ติดตามสถานะการณ์

บราซิลระส่ำ ยอดเหยื่อโควิดพุ่งอันดับ 6 โลก ตายวันเดีย 881 ศพ
บราซิลพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ถึง 881 ศพในวันเดียว ทำให้พวกเขากลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสตัวนี้มากเป็นอันดับ 6 ของโลกแล้ว



Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...XEW0sxbJPCoOEx1I-gGvzKbCttd-qE9HVtaF9WS2nPW_U

 

Forex Mindset

"ทรัมป์"ชี้สหรัฐได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าไม่คุ้มกับความเสียหายจากโควิด-19 จากจีน: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ผลประโยชน์ที่สหรัฐได้รับจากการทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนที่เขาลงนามในเดือนม.ค. ดูด้อยค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายที่สหรัฐได้รับจาก"โรคร้ายที่มาจากจีน"
"อย่างที่ผมได้พูดนานมาแล้ว การติดต่อเจรจากับจีนถือเป็นเรื่องที่มีราคาแพง โดยเราเพิ่งทำข้อตกลงการค้าที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่หมึกยังไม่ทันแห้ง และโลกก็ถูกกระทบจากโรคร้ายจากจีน ต่อให้เราทำข้อตกลงได้ 100 ฉบับ ก็ไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้ที่ต้องเสียชีวิตจำนวนมาก" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1,408,636 ราย และมีผู้เสียชีวิต 83,425 ราย
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
ส่วนจีนซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อจำนวน 82,926 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4,633 ราย
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
- Trump on China: ’100 Trade Deals’ wouldn’t make up for coronavirus- https://www.cnbc.com/2020/05/13/trump-on-china-100-trade-deals-wouldnt-make-up-for-coronavirus.html-

 

รู้หรือไม่ … อิหร่านเป็นสมาชิก “โอเปก” แต่ไม่ต้องทำตาม “ดีล” ลดผลิตน้ำมันดิบ!!!

อ้าว เฮ้ย! ทำไม กร่างมาจากไหน? เปล่าเลย มันมี “อภิสิทธิ์” ที่ 3 ชาติ (จากทั้งหมด 13 ชาติ) ใน “โอเปก” ได้รับการ “ยกเว้น” --- ให้ผลิตได้ตามใจ เท่าไหร่เท่ากัน!

เพราะอะไร? ก็ชาติพวกนี้ การผลิตตกต่ำดำดิ่งอยู่แล้วโดยไม่ต้องมาบังคับ

ลิเบีย: เผชิญสงครามกลางเมือง แทบจะฉีกประเทศขาดวิ่นอยู่แล้ว ผลิตติดๆดับๆ

เวเนซูเอลา: ผจญวิกฤติเศรษฐกิจจากพิษขย้ำคว่ำบาตรโดยอเมริกา ไม่มีเงินหมุน

อิหร่าน: เต็มๆ โดนคว่ำบาตร ส่งออกน้ำมันไม่ได้ ต้องลดผลิตโดยปริยาย

---

ลิเบีย เวเนฯ ไม่มีปัญญาจะผลิต แต่อิหร่านไม่เหมือนกัน มี ‘ศักยภาพ’ จะผลิต แค่ติดบ่วง ‘กับดัก’ คว่ำบาตร

ปกติ อิหร่านผลิตได้เฉียดๆ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ตอนนี้ โดนบีบโดนบี้ ก็ผลิตแค่ครึ่งเดียว ปริ่มๆ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันมาหน่อย

ช่วง “ปิดเมือง” ก็ทำให้ผลิตหล่นมาแตะๆ 1.9 ล้าน แต่ตอนนี้ กลับมาเร่งผลิตคืนแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเกิน 2 ล้าน

---

ขณะที่ อุตสาหกรรมผลิตน้ำมันดิบในอเมริกากำลัง “โคม่า” --- เหลือเชื่อนะครับท่าน ราวๆ 3 อาทิตย์ก่อน อเมริกาลดผลิต เกือบๆ 8 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่พอ 2 อาทิตย์ก่อน กลายเป็นหายไป 1 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว และเผลอแป๊บเดียว อาทิตย์นี้ การผลิตหดไป 1.7 ล้าน

เร็วมาก เร็วจริงๆ … ขาดทุนจนเลือดไหล ถึงกับต้องหยุดผลิตเพื่อปิดแผล … ปิดเท่าไหร่ก็ไม่พอ ต้องการผ้าก๊อซเยอะๆด่วนๆ

.

ด้านพี่ใหญ่แห่ง “โอเปก” นั้นเล่า … หลังจาก ซาอุฯ นำพวกพ้องไปจับมือกับพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ช่วยกันลดผลิตรวมกัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ยังไม่หนำใจ … ล่าสุด จัดให้พิเศษ ลดผลิตแถมให้อีก 1 ล้านต่อวัน

และวันนี้ ยังเรียกร้องให้พรรคพวก ช่วยกันบำเพ็ญ “จิตอาสา” ลดแถมให้ในลักษณะนี้ --- ก็อุตส่าห์ทำให้เห็นเป็น “แบบอย่าง” แล้วนี่นา

---

อิหร่านส่ายหัว … ก็ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงอยู่แล้ว อยากผลิตเท่าไหร่ อั๊วก็ผลิตไปสิ!

กระทรวงน้ำมันอิหร่านลั่น รีบๆกลับมาผลิต เพื่อให้คนในอุตสาหกรรมได้กลับมา “มีงานทำ” ไวๆ (ก็ใครจะไปบอกโต้งๆล่ะ ว่าไม่เป็นไร เราหาทางลอบส่งออกน้ำมันได้!?)

ตรงนี้ สำคัญมากนะครับท่าน ไอ้เรื่อง “งาน” ของประชาชน จะมองแค่เรื่อง “ธุรกิจ” อย่างเดียวไม่ได้

.

อย่างอเมริกา แค่ มี.ค. เดือนเดียว “คนตกงาน” จากบริษัทผลิตน้ำมันและแก๊ส ตั้ง 5 หมื่น และคาดว่าปีนี้ทั้งปี เบาะๆเอาแค่รัฐเท็กซัสรัฐเดียวก่อนก็พอนะ จะถูกเชิญไป “เตะฝุ่น” 1 ล้านคน!

ตรงกันข้าม เมื่อวานบริษัทน้ำมันอิหร่านกลับมาเปิด “หัวเจาะ” พร้อมใช้ขุดน้ำมันใหม่เพื่อลุยผลิตต่อ

ราคาจะวิกฤติไหม … “โอเปก” จะอยู่รอดไหม … บริษัทน้ำมันอเมริกาจะล้มหายตายจากอีกกี่มากน้อย …

อิหร่านบอกว่า “ช่างมัน ฉันไม่แคร์”

---

หมายเหตุ

เมื่อก่อนโน้นอิหร่านส่งออกน้ำมันดิบก็จริง แต่ยังต้องนำเข้าเบนซิน ทว่าเดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เพราะตั้งแต่ต้นปีก่อน โรงกลั่นน้ำมันในอิหร่านเพิ่มขึ้นกระทั่งผลิตเบนซินพอใช้ในประเทศ แล้วยังเหลือส่งออกอีกต่างหาก

(น้ำมันดิบ ต้องต้มกลั่นให้ ‘สุก’ ก่อน --- แยกส่วนมาเป็นเบนซิน ดีเซล ฯลฯ ถึงเอามาเติมเครื่องยนต์ เครื่องจักรได้)

https://www.presstv.com/Detail/2020/05/13/625223/Iran-oil-industry-drilling-coronavirus-US-sanctions

https://www.arabnews.com/node/1673916/saudi-arabia

https://www.cbsnews.com/news/crude-oil-prices-slump-could-cost-texas-1-million-jobs-this-year-alone/

 

ตอนนี้ รัฐบาลทั่วโลก “ร้อนเงิน” ต้องการเงิน เงิน เงินเพื่อสู้วิกฤติ และเงินที่ ‘ใช้’ ได้คล่องสุด ‘หา’ ได้คล่องสุด ก็ไม่มีใดเกิน ดอลลาร์แห่งสหรัฐอเมริกา! ต้องรีบตะคุรบด่วน ก่อนจะสายเกินการณ์!จึงไม่แปลกที่เดือน เม.ย. ที่เพิ่งพ้นไปนี้ ชาติกำลังพัฒนาทั้งหลายแหล่ในโลก กู้เป็นดอลลาร์ รวมกันทั้งหมด 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์!

.

กู้โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล ใครมาซื้อก็คือให้กู้นั่นเอง แล้วรัฐบาลก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆไป พอพันธบัตรหมดอายุเมื่อไหร่ รัฐบาลก็คืนเงินด้วยการซื้อพันธบัตรคืนจากคนให้กู้

(ซึ่งก็ต้องระวัง ถ้าเราโลภดอกสูงๆ กล้าเสี่ยงไปซื้อของเวเนฯ ของอาร์เจนฯ ก็จบเห่ ลาภหายเลย เพราะตอนนี้ พวกนี้ไม่มีปัญญาจ่ายทั้งดอกทั้งเงินต้น)

.

ยิ่งกู้เยอะ กู้เข้าไปๆๆ ก็ยิ่งสะท้อน ‘ความกระหาย’ ใคร่ได้ดอลลาร์ ส่งให้ดอลลาร์ยิ่งแข็งโป๊กๆๆ

เท่ากับว่าพวกนี้มาช่วยดันดอลลาร์เอง โดยที่อเมริกาไม่ต้อง ‘ลงแรง’ ทำอะไรด้วยซ้ำ … ก็ช่วยไม่ได้ อย่างที่โดนัลด์ ทรัมป์โวน่ะแหละ

“ใครๆก็กระโจนเข้าหาความมั่นคงของประเทศเรา” โดยเฉพาะในยามที่โลกกำลังสั่นคลอน เกาะยึดดอลลาร์ไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ใช่ไหม?

…ตอนวิกฤติน่ะใช่แน่นอน แต่จบวิกฤติเมื่อไหร่ … คงต้องว่ากันอีกที

.

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อเติม “สภาพคล่อง” ให้รัฐบาลทั่วโลก แบงค์ชาติอเมริกา (เฟด) ก็เมตตาการุณย์ ด้วยการเปิดช่องให้แบงค์ชาติอื่นสามารถนำพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ท่านถือครองไว้ มาสับเปลี่ยนเป็นดอลลาร์ได้!!! (swap)

นี่ไงเห็นไหม สิทธิประโยชน์ของการเป็นเจ้าหนี้อเมริกา ค่ายมือถือมีโปรโมชั่น “ใจดีแลกวัน” ทางเราก็มี “ใจดีแลกเงิน (สด)” ครับท่าน

ยิ่งกระตุ้นความกระสันปรารถนาได้ดอลลาร์อีกทาง

.

แล้วจีนล่ะว่าไง … ก็ต้องกระตุ้นให้นานาชาติมาใช้เงินหยวนหน่อยสิ

ไม่เข้มงวดอย่างแต่ก่อน เปิดอ้าซ่าให้ต่างชาติเข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ออกเป็นเงินหยวน

เดือน เม.ย. ซัดไป ตีเป็นเงิน 7 พันล้านดอลลาร์ … จะเห็นว่าเทียบกันแล้ว ห่างไกลจากอเมริกาในบรรทัดข้างต้นมาก ก็จีนออกเป็นหยวนเพียงประเทศเดียวนี่ ประเทศที่ไหนในโลกจะออกเป็นหยวนตามล่ะ ไม่เหมือนดอลลาร์ของอเมริกา ที่ชาติไหนๆจะขายพันธบัตร ก็ขายเป็นดอลลาร์ทั้งนั้น

ใช้ง่ายจ่ายคล่องกว่ากันแยะ

ตอนนี้คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อนาคตเล่า จีนวางแผนหาทางแก้จุดนี้หรือยัง?

ไว้วันหน้าจะมาแจกแจง!

---

หมายเหตุ

กู้ด้วยการขายพันธบัตรแบบนี้ เรียกว่า “หนี้สาธารณะ” … แปลว่าอะไร? แปลว่าไพร่ฟ้าหน้าใสพร้อมใจเป็นหนี้กันถ้วนทั่วทั้งประเทศจ้ะ เหมือนสวนสาธารณะเป็นของประชาชนทุกคนยังไงยังงั้น หนี้สาธารณะก็เช่นกันจ้ะ

อ้าว! เราไม่ได้สมัครใจซะหน่อย ทำไมประชาชนต้องมาร่วม “แบกภาระ” นี้ด้วยการตัดสินใจของคนไม่กี่คนข้างบนนั้น?

อืมม์ ก็เหมือนสวนสาธารณะน่ะแหละ เขาอยากสร้างก็สร้าง ถ้าเราไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องใช้ แต่เราไม่มีสิทธิปฏิเสธไม่ให้มันมี! เราจึงเป็นหนี้โดยดุษณีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยนะจ๊ะ

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-13/dollar-reigns-supreme-during-virus-with-yuan-stuck-in-shadows?sref=mu7Gtsbe

 

ศึกชิงเอกสาร ‘กุมชะตา’ คดี “หัวเว่ย” สะท้านโลกันตร์!!!

อัยการศาลสหรัฐอเมริกาที่ฟ้อง “หัวเว่ย” ข้อหาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ชี้เอกสารสำคัญ 21,000 หน้าที่ “หัวเว่ย” งัดมาเป็นหลักฐานใช้สู้คดีที่ศาลสหรัฐอเมริกา ไม่อาจเผยแพร่ออกนอกประเทศแห่งเสรีภาพนี้เป็นอันขาด!

นอกเหนือจากทนายชาวอเมริกาที่แก้ต่างให้ “หัวเว่ย” แล้ว … ห้ามให้ผู้ใดเห็นมันอีก เพราะมัน “อันตราย” ยิ่งยวด! --- บริษัทโทรคมนาคมจากแดนมังกรเจ้านี้ เจาะ “ข้อมูลลับ” สุดแสน “เซนซิทีฟ” ของอเมริกา หากเผยออกไปล่ะก็ เท่ากับเปิด ‘โล่งโจ้ง’ ชัดแจ้งจางปางให้ศัตรูกระซวกไส้ได้เลย!

.

ลั่นแจกแจง หากตกไปอยู่ใต้เงื้อมมือพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้ว ต้องเอาไป “ใช้ในทางที่ผิด” แน่

สรุป ห้ามเอกสารนี้ออกนอกแผ่นดิน สายตามันผู้ใดที่มิใช่อเมริกามาเห็นเข้า ต้องถูกควักลูกตาสังเวย!

---

“หัวเว่ย” แย้งเสียงแข็ง! ถ้าไม่ให้ “คนจีน” ชำแรกมาดูเอกสาร แล้วใครจะช่วยแก้ให้หลุดคดี! ทนายที่เป็น “คนอเมริกา” หน้าไหนมันจะดิ้นช่วยให้เต็มที่ --- แบบนี้ เท่ากับ ‘ตัดแขนตัดขา’ กันนี่หว่า!

คดีนี้แรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เดิมที่ฟ้องตอนปี 2019 ก็หนักอยู่แล้ว ทั้งบริษัทและทั้งตัวลูกสาวเจ้าสัว โดนเรื่องละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านก็นับว่าไม่ใช่เล่น … แล้ว ก.พ. ปีนี้ โดนเข้าไปอีกเต็มเปา ข้อหา “สมคบคิด” ขโมยสินทรัพย์ทางปัญญาจากบริษัทในอเมริกาอีก … สาหัสสากรรจ์!

---

มีพิรุธ?

สำนักข่าว นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า อดีตลูกจ้าง “หัวเว่ย” 5 คน ถูกทางการจีนยัดเข้าคุก หลังล้วง “แชต” ในไลน์ฉบับจีน (WeChat) ของกลุ่มนี้ พบว่ามีการคุยกันว่า “มีของเด็ด แฉหัวเว่ยขายของให้อิหร่านได้” … ลงท้ายเลยได้ไปนั่งพับเพียบเด็ดดอกหญ้าในตารางกันทั้งยวง

หากเป็นจริงว่าจีนยื่นมือเข้ามา “แทรกแซง” เรื่องของ “หัวเว่ย” เยี่ยงนี้ … ฉะนั้นแล้ว เอกสารข้อมูลลับ ยิ่งต้องปกป้องอย่างมิดชิด มิให้รั่วไหลถึงรัฐบาลจีนได้เด็ดขาด

.

“สัมพันธ์ลับ” ของรัฐบาลจีนกับ “หัวเว่ย” มีจริงหรือไม่? “หัวเว่ย” เป็นสาย เพื่อล้วงความลับในต่างชาติ จริงหรือไม่?

หากใช่ ข้อมูลนี้ไยมิใช่อยู่ในอุ้งมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้วหรอกหรือ?

แต่หากมิใช่ จีนจะไปชิงเอกสารนี้มาได้เช่นไร … ไม่ใช่เพื่อรู้ช่องทำลายอเมริกา แต่เพื่อช่วยคนของตัวเองกลับบ้านก่อน

หากไม่ได้เอกสารนี้มา … “หัวเว่ย” จะรอดหรือไม่รอด --- มีทางอื่นอีกไหม???

ลุ้นระทึก

ศึกชิงเอกสารเดือด

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-12/china-can-t-be-trusted-with-sensitive-huawei-papers-u-s-says?sref=mu7Gtsbe

 

5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพุธที่ 13 พฤษภาคมมีดังต่อไปนี้



1. เพาเวลล์ให้คำกล่าวหลังได้รับแรงกดดันจากทรัมป์, จับตาดัชนี PPI
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะให้คำกล่าวจากสถาบันปีเตอร์สันในเวลา 9.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1300 GMT) หนึ่งวันให้หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยลงต่ำกว่าศูนย์เพื่อหนุนเศรษฐกิจ
ในสัปดาห์นี้มีสมาชิกเฟดถึงหกคนแล้วที่ได้ออกมาให้คำกล่าว และยังไม่มีใครที่ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับอัตราดอกเบี้ยจนติดลบเลย ดังนั้นหากประธานเฟดเองออกมาให้คำกล่าวในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับสมาชิกเฟดหลายท่านก็จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
ทว่าแรงกดดันต่อเฟดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI) ของสหรัฐประจำเดือนเมษายนก็ออกมาต่ำลงติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 38 ปี ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่มีกำหนดการรายงานในเวลา 8:30 น. ก็คาดว่าจะต่ำลงเนื่องจากอุปสงค์ที่ทรุดตัวลงเช่นกัน
-----------------------------------------------
2. สภาฝั่งเดโมแครตพยายามดันแผนการใช้งบ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันเฟดคือการที่สภาคองเกรสไม่สามารถ หรือไม่ยินยอม ที่จะใช้นโยบายด้านงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจในระยะสั้น
ช่วงครึ่งหลังของเมื่อวานนี้ สภาสหรัฐได้เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือภาครัฐและการปกครองท้องถิ่นให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์
ทว่ามาตรการครั้งนี้ซึ่งมีงบประมาณมูลค่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐกลับถูกวุฒิสภาปฏิเสธทันที โดย Wall Street Journal ได้รายงานโดยอ้างอิงจากคำกล่าวของที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว เควิน ฮาสเซ็ต ที่ได้กล่าวไว้ว่ารัฐบาลต้องการเฝ้าสังเกตการณ์ก่อนว่าการเปิดเศรษฐกิจของรัฐต่าง ๆ จะผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่
-----------------------------------------------
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนบวก
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวก พลิกฟื้นจากวันที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมแต่ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบราคา
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับขึ้น 153 จุดหรือ 0.7% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.6% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ปรับขึ้น 0.7%
ทว่าตลาดหุ้นยุโรปกลับติดลบ หลังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรประจำเดือนมีนาคมที่หดตัวลงถึง 5.8%
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นจีนส่วนใหญ่รวมทั้งตลาดอินเดียต่างก็เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากนายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่มีมูลค่ามากกว่า 10% ของ GDP เมื่อวานนี้
-----------------------------------------------
4. การคมนาคมฝั่งยุโรปได้รับอิสระอีกครั้ง
เยอรมนีได้ประกาศเปิดพรมแดนฝั่งฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรียตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นไป รวมทั้งผ่อนปรนข้อห้ามเกี่ยวกับการข้ามพรมแดนโดยไม่จำเป็นของบุคคลทั่วไปด้วย โดยทางการเยอรมนีได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะคืนอิสรภาพด้านการเดินทางทั่วทั้งยุโรปให้ได้ภายในวันที่ 15 มิถุนายน
ความคืบหน้าครั้งนี้ตามมมาหลังจากยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะออสเตรเลียและฝรั่งเศสที่เร่งยกเลิกข้อจำกัดให้ทันก่อนถึงฤดูท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อน
แต่เหตุการณ์ในประเทศจีนกลับมีทิศทางตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง หลังมีการประกาศล็อกดาวน์เมืองจี๋หลินที่อยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอีกครั้งเนื่องจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนหนึ่ง
-----------------------------------------------
5. รายงานจากกลุ่ม OPEC, ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐจาก EIA
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC จะเผยแพร่รายงานสภาพตลาดน้ำมันรายเดือนในเวลาประมาณ 7.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ซึ่งจะเผยมุมมองเกี่ยวกับอุปสงค์อุปทานทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้สหรัฐก็จะเผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐรายสัปดาห์อย่างเป็นทางการในเวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออกด้วย
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงเกือบ 1% หลังสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาคาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐของสัปดาห์ที่แล้วจะสูงขึ้นมากกว่าที่คาดไว้
https://th.investing.com/news/economy/article-20508?fbclid=IwAR3EPOFr5aHdoMjDqY7PGZ0p3AkYFgkCAvjuzeTYOMo6Br1uyUDvx_ZfYc4

 

3 ประเด็นหลักฝั่งอเมริกา ที่น่าจับตาประจำวันนี้ (14 พ.ค.)



1. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกคาดว่าจะลดลงจากสัปดาห์ก่อน
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐประจำสัปดาห์ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก คาดว่าจะออกมาเท่ากับ 2.5 ล้านราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มียอดผู้ขอรับสวัสดิการ 3.17 ล้านราย
สัปดาห์นี้นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs (NYSE:GS) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการว่างงานสูงสุดของสหรัฐจาก 15% เป็น 25%
2. Applied Materials รายงานผลประกอบการ
กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีสูญเสียแรงส่งขาขึ้นบางส่วนในสัปดาห์นี้ แต่ในวันนี้จะมีการรายงานผลประกอบการจากบริษัทผู้ผลิตชิพซึ่งอาจช่วยให้ผู้ลงทุนเห็นภาพตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Applied Materials (NASDAQ:AMAT) จะรายงานผลประกอบการหลังเวลาตลาดปิด
เมื่อวันจันทร์ B. Riley FBR ได้ปรับเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัทจาก $53 เป็น $56 ขณะที่ยังคงเฝ้าสังเกตทิศทางของผลประกอบการที่จะรายงานออกมา
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่า Applied Materials จะทำ ผลกำไร ได้ 94 เซนต์ต่อหุ้นและคาดว่าจะมีรายได้ 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทได้ยกเลิกการเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม
3. สมาชิกเฟดออกมาให้คำกล่าวอีก
ในเวลา 13:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (17:00 GMT) ประธานเฟดประจำมินนิอาโปลีส นายนีล คัชคารี จะร่วมอภิปรายเกี่ยวกับ "เศรษฐกิจและสาธารณสุขเข้าสู่ภาวะวิกฤต"
ในเวลา 18:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (22:00 GMT) ประธานเฟดประจำดัลลัส นายโรเบิร์ต แคปแลน จะเข้าร่วมการอภิปรายหมู่และตอบคำถามร่วมกับเทศมนตรีดัลลัส นายเอริค จอห์นสัน

https://l.facebook.com/l.php?u=http...FsQWQcbpJerRUGMybdTkB528s4lMJrvD71ck-WIEJFZog

 

ตลาดหุ้นสหรัฐยังลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันหลังความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และหลายๆฝ่ายยังคงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ #เป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตามอง

เรียกได้ว่ายิ่งเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งนั้นน้อยลงไปทุกทีก็ยิ่งบีบและกดดันทรัมป์เข้าไปเรื่อยๆในการพยายามหาทางออกให้ประเทศสหรัฐในระยะเวลาอันสั้น... จนทำให้ทรัมป์กำลังสร้างศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ และนักลงทุนเริ่มกลัว

เรื่องราวมีคร่าวๆอย่างนี้ครับ

ทรัมป์ได้ทวีตขอให้ #FED ลดอัตราดอกเบี้ยติดลบให้เป็นของขวัญ

ผ่านไปเพียงวันเดียวทางประธาน FED ออกมาแถลงว่าคงไม่มีของขวัญนี้ในเร็ววันแน่ๆ และทางรัฐบาลทรัมป์ต้องเร่งมือในการควบคุมโรคระบาดอย่างเร่งด่วน เพราะเครื่องมือทางการเงินต่างๆที่ใช้จะเป็นเพียงแค่การซื้อเวลา ไม่ใช่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง

ทรัมป์เร่งให้รัฐต่างๆกลับมาเปิดประเทศให้เร็วที่สุด

Dr. Anthony #Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องไวรัสระบาดของสหรัฐมากที่สุดแล้ว ต้องถึงกับให้ความเตือนสภาสหรัฐว่าหากเปิดประเทศเร็วไปอาจเกิดหายนะได้ และยังมีผู้เชี่ยวชาญอื่นๆอีก 3 ท่านที่ขึ้นให้ความเตือนกับสภาด้วย สร้างความพอใจให้กลับทรัมป์มากๆ จนถึงกับออกมากล่าวว่า "ไม่เห็นด้วยกับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้"

ทรัมป์ยังโกรธจีนไม่หาย และพอนักข่าวถามจี้...

เมื่อวันก่อนมีนักข่าวถามทรัมป์ในงานแถลงการณ์ว่า "ทำไมถึงชอบบอกว่าประเทศเรามีเครื่องตรวจวัดไวรัสมากที่สุดในโลก ? ทำไมถึงต้องมองว่าเรื่องนี้เป็นการแข่งขันทั้งๆที่กำลังมีคนล้มตายอยู่มากมาย ?"

ทรัมป์ตอบกลับไปว่า "ให้คุณไปถามจีนเพราะเขาเป็นคนปล่อยไวรัส อย่ามาถามผม" สร้างความไม่พอใจให้กับนักข่าวคนอื่นๆด้วยจนทุกคนพยายามถามจี้ทรัมป์... จนทรัมป์ต้องเดินออกไปจากการแถลงการณ์แบบดื้อๆ

แต่ทรัมป์ก็ยังโมโหจีนไม่หาย จนกล่าวว่า...

"ต่อให้เราทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนได้อีก 100 ฉบับ ก็ไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงการที่ต้องมีผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก" ทรัมป์ยังพยายามโยงว่าจีนเป็นผู้ปล่อยไวรัสออกมาตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงหลักฐานที่บอกว่ามีอยู่ให้ใครเห็น

อย่างที่เราเขียนมาเรื่อยๆว่าความเสี่ยงที่สูงที่สุดของตลาดตอนนี้คือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน แต่ดูเหมือนว่าความเสี่ยงนั้นจะไม่ได้มีแค่จีนอย่างเดียวแล้วแต่กลับเป็นความขัดแย้งกับคณะทำงานหลายๆฝ่ายในสหรัฐที่ #เริ่มไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างๆของทรัมป์ ความเสี่ยงนี้จะยิ่งทำให้ทรัมป์บริหารยากขึ้นไหมในช่วงโค้งสุดท้าย

หากมองทางเทคนิคแล้วตลาดหุ้นสหรัฐก็ดูเหมือนจะเช้าช่วงพักฐาน

ทั้งดัชนี Dow Jones และ S&P ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ครึ่งทางจากจุดต่ำสุดของปีเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดเหตุไวรัสระบาด ทำให้หลายๆฝ่ายค่อนข้างปละหลาดใจ เพราะไวรัสยังคงระบาดอยู่เรื่อยๆและคนตกงานก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและยังไม่ได้กลับมาทำงานกันเร็วๆนี้แน่ และเศรษฐกิจจะโตขึ้นได้อย่างไร ?

นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองว่าหุ้นสหรัฐนั้นยังแพงไปอยู่ในขณะนี้ ทำให้น่าสนใจว่ารอบนี้ตลาดจะโดนเทขายลงไปทดสอบได้ถึงระดับไหน ? จะลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของปีได้หรือไม่หากไม่ได้เกิดการระบาดรุนแรงจนถึงขึ้นต้องปิดเมืองอีกครั้ง ?

สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามองตัว

1) ติดตามตัวเลขคนตกงานในสหรัฐคืนนี้ (Initial Jobless Claim) เวลา 19.30น. ว่าจะมีคนตกงานมากขึ้นเท่าไหร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดคาดว่าจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านคน ลงมาจากระดับ 3.17 ล้านคนในสัปดาห์ก่อน

2) ติดตามเรื่อง #เงินช่วยเหลือฉุกเฉินของรัฐบาลทรัมป์ ! เพราะล่าสุดที่มีการคุยเรื่องอัดฉีดเงินอีก 3 ล้านล้านเหรียญแต่ทาง Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐกลับบอกว่ารัฐบาลคิดว่า "เราไม่ต้องการอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นแล้วเพราะเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเราไม่รีบร้อน !"

จับตาดูว่าการมองโลกในแง่ดีขนาดนี้จะส่งผลเป็นบวกหรือลบต่อตลาดกันแน่ครับ

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#OilTradingKP

 

พิษโควิด! มิตซูบิชิ เปิดโครงการสมัครใจลาออก ชดเชยสูงสุด 35 เดือน - นิสสันโละ พนง.300 คน #เรื่องเล่าเช้านี้

โควิด-19 พ่นพิษ อุตสาหกรรมรถยนต์กระทบหนัก ยอดขายรถยนต์ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท มิตซูบิชิ ประกาศโครงการสมัครใจลาออก เพื่อปรับลดจำนวนพนักงาน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นพนักงานประจำ ที่มีอายุงานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป มีอายุน้อยกว่าหรือเทียบเท่า 54 ปี และพนักงานที่จะเกษียณอายุในปี 2563 จะไม่มีสิทธิ์ โดยจะให้เงินช่วยเหลือตามแต่ละช่วงอายุพนักงาน และอายุการทำงาน ซึ่งจะได้เงินช่วยเหลือ 8-35 เดือน

ขณะที่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับพนักงานสัญญาจ้าง 300 คน จากจำนวน 1,900 คน และได้ประกาศโครงการสมัครใจลาออก ทั้งนี้ ขณะนี้นิสสันผลิตแค่โรงงานฝั่ง กม.21 ส่วนโรงงานแห่งที่ 2 หยุดผลิตถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยบริษัทยังคงจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานตามกฎหมาย

ชมผ่านยูทูปได้ที่ :

https://ch3thailandnews.bectero.com/news/187976

 

ศาลสูงมินิโซต้าให้แก้ชื่อทะเลสาบเป็นชื่อเดิม

ศาลสูงของรัฐมินนิโซตาสหรัฐอเมริกาอนุญาตตามคำร้องให้เปลี่ยนชื่อทะเลสาบจากชื่อ Calhoun
ไปใช้ชื่อดั้งเดิมคือ Dakota
โดยชื่อCalhoun ตั้งตามนักการเมืองและรัฐบุรุษ John C. Calhoun ซึ่งได้รับตำแหน่งสูงสุดเป็นรองประธานาธิบดีและเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันการเลิกทาส และชื่อนี้ใช้มาทั้งสิ้นกว่า 40 ปี
ในปี 2018 ได้มีการเรียกร้องจากชนพื้นเมืองให้เปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม
แต่การเรียกร้องก็มีคนต้านเนื่องจากมองว่าพวกเขาใช้ชื่อ Calhoun
มากกว่า 40 ปีแล้วอย่างไรก็ดีการพิจารณาทางศาลได้ตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อดั้งเดิมคือ Dakota เคยมองว่าการใช้ชื่อ Calhounเป็นการเรียกฝ่ายเดียวของคนผิวขาวในยุคนั้นแล้วใช้ต่อเนื่องมายังปัจจุบันโดยไม่สนใจชื่อดั้งเดิมที่คนพื้นเมืองเรียกและมองว่าคำพิพากษานี้เป็นการเยียวยาคนพื้นเมือง

https://thehill.com/homenews/state-...LJrHEVf9I7Jb59xSjDDRzDiHF10X4M48sb0Xj6ji1HECM

 

เรียว มิยาเกะ #RyoMiyake นักกีฬาฟันดาบเหรียญเงินโอลิมปิกชาวญี่ปุ่นใช้เวลาช่วงที่โอลิมปิคถูกเลื่อน ขี่จักรยานส่งอาหารเลี้ยงตัวเองหลังจากเขาแจ้งสปอนเซอร์ของดรับเงินสนับสนุนช่วง #โควิด19 เพราะไม่รู้จะได้ซ้อมหรือแข่งเมื่อไหร่



โดยตอนนี้เขามุ่งมั่นที่จะทำงาน มันทำให้เขารู้สึกดี เชากล่าวว่า
“I see how much I am earning on the phone, but the number is not just money for me. It’s a score to keep me going.”
"ตอนเห็นยอดเงินโชว์ในโทรศัพท์ ไม่ใช่ว่าเงินมากแค่ไหน แต่นี่คือสกอร์ที่เขาอยากสะสมเพื่อก้าวไป"

https://unseenjapan.com/from-medals...6M4Zf-HojfPrchaXR7B7Nz-bI_E210CDjTZa7tEIvEd50

 

สิงคโปร์ปิดเทอร์มินอล 4 น้ําตกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่มีกำหนด
.
เนื่องจาก การล่มสลายของการบินทั่วโลกจากโควิด19 ทำให้สิงคโปร์ทยอยปิดปิดเทอร์มินอล ของสนามบินชางฮีโดยเริ่มจากปิดเทอร์มินอล 2 และวันนี้ได้ติดเทอร์มินอล 4 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทอร์มินอลที่ดังไปทั่วโลกจากน้ำตกในร่ม
โดยปัจจุบันสิงคโปร์จะใช้เพียงเทอร์มินัล 1 และเทอร์มินอล 3 ในการรับเที่ยวบินต่างๆเท่านั้น ส่วนกำหนดการจะเปิดเทอร์มินอล 4 อีกครั้งเมื่อไหร่นั้นคงต้องดูสถานการณ์อีกที

 

จักรยานจากเงินเยียวยา 5000 บาท
.
ชายคนหนึ่งตกงานจากร้านเกมส์ที่ถูกสั่งปิดเพราะการระบาดของโควิด 19 เขาได้นำเงินที่ได้รับจากการเยียวยา 5000 บาทไปซื้อจักรยานแล้วรับส่งอาหาร เขาสามารถทำรายได้ได้วันละ 500-1000 บาท
เขาอาจจะเรียกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ใช้เงินเยียวยา 5000 บาทที่คุ้มค่าที่สุดคนหนึ่ง

 

ซาอุฯยังคงเคอร์ฟิวในช่วงรายอฯ(วันหยุดใหญ่)

ซาอุดิอารเบีย ประกาศว่าจะยังคงเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดอิดิลฟิตตี้ โดยวันหยุดดังกล่าวถือเป็นวันหยุดใหญ่ของมุสลิมทั่วโลกเป็นวันสิ้นสุดการถือศีลอด
โดยตอนนี้หลายประเทศ มุสลิมได้เริ่มประกาศแล้วว่าจะยังคง เคอร์ฟิวและล็อคดาวในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนซาอุฯ ยังคงมีผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่ม แม้จะประกาศเคอร์ฟิวไปแล้วโดนญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่าแม้จะมีการห้ามละหมาดที่มัสยิดแต่ก็ยังคงมีการจัดเลี้ยงอาหารร่วมกันในช่วงเวลาละศีลอดทำให้เกิดการรวมพลอยู่ดีจึงไม่สามารถระงับการระบาดได้

https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/...VCvV1HgEh8zPwpBSr1sPZNu3NxDNFV5enWy9MTB7Hv5yQ

 

คัดข่าว


ภาพหายาก
.
ไมก์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาสวมหน้ากากอนามัยลายธงชาติอเมริกัน ในขณะที่เขาเยือนอิสราเอลเพื่อคุยกับนายกอิสราเอล
ภาพนี้กลายเป็นพิเศษเนื่องจากทีมงานของคณะแพทย์ไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยเลยรวมถึงตัวทรัมป์
#Israel #coronavirus

 

นักซูโม่วัย 28 ปีกลายเป็นนักซูโม่อาชีพคนแรกในญี่ปุ่นที่เสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

สมาคมซูโม่แห่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า โชบูชิจากค่ายซูโม่ทากาดางาวะเสียชีวิตในวันพุธที่ 13 พฤษภาคมเนื่องจากการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว หลังป่วยเป็นโรคปอดอักเสบซึ่งเกี่ยวเนื่องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทางสมาคมระบุว่า โชบูชิได้แจ้งว่ามีไข้ รู้สึกอ่อนเพลีย และหายใจติดขัด จากนั้นก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 8 เมษายน ต่อมาตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสดังกล่าว
เมื่อวันที่ 9 เมษายน อาการของเขาทรุดลงและต้องเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก
ทั้งนี้ โชบูชิอยู่ในระดับชั้นสูงสุดอันดับ 4 ของซูโม่อาชีพญี่ปุ่น
ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

#ทรัมพ์vsฟาวซีกับความเห็นที่สวนทาง
#ฤาถึงคราวแตกหัก

หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ด็อกเตอร์แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าหน่วย ศบค. แห่งสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดอันดับต้นๆของประเทศ ได้ให้คำแถลงการณ์ผ่าน Video Conference กับสภาสูง เกี่ยวกับสถานการณ์ Covid-19 ในสหรัฐ และให้ความเห็นของเขาในมุมมองของเขา ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดไปแล้ว

และก็เป็นดังที่หลายคนคาด ด็อกเตอร์ฟาวซี ให้ความเห็นขัดแย้งกับการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดเมืองอย่างเร็วที่สุดของท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ หรือ เสี่ยอ่างของเรา

ด็อกเตอร์ฟาวซีเตือนว่า การระบาดอาจกลับมารุนแรง จนถึงขั้นควบคุมไม่ได้ ถ้าเราเปิดเมืองเร็วเกินไป โดยไม่มีขั้นตอนที่เหมาะสม โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียนในช่วงเทอมฤดูใบไม้ร่วง เป็นความเสี่ยงที่อันตรายยิ่ง และยังกล่าวทำนองว่า อย่าเพิ่งไปคาดหวังมากเกินไปว่าเราจะได้วัคซีนใช้ทันในปีนี้

ถ้อยแถลงของด็อกเตอร์ฟาวซี สวนทางกับความตั้งใจของเสี่ยทรัมพ์โดยสิ้นเชิง เหมือนไม่ได้คุยกันมาก่อน ตอกย้ำกรายๆว่า ทีมของเสี่ย กับทีมของด็อกเตอร์ ไม่น่าจะทำงานกันได้ราบรื่นนัก

เมื่อเดือนก่อน มีข่าวลือว่า เสี่ยทรัมพ์ คิดจะปลด ด็อกเตอร์ฟาวซี เพราะแกไปรีทวิตข้อความที่ติดแฮชแท็ก #Firefouci แนบไปกับข้อความทวิตเตอร์ของแกด้วย แต่ทางทำเนียบขาวก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีอะไรในก่อไผ่ เสี่ยแกแค่ทำปืนลั่นเฉยๆ

แล้วต่อมาก็มีข่าวว่า เสี่ยเตรียมจะยุบหน่วย Task Force หรือ ศบค. แห่งสหรัฐ ลดบทบาทแล้วเก็บด็อกเตอร์ฟาวซีไปเข้ากรุ แต่พอมีกระแสคัดค้าน โจมตีรอบทิศ ทรัมพ์ก็ออกมาทวิตยื่นยันว่าจะไม่ยุบ ศบค. จะให้ทำงานตลอดไม่มีกำหนดเลยจร้า

และเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ด็อกเตอร์ฟาวซีจะมีคิวแถลงในสภาสูง ก็ยังมีข่าวว่า เสี่ยอ่างสั่งให้บล็อกตัวด็อกเตอร์ไม่ให้เข้าไปแถลงความเห็นในที่ประชุมวุฒิสภา เพราะเสี่ยแกรู้อยู่แล้วว่าท่านด็อกเตอร์ คงไม่ไว้หน้าเสี่ยในสภาอย่างแน่นอน

แต่มันก็จะแปลกๆไหม ถ้าคนระดับหัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจ Covid แต่ไม่ให้ไปแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับ Covid ในสภา? และอย่างน้อย ในสภาสูง ทางฝั่งรีพับลิกันยังคุมเสียงข้างมากอยู่ ขนาดคดีถอดถอน เสี่ยยังรอดมาได้เลย กับแค่งานแถลงของด็อกเตอร์ คงไม่ได้มีผลกับนโยบายของเสี่ยขนาดนั้นหรอกมั้ง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความเห็นของด็อกเตอร์ฟาวซี ก็ยังมีผลต่อความเห็นของชาวอเมริกันอยู่มาก และสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า โดยรวม ก็ยังดูไม่ดีจริงๆ

และวันนี้ เสี่ยทรัมพ์ ผู้ไม่ยอมถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียว ออกมาแล้วค่า โดยเสี่ยแกได้ตอบโต้คำแถลงของด็อกเตอร์ ฟาวซีไว้ว่า

"I was surprised by his answer, actually, because, you know, to me it's not an acceptable answer, especially when it comes to schools"

"ผมเซอร์ไพรซ์มากเลยนะกับคำตอบของท่านด็อกเตอร์ เพราะ อย่างที่พวกคุณก็รู้ สำหรับผมแล้ว มันเป็นคำตอบที่รับไม่ได้ โดยเฉพาะความเห็นเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียน"

หมายถึงคือความเห็นของด็อกเตอร์ที่แนะนำว่ายังไม่ควรเปิดโรงเรียนในเทอมที่จะถึงนี้ เพราะเสี่ยงจะเกิดโรคระบาดรอบ 2 และอาจเกิดความสูญเสียที่คาดไม่ถึงหรือคะ?

เรื่องประเด็นโรงเรียนอาจจะเป็นข้ออ้างที่ดูซอฟท์หน่อยของเสี่ย แต่เป้าหมายหลักของการเปิดเมือง และเปิดโรงเรียนคือ ต้องการเดินหน้าเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาปัญหาการว่างงานของชาวอเมริกัน ที่ทะยานขึ้นไปถึง 30 ล้านคนแล้วในตอนนี้ และยังไม่นับภาคธุรกิจ ที่เข้าคิวรอเจ๊งกันอีกเท่าไหร่ ซึ่งเสี่ยแกก็บอกว่า

"ผู้คนเขาอยากให้เปิดเมือง เขาเรียกร้องกันอยู่คุณไม่เห็นหรือ พวกเด็กๆอยากไปโรงเรียน คนอเมริกันต้องการกลับไปทำงาน เราจะปิดเมืองได้ถึงเมื่อไหร่กัน"

"Will something happen? Perhaps. But you can be driving to school and something can happen, too."

"ถ้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น บางทีนะ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนั้นแหละ แม้แต่ตอนที่กำลังขับรถไปโรงเรียนเฉยๆก็ตาม"

จากความขัดแย้งกันระหว่างทรัมพ์ และด็อกเตอร์ฟาวซี ก็ลากยาวไปถึงเรื่องการเมือง ทีมเชียร์ ทีมแช่ง ก็แบ่งพวกให้เสร็จสรรพ

โดยฝ่ายสนับสนุนด็อกเตอร์ฟาวซี ก็มักเป็นชาวเดโมแครต ที่จะตอบโต้นโยบายเปิดเมืองของเสี่ย โดยยกความเห็นของ ด็อกเตอร์ฟาวซีมาเป็นบรรทัดฐาน และถากถางไม่เลิกกับวลีปล่อยไก่ยกเล้าของเสี่ย อย่างล่าสุด ผู้ท้าชิงเก้าอี้เจ้าเมืองมะกันของเดโมแครต อย่าง โจ ไบเดน ออกมากล่าวว่า

"ถ้าเป็นคุณ จะเชื่อใครหล่ะครับ ระหว่างคนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะทาง เป็นที่ปรึกษาให้กับประธานาธิบดีมาแล้วถึง 6 ท่าน กับอีกคน ที่แนะนำให้คุณไปฉีดน้ำยาฆ่าเชื่อโรคเข้าตัว แล้วออกไปตากแดดเพื่อป้องกันไวรัสโคโรน่า"

ส่วนทีมทรัมพ์ ก็ออกมาโจมตีด็อกเตอร์ฟาวซี ถึงเบื้องหลังการให้ข้อมูลอันน่าสงสัย คุยกันในทีมรัฐบาลอย่างหนึ่ง แต่ไปพูดออกสื่ออีกอย่างหนึ่ง บางคนเลยเถิดไปถึงขั้นว่า ท่านด็อกเตอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับมีอิทธิพลต่อรัฐบาลอย่างไม่มีกำหนดเวลา ตราบใดที่ประเทศยังอยู่ในสถานการณ์อันไม่ปกติ ที่ไม่รู้ว่าจะกินเวลาอีกยาวนานเท่าไหร่ ซึ่งผิดหลักประชาธิปไตย เอ้า! ว่าไปโน่น!

ดังนั้น ปัญหาของสหรัฐที่เห็นชัดๆในตอนนี้ คือการไม่ประนีประนอม หาจุดร่วมตรงกลางที่พร้อมจะจับมือเดินร่วมกันไม่ได้ แถมดันมาใกล้เลือกตั้งใหญ่ด้วย หยิบจับอะไร เป็นประเด็นการเมืองเพื่อหาเสียงไปหมด ซึ่งคำว่า "อะไร" นี้มันก็แลกกับนาทีชีวิต และความเดือดร้อนของประชาชนในประเทศเสียด้วย

ก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ท่านด็อกเตอร์ฟาวซี จะพ้นระยะกักตัว 14 วัน กลับมาทำงานต่อที่ทำเนียบขาว กับเสี่ยอ่าง จะมองหน้ากันอย่างไร หรือจะกลายเป็นเสือ 2 ตัวอยู่ทำเนียบเดียวกันไม่ได้หรือไม่ ก็ไม่รู้นะค้า

แหล่งข้อมูล

https://www.nbcnews.com/politics/white-house/trump-criticizes-fauci-s-senate-testimony-not-acceptable-answer-n1206481

https://edition.cnn.com/2020/05/14/politics/donald-trump-anthony-fauci-science-coronavirus/index.html

https://edition.cnn.com/2020/05/12/politics/anthony-fauci-congress-hearing/index.html

https://edition.cnn.com/2020/05/13/politics/donald-trump-anthony-fauci-schools-reopening/index.html

 

#ประธานาธิบดีบราซิลผู้ไม่หลั่งน้ำตาให้โลงศพ
#บราซิลยอดCovidพุ่ง
#เสียชีวิตเพิ่มมากกว่า800คนในวันเดียว

และแล้วก็เป็นอย่างที่หลายคนคาดการณ์ว่า บราซิลจะกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หลังจากยอดผู้ติดเชื้อผ่านเส้นแนวต้านของจีนไปแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อไปไกลถึง 177,589 คนแซงหน้าเยอรมัน เป็นที่เรียบร้อย และคิดว่าไม่เกินพรุ่งนี้ คงแซงฝรั่งเศสขึ้นไป กลายเป็นอันดับ 6 ของโลก

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตก็ยังสูงมาก ล่าสุดรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 881 ราย ภายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พีคไม่ต่างจากอิตาลี และสเปน ในช่วงเกิดวิกฤติหนัก

ถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศยังสูงมาก แต่ท่านประธานาธิบดีบราซิล ชาร์อี บอลโซนาโร ก็ยังชิลล์ เซ็นคำสั่งให้ผู้ว่าการรัฐในแต่ละเมืองต้องเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ตามนโยบาย "เศรษฐกิจ นำ Covid" ของแกให้ได้

จึงเกิดเสียงคัดค้านจากผู้ว่าการรัฐบางแห่งในบราซิล ที่ไม่เห็นด้วย แถมท่านชาร์อี แกระบุให้สถานบริการเช่น ร้านเสริมสวย สถานสุขภาพ และฟิตเนส เข้าประเภทในกลุ่มธุรกิจที่จำเป็น สามารถเปิดให้บริการได้อีกด้วย

พอมีเสียงคัดค้านมาจากรัฐบาลท้องถิ่นประจำรัฐ ที่เห็นว่าจะผ่อนคลายมาตรการถึงขนาดนั้นไม่ได้ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังควบคุมไม่ได้

ฝ่ายท่านชาร์อี เจ้าเมืองแซมบ้าแกก็ไม่ยอม ยืนยันว่านี่คือคำสั่งประธานาธิบดี ออกเป็นข้อกำหนดมาแล้ว พร้อมทั้งท้าว่า ถ้าผู้ว่าคนไหนไม่พอใจ ให้ไปฟ้องที่ศาลปกครองเอา

แล้วก็มีผู้ว่าการรัฐ กว่า 10 คน รับคำท้า เตรียมยื่นฟ้องต่อต้านคำสั่งประธานาธิบดีผ่านศาลปกครองแล้วเหมือนกัน

เป็นเรื่องที่สุดแสนจะวุ่นวายปวดหัว กับการเมืองเรื่องในบ้านของบราซิล ที่วิกฤติ Covid-19 ก็ว่าหนักอยู่แล้ว ยังมีความแตกแยกอย่างรุนแรงในการบริหารราชการแผ่นดินอีก และปัญหาก็เกิดจากความเข้าใจเรื่อง "ไข้หวัดจิ๊บๆ" ของประธานาธิบดี ชาร์อี นั่นแหล่ะ

ด้วยความชิลล์ ของแก ไม่ออกคำสั่งเคร่งครัดเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม ออกมาเดินถนนแบบไม่ใส่หน้ากาก ไม่สวมเครื่องป้องกัน เพียงแค่อยากโชว์ว่าตัวแกเจ๋ง ไม่กลัวไข้หวัด สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในเรื่องการป้องกันตัวเอง ไม่ฟังคำหมอ ไม่สนใจนโยบายสาธารณสุข ห่วงแต่ตัวเลขเศรษฐกิจ การค้า แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 มากมายราวใบไม้ร่วงก็ตาม

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ปัจจุบันนี้ ในบราซิล มีตัวเลขการตรวจเชื้อที่ค่อนข้างช้ามากจนน่าตกใจ ในรอบ 3 เดือนที่เกิดการระบาด Covid-19 ในประเทศ บราซิลสามารถสรุปผลตรวจเชื้อไปแค่เพียง 338,000 เคสเท่านั้น และยังเหลือผลตรวจรอค้างอยู่กว่า 145,000 เคส

ซึ่งตัวเลขนี้ ในเยอรมันใช้เวลาตรวจผลเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น

และหากยังปล่อยให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเติบโตต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตในบราซิลอาจไปไกลถึง 80,000 คนภายในเดือนสิงหาคมนี้

เคยมีคำสุภาษิตจีนว่า "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" แต่ภาษิตคำนี้ใช้ไม่ได้เลยกับท่านประธานาธิบดี ชาร์อี บอลโซนาโรแห่งบราซิล ขนาดเห็นโลงศพอยู่เบื้องหน้ามากมาย ดูแกยังไม่ค่อยจะสนใจเลยนะค้า

แหล่งข้อมูล

https://www.aljazeera.com/news/2020/05/brazil-records-deadliest-day-coronavirus-cases-surge-200513011940705.html

https://m.dw.com/en/coronavirus-latest-brazils-bolsonaro-dares-governors-to-legal-battle-as-cases-overtake-germany/a-53420131

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-brazil/brazils-bolsonaro-challenges-governors-to-sue-over-gym-reopenings-amid-covid-idUSKBN22O34J

 

จังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแนวทาง โดยขณะนี้ระบุว่านักเรียนไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างเรียนวิชาพลศึกษาอีกต่อไป หลังมีรายงานจากจีนว่ามีนักเรียนหลายคนเสียชีวิตขณะสวมหน้ากากอนามัยระหว่างเรียนวิชาพลศึกษา



เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม คณะกรรมการการศึกษาของจังหวัดโออิตะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ได้แจ้งไปยังโรงเรียนมัธยมปลายก่อนกลับมาเปิดการเรียนการสอนว่าต้องให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัยแม้แต่ระหว่างที่เรียนวิชาพลศึกษา
แต่ 3 วันต่อมา ทางคณะกรรมการได้เปลี่ยนนโยบาย และระบุว่าไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยหากออกไปเรียนกลางแจ้งหรือในอาคารสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีและสามารถรักษาระยะห่างระหว่างนักเรียนได้
ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ



จีน : ซีอาน มณฑลส่านซี ร้านดังพ่อครัวถ่มน้ำลายลงหม้อ เปิดเผยวันที่ 11 พค. ที่ผ่านมา
ชายคนหนึงเขาพาภรรยา ลูกอีก2 คนไปทานข้าวร้านดังบนห้างได้สั่งหลายอย่างลองทาน ก่อนจะสั่งให้เด็กๆ รสชาติอาหารแปลกๆ และได้สั่งประเภทตุ๋น ก่อนจะพบก้นบุหรี่ในถ้วยอาหาร จึงเรียกพนักงานเสริฟมาดู พนักงานแจ้งว่าถ้าคุณเผลอทำร่วงลงไปทางร้านยินดีเปลี่ยนให้ ก่อนเขาจะขอพนักงานดูกล้อง และเจอภาพพ่อครัววัย 22 กำลังบ้วนน้ำลายลงหม้อ พ่อครัวอธิบายว่าเขามีอาการอักเสบในปาก ระคายเคืองเมื่อสูดดมควัน จึงคายน้ำลายบนพื้นใกล้หม้อ ทันทีที่คลิปแพร่ในโซเซียล ต่างมีคนมาด่ามากมาย พ่อครัวแต่ละคนไม่ใส่ที่ปิดปากปรุงอาหาร
ห้างให้ร้านดังกล่าวปิดปรับปรุง ทางร้านออกมาทำจดหมายขอโทษทางวีแชตพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวน ร้านดังกล่าวมี 32 สาขาในซีอาน
ภาพประกอบ
https://m.facebook.com/groups/220900739128637?view=permalink&id=244951286723582