกขวบ

    "เธอเป็นคนที่มีความรักและมีน้ำใจ" โจนส์กล่าว

    โดยไม่คาดคิดลิซ่าเสียแม่ไปเมื่อวันเสาร์ภายในสองสามชั่วโมงหลังจากที่คีย์สได้รับวัคซีนไฟเซอร์ในวอร์ซอ

    "ก่อนที่เธอจะจากไปฉันกำลังช่วยเธอใส่รองเท้า" เธอกล่าว

    Keyes เป็นโรคเบาหวานภาวะหยุดหายใจขณะหลับและเป็นโรคอ้วน งานของเธอทำให้เธอมีสิทธิ์ได้รับยาครั้งแรก ดังนั้นในวันเสาร์ Keyes จึงได้รับวัคซีน Pfizer และใช้เวลา 15 นาทีในช่วงสังเกตการณ์บังคับ

    เพื่อนร่วมงานที่เธออยู่ด้วยบอกว่าเธอพยายามจะเข้าไปในรถและพูดว่า "มีบางอย่างไม่ถูกต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง"

    แพทย์บอกกับโจนส์ว่าแม่ของเธอหายใจไม่ออกและเริ่มอาเจียน พวกเขาทำ EpiPen, CPR และให้ออกซิเจนด้วย

    เธอรีบนำส่งโรงพยาบาล VCU Tappahannock

    "พวกเขาพยายามเอาของเหลวออกจากปอดของเธอ พวกเขาเรียกมันว่า 'อาการบวมน้ำที่ปอดแบบกะพริบ' และแพทย์บอกฉันว่าอาจเกิดจากภาวะภูมิแพ้ได้" โจนส์กล่าว "หมอบอกฉันว่าบ่อยครั้งในช่วงที่มีอาการแพ้สารเคมีจะถูกปล่อยออกมาภายในร่างกายของคนเราและอาจทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้"

    Anaphylaxis เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรงถึงชีวิตซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน

    ตามข้อมูลของ CDC ในสหรัฐอเมริกา ณ วันที่ 19 มกราคมมีผู้ป่วยโรคแอนาฟิแล็กซิส 45 รายโดยไฟเซอร์ เสียชีวิต จากหลายล้านราย

    ความเสี่ยงยังถูกสะกดไว้ในเอกสารที่คีย์สได้รับก่อนที่เธอจะฉีด

    “ แม่ของฉันต้องการปกป้องตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น” โจนส์กล่าว

    โจนส์เชื่อว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพพื้นฐาน
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวา!พม่าตัดเน็ต,ประจำการทหารทั่วประเทศ ส่งสัญญาณปราบปรามผู้ชุมนุมต้านรัฐประหาร

    พม่าตัดอินเตอร์เน็ตและประจำการทหารทั่วประเทศในวันจันทร์(15ก.พ.) ในสัญญาณแห่งความกังวลว่าอาจมีการปราบปรามบรรดาผูุ้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองกำลังความมั่นคงยิงสลายการชุุมนุมทางภาคเหนือของประเทศ

    คณะรัฐประหารยกระดับความพยายามสยบแคมเปญอารยะขัดขืนที่กำลังขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ข้อเรียกร้องให้คืนสถานะแก่นางอองซานซูจี ผู้นำที่ถูกยึดอำนาจ

    ความเคลื่อนไหวตัดอินเตอร์เน็ตในวันจันทร์(15ก.พ.) และคำร้องจากสหประชาชาติที่ขอส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไป มีขึ้นไม่นานหลังจากปรากฏภาพถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพยานยนต์ของกองทัพและทหารกำลังเคลื่อนผ่านบางพื้นที่ของประเทศ

    กลุ่มสังเกตการณ์ NetBlocks ระบุว่าการตัดขาดข้อมูลที่สั่งการโดยรัฐ ทำให้เกือบทุกหย่อมหญ้าในพม่าอยู่ในภาวะออฟไลน์

    ทหารในเมืองมิตจีนา เมืองเอกของรัฐกะฉิ่น ยิงแก๊สน้ำตา ตามด้วยเปิดฉากยิงเข้าใส่ฝูงชนที่รวมตัวกันในเมืองทางภาคเหนือของประเทศแห่งนี้ หลังมีข่าวลือว่ากองทัพตั้งใจที่จะตัดกระแสไฟฟ้า ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ระบุไม่เป็นที่ชัดเจนว่าตำรวจใช้กระสุนยางหรือกระสุนจริง

    สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้สื่อข่าวที่สังเกตการณ์การชุมนุมอย่างน้อย 5 คนถูกจับกุม และมีการเผยแพร่ภาพผู้ได้รับบาดเจ็บบางส่วนจากเหตุการณ์นี้

    เอกอัครราชทูตจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ออกถ้อยแถลงร่วม เรียกร้องกองกำลังด้านความมั่นคงอย่าทำร้ายพลเรือน "เราเรียกร้องกองกำลังด้านความมั่นคงอดทนอดกลั้นจากการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งออกมาประท้วงต่อต้านการโค่นล้มรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขา"

    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ สะท้อนเสียงเรียกร้องดังกล่าว กดดันให้พวกเจ้าหน้าที่พม่า "รับประกันว่าจะให้ความเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิการชุมนุมอย่างสันติ และพวกผู้ประท้วงต้องไม่ถูกแก้แค้น"

    ขณะเดียวกันโฆษกของกูเตอร์เรส ได้เรียกร้องกองทัพเปิดทางอย่างเร่งด่วน อนุญาตให้ คริสติน ชราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ ผู้แทนทูตชาวสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางเยือนพม่า "เพื่อลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์จริง"

    สถานทูตสหรัฐฯออกคำแนะนำพลเมืองอเมริกาให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย ไม่เสี่ยงฝ่าฝืนเคอร์ฟิวยามค่ำคืนที่กำหนดโดยคณะรัฐประหาร

    พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหล นับตั้งแทหารควบคุมตัว อองซานซูจี และพันธมิตรทางการเมืองระดับสูงของเธอในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยุติกระบวนการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยอันเปราะบางอายุราวๆ 1 ทศวรรษ หลังจากก่อนหน้านั้นตกอยู่ภายใต้การปกครองของทหารมาหลายยุคหลายสมัย

    เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอยู่ภายใต้คำสั่งกักบริเวณนนานหลายสิบปีในยุคเผด็จการก่อนหน้านี้ และไม่ถูกพบเห็นต่อสายตาสาธารณะอีกเลยนับตั้งแต่เธอถูกทหารควบคุมตัว

    การตัดอินเตอร์เน็ตเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ล้มเหลวในความพยายามสยบการลุกฮือต่อต้าน โดยพบเห็นฝูงชนจำนวนมากชุมนุมกันตามย่านใจกลางเมืองขนาดใหญ่ทั้งหลาย เช่นเดียวกับตามหมู่บ้านต่างๆตามแนวชายแดนที่อยู่ห่างไกล

    พวกคนงานที่ผละงานประท้วง ซึ่งเป็นหัวหอกของแคมเปญอารยะขัดขืน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ประท้วงอย่างน้อย 400 คนที่ถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่รัฐประหาร อย่างไรก็ตามความหวั่นกลัวว่าจะถูกจับกุมไม่สามารถขัดขวางฝูงชนจำนวนมากจากการกลับสู่ท้องถนนสายต่างๆทั่วประเทศเป็นวันที่ 9 ติดต่อกันเมื่อวันอาทิตย์(14ก.พ.)

    ในเมืองทวาย ทางภาคใต้ของประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นายแตกแถว หันไปเข้าร่วมกับพวกผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร สะท้อนรายงานข่าวขอสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ระบุว่ามีการแปรพักต์และการขัดขืนหลายๆกรณีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    กรมการบินพลเรือนระบุในคำแถลงว่า มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากหยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. เป็นผลให้เที่ยวบินระหว่างประเทศล่าช้า

    นักบินรายหนึ่งที่ขอไม่เปิดเผยชื่อด้วยกลัวว่าจะได้รับผลกระทบกล่าวว่า เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนของกรมการบินพลเรือนกำลังผละงานประท้วง และมีทหารอยู่รอบสนามบินนานาชาติย่างกุ้งในคืนวันอาทิตย์(14ก.พ)

    สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รถไฟในบางพื้นที่ของประเทศหยุดวิ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะไปทำงาน ขณะที่กองทัพได้ส่งกำลังทหารไปยังโรงไฟฟ้าที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงชนที่โกรธแค้น

    รัฐบาลทหารได้สั่งให้ข้าราชการกลับเข้าทำงานและขู่ว่าจะดำเนินการ ส่วนกองทัพยังดำเนินการจับกุมคนจำนวนมากในเวลากลางคืน และเมื่อวันเสาร์(13ก.พ.) ยังได้เพิ่มอำนาจให้กับตนเองในการเข้าควบคุมตัวประชาชนและค้นทรัพย์สินส่วนตัว

    พนักงานการรถไฟหลายร้อยคนได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงในนครย่างกุ้งเมื่อวันอาทิตย์(14ก.พ.) แม้ว่าตำรวจจะไปยังที่พักของพวกเขาที่อยู่ชานเมือง เพื่อสั่งให้พวกเขากลับไปทำงานก็ตาม

    (ที่มา:เอเอฟพี)

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #อียิปต์โชว์โรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดของโลก #อายุกว่า5000ปี #ผลิตได้ครั้งละ22400ลิตร #คาดใช้ในพิธีอาบน้ำพระศพ

    โรงงานผลิตเบียร์เชิงอุตสาหกรรมยุคโบราณนานกว่า 5,000 ปี ซึ่งอาจเป็นโรงงานผลิตเบียร์คุณภาพสูงที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ถูกค้นพบที่สุสานแหล่งโบราณคดีที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของดินแดนไอยคุปต์ ดร.มอสตาฟา วาซิรี เลขาธิการใหญ่ สภาสูงสุดแห่งโบราณวัตถุสถานอียิปต์แถลงการค้นพบดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2021

    ดร.วาซิรีให้ข้อมูลว่า#โรงงานยุคโบราณซึ่งผลิตเบียร์ระดับแมสโปรดักชั่นนี้ #ถูกขุดพบที่โบราณสถานอาไบดอส(Abydos) #ซึ่งเป็นพื้นที่สุสานโบราณในทะเลทรายทางตอนเหนือของเมืองอาไบดอส เขตผู้ว่าการซูฮัจ(Sohag) โดยตั้งอยู่ในแนวฝั่งซ้ายของแม่น้ำไนล์ และห่างลงมาทางใต้ของกรุงไคโรนครหลวงแห่งอียิปต์ประมาณ 450 กิโลเมตร สำนักข่าวเอพีรายงาน

    ทั้งนี้ ประเทศอียิปต์แบ่งพื้นที่การปกครองใหญ่เป็น 27 เขตผู้ว่าการ(Governorate) แล้วแยกย่อยลงตามลำดับได้แก่ จังหวัด(region) เมือง(city/town) และหมู่บ้าน(village) ข้อมูลจากวิกิพีเดีย https://en.wikipedia.org/wiki/Egypt

    #โรงงานเบียร์เก่าแก่มากกว่า5000ปี #ยุคราชวงศ์แรกของอียิปต์

    อายุขัยของโรงงานต้มเบียร์แห่งอาไบดอสน่าจะอยู่ในยุคของฟาโรห์นาร์เมอร์แห่งราชวงศ์ต้นของอียิปต์ ซึ่งครองอำนาจเหนืออียิปต์เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ดร.วาซิรีกล่าว ทั้งนี้ ฟาโรห์นาร์เมอร์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะของกษัตริย์ผู้ผนวกอียิปต์ฝั่งตอนบนและอียิปต์ตอนล่างเข้าเป็นหนึ่งเดียว ช่วงต้นราชวงศ์ที่หนึ่ง (3150 ปีก่อนคริสตกาล – 2613 ปีก่อนคริสตกาล)

    ทีมผู้ค้นพบซึ่งเป็นทีมความร่วมมืออียิปต์-สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบหน่วยผลิตเบียร์ 8 จุด แต่ละหน่วยเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ความยาว 20 เมตร ความกว้าง 2.5 เมตร และฝังลงในพื้นดินความลึก 0.4 เมตร บนพื้นที่เหล่านี้ มีหม้อดินประมาณ 40 หม้อ เรียงตัวเป็น 2 แถว ทั้งนี้ หม้อแต่ละใบตั้งตรงขึ้นมาด้วยการประคองของแท่งดินเหนียวหลายอันตั้งเรียงเป็นวงแหวนรายรอบหม้อ

    กระบวนการผลิตเบียร์ประกอบด้วยการนำเมล็ดธัญพืชหลายอย่างใส่ในหม้อพร้อมน้ำและทำการต้ม ดร.วาซิรีบอกอย่างนั้น

    #ขนาดการผลิตใหญ่โตถึง22400ลิตรต่อครั้ง #จัดทำเพื่อใช้ประกอบราชพิธี

    คณะทำงานร่วมชุดนี้นำโดยประธานร่วมสองราย ได้แก่ ดร.แมทธิว อดัมส์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และดร.เดบบอราห์ วิสแชค จากมหาวิทยาลัยพรินสตัน

    ดร.อดัมส์ให้ข้อมูลว่าผลการศึกษาแสดงให้เห็นขนาดการผลิตที่ใหญ่โตมาก โดยโรงงานผลิตเบียร์แห่งนี้มีศักยภาพการผลิตสูงถึงประมาณครั้งละ 22,400 ลิตรทีเดียว

    โรงงานแห่งนี้ “#อาจจะถูกสร้างขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจงภายในพื้นที่นี้เพื่อผลิตเบียร์ให้ใช้ในราชพิธีที่จัดขึ้นในสถานที่ประกอบพิธีฝังพระศพของฟาโรห์หลายพระองค์ของอียิปต์” ถ้อยแถลงบนเฟซบุ๊กของกระทรวงท่องเที่ยวและโบราณวัตถุสถานแห่งอียิปต์ บอกว่าดร.อดัมส์กล่าวอย่างนั้น พร้อมกับระบุด้วยว่า

    “นักโบราณคดีพบหลักฐานเกี่ยวกับการใช้เบียร์ในพิธีบวงสรวงโบราณต่างๆ ในระหว่างที่ขุดค้นโบราณสถานเหล่านี้”

    #เคยเห็นร่องรอยโรงงานเบียร์โบราณ #แต่ระบุจุดที่ตั้งไม่ได้

    #ที่ผ่านมาคณะนักโบราณคดีอังกฤษเป็นทีมแรกที่นำเสนอว่ามีโรงงานเบียร์อยู่ในยุคอียิปต์โบราณ โดยมีการเสนอรายงานเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 #แต่ทีมนี้ไม่สามารถชี้ชัดได้ในข้อมูลเรื่องพื้นที่ตั้งของโรงงาน กระทรวงท่องเที่ยวและโบราณวัตถุสถานแห่งอียิปต์ นำเสนออย่างนั้นบนเฟซบุ๊กของกระทรวง พร้อมกับชี้ว่าทีมความร่วมมืออียิปต์-สหรัฐฯ “สามารถกำหนดตำแหน่งพื้นที่และค้นพบรายละเอียด”

    ยิ่งกว่านั้น #การพบหลักฐานว่าคนอียิปต์โบราณมีเบียร์ไว้ใช้ #นั้นเกิดขึ้นโดยนักโบราณคดีมาหลายครั้งแล้ว เช่น ในสถานที่ก่อสร้างในกรุงเทลอาวีฟ มีการพบเศษเสี้ยวของเครื่องดินเผาอายุมากกว่า 5,000 ปีที่คนอียิปต์โบราณใช้ผลิตเบียร์ สำนักงานโบราณวัตถุสถานอิสราเอลเคยประกาศเรื่องนี้เมื่อปี 2015

    เมืองอาไบดอสซึ่งเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์ โดยมีโบราณวัตถุล้ำค่ามากมายที่ถูกขุดพบตลอดหลายปีที่ผ่านมา และอาไบดอสยังโด่งดังด้วยวิหารโบราณหลายแห่ง อาทิ วิหารฟาโรห์เซติที่ 1

    ด้วยเสน่ห์ของโบราณวัตถุและโบราณสถานแห่งอารยธรรมโบราณอันงดงามจำนวนมหาศาลที่กระจายในหลายๆ เมือง อียิปต์สามารถทำรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 อียิปต์เคยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ถึง 13 ล้านราย และเคยมีการตั้งเป้าที่จะรณรงค์ส่งเสริมเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไปไม่น้อยกว่า 15 ล้านราย แต่การระบาดรุนแรงของโรคติดเชื้อโควิด 19 ทั่วโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคท่องเที่ยว กระนั้นก็ตาม โครงการขุดค้นทางโบราณคดีต่างๆ ยังเดินหน้าไปไม่หยุดยั้ง

    โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

    (ที่มา: เอพี เอเอฟพี วิกิพีเดีย พิพิธภัณฑ์ British Museum ประเทศอังกฤษ พิพิธภัณฑ์อียิปต์)

    #บรรยายภาพที่1
    ซากโบราณวัตถุที่เป็นภาชนะเพื่อผลิตเบียร์ ถูกค้นพบในพื้นที่ของโบราณสถานแห่งอาไบดอส (Abydos) ในเขตผู้ว่าการซูฮัจ (Sohag) ของประเทศอียิปต์ คณะนักโบราณคดีร่วมอียิปต์-สหรัฐฯ ระบุว่าผลการศึกษาชี้ว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้อาจเป็นโรงงานผลิตเบียร์แบบแมสโปรดักชั่น ที่อาจจะเก่าแก่ที่สุดของโลก ภาพเผยแพร่โดยกระทรวงท่องเที่ยวและโบราณวัตถุสถานเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2021 #ส่วนภาพด้านขวาเป็นรูปแกะสลักขนาดเล็กแสดงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตการผลิตเบียร์ของชาวอียิปต์โบราณยุคราชวงศ์ที่4 (2494-2345 ปีก่อนคริสตกาล) รูปสลักนี้ค้นพบที่โบราณสถานเมืองกีซา ปัจจุบันนำแสดงในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ กรุงไคโร https://egypt-museum.com/post/172830718336/beer-in-ancient-egypt

    #บรรยายภาพที่2
    ซากโบราณวัตถุที่เป็นภาชนะผลิตเบียร์ โดยเป็นหม้อดินประมาณ 40 หม้อ เรียงตัวเป็น 2 แถว หม้อแต่ละใบตั้งตรงขึ้นมาด้วยการประคองของแท่งดินเหนียวหลายอันตั้งเรียงเป็นวงแหวนรายรอบหม้อ ผู้ผลิตนำเมล็ดธัญพืชหลายอย่างใส่ในหม้อพร้อมน้ำและทำการต้ม

    #บรรยายภาพที่3
    โบราณวัตถุแสดงการผลิตเบียร์ของอียิปต์โบราณ ปัจจุบันนำแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ British Museum ประเทศอังกฤษ
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Headline : ปมสัมปทาน ดิ้วตี้ฟรี เช็กบิล “ศักดิ์สยาม” ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    .
    การเมืองหลังวันวาเลนไทน์ ดูเหมือนจะหวานซ่อนเปรี้ยว เผ็ดร้อน รับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลประยุทธ์” ที่ฝ่ายค้านปังหลักซักฟอก 4 วัน 4 คืน วันที่ 16 ก.พ.ยิงยาวถึงวันที่ 19 ก.พ.นี้
    .
    ล็อกเป้า”ศักดิ์สยาม”
    .
    ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังมีการตั้ง”รัฐบาล”อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 และครั้งนี้ฝ่ายค้านไม่ได้ล็อกเป้าเฉพาะ” กลุ่ม 3 ป. และพรรคพลังประชารัฐ” อีกต่อไป แต่ลากพรรคร่วมอย่าง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” ลงสู่เวทีซักฟอกด้วย
    .
    โฟกัสที่ “พรรคภูมิใจไทย” ครั้งนี้โดนแพ็คคู่ทั้งหัวหน้า-เลขาธิการนั่นคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคุมการก่อสร้างประมูลทั่ประเทศทั้งงานเล็ก ๆ ยันระดับเมกกะโปรเจ็กต์
    .
    “ศักดิ์สยาม”ติด 1 ใน 10 ที่ฝ่ายค้านล็อกเป้า
    .
    อภิปรายปม “บริหารราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ ไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ
    .
    ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
    .
    อ่านข่าวต่อ : https://bit.ly/3tWeggu

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ผู้ว่าฯ สมุทรสาร” อาการดีขึ้นต่อเนื่อง-เขียนหนังสือคล่อง วาดรูปได้ เตรียมลุยภารกิจ “คืนปูสู่สาคร”

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นครปฐมเปิดไทม์ไลน์ผู้ติดโควิดรายใหม่ 8 ราย พร้อมสั่งปิด 2 โรงเรียน “พระปฐมวิทยาลัย-ราชินีบูรณะ”

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บ่อยเกิน!หญิงชราสหรัฐฯจู่ๆหมดสติ เสียชีวิตกะทันหันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19

    หญิงชราชาวแคลิฟอร์เนีย วัย 78 ปี เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุในวันเสาร์(13ก.พ.) ว่าการตายของเธอไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีน

    นายแพทย์มิชาเอล มอร์ริส ผู้อำนวยการโครงการวัคซีนของสถาบันไกเซอร์ เพอร์เมเนนเต เซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ระบุในถ้อยแถลงว่า หญิงสูงวัยรายดังกล่าวคร่ำครวญว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย หลังฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ ตอนราวๆเที่ยงวันของวันศุกร์(12ก.พ.)

    เธอหมดสติระหว่างได้รับการดูแลโดยบุคลากรทางการแพทย์ จากนั้นหน่วยกู้ชีพเริ่มปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยวิธีปั๊มหัวใจ(CPR) แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ฟื้น

    เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่พบสัญญาณหรืออาการต่างๆว่าหญิงชรารายนี้แพ้วัคซีนรุนแรง และสาเหตุการเสียชีวิตของเธอยังอยูู่ระหว่างการตรวจสอบ

    ครอบครัวของหญิงชรารายนี้เปิดเผยว่าเธอเคยมีประวัติอาการป่วยโรคหัวใจ

    แม้ต้องเจอกับข่าวเศร้า สามีของเธอวัย 57 ปี ซึ่งเข้ารับวัคซีนโควิด-19 โดสแรกไปแล้ว บอกว่าเขาจะยังคงทำตามแผนฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    พวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันว่าสถานแห่งนี้จะยังเปิดบริการฉีดวันซีคโควิด-19 แก่ประชาชาตามกำหนดเดิม

    ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ มีคะแนะนำว่าบุคคลใดก็ตามที่มีอาการแพ้รุนแรงหลังจากได้รับวัคซีนโดสแรก ไม่ควรฉีดวัคซีนโดสที่ 2

    (ที่มา:นิวยอร์กโพสต์)

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,795
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมพวก‘บริษัทญี่ปุ่น’จึงไม่ยอมถอนยวงออกจาก‘จีน’ ไม่ว่า‘ทรัมป์’หรือ‘อาเบะ’ลงแรงใช้ความพยายามขนาดไหน
    โดย วิลเลียม เพเซค

    พวกบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วพากันหลบเลี่ยงไม่ยอมถอนโรงงานการผลิตต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในจีนของพวกตน และกลับมาตั้งในแดนอาทิตย์อุทัย ถึงแม้รัฐบาลตั้งแต่ยุคนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เสนอแผนการ “หวนกลับคืนสู่ชายฝั่ง” (re-shoring) โดยเสนอแรงจูงใจอันงดงาม ทั้งนี้เหตุผลประการสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ ขนาดอันใหญ่โตมหึมาของเศรษฐกิจแดนมังกร บังคับให้พวกบริษัทแดนอาทิตย์อุทัยไม่สามารถทอดทิ้งตลาดที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ได้

    พร้อมๆ กับที่หมอกหนาทึบของสงครามเศรษฐกิจสลายจางคลายไป วิธีการต่างๆ ซึ่งจีนนำมาใช้เพื่อหลบหลีกทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยความรวดเร็วคล่องตัวกว่า ก็กำลังเป็นที่ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน ไม่มีที่ไหนแล้วที่จะมองเห็นภาพดังกล่าวนี้แจ่มแจ้งยิ่งไปกว่าในญี่ปุ่น ประเทศที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นั้นได้ลงแรงไปมากทีเดียวเพื่อพยายามดึงลากเอาออกมาให้พ้นจากวงโคจรทางการพาณิชย์ของจีน

    <b>นโยบาย “หวนกลับคืนสู่ชายฝั่ง” (re-shoring) เพื่อดึงดูด เจแปนอิงค์ ให้กลับบ้าน </b>

    ถึงแม้ข้อเรียกร้องเชิงบังคับของทรัมป์ที่ให้หย่าร้างแยกขาดออกจากจีน อยู่ในลักษณะค่อนข้างถือเอาอเมริกาเป็นศูนย์กลางก็จริง แต่เขาก็ได้โน้มน้าวชักจูงโตเกียวตั้งแต่ต้นๆ และบ่อยๆ ให้เข้าร่วมในสงครามนี้ด้วย และ ชินโซ อาเบะ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแดนอาทิตย์อุทัยตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปี 2020 ซึ่งเป็นนักชาตินิยมญี่ปุ่นในแบบแผนเก่าๆ เดิมๆ ก็รู้สึกแฮปปี้ที่จะยึดมั่นปฏิบัติตาม

    อาเบะเดินหน้าดำเนินแผนการ “หวนกลับคืนสู่ชายฝั่ง” (re-shoring) ที่แสนทะเยอทะยานและในช่วง 6 เดือนสุดท้ายแห่งสมัยการเป็นนายกรัฐมนตรีของเขา ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เขาก็ยิ่งทุ่มเทมุ่งหวังจะอาศัยประโยชน์จากการที่สายโซ่อุปทานต่างๆ เกิดการสะดุดติดขัดสืบเนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เขากระทั่งเพิ่มแรงจูงใจในแผนการของเขาให้หอมหวลขึ้นไปอีก ด้วยการเสนอมาตรการอุดหนุนชดเชยต่างๆ แก่พวกบริษัทที่ตัดสินใจถอนยวงออกจากจีนและนำเอาตำแหน่งงานกลับมายังญี่ปุ่น

    ทว่าแผนการนี้ยังคงคืบหน้าไปได้ไม่เท่าไรอยู่นั่นเอง ถ้าหากผลการสำรวจเมื่อเดือนกันยายน 2020 โดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization หรือ JETRO เจโทร) จะสามารถใช้เป็นตัวชี้นำแสดงแนวโน้มได้ ทั้งนี้ เจโทรค้นพบว่า พวกบริษัทญี่ปุ่นซึ่งกำลังดำเนินงานอยู่ในจีน มีเพียงแค่ 7.2% เท่านั้น ที่ได้วางแผนหรือได้พิจารณาเรื่องการโยกย้ายการผลิตออกจากแดนมังกร ตัวเลขนี้ลดลงไปอีกจากระดับ 9.2% ในปี 2019 ซึ่งก็ถือได้ว่าไม่มีความสลักสำคัญอะไรนักอยู่แล้ว

    นอกจากนี้ เรายังสามารถโต้แย้งได้ด้วยซ้ำว่าตัวเลขจริงๆ น่าจะต่ำลงกว่านี้ไปอีก ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากการที่ญี่ปุ่นกับจีนมีประสบการณ์แห่งความเกลียดชังไม่ลงรอยกันมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ จึงย่อมไม่ค่อยมี ซีอีโอ คนไหนหรอกที่ต้องการยอมรับตรงๆ ว่าพวกเขาไม่ได้แม้กระทั่ง –อย่างน้อยที่สุด--ก็ดำริตริตรองที่จะลดการปรากฏตัวในประเทศชาติของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้แหละ มันจึงติดตามมาด้วยตัวเลขของพวกบริษัทโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งกำลังสำรวจเสาะหาสถานที่ตั้งฐานการผลิตในญี่ปุ่น ที่อยู่ทางอีกฟากฝั่งหนึ่งของทะเลจีนตะวันออก ยิ่งมีจำนวนน้อยนิดลงไปใหญ่

    จะว่ากันไปแล้ว ทีมงานของอาเบะ –รวมไปถึงทีมงานของทรัมป์ด้วย –ควรที่จะทราบดีอยู่แล้วว่านโยบายนี้แทบไม่มีศักยภาพความเป็นไปได้เอาเสียเลย ถ้าหากศึกษาเรียนรู้จากบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ส โตเกียวซึ่งมีประเพณีฝังแน่นอยู่กับระบบสั่งการจากบนลงล่างนั้น มีความชื่นชอบอย่างล้ำลึกในการเดินตามแบบอย่างของพวกขาใหญ่ และไม่มีขาใหญ่รายไหนอีกแล้วที่จะทรงความสำคัญมากไปกว่าบริษัทรถยนต์ผู้เปรียบเสมือนกองหน้าของ เจแปน อิงค์ (Japan Inc ภาคบรรษัทญี่ปุ่น) รายนี้ แล้ว โตโยต้า เลือกเดินเลือกกระทำอะไรบ้าง

    <b>โตโยต้า มอเตอร์ส เลือกที่จะก้าวเดินไปในจุดที่ตนเองสามารถเติบโต </b>

    ย้อนหลังกลับไปในปี 2015 อากิโอะ โตโยดะ (Akio Toyoda) ซีอีโอของโตโยต้า ได้ออกมาย้ำยืนยันถึงเจตนารมณ์ของยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ ที่จะก้าวเดินไปในจุดที่ตนเองสามารถเติบโตขยายตัวได้ ในตอนนั้นนี่ย่อมหมายถึง –และในตอนนี้นี่ก็ยังคงหมายถึง—ประเทศจีน ปรากฏว่าเศรษฐกิจใต้การกำกับดูแลของ สี เป็นผู้ได้ประโยชน์รายใหญ่รายหนึ่ง จากแผนการของโตโยต้าในปีนั้น ซึ่งทุ่มเทเงินทองสูงถึง 1,400 ล้านดอลลาร์ในการลงทุนในโรงงานใหม่ๆ แห่งต่างๆ

    หรือถ้าเราหมุนเวลากลับมายังช่วงไม่นานมานี้ อย่างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นอีกรายหนึ่ง ได้ตัดสินใจเพิ่มการผลิตในโรงงานต่างๆ ที่จีนของตน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asia.nikkei.com/Business/Au...o-ramp-up-China-plants-to-make-up-lost-output) และอีกหนึ่งเดือนถัดมา โตโยต้าได้เปิดตัวการร่วมลงทุนกับพวกบริษัทแผ่นดินใหญ่ 5 แห่งเพื่อพัฒนาระบบเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับใช้กับยานยนต์เชิงพาณิชย์

    หุ้นส่วนแผ่นดินใหญ่เหล่านี้ 2 ในจำนวน 5 รายได้แก่ ไชน่า เฟิร์สต์ ออโตโมบิล เวิร์กส์ (China First Automobile Works) และ กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป (Guangzhou Automobile Group) ปรากฏว่าในเดือนตุลาคม โตโยต้ายังตกลงที่จะซัปพลายระบบไฮบริดใช้ได้ทั้งเบนซิน-ไฟฟ้า ให้แก่กว่างโจว ออโต นี่ถือเป็นครั้งแรกทีเดียวที่บริษัทแบ่งปันเทคโนโลยีนี้ให้แก่ประเทศต่างชาติ

    การที่ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาอาศัยจีนนั้น เป็นการสะท้อนถึงสภาพความเป็นจริงของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เมื่อ 20 ปีก่อน ผลผลิตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าของจีนกว่า 4 เท่าตัว อีก 1 ทศวรรษต่อมา นั่นคือเมื่อปี 2010 จีนกลับแซงหน้าญี่ปุ่นเสียแล้วเมื่อวัดกันที่มูลค่าจีดีพี มาถึงเวลานี้ จีนมีขนาดเศรษฐกิจซึ่งโตกว่าญี่ปุ่นกว่า 3 เท่าตัว การพูดถึงเรื่องการหย่าร้างแยกขาดจากกันจึงไม่มีความสอดคล้องกับความเป็นจริงในทางปฏิบัติ เมื่อพิจารณาในแง่ที่ว่าใครกันที่กำลังซื้อสินค้าของญี่ปุ่นในปริมาณมหึมาอยู่เวลานี้

    เนาโตะ ไซโตะ (Naoto Saito) นักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันวิจัยไดวะ (Daiwa Institute of Research) ชี้ว่า ถึงแม้ “การหลีกเลี่ยงไม่ให้พึ่งพาอาศัยจีนมากเกินไป” ถือเป็นเป้าหมายหลักประการหนึ่งของพวก ซีอีโอ ชาวญี่ปุ่นทั้งหลาย แต่การที่พวกเขา “จะไม่พิจารณา” ตั้งโรงงานการผลิตขึ้นมาในตลาดของจีนนั้น “เป็นสิ่งที่ไม่สามารถขบคิดได้”

    พวกนิสัยแปลกๆ ประหลาดๆ ของจีนจึงกลายเป็นอะไรบางอย่างที่บรรดาชาติค้าขายทั้งหลายจะต้องปรับตัวให้เคยชินเอาไว้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asiatimes.com/2021/02/xi-walks-a-tightrope-by-reining-in-jack-ma/)

    “เป็นอย่างนั้นจริงๆ” เป็นคำยืนยันรับรองของ จอห์น ลี (John Lee) ผู้เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่สถาบันฮัดสัน (Hudson Institute) หน่วยงานคลังสมองซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน “ดูเหมือนว่าพวกกิจการระหว่างประเทศทั้งหลายมีข้อพิจารณากันมาตั้งนานแล้วว่า ความเสี่ยงต่างๆ ในทางการเมือง, สถาบัน, กฎหมาย, และระเบียบกฏเกณฑ์ต่างๆ อะไรเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งซึ่งผูกติดเกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจการเมืองของจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่ก็จะได้รับการชดเชยจากพวกรางวัลระยะสั้นที่กิจการเหล่านี้จะได้รับกัน (จากตลาดของจีน)”

    ลี ชี้ว่า เมื่อพูดกันอย่างกว้างๆ เป็นภาพรวมแล้ว “แม้กระทั่งในตอนที่ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ-จีนขึ้นถึงจุดสูงสุด การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) เข้าไปยังจีนจากทั่วโลก ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” พร้อมกับบอกว่า “เหตุผลต่างๆ สำหรับการยังคงอยู่ในจีนต่อไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลยที่จะทำความเข้าใจ”

    นี่คือสิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นมา ทั้งที่โตเกียวและคณะบริหารทรัมป์ต่างออกแรงบีบคั้นกดดันอย่างดุเดือดจริงจัง ทำเนียบขาวของทรัมป์พยายามกดดันประเด็นนี้ด้วยการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้บริษัทใดๆ ก็ตามทีแม้กระทั่งบริษัทต่างชาติ ขายสินค้าที่มีเทคโนโลยีสหรัฐฯ หรือทำขึ้นโดยมีเทคโนโลยีของสหรัฐฯเกี่ยวข้องด้วย ไปให้แก่ หัวเว่ยเทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่เทเลคอมของจีน ขณะที่รัฐบาลของอาเบะ ภายใต้การรบเร้าไม่หยุดหย่อนจากคณะบริหารของทรัมป์ ก็เริ่มต้นเสนอมาตรการอุดหนุนชดเชยแก่พวกบริษัทญี่ปุ่นที่ถอนตัวออกจากจีน –เริ่มต้นเลยก็เสนอที่จะให้ประโยชน์กันคิดเป็นมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์แล้ว (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloomberg.com/news/arti...o-fund-firms-to-shift-production-out-of-china)

    ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อาเบะแถลงว่า “มีความจำเป็นสูงสุดที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พวกสายโซ่อุปทานในญี่ปุ่น และทำให้พวกสายโซ่อุปทานที่อยู่ในต่างแดนมีความกระจายตัว เพื่อรับประกันว่าจะมีแหล่งที่มาของอุปทานเพิ่มมากขึ้น” การเปลี่ยนสายโซ่อุปทานนั้น อาเบะย้ำว่า “จำเป็นที่จะต้องกระทำโดยคำนึงถึงทัศนะมุมมองแบบระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรเท่านั้น”

    โยชิฮิเดะ ซูงะ ทายาทของอาเบะ ก็กำลังพยายามผลักดันเพื่อทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็น “แผน บี” ของ เจแปน อิงค์ และจริงๆ แล้ว มีพวกบริษัทระดับไอคอนหลายๆ แห่ง ตั้งแต่ นินเทนโด ไปจนถึง เคียวเซรา จาก ริโก้ ไปจนถึง ชาร์ป กำลังโยกย้ายการผลิตบางส่วนของตนมายังเวียดนามและไทย

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีคู่แข่งรายไหนหรอกที่สามารถแข่งขันเทียบชั้นกับขนาดของจีนได้ ยิ่งพิจารณาจากการที่แดนมังกรเท่าที่เห็นกันอยู่จนถึงเวลานี้ ยังคงประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 , มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับ 2.3% ในปี 2020 และมีลู่ทางที่จะทำได้ถึง 8% ในปีนี้ เจแปนอิงค์จึงดูแทบไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยที่จะถอยหนีออกจากจีน พวก ซีอีโอ ของญี่ปุ่นดูเหมือนเข้าอกเข้าใจอะไรบางอย่างซึ่งทั้งทรัมป์และอาเบะต่างก็ไม่เข้าใจ นั่นคือ เกมที่จะต้องเล่นได้แก่การเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่กับจีนให้ได้ ไม่ใช่ถูกใช้ให้เป็นตัวเบี้ยในความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asiatimes.com/2020/12/trade-wars-to-become-currency-wars-in-2021/)

    กระนั้น เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นมานี้ก็คือการที่ญี่ปุ่นได้พลาดโอกาสไปอย่างเยอะแยะขนาดไหนในขณะที่จีนก้าวผงาดขึ้นมา

    ถ้าหาก อาเบะ ได้ใช้ระยะเวลาเกือบๆ 8 ปีที่อยู่ในอำนาจของตน ไปในการสร้างสรรค์โมเดลใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นขึ้นมา จากสภาพที่ประชากรกำลังลดต่ำลงและมีอายุเพิ่มมากขึ้น, การจัดเก็บภาษีอยู่ในอัตราสูง, ต้นทุนด้านที่ดินและด้านแรงงานก็แพง ขณะที่ผลิตภาพอยู่ในระดับต่ำอย่างเรื้อรัง พวกบริษัทอย่างโตโยต้าก็อาจจะมีความยินดีเข้าร่วมในการปฏิบัติการ “หวนกลับคืนสู่ชายฝั่ง”

    เนื่องจาก อาเบะ ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เลยในเป้าหมายต่างๆ เหล่านี้ พวกบริษัทนานาชาติทั้งหลายจึงแทบไม่มีแรงจูงใจอะไรที่จะเข้าไปเพิ่มการผลิตในประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียรายนี้

    กระทั่งเมื่อพรมต้อนรับที่จีนปูเอาไว้ให้แก่พวกบริษัทต่างประเทศทั้งหลาย อยู่ในสภาพที่ยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มขึ้นภายใต้การนำของ สี ทางเจแปนอิงค์ก็ยังคงมีเวียดนาม, ไทย, และอินโดนีเซีย ยืนเตรียมพร้อมอยู่แล้วสำหรับการอำนวยความสะดวกให้เข้าไปเปิดโรงงานแห่งใหม่ๆ อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างที่สุดขณะที่ปี 2021 กำลังเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ ก็คือ ทำไมสงครามการค้า –หรือการที่ อาเบะ เลียแข้งเลียขาสนับสนุนทรัมป์ – จึงแทบไม่มีผลอะไรในการหันเหญี่ปุ่นให้ออกห่างจากจีน

    <b>เส้นทางที่ “พานาโซนิค คอร์ป” เลือก คือ การเดินตามดีมานด์ของทั่วโลก ที่ตนเองสามารถเป็นผู้นำอยู่หัวขบวน ไม่ใช่เอาแต่ทุ่มเทใส่ใจอยู่กับอดีต </b>

    ในรายงานแบบเจาะลึกชิ้นหนึ่งที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asia.nikkei.com/Spotlight/The-Big-Story/Decoupling-denied-Japan-Inc.-lays-its-bets-on-China) โดยมุ่งพูดถึงผลลัพธ์ซึ่งแน่นอนทีเดียวว่าทั้งทรัมป์และอาเบะจะต้องชิงชังมาก ทาง นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เน้นหนักที่บริษัท พานาโซนิค คอร์ป (Panasonic Corp) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราว เกี่ยวกับการวางเดิมพันเพื่อเข้าไปประกอบกิจการในจีนอย่างแน่วแน่มาตั้งแต่ปี 1987 ในปีนั้น มหาอำนาจด้านกิจการอิเล็กทรอนิกส์รายนี้ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 103 ปีแล้ว ได้ลงนามในกิจการร่วมทุนแห่งแรกบนแผ่นดินใหญ่ ทุกวันนี้จีนมีสัดส่วนคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 16,000 ล้านดอลลาร์ หรือเสี้ยวหนึ่งเต็มๆ ของธุรกิจทั้งหมดของพานาโซนิค

    การวางเดิมพันในตอนนั้น ซึ่งกระทำโดย โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ (Konosuke Matsushita) ผู้เป็นประธานของกลุ่มบริษัทแห่งนี้ในขณะนั้น แลดูสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่งในทุกวันนี้ ขณะที่ระบบเศรษฐกิจภายใต้การดูแลของ สี กลายเป็นผู้ผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าประมาณครึ่งหนึ่งของโลก และเครื่องปรับอากาศราว 85% ของที่มีการผลิตกัน กระนั้นตามเส้นทางนี้ ยังคงมีพวกยักษ์ใหญ่ที่กำเนิดขึ้นมาจากภายในแดนมังกรเอง อย่างเช่น ไฮเออร์ และ มิเดีย ปรากฏตัวออกมายึดครองฐานะครอบงำเหนือใครๆ ในแวดวงเครื่องใช้ไฟฟ้าระหว่างประเทศ

    ขณะที่เรื่องแบบนี้ฟังแล้วชวนให้รู้สึกสับสนมึนตึ๊บ แต่มันกลับกระตุ้นให้พวกบริษัทญี่ปุ่นตระหนักถึงกฎเกณฑ์การแข่งขันทั่วไปทางการพาณิชย์ แล้วรีบปรับตัวและหนีไปสู่ตลาดบน จุดสำคัญในกรณีที่พูดกันอยู่นี้ก็คือ พานาโซนิคกำลังเดินหน้าด้วยความใหญ่โตยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำเพื่อเข้าสู่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเกมแห่งแบตเตอรี่

    ถึงแม้มรดกที่ตกทอดกันมายาวนานของ พานาโซนิค ได้แก่การประดิษฐ์คิดสร้างและนวัตกรรมในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์ให้แสงสว่าง, วิทยุและโทรทัศน์ แต่ปรากฏว่าไพ่ตัวเด็ดที่สุดของบริษัทในเวลานี้ กลับกลายเป็นการวิจัยและพัฒนาในเรื่องแบตเตอรีชนิดชาร์จไฟได้ ซึ่งอยู่ในระดับเหนือชั้นยิ่งกว่าใครๆ

    ในปี 2014 เมื่อตอนที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ของบริษัทเทสลา (Tesla) กำลังจัดตั้ง “อภิมหาโรงงาน” (Gigafactoty) เพื่อสร้างแบตเตอรี มูลค่าเบื้องต้น 5,000 ล้านดอลลาร์ ของเขา ขึ้นในทะเลทรายของรัฐเนวาดา, สหรัฐอเมริกานั้น พานาโซนิคคือบริษัทติดอันดับสูงสุดในรายชื่อของบริษัทหุ้นส่วนที่เขาติดต่อเจรจาให้มาร่วมงานกัน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.usatoday.com/story/money/cars/2014/07/31/tesla-panasonic-gigafactory-agreement/13396717/) สำหรับพานาโซนิคแล้ว นวัตกรรมในแวดวงพลังงานหมุนเวียนคือเรื่องของการเดินตามดีมานด์ความต้องการของทั่วโลก โดยที่ตนเองกำลังเป็นผู้นำอยู่ตรงหัวขบวน ไม่ใช่การทุ่มเทใส่ใจอยู่กับอดีต

    <b>ทฤษฎีเก่าๆ ของ ‘ทรัมป์-อาเบะ’ และสิ่งที่ ‘อาเบะ’ สมควรทำแต่ไม่ได้ทำ </b>

    เป็นเพราะเอาแต่พึ่งพาอาศัยพวกยุทธศาสตร์เก่าๆ นั่นเอง ซึ่งทำให้ทั้ง อาเบะโนมิกส์ (Abenomics) และ ทรัมโปนอมิกส์ (Trumponomics) ถูกน็อกตกหล่นออกนอกเส้นทางไป สิ่งที่ ทรัมป์ กับ อาเบะ มีอยู่ร่วมกัน นอกเหนือจากลัทธิประชานิยมเก๊ๆ แล้วก็คือ ความศรัทธามุ่งอุทิศตนให้แก่หลักเศรษฐศาสตร์ “ไหลริน” (“trickle-down” economics) สไตล์ยุคทศวรรษ 1980 (ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบ “ไหลริน” หรือ “ฝนหล่นจากฟ้า” เชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจส่วนบนได้รับสิทธิประโยชน์ ก็จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจส่วนล่างๆ ลงมาพลอยดีตามไปด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Trickle-down_economics -ผู้แปล)

    ทั้งคู่ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ แก่การทำให้ค่าเงินตราอ่อน, การผ่อนคลายทางการเงินอย่างชนิดล้นเหลือ, และการลดภาษีนิดๆ หน่อยๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเศรษฐกิจกำลังต้องการการยกระดับเชิงโครงสร้างอย่างห้าวหาญ และจากการที่ทั้งคู่ต่างหันมาจ้องมองข้างหลังแทนที่จะมุ่งไปที่อนาคต จึงทำให้ประเทศจีนใต้การนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ของ สี สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างง่ายดายขึ้นเยอะ

    ถ้าหากในโตเกียว สิ่งต่างๆ ออกมาในทางที่แตกต่างออกไปจากนี้ สี ก็อาจจะต้องดิ้นรนต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปมากมายนักขณะที่ปี 2021 เริ่มต้นขึ้นมา สี กับ อาเบะ นั้นเข้ากุมบังเหียนประเทศชาติของพวกเขาในระยะเวลาใกล้เคียงกันเมื่อตอนช่วงปลายปี 2012 ลองจินตนาการดูเถอะ ถ้าหาก อาเบะ เริ่มต้นเดินหน้าสิ่งต่างๆ ด้วยความรวดเร็วและกระตือรื้อร้น สามารถหยิบฉวยการครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภาที่หาได้ยากยิ่งมาเดินเครื่องผลักดันเรื่องต่างๆ อย่างฉับไว

    ลองจินตนาการดูเถอะ ว่าญี่ปุ่นอาจจะไปถึงไหนแล้ว ถ้า อาเบะ ตัดทอนระบบราชการที่ขึ้นชื่อฉาวโฉ่ของโตเกียว, ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ควบคุมในตลาดแรงงาน, กระตุ้นให้พวกกิจการสตาร์ทอัปเฟื่องฟู, ส่งเสริมให้สตรีมีอำนาจและบทบาท, เพิ่มผลิตภาพ, หรือแก้ไขนโยบายด้านพลังงานให้มีความสร้างสรรค์มากขึ้น

    ลองจินตนาการดูเถอะ ถ้า อาเบะ ได้ดำเนินการต่อรองแบบยื่นหมูยื่นแมวกับภาคบริษัทญี่ปุ่น (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cnbc.com/2020/09/03/cha...s-of-abenomics-in-lifting-japans-economy.html) เป็นต้นว่า ลดภาษีเพื่อแลกเปลี่ยนกับการขึ้นค่าจ้างและเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา หรือถ้า อาเบะ เดินหน้าไปในอีกทางหนึ่ง กล่าวคือ ลงโทษพวก ซีอีโอ ที่เก็งกำไรมากจนเกินงาม, เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นไขว้ซึ่งเป็นการทำลายการสร้างนวัตกรรม, ตลอดจนล้มเหลวไม่ว่าจ้างกรรมการบริษัทจากภายนอกเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในบอร์ดบริษัท

    อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหาก อาเบะ ได้ขยายขนาดของโมเดลเขตวิสาหกิจพิเศษ ไปทั่วประเทศชาติที่มีประชากร 126 ล้านคนของเขา? การเพิ่มความสะดวกง่ายดายในการทำธุรกิจ, การเสนออัตราภาษีต่ำสุดๆ แก่พวกผู้ประกอบการ, การสร้างโครงข่ายความปลอดภัยเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดความกล้าเสี่ยง, และการจัดตั้งแผนการทำเวนเจอร์แคปิตอลที่ได้รับเงินทุนจากภาครัฐ –หรือได้รับการอุดหนุนเป็นบางส่วนจากภาครัฐ – ซึ่งมุ่งขับดัน เจแปนอิงค์ ให้เข้าสู่ศตวรรษที่ 21

    การที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเหล่านี้เลยสักอย่างปรากฏขึ้นมาภายใต้การกำกับดูแลของ อาเบะ กลายเป็นการปล่อยให้เกิดเวทีที่ทางอันกว้างขวางสำหรับ ไชน่าอิงค์ แน่นอนทีเดียว มันมีผลอยู่แล้วสำหรับการที่พรรคของ สี กำลังมุ่งสร้างมัดกล้ามทางเศรษฐกิจด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่ญี่ปุ่นกลับปล่อยให้กล้ามเนื้อทางเศรษฐกิจเสื่อมถอยโรยราไปอย่างรวดเร็ว

    สิ่งที่ สี กระทำระหว่างการครองอำนาจนั้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายและเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่สมเหตุสมผลด้วย การที่ปักกิ่งจำกัดควบคุมอินเทอร์เน็ต, เสรีภาพของสื่อมวลชน, การปกครองตนเองของฮ่องกง, และการมีความทะเยอทะยานแบบนักลัทธิแผ่ขยายดินแดนในทะเลจีนใต้ ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างบาดแผลขึ้นมาด้วยตนเองซึ่งกระทบกระเทือนอำนาจละมุน (soft power) ในระดับโลกของปักกิ่ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ กำลังพิจารณาที่จะเรียกร้องให้บอยคอตต์กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่งปีหน้า ท่ามกลางเสียงกล่าวหาอึงคะนึงที่ว่าจีนล่วงละเมิดบรรดาชาวชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.axios.com/2022-beijing-...ina-759c66df-df19-4f1b-92a1-744b98276dc9.html)

    แต่ถ้าหากถามว่ารัฐบาลของ สี มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์แล้ว มันก็คือการมีทักษะความชำนาญในการทำภารกิจหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน จุดสำคัญในกรณีนี้ก็คือ โครงการ “เมดอินไชน่า 2025” (Made in China 2025) อันใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้จีนกลายเป็นผู้นำในอนาคตทั้งในด้านการบินและอวกาศ, ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ), ระบบอัตโนมัติ, เทคโนโลยีชีวภาพ, สกุลเงินตราดิจิตอล, ยานยนต์ไฟฟ้า, ความก้าวหน้าต่างๆ ทางด้าน 5จี, พลังงานหมุนเวียน, หุ่นยนต์, เซมิคอนดักเตอร์, และการสร้าง “กิจการยูนิคอร์น” ด้านเทคระลอกใหม่ๆ

    ตั้งแต่เข้าแทนที่ อาเบะ ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซูงะไม่ได้ทำอะไรเลยที่เป็นการนำญี่ปุ่นให้กลับเข้าไปในเกมที่ประเทศจีนของ สี มุ่งหมายที่จะขึ้นมามีฐานะครอบงำโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นๆ

    ยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมหาศาลในเรื่องที่ว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯจะปรับปรุงกระเตื้องขึ้นมาได้มากน้อยขนาดไหนภายใต้การกำกับดูแลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกระทบได้อย่างมหาศาลก็คือ ไบเดนจะเดินหน้าอย่างไรในเรื่องที่สหรัฐฯแซงก์ชั่นเล่นงานพวกแชมเปี้ยนของ ไชน่าอิงค์ อย่างเช่น หัวเว่ย (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asiatimes.com/2021/01/trump-takes-a-final-swipe-at-huawei/)

    มันไม่ใช่คำถามเล็กๆ น้อยๆ เลยเมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ในปี 2020 พวกบริษัทญี่ปุ่นมีรายรับประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์จากยอดขายที่ทำได้กับหัวเว่ย สำนักข่าวหลายๆ แห่ง รายงานข่าวโดยอ้างเจ้าหน้าที่คณะบริหารไบเดนผู้หนึ่งได้พูดเอาไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ “จะไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที และในเวลาเดียวกันนั้นเราก็จะยังไม่ยกเลิกการขึ้นภาษีศุลกากร”

    ซูงะ ยังจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ด้วยเช่นกัน การที่ปักกิ่งกล่าวอ้างดินแดนต่างๆ ในบรรดาทะเลรอบๆ แผ่นดินใหญ่จีน เป็นภัยคุกคามที่อาจจะระเบิดขึ้นมาในช่วงจังหวะเวลาตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น ขณะที่การเผชิญหน้ากันระหว่างเรือของญี่ปุ่นกับเรือของจีนใกล้ๆ หมู่เกาะเซงกากุซึ่งพิพาทช่วงชิงกันอยู่ ก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศเกิดการพลิกผันได้

    สี ยังอาจจะแสดงปฏิกิริยาอย่างเลวร้ายต่อการที่ ซูงะ กำลังโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมสหรัฐฯให้หวนกลับเข้าร่วมในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคฟื้นแปซิฟิก การที่ ไบเดน เข้าร่วมในข้อตกลงการค้านี้ หมายความถึงการมุ่งปิดล้อมควบคุมการก้าวผงาดของจีน และเรื่องนี้อาจกลับเป็นอุปสรรคขัดขวางความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ระหว่างปักกิ่งกับโตเกียวขึ้นมาอีก

    แต่ขนาดอันมหึมาองจีนทำให้แดนมังกรกลายเป็นสถานที่ผลิตแห่งหนึ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงต่อรองอะไรได้ ซึ่งญี่ปุ่นมีแต่จะต้องพยายามเรียนรู้ถึงวิธีการที่จะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่ติดขัด ทั้งนี้ สกอตต์ เคนเนดี (Scott Kennedy) นักเศรษฐศาสตร์ที่ศูนย์กลางเพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา (Center for Strategic and International Studies) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ได้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนในเวลานี้ว่า เป็น “ละครคาบูกิแห่งการหย่าร้างแยกขาดจากกัน” (decoupling kabuki)

    เขาอธิบายว่า สิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ความพยายามของญี่ปุ่นในการรีเซตความสัมพันธ์ที่ตนเองมีอยู่กับจีน ไม่ใช่การยุติความสัมพันธ์นี้”
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)

     

แชร์หน้านี้

Loading...