ติดตามสถานะการณ์

#อนุรักษ์สภาพแวดล้อม #หลอดพลาสติก
จีนเตรียมสั่งห้ามใช้หลอดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งในปลายปีนี้
เดือนมกราคมปีนี้ ประเทศจีนได้ประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกับมลภาวะจากพลาสติก โดยได้กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วประเทศจีนใช้หลอดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ ภายในสิ้นปี 2020
ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นมา ร้านแมคโดนัลในประเทศจีนเกือบพันสาขา ทั้งในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น ได้ยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังออกแบบฝาปิดแก้วน้ำให้มีช่องดื่ม 1 ช่อง เพียงแค่เปิดฝาเล็ก ๆ ด้านบน ก็สามารถดื่มน้ำได้โดยตรง ทดแทนการใช้หลอดพลาสติกเช่นที่ผ่านมา
ขณะนี้ ร้านอาหารหลายแห่งในจีนได้เริ่มใช้หลอดกระดาษแทนแล้ว แต่เนื่องจากมีต้นทุนที่สูง อีกทั้งมักจะเสื่อมคุณภาพลงเมื่อเก็บไว้นาน ผู้ประกอบการหลายรายกำลังลังเลและมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อมาทดแทนที่เหมาะสมกว่านี้
หลิว เจี้ยนกั๋ว ศาสตราจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยชิงหัวเสนอว่า นอกจากกระดาษแล้ว ยังสามารถใช้พลาสติกชีวภาพ ไม้ไผ่ ข้าวสาลี หรือแม้แต่แก้ว โลหะ ฯลฯ เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนที่สามารถย่อยสลายได้

 

นอนหลับฝันดีครับ

 

สิทธิ lgbt ในมาเลเซียกำลังจะถูกปรับปรุง?
.
กลายเป็นหนึ่งในข่าวที่ถูกจับตามองมากที่สุดเมื่อรัฐมนตรีสำนักนายกในส่วนกิจการศาสนา Zulkifli Mohamad Al-Bakri ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาพร้อมที่จะพบปะกับองค์กรพัฒนาเอกชน(NGOs)เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเลสเบี้ยนเกย์กะเทยและข้ามเพศ (LGBT)
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างพิเศษในสังคมมาเลเซียและยิ่งพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อผู้พูดเป็นผู้ดูแลกิจการทางศาสนาของรัฐบาลหลายฝ่ายจับตามองเป็นไขที่มาพร้อมกับการพบปะซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนักแต่ถือเป็นก้าวที่น่าสนใจในเรื่องสิทธิ และสภาพความเป็นอยู่ของ lgbt ในมาเลเซีย ประเทศที่มีมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่และมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติพันธุ์

 

"ประเทศไทย"ติดอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ
.
จากการจัดประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจของ U.S. News & World Report ในหมวด Best Countries to Start a Business
2020
ได้จัดให้ "ประเทศไทย"ติดอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 โดย10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 ประเทศไทย
อันดับ 2 ประเทศมาเลเซีย
อันดับ 3 ประเทศจีน
อันดับ 4 ประเทศสิงคโปร์
อันดับ 5 ประเทศอินเดีย
อันดับ 6 ประเทศฟิลิปปินส์
อันดับ 7 ประเทศเม็กซิโก
อันดับ 8 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 9 ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 10 ประเทศแคนาดา

 

ผอ.ศบค.กทม.เตือนคนกรุงเทพฯที่ไปจ.ระยอง พัก หรือ ไปที่เดียวกับทหารอียิปต์ติดโควิด ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
.
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) แจ้งเตือนว่า ขอให้ประชาชนที่มีเชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เดินทางไปจังหวัดระยองและได้เข้าพักในโรงแรมดี วารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง ในช่วงระหว่างวัน 8-11 ก.ค. 63 หรือผู้ที่เดินทางไปยังศูนย์การค้าแพชชั่น ช็อปปิ้ง เดสติเนชั่น (ห้างฯ แหลมทอง) จ.ระยอง เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 63 แจ้งประสานที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (Emergency Operation Center :EOC) โทรศัพท์หมายเลข 09 4386 0051 หรือ ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร โทร. 1646 หรือติดต่อโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตใกล้บ้าน หากไม่แจ้งหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น จะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามความในมาตรา 50 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 สำหรับบุคคลในครอบครัวหรือผู้ที่พิสูจน์ได้ว่ารับรู้การเดินทางของบุคคลใด ไปยังจังหวัดระยองตามรายละเอียดข้างต้น และไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวมาจะมีความผิดและได้รับโทษเช่นเดียวกัน
.

 

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เสนาธิการทหารอินโดนีเซียเปิดเผยว่าขณะนี้โรงเรียนทหารบกซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชวาตะวันตก ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ เป็นสถานที่ที่ถูกกักบริเวณแล้ว และมี 30 คน ที่ถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรง ในจำนวนผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ COVID–19 จำนวน 1,280 คนนั้น 991 คน เป็นนักเรียน ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่และบุคคลในครอบครัวส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ | ที่มาภาพ: TIMUR MATAHARI/AFP (อ้างใน New Straits Times) https://bit.ly/329nD0P

อ่านเพิ่มเติมใน 'จับตา: สถานการณ์ COVID-19 ประจำสัปดาห์ 12-18 ก.ค. 2020' https://www.tcijthai.com/news/2020/7/watch/10689

 

พบหลายคนจองห้องพักโครงการเราเที่ยวด้วยกันเหมือนถูกหลอก ทั้งที่รัฐสนับสนุนค่าที่พัก 40% แต่จองแล้วกลับได้ราคาแพงเท่ากับราคาปกติ บางคนติดแท็ก #เราเที่ยวกันเองหนุนจ่ายเอง

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000073882
...........................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เม็กซิโก ทำสถิติแซงอิตาลี กลายเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก | ที่มาภาพ: EDGARD GARRIDO/REUTERS (อ้างใน Red & Black Student Newspaper) https://bit.ly/3iQXhqe

อ่านเพิ่มเติมใน 'จับตา: สถานการณ์ COVID-19 ประจำสัปดาห์ 12-18 ก.ค. 2020' https://www.tcijthai.com/news/2020/7/watch/10689

 

July 19, 2020 “เราจะปิดบริการอย่างถาวรทุกสาขา จันทร์ที่ 20 กรกฎาคมนี้ค่ะ” ไม่มี Coffee Bean & Tea Leaf Thailand อีกต่อไป

บริษัท เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ร้านกาแฟและชาที่มีชื่อว่า Coffee Bean & Tea Leaf Thailand ประกาศผ่านเฟชบุ๊กของร้านกาแฟดังกล่าวว่า ร้านคอฟฟี่บีน แอนด์ ที ลีฟ จะปิดให้บริการทุกสาขาในประเทศไทยในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563 นี้ ส่งผลให้สาขาทั้งหมด 8 แห่งในไทย ซึ่งจะพบได้ตามศูนย์การค้าชื่อดังในกรุงเทพ และที่พัทยา 1 แห่ง ต้องปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์แบบ

ร้านกาแฟและชา Coffee Bean & Tea Leaf Thailand ซึ่งมีรายการเครื่องดื่มกาแฟมากถึง 22 รายการ และมีรายการเครื่องดื่มชาอีก 20 รายการในแต่ละสาขา ได้เปิดสาขาแห่งแรกที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์เมื่อกว่า 7 ปีที่ผ่านมา หรือวันที่ 29 มีนาคม 2556 โดยพุ่งเป้าไปที่ย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งสำคัญในกรุงเทพมหานคร ถัดจากนั้น ตัดสินใจขยายกิจการเพิ่มขึ้นถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 8 สาขา

ทั้งนี้ ร้านกาแฟและชา The Coffee Bean & Tea Leaf แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ได้ขายธุรกิจให้กับบริษัท จอลลี่ ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ JFC ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทฟาสฟู้ดจากประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10,783 ล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2562 ข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ร้าน Coffee Bean & Tea Leaf มีสาขาทั้งหมด 1,189 สาขา กระจายใน 27 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชียซึ่งมี 8 สาขาในประเทศไทยรวมอยู่ด้วย โดยสาขากว่า 3 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมดนั้น เป็นการเปิดตลาดด้วยระบบสาขาแฟรนไชส์

#ปิดกิจการ #ปลดพนักงาน #ตกงาน #btimes

 

July 19, 2020 โควิด-19 ติดทั่วโลกทะลุกว่า 14.4 ล้านคน ยอดเสียชีวิตทะลุกว่า 600,000 คน The Covid-19 infected globally toll surpassed 14.4 million

เวลา 7.40 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 14,408,627 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 3,831,803 ราย บราซิล 2,075,124 ราย อินเดีย 1,077,864 ราย รัสเซีย 765,437 ราย แอฟริกาใต้ 350,879 ราย เปรู 349,500 ราย เม็กซิโก 331,298 ราย ชิลี 328,846 ราย สเปน 307,335 และสหราชอาณาจักร 294,056 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 604,137 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 142,862 ราย บราซิล 78,735 ราย สหราชอาณาจักร 45,273 ราย เม็กซิโก 38,310 ราย อิตาลี 35,042 ราย ฝรั่งเศส 30,152 ราย สเปน 28,420 ราย อินเดีย 26,828 ราย อิหร่าน 13,979 ราย และเปรู 12,998 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 84,882 (4,016) ฟิลิปปินส์ 65,304 ราย(1,773) สิงคโปร์ 47,655 ราย(27) มาเลเซีย 8,764 ราย(122) ไทย 3,246 ราย(58) เวียดนาม 382 ราย เมียนมา 340 ราย(6) กัมพูชา 171 ราย บรูไน 141 ราย(3) และลาว 19 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360

 

ฮ่องกงเผชิญไวรัสฯ ระลอกสาม หวั่นคลัสเตอร์ศูนย์จักษุแพทย์ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 64 ราย 35 รายไม่ทราบสาเหตุฯ

ฮ่องกงเผชิญไวรัสฯ ระลอกสาม อันเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น โดยช่วง14 วันที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อใหม่รวม 411 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อใหม่ในวันที่ 18 กรกฎาคม ก็พุ่งสูงถึง 64 ราย และการติดเชื้อของคนทำงานด้านสุขภาพสามคนที่ศูนย์จักษุ ถุนเหมิน กำลังก่อความวิตกกังวลในการเป็นคลัสเตอร์กระจายโรคระบาดหนักรอบใหม่ของไวรัสฯ

เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงาน (18 ก.ค.) สถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อีกครั้งซึ่งเป็นรอบที่สามของฮ่องกง และการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 คนที่ศูนย์จักษุแพทย์ถุนเหมิน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 คนที่สัมผัสกับชาวฮ่องกงหลายร้อยคน กลายเป็นกลุ่มติดเชื้อใน 64 รายที่ได้รับการยืนยันเมื่อวันเสาร์ (18 ก.ค.) ทำให้เกิดความกลัวว่า การระบาดแบบกลุ่มคลัสเตอร์กำลังจะเกิดขึ้นจากคลินิกจักษุแพทย์นี้ เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก

ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วย 6 รายที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อในท้องถิ่น รวมถึงผู้หญิงที่ร่วมทำงานในห้องเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ 3 คนที่ติดเชื้อฯ ที่โรงพยาบาล

ศาสตราจารย์ เหยิน กวอกยุง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 คน ที่ศูนย์จักษุฯ อยู่ในแนวหน้าในการให้บริการประชาชน “พนักงานแต่ละคนอาจมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วย 200 คนต่อวัน” เขากล่าว

จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในฮ่องกงมากกว่า 60 คน ที่ทดสอบยืนยันเชิงบวก ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อฯ ในฮ่องกง เพิ่มเป็น 1,777 คนแล้ว มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสซาร์สในฮ่องกง เมื่อ 17 ปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,755 คน

ดร. จวง ชูกวาน หัวหน้าแผนกโรคติดต่อของศูนย์คุ้มครองสุขภาพกล่าวถึงแนวโน้มของการระบาดระลอกที่สามที่น่าตกใจ ด้วยรายงานการติดเชื้อครั้งใหม่ในท้องถิ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่ามี 35 รายที่ไม่ทราบสาเหตุฯ

ในคลินิกจักษุฯ พนักงานคนหนึ่งทำงานในสำนักงานชั้นหนึ่ง ได้รับผลยืนยันติดเชื้อเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่เพื่อนร่วมงานของเธอสองคน ซึ่งอยู่ที่ชั้นเดียวกันกัน ก็ยืนยันว่าติดเชื้อเช่นกันในเวลาไล่เรี่ยกัน

ทั้งนี้หน่วยงานแพทย์ฮ่องกง กำลังติดตามผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อฯ ทั้งสามคนอย่างใกล้ชิด

...........
ภาพ/ข่าว SCMP - https://www.scmp.com/news/hong-kong...-kong-third-wave-fears-fresh-covid-19-cluster

 

จีน,รัสเซีย,อิหร่าน เรียกร้องให้เผชิญหน้ากับมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐ!!!

จีนและรัสเซียได้เข้าร่วมกับอิหร่านเพื่อแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงต่อมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯในกิจการระหว่างประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งที่กินวงกว้างขึ้นทั้งในเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า
ในการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนาย หว่างยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและนาย เซอรจี้ เรฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าจะการให้สนับสนุนเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีในการเผชิญกับแรงกดดันของสหรัฐโดยเฉพาะในประเด็นการคว่ำบาตรเพียงฝ่ายเดียว

นายหว่างกล่าวว่า
“สหรัฐฯกำลังดำเนินนโยบายที่เรียกว่า อเมริกันต้องมาก่อน(American first)และใช้ความเห็นแก่ตัวของตนในการออกมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวและนโยบายการกลั่นแกล้งต่างๆ
วอชิงตันยังได้ฟื้นฟูความคิดสงครามเย็นที่ล้าสมัยในนโยบายของตนที่มีต่อปักกิ่ง โดยจงใจกระตุ้นให้มีการเผชิญหน้าทางอุดมการณ์และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐรนที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”

หว่าง ยังกล่าวว่า
“จีนและรัสเซียไม่ควรผลักดันแค่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องยืนเคียงข้างทุกประเทศด้วยจุดมุ่งหมายที่มีความเป็นธรรมในการปฏิเสธการกระทำใด ๆ ที่เป็นอันตรายและทำลายระเบียบของนานาประเทศและต่อต้านพวกบิดเบือนประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งช่วยกันรักษาสันติภาพและความมีเสถียรภาพของโลก,ความยุติธรรมระหว่างประเทศและรักษาการพัฒนาของโลก"

ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์จี้ เรฟรอฟ กล่าวว่า
“รัสเซียและจีนควรเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือในด้านการต่างประเทศและปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศและผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ”

เรฟรอฟ ยังกล่าวว่า
“ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ภายใต้ความเชื่อของลัทธิอุดมคติแบบอเมริกัน,เห็นแก่ตัวและบูชาตัวเอง มอสโกจะต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรเพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐในกิจการระหว่างประเทศ”

ข่าวโลกที่3

https://www.presstv.com/Detail/2020/07/18/629854/China-Russia-US-unilateralism-Xinhua-

 

ขณะนี้ เชื่อว่าไม่มีข่าวใดที่จะดึงความสนใจของประชาชนและนักธุรกิจได้มากกว่าข่าว “ใครจะมานั่งเป็นทีมเศรษฐกิจชุดใหม่” ของรัฐนาวาประยุทธ์ 2/2 เพราะแม้จะมีข่าวโควิด-19 แทรกเข้ามาให้ตกอกตกใจกันอยู่บ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมยังถือว่าประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ระลอกสองอย่างเป็นทางการ แต่ปัญหาเศรษฐกิจนี่สิ เป็นระเบิดเวลาตัวจริง เพราะมีโจทย์หินๆ กับระดับคณิตศาสตร์โอลิิมปิกรออยู่

อ่านต่อได้ที่
https://bit.ly/3hc1umJ

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

ถือว่าเป็นการใช้ช่วงวิกฤตให้เกิดประโยชน์ เพราะหลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดโครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก” ในหัวข้อ ”บันทึกคนไทย น้ำใจไม่มีหมด” โดยเชิญชวนให้ศิลปินรุ่นใหม่ใช้เวลาว่างช่วงกักตัวให้เป็นประโยชน์ ซึ่งมีผู้สนใจส่งภาพเข้าประกวดมากกว่า 5,000 ภาพ ขณะนี้ผลการตัดสินได้ออกมาเรียบร้อยแล้ว

ดร.วิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า จากการที่สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย ภายใต้โครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก” ในหัวข้อ”บันทึกคนไทย น้ำใจไม่มีหมด” ชิงรางวัลรวม 1,818,000 บาท และโล่รางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขณะนี้คณะกรรมการตัดสินพิจารณาผลงานที่ได้รับรางวัลและประกาศผลเป็นที่เรียบร้อย

รางวัลประเภทประชาชนทั่วไป รางวัลชนะเลิศ นิรุตติ์ ขาวปะคำ ชื่อภาพ “เป็นห่วงนะ” รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 วสันต์ วณิชชากร ชื่อภาพ”หนึ่งคนให้ หลายคนรับ One gives…Ones get” รองชนะเลิศอันดับ 2 อนุวัตน์ หมันเส็น ชื่อภาพ “รถไถ ปันสุข” ประเภทนักเรียน/นักศึกษา รางวัลชนะเลิศ วรฉัตร ลิ้มเลิศวรกิจ ชื่อภาพ”วิถีใหม่แห่งแรงศรัทธา” รองชนะเลิศอันดับ 1 มนต์สินี ไชยพิทักษ์กูล ชื่อภาพ “เรามีเราให้ร่วมฝ่าไปด้วยกัน “ รองชนะเลิศอันดับ 2 มนต์สินี ไชยพิทักษ์กูล ชื่อภาพ “แบ่งปันน้ำใจ”

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลภาพถ่ายดีเด่นประจำภูมิภาค จำนวน 76 รางวัล และภาพที่ร่วมแสดง ในส่วนนี้ สศร.ได้เพิ่มภาพร่วมแสดงของนักเรียน-นักศึกษา จำนวน 101 ภาพ เนื่องจากเยาวชนสนใจส่งภาพประกวดถึง 1,000 ภาพ โดยพิธีมอบรางวัลประกวดภาพถ่ายจะจัดวันที่ 24 ก.ค.นี้ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน พร้อมจัดแสดงผลงานภาพถ่ายรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทให้ชมด้วย

“ภาพถ่ายบันทึกคนไทย น้ำใจไม่มีหมด ที่ได้รางวัลและจัดแสดงบันทึกจากทั่วประเทศ ล้วนเป็นเหตุการณ์น่าประทับใจภายใต้ภาวะวิกฤต สะท้อนการช่วยเหลือ ให้กำลังใจกัน และการร่วมสู้อุปสรรคต่างๆ ร่วมกัน จะรวบรวมนำไปจัดทำบันทึกจดหมายเหตุการณ์ครั้งสำคัญของไทยและของโลก นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเตรียมการทำนิทรรศการภาพถ่ายออนไลน์เพื่อให้ประชาชนชื่นชมผลงาน ก่อนจะจัดแสดงนิทรรศการครั้งใหญ่ร่วมกับผลงานสาขาทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ ภายใต้โครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก ในเดือนตุลาคม 2563 นี้ “ ดร.วิมลลักษณ์ กล่าว

ด้าน วรนันท์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กรรมการตัดสิน กล่าวว่า ภาพรางวัลชนะเลิศตรงกับโจทย์ มีคุณค่าและความงามด้านศิลปะ อย่างภาพ ”เป็นห่วงนะ” เสนอการทำงานแข็งขันของทีมสาธารณสุขและพลัง อสม.จ.กาฬสินธุ์ ออกตรวจสุขภาพผู้สูงวัยกลุ่มเสี่ยงโควิด ชมภาพแล้วรู้สึกให้กำลังใจคนทำงาน นอกจากนี้ มีภาพรางวัลหลายภาพชูเรื่องตู้ปันสุข ทั้งนำรถไถมาปรับเป็นตู้ปันสุขเคลื่อนที่ หรือรถยนต์ปันสุข นำของเล่นมาแจกเด็กๆ ที่ต้องอยู่บ้านช่วงโควิด อีกภาพดูอบอุ่นตู้ปันสุขหน้าสมาคมกีฬาคนพิการ จ.นนทบุรี คนพิการนั่งวีลแชร์นำของแห้งมาเติมตู้ ทุกภาพแสดงถึงน้ำใจไทยที่หลั่งไหลและการรวมพลังก้าวข้ามวิกฤตโควิด

https://www.thaipost.net/main/detail/71731

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

ชีวิตลำเค็ญ เด็กชายชั้น ป.6 ชาวจังหวัดสุราษฏร์ธานี บ้านอยู่กลางหุบเขา ฐานะยากจน ต้องเดินเท้าไป-กลับโรงเรียนวันละหลายกิโลเมตร ครูสงสารโพสต์ภาพขอความช่วยเหลือ

 

ถ้าคุณอายุ 100 ปี แล้วต้องอยู่เพียงลำพัง คุณจะทำอย่างไร

เฟซบุ๊ก poramet misomphop ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของคุณยายโสพิน รสหอม หญิงชราวัย 100 ปี ที่พักอาศัยเพียงตัวคนเดียวในห้องเช่าที่ ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เจ้าของห้องเช่าเล่าว่า คุณยายพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงตัวคนเดียวมานานกว่า 30 ปีแล้ว ด้วยความสงสารจึงให้คุณยายอยู่ฟรีมาตลอด

บางครั้งก็จะมีเพื่อนบ้านละแวกนั้นนำอาหารมาให้ยายกิน แต่ถ้าวันไหนไม่มีใครเอาข้าวมาให้ ยายบอกว่า..ก็นั่งกินกล้วยแก้หิว

คุณยายยังสามารถพูดคุยรู้เรื่อง อาจจะลืมเรื่องราวในอดีตบ้าง ดูภายนอกคุณยายเป็นคนคุยสนุก ร่าเริง แต่สีหน้าและแววตาแฝงแววเศร้า

ชีวิตนี้คุณยายอยากไปทำบุญที่วัดสักครั้ง... แต่แขนขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงที่จะประคองตัวเอง เวลาจะขยับตัวไปไหน ก็จะใช้สองมือยันพื้น ถัดไปตามมุมต่างๆ ของบ้าน

รถเข็นที่เจ้าของโพสต์ได้นำไปส่งมอบให้คุณยายจึงไม่ได้ใช้ เนื่องจากคุณยายไม่มีแรงที่จะเข็นด้วยตัวเอง

เบื้องต้นเจ้าของโพสต์ได้ส่งมอบข้าวสาร สิ่งของจำเป็น และเงินส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งให้คุณยายไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน และฝากถึงท่านใดที่พอจะบริจาครถเข็นไฟฟ้าให้คุณยายได้ใช้ไปวัดไหว้พระ ทำบุญ ตามที่คุณยายต้องการ สามารถสอบถามเจ้าของโพสต์ได้ครับ

เจ้าของโพสต์ได้เล่าทิ้งท้ายไว้ด้วยความตื้นตันก่อนเดินทางกลับว่า

คุณยายเรียกเมศมานั่งใกล้ๆ แล้วเอามือของคุณยายลูบที่หัว แล้วยายพิณ วัย 100 ปีผู้นี้เอ่ยปากขึ้นมาว่า

"นี่ยายก็ 100 ปีแล้ว.. หนูรู้ไหมบางที ยายยังคิดถึงเรื่องในอดีต ยายก็นั่งร้องไห้ นี่หนูจะกลับแล้วหรอ หนูมาหายายใหม่นะ ยายจะรอ..นะ"

นี่ละครับชีวิตจริงที่มันเกิดขึ้นจริง เมศไม่รู้จะพูดยังไงดี... ขอพูดแค่ว่า...
"ผมสัญญา ว่าจะกลับไปหา ไปนั่งคุยกับคุณยายครับ"

ผู้ใจบุญท่านใดพอมีรถเข็นไฟฟ้า หรือ ต้องการซื้อรถเข็นไฟฟ้า บริจาคให้คุณยาย เอาไว้ใช้ไปวัดเพื่อไปไหว้พระ ทำบุญตามที่คุณยายต้องการ
สามารถติดต่อและสอบถามมาได้ที่ ปรเมศร์ มีสมภพ 080-775-3230

ขอบคุณเรื่องราวดีๆและภาพจาก
เฟซบุ๊ก poramet misomphop

ฝากกดไลค์ กดแชร์ และติดตาม เพจฅนจริงใจไม่ท้อ ด้วยครับ
#ฅนจริงไม่ทิ้งกัน #ฅนจริงใจไม่ท้อ

 

ฟิลิปปินส์ยืนยันกับสหรัฐ ก.ม.ต่อต้านก่อการร้ายปกป้องสิทธิมนุษยชน
.
มะนิลา 19 ก.ค.- สถานทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐส่งหนังสือถึงสมาชิกสภาสหรัฐ 50 คนว่า กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้จะปกป้องเสรีภาพทางการเมืองและสิทธิมนุษยชน หลังจากกลุ่มสิทธิประณามว่า กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามและจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก
.
หนังสือลงวันที่ 16 กรกฎาคมที่มีการเปิดเผยต่อสื่อวันนี้ระบุว่า ฟิลิปปินส์ยังคงยึดมั่นต่อการปกป้องเสรีภาพพลเมืองและเสรีภาพทางการเมือง กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายบัญญัติไว้อย่างหนักแน่นว่า สิทธิมนุษยชนจะต้องสมบูรณ์ครบถ้วนและได้รับความคุ้มครองตลอดเวลา
.
กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องแสดงว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์มีความแน่วแน่อย่างยิ่งที่จะต่อต้านการก่อการร้าย จะใช้วิธีการที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมในการจัดการกับภัยก่อการร้ายที่ไร้พรมแดน หนังสือของสถานทูตฟิลิปปินส์ระบุด้วยว่า กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับก่อนหน้านี้ที่ลงนามไปเมื่อปี 2550 มีผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดเพียงคนเดียวเท่านั้น
.
กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้จะมีสภาที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี มีหน้าที่กำหนดให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป็นผู้ก่อการร้าย และคุมขังโดยไม่ตั้งข้อหาได้สูงสุด 24 วัน นอกจากนี้ยังมีอำนาจอนุญาตให้สอดแนม ดักฟัง ลงโทษผู้ก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บนด้วย
.
กลุ่มทนายความยื่นเรื่องร้องต่อศาลฎีกาว่า กฎหมายนี้อาจถูกนำไปในทางมิชอบเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลและกดขี่การแสดงความเห็นต่างอย่างสันติ ขณะที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งลงนามกฎหมายเมื่อต้นเดือนยืนยันว่า ประชาชนที่เคารพกฎหมายไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะกฎหมายนี้มุ่งจัดการผู้ก่อการร้ายและกลุ่มก่อความไม่สงบที่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์เท่านั้น.

 

ศบค.ตัวเลขผู้ป่วยโควิดประจำวัน พบผู้ป่วยเพิ่ม 3 ราย แจงผลการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ใน จ.ระยอง กทม. กว่า 6 พันตัวอย่างยังไม่พบเชื้อเลย

 

#จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินมันจบไปนานแล้ว !! ตอนนี้ "อังกฤษ" มีแต่ โควิด-19 และ เบร็กซิต ที่รออยู่ตรงหน้า ยุโรปก็กำลังจะแยกตัว หันมาจับมือสหรัฐก็อาการน่าเป็นห่วงอยู่ไม่ใช่น้อย แล้วยังจะมาไฝว้กับจีนอีกทั้งเรื่องฮ่องกงและ 5G ล่าสุดในทะเลจีนใต้อีก ??

 

#HowtoProtest
#ชุมนุมยังไงไม่เสี่ยงโควิด
.
ในช่วงเดือนมิถุนายน
หลายแห่งทั่วโลกเกิดปรากฏการณ์
ที่ผู้คนออกมาชุมนุมเรียกร้อง
ในแคมเปญ Black Lives Matter
จากกรณีชายผิวดำในสหรัฐฯ
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง
เข้าจับกุมจนกระทั่งเสียชีวิต
.
ในทางการแพทย์
สิ่งที่เรากังวลคงเป็น เอ...
มันจะทำให้โควิดระบาดเพิ่มขึ้นไหม ?

ยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นต้นเรื่อง ต้นเหตุ
มีการระบาดหนักด้วย
.
หลายคนติดตามข่าว
เห็นยอดโควิดในสหรัฐฯ พุ่งไม่หยุด
อาจจะสรุปไปแล้วว่า นี่หรือเปล่า
สาเหตุที่ยังติดเชื้อกันเพิ่มเรื่อย ๆ

ปรากฏว่า จากข้อมูล
ที่รายงานในนิตยสาร Times
กลับพบว่า ยอดคนไข้หลังการชุมนุม
ในเมืองใหญ่อย่าง นิวยอร์ก
ชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย
ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิด

ในขณะที่บางเมืองยอดคนไข้ก็เพิ่ม
เช่น มินนิโซตา ฮุสตัน และฟินิกซ์

ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นหมอที่
จอห์น ฮ็อบกินส์ ตั้งข้อสังเกตว่า
ในเมืองที่ยอดคนไข้เพิ่มนั้น
ดูเหมือนจะเกิดจากมาตรการ
ควบคุมด้านอื่นหย่อนยานมากกว่า
เขาคิดว่า การแพร่กระจายเชื้อ
เกิดในสภาพแวดล้อมปิด
ในห้อง ในอาคารมากกว่า

Link ต้นทาง
https://time.com/5861633/protests-coronavirus/
.
.
ในออสเตรเลีย เกิดการระบาดรอบสอง
ช่วงแรก ๆ ก่อนการสอบสวนโรค
ข่าวจากหลายสำนักก็คิดว่า
เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
Black Lives Matter เช่นกัน

แต่หลังสอบสวนโรคจึงพบว่า
การแพร่ครั้งนี้มีต้นเหตุ
มาจากความหละหลวมในมาตรการ
การกักตัวผู้เดินทางมาจาก ตปท.
ไม่ทำตาม ข้อกำหนดกักตัว 14 วัน
.
.
เมื่อวานที่กรุงเทพฯ
มีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ผมก็เพิ่งเห็น ตกข่าว
เพราะถูกซีรีส์ดูดไว้

แม้จะผ่านไปแล้ว
แต่เห็นว่าจะนัดกันอีก
ผมจึงอยากเสนอ เผื่อจะมีประโยชน์

How to การชุมนุมแบบใส่ใจโควิด
ชุมนุมยังไงให้ปลอดโควิด

1. ถ้ามีอาการป่วย อย่าไปชุมนุม
อันนี้ข้อแรกเลย จะอยากไปแค่ไหน
ถ้ามีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ
"อย่าไป" รักษาตัวให้หายก่อน
เพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง
.
2. สวมหน้ากากอนามัย
ระหว่างอยู่ในพื้นที่ชุมนุม
ใส่บ้างปลดลงคางบ้าง

แต่... ย้ำเลย เวลาตะโกน
.... ออกไป หรือ อะไรทำนองนั้น
ต้องใส่ปิดปากปิดจมูกให้ดี
ไอ้พวกสารคัดหลั่งมันจะปลิวฟุ้งกัน
ก็ตอนนี้แหละ
.
3. ขวดน้ำกินของใครของมัน
อย่ากินร่วมกัน จุดนี้ก็สำคัญ
คงจำได้ใช่ไหม กรณีในผับ
ที่กินเหล้าแก้วเดียวกัน
.
4. พกเจลแอลกอฮอล์ขวดเล็ก ๆ
ติดตัวไปด้วย ใช้บ่อย ๆ ล้างบ่อย ๆ
.
5. รักษาระยะห่าง ไม่น่าจะได้
แต่เลี่ยงการโอบ การกอด
การจับมือให้มากที่สุด
หรือไม่ก็ล้างมือแล้วกันล้างมือ
.
6. กลับถึงบ้าน อาบน้ำสระผมทันที
เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
.
7. ในบ้านถ้ามีคนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
- คนสูงอายุ, เด็กน้อยกว่า 5 ขวบ
- คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน, โรคไต
โรคหัวใจ, โรคมะเร็งที่ให้เคมีบำบัด

เราต้องพยายามกักตัวเอง
ถ้าต้องใช้พื้นที่ร่วมกัน
ใส่หน้ากากอนามัยในบ้านด้วย
.
8. หลังจากการชุมนุม
สังเกตอาการตัวเอง
ถ้ามีอาการ ไอ เจ็บคอ มีไข้
ในช่วง 14 วันนี้ รีบไปหาหมอ
แล้วแจ้งด้วยว่า ไปชุมนุมมา
ถือเป็นความเสี่ยง
หมอจะได้คิดถึง โควิด
และส่งตรวจให้เร็วขึ้น
.
.
=========================

ป.ล. เครดิตรูปบนภาพ

ป.ล.2 ขอติด tag เผื่อมีคนเห็นเยอะขึ้น
#เยาวชนปลดแอก

Cr.เรื่องเล่าในโรงพยาบาล