ติดตามสถานะการณ์

สหรัฐ : National Guard จัดเต็ม ถนนฮอลลีวู้ดบูเลอวาร์ด ลอสแอนเจลิส

 

ยอดติดเชื้อโควิดประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2563
ทั่วโลกติดเชื้อ6,554,615 รายเสียชีวิต 386,287ราย

 

มาเลเซีย : สั่งขึงลวดหนามปิดตาย 2เขตในสลังงอร์ ด่วนพร้อมทหารเฝ้าทางเข้าออก หลังมีแรงงานต่างชาติกว่า20 คน ในหอพักตรวจพบเชื้อโควิดซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชน ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้ + 93 รายนับเป็นตัวเลขที่สูงอีกครั้งหลังจากเปิดเมือง

 

สหรัฐ : วอชิงตัน ดี.ซี
ทหารสหรัฐกว่า 10 คันรถบัสเดินทางถึง วอชิงตัน ดี.ซีก่อนหน้าใช้เพียง ตำรวจและ National Guard
รักษาความสงบคุมม๊อบ ในวอชิงตัน ดี.ซีช่วง 31 พค.มีการเสริมกำลังเพราะหวั่นเหตุบานปลาย โบราณสถาน สถานที่สำคัญถูกทำลาย จึงตรึงกำลังรักษาจุดสำคัญ รวมทั้งกำลังทหารที่ไม่เปิดเผยหน่วยจำนวนหนึง

 

#BlackOutTuesday คืออะไร ?

วันนี้หากใครได้เปิด Instagram หรือ Facebookก็อาจจะได้เห็นรูปโปรไฟล์ของเหล่า Influencer คนที่มีอิทธิพลบนสื่อ Socail Media หลายๆคนนั้นกลายเป็นสีดำ หรือไม่ลงรูปเป็นสีดำล้วนๆโดยไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยแบบที่เราลงนี้ พร้อมแฮชแท็ก #BlackOutTuesday

หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือกิจกรรมอะไร ?

นี่เป็นการประท้วง Online และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับการเสียชีวิตของ George Floyd, Ahmaud Arbery และ Breonna Taylor เหล่าคนดำที่ต้องเสียชีวิตจากการเหยียดสีผิวไปไม่นานนี้ และเป็นต่อต้านการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกันอีกด้วย

โดยเป็นความคิดเริ่มต้นของเหล่าศิลปินดังๆในอเมริกาที่ต้องการประท้วงโดยไม่ใช้ความรุนแรง

#ทันโลกกับKP

 

‍♂️ การประท้วงในสหรัฐยังคงดุเดือด ยังคงมีผู้เข้าร่วมประท้วง #เฉียดหลักแสนคน ทั่วประเทศออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ ล่าสุดตำรวจเข้าจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้าคุกไปเกือบหมื่นคนแล้ว !

ด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่แน่ใจว่าทรัมป์ควรจะ Flatten Curve ของผู้ป่วยไวรัสโควิด หรือ #ผู้ประท้วงติดคุกกันแน่ ?!?!?

การประท้วงทำเนินมาถึงวันที่ 8 แล้ว หลายพื้นที่ทั่วประเทศสหรัฐยังคงมีการประท้วงอย่างรุนแรงและฝ่าฝืนกฏหมาย ทางประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งอย่างชัดเจนแล้วว่าใครทำการปล้นร้านค้าหรือฝ่าฝืนเคอร์ฟิวให้จับกุมได้ทันที

รายงานของ Associated Press ได้กล่าวว่ามีผู้ชุมนุมกว่า 9,300 คนแล้วที่โดนจับกุมภายในช่วงเวลาอาทิตย์เดียว ในขณะที่รายงานล่าสุดสหรัฐยังมีผุ้ติดเชื้อโควิดใหม่อยู่ที่วันละ 2 หมื่นคน ทำให้ #ไม่แน่ใจว่าห้องขังหรือโรงพยาบาลสหรัฐ ตอนนี้ที่ไหนจะเต็มก่อนกัน ?

ความรุนแรงนั้นกำลังโดนขยายจากท้องถนนผ่านไปสู่โรงจำต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่มีความกังวลว่าผู้ที่ถูกคุมขังอาจปลุกระดมคนในเรือนจำต่างๆให้เกิดการประท้วงภายในเรือนจำ ทำให้ Federal Bureau of Prisons ได้สั่งให้เรือนจำทั้งหมดเข้าสู่มาตรการฉุกเฉิน "Full Lockdown" หรือระบบการคุมเข้มพิเษเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ และเป็นครั้งแรงในรอบ 25 ปีที่ได้ออกคำสั่งนี้ โดยเมื่อปี 1995 นั้นได้มีการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินนี้เพราะว่าเกิดการประท้วงในเรือนจำครั้งใหญ่

ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกา ได้ขู่ที่จะส่งกองทัพเข้าไปยุติการประท้วงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศหากทางหัวหน้ารัฐต่างๆยังไม่สามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่การประกาศใช้มาตรการทางทหารในทุกๆครั้งของทรัมป์ดูเหมือนจะยิ่งก่อให้มีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมมากขึ้น จึงไม่ใจแล้วว่าทางทรัมป์ควรจะใช้มาตรการเบาหรือหนักแน่กว่ากัน โดยเฉพาะการรวมตัวประท้วงนั้นจะยิ่งทำให้ไวรัสระบาดรวดเร็วขึ้นอีกด้วย !

#ทรัมป์คงต้องเลือก แล้วว่าจะ Flatten Curve ของเรือนจำหรือโรงพยาบาลก่อนกัน ?!?!

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

ด่วน ! ราคาน้ำมันดิบกำลังโดนเทขายอย่างหนักช่วงเย็นวันพุธนี้ ! หลังทางกลุ่มโอเปกอาจยังไม่สามารถตกลงที่จะประชุมกันพรุ่งนี้ได้ เพราะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการโกงกำลังการผลิตภายในกลุ่มกันได้ !

ราคาน้ำมันดิบ Brent ทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาตลอดอาทิตย์จนทะลุระดับ 40 เหรียญต่อบาร์เรลไปได้เมื่อเช้านี้ ถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเลยทีเดียว แต่ผ่านมาช่วงเย็นวันนี้ราคากำลังโดนเทขายลงไปต่ำกว่า 39 เหรียญแล้ว !

แน่นอนครับช่วงก่อนการประชุมโอเปกนั้นความผันผวนย่อมมีสูง เพราะใครจะไปสามารถเดาใจประเทศผู้นำโอเปกหรือเข้าใจถึงความต้องการของแต่ละฝ่ายได้

เราได้เขียนวิเคราะห์ถึงตัวแปรที่จะมีผลกระทบต่อตลาดน้ำมันในช่วงนี้อย่างละเอียดไว้ในโพสต์นี้แล้วนะครับ สำหรับท่านที่สนใจในรายละเอียด

มุมมองของตลาดโดยรวมก่อนหน้านี้นั้นเชื่อว่า โอเปกและพันธมิตรจะสามารถตกลงร่วมกันที่จะขยายเวลาลดกำลังการลิตรวมกันกับที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน น่าจะสามารถขยายออกไปอีกประมาณ 1-3 เดือนได้ (โดยตลาดนั้นเชื่อว่าทาง ซาอุดิอาระเบียและ รัสเซีย นั้นอยากให้เลื่อนออกไปอีก 1 เดือน) และหากสามารถพอตกลงกันนอกรอบได้ก็จะเลื่อนการประชุมจากวันที่ 9 มิถุนายนนี้มาเป็นวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตามวันนี้มีข่าวออกมาว่าทางพี่ใหญ่ของกลุ่มอย่าง ซาอุดิอาระเบียและ รัสเซียนั้นไม่ค่อยพอใจต่อปริมาณการผลิตน้ำมันของสมาชิกหลายประเทศในกลุ่มโอเปกและพันธมิตร เพราะตัวเลขนั้นยังลดลงไปน้อยกว่าที่สัญญากันไว้ โดยหากทุกประเทศยังไม่สามารถลดกำลังการผลิตได้ตามโควตาที่กำหนดหรือมีวิธีที่จะทำให้ทางพี่ใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียผู้ที่ต้องทุ่มทุนลดการผลิตสูงกว่ามั่นใจได้ การประชุมในวันพรุ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น และการประชุมตามตารางที่กำหนดไว้ในอาทิตย์หน้าก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน !

ถือเป็นคำขู่ที่ค่อนข้างรุนแรงและชัดเจนจากสองประเทศพี่ใหญ่ของโอเปกและพันธมิตรครับ ! และตอนนี้ก็กำลังมีการพยายามหารือกันถึงมาตรการที่จะทำให้ทุกประเทศสมาชิกนั้นลดการผลิตตามโควตาให้ได้

อย่างไรก็ตามเทรนด์โดยรวมของตลาดนั้นน่าจะยังเป็นขาขึ้นหากทางกลุ่มสามารถยืดการผลิตออกไปได้มากกว่า 2 เดือนและตลาดหุ้นยังไม่โดนเทขาย (จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและไวรัส) เชื่อว่าราคายังจะดีดกลับขึ้นไปใหม่ได้

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP #OilTraderKP

 

⚠️ Mark Zuckerberg กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว ⚠️ การที่ Mark Zuckerberg เห็นด้วยกับทรัมป์ว่าทาง Social Media ไม่ควรมีสิทธิไปตรวจสอบข้อความ (Fact-check) ของผู้ใช้หรือพยายามลบข้อความออกนั้น... อาจทำให้เขาถึงกับต้อง #สูญเสียอำนาจใน Facebook ไป !

จากประเด็นที่เราเคยอัพเดทไปว่า ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนทั้ง Twitter และ Facecbook ถึงการประท้วงในสหรัฐว่า "When the looting Starts, the shooting Starts !" หรือแปลได้ว่า "หากมีการปล้นปล้นสะดมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตำรวจจะทำการยิงเมื่อนั้น" และมีการเรียกผู้ประท้วงว่า "Thugs" หรือ "อันธพาล"

หลังจากที่ทรัมป์ได้ลงข้อความไปนั้นทาง Twitter ได้รีบขึ้นข้อความเตือนทันที่ว่าเป็นข้อความที่ไม่เหมาะสมและอาจทำให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ทาง Facebook นั้นไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด และถึงแม้ทางพนักงาน Facebook หลายคนจะพยายามขอให้ Mark Zuckerberg ลงคำเตือนและมีการเรียกประชุมหลายครั้ง แต่ทาง Mark ก็ยืนยันว่าจะไม่ทำเช่นนั้น...

ทำให้พนักงาน Facebook นั้นไม่พอใจอย่างมากและทำการประท้วงกันภายในครั้งใหญ่ หลายๆคนนั้นหยุดทำงานประท้วง หลายคนขียนข้อความบน Profile ของตัวเองแสดงถึงความไม่พอใจ และหลายคนถึงกับลาออกจาก Facebook เลยทันที ! เพราะกล่าวว่าองค์กรนี้ไม่ได้มีจุดยืนเหมือนกับวันที่พวกเขาเข้ามาทำงานอีกต่อไปแล้ว และปัญหาคือ #ไม่มีใครในองค์กรสามารถเปลี่ยนใจ Mark ได้หากเขาตัดสินใจแล้ว

ล่าสุดทางหลังการประท้วงเกิดขึ้นเป็นวันที่ 2 ทาง Mark Zuckerberg ได้เปิดใจพูดคุยกับพนักงานเป็นการภายในผ่าน VDO Conference ว่าถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ลำบากแต่เขายังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่ลบโพสต์ของทรัมป์เพราะ 2 เหตุผล

1️⃣ คือผู้คนจำเป็นต้องรู้ว่ารัฐบาลกำลังวางแผนที่จะใช้กำลังหรือไม่ ? พวดเขาจะได้ไหวตัวทัน

2️⃣ มันเป็นการเตือนผู้คนว่า หากมีการปล้นเกิดขึ้นอาจเป็นจุดให้เกิดความรุนแรง

และในการพูดคุยกับพนักงานครั้งนี้ยังได้มีคลิปเสียงหลุดออกมายังสื่อด้วย โดยไม่แน่ใจว่าพนักงานที่ไม่พอใจตั้งใจปล่อยออกมาหรือเปล่า แต่คลิปที่หลุดออกมานี้ได้สร้างความไม่พอใจให้เหล่าผู้ประท้วงหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ข้างทรัมป์เป็นอย่างมาก

การประท้วงครั้งนี้มีความเสี่ยงต่อ Mark Zuckerberg มากกว่าที่เราคิด !

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ #ไม่มีใครในองค์กรสามารถเปลี่ยนความคิดของ Mark ได้หากเขาตัดสินใจแล้ว... Mark นั้นค่อนข้างจะยืนหยัดกับความคิดของตัวเอง... แต่เขาก็มีมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น !

เพราะ Mark Zuckerberg นอกจากในฐานะผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของ Facebook แล้วนั้น เขายังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทอีกด้วย ! ทำให้ Mark มีอำนาจการโหวตมากที่สุดและมีอำนาจในการตัดสินใจในทุกเรื่องสำคัญของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

การตัดสินใจครั้งสำคัญที่อาจจะค้านเสียงผู้ถือหุ้นต่างๆ ได้ทำให้เคยมีการออกมาเรียกร้องให้ Mark ลงจากตำแหน่ง CEO ของบริษัทแล้ว และในเหตุการประท้วงครั้งนี้ทั้งภายในและภายนอกบริษัทกำลังทำให้ทุกๆฝ่ายจับตามอง Mark เป็นอย่างมาก และหากยังมีพนักงานที่ไม่พอใจและลาออกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่า Mark เองก็อาจจะต้องตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง...

ทุกท่านมีความเห็นอย่างไรกับการตัดสินใจของ Mark ครั้งนี้ครับ ?

จริงๆแล้ว Mark พยายามที่จะปกป้องบริษัทของ Facebook ไว้โดยที่พนักงานอื่นๆอาจจะไม่รู้ตัวหรือคิดไม่ถึงหรือป่าว ? เพราะไม่มีใครรู้ว่าการต่อต้านทรัมป์นั้นจะส่งผลดีหรือผลเสียอย่างไร ? และการเลือกตั้งในสมัยที่ 2 ก็เข้าใกล้มากขึ้นแล้ว หากทรัมป์ได้รับเลือกกลับมา Facebook คงยังต้องทำงานภายใต้ทรัมป์อีก และแค่ทรัมป์ขู่จะลงโทษหุ้นก็ตกฮวบแล้ว

อีกทั้งยังมีโครงการเงินดิจิทัล Libra ซึ่งทาง Facebook ยังต้องการให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างยิ่งอีก การจะเข้าไปปะทะกับทรัมป์โดยตรงคงอาจไม่ใช่เรื่องที่ดี ?

หรือจริงๆแล้ว Mark ควรยึดความเห็นของพนักงานส่วนใหญ่ในบริษัทเป็นหลักครับ ? #ลองเขียนเข้ามาแชร์ความเห็นกันได้นะครับ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

ด่วน ⚠️ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดคืนนี้ทรัมป์สั่งไม่ให้สายการบินจีนบินเข้าสหรัฐ ! แต่นักลงทุนยังไม่หวั่น ตลาดหุ้นสหรัฐยังบวกต่อ 1-2% คืนนี้ !

ความวุ่นวายในประเทศยังไม่หาย แต่ทางรัฐบาลทรัมป์ยังคงสุมไฟการเมืองระหว่างประเทศกับจีนเรื่อยๆ !

✈️ คืนนี้รัฐบาลทรัมป์มีคำสั่งไม่ให้สายการบินจีนบินเข้าสหรัฐจะมีผลในวันที่ 16 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะนโยบายระหว่างประเทศของทั้งคู่นั้นขัดกัน !

เริ่มมาจากการที่สหรัฐ (หรือหลักๆคือทรัมป์) คิดว่าจีนเป็นผู้ปล่อยไวรัสออกมาที่สหรัฐและยังมีประเด็นเรื่องการพยายามเข้าแทรกแซงการประท้วงหรือเพิ่มอำนาจปกครองในฮ่องกง มาจนถึงการที่ทางจีนได้ตอบโต้สหรัฐโดยการระงับการซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐอย่าง ถั่วเหลืองและหมู หรือล่าสุดการที่เจ้าหน้าที่จีนเริ่มออกมาให้ความเห็นถึงการประท้วงในสหรัฐบ้าง

ตอนนี้ #ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนนั้นไม่ดีเอาซะเลย ไม่ว่าจีนจะเป็นผู้ปล่อยไวรัสหรือไม่ จะตั้งใจแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐจริงหรือไม่ สิ่งนึงที่เรารู้แน่ๆคือทางจีนไม่อยากให้ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยแน่ๆ ! เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นดีกว่ามากในสมัยของพรรคเดโมแครตหากเทียบกับทรัมป์ ทำให้ทางเราคาดว่าความตึงเครียดนี้น่าจะบานปลายไปจนถึงการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

#อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ !

ดัชนี Dow Jones พุ่งทะลุ 26,000 จุด และทาง S&P500 ก็ทะลุ 3,100 จุดไปแล้ว ! หลักๆยังเป็นเพราะความมั่นใจของนักลงทุน การที่มีสภาพคล่องสูง และดอกเบี้ยต่ำทำให้ผู้คนใช้จ่ายเงินในตลาดหุ้นมากกว่าการออม

ติดตามและวิเคราะห์ไปกับทางเพจเราได้ว่าความไม่เชื่องโยงของ #ตลาดหุ้น กับ #เศรษฐกิจโลก จริงๆนั้นจะไปได้อีกยาวแค่ไหน

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

#ศึกเลือกตั้งสหรัฐเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว ! โจ ไบเดน ออกมาแถลงการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุไวรัสโควิดระบาดและโจมตีทรัมป์ว่าเป็นต้นเหตุของการประท้วงที่รุนแรงในสหรัฐ !

เก็บตัวเงียบอยู่นานแม้ว่าไวรัสโควิดจะระบาดหนักแค่ไหน... แต่พอการประท้วงในสหรัฐเริ่มบานปลายขึ้น ทางผู้ท้าชิงฝั่งเดโมแครต โจ ไบเดน ได้ทีออกสื่อมาจวกทรัมป์จนเละ !

โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในสมัยบารัค โอบามาและตัวเก็งผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งปลายปีนี้ ได้ออกมากล่าวโจมตีทรัมป์ โดยกล่าวว่า "ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาให้ความสำคัญกับอำนาจมากกว่าความถูกต้อง ! และสนใจฐานเสียงของตัวเองมากกว่าประชาชนทั้งประเทศ !"

และยังได้ย้ำอีกว่า ทรัมป์เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาของการประท้วงครั้งนี้แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา และทางไบเดนหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาจะยุติการส่งเสริมความเกลียดชังของคนในประเทศสหรัฐ ต่อคนในประเทศกันเองและต่อประเทศอื่นๆ จะเป็นแบบอย่างที่ดีและมุ่งมั่นรักษาบาดแผลที่เกิดจากการเหยียดสีผิวที่มีมายาวนานในสหรัฐ

คำกล่าวโจมตีในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดศึกอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งสหรัฐที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนเศษๆเท่านั้น และกลุ่มคนผิวสียังเป็นฐานคะแนนเสียงหลักของพรรคเดโมแครต ทำให้ทางไบเดนเลือกโอกาสนี้มาหาเสียงต่อเลย

โพลล่าสุดยังชี้ชัดว่า ไบเดน กำลังตีคะแนนห่างออกจากทรัมป์

จากโพลล่าสุด (แนบรูปไว้ให้ในคอมเม้นท์) จะเห็นได้ว่าคะแนนความนิยมของไบเดนกำลังตีห่างออกจากทรัมป์ และนำอยุ่ที่ 49.3 จุด ต่อ 41.3 จุด และเห็นได้ชัดเลยว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไวรัสระบาดมานั้นคะแนนความนิยมของทรัมป์ยังคงตกลงเรื่อยๆและมาลดลงฮวบในช่วงการประท้วงครั้งนี้อีก !

โพลส่วนใหญ่ยังชี้ให้เห็นว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่บอกว่ารู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้ที่ออกมาประท้วงและส่วนใหญ่ระบุว่าไม่เห็นด้วยต่อวิธีการรับมือการประท้วงของทรัมป์

และ #หลายคนไม่แน่ใจว่า ทำไมทรัมป์ถึงได้เรียกหน่วยทหาร (National Guard) เข้ามารับมืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปัญหาเรื่องไวรัสที่ระบาดในช่วงแรกทางทรัมป์กลับใจเย็นและไม่มีการสั่งมาตรการควบคุม จนสหรัฐต้องมีผุ้เสียชีวิตไปเกินแสนรายแล้ว

โอกาสนั่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ของทรัมป์ยังเหลืออีกมากน้อยแค่ไหน ?

แน่นอนว่าหากเหตุการณ์ประท้วงและไวรัสระบาดยังบานปลายโอกาสของทรัมป์ก็คงน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไปนะครับ เพราะในการเลือกตั้งครั้งก่อนทรัมป์ก็เอาชนะได้ถึงแม้ว่าคะแนนจะเป็นรองในโพลครั้งก่อน

และที่สำคัญที่สุดคือ ทุกๆการเคลื่อนไหวของทรัมป์นั้นย่อมมีแผนที่จะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งของเขาแน่ๆ และหลายๆแผนอาจจะแยบยลอย่างที่เราคาดไม่ถึง

ลองอ่านรายละเอียดในบทความก่อนหน้านี้ของเราได้ว่า #ทรัมป์ยังเหลือโอกาสชนะเลือกตั้งสมัยที่2 อยู่เพียงใด ?



⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

WHO เตือน ไวรัสโควิด 19 ไม่ได้อ่อนกำลังลงและยังมีอันตรายต่อชีวิตมนุษย์อยู่: องค์การอนามัยโลกและแพทย์ในอิตาลีมีความเห็นต่างกันถึงระดับความรุนแรงของเชื้อไวรัสโคโรนา ณ ปัจจุบัน หลังนาย Alberto Zangrillo หัวหน้าหน่วย intensive care ประจำโรงพยาบาล San Raffaele และแพทย์ประจำตัวของนาย Silvio Berlusconi อดีตประธานาธิบดีอิตาลี ออกมาแสดงความเห็นว่า การศึกษาเชื้อไวรัสในช่วง 10 วันที่ผ่านมา พบว่าเชื้อไวรัสโคโรนาได้อ่อนกำลังลง และไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของผู้ที่ได้รับเชื้อรุนแรงเท่ากับที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แพทย์หลายท่านได้ออกมาตั้งข้อสงสัยและตำหนิถึงการเผยแพร่ข้อสรุปของการศึกษาดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสยังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ อีกทั้งอาจทำให้ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างไม่ระมัดระวังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนวานนี้ว่า ไวรัสไม่ได้อ่อนกำลังลงและยังมีอันตรายต่อชีวิตมนุษย์อยู่ รวมทั้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังเช่นเดิม และเป็นไปได้ว่าการติดเชื้อที่ลดลงมาจากการประพฤติตนอย่างระมัดระวังมากกว่าไวรัสอ่อนกำลังลง อย่างไรก็ตาม ทาง WHO จะเข้าไปดูงานศึกษาที่มีการกล่าวอ้างว่าไวรัสได้อ่อนกำลังลง

Source: BoTSS

www.cnbc.com/2020/06/02/claim-coronavirus-no-longer-exists-provokes-controversy.html?__source=iosappshare%7Ccom.apple.UIKit.activity.CopyToPasteboard

 

มูดี้ส์หั่นเดรดิตอินเดียลงใกล้อันดับขยะ เหตุหนี้พุ่ง,ศก.ชะลอตัวยาวนาน : มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียลงใกล้ระดับขยะ โดยระบุถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียที่ยืดเยื้อยาวนาน, หนี้สินที่เพิ่มขึ้น และระบบการเงินที่ยังคงเผชิญภาวะตึงตัว

ทั้งนี้ มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียลงจากระดับ Baa2 มาอยู่ที่ระดับ Baa3 ซึ่งสูงกว่าอันดับขยะเพียงขั้นเดียว โดยระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียในครั้งนี้ ไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ว่า การแพร่ระบาดได้ทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียเผชิญกับความเปราะบางก็ตาม

นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้คงแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียไว้ในเชิงลบ โดยระบุว่า สถานะการคลังของรัฐบาลย่ำแย่ลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ

เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 8 ปี ขณะที่มูดี้ส์คาดว่า เศรษฐกิจอินเดียอาจหดตัวลง 4% ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า อันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/กัลยาณี

https://timesofindia.indiatimes.com...r-1st-time-in-22-yrs/articleshow/76144694.cms

 

“ข้าวโพดเมียนมา” ทะลัก 2 เดือนนำเข้าพุ่งแซงปี”62 : ข้าวโพดเมียนมาทะลักไทย 2 เดือนนำเข้าแซงปี”62 คาดทั้งปียอดพุ่ง 1.6 ล้านตันส.การค้าพืชไร่กระทุ้งพาณิชย์รับมือ หวั่นกระทบข้าวโพดปี”63/64

นายพรเทพ ปู่ประเสริฐ นายกสมาคมการค้าพืชไร่ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมมีหนังสือร้องเรียนปัญหาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ว่าในช่วงเวลา 2 เดือนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2563 ไทยนำเข้าข้าวโพดจากเมียนมา ปริมาณ 692,899 ตันสูงกว่าการนำเข้าข้าวโพดทั้งปี 2562 ที่มีปริมาณ 588,514 ตัน ทั้งนี้ หากปล่อยให้มีการนำเข้าตามประกาศผ่อนปรนนำเข้าข้าวโพดของกระทรวงพาณิชย์ที่อนุญาตให้นำเข้าถึงเดือนสิงหาคม 2563 คาดว่าจะมีข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาถึง 1.6 ล้านตัน ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในฤดูการผลิต 2563/2564

“จากนโยบายการลดภาษีนำเข้าปี 2556และการเปิดกลไกให้มีการซื้อข้าวโพดจากภายในประเทศ 3 ส่วน เพื่อนำเข้าข้าวสาลีมาได้ 1 ส่วน ส่งผลต่อระบบการค้าข้าวโพด เพราะมีการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิเป็นข้าวโพดของไทยเพื่อนำไปคำนวณอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ทำให้นำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วนมากขึ้นเกินกว่าปกติ และบางรายเลี่ยงไปนำเข้าข้าวบาร์เลย์และกากข้าวโพดหรือ DDGS เข้ามาทดแทน เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ได้ถูกใช้มาตรการ 3 ต่อ 1 กำกับดูแล”

ก่อนหน้านี้ทางสมาคมเคยมีหนังสือขอให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดช่วงระยะเวลาเปิดนำเข้าให้สั้นลงให้สอดคล้องกับระยะเวลาการเก็บเกี่ยวของเกษตรกร และขอให้ขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีและวัตถุดิบทดแทนข้าวโพดทุกประเภทอัตรา 12-19% ในช่วงการนำเข้านอกฤดูเก็บเกี่ยว และเพิ่มขึ้นเป็น 19-27% หากนำเข้าในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว พร้อมทั้งขอให้ขยายการใช้มาตรการ 3 ต่อ 1 ให้ครอบคลุมสินค้าวัตถุดิบทดแทนข้าวโพดทั้งหมด เพราะขณะนี้ไม่ได้มีเพียงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจะเสียหาย แต่ผู้ปลูกข้าวยังได้รับผลกระทบจากราคาขายรำละเอียดตกต่ำลงตันละ 200 บาท เป็นภาระให้รัฐต้องใช้มาตรการชดเชยประกันรายได้ให้เกษตรกรอีก

พร้อมกันนี้ ขอให้มีองค์กรกำกับดูแลการนำเข้าข้าวโพดจากเพื่อนบ้าน วางระบบการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้า ผู้ใช้ รวมถึง
ผู้ค้าข้าวโพด และต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการขนย้าย เพื่อป้องกันการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนมาขายต่อภายในประเทศ และวางแนวทางปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อบูรณาการอย่างครบวงจร

“หากไม่มีการแก้ไขนอกจากจะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ข้าว และวัตถุดิบอาหารสัตว์มีรายได้ลดลง ราคาขายวัตถุดิบได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้า สร้างภาระให้รัฐต้องเสียงบประมาณประกันรายได้ให้เกษตรกรแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมภาคเกษตรกรที่เดิมได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งผลผลิตลดลง แต่ราคากลับไม่ปรับขึ้นตามกลไกตลาด และที่สำคัญจะกระทบต่อวงจรการค้าข้าวโพดทั้งหมดที่มีเกษตรกรเกี่ยวข้องกว่า 5 ล้านครัวเรือน ไม่นับรวมพืชอื่น โดยเฉพาะในปีนี้คาดว่าชาวไร่อ้อยจะหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มขึ้น”

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/economy/news-471502

 

บทวิเคราะห์จาก Bloomberg ชี้ว่า 1 ใน 3 ของผู้ตกงานในสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล วานนี้กระทรวงการคลังได้ประกาศจำนวนเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ตกงานที่ได้จ่ายไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ถึง พ.ค. อยู่ที่ 146 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวต่ำกว่าจำนวนที่ Bloomberg คาดที่ 214 พันล้านดอลลาร์ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้ยื่นเอกสารยืนยันการว่างงานและจำนวนเงินเฉลี่ยที่รัฐบาลจะจ่ายให้ผู้ตกงาน ทั้งนี้ ปัญหาเกิดจากระบบการอนุมัติเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากปริมาณผู้ยื่นขอใช้สิทธิเยอะเกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้ ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามใช้งบประมาณเพื่อปรับปรุงระบบดังกล่าว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการเปิดเศรษฐกิจมากขึ้นและมีแนวโน้มเลื่อนการพิจารณาการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม

ด้านนักเศรษฐกิจแสดงความกังวลต่อผลของการช่วยเหลือต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป เนื่องจากหนี้ภาครัฐที่ปรับสูงขึ้นอย่างมากจะจำกัดความสามารถในการดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายและคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจต้องอยู่กับหนี้จำนวนมากต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน

Source: BoTSS

- One-Third of America’s Record Unemployment Payout Hasn’t Arrived: http://www.bnnbloomberg.ca/one-thir...-unemployment-payout-hasn-t-arrived-1.1444433

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ หลังจากรัฐบาลสั่งปิดเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ISM เผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กฟื้นตัวในเดือนพ.ค. จากอานิสงส์ผ่อนคลายล็อกดาวน์

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ หลังจากรัฐบาลสั่งปิดเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ISM ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กดีดตัวสู่ระดับ 19.5 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 4.3 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาวะธุรกิจในนิวยอร์ก

ดัชนีย่อยด้านการจ้างงานดีดตัวสู่ระดับ 33.9 หลังจากแตะระดับ 29.2 ในเดือนเม.ย.

ส่วนดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า พุ่งขึ้นสู่ระดับ 48.0 จากระดับ 26.4 ในเดือนเม.ย.

#ข่าวนี้กดดันทองร่วงเมื่อคืน

Ryt9

 

ผอ.โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส อเมริกา ใช้เวลา10วัน ขับรถรวมระยะทาง2,415กม.ไปตามบ้านของนร.ที่จบการศึกษารวม249คนเพื่อมอบใบประกาศวุฒิให้กับนร.ทุกคนกับมือและร่วมฉลองด้วยเมื่อมีโอกาส ใบประกาศที่นร.ควรได้ขึ้นไปรับบนเวทีในวันสุดท้ายของการเรียนแต่ปีนี้อดจัดงานฉลอง ผอ. ชื่อ Dr. Scott Rudes จาก รร. Booker T. Washington High School for the Performing and Visual Arts น่ารักมาก

ขอบคุณภาพจาก: NBC DFW/fox4news/reporter
Credit Twitter #GratitudeDNA

 

วิชามารว่อนโลกโซเชียลสหรัฐ!!
เกรียนคีย์บอร์ดไม่รู้ฝั่งไหน ทำภาพปลอมใส่รูปธงชาติจีน เข้าไปในรูปต้นฉบับเหตุการณ์ประท้วงที่สหรัฐอเมริกา พร้อมเติมข้อความ “Help US China”

#BunkerBoy #ICantBreathe #GeorgeFloydProtests #BlackLivesMatter #Minneapolis #GeorgeFloyd
Credit Twitter #motorwars

 

การประท้วงจากสหรัฐลามสู่ออสเตรเลีย ต่อต้าน “พฤติกรรมไม่เหมาะสมของตำรวจ”

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (2 มิ.ย.) ประชาชนหลายพันคนร่วมชุมนุมตามท้องถนนในประเทศออสเตรเลีย เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับการประท้วงต่อต้านตำรวจที่ใช้ความรุนแรงกับคนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ

บรรดาผู้ประท้วงเดินขบวนในเมืองซิดนีย์พร้อมเปล่งเสียงว่า “ฉันหายใจไม่ออก” และ “ชีวิตคนผิวดำก็สำคัญเหมือนกัน” เช่นเดียวกับผู้ประท้วงในสหรัฐฯ

การประท้วงในออสเตรเลียนั้นนอกจากจะแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับการประท้วงในสหรัฐฯแล้ว ยังเป็นการต่อต้านพฤติกรรมไม่เหมาะสมของตำรวจในออสเตรเลียด้วย โดยมีผู้ประท้วงจำนวนมากโบกธงอะบอริจิน ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองเก่าแก่ของออสเตรเลีย เนื่องจากมีชาวอะบอริจินถูกตำรวจคุมขัง และเสียชีวิตระหว่างถูกจับกุมตัวจำนวนมาก

ทั้งนี้การประท้วงในออสเตรเลียยังคงเป็นไปโดยสันติ ผู้ประท้วงส่วนมากสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

แม้ว่าชาวชาวพื้นเมืองของออสเตรเลียจะคิดเป็นเพียงร้อยละ 2 ของจำนวนประชากรออสเตรเลียทั้งหมด แต่พวกเขากลับคิดเป็นราวร้อยละ 27 ของประชากรนักโทษในเรือนจำ

การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอชาวพื้นเมืองวัยรุ่นถูกตำรวจออสเตรเลียควบคุมตัวและจับกดลงบนพื้นอย่างรุนแรงในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และกลายเป็นประเด็นร้อน

ตำรวจออสเตรเลียกำลังสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ที่วัยรุ่นชายชาวพื้นเมืองข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะถูกควบคุมตัวด้วยการใช้กำลัง

The post การประท้วงจากสหรัฐลามสู่ออสเตรเลีย ต่อต้าน “พฤติกรรมไม่เหมาะสมของตำรวจ” appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

“คลัง” ชงแจกเงิน 2,000 – 3,000 บาท 10 ล้านคน กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่าในพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.2563 ) คลังฯ จะหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงมาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า “ขณะนี้ทั้ง 2 หน่วยงานกำลังทำการบ้านว่าจะดำเนินการอย่างไร มีข่าวว่าภาคเอกชนท่องเที่ยวเสนอให้แจกเงินคนละ 2,000-3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน เพื่อนำไปท่องเที่ยวนั้น เรื่องนี้หน่วยงานที่รู้เรื่องดีที่สุดว่าเอกชนต้องการอะไร และควรจะดูแลท่องเที่ยวอย่างไร คือ ททท. ดังนั้นหากเขาอยากให้ช่วยอย่างไรคงต้องรอฟังข้อเสนอ”

ทั้งนี้หาก ททท. เสนอมาตรการมา กระทรวงคลังพร้อมพิจารณาให้ ซึ่งในเรื่องเงินแจกไม่ใช่ปัญหา แต่มาตรการออกมาต้องเป็นมาตรการที่ดีและตรงจุด และต้องดึงให้คนไทยเที่ยวไทยมากที่สุด

อย่างไรก็ตามคาดว่ามาตรการจะต้องออกมาให้ทันในช่วงวันหยุดชดเชยสงกรานต์ ที่คาดว่ารัฐบาลจะประกาศหยุดให้ในเดือน ก.ค. ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะคาดว่าจะมีการยกเลิกการใช้พระราชกำหนดควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีการระบาดรอบ 2 และให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดได้ตามปกติ ซึ่งมีส่วนสำคัญให้คนออกไปท่องเที่ยว ตรงตามวัตถุประสงค์ของมาตรการ

The post “คลัง” ชงแจกเงิน 2,000 – 3,000 บาท 10 ล้านคน กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ประกาศ

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มหลักของโครงการซานโตรินี พาร์ค และเนื่องจากที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด

ทางโครงการจึงขอประกาศยุติกิจการชั่วคราว เป็นเวลา 12 เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์การระบาดทั่วโลกจะยุติและการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ทางโครงการขอขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกท่าน
ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนที่ดีตลอดมา

Due to the spread of Coronavirus or COVID – 19 pandemic, has severely impacted the travel & tourism industry whereby foreign travelers and
overseas tourists are the largest group of visitors at Santorini Park Cha-am.
As a result of the current situation of uncertainty surrounding the travel & tourism industry,

we have made the difficult decision to extend the temporary suspension of all
operations by at least another 12 months
effective from 1 June, 2020 or until such time as travel restrictions are lifted and travel & tourism industry can resume as normal.
Santorini Park Cha-am would like to take this opportunity to thank you Thai and Foreign visitors
for your ongoing trust and support during this challenging time.

We hope to see you soon once the current situation improves and gets back to normal.