ติดตามสถานะการณ์

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนยื่นภาษี 2563
17 ก.พ. 2558

ยื่นภาษีผ่านเน็ต

ยื่นภาษี 2563 ได้ถึงวันที่เท่าไร

โดยปกติจะสามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 แต่หากยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือยื่นผ่าน Rd smart tax application ทางโทรศัพท์มือถือ จะได้รับสิทธิ์ขยายเวลาการยื่นแบบฯ ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564

ตรวจสอบค่าลดหย่อนภาษี

ก่อนที่จะไปคำนวณภาษีกัน ผู้เสียภาษีควรทราบข้อมูลของค่าลดหย่อนต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการคำนวณภาษีด้วยเหมือนกัน ลองตรวจสอบค่าลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ได้ที่นี่เลย

- คู่มือลดหย่อนภาษี 2563 สำหรับมนุษย์เงินเดือน เช็กสิทธิ์และคำนวณให้ดี ก่อนยื่นภาษี

นอกจากนี้ยังมีกรณียกเว้นเงินได้เพิ่มเติมคือ

* กรณีเป็นผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมิน ได้รับยกเว้นเงินได้ จำนวนเงิน 190,000 บาท

* กรณีเป็นผู้สูงอายุ มีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษี ได้รับยกเว้นเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษีนั้น

เช็กลิสต์เอกสารประกอบการยื่น

ก่อนยื่นภาษี อย่าลืมตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ให้ครบก่อนนะคะ เพราะจะทำให้มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่สรรพากรต้องการตรวจสอบเอกสาร จะได้จัดส่งได้โดยเร็วค่ะ โดยอาจมีเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เช่น

1. หนังสือรับรองเงินเดือนและการหักภาษี (50 ทวิ) ซึ่งได้รับจากนายจ้าง โดยหนังสือรับรองจะระบุผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวนเงินได้ทั้งปี (รวมเงินเดือน โบนัสและเงินพิเศษต่าง ๆ) ภาษีที่หักและนำส่งไว้ รวมถึงเงินที่จ่ายเข้า กบข./กสจ./กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

2. ทะเบียนสมรส กรณีกรมสรรพากรเรียกตรวจ หากใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้แต่เลือกนำมาคำนวณภาษีพร้อมกัน

3. เอกสารรับรองบุตร หรือสูติบัตรของบุตร กรณีสรรพากรเรียกตรวจ

4. หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนบิดา-มารดาของตัวเองได้คนละ 30,000 บาท รวมทั้งบิดา-มารดาของคู่สมรส อีกคนละ 30,000 บาท โดยบิดา-มารดาต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีเงินได้เป็นผู้เลี้ยงดูบิดา-มารดา ทั้งนี้บิดา-มารดาต้องมีเงินได้ในปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท

ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา

5. เอกสารชำระค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดา-มารดา ลดหย่อนได้สูงสุดตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยบิดา-มารดาต้องมีเงินได้ในปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท

6. เอกสารชำระค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เฉพาะในปี 2563 ลดหย่อนได้สูงสุดตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

7. หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมค่าเบี้ยประกันแบบบำนาญกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี

8. หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้

- คนพิการ จะต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และระบุชื่อผู้มีเงินได้เป็นผู้ดูแลในบัตรประจำตัวคนพิการ โดยคนพิการต้องมีเงินได้ในปีภาษีไม่เกิน 60,000 บาท

- คนทุพพลภาพ จะต้องเป็นผู้ทุพพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 วัน มีใบรับรองแพทย์ที่ออกในปีภาษีที่ขอใช้สิทธิ์หักลดหย่อน และมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ

ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ

ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ

9. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย สามารถหักลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

10. เอกสารการซื้อบ้านหลังแรกที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2559 ประกอบด้วย

- หนังสือรับรองจำนวนเงินที่ชำระค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (สามารถดูแบบฟอร์มของกรมสรรพากร)
- หนังสือรับรองการซื้ออสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก (สามารถดูแบบฟอร์มของกรมสรรพากร)
- สำเนาซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
- สำเนาสัญญากู้ยืมเงิน (กรณีขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน)

โดยผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถนำ 20% ของราคาบ้านมาเฉลี่ยลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปี หรือเท่ากับลดหย่อนภาษีได้ปีละ 4% ของราคาบ้านเป็นเวลา 5 ปี โดยบ้านที่โอนกรรมสิทธิ์ในปี 2559 จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับเงินได้ของปี 2559-2563 >> [อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ซื้อบ้านหลังแรกช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย อ่านเงื่อนไขก่อนเลย]

11. เอกสารรับรองการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สามารถใช้สิทธิ์ได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้ และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี

12. เอกสารรับรองการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม SSF หรือ SSFX ซึ่งมาแทนกองทุนรวม LTF >> [ทำความเข้าใจ กองทุน SSF-SSFX ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่มาแทน LTF]

13. หลักฐานการเป็นสมาชิกและจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนต่าง ๆ ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้

14. ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป สำหรับการซื้อสินค้าในโครงการช้อปดีมีคืน หรือใบเสร็จรับเงินจากการซื้อหนังสือ หรือสินค้าโอทอป จากโครงการช้อปดีมีคืน โดยรวมค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 30,000 บาท

15. ใบเสร็จรับเงินบริจาค เพื่อสาธารณกุศลทั่วไป สามารถหักลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ แต่หากเป็นเงินสนับสนุนการศึกษา การช่วยเหลือสังคม โรงพยาบาล และเงินบริจาคให้กองทุนยุติธรรม สามารถหักลดหย่อนได้เป็น 2 เท่าของเงินบริจาค

16. ค่าใช้จ่ายฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 60,000 บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์ในแต่ละครั้ง สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีกับค่าใช้จ่ายที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

17. เอกสารเครดิตภาษีเงินปันผล สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น แนะนำให้สมัครสมาชิกที่เว็บไซต์ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แล้วดาวน์โหลดเอกสารไปใช้ยื่นสรรพากรโดยที่เราไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยาก

18. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย กองทุนรวมต่าง ๆ กรณีที่เราลงทุนในกองทุนรวมที่มีการจ่ายปันผล เงินปันผลที่ได้รับนั้นจะถูกหักภาษี 10%


19. หนังสือหรือเอกสารรับรองเงินได้อื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือน

ทั้งนี้ หากใครยื่นภาษีเป็นประจำทุกปี แล้วเคยยื่นเอกสาร อาทิ ทะเบียนสมรส สูติบัตรของบุตร หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ฯลฯ ไปแล้ว ในปีต่อ ๆ ไป ทางสรรพากรอาจไม่เรียกตรวจเอกสารอีก แต่เตรียมพร้อมไว้ก่อนก็ดีนะคะ จะได้ไม่ล่าช้าหากถูกเรียกตรวจ




วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 - ภ.ง.ด.91)

สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่า แบบภาษี ภ.ง.ด.90 กับ ภ.ง.ด.91 แตกต่างกันอย่างไร ก่อนจะไปคิดคำนวณภาษีกันลองมาทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ กันก่อน เมื่อรูัแล้วก็ลองไปดูวิธีคิดภาษีกันได้เลย

- ภ.ง.ด.90 คือ ผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา เงินปันผล หรืออื่น ๆ

- ภ.ง.ด.91 คือ ผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรายได้ทางอื่น

เช็กอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563



จากตารางนี้แสดงว่าหากใครมีรายได้ตลอดทั้งปีไม่เกิน 310,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนส่วนตัวรวม 160,000 บาทแล้ว จะเหลือเงินได้สุทธิ 150,000 บาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี

แต่หากใครมีรายได้สุทธิมากกว่า 310,000 บาท แสดงว่าเราต้องยื่นภาษี แต่จะเสียภาษีมาก-น้อยแค่ไหนนั้น ต้องคิดคำนวณจากค่าลดหย่อนด้วย โดยมีวิธีคำนวณภาษีดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 นำรายได้ทั้งปีมาหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว

นำรายได้ตลอดทั้งปีมาหักค่าใช้จ่าย แยกตามประเภทของรายได้ และหักลดหย่อนตามรายการต่าง ๆ เพื่อหารายได้สุทธิ

ตัวอย่างที่ 1

หากนาย A มีรายได้ทั้งปี 600,000 บาท จะต้องหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นดังนี้

- หักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ (แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) = 100,000 บาท

จะเหลือรายได้สุทธิ 500,000 บาท


ขั้นตอนที่ 2 นำรายได้ที่เหลือมาหักค่าลดหย่อน

จากนั้น ลองสำรวจดูว่าเรามีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง แล้วนำค่าลดหย่อนนั้นมาลบออกจาก 500,000 บาท

เช่น หากปีนี้ นาย A ซึ่งมีภรรยา 1 คน มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาท ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ไม่มีบุตร, มีบิดาอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ต้องเลี้ยงดู 1 คน, ซื้อ SSF ไป 50,000 บาท, ซื้อสินค้าในโครงการช้อปดีมีคืน 9,000 บาท ก็สามารถนำค่าลดหย่อนทั้งหมดมาหักออกจาก 500,000 บาท ดังนี้

- หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- หักค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
- หักค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดา 1 คน จำนวน 30,000 บาท
- หักค่าซื้อ SSF ไป 50,000 บาท
- หักค่าสินค้าช้อปดีมีคืน 9,000 บาท
รวมหักไป 209,000 บาท

จะเหลือรายได้สุทธิ 291,000 บาท


ขั้นตอนที่ 3 นำรายได้สุทธิที่ได้ มาเทียบอัตราภาษี

ปัจจุบันใช้วิธีเสียภาษีแบบขั้นบันได ซึ่งอัตราภาษีในปี 2563 เป็นดังนี้

อัตราภาษีแบบขั้นบันได

- รายได้ 0-150,000 บาท ยกเว้นอัตราภาษี

- รายได้ 150,001-300,000 บาท อัตราภาษี 5% (ภาษีที่ต้องเสียสูงสุดในขั้นนี้คือ 7,500 บาท)

- รายได้ 300,001-500,000 บาท อัตราภาษี 10% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 20,000 บาท)

- รายได้ 500,001-750,000 บาท อัตราภาษี 15% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 37,500 บาท)

- รายได้ 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษี 20% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 50,000 บาท)

- รายได้ 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษี 25% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 250,000 บาท)

- รายได้ 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษี 30% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 600,000 บาท)

- รายได้ 5,000,000 บาทขึ้นไป อัตราภาษี 35%

กรณีของนาย A มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 291,000 บาท เท่ากับต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดที่ 5% แต่ในจำนวนนี้ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี จึงคงเหลือส่วนที่ต้องเสียภาษีอยู่ที่ (291,000-150,000) = 141,000 บาท ที่อัตรา 5% คิดเป็นเงินภาษี 7,050 บาท




ตัวอย่างที่ 2

นางสาวบี ทำงานมีรายได้รวมทั้งปี 350,000 บาท ส่งเงินสมทบประกันสังคม 5,850 บาท (อัตราเงินสมทบประกันสังคมในปี 2563 เหลือ 5,850 บาท) ซื้อประกันชีวิตไว้ 40,000 บาท บริจาคเงินสาธารณกุศล 2,000 บาท ช้อปดีมีคืน 18,150 บาท

คำนวณภาษีได้ดังนี้

- หักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ (แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) = 100,000 บาท
- หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- หักค่าประกันสังคม 5,850 บาท
- หักค่าซื้อประกันชีวิต 40,000 บาท
- หักเงินบริจาค 1 เท่า คือ 2,000 บาท
- หักเงินค่าใช้จ่ายช้อปดีมีคืน 18,150 บาท

รวมหักค่าลดหย่อนไป 226,000 บาท

ดังนั้น รายได้สุทธิของนางสาวบี คือ 350,000-226,000 เท่ากับมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 124,000 บาท จึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2563 เพราะรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้น

ตัวอย่างที่ 3

นายซี ทำงานมีรายได้รวมทั้งปี 800,000 บาท ปัจจุบันหย่า แต่เลี้ยงดูบุตรอายุ 6 ขวบ และ 4 ขวบ ส่งเงินสมทบประกันสังคม 5,850 บาท ซื้อประกันชีวิตไว้ 50,000 บาท เลี้ยงดูบิดา-มารดา 2 คน คำนวณภาษีได้ดังนี้

- หักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ (แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) = 100,000 บาท
- หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- หักค่าลดหย่อนบุตร 2 คน รวม 60,000 บาท
- หักค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา 2 คน รวม 60,000 บาท
- หักค่าประกันสังคม 5,850 บาท
- หักค่าซื้อประกันชีวิต 50,000 บาท

รวมหักค่าลดหย่อนไป 335,850 บาท

จะเหลือรายได้สุทธิ 800,000-339,000 = 464,150 บาท จึงต้องเสียภาษีที่ขั้น 10% ซึ่งคำนวณแต่ละขั้นได้ดังนี้

- 150,000 บาทแรก ไม่เสียภาษี
จึงเหลือเงินที่ต้องไปคำนวณ (464,150-150,000) = 314,150 บาท

- ส่วนต่อมาเสียภาษี 5% ซึ่งจำนวนเงินภาษีของฐาน 5% คือ 7,500 บาท
จึงเหลือเงินที่ต้องไปคำนวณต่อที่ฐาน 10% (314,150-150,000) = 164,150 บาท

- เงินส่วนที่เหลือ 164,150 บาท นำมาคิดภาษีที่ฐาน 10% จะเท่ากับ 16,415 บาท

นำเงินภาษีแต่ละขั้นมารวมกัน (7,500+16,415) เท่ากับนายซีต้องเสียภาษี 23,915 บาท

หรือถ้าบางคนยังงง ๆ กับการคิดภาษีของนายซีว่าทำไมต้องคิดที่ฐาน 5% ด้วย แล้วจะคิดฐาน 10% ทีเดียวเลยไม่ได้เหรอ งั้นลองมาคิดง่าย ๆ ที่ฐาน 10% ทีเดียวเลยก็ได้ค่ะ

ก็คือ นายซีมีเงินได้สุทธิ 464,150 บาท ก็จะตกฐานภาษี 10% ดังนั้นนายซีต้องจ่ายภาษีสะสมในขั้น 5% คือ 7,500 บาทแล้วแน่ ๆ

ทีนี้ส่วนที่เหลือคือ เงินได้สุทธิ - 300,000 จะเท่ากับ 464,150-300,000 = 164,150 ให้นำมาคิดที่ฐาน 10%

ดังนั้น 10% ของ 164,150 บาท จะเท่ากับ 16,415 บาท เมื่อรวมกับภาษีสะสมของขั้น 5% คือ 7,500 บาท จะเท่ากับว่านายซีต้องเสียภาษี 7,500+16,415 = 23,915 บาท เช่นกันค่ะ

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ สำหรับวิธีคำนวณภาษีที่ต้องเสียในแต่ละปี หรือถ้าหากใครไม่อยากเสียเวลากับการนั่งคิดเลขทีละตัว ก็สามารถใช้ตัวช่วยได้ค่ะ โดยมีโปรแกรมคำนวณภาษีให้ลองไปใช้กัน เช่น

- kasikornasset.com
- tiscoasset.com
- scbam.com

อ้อ ! สำหรับใครกำลังจะยื่นภาษีออนไลน์ด้วยตัวเอง เข้าไปดูได้ที่ "ขั้นตอนยื่นภาษีด้วยตัวเองทางออนไลน์ มือใหม่ก็ทำได้ ง่ายกว่าที่คิด !"

ตรวจสอบการขอคืนภาษี

หลังจากยื่นเอกสารไปแล้ว 1 วันทำการ สามารถสอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร สอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี



ทั้งนี้ หากต้องการได้เงินภาษีคืนโดยเร็ว แนะนำให้ยื่นภาษีในช่วงเดือนมกราคม และเลือกคืนภาษีผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประจำตัวประชาชนนะคะ


***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564

ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสรรพากร

https://money.kapook.com/view112464.html

 

แผ่นดินไหว 5 ครั้งทางตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะ loyalty และทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสุมาตราอินโดนีเซีย 02-10-2021 UTC - TSUNAMI WATCH
---
แผ่นดินไหว ขนาด 7.7 . ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands 02-10-2021 UTC
นาฬิกา TSUNAMI
10 กุมภาพันธ์ 2564 13:20:01 UTC
11 ก.พ. 2564 00:20:01 น. ใกล้จุดศูนย์กลาง
10 ก.พ. 2564 08:20:01 น. EST
พิกัด 23.251 ° S 171.485 ° E
ความลึก 10 กม
415.0 กม. (257.3 ไมล์) E of Vao นิวแคลิโดเนีย
472.8 กม. (293.1 ไมล์) SSE ของ Isangel วานูอาตู
508.3 กม. (315.1 ไมล์) ESE of W�นิวแคลิโดเนีย
517.9 กม. (321.1 ไมล์) ESE of Mont-Dore นิวแคลิโดเนีย
529.3 กม. (328.2 ไมล์) E of Noum�aนิวแคลิโดเนีย
---
แผ่นดินไหว ขนาด 6.1 . ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands 02-10-2021 UTC
10 ก.พ. 2564 13:02:00 UTC
11 ก.พ. 2564 00:02:00 น. ใกล้จุดศูนย์กลาง
10 ก.พ. 2564 08:02:00 น. EST
พิกัด 22.782S 171.578E
ความลึก 10 กม
405.1 กม. (251.2 ไมล์) ESE of Tadine นิวแคลิโดเนีย
430.7 กม. (267.1 ไมล์) SE of Isangel, Vanuatu
491.3 กม. (304.6 ไมล์) ESE of W�นิวแคลิโดเนีย
518.7 กม. (321.6 ไมล์) E of Mont-Dore นิวแคลิโดเนีย
530.6 กม. (329.0 ไมล์) E of Noum�aนิวแคลิโดเนีย
---
แผ่นดินไหว ขนาด 6.0 . ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands 02-10-2021 UTC
10 กุมภาพันธ์ 2564 12:24:22 UTC
10 ก.พ. 2564 23:24:22 น. ใกล้จุดศูนย์กลาง
10 กุมภาพันธ์ 2564 07:24:22 น. EST
พิกัด 22.880S 171.667E
ความลึก 10 กม
417.3 กม. (258.8 ไมล์) ESE of Tadine นิวแคลิโดเนีย
444.9 กม. (275.8 ไมล์) SE of Isangel, Vanuatu
504.1 กม. (312.6 ไมล์) ESE of W�นิวแคลิโดเนีย
529.0 กม. (327.9 ไมล์) E of Mont-Dore นิวแคลิโดเนีย
540.7 กม. (335.3 ไมล์) E of Noum�aนิวแคลิโดเนีย
---
แผ่นดินไหว ขนาด 5.7 ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands 02-10-2021 UTC
10 กุมภาพันธ์ 2564 12:32:12 UTC
10 ก.พ. 2564 23:32:12 น. ใกล้จุดศูนย์กลาง
10 กุมภาพันธ์ 2564 07:32:12 น. EST
พิกัด 22.552S 171.457E
ความลึก 10 กม
385.6 กม. (239.1 ไมล์) ESE of Tadine นิวแคลิโดเนีย
402.7 กม. (249.7 ไมล์) SE of Isangel, Vanuatu
469.9 กม. (291.4 ไมล์) ESE of W�นิวแคลิโดเนีย
504.5 กม. (312.8 ไมล์) E of Mont-Dore นิวแคลิโดเนีย
516.5 กม. (320.2 ไมล์) E of Noum�aนิวแคลิโดเนีย
---

แผ่นดินไหว ขนาด 6.2 มก. ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย 02-10-2021 UTC
10 ก.พ. 2564 12:52:28 UTC
10 ก.พ. 2564 19:52:28 น. ใกล้จุดศูนย์กลาง
10 ก.พ. 2564 07:52:28 EST
สถานที่ 5.665S 101.655E
ความลึก 10 กม
217.0 กม. (134.5 ไมล์) SSW ของเมืองเบงกูลูประเทศอินโดนีเซีย
253.1 กม. (156.9 ไมล์) SW ของ Pagar Alam ประเทศอินโดนีเซีย
261.0 กม. (161.8 ไมล์) SSW ของ Curup อินโดนีเซีย
294.3 กม. (182.5 ไมล์) SSW ของ Lubuklinggau ประเทศอินโดนีเซีย
295.1 กม. (182.9 ไมล์) SW ของ Lahat ประเทศอินโดนีเซีย
---

 

ตอนนี้ใช้ตรวจเลือดหาแอนติบอดี ว่าติดเชื้อหรือไม่ที่สมุทรสาคร ตามข่าว 10/2/64

ศูนย์โรคอุบัติใหม่ของเราที่กาชาดเสนอตั้งแต่ มีนาคม 2563 ควรใช้การคัดกรองและวินิจฉัยการติดเชื้อด้วยการตรวจเลือดจากวิธีมาตรฐาน (Elisa) และถ้าเลือดเป็นบวกค่อยตรวจต่อว่ามีเชื้อปล่อยออกมาหรือไม่ด้วยการ แยงจมูก

การตรวจ ด้วยวิธีมาตรฐาน นี้ มีความไว 100% และ จำเพาะ 100% ทั้งนี้ เนื่องจากใช้ recombinant protein RBD และ ACE2 ในการตรวจ IgM IgG และ ภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัสได้ neutralizing antibody

การแยงจมูกหาเชื้อ ด้วยกระบวนการ PCR จะไม่พบเชื้อทั้งหมดทุกคน ถ้าแยงครั้งเดียว ดังคนป่วยหลายราย มีอาการ ปอดบวมด้วยซ้ำ แยงจมูก ไม่เจอ สองครั้งเ มาเจอครั้งที่สาม เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่รับทราบกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว  แต่ตรวจเลือด เป็นบวกตั้งแต่ตัน

ข้อมูลจากการเจาะเลือด พิสูจน์แล้วและกำลังจะตีพิมพ์ใน
วรสารPlosOne

ทั้งนี้การตรวจของเราที่กาชาดสามารถบอกได้ตั้งแต่ต้น ที่มีเชื้อปล่อยออกมาไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีก็ตาม

และการตรวจที่มีการติดเชื้อที่ในจุฬาขณะนี้ การหาเชื้อโดยแยงจมูก กับการตรวจเลือดของเราที่ศูนย์อุบัติใหม่กาชาดตรงกัน

นั่นก็คือ ทำไมไม่ใช้การตรวจเลือดในการตรวจเชิงรุก ถ้าพบว่า + ค่อยพิสูจน์ว่ามีเชื้อปล่อยหรือไม่โดยการแยงจมูกต่อก็จบ และแน่นอน ราคาถูกกว่า

ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดถึงrapid test ปลายนิ้ว
การตรวจเลือดมาตรฐาน 3 ชั่วโมงยังต้องเรียนให้ทราบมาหนึ่งปีแล้ว
ตรวจ ชุดใหญ่ 3 ตัว 1000 บาท IgM IgG ราคา ถูกกว่ามาก 400 บาท

 

เรื่อวที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังฉีดวัคซีน รอฟังรายละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญโรคเลือด ของสหรัฐที่กำลังส่งช้อมูลไปวารสารทางการแพทย์

https://www.foxnews.com/us/at-least-36-people-develop-rare-blood-disorder-after-covid-vaccination

อย่างน้อย 36 คนอาจมีความผิดปกติของเลือดที่หายากซึ่งเรียกว่าภาวะเกล็ดเลือดต่ำในระบบภูมิคุ้มกัน (ITP) หลังจากได้รับวัคซีน Pfizer และ BioNTech หรือวัคซีน COVID-19 ของ Moderna

ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเกล็ดเลือดซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือดที่จำเป็นสำหรับการแข็งตัวของเลือดหรือเซลล์ที่สร้างขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

มีการขยับตัวของแผ่นเปลือกโลก
บริเวณอินโดนีเซีย และนิวแคลิโดเนียม
แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 7.3 - ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands นิวแคลิโดเนียในวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 13:19 น. (GMT) -
บริเวณขนาด 7.4 มิเตอร์อาจมีการแจ้งเตือนสึนามิบริเวณรอบชายฝั่ง

 

อินโดนีเซีย : แผ่นดินไหว ขนาด 6.5
แผ่นดินไหวทางตอนใต้เกาะสุมาตรา ขนาด 6.5 ลึก 10 กม. วันที่ 10 ก.พ. 2564 เวลา 19:52 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

แผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7.9
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ลึก 33 กม.ทางตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะลอยัลตี้ใกล้นิวแคลิโดเนียและวานูอาตู วันที่ 10 ก.พ. 2564 เวลา 20:19 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

วันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจค ซัลลิวาน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ
.
โดยนายซัลลิวานได้ย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อความเป็นประเทศพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ-ไทยที่มีมายาวนาน โดยมุ่งมั่นสร้างสันติภาพ และเสถียรภาพร่วมกัน
.
แต่สหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลต่อการจับกุมผู้ประท้วงชาวไทยทั้งสองครั้ง นอกจากนี้ นายซัลลิวานยังถ่ายทอดความกังวลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ที่มีต่อการทำรัฐประหารในเมียนมาเร็วๆ นี้
.
มีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา นายซัลลิวาน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับเอกอัครราชทูต 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดยสังเกตถึงความสำคัญ ในการสนับสนุนของอาเซียนที่มีต่อการฟื้นฟูประชาธิปไตยเมียนมา โดยเขาเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของฝ่ายบริหาร ในการขยายความมีส่วนร่วมระหว่างสหรัฐฯ-อาเซียน
.
นอกจากนี้ นายซัลลิแวน กับทูตประเทศสมาชิกอาเซียน ยังได้หารือถึงโอกาสเพิ่มความร่วมมือ ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด รวมทั้งการส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การพัฒนาความมั่นคงทางทะเล และการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่อาเซียนเป็นศูนย์กลางอีกด้วย

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/921973
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วิกฤตโควิดส่งผลกระทบไปยังวงการธุรกิจทั่วโลกไม่ว่าจะขนาดเล็ก หรือใหญ่ ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานว่า ไฮไนเกน บริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ประกาศว่า จะปรับลดพนักงานราว 8,000 คนทั่วโลก หลังธุรกิจภาคบริการถูกสั่งปิดเนื่องจากการระบาดครั้งนี้
.
ไฮไนเกน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกเผยว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 204 ล้านยูโร (7,400 ล้านบาท) ในปี 2563 มีผลกำไรลดลงถึงร้อยละ 109 เมื่อเทียบกับปี 2562 และมียอดจำหน่ายเบียร์ราว 23,000 ล้านยูโร (8.3 ล้านล้านบาท)
.
ซึ่งลดลงร้อยละ 17 เนื่องจากบาร์และคาเฟ่ในหลายประเทศถูกสั่งปิดบริการ โดยที่มีร้านค้าน้อยกว่าร้อยละ 30 ในทวีปยุโรปที่เปิดบริการได้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
.
ด้านนายดอล์ฟ วอน เดน บริงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของไฮไนเกนกล่าวว่า ปี 2563 ถือเป็นปีที่บริษัทเผชิญกับการหยุดชะงักและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
.
ไฮไนเกนยังระบุในแถลงการณ์ว่า การระบาดโรคโควิด-19 และมาตรการของรัฐบาลทั่วโลก ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาด และธุรกิจของบริษัท
.
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการปรับโครงสร้างโดยรวมด้วยการปรับลดพนักงานราว 8,000 คนทั่วโลก รวมถึงพนักงานในสำนักงานใหญ่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ในขณะที่การปลดพนักงานในประเทศอื่น ๆ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่
.
ไฮไนเกนได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2407 ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ และจำหน่ายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์อีกกว่า 300 ยี่ห้อ เช่น ไฮไนเกน สตรองโบว์ และแอมส์เทล อีกทั้งยังมีพนักงานราว 85,000 คนทั่วโลก

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://ca.finance.yahoo.com/finance/video/heineken-ceo-impact-pandemic-beer-091950522.html

https://www.bloomberg.com/news/arti...-targets-cost-savings-as-pandemic-curbs-sales

https://tna.mcot.net/world-634877
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ว่านธรณีสาร
ว่านธรณีสาร ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus pulcher Wall. ex Müll.Arg.[1] จัดอยู่ในวงศ์มะขามป้อม (PHYLLANTHACEAE)

สมุนไพรว่านธรณีสาร มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะขามป้อมดิน (เชียงใหม่), เสนียด (กรุงเทพมหานคร), กระทืบยอด (ชุมพร), ก้างปลาดิน ดอกใต้ใบ (นครศรีธรรมราช), ตรึงบาดาล (ประจวบคีรีขันธ์), ก้างปลาแดง ครีบยอด (สุราษฎร์ธานี), คดทราย (สงขลา), รุรี (สตูล), ก้างปลา (นราธิวาส) เป็นต้น[1],[3]

ลักษณะของว่านธรณีสาร

• ต้นว่านธรณีสาร จัดเป็นไม้พุ่งกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง มีความสูงของต้นประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นแผ่กิ่งก้านบริเวณใกล้กับปลายยอด เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ลำต้นมีลักษณะกลมและมีรอยแผลใบตามลำต้น มีขนนุ่มตามกิ่งอ่อนและใบประดับ ส่วนอื่น ๆ ของต้นเกลี้ยง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด พบขึ้นกระจายอยู่ตามป่าผลัดใบ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 400 เมตร[3]

• ใบว่านธรณีสาร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแน่นในระนาบเดียวกันบริเวณปลายยอด มีใบย่อยประมาณ 15-30 คู่ ในแต่ละกิ่งย่อย ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานเบี้ยว หรือเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบมน โคนใบมนเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบ ปลายสุดมีติ่งแหลมขนาดเล็ก ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 0.8-1.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.52.5 เซนติเมตร แผ่นใบแผ่และบาง แผ่นใบเรียบทั้งสองด้าน หลังใบสีเขียว ส่วนท้องใบเป็นสีเทาแกมเขียว มีเส้นใบข้างประมาณ 6-8 คู่ ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 0.8-1.5 มิลลิเมตร ก้านมีสีแดงเล็กน้อย ส่วนหูใบมีสีน้ำตาลแดง ลักษณะเป็นรูปหอกแกมรูปสามเหลี่ยม มีขนาดประมาณ 3-4 x 1.5-2 มิลลิเมตร[3]

• ดอกว่านธรณีสาร ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีแดงเข้ม และเป็นแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ใบประดับมีขนนุ่มที่ฐาน โดยดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นกระจุกตามซอกใบ มีกลีบดอก 4 กลีบ โคนสีแดง ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ก้านชูสั้น เชื่อมติดกัน อับเรณูแตกตามยาว ก้านดอกบาง ยาวได้ประมาณ 5-10 มิลลิเมตร และกลีบเลี้ยงดอกมี 4 กลีบ กลีบเลี้ยงมีสีแดงเข้ม ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ขอบแหว่ง มีขนาดประมาณ 2-3 x 1-2 มิลลิเมตร มีต่อม ขานฐานดอกเป็นต่อม 4 อัน เป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปไตแบนบาง มีขนาดกว้างประมาณ 0.5-0.7 มิลลิเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกจะห้อยลง เรียงกันอยู่หนาแน่นตามใต้ท้องใบ กลีบดอกเพศเมียมี 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ขอบแหว่ง มีขนาดประมาณ 3.5-4 x 1.5 มิลลิเมตร มีรังไข่เป็นรูปกึ่งกลม เกลี้ยง ส่วนปลายมีพู 6 พู ภายในรังไข่มีห้อง 3 ห้อง และมีก้านชู 3 อัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน[3]

• ผลว่านธรณีสาร ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม มีขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ผิวผลเกลี้ยง เป็นสีน้ำตาลอ่อน ก้านผลยาวประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร และมีกลีบเลี้ยงติดอยู่คงทน ผลจะออกเรียงเป็นแนว ดูเป็นระเบียบอยู่ใต้ใบ โดยจะติดผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน[3]

สรรพคุณของว่านธรณีสาร

1. รากมีรสจืดเย็น สรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน (ราก)[3] หรือจะใบนำมาตำให้แหลกผสมกับน้ำซาวข้าวหรือเหล้า ใช้พอกดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ (ใบ)[5] ส่วนมาเลเซียจะใช้ใบเป็นยาแก้ไข้สูง (ใบ)[3]
2. ใบแห้งนำมาบดให้เป็นผง ใช้แทรกพิมเสนกวาดคอเด็ก เพื่อลดไข้ รักษาอาการตัวร้อน รักษาพิษตานทรางของเด็ก รักษาแผลในปาก และยังเป็นยาขับลมในลำไส้อีกด้วย (ใบ)[1],[2],[3],[4] หรือจะใช้ใบนำมาขยำเอาน้ำใช้ชโลมทาเป็นยาลดไข้สำหรับเด็ก (ใบ)[7]
3. ช่วยแก้พิษตานซางเด็ก (ราก)[3]
4. ต้นใช้ภายนอกเป็นยาล้างตา (ต้น)[3],[7]
5. ใบว่านธรณีสารนำมาตำ ใช้พอกเหงือกแก้อาการปวดฟัน และแก้โรคเหงือก (ใบ)[3],[7]

1. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ราก)[3]
2. ต้นนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวดท้อง (ต้น)[1],[3],[7]
3. ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะอาหาร (ใบ)[3]
4. ต้นใช้ฝนทาท้องเด็ก ช่วยแก้ขัดเขา (ต้น)[6]
5. ช่วยแก้นิ่วในไต (ใบ)[3]
6. ต้นใช้เป็นยาทาท้องเด็ก ช่วยทำให้ไตทำงานตามปกติ และเป็นยาแก้ไข้ (ต้น)[7]
7. ที่ประเทศมาเลเซียจะใช้ใบเป็นยาแก้แผล แก้ปวดแผลจากอาการไหม้ แก้บวมคัน (ใบ)[3]
8. ต้นใช้เป็นยาทาผิวหนัง แก้ผิวหนังอักเสบ และแก้อาการคัน (ต้น)[7]
9. ใบใช้ตำพอกแก้ผื่นคันตามร่างกาย (ใบ)[1],[2],[3]
10. ใบใช้ภายนอกเป็นยาพอกฝี ดูดหนองรักษาแผลได้ดี (ใบ)[1],[2],[5] ส่วนต้นใช้ฝนทาแก้ฝีอักเสบ พิษฝีอักเสบ (ต้น)[3],[6]
11. ใบใช้ตำพอกแก้อาการบวม แก้ปวดบวม (ใบ)[1],[2],[3]
12. ใบใช้ตำผสมกับข้าวเหนียวดำ ใช้เป็นยาพอกแก้กระดูกหัก (ใบ)[7]

ประโยชน์ของว่านธรณีสาร

• ว่านธรณีสารจัดเป็นไม้มงคลโบราณที่นิยมนำมาใช้ประกอบทำน้ำมนต์ โดยใช้ใบว่านธรณีสารชุบกับน้ำมนต์ ใช้ประพรมเพื่อเป็นการปัดรังควานและเสนียดจัญไร จึงนิยมปลูกกันไว้ตามวัด ส่วนการปลูกตามบ้านมีบ้างประปราย[3]
• คนไทยโบราณเชื่อว่าถ้าปลูกต้นธรณีสารไว้กับบ้านจะเป็นสิริมงคล ทำให้มีความสุขร่มเย็น หากว่านธรณีสารงอกงามดี จะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเจ้าของจะได้เกียรติยศ ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม หรือมีโชคลาภ และยังเชื่อด้วยว่าว่านธรณีสารสามารถแผ่อิทธิคุณ ช่วยคุ้มครองอาณาบริเวณให้รอดพ้นจากมนต์ดำต่าง ๆ ช่วยปัดเสนียดจัญไรไม่ให้เข้ามาทำอันตรายได้ สำหรับการปลูก ว่านชนิดนี้มักขึ้นในที่ร่ม ให้ใช้กระถางใบใหญ่ ส่วนดินที่ใช้ปลูก ให้ใช้ดินร่วน หากใส่ปุ๋ยคอกด้วยก็จะช่วยให้เจริญเติบโตได้เร็วขึ้น และเมื่อเอาดินกลบหัวว่านอย่ากดดินให้แน่น และให้รดน้ำพอชุ่ม ๆ ซึ่งก่อนรดให้สวดด้วยคาถา "นโม พุทธยะ" จำนวน 3 จบก่อนทุกครั้ง เมื่อว่านตั้งตัวได้ควรให้ได้รับแสงแดดรำไร เพื่อหัวว่านจะได้มีขนาดใหญ่ และควรปลูกว่านธรณีสารในวันพฤหัสบดีข้างขึ้นจะดีที่สุด[5]

เอกสารอ้างอิง

1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ว่านธรณีสาร (Wan Thorani San)”. หน้า 274.
2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ว่านธรณีสาร”. หน้า 162.
3. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ว่านธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [02 มิ.ย. 2014].
4. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ธรณีสาร”. หน้า 355.
5. ว่านและสมุนไพรไทย, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. “ว่านธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/. [02 มิ.ย. 2014].
6. ไทยเกษตรศาสตร์. “สมุนไพรธรณีสาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [02 มิ.ย. 2014].
7. คู่มือการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตำบลลำพะยา. “ว่านธรณีสาร”. หน้า 34.

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Chatchai Powthongchin, judymonkey17, Tai Lung Aik, Cerlin Ng, Ahmad Fuad Morad)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

https://medthai.com/ว่านธรณีสาร/

 

ใกล้ถึงเทศกาลวัน "ตรุษจีน" กันแล้ว แอดมินเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนรอคอยเทศกาลนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน รวมถึง ชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งช่วงนี้ต่างก็เริ่มเตรียมของเพื่อทำการไหว้บรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลกันบ้างแล้ว แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า "วันตรุษจีน" มีความเป็นมาอย่างไร ?? วันนี้ แอดมินจะมาเล่าให้ฟังครับ
.
.
วันตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนและถือเป็น “วันขึ้นปีใหม่” ของชาวจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า “กัวชุนเจี๋ย” หรือ “กัวเหนียน” โดยต้นกำเนิดวันสำคัญวันนี้ เล่ากันว่า ในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า “ปีศาจเหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ สวรรค์จึงลงโทษเหนียนโดยคำสาปทำให้แข็งกลายเป็นหิน แต่ใน 1 ปี คำสาปนี้จะคลายลงในวันสิ้นปี ก่อนที่จะกลับมาแข็งเป็นหินใหม่อีกครั้ง เมื่อแสงอาทิตย์ของวันปีใหม่จีนส่องลงมา
.
ดังนั้น ในทุก ๆ สิ้นปี ผู้คนในหมู่บ้านบนภูเขาต่างก็อุ้มลูกจูงหลานเข้าไปในหุบเขาลึก และซ่อนตัวไม่ให้ปีศาจเหนียน มาทำร้าย และอยู่มาในปีหนึ่ง มีชายแก่คนหนึ่งเดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน และบอกชาวบ้านที่กำลังหวาดกลัวและเตรียมอพยพว่า เขาจะช่วยปราบ ปีศาจเหนียนให้ แต่ไม่มีใครเชื่อชายแก่ดังกล่าวและหนีขึ้นไปหลบในป่าทั้งหมด
.
พอถึงเวลาที่ ปีศาจเหนียน มาถึงหมู่บ้านมันสังเกตเห็นบ้านหลังหนึ่งจุดเทียนสว่างไสว หน้าประตูมีกระดาษสีแดงแปะไว้อยู่ ทำให้มั่นเริ่มตัวสั่นจากความกลัว และส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนจะวิ่งพุ่งตรงเข้าไปในบ้านหลังนั้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงประทัดดังออกมา ทำให้ปีศาจเหนียน ตกใจกลัวจนวิ่งหนีกลับออกไปทันที เมื่อชาวบ้านกลับมาถึง สภาพหมู่บ้านกลับดูเหมือนไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น และนึกถึงคำที่ “ชายแก่” บอกว่าจะช่วยปราบ ปีศาจเหนียน ให้ จึงไปที่บ้านหลังนั้น ก่อนจะพบกับกระดาษสีแดงหน้าประตู กองไฟ และเศษประทัดตกอยู่ ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าจุดอ่อนของ เหนียน คือกลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนรู้วิธีไล่ ปีศาจเหนียน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเชื่อว่า “ชายแก่” คนนั้น คือ “เง็กเซียนฮ่องเต้” ที่แปลงกายลงมาบอกวิธีปราบ ปีศาจเหนียนให้นั่นเอง
.
เมื่อวันตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้คือต้นกำเนิดการจุดประทัดในวัน “ตรุษจีน” นั้นเอง และเมื่อ ปีศาจเหนียน มาถึงหมู่บ้านในตอนเย็น มันจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า “วันตรุษจีน” นั้นเอง
#ChinaStory #เรื่องเล่าจีน #เรื่องจีนจีน #วันตรุษจีน #กำเนิดวันตรุษจีน #ขึ้นปีใหม่จีน

 

จีน เปิดตัวคบเพลิงมหกรรมกีฬา“โอลิมปิกและพาราลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง 2022” โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เฟยหยาง” ลักษณะของคบเพลิงกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ มีสีเงินและแดง เป็นสัญลักษณ์ของ “การพบกันของน้ำแข็งและไฟ โบยบินอย่างมีชีวิตชีวา สาดส่องน้ำแข็งและหิมะ ทำให้โลกอบอุ่น” ส่วนคบเพลิงของกีฬาพาราลิมปิกนั้น เลือกใช้สีเงินและทอง ซึ่งแสดงถึงความรุ่งโรจน์และความใฝ่ฝัน สะท้อนคุณค่าของการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกที่แสดงถึง “ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ความกระตือรือร้นและความเสมอภาค”
.
ในส่วนบริเวณปลายด้านล่างสุดของคบเพลิงมีตัวอักษรเบรลล์เขียนว่า “งานกีฬาพาราลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง 2022” ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมของคบเพลิงงานกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง 2022 นี้สอดรับกับหอคอยคบเพลิงหลักในพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 คบเพลิงลงลายเมฆมงคลจากล่างขึ้นบน ค่อยๆ เปลี่ยนจากภาพเมฆมงคลเป็นภาพเกล็ดหิมะแบบกระดาษตัด หมุนขึ้น ราวกับริบบิ้นพลิ้วไสว
.
การออกแบบคบเพลิงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งว่าโอลิมปิกคือการผสานกันของกีฬากับวัฒนธรรม ศิลปะและเทคโนโลยี มีทั้งการสืบทอดทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรมของจีนได้รับการจัดแสดงอย่างสมบูรณ์แบบ สะท้อนถึงความพิเศษของ “เมืองแห่งโอลิมปิกคู่” อีกทั้งแสดงถึงจิตวิญญาณของโอลิมปิก
#ChinaStory #2022WinterOlympic #Paralympic #BeijingWinterOlympic2022 #เรื่องจีนจีน #เล่าเรื่องจีน

 

องค์การอนามัยโลกสรุปภารกิจ ค้นหาต้นตอไวรัสโควิด-19 ในอู่ฮั่น
.
1/ ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ในภารกิจค้นหาต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบการระบาดครั้งแรกที่อู่ฮั่นเมื่อเดือน ธ.ค. 2562
.
2/ มาถึงวันนี้ มีข้อสรุปแล้ว ทีมผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่น่าจะหลุดออกมาจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยในเมืองอู่ฮั่น แต่เป็นไปได้มากที่สุดที่ไวรัสแพร่จากสัตว์สู่คน
.
3/ ทำไมห้องทดลองของอู่ฮั่นโดนข้อกล่าวหานี้?
.
4/ เป็นเพราะสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ทำการรวบรวมตัวอย่างเชื้อไวรัสไว้มากมาย จนถูกโยงว่าอาจเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด เชื้อไวรัสหลุดออกมาจากห้องทดลองแพร่สู่ชุมชนโดยรอบ
.
5/ เรื่องนี้ รัฐบาลจีนปฏิเสธมาโดยตลอดและพยายามนำเสนอข้อเท็จจริงถึงที่มาของไวรัส จนนำมาสู่การที่ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้มีการค้นหา/สืบสวน/สอบสวนที่มาของไวรัสอย่างจริงจัง
.
6/ นายปีเตอร์ เบน เอมบาเรค ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อจากสัตว์ขององค์การอนามัยโลก แถลงยืนยันถึงการสอบสวนว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าที่เชื้อไวรัสจะระบาดผ่านตัวกลาง เรื่องนี้ยังคงต้องศึกษาวิจัยกันเพิ่มเติม
.
7/ แต่...ประเด็นที่ว่าห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ในอู่ฮั่นเป็นต้นเหตุ ‘เป็นไปได้น้อยมาก’ จึงมาถึงอีกบทสรุปว่า ‘ไม่แนะนำให้ตรวจสอบเพิ่มเติม’
.
8/ อีกประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกันหนักมากคือ ภารกิจขององค์การอนามัยโลกครั้งนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการเมืองสำหรับจีนอย่างมาก...
.
9/ และระหว่างที่ทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่อู่ฮั่น ทางการจีนมีข้อจำกัดมากมายและไม่เปิดโอกาสให้คณะของผู้เชี่ยวชาญพูดคุยกับสื่อมวลชนอีกด้วย
.
ที่มา: https://time.com/5937574/who-wuhan-lab-covid-19/
.

 

สหรัฐอเมริกา : แสงออโรรา ถ่ายเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์2564 ประมาณ 22:30ตามเวลาท้องถิ่น ในอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส ใกล้ทะเลสาบบิ๊กสโตนระหว่างรัฐมินนิโซตาตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเซาท์คาโคตา

ภาพ นี้ถ่ายโดย: la Rong EMS เป็นหนึ่งในบริการแพทย์

“วันนั้นเป็นวันที่อุณหภูมิหนาวจัด แต่ก็ยังมีแสงเหนือ ออกมาให้ทุกคนได้ชม ทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจ เป็นปรากฏการณ์ที่พิเศษสำหรับพวกเขา”

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ความคืบหน้ากรณี สายัณร์ ชาลีผล ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพา อ.เทพา จ.สงขลา โชว์อาวุธปืนออกมาหน้าเสาธง จากปัญหาส่วนตัวที่มีความสัมพันธ์กับนักเรียนหญิง ม.3 หลังจากที่ถูกแม่เด็กได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เทพา จ.สงขลา ล่าสุด ศังกร รักชูชื่น ผู้อำนวยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 เปิดเผยว่า ในส่วนผลการสอบสวนทางวินัย เบื้องต้นพบว่ามีมูลกระทำความผิดร้ายแรงและได้ส่งเรื่องไปยังศึกษาธิการจังหวัดสงขลา ซึ่งทางศึกษาธิการจังหวัดได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และการที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพา ได้ยื่นใบลาออกก็ไม่มีผล เพราะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

** หลังจากนี้ ทางศึกษาธิการจังหวัดสงขลา จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกรอบ เพื่อรับฟังข้อมูลทั้งจากผู้อำนวยการโรงเรียนเทพา และผู้เสียหายให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน หากสุดท้ายพบว่ามีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงจริง ก็จะมีความผิดสูงสุดถึงขั้นไล่ออกและให้ออก โดยโทษไล่ออกเป็นโทษทางวินัยสูงสุดไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ ส่วนโทษให้ออก ยังคงได้รับบำเหน็จบำนาญ

ในส่วนของความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผกก. สภ.เทพา จ.สงขลา เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้อำนวยการโรงเรียนเทพา อ.เทพา จ.สงขลา เพิ่มเติมรวมเป็น 4 ข้อหาคือ กระทำชำเราเด็ก พรากผู้เยาว์ พกพาอาวุธปืน และข้อหาล่าสุดคือกระทำอนาจาร และทีมสหวิชาชีพได้สอบปากคำเด็กเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงออกหมายเรียกผู้อำนวยการโรงเรียนเทพามารับทราบข้อกล่าวหาหรือเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเอง.

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ห้ามกินบ่อย!!! จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่า เบื้องหลังความกรอบของปาท่องโก๋อาจมีภัยเงียบจากผงกรอบ หรือที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่าน้ำประสานทองหรือบอร์แรกซ์ และการใช้น้ำมันทอดซ้ำของพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย ทำให้ สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างปาท่องโก๋ที่จำหน่ายในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยผลสุ่มตรวจปาท่องโก๋จำนวน 80 ตัวอย่าง ไม่พบสารบอร์แรกซ์และสารโพลาร์ในน้ำมันทอดซ้ำ แต่พบสารอะคริลาไมด์ (สารก่อมะเร็งในคน) ที่เกิดจากกระบวนการทอด แต่ยังอยู่ในระดับปลอดภัย แนะนำเพื่อรักษาสุขภาพไม่ควรกินต่อเนื่องทุกวัน.
---------------------------------
อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...n9udDbNCLXtxCdFMKjuqTXpLKU6OQPbXWqMxwOe4JTBWc

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ชนิดใหม่ของโลก!!! ล่าสุด ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เปิดเผยว่า ดร.เจนนิเฟอร์ เหลืองสอาด และคณะวิจัย จากทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร (APMT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ค้นพบราแมลงชนิดใหม่ของโลกรวม 47 สปีชีส์ โดยเป็นสกุลใหม่รวม 8 สกุล เตรียมศึกษาเพิ่มเติมหาราแมลงบางชนิดที่มีคุณสมบัติสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพระดับห้องปฏิบัติการ เพื่อขยายผลใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์ต่อไป

ราแมลง คือ ราที่ก่อโรคในแมลงและแมง โดยราจะเข้าไปอาศัยในตัวแมลงเพื่อใช้เป็นแหล่งอาหาร ราจะค่อยๆ เจริญเติบโตจนแมลงเจ้าบ้านตายในที่สุด และจะพัฒนาโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ที่เต็มไปด้วยสปอร์งอกบนซากของแมลง สปอร์ราที่มีการพัฒนาสมบูรณ์แล้วก็พร้อมเข้าทำลายแมลงเจ้าบ้านตัวใหม่ต่อไป ราแมลงสามารถพบได้ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ และพื้นที่การเกษตรที่ปลอดสารเคมี.
----------------------------------------
อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...zAAK6Q09K0gpk7t41a4WEwkXydcT5AyyoKXHRcMEajyDk

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว อินโดนีเซียพร้อมอพยพพลเมืองออกจากเมียนมา หากสถานการณ์ทางการเมืองเข้าขั้นวิกฤต ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์เตรียมเครื่องบินไปรับพลเมืองในเมียนมากลับประเทศสัปดาห์หน้า

กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า มีชาวฟิลิปปินส์ที่พำนักในเมียนมา 252 คน แสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศ ในขณะที่สถานการณ์การประท้วงต่อต้านรัฐประหารเริ่มตึงเครียดมากขึ้น โดยฟิลิปปินส์จะส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับพลเมืองกลับจากเมียนมา ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ และสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ในย่างกุ้ง อยู่ระหว่างการยืนยันรายชื่อผู้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ อย่างไรก็ดี เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ ระบุว่า เหตุผลที่ชาวฟิลิปปินส์ต้องการเดินทางออกจากเมียนมา ไม่เกี่ยวกับการรัฐประหาร แต่เป็นเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19

ขณะที่เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเมียนมา ระบุว่า พร้อมที่จะอพยพพลเมืองอินโดนีเซียกลับประเทศหากสถานการณ์เลวร้ายลง โดยเป็นขั้นตอนหนึ่งของแผนรับมือจากกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานชาวอินโดนีเซียได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเมียนมา ยังขอให้ชาวอินโดนีเซียติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกที่พักอาศัยโดยไม่จำเป็น.

 

#WHOบุกสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น
#มารู้จักBat_Womanคนดังของจีน
#ผู้รวบรวมสายพันธุ์ไวรัสโคโรน่าจากค้างคาวมากที่สุด

หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตั้งทีมสืบสวนต้นกำเนิดของไวรัส Covid-19 จุดเริ่มต้นของการติดเชื้อจากสัตว์สู่มนุษย์ จนกลายเป็นการระบาดระดับโลกมานานมากกว่า 1 ปี มีผู้ติดเชื้อทะลุ 100 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วถึง 2.3 ล้าน

เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะยืดอกยอมรับว่า ประเทศฉันนี่แหล่ะ ที่เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวเหล่านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดศูนย์กลางของการระบาดครั้งแรกที่ทำให้คนรู้จักเชื้อไวรัสตัวนี้ เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน

และกลายต้นกำเนิดของสารพัดทฤษฎี ข่าวลือ และข้อกล่าวหาพุ่งตรงมาที่จุดเดียวกัน ที่สถาบันวิจัยไวรัสแห่งชาติ ในเมืองอู่ฮั่นแห่งนี้

และผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยไวรัสอูฮั่นคนปัจจุบันก็คือ ด็อกเตอร์ สือ เจิ้งลี่ ผู้ได้รับสมญานามว่า Bat Woman มนุษย์ค้างคาวหญิงผู้ไล่ล่า รวบรวมสายพันธุ์ไวรัสโคโรน่าที่พบในค้างคาวมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

ดังนั้น ทีมสอบสวนต้นกำเนิด Covid-19 ของ WHO จึงต้องขอเข้าถ้ำบุกรังวิจัยของมนุษย์ค้างคาวหญิงแห่งประเทศจีนเพื่อสืบหาความจริง

และผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ก็ต้องทึ่งกับงานวิจัยจำนวนมากมายที่ได้ศึกษาค้นคว้าจากในแล็บของสถาบันแห่งนี้ แต่ก็ต้องยอมรับถึงการรักษาความปลอดภัยภายในห้องวิจัยที่เข้มงวดสุดยอด ที่ด็อกเตอร์ สือ เจิ้งลี่ ยืนยันด้วยเกียรติเป็นประกันว่า ไม่มีทางที่จะมีเชื้อไวรัสหลุดรอดออกจากห้องแล็บได้เป็นอันขาด

แม้การตรวจเยี่ยมสถาบันวิจัย และพูดคุยเจาะลึกกับ Bat Woman คนดังโดยทีมสืบสวนจาก WHO ที่ต่างยอมรับว่าตอนนี้ยังหาจุดบอดในสถาบันวิจัยอู่ฮั่นไม่ได้ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ทันทีว่าต้นกำเนิดของCovid-19 หลุดจากแล็บจีนแห่งนี้จริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจาก WHO บอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย การหาความจริงให้ถึงที่สุดก็ไม่ควรใจร้อน

สือ เจิ้งลี่ หรือ Bat Woman นับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสอันดับต้นๆของจีน แต่หากเจาะลึกเฉพาะไวรัสโคโรน่าที่มาจากค้างคาว เธอคือเบอร์ 1 ไม่ต้องสงสัย

งานวิจัยของเธอเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2005 เมื่อทีมวิจัยของเธอค้นพบว่า ค้างคาวเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่านานาชนิด ที่น่าจะเกี่ยวกับการระบาดของโรค SARS ในช่วงปี 2002 - 2004 ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรวบรวมข้อมูลเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่เก็บตัวอย่างได้จากค้างคาวเกือกม้าทั่วประเทศจีนเป็นเวลานานถึง 16 ปี

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เธอไล่ล่าหาร่องรอยของเชื้อไวรัสโคโรน่า เธอยอมรับว่าเคยรู้สึกท้อ เหมือนคนเดินหลงทางนับครั้งไม่ถ้วน มีเสียงคร่ำครวญจากมุมมืดในจิตใจหลายต่อหลายครั้งว่า จะเสียเวลาตามหาให้เหนื่อยทำไม โรค SARS มันไม่ได้เกิดจากค้างคาวหรอก เลิกๆไปเถอะ

แต่เธอไม่ยอมแพ้ ตั้งสมมติฐานใหม่ว่า เป็นไปได้ไหมว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าในค้างคาวมีการฟักตัวเป็นแค่ช่วงๆตามฤดูกาล และยังพบว่าค้างคาวบางตัวก็มีภูมิคุ้มกันไวรัส เมื่อมีการระบาดในฝูง ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าเก็บข้อมูลต่อไป

และในที่สุด ทีมสำรวจก็มาพบร่อยรอยเชื้อไวรัสโคโรน่าที่ในค้าวคาวเกือกม้าที่อยู่ในถ้ำสือโถว ที่เมืองคุนหมิง มณฑลยุนนาน ที่มีพันธุกรรมใกล้เคียงกับเชื้อ SARS ทีมวิจัยของเธอจึงปักหลักเก็บข้อมูลที่ถ้าสือโถวต่ออีก 5 ปี จนสามารถสืบค้นสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่าในค้างคาวได้เป็นจำนวนมาก จนสามารถสรุปได้ว่า ค้างคาวคือแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติของไวรัสตัวนี้

จนในที่สุด ก็สามารถสืบหาต้นตอของ SARS ได้ว่า มาจากค้างคาวเกือกม้าในถ้ำเขตชุมชนพื้นเมืองซีหยาง ซึ่งมนุษย์ได้รับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางชะมด ที่ติดเชื้อจากค้างคาวอีกที

จากความสำเร็จของการค้นพบนี้จึงกลายเป็นที่มาของฉายา Bat Woman มนุษย์ค้างคาวหญิงของจีน

วาปกลับมาในช่วงปลายปี 2019 เกิดโรคประหลาดเกี่ยวทางเดินหายใจระบาดที่ตลาดซีฟู้ดในเมืองอู่ฮั่น สือ เจิ้งลี่ ได้รับโทรศัพท์จากผู้บังคับบัญชาของเธอแต่เช้าว่า เป็นไปได้ที่จะเกิดโรค SARS ระบาดอีกแล้ว และอาจจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ ให้เธอรีบเข้ามาตรวจสอบด่วน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ผู้บังคับบัญชายังถามกึ่งทีเล่นทีจริงว่า หลุดออกมาจากแล็บของเธอหรือเปล่า?

แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่จะมาขำ สือ เจิ้งลี่ ตั้งทีมตรวจสอบตัวอย่างเชื้อไวรัสที่ได้มาใหม่ กับฐานข้อมูลไวรัสทั้งหมดที่เธอมี รวมถึงข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในห้องแล็บของเธอ ทั้งการเก็บเชื้อ การทำลายตัวอย่าง และเธอแน่ใจว่าตลอดหลายปีที่ Bat Woman ประจำการอยู่ในห้องแล็บ ทุกอย่างทำตามระเบียบขั้นตอนด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และเชื้อไวรัสโคโรน่าที่ค้นพบใหม่ในอู่ฮั่น ไม่มีในฐานข้อมูลไวรัสที่เคยมีของเธอแม้แต่ตัวเดียว

แต่หากดูจากรหัสพันธุกรรม พบว่ามีความใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่พบในค้างคาวเกือกม้าในยุนนานถึง 96% และก็ตรงตามที่สือ เจิ้งลี่ เคยกล่าวไว้ว่า ค้างคาวคือแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติของไวรัสโคโรน่า

วันนี้เราจึงได้รู้จักไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า SARS-CoV-2 หรือ Covid-19

ท่ามกลางข่าวลือสะพัด ถึงทฤษฎีอาวุธชีวภาพล้างโลก ที่มีการตัดต่อสายพันธุกรรมเชื้อไวรัสออกมาโจมตีประเทศตรงข้าม หรือทฤษฎีสมคบคิดที่จะลดประชากรโลก หรือจากกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากธุรกิจวัคซีน รวมถึงการชี้เป้ามาที่สถาบันวิจัยไวรัสแห่งเมืองอู่ฮั่น

แต่สือ เจิ้งลี่ กลับได้รับการติดต่อจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจากทั่วโลก เพื่อขอความร่วมมือในด้านวิชาการ เพื่อทำความเข้าใจเชื้อไวรัสโคโรน่า จากความรู้ ประสบการณ์ และฐานข้อมูลไวรัสที่เธอดั้นด้น เสาะหามาด้วยตัวเอง

และเธอบอกว่า เธอยินดีเปิดเผยข้อมูลงานวิจัยของเธอทุกอย่าง หากจะช่วยให้ค้นหาความจริงของเชื้อไวรัสได้เร็วขึ้น และสือ เจิ้งลี่ เคยเตือนว่า ยังมีเชื้อไวรัสโคโรน่าอีกมากมายมหาศาล ที่ยังไม่ถูกค้นพบ

การแพร่กระจายจากไวรัสในสัตว์สู่คนอาจเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และมนุษย์ยังต้องเสี่ยงกับโรคระบาดใหม่ๆอีกมากมายในอนาคต

และวันนี้ สือ เจิ้งลี่ ก็เปิดแล็บต้อนรับทีมงานสืบสวนจาก WHO ให้เข้ามาตรวจสอบ และสอบถามข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งก็ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน โปร่งใสเป็นที่น่าพอใจ

นับเป็นคดีที่อยู่ในสายตาชาวโลก หากเราได้คำตอบที่แท้จริงจากต้นกำเนิดของไวรัส ก็น่าจะช่วยให้เราหาแนวทางป้องกันภัยซ่อนเร้นจากเชื้อไวรัสตัวใหม่ ที่อาจกลายเป็นมหันตภัยโรคระบาดได้ในอนาคตก็ได้

แหล่งข้อมูล

https://www.reuters.com/article/us-...isits-wuhan-lab-meets-bat-woman-idUSKBN2A309F

https://www.scmp.com/news/china/sci...-19-origin-investigators-visit-wuhan-virology

https://www.scientificamerican.com/...wn-viruses-from-sars-to-the-new-coronavirus1/

https://m.economictimes.com/news/in...obe-covid-19-origins/articleshow/80289538.cms