ติดตามสถานะการณ์

#ข่าวด่วน #ข่าวสั้น (23 ก.ค.) โตเกียววันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเกิน 300 รายเป็นครั้งแรก (update: 366 ราย)

วันนี้แอดมีสอนยาว ๆ นะคะ จะอัพช้านิดนึง
 
#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #COVID19 #โควิด19

ภาพ/ข่าว/ข้อมูล : NHK

 

อารยมณิภัทระ นามะ ธารณี

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย!

ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ ครั้งหนึ่งพระชินเจ้าผู้ประเสริฐประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี ณ สวนเจ้าเชตของอนาถบิณฑิกเศรษฐีอันสงบรำงับ

ครั้งนั้น มณิภัทรบุตรเสนายักษ์เดินทางไปเข้าเฝ้าพระชินเจ้าผู้ประเสริฐ เมื่อถึงแล้วก็ค้อมเศียรลงที่พระบาทของพระชินเจ้าผู้ประเสริฐ

เมื่อนั่งลงไปที่ด้านหนึ่ง มณิภัทรบุตรเสนายักษ์ได้กราบทูลถ้อยคำต่อไปนี้กับพระชินเจ้าผู้ประเสริฐ

“พระเป็นเจ้า หากภิกษุสงฆ์ผู้ผ่านการอุปสมบทโดยบริบูรณ์, ภิกษณีที่ผ่านการอุปสมบทโดยบริบูรณ์, อุบาสก, อุบาสิกา, หรือผู้ใดก็ตามที่สวดสาธยายธารณณีนี้ทุกวันในสามกาลแห่งทิวา, เช่นนั้นข้าพระองค์จะติดตามบุคคลนั้นเสมอ สนองความปรารถนาของบุคคลนั้นทุกสิ่ง ทั้งโภชนาหาร ความมั่งคั่ง ทองเพชรเมล็ดธัญญาหารและเงินจะมาให้พวกเขาได้สมประสงค์ทั้งสิ้น ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้อยู่ในอำนาจ ยังกิจทั้งหลายของบุคคลนั้นให้สำเร็จไปโดยพร้อมเพรียงกัน เขาจะสิ้นไปซึ่งความเกี่ยวข้องกับความขัดสน”

นะโม รัตนะ ตระยายะ/ นะโม มะนิภะทรายะ/ มะหายักสหะ เสนาปะตะเย/ สยาทยะเถทะนะ/ หิลิ มะนิภะทระ/ หิลิ หิลิ มะนิภะทระ/ กิลิ มะนิภะทระ/ กิลิ กิลิ มะนิภะทระ/ ฉิลิ มะนิภะทระ/ ฉิลิ ฉิลิ มะนิภะทระ/ ฉุลุ มะนิภะทระ/ ฉุลุ ฉุลุ มะนิภะทระ/ ตุรุ มะนิภะทระ/ ตุรุ ตุรุ มะนิภะทระ/ กุรุ มะนิภะทระ/ กุรุ กุรุ มะนิภะทระ/ ฉุรุ มะนิภะทระ/ ฉุรุ ฉุรุ มะนิภะทระ/ สุรุ มะนิภะทระ/ สุรุ สุรุ มะนิภะทระ/ สรรวะ อา-อรรถะ มะเม สันฆะยะ สวาหา/ ตัทยะถา/ ปูตะเน สุปูตะเน สุรุเม สุมาเต/ สุระเถ/ สุสมะพะเต/ หิเลเก หิละกะลิ/ ปุนยะ สิทธิ ภะทระ/ หิลิ หิลิ สวาหา/ เอหิโก นิกสเห/ เอหิโก นิกสเห สวาหา

หากสวดเจ็ดครั้ง จะสมความปรารถนา

พิธีกรรมประกอบธารณีนี้คือ หากวันขึ้น 15 ค่ำแล้วให้ชำระร่างกายให้สะอาด จุดไม้กฤษณาให้มีกลิ่น ในสามกาลแห่งทิวา แล้วสวดธารณีนี้ 7,000 ครั้งก็จะพบทองคำ"

มณิภัทระธารณีอันเป็นยอดจบลงแล

**************************

พระตรีกาย จากซ้ายไปขวา คือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระปัทมสมภพมหาคุรุ พิมพ์บนกระดาษแบบทิเบต ราวปี 1971 อยู่ที่ The Philadelphia Museum of Art

 

อานุภาพแห่งธารณี ทำให้โจรมองไม่เห็น

ในแมนจูเรีย ครั้งหนึ่งมีเศรษฐีที่เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก ในฤดูใบไม้ร่วงปีหนึ่ง เขานำรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ๔ - ๕ คัน บรรทุกข้าวฟ่างเต็มคันเพื่อขายในเมือง เนื่องจากเมืองนั้นห่างจากหมู่บ้านไปถึง ๑๕๐ ลี้ เขาจึงเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ ๐๑.๐๐ น แต่โชคร้ายที่ไปเจอเข้ากับพวกโจรเข้ากลางทาง

เมื่อเห็นพวกโจรเดินดิ่งเข้ามา เศรษฐีก็เริ่มท่องมหากรุณาธารณีสูตร น่าแปลกที่จู่ๆ แก๊งโจรมองอะไรไม่เห็นราวกับเป็นคนตาบอด และไม่สังเกตเห็นรถบรรทุกของเขาเลย ดังนั้นพวกเขาเดินทางผ่านภยันตรายมาได้อย่างปลอดภัย นี่เป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งของมหากรุณาธารณีสูตร ที่อาตมาภาพ (พระเถระเสวียนฮว่า) ได้ยินได้ฟังมาด้วยตัวเอง

(มหากรุณาธารณี ฉบับสันสกฤตมีเนื้อความดังนี้)

นะโม รัตนะ ตระยายะ ฯ นะโม อารยาวะโลกิเตศวรายะ โพธิสัตตวายะ มหาสัตตวายะ มหาการุณิกายะ ฯ

โอม สรรวะ - ภะเยษุ ตราณะ - กะรายะ ตัสยะ นมัสกฤตวา อิมัม อารยาวโลกิเตศวระ - สตะวะนัม นีละกัณฐะ-นามะ ฯ

หฤทยัม วรรตะยิษยามิ สรรว - อารถะ - สาธะนัม ศุภัม ฯ
อะเชยัม สรรวะ-ภุตานาม ภะวะ-มารคะ - วิโศธะกัม ๚

ตัทยถา ฯ โอม อปโลกะ โลกาติกรานตะ เอหิ หเร มหาโพธิสัตตวะ สรรปะ - สรรปะ ฯ สมะระ สมะระ มะมะ หฤทะยัม ฯ กุรุ - กุรุ กรรมะ ฯ

ธุรุ - ธุรุ วิชยะเต มหาวิชะยะเต ฯ ธะระ-ธะระ ธะราณิ-ราชะ ฯ จะละ-จะละ มะมะ วิมะละ-มูฤตเต เร ฯ เอหย-เอหิ กฤษณะ-สรรป-โอปะวีตะ ฯ

วิษะ - วิษัม ประณาศะยะ ฯ หุลุ - หุลุ มัลละ ฯ หุลุ - หุลุ หเร ฯ สะระ - สะระ สิริ - สิริ สุรุ - สุรุ ฯ โพธิยะ - โพธิยะ โพธะยะ - โพธะยะ ไมตริยะ นีละกัณฐะ ฯ ทรรศะเนนะ ปรหลาทะยะ มะนะห์ สวาหา ฯ

สิทธายะ สวาหา ฯ มหาสิทธายะ สวาหา ฯ สิทธะ -
โยเคศวรายะ สวาหา ฯ นีละกัณฐายะ สวาหา ฯ
วาระหะ - มุขายะ สวาหา ฯ นะระสิมหะ - มุขายะ สวาหา ฯ ปัทมะ - หัสตายะ สวาหา ฯ จะกระ - หัสตายะ สวาหา ฯ

ปัทมะ - หัสตายะ ? สวาหา ฯ นีลกัณฐะ - วยาฆรายะ สวาหา ฯ มหาพะลิ - ศันกะรายะ สวาหา ๚

นะโม รัตนะ-ตระยายะ ฯ นะโม อารยาวะโลกิเตศวรายะ สวาหา ๚

(โอม สิทธยันตุ มันตระ - ปทานิ สวาหา ๚)

***************************************

เรื่องเล่าของพระเถระเสวียนฮว่า แปลจากคำเทศนาเรื่อง "มหากรุณาธารณีสามารถปัดเป่าภัยพิบัติ"
เทศนาเมื่อบ่ายวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๐๑
โดยพระอาจารย์เสวียนฮว่า ที่วัด Western Bliss Garden Monastery ในเกาะฮ่องกง
ที่มา http://www.longbeachmonastery.org/great_compassion_mantra_can_disp.htm

**************************************
ขอบคุณข้อมูล : คลังพุทธศาสนา
อาราม มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์

 

อโมฆะบูชามหาธารณี

เรียกอีกนามหนึ่งว่า อโมฆะรัตนะมณีสุคันธะธารณี

บทธารณีกล่าวดังนี้

" โอม อโมฆะปูชา มณี ปัทมะ วัชระ ตถาคตะ
วิโลกิเต สมันโต ปะระ สะระ ฮุง "

มหามนต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ มีอักขระ โอม เป็นพีชะ
เมื่อกล่าวมหามนต์นี้จะยังให้ควันธูป ผลไม้
หรือปวงสิ่งของทั้งมวลล้วนบริสุทธิ์ และมีจำนวนไร้ขอบเขต สามารถแผ่ไปโดยทั่วของธรรมธาตุที่ไร้ขอบเขตจนครบถ้วน

1.เมื่อกล่าวมนต์นี้ก่อนสรรเสริญปวงพุทธะโพธิสัตว์
ทั่วนภากาส จึงปรากฏรัตนะบูชาที่บริสุทธิ์ ปราณีต
อันมีจำนวนประมาณมิได้ แม้ของที่ถวายจริงอาจจะมีเพียงชิ้นเดียว หรือไม่มีสิ่งใดเลย ด้วยอานุภาพของบูชาทั้งหลาย
จะไปปรากฏยังพุทธเกษตรทั้งหลายในธรรมธาตุ

2.ในยามเช้าหากกล่าวธารณีนี้เจ็ดครั้ง
วิบากอกุศลกรรมทั้งมวลมิอาจคงทนอยู่ได้
ย่อมค่อยๆสลาย และเสื่อมลง

3.แม้ว่าจะมรณะมาเนิ่นนาน ต้องเร่ร่อนเป็นวิญญาณบาป
หากผู้มีกุศลจิตได้กล่าวมนต์นี้ ต่ออัฐฐิผู้วายชนน์
แม้ตายมาแล้วพันปี ก็ย่อมเข้าสู่พุทธเกษตรต่างๆได้
เพราะอานุภาพแห่งธารณี

4.เมื่อกล่าวมหามนต์นี้ บารมีหก อันประกอบด้วย
ทาน ศีล วิริยะ ขันติ สมาธิ และปัญญา
จะถึงซึ่งความมิบกพร่อง ด้วยเวลาอันสั้น

5.เมื่อกล่าวมนต์นี้ แม้ว่ากายสังขารนี้จะเป็นอนิจจัง
แต่จิตนั้น จะเข้าถึงลักษณะพีชะ แห่งพุทธะในตรีกาล
พระโพธิสัตว์กวนอิม จะตามระลึกถึง
และเสด็จมาอภิเษกเหนือเศียรเกล้าด้วยความสม่ำเสมอ

6.เมื่อผู้สวดท่องใกล้วายชนม์ ปวงตถาคตจะกล่าวว่า
มาเถิดกุลบุตร เธอจงมา จงถืออุบัติยังวิสุทธิภูมิแห่งเราเถิด
จงมีปัทมะกายอันบริสุทธิ์ มาเป็นผู้มิเสื่อมถอยจากพุทธตา

7.หากเกิดกุศลจิต พึงสลักมนต์นี้บนศิลา
อุปสรรคของการพัฒนาจิต หากสรรพสัตว์ได้พบเห็นมนต์นี้
อกุศลมรรคจะสลายไปอย่างรวดเร็ว
บุญกุศลจะเพิ่มพูนอย่างมิจบสิ้น ทั้งผู้สลักและผู้พบเห็น

8.เมื่อถือท่องธารณีนี้
มีอานิสงส์เสมือนได้สาธยาย
มหารัตนะครรภ์สูตรทั้งหมด บรรดาสรรพสัตว์ผู้ได้เคยเกิดร่วม กันมา เคยวนเวียนเป็นพ่อแม่พี่น้องของกัน และกันมา
จะได้รับอานิสงส์ แห่งการถอดถอนภพชาติ
โปรดกู้บรรพบุรุษที่ล่วงมาแล้ว ไม่มีประมาณ
ทำลายอุปสรรคทั้งมวลอันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์

9.บรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
หากได้สดับกระแสเสียงแห่งธารณีนี้
ย่อมระลึกถึงผู้สาธยาย ดุจบิดามารดาห่วงใยบุตร
ฤาว่า เทพธรรมบาลทั้งมวล ได้สดับเสียงแห่งธารณี
ย่อมระลึกถึงผู้สวด ดุจบรรดาพี่ น้อง
ที่รักใคร่ช่วยเหลือแก่กัน

10.แน่นอน ย่อมสำเร็จในสิทธิตามคัมภีร์สุทธิกาละสูตร
(คล้ายอานุภาพของการภาวนาคาถาพระจุณฑี)
เป็นที่แน่นอน อย่างมิต้องสงสัย

หากกล่าวมนต์สามครั้ง พึงระลึกถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า
แม้เม็ดฝนที่ตกลงจากฟากฟ้า ก็ประดุจกระทำวารีบูชา
บูชาซึ่งผวงพระพุทธเจ้าในทศทิศ
ฝนหนึ่งเม็ด บูชาหนึ่งพุทธเกษตร
ฝนตกทั่วฟ้า เธอลองคิดซิว่า
เธอบูชาพระตถาคตไปกี่พระองค์
กี่แสนล้านพุทธเกษตร เพราะเธอรู้จักธารณีนี้

หากเธอเขียนธารณีนี้ หรือเสกลงบนธูป ดอกไม้ ผลไม้
ร่ม ฉัตร กังสดาล รัตนะประทีป
สิ่งของเหล่านี้ ก็ปานประดุจมีอภิญญาด้วยอำนาจแห่งจิต
ทุกสิ่งทั้งหมดที่กล่าว จะไปปรากฏยังสมาคมแห่งพระพุทธเจ้า
เคหะสถานของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
อย่างมากมาย และบริบูรณ์

นี่คือบุญกุศลที่กล่าวได้เพียงเล็กน้อยของการสาธยายมนต์นี้
ในเวลานี้พวกเธอพร้อมที่จะน้อมรับ และท่องแล้วหรือยัง

ธรรมเทศนาของพระธรรมจารย์ไห่เทา
แปลถวายบูชาพระรัตนตรัยโดย อี้จู๋หลิน

#จิตของเธอใช้แค่อยู่ในโลกนี้เพื่อคิดถึงอดีตกับรออนาคต
#เธอเคยคิดถึงอานุภาพของจิตเธอบ้างหรือยัง
#เมื่อศรัทธาเกิดแล้วปัญญาเกิดแล้วสมาธิตั้งมั่นแล้ว
#จงใช้อานุภาพจิตประกาศความศักดิ์สิทธิ์ในธรรมได้เช่นกัน

 

กลุ่มอันซอรุลเลาะห์ เข้ายึดคืนเมืองมาริบ ถือว่า สิ้นสุดในการปกครองของรัฐบาลนายมันซูร์ ฮาดี

ตามรายงานจาก เว็บไซต์ insidearabia ระบุว่า ขณะที่กองกำลังของรัฐบาลนายฮาดี ได้ถอนกองกำลังออกจาก เมืองนะฮัม และอัลเจาว์ เป็นเหตุให้กลุ่มอันซอรุลเลาะห์ได้รับชัยชนะในเมืองมาริบ

การยึดคืนพื้นที่เมืองมาริบ ของกลุ่มอันซอรุลเลาะห์ ได้ทำให้การปกครองของรัฐบาลนายฮาดีสิ้นสุดลงและยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับเยเมนอีกด้วย

#เพจเกาะติดสถานการณ์ตะวันออกกลาง

 

พายุสายฟ้า



ถ่ายโดย Juan Rayego เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2020 @ Merida, ประเทศสเปน
28 ภาพใน 38 นาที

 

Eastar Jet ของเกาหลีใต้อาจ 'ล้มละลาย'

Jeju Air Abandons Acquisition of Eastar Jet

• Eastar Jet (ESR) สายการบินราคาประหยัดของเกาหลีใต้ที่มีหนี้สินรุงรังอาจล้มละลาย หลังจากเชจูแอร์ (Jeju Air) สายการบินราคาประหยัดใหญ่ที่สุดของประเทศ ล้มแผนซื้อกิจการ เพราะอุตสาหกรรมสายการบินได้รับผลกระทบถ้วนหน้าจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

• Jeju Air แถลงวันนี้ว่า 'เสียใจที่ต้องตัดสินใจยกเลิกแผนการเข้าซื้อกิจการของ Eastar Jet แม้ว่ารัฐบาลให้การสนับสนุน เป็นการตัดสินใจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะความไม่แน่นอนอันเกิดจากการระบาดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคาหุ้นของผู้ถือหุ้น'

• รองประธาน Eastar Jet เผยกับสำนักข่าวยอนฮับในเวลาต่อมาว่า Jeju Air ละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลง ขอให้เดินหน้าตามข้อตกลง และจะต้องรับผิดชอบที่ล้มข้อตกลง

• อธิบดีนโยบายการบิน กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งกล่าวว่า 'ดูเหมือนว่า Eastar Jet จะไม่สามารถดำเนินงานตามปกติได้ในเวลานี้ รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือหาก Eastar Jet นำเสนอแผนสำรอง และจะพยายามหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่

• ปัจจุบัน Eastar Jet มีพนักงานประมาณ 1,500 คน นักวิเคราะห์ชี้ว่า Eastar Jet คงล้มละลายในที่สุดหากไม่มีนักลงทุนเข้ามาซื้อกิจการ ฐานะการเงินที่ผุกร่อนและหนี้สินที่พอกพูนกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของสายการบินแห่งนี้

• Jeju Air ลงนามในเดือนมีนาคมว่าจะซื้อหุ้นร้อยละ 51.7 ของ Eastar Jet จาก Eastar Holding Group Company Limited ในราคา 54,500 ล้านวอน (ประมาณ 1,442 ล้านบาท) ตามแผนการขยายกิจการ แม้ COVID-19 กำลังระบาด

• Jeju Air ยื่นคำขาดเมื่อวันพุธที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ให้ Eastar Jet ปลดภาระหนี้สินให้หมดภายในวันพุธที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เงินสูงถึง 170,000 ล้านวอน (ประมาณ 4,499 ล้านบาท) มีทั้งเงินเดือนค้างจ่ายพนักงาน เงินค้างชำระผู้รับเหมาและค่าใช้จ่ายสำนักงาน

• แต่ Eastar Jet แย้งว่า 'การชำระหนี้ไม่อยู่ในข้อตกลง ผู้มีหน้าที่ชำระหนี้' คือ Jeju Air ด้านธนาคารพัฒนาเกาหลีและธนาคารนำเข้าส่งออกแห่งเกาหลีประกาศวันนี้ว่า 'จะยกเลิกแผนให้สินเชื่อ 170,000 ล้านวอนแก่ Jeju Air ที่ยกเลิกข้อตกลงซื้อ Eastar Jet

• บรรณานุกรม :

Credit : https://www.koreatimes.co.kr/www/tech/2020/07/774_293299.html

Credit : https://koreajoongangdaily.joins.co...eastar-jet-acquisition/20200723170600412.html

 

พร้อมมั้ย? ทัวร์จีนรักสุขภาพเตรียมเข้าไทย!

สำนักข่าวเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่าชาวต่างชาติจำนวนรวมกันกว่า 1,200 คนจาก 34 สัญชาติ เตรียมเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อมารับการรักษาทางการแพทย์หลายด้านตามมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 ของรัฐบาลไทยที่จะอนุญาตให้ 4 กลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งหนึ่งใน 4 กลุ่ม คือกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 1,200 คนดังกล่าว เป็นชาวจีนกว่า 300 คน เตรียมพร้อมที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยทันทีที่มาตรการมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ การเดินทางมายังประเทศไทยของกลุ่มชาวต่างชาติ จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 500,000 บาท

จากการตรวจสอบชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาในไทยตามโปรแกรมรักษาพยาบาลทางการแพทย์ ประกอบด้วย เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต และจีนแผ่นดินใหญ่

โดยพบว่า ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะเข้ามาไทยนั้น เพื่อรักษาการมีบุตรยาก หรือการเลือกเพศของบุตรโดยวิธีการ IVF ซึ่งประเทศไทยมีชื่อเสียงทั้งทางด้านบุคลากรการแพทย์ และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมซึ่งอยู่ระหว่าง 400,000 - 800,000 บาทต่อการรักษาในระยะเวลาหนึ่ง

#จีน #ทัวร์จีน #โควิด19 #BIZpromptINFO

 

โควิดสะเทือนวงการกีฬา! 'ไนกี้'ปลดพนักงาน

BTimes รายงานว่า ไนกี้ อินคอร์ปอเรชั่น บริษัทผลิตชุดเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้ากีฬาชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐ ประกาศมาตรการปลดพนักงาน และปรับเปลี่ยนผู้บริหาร

การประกาศปลดพนักงานในครั้งนี้เกิดขึ้นกับทุกแผนกในบริษัท ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการลดจำนวนพนักงานเพียงครั้งเดียวอยู่ที่ระหว่าง 200 ถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือระหว่าง 6,400 - 8,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน ไนกี้มีพนักงานทั้งหมด 76,700 คน

ทั้งนี้ ผลประกอบการของไนกี้ในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณของบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุน -38%

ขณะที่ ยอดขายผ่านระบบออนไลน์กลับเพิ่มขึ้น 75% ซึ่งคิดเป็น 30% ของรายได้รวมทั้งหมด

ตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นไนกี้ลดลง 3% โดยมีมูลค่าบริษัทที่ 153,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.9 ล้านล้านบาท

ขอบคุณข้อมูล BTimes
#ปลดพนักงาน #ตกงาน #nike

 

#แจ้งข่าว ต่าย มนัสนันท์ #เสียชีวิตแล้ว ชาวบ้านเล่าอาการก่อนพบเป็นศพ

ต่าย มนัสนันท์ อดีตดารานางแบบ เสียชีวิตในบ้านแห่งหนึ่ง เจ้าของบ้านเล่านาทีเข้ามาขอพัก ก่อนจะพบว่าเป็นศพเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.ค.63 พ.ต.ท.สุกิจ เหมรา สว.สอบสวน สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้เสียชีวิต นอนตายปริศนาภายในบ้านหลังหนึ่ง ในชุมชนวัดเขาแตงอ่อน หมู่ 1 ต.สุรศักดิ์ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางสาวมนัสนันท์ ปานดี หรือต่าย อายุ 33 ปี อดีตนางแบบ ดาราตัวประกอบชื่อดังจากภาพยนตร์ แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า และโกยเถอะโยม จากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด คาดเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง

เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า ปกติต่าย จะอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ล่าสุด เมื่อ 3 วันก่อน ได้กลับมาที่ชุมชนแห่งนี้ แล้วมาขออาศัยที่พักหลับนอนที่บ้าน แต่ระหว่างที่ ต่าย มาอาศัยอยู่นั้น มีอาการเหมือนคนป่วย พูด 10 คำ ตอบ 1 คำ อีกทั้งยังมีอาการน้ำลายไหลตลอดเวลา จนกระทั่งวันนี้ต่าย นอนไม่ตื่น ตนเองจึงเข้าไปปลุก ก่อนจะพบว่านอนเสียชีวิตแล้ว

ขณะเดียวกันได้สอบถามชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว ระบุว่า เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้เห็น ต่าย มนัสนันท์ เดินไปเดินมาในชุมชน ด้วยสภาพที่มีอาการป่วย ตัวสั่นตลอดเวลา แล้วมีอาการน้ำลายไหล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคชันสูตรพลิกศพ พบว่าต่าย มีอาการชักเกร็ง ก่อนเสียชีวิต ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากอาการป่วย จนทำให้เกิดอาการชักเกร็ง ส่งผลให้เสียชีวิตดังกล่าว
ที่มาข่าว_ข่าวสด

 

#สีจิ้นผิง หยุดกระแสบริษัทข้ามชาติย้ายฐานออกจาก #จีน ส่งจดหมายถึงผู้บริหารบริษัทต่างชาติ เรียกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่งแม้เผชิญโควิด พร้อมย้ำยังยึดมั่นการพัฒนาอย่างสันติ ปฏิรูป และเปิดตลาดภายในประเทศจีน

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ส่งจดหมายถึงสภาซีอีโอโลก ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทข้ามชาติ 39 แห่งทั่วโลกที่มีฐานะแกนนำในวงการต่าง ๆ โดยกล่าวชื่นชมบรรดาผู้นำธุรกิจที่ยืนหยัดจะดำเนินธุรกิจในจีนต่อไป ภายใต้สถานการณ์ที่ลัทธิกีดกันทางการค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งยังมีการระบาดของโควิด-19 ผู้นำจีนกล่าวว่า "การยืนหยัดพัฒนาในจีนต่อไปเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง"
.
ผู้นำจีนระบุว่า จีนจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจทั้งของจีนและต่างชาติ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นค้นพบโอกาสและอนาคตใหม่ ๆ
.
ท่าทีของผู้นำจีนมีขึ้นหลังจากรัฐบาลหลายประเทศประกาศว่า จะสนับสนุนให้ธุรกิจของตนย้ายฐานการผลิตออกจีนเพื่อลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน ที่สินค้าต่าง ๆ ขาดแคลนอย่างหนักในช่วงที่จีนปิดเมืองเพื่อสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโควิด บริษัทข้ามชาติยังกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ที่จีนต้องเผชิญหลังจากบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง
.
สีจิ้นผิงระบุว่า หวังว่าผู้นำธุรกิจข้ามชาติจะยึดมั่นในแนวคิด “ชนะร่วมกัน” และร่วมกันพัฒนา เพื่อเพิ่มพูนการติดต่อและร่วมมือกับภาคธุรกิจของจีน พร้อมย้ำว่าเศรษฐกิจจีนและนโยบายของรัฐบาลจีน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด
.
สภาซีอีโอโลก หรือ Global CEO Council จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 โดยเป็นกลไกทางการทูตหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อเชื่อมโยงกับบริษัทข้ามชาติต่างๆ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเคยหารือร่วมกับกลุ่มผู้แทนของบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ที่กรุงปักกิ่ง

ผู้นำจีนได้พบกับผู้บริหารจากบริษัทของสหรัฐ เช่น UPS, Pfizer, Cargill, Prologis, Goldman Sachs และผู้แทนจากบริษัทยุโรป เช่น Thales, Alstom, Schneider Electric, ABB, Nokia, Volkswagen, Philips, ArcelorMittal.

 

(ในวิกฤตเช่นนี้ ผู้นำอัจฉริยะ ยังคิดเลือกลูกทีมตามความพอใจ โดยไม่แคร์เสียงสนับสนุน หรือผู้ให้การสนับสนุน น่าจะเสื่อมถึงที่สุดแล้ว)

ตามคาด
เวทีชุมนุมที่ขอนแก่นประกาศว่าอีกไม่นาน ถนนทุกสายจะเข้าสู่กรุงเทพฯ
รัฐบาลก็ต้องเตรียมความคิดว่าสักวันหนึ่งถ้าม้อบจากทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ามากรุงเทพฯพร้อมๆกัน
จะรับมืออย่างไร???
อย่าลืมว่า เมื่อครั้งประกาศเอกราชอินเดียนั้นเริ่มต้นจากมหาตมะคานธี นำคนแค่ 4 คนออกจากบ้านพักเดินเท้าเพื่อไปทำนาเกลือ
ในที่สุดคนอินเดียเข้าร่วม นับร้อยล้านคน จึงนำไปสู่การประกาศเอกราชจากอังกฤษ

 

(ไม่ได้สนับสนุน แต่อ่านข่าวของผู้นำอัจฉริยะ แล้วคิดว่ามันก็สมควรแล้วที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น)

การชุมนุมที่อยุธยา

 

การชุมนุมของนักศึกษาเยาวชนที่ปัตตานีตอนนี้
จัดขึ้นพร้อมๆกันในอีกสามจังหวัดด้วย
กองไฟอันน้อยนั้นประมาทไม่ได้
เพราะสามารถไหม้ลามทุ่งได้

 

การชุมนุมของนักศึกษาเยาวชนที่ขอนแก่นในขณะนี้

 

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง จัดเที่ยวบินพิเศษ (รอบที่ 6) โดยสายการบินไทย นำคนไทยที่ตกค้างในฮ่องกงกลับประเทศไทย

ในวันนี้ (23 ก.ค. 63) สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ร่วมกับทีมประเทศไทย และสายการบินไทย (Thai Airways) ได้จัดเที่ยวบินพิเศษนำคนไทยในฮ่องกงจำนวน 155 คน เดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG607 เส้นทาง ฮ่องกง – กรุงเทพฯ ออกเดินทางจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เวลา 20.45 น. และมีกำหนดถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 22.25 น.

ทั้งนี้ เป็นครั้งที่ 6 ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้อำนวยความสะดวกในการจัดส่งคนไทยในฮ่องกงและมาเก๊าเดินทางกลับประเทศไทย โดยเที่ยวบินดังกล่าวเป็นเที่ยวบินที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับ-ส่งบุคคลกลับประเทศไทยตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งการจัดเที่ยวบินพิเศษนี้เป็นไปตามแนวทางจัดการเคลื่อนย้ายคนไทยในต่างประเทศกลับประเทศไทยของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันและควบคุมโรคของไทย

สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนสถานกงสุลใหญ่ฯ ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ทำให้สามารถส่งคนไทยกลับประเทศได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ยังได้รับการสนับสนุนอาหารว่างจากบริษัท CPF Hong Kong Company Limited เพื่อมอบให้กับคนไทย และยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากรัฐบาลฮ่องกง

อีกทั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 63 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดีจากทีมแพทย์ไทยในฮ่องกง ประกอบด้วย พญ. ปิยา แช่มสายทอง และนพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล ซึ่งปัจจุบันทำงานอยู่ที่ Prince of Wales Hospital อำนวยความสะดวกตรวจสุขภาพคนไทยที่จะเดินทางกลับ ปทท. รวมทั้งออกใบรับรองแพทย์ Fit to Fly โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และ สกญ.ฯ ได้ออกใบรับรองการเดินทางเข้า ปทท. ในคราวเดียวกัน ในลักษณะ one stop service

ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ตระหนักดีว่า ยังคงมีคนไทยในฮ่องกงและมาเก๊าที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ขณะนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ อยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมเที่ยวบินพิเศษในรอบต่อไปในเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อทยอยส่งคนไทยที่ได้ลงทะเบียนฯ แล้ว เดินทางกลับประเทศไทย

ทั้งนี้ หากท่านใดประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยเนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนและยังไม่เคยลงทะเบียนฯ โปรดเดินทางมาลงทะเบียนได้ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ในวันทำการ (จันทร์ - ศุกร์ เวลา 14.00 - 16.30 น.) หรือติดต่อมาที่โทรศัพท์หมายเลขฉุกเฉินที่ (+852) 6821-1545 หรือ (+852) 6821-1546

 

เขื่อนในจีนพังเมื่อ 7 กค. สัญญาณเตือนอันตรายของเขื่อนอีกหลายพันแห่งที่ส่วนใหญ่สร้างในทศวรรษ 1950 และ 1960 สมัยประธานเหม๋า

 

SEXERCISE: รู้มั้ย? เยอรมันเคยเป็นสวรรค์ของผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแปลกๆ
.
โลกปัจจุบันมีเสรีภาพทางเพศสูงขึ้นก่อนยุคก่อนหน้ามาก อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะ “เสรี” แค่ไหน ข้อห้ามทางเพศก็ยังอยู่คู่กับมนุษย์เหมือนเดิมตั้งแต่อดีต เพียงแต่มันเปลี่ยนไป ซึ่งทุกวันนี้ ประเด็นของข้อห้ามทางเพศที่ยังถือว่า “เป็นที่ถกเถียง” (คือยังอยู่ในบทสนทนาอยู่) กัน คงไม่ใช่การร่วมเพศระหว่างคนเพศกำเนิดเดียวกันแล้ว (เนื่องจากได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง) แต่เป็นรสนิยมแบบ “ชอบเอากับเด็ก” และ “ชอบเอากับสัตว์”
.
พอยกประเด็นนี้มา เราอาจคิดว่ามันฟังดู “ป่วย” มาก แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่อย่างค่อนข้าง “เปิดเผย” ในหลายๆ พื้นที่ในโลกของเรา และมันก็ “เปิดเผย” ไม่ได้ต่างจากที่ถ้าไปถามรัฐบาลไทย รัฐบาลก็คงบอกว่าในไทยไม่มี “ซ่องโสเภณี” ทั้งที่ความจริงเป็นอย่างไร ชาวไทยและชาวโลกก็รู้กันอยู่
.
ซึ่งตอนนี้เราอยากจะเล่าเรื่องของการเปิดซ่องเป็นล่ำเป็นสันเพื่อตอบสนองรสนิยมคนที่ “ชอบเอากับสัตว์” ในเยอรมัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน ไม่เกิน 10 ปี
.
จริงๆ พฤติกรรมในการร่วมเพศกับสัตว์เป็นสิ่งที่อยู่ในมุมมืดของโลกมายาวนาน คือมันมีบันทึกมาตลอดว่ามนุษย์มีพฤติกรรมแบบนี้ แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่เคยโผล่มาในที่แจ้งแบบสังคมยอมรับกันเป็นปกติเท่าไร (เว้นบางชนเผ่าที่มี “พีธีกรรมเอากับสัตว์” เพื่อเป็นพฤติกรรมเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่ผู้ใหญ่)
.
แต่พอมามีอินเทอร์เน็ต กลุ่มคนชอบเอากับสัตว์ทั่วโลกก็เริ่มมีการรวมตัวกัน และก็ตามปกติ กลุ่มคนที่เคยเป็นผู้โดดเดี่ยวในสังคม เมื่อได้รวมตัวกันก็เข้มแข็งขึ้น และเมื่อมีการพูดคุยกันมากขึ้น มันก็เลยมีการคุยกันว่า ประเทศไหนในโลก มันยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ได้บ้าง? ประเทศไหนที่คนมีรสนิยมชอบเอากับสัตว์จะอยู่ได้สบายๆ บ้าง?
.
ไปๆ มาๆ หวยมาออกที่เยอรมัน เพราะประเทศนี้ แค่เมื่อ 10 ปีก่อน มันมี “ซ่องสัตว์” เปิดมากมายอย่างโจ๋งครึ่ม หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือไม่ได้เปิดเป็น “ซ่อง” ชัดๆ แต่ “คนท้องถิ่น” รู้กันดีว่าคนเข้าไปทำอะไร อาจจะไม่ได้ต่างจากที่คนไทยรู้ว่าคนที่เข้าไป “อาบอบนวด” หรือ “นวดโดยพริตตี้” เขาไม่ได้เข้าไปแค่ “นวด”
.
แล้วทำไมต้องเยอรมัน?
.
นี่เป็นคำถามที่ดี แต่คำตอบนี่เรียกได้ว่า “รู้แล้วจะหนาว”
.
เพราะเยอรมันคือเมืองหลวงแห่ง “ซ่อง” ของยุโรป เรียกได้ว่าถ้าเอเชียมีไทย ยุโรปก็มีเยอรมัน และจากข้อมูลสถิติ เยอรมันมีผู้ขายบริการทางเพศต่อสัดส่วนประชากรสูงระดับโลก และสูงกว่าบ้านเราอีก
.
เยอรมันเป็นประเทศใหญ่ ซึ่งหลังจากการค้าบริการทางเพศกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายในปี 2002 ก็เรียกได้ว่ามี “ซ่อง” ผุดขึ้นทั่วประเทศ จนทุกวันนี้มันกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มูลค่าระดับแสนล้านบาท
.
เรียกได้ว่าคนยุโรปถ้าจะไปเซ็กส์ทัวร์ใกล้บ้าน เขารู้กันว่าต้องไปเยอรมัน
.
ทีนี้พอบริการทางเพศแบบปกติมันถูกกฎหมาย พวกบริการทางเพศแบบทางเลือกก็ย่อมผุดตามมา เรียกได้ว่าเซ็กส์หลายๆ อย่างที่เรียกได้ว่า “วิตถาร” เยอรมันมีให้บริการแบบถูกกฎหมายด้วย
.
ซึ่งในบรรดาความ “วิตถาร” รูปแบบการค้าเซ็กส์แบบหนึ่งที่ฟังดูแล้ววิตถารแน่ๆ แต่ดันไม่ผิดกฎหมายเยอรมันในตอนที่เยอรมันปล่อยให้มีการค้าทางเพศเสรี ก็คือบริการเซ็กส์กับสัตว์ให้คนที่มีรสนิยม “ชอบเอากับสัตว์” และที่มันไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายเยอรมันบังเอิญไม่มีข้อห้ามการร่วมเพศกับสัตว์ที่ชัดเจนแบบกฎหมายหลายๆ ประเทศ
.
ตอนที่ธุรกิจ “ซ่อง” ในเยอรมันบูมๆ ซ่องกลุ่มหนึ่งที่ขยายตัวเกาะกระแสไปด้วยคือ “ซ่องสัตว์” ที่มีสัตว์ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น หมา แพะ ม้า ฯลฯ
.
อะไรพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดเผยเท่าไร แต่ก็เรียกได้ว่า “คนท้องถิ่นรู้กัน” มาตลอดและมันก็ดำรงอยู่
.
จนเรื่องมันมาแดง 10 ปีหลังเยอรมันทำให้การค้าบริการทางเพศผิดกฎหมาย ในปี 2012 หลังจากสื่อท้องถิ่นลงสกู๊ปว่าตอนนี้ “ซ่องสัตว์” ในเยอรมันมันเยอะแบบไม่ไหวแล้ว และสื่อนานาชาติก็ “ช็อก” ไปพร้อมๆ กันและลงข่าวไปทั่ว
.
เรียกได้ว่าเยอรมันฉาวโฉ่ไปชั่วข้ามคืนเลย เพราะโลกมองว่าเยอรมันคือ “ซ่องสัตว์” ของโลก เรียกได้ว่าตอนโน้นชาวโลกรู้แล้วว่า Animal Sex Tour Destination อันดับ 1 ของโลกคือเยอรมัน
.
แต่รัฐบาลกลางเยอรมันก็ทำงานเร็วมาก เพราะเรื่องนี้แดงมาตอนกลางปี 2012 แต่ตอนปลายปี 2012 รัฐบาลกลางก็ออกกฎหมายทำให้การ “เอากับสัตว์” ผิดกฎหมายแล้ว ซึ่งผลที่ตามมาก็คือพวก “ซ่องสัตว์” ก็ทยอยปิดตัวไป
.
ซึ่งเรื่องที่เพี้ยนคือ นี่ก็ไม่ได้ทำให้พวก “ชอบเอากับสัตว์” ลดละความพยายาม ก็ยังหาประเทศอื่นที่กฎหมายยังไม่ห้ามเอากะสัตว์อีก ซึ่งตอนนั้นคือ สวีเดน กับเดนมาร์ก ผลก็คือมันทำให้ซ่องสัตว์ที่เยอรมันปิดไป แล้วมันไปเปิดต่อที่สวีเดนกับเดนมาร์ก ก่อนที่สองประเทศนี้จะออกกฎหมาย “ห้ามเอากับสัตว์” มาในที่สุดในปี 2013 และ 2015 ตามลำดับ เป็นอันปิดตำนานซ่องสัตว์ในยุโรปไป
.
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่มันกว่านั้นก็คือ หลังจากที่รัฐบาลกลางออกกฎหมายห้ามเอากะสัตว์ คนเยอรมันที่มีรสนิยมชอบเอากับสัตว์ ก็ได้ยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่ากฎหมาย “ห้ามเอากับสัตว์” นี้ เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญในส่วนของการรับรองสิทธิในการกำหนดรสนิยมทางเพศของตัวเอง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่ากฎหมาย “ห้ามเอากับสัตว์” นี้ไม่ละเมิดรัฐธรรมนูญในที่สุดในปี 2016
.
เรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ทำให้นักสิทธิสัตว์เฮกันไป เพราะตอนนี้ในยุโรปการ “เอากับสัตว์” น่าจะผิดกฎหมายทุกประเทศในยุโรปแล้วในที่สุด

อ้างอิง: https://dailym.ai/2OzfYAs
https://bbc.in/2D4GuMK
http://bit.ly/2riNZNk
http://bit.ly/2KLrfga
http://bit.ly/2KJNjYv

#Animal #Germany #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

LOCALRY: รู้ไหม ‘ฆาตกรตัวจริง’ ของ ‘คดีซีอุย’ อาจยังลอยนวลอยู่
.
อย่าดื้อ “เดี๋ยวซีอุยจะมากินตับ”
.
ถ้าใครอายุ 30 ปีขึ้นไป ในวัยเด็กน่าจะเคยได้ยิน ‘ผู้ใหญ่’ ขู่แบบนี้แน่ๆ
.
คนทั่วไปก็คงจะจำมาตลอดว่า ชายไทยเชื้อสายจีนนามว่า ‘ซีอุย’ คือฆาตกรต่อเนื่องระดับคลาสสิคของเมืองไทยที่ฆ่าเด็กแล้วกินตับ
.
หลังจากเสียชีวิต ศพของเขาถูกสตัฟฟ์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช เรื่องเล่าและศพของเขาก็โดดเด่นจนผู้คนเรียกพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างลำลองว่า “พิพิธภัณฑ์ซีอุย”
.
ถ้าใครตามข่าวในช่วงปี 2019 จะทราบว่า ทางพิพิธภัณฑ์ได้นำศพซีอุยออกจากการจัดแสดง หลังมีการล่ารายชื่อให้ ‘คืนความยุติธรรม’ และ ‘ความเป็นมนุษย์’ ให้ซีอุยบนเว็บไซต์ change.org
.
ล่าสุด หลังจากหาญาติไม่พบ ในที่สุดเรือนจำบางขวางได้เป็นเจ้าภาพฌาปนกิจศพซีอุยในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2563
.
เรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความตระหนักใน ‘สิทธิมนุษยชน’ และ ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ ของคนรุ่นใหม่ที่มองว่า ไม่ว่าฆาตกรต่อเนื่องหรือใครก็ตาม ถ้าตายไปแล้ว ก็ควรจะได้รับการจัดพิธีศพให้สมกับมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่สตัฟฟ์โชว์ให้คนมาดู
.
แต่ปัญหาที่ลึกกว่านั้นคือ ในความเป็นจริง ซีอุยอาจไม่ใช่ ‘ฆาตกรต่อเนื่อง’ หรือกระทั่ง ‘ฆาตกร’ เลยก็ได้
.
และความผิดที่ซีอุยได้รับจนถูกประหารอาจเกิดจาก ‘ความผิดพลาดของระบบยุติธรรมของไทย’
.
แต่นี่คือสิ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึง…

1.
‘หลักฐาน’ ที่ใช้เอาผิดซีอุยจนถูกประหารชีวิตในวัย 32 ปีเมื่อ พ.ศ.2502 ถ้ามองตามกระบวนการสืบสวนในวันนี้ เรียกว่า ไม่มีทางใช้เอาผิดใครได้เลย เพราะ “หลักฐานอ่อนมาก”
.
แล้วทำไมซีอุยถึงโดนตัดสินว่าผิด?
.
อธิบายง่ายๆ เลยคือ ซีอุย ‘สารภาพ’ ในทุกข้อกล่าวหา
.
แต่ปัญหาคือ ‘คำสารภาพ’ ของซีอุยส่วนใหญ่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะในคดีฆาตกรรมเด็กระทึกขวัญต่างๆ ในช่วงพ.ศ. 2497-2501 ที่ถูกจับมา “ยัด” ให้เขา

2.
เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นจากชายชาวจีนวัย 31 ปีถูกจับขณะทำลายศพเด็กชายคนหนึ่งในปีพ.ศ.2501 ที่จังหวัดระยอง
.
ขณะนั้นพ่อของเด็กไปเจอเข้าพอดี เลยวิ่งเข้ามากระทืบชายคนนั้น เสร็จแล้วจับมัดและส่งตำรวจ แต่สิ่งที่กลายเป็นประเด็นต่อมาคือ พ่อของเด็กพบว่าศพลูกชายไม่มีตับและหัวใจ
.
ชายเชื้อสายจีนที่สังคมไทยในเวลาต่อมารู้จักในนาม ‘ซีอุย’ คงไม่ได้จินตนาการว่า การถูกจับในคราวนั้นจะทำให้เขาถูกประหารชีวิต และกลายเป็นตำนานฆาตกรต่อเนื่องของไทย

3.
ซีอุยเป็นคนจีนที่หนีมาทำงานในไทย เขาพูดและเขียนภาษาไทยไม่ได้ ตำรวจต้องใช้ล่ามในการสืบสวน ช่องว่างตรงนี้สะกิดใจนักประวัติศาสตร์ในยุคหลังให้เกิดคำถามว่า “ซีอุยถูกหลอกให้รับสารภาพหรือเปล่า?”
.
เพราะในคำให้การณ์มีหลายจุดที่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ถามซีอุย แล้วให้เขาตอบ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” มากกว่าที่ถ้อยคำเหล่านั้นจะออกมาจากปากของซีอุยเอง
.
ความอีรุงตุงตังของคดีซีอุยไม่ใช่แค่เขาถูกสืบสวนอย่างงงๆ กับคดีที่เขาโดนจับได้ แต่ตำรวจไทยมีคดีฆาตกรรมเด็กสะเทือนขวัญหลายคดีที่ปิดไม่ได้มาหลายปี โดยคดีพวกนี้มาจากหลายจังหวัด ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพฯ และนครปฐม ซึ่งตำรวจก็ดูจะพยายามให้ซีอุยรับสารภาพคดีเหล่านี้ เนื่องจากมีความคล้ายกับคดีที่ซีอุยเพิ่งถูกจับแบบ ‘คาหนังคาเขา’ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นคนละจังหวัด
.
เหตุที่ต้องเน้นว่า ‘คาหนังคาเขา’ เพราะตำรวจไม่ได้ตาม ‘หลักฐาน’ ไปเจอเอง แต่เป็นหลักฐานที่พ่อเด็กผู้เคราะห์ร้ายเป็นคนนำส่งตำรวจ
.
โดย ‘หลักฐาน’ สมัยนั้นไม่ได้มีกระบวนการพิสูจน์หลักฐานแบบสมัยนี้ เพราะแม้แต่การเช็คลายนิ้วมือบนอาวุธสังหารที่เริ่มใช้บ้างแล้วในตำรวจฝรั่งยุคนั้น ทางตำรวจไทยก็ยังไม่มีใช้เลย (ไม่ต้องพูดถึงการตรวจดีเอ็นเอที่เพิ่งเริ่มใช้ในการสืบสวนคดีช่วง 1980’s)
.
ดังนั้น ‘กระบวนการยุติธรรม’ สมัยก่อนจึงไม่ได้พึ่ง ‘หลักฐาน’ อะไรมากนัก เพราะไม่มีการ ‘พิสูจน์หลักฐาน’ แต่พึ่ง ‘พยาน’ เป็นหลัก
.
และในกรณีของคดีซีอุยไม่มี ‘พยาน’ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ตำรวจต้องการก็คือ ‘คำสารภาพ
.
และตำรวจก็ได้มาในที่สุด

4.
ถึงแม้ตอนแรกซีอุยจะปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ แทบทั้งหมด แต่สุดท้ายซีอุยก็เปลี่ยนใจไปรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
.
สิ่งที่สร้างความฉงนคือคำสารภาพของเขานั้นผิดกับข้อเท็จจริงหลายคดี
.
นั่นคือเขาให้สารภาพว่าฆ่าเด็กและควักหัวใจและตับกินแทบทุกคดีที่ถูกเอามา “ยัด” ให้เขา ทั้งๆ ที่ คดีเหล่านั้นแทบทั้งหมด เด็กตายจริง แต่อวัยวะภายในไม่ได้หายไปไหน
.
กล่าวคือซีอุยรับสารภาพว่า เขากิน ‘เครื่องใน’ เด็กหลายคนทั้งๆ ที่เขาไม่ได้กินแน่ๆ และทุกวันนี้คนที่กลับไปตรวจเช็คเรื่องราวซีอุยก็ดูจะยืนยันตรงกัน
.
ซีอุยรับสารภาพไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ตำรวจก็ยังถูไถดำเนินคดีต่อ นี่ทำให้เห็นและเกิดข้อสงสัยว่า หรือตำรวจต้องการจะรีบปิดคดีให้จบ โดยไม่สนใจว่าคนที่ต้องรับความผิดจะเป็น ‘แพะ’ หรือไม่

5.
หลังจากมีการเผยแพร่คำสารภาพของคดีซีอุย หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันอย่างสนุกสนานว่า เขาเป็น ‘มนุษย์กินคน’ และมีการแต่งเติมเสริมเรื่องที่นอกเหนือจากคำสารภาพ เช่น ซีอุยไม่ได้เล่าประวัติของเขาตอนเด็กละเอียดแน่ๆ และข้อมูลที่ซีอุยได้เข้าร่วมกับกองทัพจีนรบกับญี่ปุ่นก็เป็นข้อมูลที่เขาเล่าผ่านๆ เท่านั้น แต่พอหนังสือพิมพ์เล่าประวัติซีอุย กลับมีเรื่องราวว่า ซีอุยตอนเด็กๆ ชอบโดนแกล้ง และข้อมูลว่าซีอุยได้กินเครื่องในมนุษย์เป็นครั้งแรกโดยบังเอิญในช่วงสงคราม
.
แน่นอน เรื่องที่ ‘มันส์’ แบบนี้ แม้จะไม่จริง แต่ก็ชวนให้จดจำและเล่าขานต่อไป ไม่ได้ต่างจากเรื่องราวเกินจริงบนอินเทอร์เน็ตสมัยนี้ เพียงแต่สมัยโน้น สื่อกระแสหลักเป็นผู้ปล่อย ‘Fake News’ เสียเอง
.
อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็สนใจความน่าขนพองสยองเกล้าของคดีซีอุยเพื่อปั่นเป็นกระแส แต่ไม่มีใครสนใจเลยว่า คำให้การแบบกลับไปมา และคำให้การที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของซีอุยนั้น “โคตรมีพิรุธ” และ “พิรุธ” พวกนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนหลงลืมไปหลายสิบปี ก่อนที่คนในยุคหลังจะพยายามรื้อ ‘คดีซีอุย’ มาเพื่อพิสูจน์ว่า เขาไม่น่าจะผิดดังที่เขา ‘สารภาพ’ จนต้องโทษประหาร
.
อย่างไรก็ดี ถ้าซีอุยไม่ได้ฆ่าเด็กเหล่านั้นจริง คำถามคือใครฆ่าเด็กพวกนั้น?
.
แล้วซีอุยจะ ‘สารภาพ’ ทำไม?

6.
ถ้าเราดูซีรีส์ฆาตกรรมเป็นปกติ ก็จะเห็นเหตุผลสารพัดที่จะทำให้ผู้ต้องหาสารภาพในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ คือเขาอาจถูกหลอกให้สารภาพก็ได้ หรือถูกจ้างมาให้รับผิดแทนผู้อื่น (ซึ่งก็อาจเป็นผู้มีอิทธิพลอะไรก็ว่าไป) ก็ได้เช่นกัน
.
ดังนั้น หากซีอุยจะสารภาพทั้งที่ตนไม่ได้ผิด ความเป็นไปได้ก็มีสารพัด (ยังไม่ต้องพูดถึงความเป็นไปได้ในการโดน ‘ซ้อมให้สารภาพ’ ที่เป็นเรื่องปกติของตำรวจสมัยก่อน)
.
แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ แล้วใคร ‘ฆ่า’ เด็ก 7 คนที่ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพฯ นครปฐม และระยองในช่วงพ.ศ. 2497-2501
.
คำตอบคืออาจจะเป็นคนละคนก็ได้ แต่ละคดีอาจมีฆาตกรคนละคนก็เป็นได้ และการที่ 7 คดีนี้เป็นเรื่องเดียวกัน ก็เกิดจากการ ‘แถ’ ของตำรวจที่ต้องการจะปิดคดีฆาตกรรมระทึกขวัญที่หาคนร้ายไม่ได้ในสมัยนั้น
.
ถ้าเรายอมรับว่าซีอุยไม่ใช่ฆาตกรฆ่าเด็ก สิ่งที่เราต้องยอมรับต่อมาก็คือ แสดงว่าฆาตกรคนที่ฆ่าเด็กยังลอยนวลอยู่
.
และถ้าเขาเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับซีอุย และยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ฆาตกรคนนั้นก็น่าจะมีอายุราว 90 ปีแล้ว

7.
ความจริงในหลายประเทศก็มีฆาตกรต่อเนื่องในตำนานที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจริงๆ คือใคร
.
ไม่ว่าจะเป็น Jack The Ripper ของอังกฤษ Zodiac Killer ของอเมริกา หรือฆาตกรต่อเนื่องแห่งเมืองฮวาซองของเกาหลีใต้ (เคสนี้หลังจากเป็นปริศนามาหลายสิบปี ล่าสุดเพิ่งมีคนสารภาพว่าตนคือฆาตกรต่อเนื่องเมื่อปี 2019)
.
บางคนอาจจะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้มีเสน่ห์ และเป็นปริศนาคู่สังคมที่คนหยิบเอามาทำเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง
.
สำหรับเมืองไทย ในวันที่สังคมยอมรับ ‘ความบริสุทธิ์’ ของซีอุยแล้ว ก็คงได้แต่หวังว่าถ้าคราวนี้มี ‘หนังซีอุย’ เขาคงจะไม่ได้มีภาพฆาตกรที่บ่มเพาะความวิปริตมาตลอดชีวิต แต่เป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมของไทย
.
และเราก็หวังหว่านักเขียนบทจะมีจินตนาการพอที่จะชี้ให้เห็นความเป็นไปได้อื่นๆ ว่าใครคือ ‘ฆาตกรตัวจริง’ ของคดีต่างๆ ที่ซีอุยรับสารภาพ
.
เพราะอย่างน้อยๆ ‘ผู้รอดชีวิต’ เพียงคนเดียวจาก 7 คดีก็ยืนยันว่า ‘ซีอุย’ ไม่ใช่คนที่เกือบจะเชือดคอเธอในวัย 10 ขวบ

อ้างอิง: Wikipedia. ซีอุย. https://bit.ly/2BiSVHF
เดลินิวส์. จบคดีมนุษย์กินคนเตรียมฌาปนกิจ 'ซีอุย' ล้างมลทิน 60 ปี. https://bit.ly/2DZUT0n
ศิลปวัฒนธรรม. “ซีอุย” มนุษย์กินคน หรือเหยื่อสังคม?. https://bit.ly/2WLWcXp
ไทยรัฐ. ย้อนชีวิต "ซีอุย" ถูกรังแก กินตับเพื่อน เจอรุมสกรัม ฆาตกรรมโหด ฉบับตำนานไทย. https://bit.ly/2CBWwBb
มติชน. ญาติซีอุยชาวทับสะแกวอนสื่อ เลิกคุกคามเหยื่อ รื้อฟื้นคดีเก่า. https://bit.ly/2E3QRUJ

#Localry #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

NEWS: โลกตะลึง! ทารกเวียดนามกำ ‘ห่วงคุมกำเนิด’ ออกมาจากท้องแม่
.
ไม่มีการคุมกำเนิดใดๆ ที่สามารถป้องกันได้ 100%
.
เรื่องนี้ยืนยันได้ด้วยภาพไวรัลสุดฮือฮาที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังทารกแรกเกิดในโรงพยาบาล Hai Phaong International ทางตอนเหนือของเวียดนาม คลอดออกมาพร้อมกำ ‘ห่วงคุมกำเนิด’ ของแม่ไว้ในมือ จนแพทย์ทำคลอดอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก
.
หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจอย่างมากบนโลกออนไลน์ คุณหมอ Tran Viet Phuong ผู้ทำคลอดออกมาเปิดเผยว่า ภาพนี้คือทารกตัวน้อยของคุณแม่วัย 34 ปีที่เคยผ่านการมีลูกมาแล้ว 2 คน และตัดสินใจใส่ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine device) ไว้เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ดูเหมือนจะทำงานผิดพลาดเล็กน้อย
.
คุณหมอสันนิษฐานว่า ห่วงคุมกำเนิดน่าจะเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ฝังไว้ ทำให้การคุมกำเนิดทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
.
เพราะตามปกติแล้วห่วงคุมกำเนิดสามารถป้องกันได้ถึง 99% โดยมีกลไกในการใส่เข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อยับยั้งการเดินทางของอสุจิ
.
อย่างไรก็ดี หนูน้อยที่กำอุปกรณ์คุมกำเนิดของแม่ออกมา มีร่างกายที่แข็งแรงดี น้ำหนักตัว 3.2 กิโลกรัม โดยแม่และเด็กอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
.
สรุปแล้วทางการแพทย์ยังไม่มีการคุมกำเนิดแบบไหน ที่สามารถป้องกันได้ปลอดภัย 100% แม้แต่การทำหมันเอง ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้
.
แม้ว่าจะมีโอกาสต่ำกว่า 1% ก็ตาม

อ้างอิง: THE SUN. USELESS! Baby ‘born holding mum’s contraceptive IUD that failed to stop her getting pregnant’. https://bit.ly/3ft2Itg
Dailynews. 'รู้จักห่วงคุมกำเนิดหรือยัง'. https://bit.ly/3gY60oY

#Vietnam #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme