ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20200719_205840.jpg

    (Jul 19) จับตา อังกฤษ แบน หัวเว่ย ชนวนสงครามการค้าจีน-ยุโรป: คำสั่งแบนเทคโนโลยี 5G หัวเว่ยของรัฐบาลอังกฤษตามแรงกดดันของสหรัฐอเมริกาอาจสร้างโมเมนตัมให้ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปทำตาม ขณะที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจของหัวเว่ยในยุโรปมีจำนวนมหาศาลซึ่งอาจกระทบต่อการแข่งขันในการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของจีนในอนาคต รัฐบาลจีนจึงจำเป็นต้องตอบโต้และอาจนำมาตรการกีดกันทางการค้ามากดดันยุโรป

    โดยเมื่อ 14 ก.ค. 2020 “โอลิเวอร์ โดว์เดิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของอังกฤษ ประกาศว่า รัฐบาลได้ออกคำสั่งให้บริษัทโทรคมนาคมของอังกฤษยุติการใช้งานอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยอย่างเด็ดขาด และให้ถอดอุปกรณ์ 5G ออกจากเครือข่ายโทรคมนาคมในประเทศทั้งหมดภายในปี 2027 เนื่องจากเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ

    ก่อนหน้าประกาศของรัฐบาลอังกฤษ “โรเบิร์ต โอไบรอัน” ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา (เอ็นเอสเอ) ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศชั้นนำของยุโรป 4 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ที่กรุงปารีส เพื่อหารือประเด็นความมั่นคง ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็น 5G ของหัวเว่ยด้วย และในวันถัดมารัฐบาลอังกฤษก็ประกาศแบนหัวเว่ย โดยรอยเตอร์สรายงานว่าสหรัฐก็ได้เร่งเดินหน้ากดดันประเทศยุโรปให้แบนหัวเว่ย และการตัดสินใจของ “อังกฤษ” จะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อผู้นำประเทศเหล่านี้มากขึ้น

    ขณะที่ยุโรปถือเป็นตลาดหลักของ “หัวเว่ย” โดยซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อปี 2019 หัวเว่ยสร้างรายได้ในยุโรปในสัดส่วนถึง 24% ของรายได้ทั่วโลก และเมื่อต้นปี 2020 หัวเว่ยยังได้ประกาศว่ามีการทำสัญญาซื้อขายอุปกรณ์ 5G กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลกกว่า 91 ฉบับ ซึ่งเป็นการทำสัญญากับบริษัทโทรคมนาคมในยุโรปถึง 47 ฉบับ หรือมากกว่าครึ่ง จึงกล่าวได้ว่าหากหัวเว่ยถูกตัดขาดออกจากตลาดยุโรปย่อมสร้างผลกระทบต่อบริษัทอย่างมหาศาล และกระทบต่อเป้าหมายของหัวเว่ยที่ต้องการจะเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนแทนที่ซัมซุงภายในปี 2020 รวมถึงการเป็นผู้นำโลกในด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคม 5G

    นอกจากนี้ การแบน “หัวเว่ย” ของยุโรปจะส่งผลต่อการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำเทคโนโลยีของโลกของจีนอีกด้วย ดังนั้น รัฐบาลปักกิ่งย่อมมิอาจอยู่เฉยให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของตนถูกตัดขาดออกจากยุโรป และจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ ในกรณีนี้ “หัว ชุน หยิง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า อังกฤษจะต้องชดใช้ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้

    ซึ่งจีนอาจหยิบยกมาตรการกีดกันทางการค้าขึ้นมาตอบโต้อังกฤษ ซึ่ง “โกลบอล ไทมส์” รายงานอ้างคำกล่าวของ “ซุย หงเจียน” ผู้อำนวยการแผนกยุโรปศึกษา ของ สถาบันการระหว่างประเทศศึกษาแห่งชาติ (ซีไอไอเอส) ซึ่งเป็นคลังสมองด้านกิจการต่างประเทศของรัฐบาลจีน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและอังกฤษย่ำแย่ลงมาก หลังจากการแบนหัวเว่ย และจะส่งผลให้จีนมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่ออังกฤษมากขึ้น ซึ่งสำนักข่าวซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีนแห่งนี้ชี้ว่า “ความสัมพันธ์ทางการค้า” ระหว่างอังกฤษและจีนจะถูกกระทบอย่างหนัก จากมาตรการตอบโต้ต่อนโยบายเลือกปฏิบัติของอังกฤษ

    และในกรณีที่ประเทศอื่น ๆ ทำตามอังกฤษ จีนก็สามารถดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าต่ออีกหลายประเทศในยุโรป ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อยุโรป “พอล ทริโอโล” จาก “ยูเรเชียน กรุ๊ปส์” ชี้ว่า จีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนีมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านยูโร/ปี ดังนั้น จีนจึงอาจหยิบยกประเด็นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ามาตอบโต้ หากรัฐบาลเยอรมนีออกคำสั่งแบนหัวเว่ย

    และหากมาตรการกีดกันทางการค้าของจีนถูกงัดขึ้นมาใช้จริง ยุโรปก็อาจจำเป็นต้องตอบโต้กลับด้วยมาตรการเดียวกัน ซึ่งก็จะสร้างสงครามการค้าระหว่างจีนและยุโรปขึ้นมา

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/world-news/news-493570

    เพิ่มเติม
    - UK bans Huawei from its 5G network in rapid about-face: https://www.cnn.com/2020/07/14/tech/huawei-uk-ban/index.html
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PSX_20200719_210201.jpg

    (Jul 19) บทบาทของ Non-Bank ต่อการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชน : เมื่อพูดถึงคำว่า “การเข้าถึงบริการทางการเงิน” ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ขอสินเชื่อ หรือบริการอื่นๆ เชื่อว่าหลายท่านคงคุ้นเคย และเคยติดต่อใช้บริการเหล่านี้กับธนาคารพาณิชย์กันบ้าง โดยผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้งจากสาขาของธนาคารพาณิชย์เอง ไปรษณีย์ ร้านสะดวกซื้อที่เป็นตัวแทน ตู้เอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินเหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบายตลอด 24 ชม.

    ในขณะเดียวกัน ก็อาจมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ เนื่องจากไม่มีเงินฝาก และไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ได้ เพราะมีข้อจำกัดทางด้านคุณสมบัติต่างๆ ดังนั้น ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ Non-Bank จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งตอบสนองความต้องการของประชาชนกลุ่มนี้ทั้งในยามปกติและภาวะฉุกเฉิน ด้วยกระบวนการอนุมัติที่รวดเร็ว และลดความยุ่งยากทางด้านเอกสารต่างๆ

    Non-Bank ที่ให้บริการสินเชื่อในประเทศไทยมีอะไรบ้าง?

    ความจริง Non-Bank ที่ให้บริการสินเชื่อนี้มีมานานแล้ว เพียงแต่เราอาจไม่ทันทราบว่านี่คือ Non-Bank ที่ให้บริการสินเชื่ออย่างเป็นทางการ โดยได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง เริ่มตั้งแต่ปี 2545 มี “บัตรเครดิต” เกิดขึ้น ต่อจากนั้น ในปี 2548 ก็มี “สินเชื่อส่วนบุคคล” (P-Loan) เพื่อช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนที่มีการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก และมีการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม หลังจากนั้น ในปี 2558 ก็มี “สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ” (Nano Finance) เกิดขึ้น สำหรับบุคคลธรรมดา (รายย่อย) ที่ต้องการเงินทุนในการประกอบอาชีพ และปี 2559 ก็มี “สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด” (Pico Finance) เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแก่ประชาชนรายย่อย และล่าสุดปี 2562 ทางการได้ขยายขอบเขตสินเชื่อ P-Loan ให้ครอบคลุมถึงสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในราคาที่เหมาะสมและได้รับการปฏิบัติจากผู้ประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรมมากขึ้น

    นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ จะมีสินเชื่อ P-loan ประเภท Digital เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคไฮเทคปัจจุบัน ทำให้เข้าถึงบริการสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการการให้สินเชื่อทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การสมัครขอสินเชื่อ การพิจารณาความเสี่ยง การอนุมัติและจ่ายเงินผ่าน Application จนถึงการชำระเงินคืนของลูกค้า และยังใช้ปัจจัยอื่นนอกเหนือจากรายได้ มาพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า (Alternative Data) เช่น พฤติกรรมการใช้มือถือ การ Check-in ทาง social media หรือ การ shopping online ทำให้อนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น และสะท้อนความเสี่ยงของลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนในการทำธุรกิจลดลงในท้ายที่สุด อย่างไรก็ดี หากแนวโน้มการให้สินเชื่อ Digital มากขึ้น ก็จะทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และอาจจะส่งผลให้รูปแบบเดิมๆ ของการให้สินเชื่อมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความจำเป็นในการใช้สาขาและพนักงานมีบทบาทลดลง

    ใครเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank บ้าง และช่วยการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างไร?

    ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank ที่ได้รับอนุญาตและเปิดทำการแล้ว 122 ราย เป็นสินเชื่อบัตรเครดิต 7 ราย สินเชื่อ P-loan 75 ราย Nano Finance 40 ราย ซึ่งมีสาขาจำนวน 9,248 สาขา ครอบคลุมอยู่ทุกจังหวัด โดยผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank ประเภท P-Loan และ Nano Finance จะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่กระจายอยู่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดในระดับตำบล-หมู่บ้าน ซึ่งอาจเข้าไม่ถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ และจะใช้พนักงานของบริษัทประจำสาขาลงพื้นที่เพื่อทำความรู้จักและให้บริการแก่ลูกค้า สำหรับสินเชื่อ Pico Finance อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับอนุญาตและเปิดดำเนินการแล้ว 469 ราย [1]

    จากจำนวนผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank ที่เพิ่มขึ้น และมีการกระจายตัวของสาขามากขึ้นในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้ง ปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นภาพถึงการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น แม้ว่าปริมาณสินเชื่อจะชะลอตัวเล็กน้อยในไตรมาสแรกของปี 2563 เนื่องจาก สถานการณ์ของการแพร่ระบาด Covid-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจ้างงาน และการใช้จ่ายของประชาชน

    จากการระบาดของ COVID-19 ที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วประเทศ ธปท. ตระหนักถึงความเดือดร้อนประชาชน จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภาระลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ โดยระยะแรกของมาตรการ มี Non-Bank 20 กว่าแห่งเข้าร่วมโครงการพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน และขยายระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อให้ค่างวดลดลง 30% และสำหรับบัตรเครดิตเองก็มีการลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำจากเดิม 10% เป็น 5% และเพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะยาว ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป จะมีการปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปสำหรับบัตรเครดิต P-loan และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันด้วย

    สุดท้ายนี้ หากผู้อ่านต้องการทราบว่าปัจจุบันมีบริษัท Non-Bank ที่ให้บริการสินเชื่อประเภทใดบ้าง สามารถค้นหาได้จากเว็บไซด์ของ ธปท. ภายใต้หัวข้อ “BOT License Check” ที่รวบรวมข้อมูลรายชื่อ Non-Bank ทุกแห่งที่ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยไว้ครบในที่เดียว
    โดย นางสาวกัทรี อิ่มผล
    ฝ่ายกำกับธุรกิจสถาบันการเงิน ธปท.

    Source: BOT Website
    https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_16Jul2020.aspx
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นแจกจริง เงินอุดหนุนบ.เอกชน ย้ายการลงทุนออกจากจีน
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศรายชื่อบริษัทเอกชนที่จะได้รับเงินอุดหนุนในการโยกย้าย-กระจายการลงทุนออกจากจีนแล้ววันนี้ (17 ก.ค.) รอบแรกวงเงิน 653 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับการโยกย้ายโรงงานผลิตออกจากจีน กลับคืนสู่ประเทศญี่ปุ่นหรือกระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่ และเพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถบริหารจัดการซัพพลายเชนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    โดยเงินงวดนี้มอบให้กับบริษัทเอกชน 87 ราย ซึ่งหลายรายเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยและผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำลง เรือผุด เรื่องเศร้าชาวประมงริมน้ำท่าจีน : เรือประมง “ทรัพย์สิน” หรือ “หนี้สิน”
    ThaiPublica > คอลัมน์
    18 กรกฎาคม 2020

    วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์

    เรือประมงลำนี้ ผมเห็นมาประมาณเกือบปี ที่ผูกทิ้งไว้ที่สุสานเรือในบริเวณปากแม่น้ำท่าจีน นั่นย่อมหมายถึง เจ้าของเรือ “ทิ้งเรือลำนี้” แล้ว

    ผมไม่รู้ว่าคนที่เห็นคิดอะไรกันอยู่ แต่สำหรับผม ได้แต่หดหู่ใจและเห็นใจเจ้าของเรือ ที่ต้อง “ตัดใจ” ทิ้งเรือได้ถึงขนาดนี้ครับ

    เรือลำนี้ มองด้วยตาเปล่าในระยะไกล เข้าใจว่ามีขนาดอยู่ระหว่าง 60-70 ตันกรอส เข้าใจว่ามีอายุเรือประมาณ 10+/- ปี

    ถ้าในสมัยที่ยังทำการประมง เรือลำนี้น่าจะมีมูลค่าประมาณ 10+/- ล้านบาท
    เรือลำนี้ ผมเข้าใจว่าเคยเป็นทรัพย์สินที่ถูกต้องตามกฎหมายของเจ้าของเรือ

    เรือลำนี้ ผมเข้าใจว่าเคยเป็นเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าของเรือ และมีรายได้มาจุนเจือและเลี้ยงครอบครัวของเจ้าของเรือ

    เรือลำนี้ ผมเข้าใจว่าเคยหาปลามาป้อนประชาชนคนไทยปีละประมาณ 1,200-1,500 ตัน หรือ 1,200,000-1,500,000 กิโลกรัม (ปลาทู) ถ้าคนไทยกินปลาโดยเฉลี่ยนคนละ 40 กิโลกรัม/คน/ปี จะเท่ากับเรือลำนี้ เคยหาปลามาให้คนไทยได้กินถึงปีละ 30,000-37,500

    …ไม่น้อยเลยครับ

    เรือลำนี้ ผมเข้าใจว่าเคยหารายได้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อประเทศปีละ 36-45 ล้านบาท ถ้าปลาเหล่านั้นมีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท และทำให้ประเทศไทยไม่ต้องนำเข้าปลาทูจากต่างประเทศมากินกันอย่างทุกวันนี้ ซึ่งหมายถึงการสงวนเงินตราต่างประเทศอีกด้วย

    ฯลฯ

    แต่วันนี้ สิ่งที่ว่ามาข้างต้น “ไม่มีแล้ว” เรือลำนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ “ไร้มูลค่า” “ไร้คุณค่า” และเข้าใจว่า เป็น “ภาระ” ทางกฎหมายที่เจ้าของต้องตัดใจทิ้งไว้อย่างที่เห็น

    เศร้าไหมครับ

    เรือประมงลำนี้ ผมเข้าใจว่า ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องใบอนุญาตทำการประมงตามกฎหมายประมงใหม่ (พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558/2560) เหมือนกับเรือประมงอีกหลายๆ ลำที่ต้องจอดเรือ

    %B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B8%E0%B8%942-620x458.jpg
    น้ำลง เรือผุด เรื่องเศร้าริมริมน้ำท่าจีน ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat
    เหตุผล คือ เรือลำนี้ มีเลขใบอนุญาตทำการประมง “TL2400B” เขียนอยู่ข้างกราบเรือ ซึ่งมีความหมาย ดังนี้

    อักษร “T” หมายถึง แหล่งประมงที่เรือลำนี้ทำการประมงอยู่ ซึ่งก็คือ “อ่าวไทย”

    อักษร “L” หมายถึง ขนาดของเรือที่ระบุว่าเรือลำนี้มีระวางอยู่ระหว่าง 60-150 ตันกรอส

    เลขชุด “2400” หมายถึง หมายเลขชุดใบอณุญาตของเรือกลุ่มนี้

    อักษร “B” หมายถึง เครื่องมือที่ลำนี้ใช้ทำการประมง คือ “อวนล้อมจับ”

    แปลความหมายโดยรวม คือ เรือประมงลำนี้ “เป็นเรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (60-150 ตันกรอส) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมประมงอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ทำการประมงได้ในเขตอ่าวไทย ด้วยเครื่องมือประเภทอวนล้อม”

    ผมเข้าใจว่า เจ้าของอาจ “สละใบอนุญาต” ที่มีอยู่ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการขายให้กับเรือลำอื่น “ที่ไม่มีใบอนุญาต” เอาไปใช้ประโยชน์แทน อาจจะขายไปเพื่อการ “ควบรวม” หรือ “ทิ้งไปเฉยๆ” เพราะอาจไม่มีทุนทำต่อ ไม่มีลูกเรือทำต่อ อาจไม่มีปลาทูให้จับแล้ว หรือเหตุผลอื่น ผมไม่ทราบ เพราะไม่ได้คุยกับเจ้าของเรือ

    แต่ ผมเห็นว่า ถึงอย่างไร เรือลำนี้ก็ยังมี “มูลค่า” และ “ประโยชน์” ที่เจ้าของเรือ “พึงใช้ประโยชน์ได้” และที่เจ้าของเรือต้อง “ตัดใจ” ทิ้งเรือลำนี้ก็เพราะ “กฎหมาย” ที่สร้างปัญหาและภาระให้กับเจ้าของเรือ จนไม่อยากจะทนอยู่ในสภาพนั้นได้อีก



    ที่ผมบอกว่า “กฎหมาย” เป็นตัวสร้างปัญหาและภาระให้กับเจ้าของเรือ จนไม่อยากจะทนอยู่ในสภาพของความเป็นเจ้าของเรือได้อีกนั้น มันเป็นประเด็นเรื่องการไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง “เรือ” ของ “อธิบดี” ที่กำกับดูแลมีพื้นความรู้มาจาก “การประมงน้ำจืด” (หรือแม้แต่ประมงทะเลบางคนก็ตาม) และอีก “อธิบดี” ที่มีพื้นความรู้มาจาก “วิศวกรรมโยธา” โดยไม่ต้องมองไปไกลถึงปลัดกระทรวง รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารด้วย

    ที่พูดเช่นนั้น เพราะนอกจากจะไม่มีพื้นความรู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว หน่วยงานต่างๆ ยังมีกรอบความรู้แคบๆ อยู่ในเฉพาะกรมของตน โดยไม่สนใจหรือรู้ไปถึงกิจกรรมอื่นด้วย

    ผมอยากชี้ประเด็นอย่างนี้ครับ

    คำว่า “เรือ” เป็นคำกลาง ที่หมายถึงวัตถุที่ลอยน้ำได้ ซึ่งตามกฎหมายพาณิชย์นาวีที่ใช้กันระหว่างประเทศ ผมเคยอ่านเจอพบว่า “เรือ” มีสถานะของตนเองหลายอย่าง เช่น

    “เรือ” เป็น “นิติบุคคล” ในตัวของมันเอง แยกจากเจ้าของเรือ เป็นผู้กระทำความผิดได้ (โดยมีนายเรือเป็น “ผู้รับผิดชอบร่วม” ไม่ใช่เจ้าของเรือ) ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีในต่างประเทศ เวลาเกิดปัญหา เขาจะดำเนินคดีกับ “เรือ” และ “นายเรือ” (กัปตันหรือไต้ก๋งเรือ) โดยไม่สนใจว่าเจ้าของจะเป็นใคร เมื่อจะลงโทษ เขาก็ลงโทษที่เรือ เช่น การกักเรือ การจ่ายค่าปรับ (สมัยที่เรือของบริษัทลำหนึ่งถูกจับที่ประเทศ “เอริเทรีย” ในทะเลแดง เมื่อเขาดำเนินคดีกับเรือ “ผมต้องร้องขอต่อศาลเข้าไปเป็น “โจทก์ร่วม” กับเรือด้วย มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินการหรือแก้ต่างอะไรได้)

    %B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B8%E0%B8%943-620x439.jpg
    น้ำลง เรือผุด เรื่องเศร้าชาวประมงริมน้ำท่าจีน ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat
    “เรือ” เป็น “สมบัติของชาติ” นอกจากจะเป็นสมบัติของ “เจ้าของเรือ” และเมื่อถึงคราวจำเป็น รัฐสามารถ “เกณฑ์เรือ” เช่นเดียวกับการ “เกณฑ์ทหาร” ได้ ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีสงครามฟอล์กแลนด์ ระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา ที่รัฐบาลอังกฤษได้ “เกณฑ์เรือสำราญ” สัญชาติอังกฤษที่ชื่อ “Queen Elizabeth II” ให้มาขนทหารจากอังกฤษไปส่งที่เกาะฟอล์กแลนด์ เพื่อรบกับอาร์เจนตินา เมื่อ พ.ศ. 2525 (เข้าใจว่า ในสมัยก่อน กองทัพเรือของไทยก็เคยใช้หลักการนี้ โดยมี “กองควบคุมเรือพาณิชย์” เป็นผู้รับผิดชอบขึ้นทะเบียนเรือประมงและเรือสินค้าที่มีสัญชาติไทยไว้ด้วย)

    “เรือ” ที่ไม่มี “ลูกเรือ” หรือ “ผู้ครอบครอง” ในทะเล ถ้ามีใครพบ สามารถยึดเป็นเจ้าของได้

    ฯลฯ

    ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยากนักที่คนบนบก หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือคนที่ไม่เคยอ่านกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายทะเล จะเข้าใจได้ครับ

    ผมเองแม้จะไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นเพราะต้องดูแลเรือประมงและเรืออื่นๆ อีกกว่า 20 ลำในน่านน้ำต่างประเทศและทะเลหลวง ก็ต้องหาความรู้ไว้ครับ เพราะ “รัฐอันธพาลริมทะเล” มีอยู่มากมายครับ ถ้าไม่รู้ก็จะถูกเขาใช้การกระทำในลักษณะ “โจรสลัดในเครื่องแบบ” รังแกเอาได้ครับ



    คำว่า “เรือ” เป็นคำกลาง ที่หมายถึงวัตถุที่ลอยน้ำได้

    ถ้าเราเอา “ปืน” ใส่เข้าไป ก็จะเป็น “เรือรบ”

    ถ้าเราเอา “เก้าอี้” ใส่เข้าไป ก็จะเป็น “เรือท่องเที่ยว”

    ถ้าเราเอา “สินค้า” ใส่เข้าไป ก็จะเป็น “เรือสินค้า”

    ถ้าเราเอา “เครื่องมือจับปลาใส่เข้าไป ก็จะเป็น “เรือประมง”


    ฯลฯ

    ดังนั้น เรือทั้งหลายจึงอยู่ในความควบคุมของกรมเจ้าท่า (ยกเว้นเรือรบ) เพราะสามารถเปลี่ยนสถาะได้ดังที่กล่าวมาข้างต้น

    “เรือประมง” นั้น เป็นคำกลางระหว่าง 2 กรม ที่เกี่ยวข้องครับ (กรมประมงและกรมเจ้าท่า)

    “เรือประมง” ตามกฎหมายเจ้าท่า (พระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481) มีคำจำกัดความตามมาตรา 5 อยู่ 2 ส่วน คือ 3. “เรือ” หมายความถึง ยานพาหนะทางน้ำทุกชนิด และ 8. “การประมง” หมายความถึง การจับสัตว์น้ำทุกชนิดรวมทั้งที่ใช้เรือไปทำการจับสัตว์น้ำหรือเป็นพาหนะไปทำการจับสัตว์น้ำด้วย ดังนั้น เมื่อนำมารวมกันเป็น “เรือประมง” ก็น่าจะหมายรวมถึง “ยานพาหนะทางน้ำทุกชนิด ที่ใช้จับสัตว์น้ำทุกชนิดหรือเป็นพาหนะไปทำการจับสัตว์น้ำด้วย”

    ส่วน “เรือประมง” ตามกฎหมายประมง (พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490) มีคำจำกัดความตามมาตรา 4 อยู่ 2 ส่วนเช่นเดียวกัน คือ (2) “ทําการประมง” หมายความว่า จับ ดัก ล่อ ทําอันตราย ฆ่าหรือเก็บสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือทําการประมงหรือด้วยวิธีใดๆ และ (4) “เรือ” หมายความว่า ยานพาหนะทางน้ำทุกชนิด ดังนั้น เมื่อนำมารวมกันเป็น “เรือประมง” ก็น่าจะหมายรวมถึง “ยานพาหนะทางน้ำทุกชนิด ที่ใช้จับ ดัก ล่อ ทําอันตราย ฆ่าหรือเก็บสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือทําการประมงหรือด้วยวิธีใดๆ”

    %E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%873-620x465.jpg
    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat
    นอกจากนี้ เมื่อจะนำเรือประมงออกไปใช้งาน ยังมี “พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456” ใช้บังคับให้ต้องมีการตรวจสภาพเรือ และออก “ใบอนุญาตใช้เรือ” เพื่อให้การรับรองว่าเรือลำนั้นมีสภาพมั่นคงแข็งแรงและพร้อมใช้งานในทะเลได้อีกด้วย

    เมื่อพิจารณาถึงข้อกฎหมายที่ใช้บังคับก่อนปี 2558 ทั้งพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 และพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 จะเห็นได้ว่า “เรือประมง” มีความหมายในทางบทบัญญัติไม่ได้ต่างกัน แต่ในทางหลักการและหลักปฏิบัติ คำว่า “เรือประมง” จะมีความหมายที่แตกต่างกันมาก กล่าวคือ

    ตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 คำว่า “เรือประมง” จะมีหนังสือรับรองที่เกี่ยวข้อง 1 ฉบับ คือ “ใบทะเบียนเรือ” และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 จะมีหนังสือรับรองที่เกี่ยวข้องอีก 1 ฉบับ คือ “ใบอนุญาตใช้เรือ” ซึ่งรับรองว่าเรือประมงลำนั้นมีการจดทะเบียนเป็นเรือไทย (ที่มีรูปลักษณ์เป็นเรือที่ใช้เพื่อทำการประมง) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีความมั่นคงแข็งแรงที่สามารถใช้เดินเรือในทะเลได้ โดยได้ผ่านการตรวจสภาพแล้ว (มีสภาพเป็นเรือประมงที่สามารถใช้เพื่อทำการประมงได้ แต่ยังไม่สามารถออกทำการประมงได้)

    ส่วน “เรือประมง” ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 จะต้องมีหนังสือรับรอง 3 ฉบับ คือ นอกจากจะมี “ใบทะเบียนเรือ” และ “ใบอนุญาตใช้เรือ” แล้ว ยังต้องมี “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 อีกด้วย จึงจะออกไปทำการประมงได้

    ดังนั้น “เรือประมง” ถ้าได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 แล้ว จึงเป็น “เรือประมง” (เรือที่มีสภาพเป็นเรือประมง) ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นทรัพย์สินของเจ้าของเรือ และเมื่อได้ผ่านการตรวจสภาพเรือตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 โดยได้รับ “ใบอนุญาตใช้เรือ” แล้ว ก็จะสามารถใช้เดินเรือได้ แต่ยังไม่สามารถใช้เพื่อทำการประมงได้ (เป็นเรือที่ถูกกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456)

    แต่หากเมื่อต้องการนำเรือนั้นไปใช้เพื่อทำการประมง จะต้องไปขอ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 จึงจะสามารถใช้เพื่อทำการประมงได้

    แต่หากมีการนำเรือประมงที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องแล้วไปทำการประมง โดยไม่มี “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ก็จะเป็น “เรือประมงที่ทำการประมงโดยผิดกฎหมาย” มิใช่ “เรือประมงที่ผิดกฎหมาย”

    0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%87-620x479.jpg

    “เรือประมง” ตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 นั้น ถ้าจะแยกความถูกหรือผิดกฎหมาย คงอธิบายได้เป็นลักษณะดังนี้

    (1) “เรือประมง” (ที่มีสภาพหรือรูปลักษณ์เป็นเรือที่ใช้เพื่อทำการประมง) ที่มิได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 ซึ่งไม่สามารถขอ “ใบอนุญาตใช้เรือ” ได้ ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และไม่สามารถขอ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ได้ ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 จึงเป็น “เรือที่ผิดกฎหมาย”

    แต่อย่างไรก็ตาม โดยสภาพ “เรือประมง” ลำดังกล่าว ยังมีสภาพเป็น “เรือ (วัตถุที่มีสภาพเป็นเรือ)” เป็นทรัพย์สินของเจ้าของ “วัตถุที่มีสภาพเป็นเรือ” นั้น โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถโอนหรือเปลี่ยนเจ้าของโดยทางทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ ได้ ทำได้เพียงการส่งมอบ “วัตถุ” นั้น เท่านั้น ถ้าใช้เรือนี้ (วัตถุที่มีสภาพเป็นเรือ) ทำการประมง จะเป็น “เรือ (ที่มีสภาพเป็นเรือ) ประมงที่ผิดกฎหมาย และทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีใบอนุญาตใช้เรือ” (ผิดกฎหมาย 3 ฉบับ)

    (2) “เรือประมง” (ที่มีสภาพหรือรูปลักษณ์เป็นเรือที่ใช้เพื่อทำการประมง) ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 ซึ่งมิได้ขอ “ใบอนุญาตใช้เรือ” ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 ทำให้ไม่สามารถขอ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ได้ ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 เป็น “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” และเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ (มีทะเบียน) แต่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ ได้ตามกฎหมาย ถ้าใช้เรือนี้ทำการประมง จะเป็น “เรือประมง (ที่ถูกกฎหมาย) ที่ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีใบอนุญาตใช้เรือ แต่ไม่ใช่ “เรือประมงที่ผิดกฎหมาย”

    (3) “เรือประมง” (ที่มีสภาพหรือรูปลักษณ์เป็นเรือที่ใช้เพื่อทำการประมง) ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 และมี “ใบอนุญาตใช้เรือ” ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 แต่มิได้ขอ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ได้ ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 เป็น “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” และเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ (มีทะเบียน) ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ใดๆ จากเรือนั้นได้ตามกฎหมาย แต่ถ้าใช้เรือนี้ทำการประมง จะเป็น “เรือประมง (ที่ถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตใช้เรือ) ที่ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” แต่ไม่ใช่ “เรือประมงที่ผิดกฎหมาย”

    (4) “เรือประมง” (ที่มีสภาพหรือรูปลักษณ์เป็นเรือที่ใช้เพื่อทำการประมง) ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 โดยมี “ใบอนุญาตใช้เรือ” ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และได้รับ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 เป็น “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” และเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ (มีทะเบียน) ซึ่งสามารถใช้ทำการประมงได้ตามกฎหมาย และเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ (มีทะเบียน) ด้วย

    นอกจากนี้ ยังมีเรือประมงอีกกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่ม (4) ข้างต้น กล่าวคือ เป็นเรือที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 โดยมี “ใบอนุญาตใช้เรือ” ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และได้รับ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ซึ่งถือว่าเป็น “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ใช้เครื่องมือผิดประเภท (ผิดไปจากเครื่องมือที่ได้รับอนุญาต)”

    %E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%87-620x465.jpg
    ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat
    ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดของรัฐ (ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี และกฤษฎีกา (รวมทั้งผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ทำหน้าที่ ผบ.ศปมผ.) ที่ไม่มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้ เพราะเอา “อธิบดี ” ที่มีพื้นความรู้มาจาก “การประมงน้ำจืด” (หรือแม้แต่ทะเลบางคนก็ตาม) รวมทั้ง “อธิบดี” ที่มีพื้นความรู้มาจาก “วิศวกรรมโยธา”ที่กำกับดูแล ทำให้เข้าใจว่า เรือในกลุ่มที่ (2) และ (3) รวมทั้ง “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ใช้เครื่องมือผิดประเภท (ผิดไปจากเครื่องมือที่ได้รับอนุญาต)” เป็น “เรือประมงที่ผิดกฎหมาย” เหมือนกับกลุ่มที่ (1)

    และเข้าใจว่า “illegal fishing (การทำการประมงที่ผิดกฎหมาย)” กับ “illegal fishing boat (เรือประมงที่ผิดกฎหมาย” มีความหมายเหมือนกัน จึงทำให้มีการ “ยกเลิกทะเบียนเรือ” ของเรือในกลุ่มที่ (2) และ (3) และ “ไม่ต่อ “อาชญาบัตร” หรือ “ใบอนุญาตทำการประมง” ให้กับ “เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ใช้เครื่องมือผิดประเภท (ผิดไปจากเครื่องมือที่ได้รับอนุญาต)” จนในท้ายที่สุด นำไปสู่การ “ยกเลิกทะเบียนเรือ” ของเรือในกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งรวมกันกว่า 3,000 ลำ เท่ากับเป็นการ “ยกเลิกทะเบียนทรัพย์สิน และสิทธิในทรัพย์สินของประชาชน” โดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญอีกด้วย

    อันที่จริง เมื่อเรือเหล่านั้น ไม่สามารถใช้ทำการประมงได้ แต่ก็ยังสามารถใช้เรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เช่น เรือลากจูง เรือท่องเที่ยว เรือบรรทุกสินค้าชายฝั่ง ฯลฯ ด้วยการจดทะเบียนเป็นประเภทอื่น ไม่ใช่ต้องทำลาย ทุบทิ้งโชว์อียู หรือปล่อยให้จมอย่างที่เห็นกัน

    นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขทั้งกฎหมายประมง และกฎหมายเจ้าท่าให้รองรับความคิดและความเข้าใจข้างต้นของรัฐ และสุดท้าย เราจึงเห็น “เรือประมง” ทั้งหลายที่จอดอยู่กลับกลายจาก “ทรัพย์สิน” เป็นสิ่งที่ “ไร้มูลค่า” “ไร้คุณค่า” และเข้าใจว่า เป็น “ภาระ” ทางกฎหมายที่เจ้าของต้องตัดใจทิ้งไว้จนจมอยู่ริมแม่น้ำหรือริมทะเลอย่างที่เห็นกันมามายนั่นเอง จนเกิดความ “Ship-หาย” ไปทั่วทุกหัวเมืองชายทะเลมาจนทุกวันนี้

    …เศร้าครับ

    มีหลายคนถามว่า ทำไมไม่อธิบายเรื่องนี้ให้กับ “ผู้กุมอำนาจรัฐ” ให้รับทราบ

    คำถามของผมก็คือ “คนเหล่านั้น” เคยฟังใครบ้าง

    มีหลายคนถามว่า ทำไมไม่เอาเรื่องกฎหมายต่างๆ ที่ขัดหลักกฎหมายทั่วไป ขัดรัฐธรรมนูญ ขัดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หรืออนุสัญญาฯ ต่างๆ ไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลอื่น

    คำตอบของผมก็คือ ผมไม่เชื่อในการใช้ดุลยพินิจ และความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรมจาก “องค์กรอิสระต่างๆ” ภายใต้สภาวะ “การยึดอำนาจ” และ “มาตรา 44” ครับ เพราะรู้อยู่ว่า “ใครตั้ง” และ “ใครมีอำนาจ”

    แม้วันนี้ สภาวะ “การยึดอำนาจ” และ “มาตรา 44” จะไม่มีอยู่แล้วก็ตาม แต่ “คนในองค์กรอิสระต่างๆ” ก็ยังเป็นชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ หรือได้รับการ “สรรหา” หรือ “แต่งตั้ง” มาจากคนกลุ่มเดิม กลุ่มเดียวกัน ซึ่ง “ผลลัพท์” ก็คงจะไม่ต่างกันครับ

    วันนี้ คงต้องฝากชาวประมง ถ้าอยากได้ “ความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพ” หรือ “สิทธิและความเสมอภาพทางกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ” หรืออยากได้สิทธิใน “ทรัพย์สิน (เรือ)” คืน คงต้องรวมตัวกันลุกขึ้นสู้ครับ ไม่มีทางเลือกอื่น

    หรือ 5-6 ปี ที่ผ่านมา เรายัง “Ship-หาย” กันไม่พอ

    ก็คิดดูกันเองครับ



    สำหรับ “เรือประมง” ที่ผมเห็นผูกทิ้งไว้ที่สุสานเรือในบริเวณปากแม่น้ำท่าจีนลำนี้ ใครรู้จักเจ้าของ ฝากไปบอกสักนิด ถ้าจะทิ้งจริงๆ เอาไปจมทำ “ปะการัง” ในทะเลดีกว่าไหมครับ จะได้เป็นประโยชน์กับสัตว์น้ำในการเป็นที่อยู่อาศัยหรือหลบภัยก่อนที่จะโตเต็มวัยให้เราจับกัน

    ถ้าไม่มีสตางค์ที่จะนำไปจม ผมว่าสมาคมประมงก็น่าจะช่วยได้ครับ ฝากพิจารณาด้วย

    ในเรื่อง “ปะการัง” เราเคยคิดว่าจะซื้อเรือประมงบางส่วนออกจากระบบ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เอาไปวางและจัดรูปแบบให้เป็นอุทยานใต้น้ำ โดยในสมัยที่ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผมเคยเสนอขอให้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดทำ “โครงการวิจัยเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดสร้างอุทยานประมงใต้ทะเลไทย” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยมีเหตุผล ดังนี้

    “ด้วยการประมงทะเลของไทยได้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 ที่มีการนำเครื่องมืออวนลากแผ่นตะเข้เข้ามาใช้ในการทำการประมงในน่านน้ำไทย และหลังจากนั้น มีการใช้เรือที่มีขาดใหญ่ขึ้น มีการนำเครื่องมืออื่นๆ เช่น อวนล้อมจับ มีการนำเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ มีการนำเครื่องมือและอุปกรณ์การหาฝูงปลาและการเดินเรือที่ทันสมัยมาใช้ประกอบในการทำการประมงอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเรือ เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหล่านี้ ถูกใช้ในการทำการประมงอย่างไม่จำกัดจำนวนหรือมีการควบคุมการใช้เครื่องมือ ทำให้ในเวลาไม่นาน ทรัพยากรประมงทะเลของไทยก็ได้ถูกใช้ประโยชน์จนเกินศักยภาพในการผลิตทดแทน สิ่งแวดล้อมใต้ทะเลตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม และเมื่อน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการประกอบกิจการของภาคเอกชนมี ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสัตว์น้ำที่จับได้น้อยลง ทำให้เกิดการขาดทุนมาโดยตลอด เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการที่มีทุนน้อยจำเป็นต้องจอดเรือและหยุดกิจการในที่สุด”

    %E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%871-620x465.jpg
    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat
    จากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อทรัพยากรที่ลดลง สภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม และต่อชาวประมงที่ประสบภาวะขาดทุน เป็นเหตุให้คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เห็นควรที่จะมีการศึกษาหาทางออกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์ และเพื่อลดจำนวนเรือประมงลงให้เหมาะสมกับการผลิตทดแทนของทรัพยากร อันจะก่อให้เกิดความสมดุลในการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรอย่างยั่งยืน และผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้ โดยการศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อเรือประมงต่างๆ ที่มีอยู่จำนวนมากและหยุดประกอบกิจการแล้ว มาทำให้จมลงใต้น้ำในบริเวณที่กำหนดเพื่อเป็นปะการังเทียม และประกอบกันเป็นอุทยานประมงใต้น้ำ

    ขณะเดียวกันก็จะอนุญาตให้มีการใช้อุทยานใต้น้ำนี้เป็นแหล่งจับสัตว์น้ำ ด้วยเครื่องมืออนุรักษ์ เช่น การดักด้วยลอบ การตกด้วยเบ็ด การเลี้ยวปลาทะเลในกระชัง และการประกอบกิจการท่องเที่ยวทางทะเลด้วย ซึ่งหากการศึกษาดังกล่าวมีผลการศึกษาที่มีความเป็นไปได้ จะสามารถนำเสนอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาอนุมัติให้มีการดำเนินการในพื้นที่ทางทะเลที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดลง สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม และการประกอบการของชาวประมงที่ขาดทุนและเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรมได้ในอนาคต

    วัตถุประสงค์การวิจัย คือ (1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดสร้างอุทยานการประมงใต้น้ำ และ (2) เพื่อเป็นทางออกและทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลในน่านน้ำไทยอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะเกิดประโยชน์ คือ (1) ทราบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานใต้น้ำ (2) ได้ผลการศึกษาที่สามารถนำไปสู่การตัดสินใจในการแก้ปัญหาการประมงทะเลของไทย (3) ได้แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำต่างๆ (4) สามารถลดจำนวนเรือประมงที่มีอยู่จำนวนมากในอ่าวไทยลงเป็นจำนวนแหล่งละ 1,000 ลำ (5) สามารถยังคงอาชีพให้ชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการขายเรือ และสร้างอาชีพและกิจกรรมใหม่ที่ยั่งยืนให้กับชาวประมง เช่น การเพาะเลี้ยงในทะเล (6) เป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ฯลฯ

    น่าเสียดายครับ “กรมประมง” ไม่เคยสนใจแนวความคิดนี้เลย (อธิบดีหลายคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีงานวิจัยนี้)

    ถ้าเอาไปทำตั้งแต่สมัยนั้น เราก็คงไม่เจอปัญหา IUU Fishing หรอกครับ

    หรือแม้แต่เมื่อเจอใบเหลืองจากพ่อ EU แล้ว ถ้าหยิบไปเสนอรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา เราคงไม่ได้เห็นเรือจมเกะกะสายตาตามริมแม่น้ำอย่างทุกวันนี้ครับ

    ใครรู้จักรัฐบาล ลองเอาไปนำเสนอดูครับ

    ยังไม่สายที่จะทำครับ

    หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก เฟซบุ๊ก Wicharn Sirichai-Ekawat วันที่ 13 กรกฎาคม 2563

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2020
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #อเมริกา เตรียมคว่ำบาตร #จีน หนักข้อ โดยอาจไม่ออกวีซ่าเข้า #สหรัฐ ให้กับสมาชิก #พรรคคอมมิวนิสต์จีน ทุกคนรวมทั้งครอบครัว แต่มาตรการนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมากกว่า 93 ล้านคน และเป็นคนทุกชนชั้น ตั้งแต่เกษตรกร ข้าราชการ จนถึงดาราและนักธุรกิจ

    สื่อสหรัฐ เช่น นิวยอร์กไทมส์, บลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีน หลังจากบังคับใช้ #กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง โดยอาจระงับการออกวีซ่าให้กับสมาชิกพรรคอมมิวนิวต์จีนและครอบครัว
    .
    มาตรการนี้เรียกเสียงวิจารณ์ทั้งในวอชิงตันและปักกิ่ง โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า “มาตรการนี้ยังไม่มีประกาศใช้ แต่เราจะพิจารณามาตรการทุกอย่างที่จะใช้กับจีน”

    คาดว่ารัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางที่จะคว่ำบาตรจีนให้หนักขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยก่อนหน้านี้ได้ประกาศระงับวีซ่าของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการฮ่องกงและเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ โดยอ้างว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนละเมิดสิทธิมนุษยชน และคุณค่าแห่งประชาธิปไตย
    .
    นางแคร์ลี ลัม หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวหลังจากทราบเรื่องการระงับวีซ่าของสหรัฐว่า “ ฉันไม่มีทรัพย์สินในสหรัฐ และไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปสหรัฐ เมื่อไม่ให้วีซ่าก็ไม่ไป”

    บลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาวเล็งจะห้ามสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเดินทางเข้าสหรัฐ ตั้งแต่ระดับสูงอย่าง รองนายกรัฐมนตรีหานเจิ้ง ที่เป็น 1 ใน7 คณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งมีอำนาจสูงที่สุดในจีน จนถึงสมาชิกพรรคฯ ที่เป็นบุคคลทั่วไป
    .
    การคว่ำบาตรแบบไม่เลือกหน้าของสหรัฐถูกตั้งคำถามจากหลายภาคส่วนว่า “ทำได้จริงหรือ ❓” เพราะสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมากกว่า 93 ล้านคน โดยหากรวมลูกและพ่อแม่ของสมาชิกพรรคเหล่านี้ก็จะมีมากกว่า 300 ล้านคน ยิ่งหากรวมญาติพี่น้องด้วยแล้ว อาจมีมากถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศจีน หรือกว่า 700 ล้านคน‼️
    .
    พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีองค์กรสาขาที่จัดตั้งขึ้นทุกระดับตั้งแต่หมู่บ้านจนถึงหน่วยงานในต่างแดน ทุกหน่วยงานในประเทศจีน ทั้งหน่วยราชการ กองทัพ สถานศึกษา รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ แม้แต่บริษัท องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ก็ต้องมีตัวแทนของพรรคฯ
    .
    ส่วนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์นั้น ไม่ได้มีแต่นักการเมืองหรือข้าราชการ แต่ยังรวมถึงมวลชนรากหญ้า กรรมกร เกษตรกร แม้แต่ดาราอย่าง #ฟ่านปิงปิง และอีกหลายคน นักธุรกิจอย่าง #แจ็คหม่า เจ้าของอาลีบาบา หรือ เหรินเจิ้งเฟย เจ้าของ #หัวเว่ย ก็ล้วนเป็นสมาชิกพรรคฯ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ทางทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นสมาชิกพรรคอมมิวนิสต์จีนบ้าง ที่ทำได้ก็คือ เมื่อยื่นขอวีซ่าสหรัฐอาจสอบถามว่าเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์หรือไม่ ? โดยหากเจ้าตัวเจตนาปกปิดก็อาจต้องรับโทษตามกฎหมายในสหรัฐ

    **** ดาบนั้นคืนสนอง ****
    .
    หากสหรัฐใช้การคว่ำบาตรแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ ยังจะส่งผลสนองต่อสหรัฐเอง เนื่องจากในแต่ละปีมีชาวจีนเดินทางไปยังสหรัฐเพื่อท่องเที่ยวและติดต่อธุรกิจมากกว่า 3 ล้านคน มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐต้องพึ่งพารายได้จากนักศึกษาจีน ธุรกิจของสหรัฐต้องติดต่อกับธุรกิจจีน
    .
    ประชาชนชาวจีน นักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ของจีนที่เดินทางไปสหรัฐ จำนวนไม่น้อยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในระดับชั้นใดชั้นหนึ่งในท้องถิ่นหรือที่ทำงานของตน การห้ามชาวจีนเหล่านี้เข้าสหรัฐจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมของอเมริกาเอง

    ฝ่ายจีนตอบโต้ว่า สหรัฐกำลัง “หน้ามืดเมาหมัด” หาทางตอบโต้จีนโดยไม่เข้าใจโครงสร้างของประเทศจีน มาตรการที่ออกมาจึงไม่เพียงแค่ “เขียนเสือให้วัวกลัว” แต่ยังจะกลับมาทิ่มแทงตัวเอง.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สวยงาม!’ดาวหางนีโอไวส์’เมืองอันคัง ตอนใต้ของมณฑลส่านซี ประเทศจีน 17 ก.ค.63
    FB_IMG_1595168989944.jpg
    Cr. Poramate Piensakul
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เข้าขอขมาแล้ว บ๊วย เรนนี่ เจมส์ จากรายการช่องส่องผี เข้าขอขมาคุณย่าโมที่ลานอนุสาวรีย์ย่าโมแล้ว

    Cr.Korat เมืองที่คุณสร้างได้.

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฟลอริดาสาหัส! ประกาศ 54 โรงพยาบาลไม่มีเตียงผู้ป่วย ICU แล้ว
    40 โรงพยาบาลเหลือเตียงแค่ 10%
    เดือนหน้าพรรครีพับลิกันจะมาจัดหาเสียง
    ท่ามกลางระบาดโควิด-19 พุ่งสูง

    cr.nbcnews

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เชืัอเริ่มกลายพันธ์

    เซาท์คาโลไรนา สุนัขติดโควิด-19
    พันธุ์เชฟเฟิร์ด อายุ 8-9 ปี
    ตรวจเชื้อหลังเจ้าของป่วยเข้าโรงพยาบาล
    เป็นเคสแรกยืนยันติดจากคนสู่สัตว์เลี้ยง

    Cr:apnews

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    อย่างสำคัญ โลกมีเกือบ
    ไม่มีสนามแม่เหล็กเมื่อไม่นานมานี้ ...
    Essentially Earth had almost
    no magnetosphere a short while ago...
    FB_IMG_1595202323399.jpg
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ้าของธุรกิจในสหรัฐฯปิดกิจการเพราะโควิด-19 ระบาดหนัก
    ผลวิจัยชี้
    41% เจ้าของเป็นคนผิวสี
    17% เจ้าของเป็นคนผิวขาว
    ยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้

    Cr: nationalgeographic

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เท็กซัส , แอนเนต รอดิเกซ
    ผู้อำนวยการศูนย์สาธารณสุข “Nueces County”
    แถลงสื่อมวลชน มีทารกต่ำกว่า 1 ปี
    ติดโควิด-19 จำนวน 85 คน

    Cr:cbsnews

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดอะไรขึ้น??? ที่แนวรบตะวันตกรัสเซีย ปูตินสั่งด่วน ซ้อมรบขนาดใหญ่ชายแดนยูเครน
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จะรีบไปไหน! จ่ายภาษีก่อน!!จีนใช้ก.ม.ภาษีดัดหลังเศรษฐีจะโยกเงินหนี
    ...
    ทั้งนี้บริษัท PwC ในจีนกล่าวว่า ผู้ที่จะต้องเสียภาษีคือคนสัญชาติจีนที่แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่รัฐบาลยังถือว่ามีภูมิลำเนาในจีนอยู่ ซึ่งจะไม่รวมคนฮ่องกงและมาเก๊าที่เป็นเขตปกครองพิเศษ และคนไต้หวันที่รัฐบาลปักกิ่งไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย,Brian Kemp
    ฟ้องร้องนายกเทศมนตรีแอตแลนต้า, Keisha Lance Bottoms
    ฐานบังคับให้คนในพื้นที่สวมหน้ากาก
    และทบทวนกลับมาปิดเมือง

    cr.bbc

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อะไรคือ "กฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ?"

    การที่เรารู้เรื่องกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด มันสำคัญอย่างไรต่อชีวิตของเรา? เราจะพยายามไขข้อข้องใจเหล่านี้และหวังอย่างยิ่งว่าเมื่อจบการบรรยายนี้แล้ว จะทำให้ท่านสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นในเรื่องของกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ก่อนอื่นข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องๆ หนึ่ง ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสาวัตถีได้ตรัสถามพระสงฆ์พุทธสาวกว่า "ในแผ่นดินที่เราปกครองอยู่ทำไมราษฎรทั้งหลายจึงแตกต่างกัน? บางคนเกิดมายากจนต้องทุกข์ยากลำบาก ในขณะที่บางคนเกิดมาร่ำรวยมีเกียรติยศชื่อเสียง ทำไมบางคนเกิดมาเป็นคนดีมีศีลธรรมแต่บางคนเป็นอาชญากร ? บางคนยินดีที่ได้เกิดมา แต่บางคนกลับสาปแช่งการเกิดของเขา" อันที่แท้จริงแม้ในทุกวันนี้ ถ้าเรามองดูรอบๆ ตัวเราจะเห็นชีวิตที่แตกต่างกันได้อย่างง่าย บางคนเกิดมาในบ้านของมหาเศรษฐีและสนุกเพลิดเพลินกับชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย ในขณะเดียวกันกับที่บางคนตกอยู่ในความยากจนได้รับความลำบากแสนเข็ญ บางคนเกิดมาสวยงามและมีคนหลงรักมากมาย ในขณะที่บางคนต้องทนอยู่กับหน้าตาขี้เหร่และรูปร่างที่อัปลักษณ์ตั้งแต่เกิด บางคนเกิดมาร่างกายสมบูรณ์ แต่บางคนอ่อนแอและถูกโรคภัยไข้เจ็บคุกคามเบียดเบียน บ้างก็เกิดมาเป็นคนพิการปัญญาอ่อน บางคนครอบครัวอยู่อย่างกลมเกลียวมีความสุข แต่บางคนครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชะตาชีวิตที่แต่ละคนจะต้องได้รับ

    พุทธสาวกผู้รอบรู้มิได้ตอบพระเจ้ากรุงสาวัตถีในทันที แต่ได้ถามพระองค์ว่า "ข้าแต่มหาบพิตร ทำไมผลไม้ถึงรสชาดที่แตกต่างกันล่ะ บ้างก็หลานบ้างก็เปรี้ยว บางผลสดสวยสมบูรณ์ดี บางผลแคระแกรนและลีบ พระราชาทรงครุ่นคิดสักครู่แล้วตรัสตอบว่า "อาจเป็นเพราะสภาพและชนิดของเมล็ดพันธุ์ที่แตกต่างกัน" พระสงฆ์สาวกจึงพูดขึ้นว่า "ถูกต้องแล้ว มหาบพิตร" พืชที่ปลูกให้ผลต่างกันก็เพราะเมล็ดพันธุ์ที่ต่างกัน มนุษย์มีโชคชะตาแตกต่างกันก็เพราะผลกรรมที่ต่างกันนั่นเอง จากคำตอบของพุทธสาวกนี้เป็นคำอธิบายให้พวกเราได้รู้ว่า คนเราเกิดมาต่างกันและมีวิถีชีวิตที่ต่างกันก็เพราะ....

    >>> "แต่ละคนต่างมีกรรมเป็นของตนเองโชคชะตา และวิถีชีวิตของมนุษย์ที่เขาประสอบอยู่ในเวลานี้ก็เป็นผลมาจากการกระทำของเขาเองในอดีต"
    https://www.kroobannok.com/8772
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดีช่วยโฆษณาสินค้าได้ด้วยหรือ?
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์และลูกสาว Ivankaได้ทำการถ่ายรูปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ของโกย่าเพื่อช่วยโปรโมท หลังจาก CEO ของโกย่าเข้าพบพร้อมกล่าวสนับสนุนในทำเนียบขาวแล้วถูกต่อต้านผลิตภัณฑ์ถูกแบน
    โดยการโปรโมทนี้โดนัลด์ทรัมป์ถ่ายรูปกับผลิตภัณฑ์ในห้องทำงานส่วนตัวของประธานาธิบดี และลูกสาวได้ถ่ายรูปคู่ผลิตภัณฑ์ทั้งคู่ได้ลง Twitter ส่วนตัวและกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในอเมริกาเนื่องจากไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดนำตำแหน่งมาใช้ช่วยผลิตภัณฑ์เอกชนขนาดนี้มาก่อน

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อติดป้ายห้ามนั่งแต่เขาก็ยังนั่ง... กับคนอเมริกันคงต้องทำแบบนี้

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,854
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีน : มณฑลอานฮุย เมือง เหอเฝย์ # น้องน้ำกำลังมา
    ตั้งแต่ 18 ก.ค.น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมเมือง - วันนี้
    ฝนยังตกหนักไม่หยุดทางการออกคำเตือนสีแดง ปริมาณน้ำฝน 252 มม. ภายในวันเดียวทำลายสถิติ 238 มม. 13 มิถุนายน 1984
    แม่น้ำเริ่มเอ่อท่วมพื้นที่ต่ำ ทางการกู้ภัยรวมทั้งเอกชนสร้างแนวป้องกัน มณฑลอานฮุยเป็นพื้นที่ลุ่ม ติดทะเลสาบใหญ่ที่สุดของจีน
    # เมืองเหอเฟ่ย์ประชากรประมาณ 8 ล้าน
    # แผนที่ในภาพ
    # แอดมินเพิ่มคลิปในช่องความเห็น
    Cr : ตามภาพ

     

แชร์หน้านี้

Loading...