ติดตามสถานะการณ์

ญี่ปุ่นผ่านกฎหมายลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด
.
ญี่ปุ่น 4 ก.พ. - รัฐสภาญี่ปุ่นรับรองการแก้ไขกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ โดยกำหนดบทลงโทษทั้งบุคคลและธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
ร่างกฎหมายที่ผ่านการลงมติเมื่อวันพุธที่ 3 ก.พ. เพิ่มมาตรการบังคับเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นทำได้เพียง “ขอความร่วมมือ” จากประชาชน และให้เงินช่วยเหลือกับภาคธุรกิจเพื่อให้ลดเวลาทำการ
.
กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า โดยผู้ติดเชื้อที่ปฏิเสธการรักษาหรือกักตัวมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 เยน (ราว 150,000 บาท) ผู้ที่ไม่แจ้งเส้นทางการติดเชื้อหรือไม่ให้ข้อมูลมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 เยน (ราว 100,000 บาท)
.
ร้านอาหารและธุรกิจที่ไม่ร่วมมือลดเวลาทำการ มีโทษปรับไม่เกิน 300,000 เยน (ราว 100,000 บาท)
.
กฎหมายนี้ยังจะให้รัฐบาลสามารถออกมาตรการเพื่อจำกัดสิทธิบางอย่างของประชาชนได้ ถึงแม้จะไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
.
ก่อนหน้านี้ เคยมีกรณีผู้ติดเชื้อไม่ยอมหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว รวมทั้งออกจากโรงพยาบาลไปแช่น้ำแร่ร้อนจนแพร่เชื้อไปทั่ว และในการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งล่าสุดนี้ ร้านอาหารจำนวนมากก็ไม่ร่วมมือลดเวลาทำการ โดยอ้างว่าเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากรัฐบาลไม่เพียงพอ จำเป็นต้องทำธุรกิจเหมือนเดิม
.
เดิมรัฐบาลญี่ปุ่นเสนอใช้มาตรการลงโทษจำคุก และปรับเงินสูงถึง 1 ล้านเยนกับผู้ที่ไม่ร่วมมือในการควบคุมโรค แต่ในการพิจารณาในรัฐสภา รัฐบาลถูกโจมตีอย่างหนักเพราะมีกรณี สส.พรรครัฐบาลหลายคนไปสังสรรค์ยามราตรี แต่กลับจะใช้มาตรการเข้มงวดกับประชาชน สุดท้ายรัฐบาลจึงต้องยอมถอย โดยยกเลิกโทษอาญา และลดจำนวนเงินค่าปรับลง.

 

มาเลเซียตั้งเป้าฉีดวัคซีนโควิดให้เสร็จในปีหน้า
.
กัวลาลัมเปอร์ 4 ก.พ. – รัฐบาลมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า ทางรัฐบาลคาดหวังว่าจะสามารถดำเนินการโครงการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่ประชาชน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งจะครอบคลุมประชาชนร้อยละ 80 ของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ราว 32 ล้านคน
.
นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน กล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ในวันนี้ว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงแรกนั้น จะอยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และจะครอบคลุมผู้ที่อยู่ในแนวหน้าประมาณ 500,000 คน
.
หลังจากนั้นจะเป็นกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงอีก 9.4 ล้านคน ซึ่งจะเข้าฉีดวัคซีนระหว่างเดือนเมษายนถึงสิงหาคม และโครงการระยะที่ 3 เป็นระยะสุดท้าย จะครอบคลุมประชากรมากกว่า 16 ล้านคน ที่เป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งจะฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
.
เมื่อวานนี้ รัฐบาลมาเลเซีย กล่าวว่า วัคซีนชุดแรกที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐกับไบออนเทค บริษัทหุ้นส่วนจากเยอรมนี กำลังถูกส่งมาและคาดว่าจะมาถึงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์
.
มาเลเซียลงนามในสัญญากับไฟเซอร์ 2 ฉบับเพื่อจัดซื้อวัคซีน 25 ล้านโดส นอกจากนั้น ยังมีข้อตกลงซื้อวัคซีนจากสถาบันวิจัยกามาเลยา ของรัสเซียและซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ของจีนอีกรวมแล้ว 18.4 ล้านโดส ในขณะดียวกันมาเลเซียยังจะได้รับวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ซึ่งจะส่งมอบ 2 ครั้ง.

 

"โมริ" ประธานจัดโอลิมปิกญี่ปุ่นถอนคำพูดดูหมิ่นสตรี แต่ไม่ลาออก
.
โตเกียว 4 ก.พ. – นายโยชิโร โมริ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพกล่าววันนี้ขอโทษที่แสดงความคิดเห็นที่เป็นการเหยียดเพศว่าผู้หญิงพูดเยอะเกินไป แต่ระบุว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าคำกล่าวของเขาจะทำให้เกิดกระแสไม่พอใจและถูกตำหนิในสื่อสังคมออนไลน์
.
นายโมริ วัย 83 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เปิดแถลงข่าวเป็นการเร่งด่วนในวันนี้พร้อมกับกล่าวคำขอโทษแต่เมื่อเขาถูกกดดันถามว่า เขาคิดจริง ๆ หรือไม่ว่า ผู้หญิงพูดมากเกินไป เขาตอบว่า เขาไม่ทราบเพราะไม่ค่อยได้ฟังผู้หญิงพูดเท่าไหร่ในช่วงนี้
.
แฮชแทก “โมริ กรุณลาออก” ติดเทรนทวิตเตอร์ในญี่ปุ่นเมื่อตอนเช้าวันนี้และผู้ใช้ทวิตเตอร์บางรายทวีตข้อความเรียกร้องให้บริษัทที่สนับสนุนการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกให้กดดันคณะกรรมการจัดการแข่งขันให้ปลดนายโมริออกจากตำแหน่ง
.
เมื่อครั้งที่นายโมริ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาก็ตกเป็นข่าวกรณีใช้คำพูดไม่เหมาะสมอยู่หลายครั้ง และครั้งนี้เขากล่าวแสดงความคิดเห็นที่เป็นการดูหมิ่นสตรีในระหว่างการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้
.
โดยเขากล่าวในระหว่างการประชุมว่า หากมีการเพิ่มจำนวนสตรีที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการชุดนี้ คงจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการพูดให้กับสมาชิกสตรี เนื่องจากพูดไม่ยอมจบง่ายๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ
.
นายโมริ กล่าวในวันนี้ยอมรับว่า คำพูดของเขาไม่เหมาะสมและไม่เป็นไปตามจิตวิญญาณของโอลิมปิก เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งและขอถอนคำพูดดังกล่าว นายโมริรวบรัดจบการแถลงข่าวในวันนี้หลังจากผู้สื่อข่าวถามซ้ำๆ ย้ำ เกี่ยวกับคำพูดของเขา
.
ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถามว่า นายโมริยังคงคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นหนึ่งในสมาฃิกของคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหรือไม่ นายโมริไม่ตอบแต่ถามกลับผู้สื่อข่าวว่า เขามีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้.

 

ทหารเมียนมาสั่งปิดด่านท่าขี้เหล็ก งดขนส่งสินค้า ห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด
.
แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก 4 ก.พ. - ผู้สื่ข่าวรายงายว่า บรรยากาศที่ด่านพรมแดนบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ช่วงเช้าที่ผ่านมายังเป็นไปตามปกติ กระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. ทหารเมียนมาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กปิดประตูด่านกะทันหัน และแจ้งงดการขนส่งสินค้าทันที จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทำให้การค้าชายแดนหยุดชะงักไปทันที
.
นอกจากนี้ หน่วยทหารในจังหวัดท่าขี้เหล็กจำนวน 3 หน่วย ได้ถูกสั่งให้เตรียมความพร้อม เพื่อสามารถออกปฏิบัติการตามคำสั่งได้ตลอดเวลา ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่ามีการส่งกองกำลังบางส่วนไปประจำอยู่ตามด่านตรวจสำคัญต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างเมือง เช่น ด่านหมากยาง บนถนน R3B เชื่อมระหว่างจังหวัดท่าขี้เหล็กกับเมืองเชียงตุง ห้ามประชาชนทั่วไปเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว ยกเว้นทหาร
.
สำหรับการใช้ชีวิตของประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กไม่ได้มีการควบคุมเข้มงวดมากนัก มีเพียงตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่การปิดด่านพรมแดนไทย - เมียนมา จะส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กที่พึ่งพาสินค้าจากฝั่งไทยได้รับผลกระทบ ในขณะที่การส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท ก็จะหายไปด้วย
.
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา ทางการเมียนมาได้มีคำสั่งเปิดด่านพรมแดนไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังปิดด่านไป 4 ชั่วโมง ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั้งหมด ต่างรีบเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่ง เพื่อขนสินค้าที่แออัดอยู่หน้าด่านพรมแดนกันอย่างคึกคัก
.
ขณะที่ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ด่านศุลกากรแม่สาย เพื่อสรุปสถานการณ์ ด้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้จัดส่งคนไทย 4 คน ที่แจ้งขอกลับประเทศไทย และมีกำหนดจะกลับเข้ามาในช่วงเช้า แต่มีการปิดด่านเสียก่อน กลับประเทศทันที.

 

ฝ่ายหนุนกองทัพพม่าจัดชุมนุมใหญ่ฉลองรัฐประหารกลางเนปีดอ ฝ่ายต้านหันพึ่งเฟซบุ๊กแม้ถูกรัฐกั้นสัญญาณ
.
เอเอฟพี. 4 ก.พ. - นายพลของพม่าสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจำกัดการเข้าถึงเฟซบุ๊กวันนี้ (4) ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า โลกต้องร่วมกันกดดันให้การรัฐประหารของกองทัพพม่าล้มเหลว
.
ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กลับเข้าสู่การปกครองของทหารโดยตรงอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ (1) หลังจากนางอองซานซูจี ผู้นำโดยพฤตินัย และผู้นำพลเรือนคนอื่นๆ ถูกควบคุมตัวในการบุกจับกุมยึดอำนาจตั้งแต่เช้ามืด ยุติการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
.
การรัฐประหารเรียกเสียงประณามจากนานาประเทศ และก่อให้เกิดความวิตกว่ากองทัพจะพาประชากร 54 ล้านคน กลับไปสู่การปกครองของรัฐบาลทหารที่เปลี่ยนพม่าให้กลายเป็นประเทศที่กดขี่ปราบปรามและยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย
.
ในการยึดอำนาจครั้งนี้ ยังไม่มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของผู้คนจำนวนมากปรากฏให้เห็น เนื่องจากทหารได้กระจายกำลังอยู่ตามท้องถนนของเมืองใหญ่ต่างๆ
.
แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้สนับสนุนกองทัพหลายร้อยคนจัดการชุมนุมกันที่กรุงเนปีดอ เมืองหลวงของประเทศวันนี้ (4) เพื่อสนับสนุนการรัฐประหาร โดยโบกธงสีแดงของกองทัพ
.
ผู้ชุมนุมบางคนถือป้ายที่มีข้อความระบุว่า “ไม่ต้องการคนทรยศชาติที่พึ่งพาต่างชาติ” และ “กองทัพที่รักประชาชน...ขอให้ประสบความสำเร็จ”
.
ในอีกด้านหนึ่ง ยังมีประชาชนอีกกลุ่มหลั่งไหลไปรวมตัวกันในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสียงคัดค้านและแบ่งปันแผนการทำอารยะขัดขืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเฟซบุ๊ก
.
“เรามีพลังดิจิทัล เราใช้สิ่งนี้ตั้งแต่วันแรกเพื่อคัดค้านรัฐบาลทหาร” นักเคลื่อนไหวรายหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง “ขบวนการอารยะขัดขืน” ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย กล่าว
.
เทเลนอร์ (Telenor) หนึ่งในผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักของประเทศ ยืนยันวันนี้ (4) ว่าเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้บริษัทบล็อกการเข้าถึงเฟซบุ๊กชั่วคราว
.
บริษัทสัญชาตินอร์เวย์รายนี้กล่าวว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ไม่เชื่อว่าคำร้องขอนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสมตามกฎหมายสิทธิมนุษชนระหว่างประเทศ
.
ด้านเฟซบุ๊กได้ยืนยันว่ามีบางคนถูกขัดขวางการเข้าถึง และเรียกร้องให้ทางการกู้คืนการเชื่อมต่อ
.
NetBlocks กลุ่มสังเกตการณ์เครือข่ายสังคมออนไลน์ กล่าวว่า การขัดขวางการเข้าถึงยังส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันที่เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของด้วย เช่น Instagram และ WhatsApp
.
สำหรับหลายๆ คนในพม่า เฟซบุ๊กถือเป็นประตูสู่อินเทอร์เน็ตและเป็นช่องทางสำคัญในการรวบรวมข้อมูล
.
“อย่างแรกที่เราดูในทุกเช้าคือโทรศัพท์ของเรา และสิ่งสุดท้ายที่เราดูในตอนกลางคืนก็คือโทรศัพท์ของเรา” ผู้ประกอบการอายุ 32 ปี ที่คัดค้านการรัฐประหาร กล่าวกับเอเอฟพี.
.
และในวันนี้ (4) มีการชุมนุมเล็กๆ เกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์มัณฑะเลย์ โดยผู้ชุมนุมประท้วงถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “การประท้วงของประชาชนต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพ” ที่ในเวลาต่อมาสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวผู้ชุมนุม 4 คน แต่ยังไม่มีการยืนยันจากทางการ
.
ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 70 คน จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี ได้ลงนามในคำมั่นที่จะรับใช้ประชาชน ในขณะที่จัดการประชุมรัฐสภาเชิงสัญลักษณ์ของตัวเองในกรุงเนปีดอ ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น
.
การทำรัฐประหารของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ทำให้ประชาคมระหว่างโลกพยายามหาทางตอบโต้ และเมื่อวันพุธ (3) เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า เขาจะกดดันบรรดานายพลให้เปลี่ยนท่าที
.
“เราจะทำทุกวิถีทางที่เราสามารถทำได้เพื่อผนึกกำลังผู้เล่นสำคัญๆ และประชาคมโลก สร้างแรงกดดันต่อพม่าให้มากพอที่จะทำให้การรัฐประหารครั้งนี้ล้มเหลว มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ที่จะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งและเจตจำนงของประชาชน” กูเตอร์เรส กล่าวกับวอชิงตันโพสต์
.
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ให้เหตุผลในการทำรัฐประหารว่าเป็นเพราะมีการโกงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย.
.
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้ง พรรคของซูจีชนะคะแนนเสียงไปอย่างถล่มทลาย ขณะที่พรรคการเมืองที่ทหารให้การสนับสนุนได้รับความพ่ายแพ้ ผู้สังเกตการณ์ท้องถิ่นและต่างชาติ รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบการเลือกตั้งของพม่าเองยังรายงานว่าไม่พบประเด็นปัญหาสำคัญใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของการเลือกตั้ง
.
รัฐธรรมนูญยุครัฐบาลทหารของพม่าได้รับประกันว่ากองทัพจะยังมีอิทธิพลมาก ทั้งการสงวนที่นั่ง 1 ใน 4 ของที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา และการควบคุมกระทรวงสำคัญ
.
เมื่อวันพุธ (3) ทางการได้ตั้งข้อหาที่คลุมเครือกับซูจีเพื่อสร้างความชอบธรรมในการควบคุมตัวซูจีได้ต่อไป โดยตามข้อมูลของพรรค ซูจีถูกตั้งข้อหาจากความผิดภายใต้กฎหมายนำเข้าและส่งออกของพม่า หลังเจ้าหน้าที่พบวิทยุสื่อสารวอล์กกี้-ทอล์คกี้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนในบ้านพักของเธอ ซึ่งสหรัฐฯ และอังกฤษ ต่างประณามข้อหาดังกล่าว และเรียกร้องให้ปล่อยตัวซูจีทันที.

 

ส.ส.พม่าแห่เก็บข้าวของ หลังถูกสั่งย้ายออกจากกรุงเนปีดอภายใน 24 ชม.
.
เอพี. 4 ก.พ. - สมาชิกรัฐสภาพม่าหลายร้อยคนที่ถูกบังคับให้อยู่แต่ในบ้านพักของรัฐบาลหลังการรัฐประหารเมื่อวันจันทร์ (1) ได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ในวันพุธ (3) ให้ย้ายออกจากเมืองหลวงภายใน 24 ชั่วโมง ตามการเปิดเผยของหนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของอองซาน ซูจี
.
หลังได้รับอนุญาตให้ออกจากที่พักในกรุงเนปีดอ นักข่าวระบุว่าเห็นรถหลายคันที่เต็มไปด้วยข้าวของขับออกจากเขตบ้านพักของรัฐที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา พร้อมกับสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ ในช่วงบ่ายวันพุธ (3)
.
สมาชิกรัฐสภาเหล่านี้ถูกกักบริเวณในบ้านพักทันทีที่กองทัพทำการยึดอำนาจ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนตามกำหนดคือ 1 ก.พ หลังจากพวกเขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน พ.ย.
.
และในวันเดียวกันนี้ ตำรวจได้ตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการกับอองซาน ซูจีเป็นครั้งแรก ที่ทำให้ทหารที่ก่อรัฐประหารมีเหตุผลทางกฎหมายที่จะควบคุมตัวเธอต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางเดือน ก.พ.
.
กองทัพประกาศเมื่อวันจันทร์ (1) ว่าจะยึดอำนาจเป็นเวลา 1 ปี โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลของซูจี ไม่ยอมสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด.

 

จีนเร่งฉีดวัคซีน 50 ล้านคนก่อนตรุษจีน
.
1/ ในจีนแผ่นดินใหญ่ รัฐบาลกำลังเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้ตามเป้าหมาย 50 ล้านคนก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้
.
2/ ล่าสุด รัฐบาลจีนฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วกว่า 24 ล้านโดส เป็นวัคซีนจากซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
.
3/ สำหรับพลเมืองจีนในต่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศของจีนยืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือต่อพลเมืองจีนในต่างประเทศให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง
.
4/ นายเจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนพูดถึงเรื่องนี้ล่าสุดว่า พลเมืองจีนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเซอร์เบีย ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้ว
.
5/ รัฐบาลจีนยืนยันว่า รัฐบาลห่วงใยต่อความปลอดภัยด้านชีวิตและสุขภาพของพลเมืองจีนที่อยู่ต่างประเทศทุกคน รัฐบาลจะประสานงานกับประเทศต่างๆเพื่อช่วยเหลือชาวจีนที่อยู่ในต่างประเทศ
.
6/ รัฐบาลจะปฏิบัติต่อพลเมืองจีนในต่างประเทศบนพื้นฐานเดียวกันกับชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ เพื่อป้องกันความปลอดภัยด้านชีวิตและสุขภาพของพลเมืองจีนทุกคน
.
ภาพ: ไชน่าทาวน์ที่กรุงลอนดอน | ขอบคุณภาพจาก...www.hot-dinners.com/202004229449/Gastroblog/Latest-news/london-chinatown-lockdown-recipes-campaign
.

 

ทฤษฎีสมคบคิด ข้อกล่าวหา และการสันนิษฐานต่างๆนานา 'ไม่เป็นความจริง'
.
1/ จากประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า จีนสนับสนุนและมีความเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในเมียนมา ล่าสุด รัฐบาลจีนออกมาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
.
2/ วันนี้ นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงประจำวันพุธว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหล
.
3/ “ทฤษฎีสมคบคิด ข้อกล่าวหา และการสันนิษฐานต่างๆนานาไม่เป็นความจริง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวยืนยันในฐานะรัฐบาลจีน
.
4/ การรัฐประหารที่เมียนมา 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เกิดขึ้นเกือบ 1 เดือนหลังนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของจีนเยือนกรุงเนปิดอว์ และเข้าพบหารือกับทั้ง พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นางออง ซาน ซูจี และประธานาธิบดีวิน มยินต์
.
5/ รัฐบาลจีนยืนยัน จีนอยู่ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรที่ดีของเมียนมา
.
6/ จากสถานการณ์ในเมียนมาปัจจุบัน รัฐบาลจีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วนในเมียนมาจะร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้งด้วยวิธีการที่เหมาะสมและสันติ คำนึงถึงเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
.
ที่มา: China rejects suggestion that it supported coup in Myanmar | www.reuters.com/article/uk-myanmar-politics-china/china-rejects-suggestion-that-it-supported-coup-in-myanmar-idUKKBN2A310R
.
ขอบคุณ ภาพ จาก...www.ft.com/content/cee63a22-4796-48bb-bcc3-0e3c95114ee0
.

 

น้ำแข็งลายนิ้วมือ บนทะเลสาบเปลี่ยนสี
.
สภาพอากาศหนาวเย็นที่ทิเบตทำให้น้ำในทะเลสาบหมาหมี่ จับตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง มองดูเผินๆเหมือนลายนิ้วมือ ดูแล้วสวยงาม แปลกตาดีครับ
.
ทะเลสาบหมาหมี่ในทิเบต เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม และเป็นทะเลสาบที่เปลี่ยนสีได้ตามสภาพอากาศ
.
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเพจ China Face ครับ
.

 

สมดั่งสมญานาม – เมืองโม่เหอ เมืองหนาวที่สุดของจีน
.
1/ เมื่อพูดถึงเมืองฮาร์บิน เมืองแห่งหิมะและน้ำแข็งของจีน ก็ว่าหนาวแล้ว แต่ที่หนาวกว่าคือ เมืองโม่เหอ อยู่ในมณฑลเดียวกันคือ มณฑลเฮยหลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
.
2/ เมืองโม่เหอ เป็นเจ้าของสมญานาม ‘เมืองหนาวที่สุดของจีน’
.
3/ ล่าสุด สภาพอากาศในเมืองโม่เหอ หนาวทำสถิติใหม่ อุณหภูมิติดลบ 49.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำที่สุดในรอบ 41 ปี
.
4/ หนาวขนาดนี้ ชาวเมืองโม่เหอจึงหากิจกรรมทดสอบความเย็นยะเยือกให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็น...
.
-เอาผ้ามาทำให้ชุ่มน้ำ แล้วผ้าก็แข็งตัวในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
.
-เอาลูกพลับสดๆมาวางไว้ท่ามกลางอากาศหนาวๆ สักพักลูกพลับก็กลายเป็นของแข็งดั่งก้อนหิน เอาก้อนอิฐมาลองปะทะถึงกับหักครึ่ง
.
-ตอกไข่ดิบๆ หรือเอาเนื้อสัตว์มาลองวางดู ไม่นานก็แปรสภาพเป็นของแข็ง
.
-(อันนี้เห็นบ่อย) เอาน้ำร้อนจัดๆมาสาด กลายเป็นไอน้ำแข็งในชั่วพริบตา
.
ชมวีดิโอ ได้ที่นี่ครับ: www.youtube.com/watch?v=-C0RRDL3g_8
.
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก China Xinhua News ครับ
.

 

รมว.พม. แจงสภาฯ รัฐกำลังเร่งแก้ปัญหาเรียกคืนเบี้ยคนชรา เผย 5 ก.พ.หารือด่วนแก้ปัญหาทางกฎหมาย แต่เห็นตรงกันไม่ควรเรียกเงินคืน

วันที่ 4 ก.พ. 2564 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยในวาระพิจารณากระทู้ถามสดนั้น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงปัญหาการเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังกรณีที่พบว่ารับสวัสดิการซ้ำซ้อนช่วงหนึ่งว่า เป็นความผิดของหน่วยงานราชการ ไม่ใช่ความผิดของผู้ชรา การถูกเรียกคืนเบี้ยคนชราถือว่าน่าเห็นใจ รัฐบาลต้องชี้แจงถึงการรับเบี้ยคนชราว่าจะได้ต่อไปหรือไม่ รวมถึงต้องดำเนินการกับกรมบัญชีกลาง อย่างไรก็ตาม ในหลักเกณฑ์ที่ไม่ให้รับค่าตอบแทนซ้ำซ้อนนั้น ขอฝากกรมบัญชีกลางพิจารณาการรับค่าตอบแทนหลายทางของอดีตคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเป็นมูลค่ารวมสูงกว่าคนละ 10 ล้านบาท

ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 ซึ่งขณะนั้นมีประชากรผู้สูงอายุไม่มาก แต่ปี 2564 พบว่ามีประชากรผู้สูงอายุมากถึง 20% ของประชากร หรือคิดเป็นจำนวน 12 ล้านคน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้บูรณาการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุเดือดร้อน และต้องทำตามกฎหมาย โดยในวันที่ 5 ก.พ. 2564 จะมีการประชุมด่วน ของกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เพื่อจะหาทางแก้ปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งมีข้อสรุปตรงกันว่าไม่ควรเรียกเงินคืน อย่างไรก็ตาม กรณีที่คนชราได้รับบำนาญพิเศษนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่ามีบำนาญพิเศษมากถึง 24 ประเภท และมีบำเหน็จตกทอด ดังนั้น กรรมการจะพิจารณาให้ความเป็นธรรม หรือกรณีทีได้มาโดยอาจจะแจ้งไม่ถูกต้องนั้น จะพิจารณาเป็นรายบุคคล

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

5 ก.พ. 64 เริ่มใช้ ‘เราชนะ’ ชำระค่าโดยสารบีทีเอส-รถไฟฟ้าสายสีทอง

วันที่ 4 ก.พ. 2564 นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ได้เร่งดำเนินการตามมาตรการที่รัฐบาลขอความร่วมมือ โดยผู้โดยสารที่มีการลงทะเบียนในโครงการเราชนะ จะเริ่มชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าสายสีทองได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งประเภทบัตรโดยสารที่รับชำระผ่านเราชนะ ได้แก่ บัตรโดยสารเที่ยวเดียว สามารถติดต่อขอรับสิทธิได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วทุกสถานี

สำหรับผู้ได้สิทธิใช้เราชนะเพื่อชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้านั้น ประกอบด้วย ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.-31 พ.ค. 2564 และผู้โดยสารที่โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตัง รวมถึงผู้ที่ไม่มีชื่อในระบบมาก่อน สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.-31 พ.ค. 2564

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

บรรยากาศในเมียนมาวันนี้ พบมีการชุมนุมใหญ่ของมวลชนฝ่ายสนับสนุนการรัฐประหารที่กรุงเนปิดอว์ ขณะที่มีรายงานตำรวจปราบจลาจลบุกจับกุมผู้ชุมนุมต้านรัฐประหาร และมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามนักข่าวที่เมืองมัณฑะเลย์

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานบรรยากาศที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมาว่า มีชาวเมียนมาจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังสนับสนุนกองทัพเมียนมา ที่ก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ภาพข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพีจะเห็นได้ว่า มวลชนฝ่ายสนับสนุนกองทัพจำนวนมาก ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยเข้าฟังการปราศรัยที่มีการจัดเวทีและชุดเครื่องเสียงไว้พร้อม โดยที่มีหลายคนถือธงชาติเมียนมา ขณะที่บางส่วนชูป้ายที่มีภาพถ่ายของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา

ในอีกมุมหนึ่ง สื่อหลายสำนักรายงานว่า การชุมนุมต้านรัฐประหารที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นการชุมนุมต้านรัฐประหารบนท้องถนนครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพเมียนมายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีสถานการณ์ตึงเครียด โดยกลุ่มกิจกรรมนักศึกษาในนครย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์แล้วอย่างน้อย 3 คน

รายงานระบุว่า การชุมนุมที่เมืองมัณฑะเลย์จัดขึ้นด้านหน้ามหาวิทยาลัยการแพทย์มัณฑะเลย์ โดยมีผู้ชุมนุมราว 20 คน ถือป้ายข้อความต้านการรัฐประหาร เช่นเดียวกับทวิตเตอร์ Myanmar Now (@Myanmar_Now_Eng) ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นในเมียนมารายงานว่า ผู้ชุมนุมต้านรัฐประหารที่เมืองมัณฑะเลย์ได้ตะโกนขับไล่ระบอบเผด็จการ พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้นำทางการเมืองที่ถูกจับกุมทุกคน

ทวิตเตอร์ Myanmar Now รายงานว่า เมื่อช่วงสายผู้ชุมนุมพยายามวิ่งหนีการจับกุมของตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นคนหนึ่ง ถูกบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามตัวด้วย

ที่มา https://twitter.com/Myanmar_Now_Eng
https://asia.nikkei.com/Spotlight/M...st-Protests-erupt-in-Mandalay-with-3-arrested

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กองทัพเมียนมา นำโดยนายพลอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ได้ยึดอำนาจจากว่าที่รัฐบาลใหม่ของนางอองซาน ซูจี ที่ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศเป็นเวลา 1 ปี แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นับตั้งแต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ของนางอองซาน ซูจี เข้าบริหารประเทศระหว่างปี 2558-2563 เมียนมาเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ส่งผลให้เศรษฐกิจของเมียนมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด 3 เท่า จากเฉลี่ยปีละ 2,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเป็น 6,654 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศที่เข้าไปลงทุนมากที่สุดในเมียนมา ระหว่างปี 2559-2563 ได้แก่ สิงคโปร์ 45.8% จีน 20.1% และฮ่องกง 7.9% ตามลำดับ ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับ 6 มีมูลค่าการลงทุน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ของการลงทุนทั้งหมด

ขณะที่ก่อนการปฏิรูปการเมืองในเมียนมาปี 2554 นักลงทุนหลักในเมียนมา ได้แก่ จีนและไทย ที่มุ่งลงทุนในทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเมียนมา เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ทองแดง แร่เหล็ก และแร่รัตนชาติ นับตั้งแต่มีการปฏิรูปการเมือง ประเทศมหาอำนาจตะวันตกยกเลิกคว่ำบาตรเมียนมา และกลายเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ในเมียนมา โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ซึ่งเมียนมามีข้อได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ถูกที่สุดในอาเซียน การลงทุนของไทยในเมียนมาจึงชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนและดำเนินธุรกิจในเมียนมา แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ได้ดังนี้

โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์

กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบทันที เนื่องจากต้องชะลอโครงการก่อสร้างต่างๆ อาทิ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) ที่อยู่ระหว่างลงทุนโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอมตะย่างกุ้ง (Yangon Amata Smart & Eco City : YASEC) มูลค่าลงทุน 120 ล้านบาท แต่ถือเป็นเม็ดเงินลงทุนไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดบริษัท แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมจำนวนมาก ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอยู่แล้ว

กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ขยายการลงทุนในเมียนมา อาทิ บริษัท อิตาเลียน ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ที่เพิ่งถูกยกเลิกสัญญาโครงการทวายก่อนการรัฐประหารไม่นาน, บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีทีซีแอล (TTCL) ผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า, บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR) ที่โครงการก่อสร้างต่างๆ ต้องล่าช้าออกไปกว่ากำหนด

สินค้าอุปโภค-บริโภค

นักวิเคราะห์คาดว่ากลุ่มค้าปลีก สินค้าอุปโภค-บริโภค ได้รับผลกระทบจำกัดในช่วงแรกที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมียนมา การจำกัดเวลาเดินทางของประชาชน แต่เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็น จึงเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดเมียนมาเมื่อปี 2562 และมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่มาหยุดชะงักในช่วงสถานการณ์โควิดเช่นเดียวกัน

โรงพยาบาล

ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปขยายการลงทุนในเมียนมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ (BH) ที่มีสัดส่วนรายได้จากเมียนมา 7-8%, โรงพยาบาลพระราม 9 (PR9) มีรายได้จากเมียนมา 3-4% และโรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่มีสัดส่วนรายได้จากเมียนมา 2-3% ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ แต่ยังถือเป็นธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น

พลังงาน

ไทยเข้าไปลงทุนด้านพลังงานในเมียนมาเป็นระยะเวลานับสิบปี นำโดยบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) ที่เพิ่งได้สิทธิพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้า ขนาด 600 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ในเมียนมา ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 12% จากเมียนมา แต่ส่วนใหญ่สัญญาสัมปทานด้านพลังงานที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาระยะยาว ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารครั้งนี้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ อีกกลุ่มที่สำคัญคือการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ที่ถือเป็นช่องทางส่งออกหลัก โดยคิดเป็นสัดส่วน 75% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปเมียนมา ซึ่งปี 2563 มีมูลค่า 87,090 ล้านบาท ลดลง 12.4% จากปี 2561 ที่เคยมีมูลค่าสูงถึงกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมาปี 2564 จะหดตัวลงต่อเนื่อง เหลือ 86,600 ล้านบาท แต่หากมีการเพิ่มมาตรการเข้มงวดตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ก็คาดว่าจะทำให้มูลค่าการค้าลดลงอีกเหลือ 85,700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ กริช อึ้งวิทูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ประเมินว่ายังเร็วไปที่จะคาดการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมา ต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลทหาร ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

แต่ด้วยสัมพันธภาพที่ดีระหว่างไทยกับเมียนมา รวมถึงนายพลอาวุโสมิน อ่อง หล่าย เป็นผู้มีอัธยาศัยที่ดี และมีแนวคิดที่เปิดกว้าง เชื่อว่าไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ทั้งนี้ต้องรอดูประเทศต่างๆ ว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อเมียนมา เพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้งหนึ่ง

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

หลังจากกองทัพพม่าออกมาประกาศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน หลังจับกุมนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐหัวหน้าพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ด้วยข้ออ้างว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้น

ผู้นำชาติตะวันตกต่างออกมาแสดงท่าทีกับการรัฐประหารดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงออสเตรเลีย เช่นเดียวกันกับประเทศสมาชิกประชาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาเช่นกัน

workpointTODAY ชวนรศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดคุยวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

- สหรัฐฯ ดึงพันธมิตรเพื่อปิดล้อมเมียนมา
หลังจากหลายชาติเริ่มออกมาแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์การเมืองในเมียนมา เมียนมาเองก็คงจะอยู่ภายใต้แรงกดดันค่อนข้างมากจากประชาคมนานาชาติรวมถึงอาเซียนที่ไม่ต้องการให้สถานการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้และต้องการให้หันหน้าเจรจาพูดคุยกันมากขึ้น ทำให้เกิดการเลือกตั้งในเมียนมาโดยเร็ว
ส่วนประเด็นเรื่องการคว่ำบาตรก็ยังไม่เห็นท่าทีใดๆ ชัดเจนจากทางสหรัฐฯ เพียงแต่เรียกร้องและข่มขู่ว่าจะคว่ำบาตรเมียนมาเท่านั้น
ท่าทีอาเซียนที่ออกมาขอให้เจรจากันนั้นถือว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ แนวโน้มที่จะกดดันมากกว่านี้ยังไม่น่าเกิดขึ้นเว้นแต่จะเกิดเหตุรุนแรงบานปลายในเมียนมา ซึ่งก็เป็นท่าทีประนีประนอม รอมชอมแบบอาเซียนที่เราคุ้นเคยกันดี

หากจะวิเคราะห์จากท่าทีของสหรัฐฯ ครั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถานการณ์ในเมียนมาเปลี่ยนไปมาก มาตรการของสหรัฐฯ ต่อเมียนมาคงจะไม่กลับไปรุนแรงเท่ากับในอดีตเพราะมาตรการที่แข็งกร้าวของสหรัฐฯ ก็จะกระทบกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยเนื่องจากอาเซียนมีจุดยืนร่วมกัน
ในอดีตเคยมีการเรียกร้องจากสหภาพยุโรปไม่ให้นำเมียนมาเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ ซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากอาเซียนมีจุดยืนที่จะไม่ปิดกั้นประเทศสมาชิกของตนเองเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง
ดังนั้นมาตรการอาจจะแตกต่างไปและหากมีการคว่ำบาตรผลกระทบก็จะตกอยู่กับประชาชนอยู่ดี
ดังนั้นครั้งนี้สหรัฐฯ คงจะไม่กระทำการตามลำพังแต่จะใช้วิธีดึงพันธมิตรของตนเองในยุโรปมาร่วมกันประจานประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาเพื่อเพิ่มน้ำหนักการปิดล้อม

- บทบาทของประเทศเพื่อนบ้านที่แน้นแฟ้นของเมียนมา
หากจะกล่าวถึงบทบาทของประเทศเพื่อนบ้านที่มีต่อเหตุการณ์ยึดอำนาจ แน่นอนว่าต้องกล่าวถึงจีนด้วย เพราะการกดดันของสหรัฐฯ ครั้งนี้ มีแต่จะผลักใสให้เมียนมาหันหาจีนมากขึ้น
โดยปัจจุบันมหาอำนาจอย่างจีนเติบโดขึ้นมาก จีนมีการเข้าไปใช้ฐานทัพในหลายประเทศเช่นศรีลังกาหรือ ปากีสถาน การที่จีนเติบใหญ่มากขึ้นทำให้สหรัฐฯ เล็งเห็น ขณะเดียวกันนอกจากจีน ประชาคมอาเซียน เมียนมาก็ยังมีเพื่อนสนิทอย่างอินเดีย
ภูมิภาคนี้เปลี่ยนไปมากจากในอดีต เป็นความท้าทายด้านการต่างประเทศของประธานาธิบดีโจไบเดน ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ ขณะเดียวกันกระบวนการประชาธิปไตยก็ถอยหลังไม่ได้
คนเมียนมาก็คุ้นเคยกับสังคมที่เปิดกว้างขึ้น คุ้นเคยกับประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นความท้าทายของกองทัพเมียนมาเช่นกันในการยึดอำนาจครั้งนี้ ว่าจะวางทิศทางประเทศไปอย่างไรเพื่อให้เกิดการต่อต้านและแรงกดดันน้อยที่สุด
แต่ถ้าจะพูดถึงประเทศที่ชัดเจนที่สุดในอาเซียน คงต้องกล่าวถึงบทบาทของสิงคโปร์เป็นประเทศซึ่งเป็นประเทศแรกๆ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุรัฐประหารในเมียนมา โดยกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความ “ห่วงกังวลอย่างมากกับสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมา” และหวังว่าทุกฝ่ายจะ “ใช้ความอดกลั้น” ในสถานการณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นบทบาทที่ต่างออกไปจากประเทศอื่นในอาเซียน หากเปรียบก็เปรียบได้กับความเป็นอิสระของ ส.ส. ที่ไม่ต้องทำตามมติพรรคซึ่งถือว่าทำได้ เช่นเดียวกับมาเลเซียที่ในอดีตก็มีบทบาทต่อต้านประเทศต่างๆ ไม่ให้เข้าร่วมการเป็นสมาชิกอาเซียนรวมถึงฟิลิปปินส์
จะมีก็แต่ประเทศไทยที่ไม่ค่อยกดดันใคร มีท่าทีรอมชอมมากกว่าแม้จะไม่ค่อยถูกใจฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน ส่วนการยึดหลักการอาเซียนที่ว่าจะไม่แทรกแซงกันทั้งหมดก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะอย่างไม่เป็นทางการประเทศอาเซียนก็มีการกดดันกันบ้างเช่น ประเด็น ‘เขาพระวิหาร’ ชนวนแห่งความขัดแย้งไม่สิ้นสุดของไทย-กัมพูชา แม้โดยหลักการต้องไม่แทรกแซง แต่ทางอินโดนีเซียก็ขอเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเช่นกัน หรือการที่ไทยขอส่งตัวแทนเข้าไปสังเกตการณ์เหตุการณ์ในรัฐยะไข่ของเมียนมา เพื่อดูว่าเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไร อาจกล่าวได้
โดยทั่วไปว่าจุดแข็งของอาเซียนคือ ‘การไม่แทรกแซงอย่างเปิดเผย’ ไม่ประณามใคร ไม่ต่อต้านหรือขับไล่ใครและไม่ต้องลาออกจากประชาคมเหมือนกับที่สหราชอณาจักรลาออกจากเป็นสมาชิกแห่งสหภาพยุโรป อาเซียนไม่ใช่ลักษณะนั้น

- บทบาทการทูตภายใต้ความกดดันของกองทัพเมียนมาหลังยึดอำนาจ
รศ.ดร.ปณิธาน กล่าวว่าจริงๆ เราคาดหวังว่าการดำเนินการทางการทูตภายใต้กองทัพเมียนมาจะโอนอ่อนผ่อนตามแรงกดดันและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน การค้าการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันเมียนมาเองต้องพึ่งพาการค้าการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น เมียนมาเข้าสู่กระบวนการโลกาภิวัฒน์มากขึ้น
ในอีกด้านนึง คนพม่ามีความภาคภูมิใจในประเทศตนเองสูงไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลล้วนไม่ชอบให้ต่างชาติเข้าไปแทรกแซง จึงระมัดระวังการคบกับมหาอำนาจ
ดังนั้นทุกครั้งที่มีการกดดันจากต่างชาติ สิ่งที่เมียนมาทำคือการหันหลังให้กับแรงกดดันและไม่สนใจเพราะเมียนมามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในประเทศของเขาเช่น เรื่อง ชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์ ปัญหาชายแดนหรือสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
บางช่วงเมียนมาถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์กับโลกภายนอกและอยู่โดดเดี่ยวก็ทำมาแล้ว จึงต้องดูให้ดีว่าครั้งนี้สุดท้ายทุกฝ่ายจะตกลงกันอย่างไร เพราะในอีกปีสองปีข้างหน้าไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค หากในตอนนั้นเมียนมากลับสู่วงล้อปกติได้ก็จะเข้ามาประชุมกับผู้นำโลกอย่างเป็นทางการเข้าสู่บริบทใหม่ของการร่วมมือทางเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า ณ ขณะนี้ท่าทีของไทยเหมาะสมแล้วหรือยัง รศ.ดร.ปณิธานมองว่า สุดท้ายแล้วไทยต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก แต่ขณะเดียวกันขณะนี้คนไทยก็มีความคิดที่แตกต่างกันไปหลากหลาย ส่วนท่าทีระยะยาวเราก็ต้องยึดอะไรที่ไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การยึดท่าทีของอาเซียนก็เป็นวิธีทางหนึ่ง
โดยท่าทีของคนไทยที่เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งคือการแสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนบ้านซึ่งตอนนี้เผชิญหน้ากับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 และการยึดอำนาจจากกองทัพ ท่าทีของไทยก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมโดยวางอยู่บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดี บนหลักการสากลและหลักสิทธิมนุษยชนควบคู่กัน

อ่านต่อที่ : https://workpointtoday.com/myanmar-coup-detat/

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

‘อนุทิน’ เผย ตัวแทน ‘จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน’ เข้าหารือวัคซีนโควิด-19 แจงจะผลิตวัคซีนช่วยรัฐบาลทุกประเทศ จำหน่ายราคาถูก และไม่ขายเชิงพาณิชย์ให้ภาคเอกชน คาด หากไทยสั่งซื้อ จะส่งวัคซีนได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

วันที่ 4 ก.พ. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผู้แทนบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มานำเสนอวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานกับ อย. เพื่อขอขึ้นทะเบียน โดยผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่า นโยบายของบริษัทคือ จะผลิตวัคซีนเพื่อช่วยรัฐบาลทุกประเทศควบคุมการระบาด จะจำหน่ายราคาถูก ราคาทุน ไม่แสวงหากำไร และไม่มีนโยบายขายวัคซีนเชิงพาณิชย์ให้ภาคเอกชน แต่ขณะนี้กระบวนการขึ้นทะเบียนยังไม่แล้วเสร็จ และบริษัทคาดว่า หากรัฐบาลไทยสั่งซื้อจะส่งวัคซีนได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขขอให้บริษัทส่งข้อเสนอ ราคา และระยะเวลาจัดส่งอย่างเป็นทางการ มาเพื่อพิจารณาโดยเร็ว

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

กสทช.อังกฤษเผยช่อง CGTN ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจด้านเนื้อหาจากผู้ถือใบอนุญาต แต่มาจากทางการจีน

วันที่ 4 ก.พ. 2564 ทวิตเตอร์ของ Ofcom หน่วยงานที่กํากับดูแลควบคุมสื่อทั้งหมดในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ได้มีการระงับใบอนุญาตออกอากาศของ China Global Television Network (CGTN) ซึ่งผู้ถือใบอนุญาต Star China Media Ltd. (SCML) ได้รับมาโดยมิชอบ

จากผลการสอบสวนระบุว่า SCML ไม่ได้มีความรับผิดชอบในการเลือกเนื้อหามานำเสนอ แต่กลับถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ทาง Ofcom ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองได้

นอกจากนั้น ทาง SCML ได้พยายามขอโอนใบอนุญาตไปยังบริษัทที่ใช้ชื่อว่า China Global Television Network Corporation (CGTNC) ก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน เนื่องจากตรวจพบว่ามีการปิดบังข้อมูลบางส่วนที่สำคัญในการยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาต

ปีที่แล้ว ช่อง CGTN เคยโดยเตือนมาแล้วครั้งหนึ่งถึงการเสนอข่าวไม่ครบถ้วน ในการรายงานเหตุประท้วงที่ฮ่องกง

การตัดสินใจของ Ofcom ในครั้งนี้อาจสร้างรอยร้าวที่มากขึ้นระหว่างสหราชอาณาจักรและจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีประเด็นเรื่องการให้สิทธิ์ชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทางบริติชโพ้นทะเล (BNO passport) สามารถใช้สถานะดังกล่าวเดินทางเข้าไปยังอังกฤษ เพื่อขอเป็นพลเมืองอังกฤษในอนาคตได้

ที่มา: https://www.ofcom.org.uk/about-ofco...ofcom-revokes-cgtn-licence-to-broadcast-in-uk

https://www.bloomberg.com/news/arti...hinese-tv-license-citing-communist-party-link

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

ทางการเกาหลีเหนืออาจได้รับวัคซีนโควิด-19 จากโครงการ 'Covax' จำนวนเกือบ 2 ล้านโดส เช่นเดียวกับหลายชาติที่เข้าร่วมโครงการภายในเดือนมิถุนายนนี้

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างการเปิดเผยจากโครงการโคแว็กซ์ (Covax) ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศยากจนและกำลังพัฒนาทั่วโลกที่ระบุว่า โครงการโคแว็กซ์เตรียมแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1.992 ล้านโดสให้กับประเทศเกาหลีเหนือ ภายในเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่โครงการโคแว็กซ์จะมอบให้เกาหลีเหนือ เป็นวัคซีนที่พัฒนาจากสูตรของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford University) ซึ่งผลิตที่สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย

นอกจากประเทศเกาหลีเหนือแล้ว โครงการโคแว็กซ์ยังเปิดเผยจำนวนวัคซีนโควิด-19 ที่จะแจกจ่ายไปยังประเทศอื่นภายในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยจะพิจารณาตามสัดส่วนประชากรเป็นหลัก

ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่แล้ว เกาหลีเหนือถูกจับตาถึงมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 บริเวณแนวชายแดนที่เข้มงวด โดยมีรายงานถึงขั้นว่า เจ้าหน้าที่ชายแดนเกาหลีเหนือ สามารถยิงใครก็ตามที่พยายามลักลอบข้ามพรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับจีนได้ทันที

ที่มา https://www.straitstimes.com/asia/e...rly-2-million-covid-19-vaccine-doses-from-who

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

นอนหลับฝันดีครับ

แกะความสำเร็จใน 9 เดือนหลังของ Agoda ปรับตัวรับโควิด จับมือรัฐเป็นพันธมิตร ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ แซงขึ้นอันดับ 1 แพลตฟอร์มจองโรงแรมที่มีรายได้สูงสุดในช่วงโควิด

จากผลการสำรวจรายได้ของแพลตฟอร์มจองโรงแรมในประเทศไทยจากกลุ่มลูกค้าของ SiteMinder ผู้นำด้านแพลตฟอร์มตัวกลางในการเข้าถึงลูกค้าของธุรกิจโรงแรม ประจำปี 2563 เปิดเผยว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยและทั่วโลก การจัดอันดับรายได้ของแพลตฟอร์มจองโรมแรมในไทยระบุว่า ในช่วง 9 เดือนหลัง Agoda สามารถขยับรายได้แซง Booking. com ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 1 แม้รายได้รวมตลอดทั้งปีจะยังคงน้อยกว่า Booking. com อยู่

สาเหตุสำคัญมาจากในปี 2563 ที่ผ่านมา Agoda เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มจองโรงแรมที่ทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด ผ่านการเปิดให้จองโรงแรมในโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ โครงการสนับสนุนเงินค่าโรงแรมห้องพัก 40% ให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงโควิดเป็นแพลตฟอร์มแรก ส่งผลให้แม้แพลตฟอร์มจองโรงแรมทั้งในไทยและทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่รายได้ของ Agoda ก็สามารถขยับแซงหน้าคู่แข่งได้ในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2563

ขณะเดียวกัน เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากการหยุดชะงักของการเดินทางข้ามพรมแดนยังทำให้แพลตฟอร์มจองโรงแรมที่เป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคอย่าง Traveloka ขยับขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด โดยอันดับรายได้ในช่วงโควิด-19 ขยับขึ้นมา 1 อันดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติตลอดทั้งปี

เช่นเดียวกับ Mr & Mrs Smith แพลตฟอร์มจองโรงแรมกลุ่มบูทีคและลักซัวรี่ที่เติบโตขึ้นจากเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป นักท่องเที่ยวในช่วงโควิด-19 หันมาเลือกพักในที่พักกลุ่มบูทีคและลักซัวรีมากขึ้น โดย SiteMinder เชื่อว่าหลักฐานนี้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเริ่มประสบความสำเร็จในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเลือกพักในที่พักราคาแพงและพักระยะยาวกว่า 1 เดือนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น แหล่งรวบรวมห้องพักสำหรับภาคธุรกิจถึงธุรกิจยังคงมีความสำคัญต่อเนื่อง โดย Hotelbeds ผู้ให้บริการด้าน bedbank ชั้นนำมีรายชื่อติดใน 12 อันดับแพลตฟอร์มจองที่พักของทุกประเทศที่มีการจัดอันดับ รวมถึงประเทศไทย ส่วน WebBeds ก็ได้มีรายชื่อใน 12 สุดยอดแพลตฟอร์มจองที่พักในไทยและในอีก 7 ประเทศ ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การจองตรงผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมก็ยังสามารถรักษาพื้นที่เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยสามารถทำรายได้เป็นอันดับ 3 ทั้งในตารางจัดอันดับรายได้ตลอดทั้งปีและรายได้ช่วงโควิด-19 โดยเฉพาะนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แม้ว่ารายได้รวมเทียบกับปี 2562 อัตราการจองจะลดลงกว่า 10%

ฟาก ‘เจมส์ บิชอป’ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านบริหารจัดการความต้องการหุ้นส่วนทั่วโลกของ SiteMinder กล่าวว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ก็เร่งปรับตัวสร้างเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยมีแพลตฟอร์มจำนวนมาที่ไต่อันดับได้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกและกว่า 20 แพลตฟอร์มสามารถไต่อันดับขึ้นมาอย่างน้อย 2 อันดับจากปีก่อนหน้า

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

เตรียมตั้งคณะทำงานแก้ไขระเบียบเปิดทางให้เอกชนเช่าพื้นที่หลังคาโรงเรียนและโรงพยาบาลของรัฐผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์นำร่อง 50 MW
04/02/2021 ; 4:04 pm

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เตรียมเสนอรัฐมนตรีพลังงาน ตั้งคณะทำงานร่วม 10 หน่วยงาน เพื่อแก้ไขกฎระเบียบราชการให้โครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์นำร่อง 50 เมกะวัตต์ สำหรับโรงพยาบาล โรงเรียน และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เดินหน้าได้ภายในปี 2564 นี้โดยจะเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่หลังคาของหน่วยงานรัฐเพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และขายไฟฟ้าเข้าระบบได้

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาระเบียบเกี่ยวกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์นำร่อง 50 เมกะวัตต์ สำหรับกลุ่มโรงพยาบาล,โรงเรียนและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นประธาน

ทั้งนี้เนื่องจากโครงการนำร่อง 50 เมกะวัตต์ดังกล่าว เป็นมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ของโรงพยาบาล 20 เมกะวัตต์, โรงเรียน 20 เมกะวัตต์ และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 10 เมกะวัตต์ ในราคารับซื้อ 1 บาทต่อหน่วย

- Advertisment -

แต่มติดังกล่าวยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ เนื่องจากติดปัญหาด้านระเบียบและกฎหมายหลายประการ ที่ยังไม่สามารถ เปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่หลังคาเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และเอกชนนำไฟฟ้าที่ผลิตได้ขายให้กับอาคารหน่วยงานรัฐที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นั้นๆ โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้ 10-20% จากที่เคยจ่ายปกติ อย่างไรก็ตามกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเปิดให้เอกชนเช่าหลังคา ของโรงพยาบาลหรือโรงเรียน หรือนำเงินงบประมาณที่ได้ไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าให้เอกชนโดยตรง รวมถึงไม่สามารถนำงบประมาณไปลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าเองได้ด้วย

ดังนั้นจึงต้องแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคก่อน จึงจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคณะทำงานอาทิ พพ.,กระทรวงการคลัง,คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและฝ่ายจำหน่าย เป็นต้น โดยจะแก้ไขกฎระเบียบคู่ขนานกันไปกับการออกระเบียบเงื่อนไขการเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการดังกล่าวของ กกพ.ด้วย โดยคาดว่า น่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในปี 2564 นี้

อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมโครงการฯ ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและความเหมาะสมของแต่ละโรงพยาบาล โรงเรียนและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรด้วย เช่น หน่วยงานนั้นๆ มีพื้นที่ติดตั้งโซล่าร์เซลล์ที่มีความคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งโควตา 50 เมกะวัตต์ที่รัฐกำหนดไว้ จะเป็นปริมาณที่เพียงพอรองรับอาคารหน่วยงานรัฐที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 3,000 แห่ง

https://www.energynewscenter.com/เตรียมตั้งคณะทำงานแก้ไ/