ติดตามสถานะการณ์

พายุฤดูร้อนพัดถล่ม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ครั้งนี้หนักที่สุด....ค่ำนี้...
.
.
เครดิตภาพ เจ้่าน้อยวงศ์ษา

 

ด่วน...ค่ำวันนี้ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ โดนพายุฤดูร้อนพัดถล่ม มีบ้านเรือนหลังคาถูกพายุพัดปลิวเสียหายหลายหลัง

ขณะนี้กำลังเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น...

 

16.35น.มีรายงานข่าว ฝนตก ลมแรง และมีลูกเห็บตก ที่บ้านท่าล้อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่

รวมถึงเขตรอยต่อ3อำเภอ ดอยหล่อ,จอมทอง,เวียงหนองล่อง มีลมแรงในพื้นที่

รายงานสภาพอากาศเข้ามากันได้ครับ....

 

รายงานเหตุต่อเนื่อง มีรายงานข่าวหลังคาโกดังของโกดังรับซื้อลำไยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ได้รับความเสียหาย เนื่องจากถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ค่ำนี้ อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์

 

พายุฤดูร้อนพัดถล่ม จุดตรวจบูรณาการป้องกันโรคระบาดของอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ เขตรอยต่อ จ.เชียงใหม่-จ.ลำพูน บริเวณสามแยกไฟแดงท่าลี่ ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง โดยเต้นท์บริการและอุปกรณ์ต่างๆได้รับความเสียหาย ค่ำวันนี้
.

เครดิตภาพ Natee Tee

 

#รถไฟทับคนงานอินเดียที่ตกงานเพราะCovid
#โศกนาฏกรรม2วันติดที่อินเดีย

แชร์ข่าวรอบโลกวันนี้ 8 พฤษภาคม เหตุเกิดที่อินเดียอีกครั้ง เมื่อมีรถไฟทับร่างกลุ่มคนงานอินเดียขณะที่กำลังนอนหลับพักผ่อนบนตามรางรถไฟ จากการเดินทางไกลเพื่อกลับบ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 15 คน

เหตุการณ์เศร้าสลดครั้งนี้เกิดขึ้นที่แคว้นมหาราษฏระ ทางภาคตะวันตกของอินเดีย มีคนงานกลุ่มหนึ่ง ราวๆ 20 คน ที่ต้องตกงานจากมาตรการ Lockdown ของอินเดีย จึงต้องเดินทางกลับบ้านเกิด

แต่เนื่องจากมีการปิดเมือง รถโดยสารสาธารณะส่วนใหญ่งดให้บริการ ทำให้คนงานกลุ่มนี้ต้องเดินเท้าจากเมืองชลนา ไปถึงเมืองจาลเกออน เป็นระยะทางกว่า 155 กิโลเมตร เพื่อไปต่อรถไฟกลับบ้าน

การเดินทางไกล ใช้เวลาถึง 1 วันเต็มๆ กลุ่มคนงานเหล่านี้เลยพักเหนื่อยกันตามรางรถไฟ

แต่ช่วงราวๆ เช้ามืดตอนตี 5 ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีรถไฟขนส่งวิ่งผ่านมาทางนี้ คนขับรถไฟเห็นมีคนนอนเป็นกลุ่มใหญ่บนทางรถไฟก็พยายามจะหยุดขบวนรถ แต่ไม่ทัน รถไฟแล่นทับกลุ่มคนงาน และมีรายงานยืนยันว่า เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุถึง 15 คน

นับเป็นเหตุการณ์เศร้าสลด 2 วันติดที่อินเดีย เพราะเมื่อวานนี้เพิ่งเกิดเหตุแก๊ซพิษสไตรีน รั่วจากโรงงานโพลิเมอร์ ของบริษัท LG ที่ตั้งอยู่ในแคว้นอานธรประเทศ มีผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บกว่า 1 พันคน
มาวันนี้ก็มาเจออุบัติเหตุหมู่บนทางรถไฟอีก

นับว่าวิกฤติเชื้อไวรัส Covid-19 มีผลกระทบอย่างหนักกับชาวอินเดีย โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานระดับล่าง ผู้มีรายได้น้อย ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในอินเดียสูงเกือบ 53,000 คน แม้ว่าทางรัฐบาลจะประกาศมาตรการ Lockdown อย่างเข้มงวด แต่ยังไม่เป็นผล และยังส่งผลให้ชาวอินเดียมากกว่า 122 ล้านคนต้องตกงาน อัตราว่างงานพุ่งสูงถึง 27.1% สูงกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า

ผลจากการว่างงาน ทำให้แรงงานจำนวนมหาศาลนับร้อยล้านคนต้องเดินทางกลับบ้านเกิด และมีไม่น้อยที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางมากกว่า 200 กิโลเมตรเพื่อกลับบ้าน เหมือนอย่างคนงานที่เคราะห์ร้ายกลุ่มนี้นั่นเอง

แหล่งข้อมูล

https://www.aljazeera.com/news/2020...s-walking-home-run-train-200508041538859.html

https://m.timesofindia.com/city/aur...orkers-in-aurangabad/articleshow/75614987.cms

https://indianexpress.com/article/i...angabad-migrant-workers-killed-train-6399556/

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-52559324

 

#ทรัมพ์กับโครงการล่าอาณานิคมบนดวงจันทร์
#พิมพ์เขียวArtemis_Accords

วันนี้ 6 พฤษภาคม มีข่าวมาว่าทางสหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตรภารกิจสำรวจดวงจันทร์ กำลังร่วมกันร่างแผนข้อตกลงในการจับจองพื้นที่บนดวงจันทร์กันแล้ว ซึ่งข้อตกลงที่ว่านี้ มีชื่อว่า Artemis Accords

ชื่อ Artemis Accords นั้นเป็นชื่อที่ต่อยอดมาจากโครงการสำรวจดวงจันทร์ในเชิงพาณิชย์ของสหรัฐที่ชื่อว่า Artemis Program ที่จับมือร่วมกันระหว่างองค์การนาซ่า กับบริษัทผลิตอวกาศยานเอกชน อย่าง SpaceX Blue Origin Sierra Nevada เป็นต้น เพื่อที่จะสร้างสถานีอวกาศ ขนส่งสินค้า หรือ มนุษย์ ไป-กลับ ดวงจันทร์ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์

แต่ทีนี้ ก็มีคำถามจากนานาประเทศว่า พื้นที่ในอวกาศ หรือแม้แต่บนดวงจันทร์ มันไม่เคยมีข้อตกลง หรือกฏหมายระหว่างประเทศระบุว่า ใครควรได้สิทธิ์โฉนดไปจับจองใช้ประโยชน์ ดังนั้นมันน่าจะเป็นพื้นที่สากล ที่ไม่ควรมีประเทศไหนอ้างสิทธิ์ได้ไม่ใช่หรือ

แต่จุดนี้ สหรัฐเห็นต่าง ก็ในเมื่อมันไม่มีเจ้าของ และกฏหมายระหว่างประเทศมันมีผลบังคับใช้แต่บนโลกเท่านั้น แต่นี่มันพื้นที่นอกโลก ดังนั้น สิทธิ์การจับจอง และใช้ประโยชน์ มันควรจะเป็นของประเทศที่ลงทุน ลงแรงออกไปสำรวจ แล้วปักธงได้เป็นชาติแรกไม่ใช่หรือ??

หลังจากที่สหรัฐส่งนักบินอวกาศเอาธงไปปักจองบนดวงจันทร์ได้ในวันที่ 20 กรกฎาคม 1969 หลังจากนั้นก็มีหลายประเทศที่ตามไปสำรวจดวงจันทร์กับใหญ่ ทั้งรัสเซีย ญี่ปุ่น ยุโรป อิสราเอล และล่าสุด จีนก็ได้ส่งยานสำรวจอวกาศ ฉางเอ๋อ 4 อ้อมไปลงจอดในมุมมืดอีกด้านของดวงจันทร์ที่ยังไม่มีชาติไหนไปสำรวจมาก่อน เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา

แต่บนดวงจันทร์นั้นมีอะไร? ทำไมหลายประเทศถึงกลับมาสนใจภารกิจสำรวจดวงจันทร์ แทนที่จะบินไกลไปดวงดวงอื่น?

สำนักข่าว BBC ได้สรุปให้เข้าใจว่า ดวงจันทร์จะเริ่มกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และ ภูมิศาสตร์การเมือง เนื่องจาก ทรัพยากรแร่บนดวงจันทร์ โดยเฉพาะแร่ ฮีเลี่ยม-3 ที่สามารถเอามาใช้ผลิตพลังงานได้ชั่วลูก ชั่วหลาน รวมถึง แรร์เอิร์ธ สินแร่มูลค่ามหาศาลที่ใช้ผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างสถานีอวกาศถาวรบนดวงจันทร์ ไว้สำหรับยานสำรวจอวกาศแวะพัก เติมเชื้อเพลิง ก่อนที่จะเดินทางไปสำรวจดาวที่ไกลออกไป อย่างเช่น ดาวอังคาร หากได้พื้นที่สัมปทานสร้างฐานพักยานได้ก่อน การจะไปปักธงต่อในดาวดวงอื่นๆก็จะง่ายขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ใครจองก่อนย่อมได้เปรียบ เสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ เจ้าเก่าของเรา จึงได้เซ็นคำสั่งประธานาธิบดี อนุมัติโครงการเหมืองแร่บนดวงจันทร์ และไฟเขียวให้บริษัทเอกชนสหรัฐเข้าไปลงทุน จับจองพื้นที่กันเลย จัดไป!

แต่จะถือสิทธิ์เข้าไปรังวัด แบ่งโฉนดเป็นของตัวเองหมดก็อาจจะดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย ก็เลยขอตั้งตัวเป็นพ่องาน ร่างข้อตกลงสากล กำหนดนโยบายในการใช้พื้นที่บนดวงจันทร์ร่วมกับชาติอื่นๆที่เป็นพันธมิตร ได้แก่ แคนาดา ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอาหรับ เอมิเรตท์ ในการกำหนดข้อตกลงแบ่งเขต ที่ไม่เชิงเป็นอาณานิคม เพราะสหรัฐ ใช้คำว่า "Safety Zone" ของใคร ของมัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติอื่น หากมีการลงทุนก่อสร้างเหมือง หรือสถานีบนดวงจันทร์แล้ว

และนี่ก็คือรายละเอียดคร่าวๆ ที่มีมาของข้อตกลง Artemis Accords ในครั้งนี้นี่เอง

ทันทีที่มีข่าวออกมา รัสเซีย ออกมาโวยเป็นชาติแรก เพราะสหรัฐ ระบุชัดเจนว่า จะไม่รวมรัสเซียลงในข้อตกลง Artemis Accords นี้เด็ดขาด เพราะรัสเซียมีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร มักใช้ดาวเทียมของตัวเอง สอดแนม ข่มขู่ คุกคาม ดาวเทียมของสหรัฐ

และแน่นอนว่า ข้อตกลงครั้งนี้ ไม่รวมประเทศจีน แม้ว่าจีนจะส่งน้องฉางเอ๋อไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วก็ตาม

ดังนั้นก็ชัดเจนว่า สหรัฐต้องการถือสิทธิ์ครอบครองดวงจันทร์ เพื่อความได้เปรียบในทรัพยากรแร่หายากบนดวงจันทร์ และพัฒนาโครงการสำรวจอวกาศในดาวใกล้เคียงต่อไป

ด้วยเหตุนี้ เราจึงถึงบางอ้อ ว่าทำไมชาติมหาอำนาจเขาถึงต้องยอมลงทุน แข่งกันส่งยานออกไปสำรวจนอกโลกกันตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ตบตีกันบนโลกไม่พอ ยังต้องรีบขึ้นไปแย่งชิงอาณานิคมบนดวงจันทร์กันอีก ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไรหนอ?

แหล่งข้อมูล

https://www.reuters.com/article/us-...ds-pact-for-moon-mining-sources-idUSKBN22H2SB

https://www.themoscowtimes.com/2020...luded-from-us-moon-mining-pact-reuters-a70195

https://www.bbc.com/news/newsbeat-52228423

https://www.space.com/trump-moon-mining-space-resources-executive-order.html

https://www.theguardian.com/science/2020/may/05/trump-mining-moon-us-artemis-accords

 

แบ่งปันจาก Shaun Kazuck

เจ๊ทสตรีมนี้อธิบายอุณหภูมิลดลงทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ

This jet stream explains the cool down for the eastern US.

Wobble, wobble.

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 8 , 2020 “อนุทิน ชาญวีรกูล”ขอประชาชนอย่ากังวล กรณีเตรียมปลดจีน-เกาหลีใต้ ออกจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เพราะมีคณะกรรมการวิชาการพิจารณารอบคอบแล้ว
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการปลดประเทศจีน และเกาหลีใต้ ออกจากบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยงว่า ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ จะมีคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งประกอบไปด้วยบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ ประชุมพิจารณา ก่อนที่เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาและลงนาม ก่อนส่งไปประกาศในราชกิจานุเบกษา ซึ่งที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) เมื่อวานนี้เห็นชอบหลักการ ส่วนจะประกาศช่วงใดนั้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด
.
ส่วนกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปลดจีนและเกาหลีใต้ออกจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าไทยนั้น ขอชี้แจงว่าการจะปลดประเทศใด คณะกรรมการวิชาการในฐานะที่ผ่านการพิจารณาทุกมิติอย่างรอบคอบแล้ว และไทยก็มีมาตรการกำหนดให้คนต่างชาติบินเข้าประเทศภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวมทั้งยังมีอีกหลายมาตรการป้องกัน ดังนั้นอย่ากังวล
.
#อนุทิน #จีน #เกาหลีใต้ #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 8 , 2020 “ปองพล อดิเรกสาร”แนะทางรอดการบินไทยต้องทิ้งสถานะรัฐวิสาหกิจ มาเป็นบริษัทมหาชนเต็มตัว เพื่อให้มีการคัดสรรผู้มีประสบการณ์-ความสามารถเข้ามาบริหาร
.
นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้โพสต์เฟสบุ๊กเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาการบินไทยที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินว่าขณะนี้มีข่าวเกี่ยวกับบริษัทการบินไทยซึ่งประสบการขาดทุนอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมาจนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศในวันที่ 5 พ.ค. 2563 ให้โอกาสการบินไทยเป็นครั้งสุดท้ายในการเสนอแผนฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการขาดทุน
.
ตนในฐานะผู้โดยสารผู้หนึ่งที่ใช้บริการของการบินไทยอย่างสม่ำเสมอมาเป็นเวลาหลายสิบปีและเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจคือองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (รสพ.) เป็นเวลา 5 ปี ได้แก้ไขปัญหาขาดทุนติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปีจนมีกำไรและสามารถให้โบนัสพนักงานได้ มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาของการบินไทยดังนี้
.
ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงโครงสร้างปัจจุบันของการบินไทยซึ่งมี 2 สถานะ อันเป็นประเด็นสำคัญยิ่ง คือ
.
1.เป็นรัฐวิสาหกิจ ตามพรบ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และพรบ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 เนื่องจากมีหน่วยงานของรัฐถือหุ้นในการบินไทยเกิน 50% คือ 60.72% อีก 39.28% เป็นผู้ถือหุ้นเอกชน
.
การบินไทยมีคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้กำหนดนโยบายการบริหารงานของบริษัท แต่ยังมี super board อีก 2 คณะคือคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจโดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการสำคัญที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เช่น การซื้อเครื่องบินของการบินไทยและการกู้เงิน
.
ซึ่งการมีคณะกรรมการหลายคณะและหลายขั้นตอนในการพิจารณาโครงการธุรกิจที่สำคัญและมีปัจจัยทางการเมืองที่อยู่เหนือการควบคุม แต่มีผลในทางลบต่อการดำเนินงานของการบินไทยซึ่งต้องแข่งขันในเชิงธุรกิจกับสายการบินอื่นอยู่ตลอดเวลา
.
2. เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่พ.ศ. 2534 ทุนจดทะเบียน 2,182,771,917 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท โดยมีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชน 39.28% อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
.
จากโครงสร้างดังกล่าว ทำให้การบินไทยมี 2 สถานะ ตราบใดที่ยังเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งอาจมีประโยชน์ในการกู้เงินโดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน แต่จะมีปัญหาในการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะเอกชนจะไม่กล้านำเงินของตนเองมาลงทุนเต็มที่ในการบินไทย โดยให้รัฐเป็นผู้บริหารงานตามโครงสร้างในข้อ 1 ซึ่งผลการขาดทุนจำนวนมากติดต่อกันหลายปีชี้ให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน
.
ขณะเดียวกันการบินไทยมีจุดแข็งในด้านการบริการทั้งบนเครื่องบินและภาคพื้นดิน ซึ่งรวมทั้งการซ่อมบำรุงและครัวการบินตลอดจนความปลอดภัย ทำให้ได้รับรางวัลและคำชมเชยจากองค์กรเกี่ยวกับธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวหลายแห่ง และติดอันดับ 10 ของสายการบินดีที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ. 2562
.
วิธีแก้ปัญหาคือการหาจุดอ่อนขององค์กรให้พบและขจัดจุดอ่อนเหล่านั้นให้หมดไปโดยเร็วและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งขององค์กรอย่างเต็มที่ ซึ่งการบินไทยมีข้อมูลของจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ครบถ้วนแล้ว รอให้มีการพิจารณาดำเนินการอย่างเด็ดขาดและจริงจังจากผู้มีอำนาจตามกฏหมาย
.
จึงมีความเห็นว่าถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบินไทยทั้งหมดจะต้องตัดสินใจให้การบินไทยมีเพียงสถานะเดียว และขอเสนอให้สิ้นสุดสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยให้รัฐบาลขายหุ้นออกไปจาก 60.72% ให้เหลือเพียง 30% เพื่อมีส่วนรับผิดชอบในการเจรจาเรื่องสิทธิการบินในต่างประเทศของการบินไทย
.
เมื่อเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เป็นหน้าที่ของผู้ถือหุ้นที่จะพิจารณานโยบายการบริหารธุรกิจการบินและสรรหาคณะกรรมการและผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถมาบริหารงาน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องเข้ามากำกับดูแลและเยียวยาการบินไทย ซึ่งประสบปัญหาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ในกำกับที่ประสบปัญหาเดียวกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
.
#บินไทย #อยากรอด #ทิ้งสถานะ #รัฐวิสาหกิจ #Misterban

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 8 , 2020 คลังเตรียมขายพันธบัตรพิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน” วงเงิน 50,000 ล้านบาท เริ่ม14 พ.ค.นี้
.
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 แบบไร้ใบตราสาร (Scripless)ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบ และแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามแผนงานโครงการของรัฐบาล ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
.
โดยพันธบัตรออมทรัพย์เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายของรัฐบาลซึ่งจะสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยของประชาชนรายย่อย และเป็นการเยียวยาให้กลุ่มประชาชนที่เสียภาษีให้กับรัฐบาลให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ตลาดการเงินมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยจะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 14 พ.ค. 2563 เวลา 8.30 น. วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได รุ่นอายุ 5 ปี เฉลี่ย 2.40% และรุ่นอายุ 10 ปี เฉลี่ย 3.00% ต่อปี
.
สำหรับเงื่อนไขการซื้อพันธบัตรมีรายละเอียดดังนี้
.
การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน”ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงินจำหน่าย วงเงินไม่เกิน 50,000 ล้านบาท (ออกเพิ่มเติมได้วงเงินตาม พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-19 ไม่เกิน 200,000 ล้านบาท)
.
สำหรับอัตราดอกเบี้ยรุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได
.
ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ2.00ต่อปี
ปีที่ 2 - 3 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2.25 ต่อปี
ปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ2.50ต่อปี
ปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ3.00ต่อปี
(อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย ร้อยละ 2.40 ต่อปี)
.
ขณะที่อัตราดอกเบี้ย รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได
.
ปีที่ 1 – 3 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ2.50ต่อปี
ปีที่ 4 – 8 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ3.00ต่อปี
ปีที่ 9 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ3.50ต่อปี
ปีที่ 10 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ4.00ต่อปี
(อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย ร้อยละ 3.00 ต่อปี)
.
โดยมีระยะเวลาการจำหน่าย 14 พ.ค. – 10 มิ.ย. 2563
.
การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน”ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563วันที่จำหน่าย ผู้มีสิทธิ์ซื้อ และวงเงินซื้อขั้นต่ำ-ขั้นสูง
.
ช่วงที่ 1 วันที่ 14 – 20 พ.ค. 2563 บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ ในประเทศไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ไม่เกิน 5 หมื่นบาท
.
ช่วงที่ 2 วันที่21 – 27 พ.ค. 2563 บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ ในประเทศไทย วงเงินจำหน่ายที่เหลือจากช่วงที่ 1 ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
.
ช่วงที่ 3 วันที่ 28 พ.ค. – 10 มิ.ย. 2563 บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ ในประเทศไทย และนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร วงเงินจำหน่าย ที่เหลือจากช่วงที่ 2 ขั้นต่ำ 1,000 บาท แต่ไม่จำกัดวงเงินซื้อสูงสุด
.
ช่องทางการจำหน่าย BOND DIRECT Application: ชำระเงินผ่าน Mobile Application และ เคาน์เตอร์ ธ.กรุงไทย
.
ATM/Counter/Internet Banking/Mobile Application ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย 4 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์
.
#พันธบัตร #เราไม่ทิ้งกัน #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 8 , 2020 นักวิจัยสหรัฐฯชี้ "โควิด-19" กลายพันธุ์ เพิ่มปัญหาต่อการพัฒนาวัดชีน
.
นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลาโมส (LANL) หนึ่งในห้องปฏิบัติการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก สังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดผยว่า ไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ที่อุบัติขึ้นในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อกว่า 4 เดือนที่ผ่านมาได้มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อได้ไวขึ้นและกำลังระบาดหนักในสหรัฐฯเวลานี้
.
ขณะนี้นักวิจัยกำลังจับตาว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้จะอ่อนกำลังลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน เหมือนกับไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคหวัดตามฤดูกาลหรือไม่ หรือมันจะกลายพันธุ์ต่อไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ทำให้เกิดข้อจำกัด เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนากันอยู่ เนื่องจากนักวิจัยวัคซีนส่วนหนึ่งใช้ลำดับพันธุกรรม (genetic sequences) ของไวรัสโคโรนาในช่วงแรก ๆ ของการแพร่ระบาดมาตั้งต้นการพัฒนาวัคซีน
.
#แลป #ไวรัสโควิด19 #สหรัฐ #Misterban

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 8 , 2020 หอการค้าไทยเผยดัชนีผู้บริโภคเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 47.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 พร้อมต่ำสุดรอบ 21 ปี 7 เดือน จากปัจจัยโควิด 19 – ภัยแล้งกระทบกำลังซื้อ คาดประชาชนจะชะลอใช้จ่ายอย่างน้อย 3 – 6 เดือน
.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเม.ย. 2563 อยู่ที่ระดับ 47.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจในรอบ 21 ปี 7 เดือน
.
ผู้บริโภคยังเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยจากวิกฤต โควิด-19 ทั่วโลก อาจส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต
.
ที่สำคัญปัญหาภัยแล้งยังซ้ำเติมภาคการเกษตรในหลายพื้นที่ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
.
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลงอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวลดลงจากระดับ 58.2 มาอยู่ที่ระดับ 54.6 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจ 21 ปี 7 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
.
คาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อย 3-6 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลายตัวลงและมีการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจอย่างกว้างขวาง พร้อมกับรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
.
#Misterban #หอการค้าไทย #ภัยแล้ง #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

แบ่งปันจาก MisterBan

May 7, 2020 ห้างสรรพสินค้าสุดหรูหรากว่า 100 ปีล้มละลาย เหยื่อรายแรกรับยุคโควิด-19

นีแมน มาร์คัส ห้างสรรพสินค้าสินค้าระดับหรูหราไฮโซชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ประกาศล้มละลายเป็นรายแรกในประเภทธุรกิจห้างสรรพสินค้าขายปลีกในยุคภาวะโรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ขอยื่นศาลพิทักษ์ทรัพย์สินตามาตรา 11 เพื่อจัดการแก้ไขโครงสร้างการทำธุรกิจใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านไปนั้น ห้างสรรพสินค้านีแมน มาร์คัส ประกาศปิด 43 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา

สาเหตุจากปัญหาสะสมมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยหนี้เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้เงินจำนวนมากเข้าซื้อกิจการค้าปลีกเพิ่มเติม การปรับตัวอย่างเชื่องช้าเพื่อรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายที่รุนแรงที่สุด คือ ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงต่อเนื่องทั้งสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และการดำเนินธุรกิจอย่างรุนแรงกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ นีแมน มาร์คัส ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในปี 1907 หรือเมื่อ 113 ปีผ่านมา เน้นการทำตลาดสินค้าระดับหรูหรา และราคาแพงในสหรัฐอเมริกามาตลอดเวลา นับเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่จัดให้มีการเดินแฟชั่นโชว์รายสัปดาห์เป็นแห่งแรก

#ล้มละลาย #ห้างสรรพสินค้า #สหรัฐ #โควิด19 #misterban #covid19 #usa

 

แรงงานชาวอินเดียจำนวนหนึ่งตัดสินใจเดินเท้ากลับมาตุภูมิ และอาศัยหลับนอนบนรางรถไฟ หลังตกงานจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่เกิดเหตุน่าสลดเมื่อแรงงานเหล่านั้น ถูกม้าเหล็กขบวนหนึ่งแล่นมาทับขณะหลับใหล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน และบาดเจ็บอีก 2 ราย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000048351
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย กำลังเจอศึกหนัก /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ประเทศไทยของเราคือ หนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก
โดยในปี 2019 ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลก และเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย รองจาก จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้

ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่ในปี 2019 ยอดผลิตรถยนต์ของไทยนั้นลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
และปีนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยกำลังเจอศึกหนักกว่าปีที่แล้ว
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ต้องบอกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยนั้นมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันกับหลายธุรกิจ ไม่แต่เฉพาะผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น

ที่เห็นชัดเจนก็คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบรถยนต์ ที่มีจำนวนกว่า 2,400 ราย

ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์สูงถึง 5.5 แสนคน

ขณะที่ในปี 2019 มูลค่าการส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบมีมูลค่ากว่า 1.09 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 6.4% ของมูลค่า GDP

นอกจากนี้ ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ยังเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมกระจก อุตสาหกรรมการผลิตแม่พิมพ์ อุตสากรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ซึ่งแน่นอนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงพูดได้ว่า ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยเติบโตได้ดี อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็น่าจะดีตามไปด้วย แต่ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัว เป็นไปได้ว่า อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็จะชะลอตัวตามไปด้วย

แล้วตอนนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยชะลอตัวลงหรือไม่

ปี 2018 ยอดการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย 2.17 ล้านคัน
โดยเป็นการส่งออก 1.14 ล้านคัน และขายในประเทศ 1.03 ล้านคัน

ปี 2019 ยอดการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย 2.01 ล้านคัน
โดยเป็นการส่งออก 1.04 ล้านคัน และขายในประเทศ 0.97 ล้านคัน

ยอดขายในประเทศชะลอตัวจากความต้องการรถยนต์ของคนไทยที่ลดลง

ส่วนการส่งออกที่ลดลง ทำให้มูลค่าการส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในปี 2019 ลดลงจากปี 2018 ถึง 110,000 ล้านบาท

สาเหตุหลักก็คือ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกจากผลของสงครามการค้า การแข็งค่าของเงินบาท เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐกว่า 7%

ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จากคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และแอฟริกาใต้

ปี 2012 สัดส่วนรถยนต์ที่ประเทศไทยผลิตต่อปริมาณการผลิตทั่วโลกเท่ากับ 2.9% แต่สัดส่วนดังกล่าวกลับลดลงเหลือเพียง 2.3% ในปี 2018

ขณะที่เศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัวลง ทำให้มาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์ มีความเข้มงวดมากขึ้น

เมื่อรวมกับในปัจจุบัน หนี้สินต่อครัวเรือนของคนไทยอยู่ในระดับสูงกว่า 13 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 79% ต่อ GDP

ซึ่งหนี้สินครัวเรือนส่วนมากนั้น เป็นหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้อุปโภค บริโภคส่วนบุคคล และมีอัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้บั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค จึงไม่แปลกที่ทำให้กำลังซื้อรถยนต์ในประเทศหายไปด้วย

แต่ยังไม่ทันที่เรื่องร้ายๆ ในปี 2019 จะจบลง
การเกิดขึ้นของ Covid-19 ก็เหมือนฝันร้ายรอบสองของอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย

Covid-19 ทำให้เศรษฐกิจที่ว่าแย่จากปีที่แล้ว ย่ำแย่ลงไปอีก หลายคนขาดรายได้ หลายคนตกงาน หรือแม้แต่เกิดความไม่แน่นอนในอนาคตของงานตัวเอง

คำถามง่ายๆ สำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือ
ถ้าพวกเขารู้สึกว่า มีความไม่แน่นอนกับรายได้ในอนาคต
สินค้าฟุ่มเฟือยแรกๆ ที่ต้องตัดออกไป หนึ่งในนั้นจะมีรถยนต์

แล้ว 3 เดือนแรกของปี 2020 เมื่อเทียบกับ 3 เดือนแรกของปี 2019 เป็นอย่างไร
ยอดขายรถยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 200,064 คัน ลดลง 24%
ยอดส่งออกรถยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 250,281 คัน ลดลง 17%
ยอดผลิตรถยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 453,682 คัน ลดลง 19%

นี่ยังไม่รวมผลกระทบของเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ที่คาดว่าน่าจะหนักกว่าไตรมาสแรกด้วยซ้ำ

และเมื่อยอดผลิตรถยนต์ลดลง หมายความว่า รายได้ของบริษัทรถยนต์ และบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบลดลง

สิ่งที่ตามมาก็คือ บริษัทเหล่านั้นจำเป็นต้องลดต้นทุน ด้วยการลดชั่วโมงการทำงานของคนงานลง หรือที่แย่กว่านั้นคือ การปลดคนงาน เพราะต้นทุนค่าแรงนับเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.statista.com/statistics/584968/leading-car-manufacturing-countries-worldwide/
-https://www.gsbresearch.or.th/wp-content/uploads/2019/10/IN_car_10_62_detail-1.pdf
-https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy
-https://www.toyota.co.th/news/NdMzNrOQ
-https://www.easycompare.co.th/articles/auto-updates-and-tips/history-of-automobile-in-thailand

 

แบ่งปันจาก Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

⚠️ ด่วน ⚠️ ตัวเลขคนตกงานสหรัฐดีดแตะ 14.7% ส่วน Nonfarm Payroll ออกมาว่าติดลบ -20.5 ล้านคน #ตลาดแรงงานสหรัฐวิกฤตที่สุดในรอบ 80 ปี ! แต่ก็ยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ตัวเลขคนตกงานในสหรัฐ (Unemployment Rate) ของเดือนเมษายนพุ่งแตะ 14.7% แล้ว ถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ The Great Depression ในปี 1930s และนักวิเคราะห์ต่างๆกำลังจับตามองว่าตัวเลขในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีสิทธิแย่กว่านี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการกลับมาเปิดเมืองของรัฐต่างๆของสหรัฐ โดยในช่วง 80 ปีที่ผ่านมานั้นเราเคยเห็นตัวเลขคนตกงานของสหรัฐแตะ 10% เพียง 2 ครั้งในอดีตแต่ก็ไม่เคยดีดขึ้นมาสูงกว่านั้น

ทางด้านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (Nonfarm Payrolls) ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐได้ดีที่สุดตัวนึงเลยทีเดียว ออกมาแย่ที่สุดในรอบ 80 กว่าปีเลยทีเดียวเช่นกัน โดยในรอบ 80 ปีที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเดือนไหนที่ตัวเลขติดลบไปมากกว่า 1 ล้านคนด้วยซ้ำ การออกมาติดลบ 20 ล้านคนในเดือนเดียวนี้ถือว่าสุดที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา (กราฟในคอมเม้น)

อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ #ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก

ดัชนี Futures หลักๆของสหรัฐอย่าง Dow Jones และ S&P ยังบวกอยู่ประมาณ +1% วันนี้ เพราะตัวเลขที่ออกมาทั้งคู่ยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย

โดยตลาดคาดว่า Unemployment Rate จะออกมาที่ 16% และ Nonfarm Payrolls จะออกมาติดลบ -22 ล้านคน

อีกข่าวดีที่ทำให้หุ้นสหรัฐไม่ตกคือการ #เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ⚔️

ในเบื้องต้นกำลังเป็นไปได้ดี หลังจากที่ข่าวว่าทางรัฐบาลทรัมป์ไม่ค่อยพอใจกับตัวเลขการนำเข้าสินค้าของสหรัฐจากจีน จนต้องมีการเรียกประชุมนัดพิเศษ โดยในวันนี้ผู้แทนการค้าทังสองฝ่ายนาย Liu He จากจีน และ Robert Lighthizer + Steven Mnuchin ก็กล่าวว่าการหารือกำลังเป็นไปได้ด้วยดี

แต่เรายังต้องติดตามเรื่องข้อพิพาทนี้อย่างใกล้ชิดเพราะทางทรัมป์อาจมีสิทธิขึ้นภาษีจีนอีกรอบได้หากยังไม่พอใจในตัวเลขการนำเข้าของจีน หรือหากจีนเป็นผู้อยู่เบื่องหลังในการปล่อยไวรัสจริงๆ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#OilTradingKP

 

แบ่งปันจาก Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

ทรัมป์ใจกว้าง ! จะกลับมาให้งบ WHO อีกครั้ง ถึงแม้จะกล่าวย้ำอีกครั้งว่า #องค์การอนามัยโลกเป็นเพียงหุ่นเชิดของจีน ก็ตาม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าทางสหรัฐอาจกลับมาให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกอีกครั้ง หลังจากที่ทางสหรัฐได้ระงับการจ่ายเงินสนับสนุนไปชั่วคราวเมื่อเดือนก่อน เพราะคิดว่าทาง WHO เข้าข้างจีนมากเกินไป โดยสหรัฐเชื่อว่าจีนอยู่เบื้องหลังของการระบาดของไวรัสครั้งนี้ และกำลังทำการสืบสวนอยู่

“They’re a puppet for China” ทรัมป์กล่าวผ่านรายการทีวีของ Fox ว่าทางองค์การอนามัยโลกเป็นหุ่นเชิดของจีน

โดยที่ผ่านมานั้นสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนงบหลักของ WHO ที่ 450 ล้านเหรียญ ในขณะที่ทางจีนให้งบที่เพียง 38 ล้านเหรียญ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#OilTradingKP

 

แบ่งปันจาก Roundtable Thailand

จีนเตรียมเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งใหญ่
ภายหลังสหรัฐฯ ออกอาการ ‘เบี้ยวหนี้’
โดยอ้างค่าเสียหายจากไวรัสโควิด-19

จีนเตรียมเทขายพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ ครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมการรับมือกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่แสดงท่าทีว่าอาจจะ “เบี้ยวหนี้” โดยอ้างว่าเป็นค่าชดเชยความเสียหายจากวิกฤตไวรัสโควิด-19

กระแสข่าวจากในสหรัฐอเมริการะบุว่า ผู้บริหารในรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังหารือเกี่ยวกับการขอยกเลิกหนี้จำนวน 1.1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ (35,691,718 ล้านล้านบาท) ซึ่งสหรัฐติดค้างจีนในรูปของพันธบัตร

ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าแนวคิดเรื่องมาตรการที่รุนแรงดังกล่าวของสหรัฐฯ จะอยู่ในระหว่างการหารือในทำเนียบขาว แต่รัฐบาลจีนก็ได้แสดงท่าทีตอบสนองอย่างทันที ด้วยการประกาศลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ในทันที

โดยนักวิเคราะห์มองต่อไปว่า หากรัฐบาลจีนทำเช่นนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาต่อตลาดซื้อขายพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ ในทันที ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อนโยบายการเงินที่นำมาอัดฉีดด้านเศรษฐกิจและการรับมือวิกฤตไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้นักวิเคราะห์หลายคนมองเห็นตรงกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์และทีมงานของเขา กำลังใช้ยุทธวิธีในการ ‘กล่าวโทษจีน’ เพื่อสร้างศัตรูร่วมให้กับชาวอเมริกัน อันจะส่งผลให้ต่อคะแนนเสียงของเขา ในการเลือกตั้งปลายปี 2020 ที่จะกำลังมาถึง

จากท่าทีของดังกล่าวของสหรัฐฯ ไปจนถึงการตอบโต้ของจีนที่จะเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ ทำให้วันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างดิ่งลงอย่างหนัก จากความกังวลในสงครามกล่าวโทษกันระหว่างสหรัฐฯ และจีน

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา:
- https://www.scmp.com/economy/china-...ina-could-cut-us-debt-holdings-response-white
- https://www.forbes.com/sites/willia...-trumps-casino-that-may-go-bust/#205d175ad87e
- https://kimatv.com/news/coronavirus/global-markets-drop-spooked-by-china-us-tensions-over-virus

 

แบ่งปันจาก Roundtable Thailand

สำนักข่าวยอนฮับ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ( เคซีดีซี ) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์รายวันของโรคโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยใหม่จำนวน 15 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันที่มีการยืนยันผู้ป่วยใหม่มากกว่า 10 คนขึ้นไป โดยเคสใหม่นี้ พบว่า ผู้ป่วยได้ตะลุยเที่ยวผับดังย่านอิแทวอน ก่อนแสดงอาการป่วย และ 3 ในเคสใหม่เป็นช่าวต่างชาติ

อนึ่ง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยกระดับการเฝ้าระวัง และกำลังเร่งแกะรอยผู้สัมผัสใกล้ชิดกับหนึ่งในผู้ป่วยใหม่ ที่มีการยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เป็นชายอายุ 29 ปี เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งในเขตซ็องนัมของกรุงโซล มีประวัติใช้บริการผับ 5 แห่งในเขตอิแทวอน ระหว่างคืนวันศุกร์ต่อเนื่องรุ่งสางของวันเสาร์ที่ 2 พ.ค. ก่อนไปพบแพทย์ในเวลาต่อมาเพราะรู้สึกมีไข้

ขณะที่ในช่วงหยุดยาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพียงไม่กี่วันก่อนรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ผู้ป่วยคนนี้เดินทางพร้อมเพื่อนอีก 2 คนไปท่องเที่ยวที่จังหวัดคย็องกีซึ่งอยู่ชานเมืองกรุงโซล และจังหวัดคังว็อนที่อยู่ทางตะวันออก ซึ่งเพื่อน 1 ใน 2 คนร่วมเที่ยวที่ผับย่านอิแทวอนด้วย และต่อมาได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน

ทั้งนี้ กรณีของผู้ป่วยรายนี้สร้างความกังวลให้กับทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก ว่าอาจบานปลายเป็นการแพร่ระบาดใหม่ในชุมชนเป็นวงกว้างหรือไม่ เนื่องจากมีการประเมินกลุ่มเสี่ยงที่อาจใกล้ชิดกับผู้ป่วยชายวัย 29 ปีรายนี้มากถึง 2,000 คน โดยมีการยืนยันผู้ติดเชื้อซึ่งเชื่อมโยงกับผับที่เขตอิแทวอนแล้ว 15 คน เป็นชาวต่างชาติ 3 คน แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังไม่รวมอยู่ในรายงานข้างต้น

สถานการณ์ล่าสุดของเกาหลีใต้ มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,822 ราย ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 12 ราย และจำนวนยอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 256 ราย

ที่มา
https://en.yna.co.kr/view/AEN20200508003652315
#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

#เกาหลีใต้
#อิแทวอน
#โควิด19
#โคโรนาสายพันธุ์ใหม่