ติดตามสถานะการณ์

ปลูกต้นไม้ล้านล้านต้น ก็ไม่ช่วยลดโลกร้อนได้ทันเวลา Greta Thunberg ตอกกลับ Donald Trump
ที่งาน world economic forum ที่สวิตเซอร์แลนด์ 21 มกราคม ที่ผ่านมา Donal Trump ขึ้นพูดปราศรัยถึงภาวะโลกร้อน ซึ่งอุดมการณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมของเขาถูก Greta Thunberg ตอกกลับอย่างชาญฉลาด Greta ขึ้นพูดภายหลัง Trump และเธอเหน็บคำพูดของ Trump ในสุนทรพจน์เธอเองหลายประเด็น
ประธานาธิบดีTrump โม้และสนับสนุนการใช้พลังงานดั้งเดิมไม่ว่าจะมาจากน้ำมันและถ่านหิน แถมยังใช้คำว่า “clean coal” อีกด้วย ( ถ่านหินมันจะไป cleanได้ยังไง ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นแหล่งพลังงานที่สร้างก๊าซเรือนกระจกปริมาณมาก)
Greta Thunberg : Net zero emission target จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราไม่คุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวันนี้ และยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณนี้ต่อไปเพียงแค่เวลาไม่กี่ปี carbon budget ของพวกเราจะหมดไปทันที (carbon budget คือปริมาณคาร์บอนที่โลกสามารถปล่อยเพิ่มขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้อีก ในปริมาณที่ยังอยู่ในขีดจำกัดและปลอดภัย)
Trump : เราสหรัฐอเมริกามีความยินดีที่จะปลูกต้นไม้ ล้านล้านต้น เพื่อโลกของเรา
Greta Thunberg : ปลูกต้นไม้เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่สามารถลดโลกร้อนได้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ การปลูกต้นไม่สามารถเอามาทดแทนการลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุได้
เราไม่ได้ขอให้คุณลดก๊าซเรือนกระจกโดยการจ้างคนอื่นปลูกต้นไม้ในแอฟริกาชดเชย ในขณะที่ป่าในAmazon กำลังถูกเผาไหม้ทำลายไปเรื่อยๆ
Trump : ทุกวันนี้มีนักคิด นักประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาเพื่อโลกของเรา
Greta Thunberg : ทางออกของโลกร้อนไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีในปัจจุบันได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดมีประสิทธิภาพพอที่จะช่วยโลกเราตอนนี้
การปลูกต้นไม้เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่การลดโลกร้อนที่สาเหตุ มีงานวิจัยกล่าวว่า หากคุณปลูกต้นไม้ขนาดเท่าประเทศอเมริกา คุณจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้เพียง 10% ของที่ปล่อยต่อปีเท่านั้น

https://www.nbcnews.com/news/world/...a-thunberg-lay-out-starkly-different-n1119051
https://www.businessinsider.com/so-much-co2-planting-trees-cant-save-us-2017-5

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


ประเทศจีนขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยัน coronavirus 543 ราย 17 คนเสียชีวิตจากไวรัส

 

John Traczyk

แล้วคุณ Mike from Around the World รู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันนี้เมื่อห้าสัปดาห์ก่อน ที่มันจะเกิดขึ้นจริง?


หมายเหตุคุณลอร่า เวลส์ -

"6 ธันวาคม 2019: การทำลาย:" พัลส์ของจักรวาลกำลังจะมาถึงวันที่ 10 ธันวาคม "/ Mike from Around the World & Paul Begley 5 คลื่นแห่งการพลังงาน อัปเดต ! คลื่นพัลส์หลายตัวกำลังมา รอบแรก 10 ธันวาคม รอบสอง 16 ธันวาคม ที่ใหญ่กว่า มกราคม! - อาจเป็นประมาณวันที่ 13 มกราคม (ประมาณกลางเดือนมกราคมจะเป็นชีพจรที่แรงขึ้น) นอกจากนี้ความจุของเหล็กของพัลส์ก็เพิ่มขึ้น "


รายงานข่าวของฟ็อกซ์: 22 มกราคม 2020 คลื่นความโน้มถ่วงที่ซัดเข้าหาโลกทำให้นักดาราศาสตร์งุนงง เหตุการณ์ในห้วงอวกาศลึกลับนี้น่าจะยืดและบีบอัดโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


นักดาราศาสตร์สังเกตว่าคลื่นความโน้มถ่วงครั้งที่สองในวันที่ 14 มกราคม แต่พวกเขาไม่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่าการระเบิดเกิดขึ้นที่ใด


So how did Mike from Around the World know this would happen on this day five weeks before it actually happened?


Laura Wells Notes -

"December 6, 2019: Breaking: "Cosmic Pulse Coming Dec 10" / Mike From Around The World & Paul Begley 5 Waves Of Energy Update! Several pulses of energy coming, first one around Dec 10th, 2nd around Dec 16th, BIGGER one mid January! - Possibly around the 13th of January.(So about mid January will be a stronger pulse) Also the iron content of the pulses is increasing"


Fox News Reports: January 22, 2020. A mysterious burst of gravitational waves hit Earth, baffling astronomers. This mysterious deep space event could have stretched and squeezed Earth last week.


Astronomers observed a split-second burst of gravitational waves on Jan. 14, but they can't figure out precisely where the burst came from.

 

John Traczyk

ลอนดอนสหราชอาณาจักร บันทึกค่าความดันบรรยากาศสูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้นับตั้งแต่มีการบันทึกมานานกว่า 300 ปีมาแล้ว


ด้วยการบันทึกค่า 1 049.6 hPa ที่สนามบินฮีทโธรว์ในวันอาทิตย์ถึงวันจันทร์ วันที่ 19 ถึง 20 มกราคม 2563 ลอนดอนได้สร้างสถิติความดันบรรยากาศใหม่ ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกไว้ในปี ค.ศ.1692


#JetStream #ClimateChaos #AtmosphericCompression


London, UK registers its highest barometric pressure ever recorded since records began more than 300 years ago.


With 1 049.6 hPa registered at Heathrow Airport Sunday into Monday, January 19 to 20, 2020, London has set its new atmospheric pressure record -- the highest since records began in 1692.


#JetStream #ClimateChaos #AtmosphericCompression

 

เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในจีนเข้าขั้น "วิกฤต" จีนแนะงดเข้า-ออกเมืองอู่ฮั่น

• 22 มกราคม 2020

Image copyrightAFP/GETTY IMAGES
ทางการจีนประกาศข้อแนะนำให้ประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าและออกเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมยอมรับว่าประเทศกำลังอยู่ใน "ขั้นวิกฤตที่สุด" ในการป้องกันและควบคุมโรค

ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดในจีนอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และยอดผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้ออยู่ที่อย่างน้อย 440 ราย ส่วนสถานการณ์ในไทยมียอดผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 4 ราย ขณะที่หลายประเทศได้ยกระดับการคัดกรองและเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากประเทศจีน
Image copyrightKEVIN FRAYER
คำบรรยายภาพทางการจีนขอให้ประชาชนในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากร 8.9 ล้านคนเลี่ยงออกไปอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัด
เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) ทางการจีนได้ออกมายืนยันเป็นครั้งแรกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยพบผู้ป่วย 2 รายในมณฑลกวางตุ้งที่ติดเชื้อในลักษณะนี้

นายหลี่ ผิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ระบุว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าไวรัสชนิดนี้ "แพร่สู่กันทางระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก"

อย่างไรก็ตามขณะนี้จีนยังไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาที่แน่นอนของไวรัสชนิดนี้ได้ พร้อมระบุว่ามีความเสี่ยงที่เชื้ออาจกลายพันธุ์ และแพร่ระบาดออกไปเป็นวงกว้างได้

นายหลี่ กล่าวอีกว่า มีประชาชน 2,197 คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองอู่ฮั่นอย่างน้อย 15 รายติดเชื้อไวรัสชนิดนี้

เขาเสริมว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งชาวจีนหลายล้านคนกำลังจะเดินทางกลับบ้านเกิด รวมทั้งจะเดินทางไปต่างประเทศนั้นจะยิ่ง "เพิ่มความเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่ระบาดและทำให้การป้องกันและควบคุมโลกทำได้ยากขึ้น"

Image copyrightEPA
สถานการณ์ในประเทศไทย
ยอดผู้ติดเชื้อในไทยนั้น ขณะนี้มีอย่างน้อย 4 คน กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คนที่ได้รับการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อก่อนหน้านี้ แพทย์ได้ให้การรักษาหายและส่งกลับประเทศไปแล้ว โดยในรอบสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 คน รายแรกเป็นหญิงไทยที่มีประวัติไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น ได้รับการตรวจรักษาที่ รพ.นครปฐม ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนอีกรายเป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน ได้รับการตรวจคัดกรองว่ามีไข้สูงที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยผลการตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ยกระดับการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในช่วงตรุษจีน พร้อมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยว และแจ้งบริษัททัวร์เฝ้าระวังและดูแลนักท่องเที่ยวที่มาไทย

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพท่าอากาศยานหลายประเทศเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น
ส่วนประชาชนขอให้ระมัดระวังการติดเชื้อระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ หลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่าหรือสัตว์ที่มีชีวิต และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม หรือมีน้ำมูก สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารปรุงสุกและร้อน ผู้ที่มีอาการไข้ กับอาการ ไอ จาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ และมีประวัติเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ให้รีบไปโรงพยาบาล พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป สงสัยสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

นอกจากไทยแล้ว ปัจจุบันยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ ส่งผลให้ทางการหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รวมถึงฮ่องกง เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารทางเครื่องบินที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น


https://www.bbc.com/thai/international-51204241?at_custom3=BBC+Thai&at_medium=custom7&at_custom2=facebook_page&at_custom4=CD482488-3D0A-11EA-BBC5-7396C28169F1&at_custom1=[post+type]&at_campaign=64

 

ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 2 ราย
ฮ่องกงประกาศพบผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2 รายวานนี้ รายแรกเป็นนักท่องเที่ยวชายจากหวู่ฮั่นอายุ 39 ปีที่เดินทางเข้ามาฮ่องกงด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ส่วนรายที่ 2 เป็นชายฮ่องกงอายุ 56 ปี ที่ได้เดินทางไปหวู่ฮั่น
ผลการตรวจเลือดเบื้องต้นทั้งคู่ พบว่าติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่
รายแรกได้เดินทางตอนแรกด้วยรถไฟความเร็วสูงขบวน G1015 จากหวู่ฮั่นไปเซินเจิ้นตอนเหนือ และเปลี่ยนเป็นขบวน G5607 ไปสถานี West Kowloon ในฮ่องกงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาได้นั่งที่นั่ง 10D ในตอนแรกและเปลี่ยนเป็น 2D ในขบวนที่ 2
ตัวแทนจาก MTR เผยว่าขบวนรถไฟที่ได้รับผลกระทบได้ออกเดินทางจากสถานี West Kowloon ก่อนที่จะมีการตรวจพบเชื้อ แต่ได้มีการประสานงานด่วนเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อที่นั่งรวมทั้งตู้ขบวนที่ชายคนดังกล่าวโดยสาร
ชายคนแรกถูกกักตัวโดยเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขทันทีที่เข้าฮ่องกง เนื่องจากมีออาการไข้ ส่วนภรรยาของเขา, ลูกชาย 2 คนและแม่ยายไม่มีอาการ สมาชิกในครอบครัวยกเว้นชายคนดังกล่าวได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกง พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรม Empire Hotel Kowloon ในย่าน Tsim Sha Tsui 1 คืน ก่อนเดินทางไปกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยสายการบิน Cebu Pacific ไฟล์ท 5J111 เช้าวานนี้
ส่วนรายที่ 2 เป็นชายชาวฮ่องกงอายุ 56 ปี เขาได้เดินทางไปหวู่ฮั่นวันที่ 10-19 มกราคมที่ผ่านมา และได้ไปโรงพยาบาล Prince of Wales Hospital เนื่องจากรู้สึกไม่สบาย โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเผยว่าไม่ได้พบอาการหรือไข้หรืออาการที่บอกถึงการติดเขื้อ
2 วันต่อมา เขาได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเดิม โดยทางโรงพยาบาลพบว่ามีเงาจากฟิลม์เอ๊กซเรย์ปอด ชายคนที่ 2 ถึงแยกไปทำการรักษาในวอร์ดและพบว่ามีเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่
Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...na-coronavirus-first-case-confirmed-hong-kong
#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

จีนตัดขาดระงับออกนอกเมืองอู่ฮั่นจัดการวิกฤตไวรัสมรณะ WHOขยายเวลาประชุมฉุกเฉิน


เอเอฟพี - จีนเผยจะระงับเที่ยวบินและการเดินรถไฟที่ออกจากเมืองอู่ฮั่นนับตั้งแต่วันพฤหัสบดี(23ม.ค.) เป็นต้นไป ด้วยเมืองแห่งนี้ซึ่งมีประชาชน 11 ล้านคนคือแก่นกลางของการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะที่คล้ายคลึงกับโรคซาร์ส ในขณะที่องค์การอนามัยโลก(WHO)ต้องขยายเวลาการประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่

ศูนย์บัญชาการพิเศษต่อต้านไวรัสของเมืองอู่ฮั่นยังออกคำเตือนถึงประชาชนว่าไม่ควรเดินทางออกไปไหนหากไม่มีเหตุผลพิเศษจริงๆ และมาตรการต่างๆดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 02.00จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 08.00น.) เป็นต้นไป ตามรายงานของซีซีทีวี สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ "ความเคลื่อนไหวนี้มีเจตนายับยั้งกระแสของการแพร่ระบาด" ศูนย์บัญชาการพิเศษฯระบุ

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก บอกว่าเขาเลื่อนการตัดสินใจที่จะประกาศให้การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่ กลไกที่มักใช้เฉพาะกับโรคระบาดเลวร้ายเท่านั้น โดยบอกว่าเขาอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้

"ผมตัดสินในขอให้คณะกรรมการฉุกเฉินประชุมกันอีกรอบในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือกันต่อ" เขากล่าว อ้างถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศที่พูดคุยกันนานหลายชั่วโมง ณ ที่ทำการขององค์การอนามัยโลกในเจนีวาเมื่อวันพุธ(22ม.ค.)

เมื่อถามถึงการปิดตายด้านการขนส่ง เขาบอกว่า "การมีมาตรการเข้มข้น ไม่ใช่เพียงจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศของพวกเขา แต่มันจะช่วยลดโอกาสที่โรคระบาดนี้จะแผ่ลามข้ามประเทศด้วย"

จนถึงตอนนี้มีประชาชนหลายร้อยคนติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในจีนและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ศพ นับตั้งแต่ตรวจพบผู้ติดเชื้อคนแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม และเจ้าหน้าที่ได้ออกคำแนะนำเรียกร้องให้พวกนักเดินทางอยู่ห่างจากเมืองแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว




โคโรนาไวรัสก่อความกังวลเป็นอย่างมากสืบเนื่องจากมันมีความคล้ายคลึงกับซาร์ส(โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนเกือบ 650 ศพทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงระหว่างปี 2002 ถึง 2003

ด้วยคาดหมายว่าประชาชนหลายร้อยล้านคนจะเดินทางทั่วประเทศจีนในเทศกาลตรุษจีนสัปดาห์นี้ คณะกรรมการสาธารณสุุขแห่งชาติจึงแถลงมาตรการต่างเพื่อควบคุมโรคติดต่อดังกล่าว ในนั้นรวมถึงการฆ่าเชื้อและระบายอากาศที่สนามบิน สถานีรถบัส ห้างสรรพสินค้า เช่นเดียวกับภายในเครื่องบินและขบวนรถไฟ

เวลานี้มีรายงานผู้ติดเชื้อมากกว่า 500 เคส ในนั้นส่วนใหญ่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย โดยเจ้าหน้าที่ของมณฑลบอกว่าเฉพาะในมณฑลหูเป่ยเพียงแห่งเดียว พบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 444 ราย ส่วนเมืองหลักต่างๆในนั้นรวมถึงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และฉงชิ่ง ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อเช่นกัน เช่นเดียวกับในมณฑลต่างๆในทางภาควันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลางและภาคใต้ของจีน

ขณะนี้นอกจากจีนแล้ว ยังพบผู้ติดเชื้อซึ่งพิสูจน์ยืนยันแล้วทั้งในไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเก๊า สหรัฐฯ ล่าสุดคือฮ่องกง

ทางการจีนระบุว่า โรคระบาดล่าสุดเป็นเชื้อไวรัสในลักษณะเดียวกับโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ที่ระบาดในปี 2002-2003 นั่นหมายความว่าจะมีการบังคับแยกตัวบุคคลที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสนี้และมีความเป็นไปได้ที่จะบังคับใช้มาตรการกักกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าต้นตอของไวรัสที่แท้จริงนั้นมาจากไหนกันแน่

ประเทศต่างๆได้ยกระดับความพยายามหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัส โดยพวกผู้โดยสารต้องเผชิญกัยมาตรการคัดกรอง ณ ท่าอากาศยาน 5 แห่งในสหรัฐฯและศูนย์กลางด้านการขนส่งทั่วเอเชีย ขณะที่อังกฤษและอิตาลีในวันพุธ(22ม.ค.) แถลงเพิ่มการเฝ้าระวังพวกผู้โดยสารที่มาจากเมืองอู่ฮั่นเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ผู้เชี่ยวชาญคนดังจากคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน ยืนยันว่าไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อจากคนสู่คน อย่างไรก็ตามยังสัตว์ยังเป็นผู้ต้องสงสัยหลักของแหล่งต้นตอการแพร่ระบาด ด้วยเชื่อว่าตลาดสดแห่งหนึ่งเมืองอู่ฮั่น คือแก่นกลางของการแพร่ระบาดครั้งนี้
คลิก>> https://mgronline.com/around/detail/9630000007280
#MGROnline #จีน #ไวรัสมรณะ #โคโรนา

 

เมืองอู่ฮั่นของจีนยกระดับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วยการปิดระบบขนส่งสาธารณะชั่วคราว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 17 คน #ไวรัสโคโรนา #อู่ฮั่น #จีน

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 17 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนพุ่งสูงกว่า 500 คน โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มทั้งในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า หลังจากก่อนหน้านี้พบมีการพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไทย
ขณะที่ทางการจีนยังคงดำเนินความพยายามที่จะหยุดการระบาดของเชื้อไวรัส โดยเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากรเกือบ 9,000,000 คนและเป็นต้นตอการระบาดต้องปิดระบบขนส่งสาธารณะของเมืองเพื่อควบคุมโรค ส่วนทางการท้องถิ่นยังแนะนำให้ประชาชนอย่าเดินทางออกจากเมืองและให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่สาธารณะ
ขณะที่ชาวจีนหลายล้านคนกำลังเดินทางหลั่งไหลในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า สนามบิน สถานีรถไฟ รถโดยสาร รถไฟใต้ดินและเรือข้ามฟากในเมืองอู่ฮั่นจะเริ่มหยุดให้บริการในวันนี้
ส่วนความคืบหน้าการประชุมฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ในจีน ปรากฏว่าที่ประชุมยังไม่ตัดสินใจว่าจะมีการประกาศให้การระบาดเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณะสุขระหว่างประเทศหรือไม่และจะมีการหารือกันต่อในวันนี้เช่นกัน
ด้านหน่วยงานสาธารณสุขของจีน ประกาศจะร่วมแบ่งปันข้อมูลการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ร่วมกับองค์การอนามัยโลกและประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พายุGlòriaนำลมแรงมาสู่ชายฝั่งตะวันออกของสเปน ตั้งแต่คาตาโลเนีย ถึงบาเลนเซีย ถึงมูร์เซีย และมีหิมะที่ตก
⁣
แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติในช่วงเวลานี้ของปีในเทือกเขาพิเรนีส แต่หิมะก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยทางตอนใต้ของคาตาโลเนียที่ระดับความสูงต่ำ
⁣
อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่มันยังคงอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 500 เมตรหรือน้อยกว่าในปัจจุบัน
⁣
วิดีโอแสดงหิมะที่ตกลงมาใน Els Ports และ Pobla de Massaluca
⁣

 

จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจพุ่งสูงเกือบ 1,700 คนแล้ว

• 18 มกราคม 2020

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพก่อนหน้าการค้นพบล่าสุด มีไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในคนอยู่แล้ว 6 สายพันธุ์
ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เอ็มอาร์ซีเพื่อการวิเคราะห์สถานการณ์โรคติดเชื้อทั่วโลก (MRC GIDA) ของสหราชอาณาจักร เผยกับบีบีซีว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วสองราย และพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศของเอเชีย ในขณะนี้อาจมีจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้นับพันราย

ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ MRC GIDA ซึ่งเป็นสถาบันใต้สังกัดของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (ICL) ผู้ให้คำแนะนำด้านโรคติดเชื้อแก่รัฐบาลอังกฤษและองค์การอนามัยโลกบอกว่า "ผมมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดมากขึ้นกว่าสัปดาห์ที่แล้ว เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อที่เรายังไม่ทราบอาจพุ่งขึ้นไปเกือบ 1,700 คนแล้วก็ได้"

จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงซึ่งทีมนักวิทยาศาสตร์ของ ศ. เฟอร์กูสัน เป็นผู้ประมาณการนั้น ได้จากการใช้แบบจำลองการแพร่ระบาดช่วยคำนวณ โดยใช้ข้อมูลของเชื้อไวรัส จำนวนประชากรท้องถิ่น และข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินของท่าอากาศยานนานาชาติเมืองอู่ฮั่นมาทำการวิเคราะห์ โดยสนามบินแห่งนี้รองรับผู้มาใช้งานมากถึง 19 ล้านคน แต่มีคนที่เดินทางออกนอกประเทศราว 3,400 คนต่อวันเท่านั้น

"การที่เชื้อแพร่จากเมืองอู่ฮั่นไปถึงต่างประเทศได้แล้วถึงสามกรณี แสดงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนที่ยังไม่มีการรายงานเข้ามานั้นสูงกว่าที่ทราบกันอยู่หลายเท่าตัว" ศ. เฟอร์กูสันกล่าวขณะที่พบกรณีการติดเชื้อในต่างประเทศที่ไทยแล้วสองราย และที่ญี่ปุ่นอีกหนึ่งราย

Image copyrightGETTY IMAGES
คำบรรยายภาพการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มที่เมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่ง
แม้ทางการจีนจะยืนยันว่า การแพร่ระบาดของเชื้อนี้มาจากสัตว์ป่าที่ขายในตลาดของเมืองอู่ฮั่น ซึ่งติดต่อมาสู่คนในภายหลัง แต่ศ. เฟอร์กูสันกล่าวเตือนว่า "ถึงสถานการณ์จะยังไม่เข้าขั้นที่ต้องตื่นตระหนก แต่ควรจะเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดจริงจังมากขึ้น เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่เชื้อสามารถจะติดต่อจากคนสู่คนได้"

ไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อไวรัสประเภทหนึ่งที่มีอยู่หลายชนิดพันธุ์ โดยก่อนหน้าการค้นพบล่าสุด มีไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในคนอยู่แล้วถึง 6 สายพันธุ์ ผู้ติดเชื้อบางรายมีอาการไม่รุนแรงโดยอาจป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่หลายครั้งทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงเช่นโรคซาร์ส (SARS) ซึ่งคร่าชีวิตคนไปถึง 774 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 8,098 รายเมื่อปี 2002

ส่วนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ มีความใกล้เคียงทางพันธุกรรมกับเชื้อไวรัสโรคซาร์สมากที่สุด เมื่อเทียบกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ โดยอาจทำให้เกิดอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้

https://www.bbc.com/thai/features-51161188

 

แหล่งต้นตอไข้หวัดมรณะไวรัสโคโรนาที่ทำให้ทั่วโลกหวาดผวาในตอนนี้ คือ ตลาดซีฟู้ดเมืองอู่ฮั่น ซึ่งขายสัตว์ป่าทั้งตัวเป็นๆและเนื้อชำแหละ มีโฆษณาออนไลน์ถึงร้อยกว่าชนิด ทั้งจิ้งจอก ลูกหมาป่า จระเข้ ซาลามานเดอร์ นกยูง งู หนู เม่น เนื้ออูฐ ฯลฯ คนงานในตลาด 6 ราย คือมนุษย์กลุ่มแรกที่มีอาการและเสียชีวิตด้วยโรคนี้
เช่นเดียวกับการเกิดไข้หวัดซารส์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์การแพทย์เชื่อว่าแพร่มาจากค้างคาว.. และอีกหลายๆปีก่อนที่เชื้อไวรัส HIV ถูกโยงเข้ากับลิงในแอฟริกา
เจอเข้าถึงขนาดนี้ คนเรายังไม่ยอมเลิก ล่า-เลี้ยง-เล่น กับสัตว์ป่าซะที.. โดยเฉพาะพวกนักล่า-นักสะสมชิ้นส่วนอวัยวะสัตว์ และนักเปิบพิสดารที่ยังโง่งมงายเรื่องยาโป๊ว

 

เมืองอู่ฮั่นสั่งปิดเมืองเพื่อกักกัน-หยุดการแพร่ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่: รถบัส-รถไฟใต้ดิน-เรือ-รถไฟ-เครื่องบิน หยุดให้บริการ ตั้งแต่10โมงเช้า(ตามเวลาจีน)ของวันนี้ (23 มกราคม 2563) โดยมีจุดประสงค์ห้ามคนเดินทางออกนอกอู่ฮั่น ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่และกักกันเพื่อหาทางหยุดการแพร่ให้ได้
ทั้งนี้ ในประกาศอย่างเป็นทางการที่ทางอู่ฮั่นประกาศออกมา ไม่ได้กำหนดว่าจะปิดเมืองถึงเมื่อไหร่ ก็นาาจะจนกว่าเหตุการณ์การระบาดจะดีขึ้น
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

ทางการจีนยืนยันตอนตี1 "มณฑลเฮยหลงเจียง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่รายแรกของมณฑล" / ขณะที่ "กว่างซียืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3ราย รวมเป็น5รายในกว่างซี" / ยอดผู้ติดเชื้อรวมในจีน (รวมไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า) 554 ราย
.
เมื่อช่วงตี1ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นจีน) ทางจีนมียืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่รายล่าสุด ที่มณฑลเฮยหลงเจียง 1 ราย และ กว่างซี รายใหม่ 3ราย รวม 5รายที่กว่างซี
(มณฑลเฮยหลงเจียง หลายคนอาจจะงงว่าที่ไหน จึงขออธิบายเพิ่มสักนิด : เมืองฮาร์บิน ที่เที่ยวยอดนิยม เป็นเมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียง ครับ)
1. ที่เฮยหลงเจียง : พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เมืองหมู่ตันเจียง เป็นชายวัย69ปี เดินทางกลับจากอู่ฮั่นเมื่อ12มกราคม 2563
2. 3 รายใหม่ ที่กว่างซี : รายที่1 และ2 เป็นชาวอู่ฮั่น เดินทางมายังเมืองเป๋ยไห่ กว่างซี ; รายที่3 อาศัยอยู่ในอู่ฮั่นเป็นเวลานาน โดยเดินทางกลับมาที่หลิ่วโจว
ผู้ติดเชื้อทั้งหมด มีอาการคล้ายกันคือ มีไข้ และไอ จึงไปหาหมอและถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

เคสผู้ป่วยฮ่องกง ที่ถูกระบุเป็นผู้ต้องสงสัยที่เสี่ยงสูง ล่าสุดตอนนี้ยืนยันแล้วว่า "ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่อย่างแน่นอน" ทำให้ตอนนี้ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย1ราย / ยอดรวมผู้ติดเชื้อในจีน (รวมไต้หวัน-ฮ่องกง-มาเก๊า) ทะลุ 550 ราย
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

มณฑลเจียงซู ยืนยัน "พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ รายแรกของมณฑล" พบที่เขตนิคมอุตสาหกรรมเมืองซูโจว / ยอดผู้ติดเชื้อในจีน รวม 549ราย
.
ผู้ติดเชื้อเป็นชายวัย37ปี พักอยู่ที่เขตนิคมอุตสาหกรรมเมืองซูโจว เขากลับจากอู่ฮั่นมายังซูโจวเมื่อ 10มกราคมที่ผ่านมา โดยรู้สึกว่าตนเองมีไข้จึงไปพบแพทย์ และก็ได้รับการรักษามาตามลำดับ จนล่าสุดได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่
ทั้งนี้คนที่ใกล้ชิดกับคนนี้ จำนวน 28คน (คิดว่ารวมแพทย์และพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์อิ่นๆ) ได้ถูกติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่ามีการติดเชื้อจากชายคนนี้หรือไม่
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

กรุงปักกิ่งยืนยัน "ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่เพิ่มขึ้น 4ราย รวมยอดตอนนี้ทั้งหมด 14รายในเมืองหลวงจีน" และ 548รายในจีน
.
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20 นาทีที่ผ่านมา (22.40น.) ทางการจีนยืนยันว่า "กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงจีน มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก4ราย รวมเป็น 14ราย"
โดยเขตต่างๆในปักกิ่งที่รับแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อ แบ่งได้ดังนี้
1. เขตซีเฉิง 2ราย
2. เขตเฉาหยาง 1ราย
3. ไห่เตี้ยน 2 ราย
4. เฟิงไถ 1ราย
5. สือจิ่งซาน 1ราย
6. ทงโจว 1ราย
7. ต้าซิง2ราย
8. ชางผิง 2ราย
9. มาจากอู่ฮั่น 2 ราย
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

Setiawan

ทุกสิ่งที่คุณเห็นที่นี่เคยเป็นพื้นดินจนกระทั่งเมื่อวาน
พื้นที่ Ebro Delta ส่วนใหญ่ ของสเปนถูกลบออก โดยพายุ #Gloria ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 รายและสูญหายไป 4 ราย ในสเปน
All what you see here used to be land until yesterday.
Most of the Ebro Delta, Spain has been erased by storm #Gloria, which leaves 9 dead, 4 missing in Spain.

 

Setiawan

กรณี การปะทุของภูเขาไฟ #Shishaldin, #Alaska กำลังดำเนินการต่อไป
ในการเรนเดอร์ภาพ 3D ที่ได้มาเมื่อวานนี้วันที่ 20 มกราคมโดย # Sentinel2 เราสามารถเห็นการไหลของลาวาที่เย็นลงทางด้านเหนือของภูเขาไฟ
The eruptive episode of the #Shishaldin volcano, #Alaska, is continuing
In this 3D rendering of the image acquired yesterday, 20 January, by #Sentinel2 we can see the cooling lava flow on the northern flank of the volcano

 

Setiawan

พายุ #Gloria ก่อให้เกิด น้ำขึ้นจากพายุ (storm sturge) ที่ทำลาย Ebro delta ประเทศสเปนเป็นระยะทาง 3 กม. ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อนาข้าว

ก่อน / หลังการเปรียบเทียบโดยใช้ภาพเรดาร์ # Sentinel1 acquired ที่ได้มาเมื่อวาน 22 มกราคม

#CropsFailure
Storm #Gloria has caused a storm sturge that has ravaged the Ebro delta, Spain up to 3 km inland, resulting in severe damage to the rice paddies.

Before/after comparison using a #Sentinel1 radar image acquired yesterday 22 January

#CropsFailure

 

น้ำขึ้นจากพายุ
คลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่ง


ผลกระทบของน้ำขึ้นจากพายุ
น้ำขึ้นจากพายุ[1] (อังกฤษ: storm surge หรือ tidal surge) คือคลื่นที่เกิดจากการยกตัวขึ้นของน้ำทะเลนอกชายฝั่งด้วยอิทธิพลของความกดอากาศต่ำและอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อน น้ำขึ้นจากพายุขั้นตอนแรกเกิดจากลมความเร็วสูงที่พัดผลักดันผิวมหาสมุทร ลมจะทำให้น้ำยกตัวสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลปกติ ขั้นตอนที่สองคือความกดอากาศต่ำที่ศูนย์กลางพายุ (ตาพายุ) มีผลเพิ่มยกระดับน้ำขึ้นอีกเล็กน้อย และอีกสาเหตุคือชั้นความลึก (bathymetry) ของน้ำทะเล ผลกระทบรวมจากปรากฏการณ์ความกดอากาศต่ำร่วมกับการพัดของลมพายุเหนือทะเลน้ำตื้นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของอุทกภัยจากน้ำขึ้นจากพายุ คำว่า "storm surge" ในภาษาอังกฤษยังมีคำอื่น ๆ ที่ใช้แบบไม่เป็นทางการ (ไม่ใช่ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์) คือ "storm tide" (น้ำขึ้นหนุนจากพายุ) นั่นเพราะมันเกี่ยวโยงกับการยกขึ้นของน้ำทะเลจากพายุ, ภาวะน้ำขึ้นหนุน (plus tide), คลื่นเคลื่อนยกตัว (wave run-up), และการท่วมหลากของน้ำจืด เมื่อเอ่ยถึงอ้างอิงความสูงของน้ำขึ้นจากพายุ สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของจุดอ้างอิง จากรายงานพายุหมุนเขตร้อนของศูนย์พายุหมุนแห่งชาติ (National Hurricane Center, NHC) รายงานอ้างอิงน้ำขึ้นจากพายุจากความสูงของระดับน้ำที่สูงเหนือจากระดับน้ำขึ้นของอุตุพยากรณ์ และความสูงของระดับน้ำที่ถูกพายุยกขึ้นเหนือจากสถิติระดับน้ำทะเลที่อ้างอิงใน พ.ศ. 2472 (NGVD-29)


กลไก

ภาพกราฟิกแสดงน้ำขึ้นจากพายุ
อิทธิพลที่มีผลต่อการการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในระหว่างเกิดพายุมีอย่างน้อย 5 อิทธิพล ได้แก่ อิทธิพลความกดอากาศ, อิทธิพลโดยตรงจากลมพายุ, อิทธิพลของการหมุนตัวของโลก, อิทธิพลของคลื่น, และอิทธิพลของปริมาณน้ำฝนที่ตก[2]

อิทธิพลความกดอากาศของพายุหมุนเขตร้อนจะทำให้ระดับของน้ำในทะเลเปิดยกตัวสูงขึ้นในเขตที่บรรยากาศมีความกดอากาศต่ำ และลดระดับต่ำลงในเขตบรรยากาศมีความกดอากาศสูง ระดับน้ำที่ยกตัวสูงขึ้นจะแปรผกผันกับความกดอากาศที่ต่ำลง เพื่อที่จะทำให้ความกดโดยรวมที่ระนาบของใต้ผิวน้ำคงที่ ผลกระทบนี้ทำให้ประมาณได้ว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร (0.4 นิ้ว) ต่อทุก ๆ 1 มิลลิบาร์ที่ลดลงของความกดอากาศ[2]

ความแรงที่พื้นผิวลมเป็นสาเหตุโดยตรงของความสูงชันของพายุลม ปรากฏการณ์นี้รู้จักกันในชื่อ "เกลียวเอ็กมาน" (Ekman spiral) มีข้อเท็จจริงที่ว่าความกดดันของลม (wind stress) เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์การก่อตัวของลม นั่นคือมีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะยกเพิ่มในด้านทิศเดียวกับกระแสลมที่พัดเข้าฝั่ง และระดับน้ำจะลดลงในด้านตรงกันข้าม เพราะเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่พายุจะพัดน้ำซัดอ่าวในทิศทางไปของพายุ เพราะเหตุว่าเกลียวเอ็กมานมีผลจากการแผ่ในแนวฉากของลมที่ผ่านน้ำ และผลกระทบนี้จะแปรผกผันกับความลึกของน้ำ อิทธิพลความดันและการก่อตัวของลมในทะเลเปิดจะผลักดันน้ำเข้าสู่อ่าวในแนวเดียวกับอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง

อิทธิพลของการหมุนของโลกเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์คอริออลิส (Coriolis effect) ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะทำให้ทิศทางกระแสน้ำเบี่ยงโค้งไปทางขวาในซีกโลกเหนือ และเบี่ยงโค้งไปทางซ้ายในซีกโลกใต้จากอิทธิพลของการหมุนของโลก เมื่อโค้งของกระแสน้ำเข้าพุ่งปะทะกับชายฝั่งในแนวตั้งฉากจะไปเพิ่มขยายคลื่นที่ยกตัวให้เพิ่มขึ้น และหากโค้งของกระแสน้ำหันออกจากชายฝั่งมีผลให้คลื่นที่ยกตัวนั้นลดลง

อิทธิพลของคลื่น ขณะที่คลื่นได้รับกำลังจากลม โดยเฉพาะจากพลังของลมพายุ ลมที่มีพลังจะยกคลื่นให้ใหญ่และแรงในทิศทางเดียวกันกับแนวการเคลื่อนที่ของลม แม้กระนั้นก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ผิวคลื่นเพียงเล็กน้อยในทะเลเปิด (ทะเลลึก) แต่มันจะมีผลให้คลื่นขยายตัวใหญ่และแรงขึ้นคลื่นนั้นเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง เมื่อแนวคลื่นที่กำลังแตกตัวขนานกับหาดมันนำน้ำจำนวนมากซัดตรงเข้าสู่ฝั่ง ขณะที่คลื่นแตกตัวอนุภาคของน้ำที่เคลื่อนเข้าฝั่งนั้นมีโมเมนตัมจำนวนมาก จนอาจซัดกระเซ็นขึ้นไปตามความชันของหาดจนสูงเหนือระดับน้ำทะเลและคลื่นที่ตามมาในลูกที่สองถูกซัดสูงขึ้นก่อนที่มันจะแตกกระจาย

ปริมาณน้ำฝนที่ตกมีอิทธิพลมากตรงบริเวณชะวากทะเล (บริเวณที่น้ำจืดกับน้ำเค็มบรรจบกัน) ในพื้นที่เปิดเฮอริเคนสามารถสร้างปริมาณน้ำฝนได้ถึง 12 นิ้วใน 24 ชั่วโมง และอาจจะสูงกว่าในพื้นที่ปิด ผลที่ตามมาคือ สันปันน้ำ (watersheds) (ร่องเขาที่เป็นแนวร่องน้ำ) น้ำจะไหลบ่าอย่างเร็วระบายสู่แม่น้ำ นี่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงในระดับสูงสุดของระดับน้ำขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ เป็นเพราะพายุขับดันคลื่นยกตัวจากมหาสมุทรและน้ำฝนที่ไหลมาจากชะวากทะเล


การวัดการยกตัวแก้ไข
การวัดการยกตัวสามารถทำได้โดยตรงที่สถานีวัดน้ำขึ้นน้ำลงชายฝั่ง (coastal tidal stations) โดยวัดความแตกต่างของระดับน้ำขึ้นพยากรณ์การระดับยกตัวที่สังเกตได้[3] ข้อสารสนเทศนี้สามารถดูในขณะเกิดจริงได้ที่เว็บไซต์น้ำขึ้นน้ำลงและกระแสน้ำของ NOAA (NOAA Tides and Currents website) ตลอดเวลาที่ทำการรายงาน[4]

การวัดการยกตัวอีกวิธีหนึ่งที่เริ่มนำมาใช้โดย NHC เมื่อ พ.ศ. 2548 โดยทีมงาน USGS ที่ใช้การติดจั้งตัวแปรสัญญาณความกดอากาศไปตามชายฝั่งทะเลก่อนที่พายุหมุนจะมาถึง ซึ่งเป็นการทดลองใช้ครั้งแรกกับพายุหมุนริตา (Hurricane Rita) [5] กรรมวิธีนี้ได้นำมาตรวจสอบความถูกต้องกับกรรมวิธีอื่นที่ใช้กับริตาด้วย และต่อมาได้ใช้กีบพายุหมุนเออร์เนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2549 อีกครั้ง เครื่องรับรู้ประเภทนี้สามารถนำไปติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่จะถูกน้ำท่วมโดยสามารถวัดความสูงของน้ำส่วนบนได้[6]


บันทึก
น้ำขึ้นจากพายุที่สูงที่สุดที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เกิดจากพายุหมุนมาฮินา (Cyclone Mahina) ที่อ่าวแบเทิสต์ (Bathurst Bay) ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2442 ซึ่งประมาณว่าสูงถึง 13 เมตร แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 ให้ข้อสังเกตว่าสาเหตุเหตุหลัก ๆ น่าจะเกิดจากคลื่นเคลื่อนยกตัวมากกว่าเนื่องจากความชันของพื้นใต้ชายฝั่งทะเล[7] บันทึกของน้ำขึ้นจากพายุที่สูงที่สุดเกิดจากพายุหมุนแคทรินาเมื่อ พ.ศ. 2548 ซึ่งทำให้คลื่นยกตัวสูงขึ้นถึงระดับ 7.6 เมตร[8][9] รอบ ๆ อ่าวเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซิสซิปปี, ในชุมชนเวฟแลนด์, ตัวอ่าวเซนต์หลุยส์, ไดมอนด์เฮด, และช่องแคบคริสเตียน โดยมีคลื่นยกตัวสูงถึง 8.5 เมตรที่ช่องแคบคริสเตียน[10] บันทึกน้ำขึ้นจากพายุอีกรายหนึ่งเกิดในบริเวณเดียวกันจากพายุหมุนคามิลเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2512 โดยมีคลื่นยกตัวสูงสุดถึง 7.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลสูงสุดซึ่งเกิดที่ช่องแคบคริสเตียนเช่นกัน [11] น้ำขึ้นจากพายุที่เลวร้ายที่สุดในแง่ของการเสียชีวิตของผู้คนเกิดจากพายุไต้ฝุ่นโภลา (Bhola cyclone) เมื่อ พ.ศ. 2513 ที่อ่าวเบงกอลและโดยทั่วไป อ่าวเบงกอล ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่เกิดภัยจากน้ำขึ้นจากพายุชุกมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ

เหตุการณ์น้ำขึ้นจากพายุในประเทศไทยแก้ไข
ในอดีตประเทศไทยก็เคยเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นจากพายุ เมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากพายุโซนร้อนแฮเรียต มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 300 กิโลเมตร ความเร็วลม 180 - 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วในการเคลื่อนที่ 92.622 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกิดคลื่นยักษ์สูงประมาณยอดต้นสน (20 เมตร) สร้างความเสียหายให้ 9 จังหวัดในภาคใต้เป็นอย่างมาก สถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือน โรงเรียน วัด ถูกพายุพัดพังระเนระนาด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ไม่สามารถติดต่อกันได้ เรือที่ออกทะเลเสียหายมากมาย ต้นยาง ต้นมะพร้าว และต้นไม้อื่น ๆ ล้มพินาศมหาศาล สวนยางนับแสน ๆ ต้นโค่นล้มขวางเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 911 คน, สูญหาย 142 คน, บาดเจ็บสาหัส 252 คน,ไม่มีที่อยู่อาศัย 10,314 คน, บ้านเสียหาย 42,409 หลังคาเรือน,โรงเรียน 435 หลัง


สโลช (SLOSH)

ตัวอย่างการเดินแบบจำลองสโลช (SLOSH run)
ดูบทความหลักที่: การพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อน
ศูนย์พายุหมุนแห่งชาติได้พยากรณ์ไว้ว่าน้ำขึ้นจากพายุโดยใช้แบบจำลองสโลช หรือ SLOSH ซึ่งย่อมาจาก "น้ำขึ้นจากพายุในทะเลสาบและบนแผ่นดิน" ในภาษาอังกฤษ คือ Lake and Overland Surges from Hurricanes. แบบจำลองนี้มีความแม่นยำภายใน 20 percent.[12] ข้อมูลสโลชรับเข้า (input) รวมถึงความกดอากาศส่วนกลางของพายุหมุนเขตร้อน, ขนาดของพายุ, การเคลื่อนตัวของพายุ, เส้นทางการเคลื่อนตัว, และความเร็วลมคงที่สูงสุด นอกจากนี้ยังต้องนำเอาลักษณะภูมิประเทศท้องถิ่น, การหันเหทิศทางของอ่าวและแม่น้ำ, ความลึกของก้นทะเล, การขึ้นลงเชิงดาราศาสตร์ของน้ำ (น้ำขึ้นน้ำลง) , รวมทั้งรูปโฉมทางกายภาพอื่น ๆ เข้ามานับร่วมกันเพื่อการกำหนดกริดหรือตารางล่วงหน้าที่เรียกว่า "แอ่งสโลช" (SLOSH basin) แล้วจึงนำแอ่งสโลชมาทับซ้อนสำหรับเส้นแนวชายฝั่งทะเลด้านใต้และตะวันออกของแผ่นทวีปอเมริกา[13] ในการจำลองพายุบางครั้งอาจใช้แอ่งสโลชมากว่า 1 แอ่ง เช่นการเดินแบบจำลองสโลชแคทรินาซึ่งใช้ทั้งแอ่งทะเลสาบพอนชาร์เทรน/นิวออร์ลีนส์ และ แอ่งมิสซิสซิบปีซาวด์ร่วมกันเพื่อใช้กับการขึ้นฝั่งของพายุ (landfall) ของอ่าวเม็กซิโก


การบรรเทา
แม้การสำรวจทางอุตุนิยมจะเตือนภัยพายุหมุนหรือพายุร้ายแรงทั่ว ๆ ไปแล้วก็ตาม ในบางกรณีบางพื้นที่ที่มีความเสียงต่อน้ำท่วมชายฝั่งสูงเฉพาะที่บางแห่งจะมีการเตือนเกี่ยวกับน้ำขึ้นจากพายุเฉพาะเป็นครั้ง ๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน ได้มีการปฏิบัติจริงอยู่แล้วหลายแห่ง เช่นประเทศเนเธอร์แลนด์[14] สเปน,[15][16] สหรัฐ,[17][18] และ สหราชอาณาจักร.[19]

กรรมวิธีเพื่อป้องน้ำขึ้นจากพายุเริ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทะเลเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2496 โดยการสร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำท่วม (สันดอนกั้นน้ำขึ้นจากพายุ) ปกติจะเปิดให้น้ำและเรือผ่านเข้าออก แต่จะปิดเมื่อมีทีท่าว่าอาจถูกคุกคามจากน้ำขึ้นจากพายุ สันดอนกั้นพายุยกที่สำคัญได้แก่ โอสเตอร์สแค็ลเดอเกริง (Oosterscheldekering) และมาสลันต์เกริง (Maeslantkering) ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการงานดินดอนสามเหลี่ยม (Delta Works project) และสันดอนเทมส์ (Thames Barrier) ที่ใช้ป้องกันกรุงลอนดอน



หมายเหตุ

1. ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2549, หน้า 504.
2. ↑ 2.0 2.1 Harris 1963
3. ↑ John Boon (2007). "Ernesto: Anatomy of a Storm Tide" (PDF). Virginia Institute of Marine Science, College of William and Mary. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
4. ↑ National Ocean Service (2008). "Tide Data - Station Selection". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
5. ↑ U.S. Geological Survey (2006-10-11). "Hurricane Rita Surge Data, Southwestern Louisiana and Southeastern Texas, September to November 2005". U.S. Department of the Interior. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
6. ↑ Automated (2008). "U20-001-01-Ti: HOBO Water Level Logger Specification". Onset Corp. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
7. ↑ Jonathan Nott and Matthew Hayne (2000). ~How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf/$file/How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf "How high was the storm surge from Tropical Cyclone Mahina? North Queensland, 1899"Check |url= value (help) (PDF). Emergency Management Australia. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
8. ↑ FEMA (2005-11-01). "Mississippi Hurricane Katrina Surge Inundation and Advisory Base Flood Elevation Map Panel Overview" (PDF). Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
9. ↑ FEMA (2006-05-30). "Hurricane Katrina Flood Recovery (Mississippi)". Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
10. ↑ Knabb, Richard D (2005-12-20; updated 2006-08-10). "Tropical Cyclone Report: Hurricane Katrina: 23-30 August 2005"(PDF). National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ 2008-10-11. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=suggested) (help); Check date values in: |date= (help)
11. ↑ Simpson, 1969
12. ↑ National Hurricane Center (2008). "SLOSH Model". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
13. ↑ NOAA (1999-04-19). "SLOSH Model Coverage". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
14. ↑ Rijkswaterstaat (2008-07-21). "Storm Surge Warning Service". สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
15. ↑ Ports of the State (1999-03-01). "Storm surge forecast system". Government of Spain. สืบค้นเมื่อ 2007-04-14.
16. ↑ Puertos del Estado (1999-03-01). "Sistema de previsión del mar a corto plazo" (in Spanish). Gobierno de España. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
17. ↑ Stevens Institute of Technology (2008-08-10). "Storm Surge Warning System". New Jersey Office of Emergency Management. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
18. ↑ Donna Franklin (2008-08-11). "NWS StormReady Program, Weather Safety, Distaster, Hurricane, Tornado, Tsunami, Flash Flood..." National Weather Service. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
19. ↑ National Flood Risk Systems Team (2007-04-14). "Current Flooding Situation". Environment Agency. สืบค้นเมื่อ 2007-07-07.

อ้างอิง

• Anthes, Richard A. (1982). "Tropical Cyclones; Their Evolution, Structure and Effects, Meteorological Monographs". American Meteorological Society. Ephrata, PA. 19 (41): 208.
• Cotton, W.R. (1990). Storms. Fort Collins, Colorado: *ASTeR Press. p. 158. ISBN 0962598607.
• Dunn, Gordon E. (1964). Atlantic Hurricanes. Baton Rouge, LA: Louisiana State University Press. p. 377. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Finkl, C.W. Jnr. (1994). "Disaster Mitigation in the South Atlantic Coastal Zone (SACZ) : A Prodrome for Mapping Hazards and Coastal Land Systems Using the Example of Urban subtropical Southeastern Florida. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research. Charlottesville, Virginia: Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 339–366.
• National Hurricane Center (1995). Lake Okeechobee Storm Surge Atlas for 17.5' & 21. 5' Lake Elevations. Ft. Myers, Florida: Southwest Florida Regional Planning Council. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Gornitz, V. (1994). "The development of a coastal risk assessment database: Vulnerability to sea level rise in the U.S. southeast". Journal of Coastal Research. Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 327–338. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Granthem, K. N. (1953-10-01). "Wave Run-up on Sloping Structures". Transactions of the American Geophysical Union. 34 (5): 720–724.
• Harris, D.L. (1963). "Characteristics of the Hurricane Storm Surge" (PDF). Technical Paper No. 48. Washington, D.C.: U.S. Dept. of Commerce, Weather Bureau: 139.
• Hebert, Paul J. (1983). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)" (PDF). NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Miami, Florida: National Hurricane Center: 33. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Hebert, P.J. (1995). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)". NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Coral Gables, Fla., In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes...Different Faces In Different Places, (proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference, Atlantic City, N.J.: 10–50. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Jarvinen, B.R. (1985). "An evaluation of the SLOSH storm-surge model". American Meteorological Society Bulletin. 66 (11): 1408–1411. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Jelesnianski, Chester P. (1972). "SPLASH (Special Program To List Amplitudes of Surges From Hurricanes) I. Landfall Storms". NOAA Technical Memorandum NWS TDL-46. Silver Spring, Maryland: National Weather Service Systems Development Office: 56.
• Jelesnianski, Chester P. (1992). "SLOSH: Sea, Lake, and Overland Surges from Hurricanes". NOAA Technical Report NWS 48. Silver Spring, Maryland: National Weather Service: 71. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Lane, E.D. (1981). Environmental Geology Series, West Palm Beach Sheet; Map Series 101. Tallahassee, Florida: Florida Bureau of Geology. p. 1.
• Murty, T.S. (1994). "Impact of Storm Surges in the Bay of Bengal. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research (Special Issue No. 12): 149–161. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• United States National Weather Service (1993). Hurricane!: A Familiarization Booklet. NOAA PA 91001: U.S. Dept. of Commerce, National Oceanic and Atmospheric Administration, National Weather Service. p. 36.
• Newman, C.J. (1993). "Tropical Cyclones of the North Atlantic Ocean, 1871-1992". Ashville, North Carolina and National Hurricane Center, Coral Gables, Florida: National Climatic Data Center in cooperation with the National Hurricane Center: 193. Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Sheets, Dr. Robert C. (1995). "Stormy Weather, In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes... Different Faces In Different Places, (Proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference". Atlantic City, N.J.: 52–62.
• Simpson, R.H. (1970-04-01). "The Atlantic Hurricane Season of 1969" (PDF). Monthly Weather Review. Boston, Massachusetts: American Meteorological Society. 98 (4). doi:10.1175/1520-0493 (1970) 098<0293:TAHSO>2.3.CO;2 Check |doi= value (help). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11. Unknown parameter |doi_brokendate= ignored (help); Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)
• Simpson, R.H. (1971). A Proposed Scale for Ranking Hurricanes by Intensity (Speech). Minutes of the Eighth NOAA, NWS Hurricane Conference. Miami, Florida.
• Tannehill, I.R. (1956). Hurricanes. Princeton, New Jersey: Princeton University Press. p. 308.
• Will, Lawrence E. (1978). Okeechobee Hurricane; Killer Storms in the Everglades. Belle Glade, Florida: Glades Historical Society. p. 204.

https://th.m.wikipedia.org/wiki/น้ำขึ้นจากพายุ