ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วมฉับพลันใน Ashkelon, อิสราเอล
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ตั๊กแตนระบาดใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี ที่รุกรานเคนยา โซมาเลีย และเอธิโอเปีย
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุหิมะที่โหดร้ายในเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ควันไฟจากออสเตรเลียมาถึงแอนตาร์กติกา ใน Marambio มีการบันทึกความเข้มข้นของละอองลอย ที่สูงกว่าปกติ 10 เท่า
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุทรายที่น่าตื่นตาตื่นใจเหนือดับโบ, นิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย # 19 ม.ค.
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ้าชายแฮร์รี่ เมแกน ยังเรียกตัวเอง‘เจ้าฟ้า’ ไม่กี่นาที ก่อนควีนจะมีพระราชบัญชาถอดพระยศ ด้านคนสื่อชื่นชมควีนตัดสินพระทัยถูกต้อง
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20200119_213923.jpg
    (Jan 19) ดับบลิวอีเอฟเตือน ภัยโลกร้อนรุนแรง ศก.เสียหายพุ่ง : ดับบลิวอีเอฟเตือนโลก เตรียมเผชิญหน้าภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น หากไม่ร่วมกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม และบริษัทชั้นนำโลกจะได้รับความเสียหาย 1 ล้านล้านดอลลาร์ ด้านอุตุนิยมวิทยาโลกชี้ปี 63 อากาศ ร้อนหนัก อาจเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ ขณะที่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวออสเตรเลีย เผยไฟป่าทำอุตฯท่องเที่ยวเสียหาย 690 ล้านดอลลาร์

    เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม(ดับบลิวอีเอฟ) เผยแพร่รายงานการศึกษาล่าสุดที่บ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม บริษัทเอกชน ตลอดจนหน่วยงานรัฐบาลโดยถ้วนหน้า โดยจะก่อต้นทุนแก่บริษัทขนาดใหญ่สุดของโลกจำนวนกว่า 200 แห่งเป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะ5ปีข้างหน้า หากไม่มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเห็นผล

    นอกจากนี้ ดับบลิวอีเอฟ ยังระบุว่า สำหรับประเทศกำลังพัฒนาต้องใช้งบประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปีเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยน และภายในสิ้นศตวรรษนี้ ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของสหรัฐประมาณ 10% และการที่สหภาพยุโรป(อียู)ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือ0% ภายในปี 2593 จำเป็นต้องใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) แถลงว่า ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนเป็นอันดับ 2 ของโลกนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติมา และสภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนมากกว่าเดิมในปีนี้ และปีต่อๆ ไป

    ดับเบิลยูเอ็มโอ ซึ่งมีฐานอยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมทั้งจากองค์การนาซา และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ซึ่ง ผลวิเคราะห์ เผยว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ในปี 2562 อยู่ที่ 1.1 องศาเซลเซียส สูงกว่าระดับที่บันทึกไว้ในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และกำลังขยับขึ้นไปสู่ระดับที่ทั่วโลกตั้งเพดานไว้ ซึ่งหากสูงไปกว่านี้ คาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อชีวิตบนโลก

    ด้านคณะนักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อสภาพอากาศสุดขั้วในปี 2562 เช่นคลื่นความร้อนในยุโรป และพายุเฮอริเคนดอร์เรียน ที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 50 ราย หลังพัดถล่มบาฮามาสเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และในอนาคต โลกอาจเผชิญกับปรากฏการณ์ เอลนิโญที่จะทำให้สภาพอากาศทั่วโลกร้อนขึ้นอีก

    การเผยแพร่ข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก มีขึ้นในช่วงที่บรรดาผู้นำโลก ตัวแทนภาครัฐบาลและภาคเอกชนจาก 117 ประเทศ เตรียมเข้าร่วมการประชุมด้านเศรษฐกิจระดับโลก เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกันว่า ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์การเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก และข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นประเด็นใหญ่ในปีนี้

    นายเคลาส์ ชว็อบ ผู้ก่อตั้ง เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม กล่าวในโอกาสครบรอบ 50 ปี การก่อตั้ง เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ว่า ทั่วโลกไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลกอย่างที่เป็นอยู่ รวมทั้งไม่ต้องการให้โลกไปถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อีกแล้ว แต่จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ บอกได้ว่าโลกกำลังเผชิญกับภาวะฉุกเฉิน และทุกฝ่ายต้องพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนจะสายเกินไป ซึ่งเวที เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ก็เป็นอีกช่องทางที่ผู้นำโลกจะแสวงหาความร่วมมือจากนานาชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตเหล่านี้ได้

    ไฟป่าฉุดท่องเที่ยวออสซี่690ล.ดอลล์

    ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ออสเตรเลีย (เอทีไอซี) ระบุว่า ไฟป่าออสเตรเลียส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 690 ล้านดอลลาร์ โดยจำนวนการจองที่พักในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าถูกยกเลิกไปเกือบ 100% นอกจากนี้ การจองที่พักในบริเวณใกล้เคียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าก็ถูกยกเลิกไปกว่า 60% เช่นกัน

    ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในกรุงแคนเบอร์รา ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ จากไฟป่า แต่ถูกปกคลุมด้วยควันไฟก็รายงานว่า มีอัตราการยกเลิกที่พักถึง 20% ซึ่งการยกเลิกการจองที่พักส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่เลือกว่าจะอยู่ที่บ้าน ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่ได้ยกเลิกการจองที่พักแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเตือนว่า ชื่อเสียงของออสเตรเลียในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้รับผลกระทบจากเหตุไฟป่า

    นายไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนของออสเตรเลียให้สัมภาษณ์กับซิดนีย์ มอร์นิง เฮอราลด์ หลังเข้าประชุมกับสมาชิกอาวุโสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวว่า รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    นายเบอร์มิงแฮม กล่าวว่า "เราจะรายงานความคืบหน้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ เพื่อแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับพื้นที่การลุกลามของไฟป่าเหล่านั้น และยังมีกิจกรรมเป้าหมายที่ดำเนินต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจเพื่อให้นานาประเทศรู้ว่า ออสเตรเลียยังคงเปิดรับนักท่องเที่ยวและเรายังคงต้องการให้นักท่องเที่ยว มาเยือน"

    เยอรมนีจ่อปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินใน15 ปี

    รัฐบาลเยอรมนีเห็นชอบเรื่องแผนปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดทั่วประเทศภายในช่วง 15 ปีข้างหน้า โดยเมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการชุดหนึ่งซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาล เสนอให้เยอรมนีเลิกผลิตไฟฟ้าด้วยการเผาถ่านหินภายในปี 2581 เพื่อรับมือกับสภาวะโลกร้อน แต่นโยบายดังกล่าวไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีบางพื้นที่ของประเทศที่ยังต้องพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินอยู่

    ทั้งนี้ รัฐบาลจะทบทวนนโยบายเพื่อ ปูทางไปสู่การปิดโรงงานถ่านหิน โดยตั้งเป้าที่จะปิดโรงงานให้ได้ทั้งหมดภายในปี 2578

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/862411

    เพิ่มเติม
    - WEF identifies global power rivalries as the ‘super-risk’ to climate crisis progress : https://www.cnbc.com/2020/01/17/dav...-rivalries-is-the-super-risk-to-progress.html
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1579404864.jpg
    ภาคเหนือ-อีสาน ช้ำหนัก เผชิญทั้งภัยแล้งและฝุ่นพิษ 19 Jan 2020

    ศูนย์เตือนภัย ออกรายงานสาธารณภัย พบภาคเหนือ กลาง อีสาน เผชิญทั้งภาวะภัยแล้งและฝุ่น PM2.5

    ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกรายงานแจ้งข่าว แจ้งเตือนสาธารณภัย ประจําวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.00 น. ระบุถึงสถานการณ์ภัยแล้ง ภาพรวมสถานการณ์ฝนของประเทศไทยที่มีค่าน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ ทําให้ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่และอ่างเก็บน้ํามีระดับน้ําน้อยในขั้นวิกฤติ (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30%ของความจุอ่าง) จํานวน 12 แห่ง ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ (แม่กวงอุดมธารา) จ.ลําปาง (แม่มอก) จ.อุทัยธานี (ทับเสลา) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ (จุฬาภรณ์) จ.ขอนแก่น (อุบลรัตน์) จ.นครราชสีมา (ลําพระเพลิง และลําแซะ) จ.บุรีรัมย์ (ลํานางรอง) ภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี (กระเสียว) จ.ลพบุรี (ป่าสักชลสิทธิ์) จ.ฉะเชิงเทรา (คลองสียัด) และ จ.ระยอง (หนองปลาไหล)

    ปัจจุบันมีจังหวัดที่ประกาศเป็น “พื้นที่ประสบภัยแล้ง” จํานวน 20 จังหวัด ภาคเหนือ จ.เชียงราย 14 อำเภอ จ.น่าน 2 อำเภอ จ.พะเยา 5 อำเภอ จ.เพชรบูรณ์ 6 อำเภอ จ.อุตรดิตถ์ 4 อำเภอ จ.สุโขทัย 4 อำเภอ จ.นครสวรรค์ 5 อำเภอ อุทัยธานี 8 อำเภอ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม 1 อำเภอ จ.มหาสารคาม 7 อำเภอ จ.บึงกาฬ 4 อำเภอ จ.หนองคาย 8 อำเภอ จ.บุรีรัมย์ 7 อำเภอ จ.กาฬสินธุ์ 1 อำเภอ จ.นครราชสีมา 5 อำเภอ จ.สกลนคร 8 อำเภอ และภาคกลาง จ.ชัยนาท 4 อำเภอ จ.กาญจนบุรี 6 อำเภอ จ.สุพรรณบุรี 4 อำเภอ และ จ.ฉะเชิงเทรา 2 อำเภอ

    ทั้งนี้ ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยซึ่งมีปริมาณฝนน้อย ทําให้พื้นที่ภัยแล้งจะขยายพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง

    ส่วนสถานการณ์คุณภาพอากาศ ศูนย์เตือนภัยฯ ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยในระยะนี้ ทําให้อากาศนิ่งและจมตัว อาจจะเกิดการสะสมของฝุ่นละออง เพิ่มมากขึ้น สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ภาคเหนือ ที่ จ.ลําปาง อ.เมือง ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี อ.เมือง กรุงเทพมหานคร เขตบางคอแหลม และเขตพระนคร

    ส่วนระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ค่า PM 51-90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ อ.เมือง จ.ลําปาง อ.แม่เมาะ จ.ลําพูน อ.เมือง จ.น่าน อ.เมือง จ.แพร่ อ.เมือง จ.พะเยา อ.เมือง จ.ตาก อ.แม่สอด จ.นครสวรรค์ อ.เมือง

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย อ.เมือง จ.ขอนแก่น อ.เมือง จ.นครราชสีมา อ.เมือง ภาคกลาง จ.สระบุรี อ.เมือง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.ราชบุรี อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี อ.คลองหลวง จ.นนทบุรี อ.บางกรวย อ.ปากเกร็ด จ.นครปฐม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี อ.ศรีมหาโพธิ จ.สระแก้ว อ.อรัญประเทศ จ.ฉะเชิงเทรา อ.แปลงยาว จ.ชลบุรี อ.เมือง อ.ศรีราชา จ.ระยอง อ.เมือง อ.ปลวกแดง จ.สมุทรปราการ อ.เมือง อ.พระประแดง จ.สมุทรสาคร อ.กระทุ่มแบน

    กรุงเทพมหานคร เขตธนบุรี บางขุนเทียน บางนา ดินแดง ยานนาวา ปทุมวัน วังทองหลาง พญาไท ราษฎร์บูรณะ ราชเทวี บึงกุ่ม คลองสามวา บางพลัด ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ บางรัก สาทร วัฒนา สวนหลวง จตุจักร ดอนเมือง สายไหม บางกะปิ ลาดกระบัง คลองสาน บางกอกน้อย ภาษีเจริญ ห้วยขวาง คลองเตย บางซื่อ ลาดพร้าว หลักสี่ และเขตบางเขน (ข้อมูลวันที่ 19 ม.ค. 63 เวลา 05.00 น.)

    ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ดูแลสุขภาพ ทําให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น และระวังอันตรายจากอัคคีภัยในการก่อไฟให้ความอบอุ่น ระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก พื้นที่ที่มีสถานการณ์ภัยแล้ง ขอให้วางแผนการใช้น้ําสําหรับการอุปโภค บริโภคอย่างประหยัด เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชและการใช้น้ําอย่างเพียงพอ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการผลิตน้ําประปา ควรใช้น้ําอย่างประหยัดเท่าที่จําเป็น ผู้ที่มีโรคประจําตัว เช่น ป่วยโรคทางสมอง ไต หัวใจ เบาหวาน ผู้สูงอายุ เด็ก ควรบริโภคตามคําแนะนําของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารมลพิษทางอากาศควรลดระยะเวลาการทํากิจกรรมกลางแจ้ง และใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจําเป็น เช่น หน้ากากอนามัย และถ้ามีอาการ ทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์


    นอกจากนี้ ศูนย์เตือนภัย ยังแจ้งข่าว ระบุว่า ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลางทําให้มีฝนฟ้าคะนอง สําหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่างมีกําลังแรงขึ้น ทําให้มีฝนตกบางพื้นที่ บริเวณ จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชขึ้นมาและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร คลื่นลมตั้งแต่ จ.สงขลาลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 1-2เมตร

    การคาดการณ์สาธารณภัยในระยะ 1-3วัน เฝ้าระวัง วันที่ 20-22 ม.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงกําลังปานกลางจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับลมตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุม ภาคเหนือ ทําให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด สําหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลาง ทําให้มีฝนบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สําหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    สถานการณ์น้ําในอ่างเก็บน้ําที่มีปริมาณน้ําน้อย (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30%ของความจุอ่าง) จํานวน 12 แห่ง ในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ลําปาง อุทัยธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุพรรณบุรี ลพบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง อาจเกิดภาวะน้ําน้อยหรือขาดแคลนน้ําในพื้นที่เกี่ยวเนื่องได้

    พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากสารมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง

    พื้นที่ที่มีสถานการณ์ภัยแล้ง ขอให้วางแผนการใช้น้ําสําหรับการอุปโภค บริโภคอย่างประหยัด เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชและการใช้น้ําอย่างเพียงพอ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารมลพิษทางอากาศควรลดระยะเวลาการทํากิจกรรมกลางแจ้งและใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจําเป็น เช่น หน้ากากอนามัย และถ้ามีอาการ ทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์

    1579404794_1.jpg

    1579404812_3.jpg


    https://www.thansettakij.com/content/normal_news/419229
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2020
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    การปะทุของภูเขาไฟ#Fuego #Guatemala วันที่ 19 ม.ค. 2020
    Volcan de #Fuego Eruptions #Guatemala Jan19, 2020
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    แผ่นดินไหว ขนาด 5.9 - 85km ENE ของ Arzak, #ประเทศจีน
    2020-01-19 13:27:57 (UTC)
    ความลึก 10.0 กม
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.9 - 116km E ของ Arzak, ประเทศจีน
    2020-01-19 14:23:02 (UTC)
    ความลึก 10.0 กม
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.7 - 30km NW ของ Biruxong, ประเทศจีน
    2020-01-18 18:00:17 (UTC)
    ความลึก 33.2 กม
    M 5.9 - 85km ENE of Arzak, #China
    2020-01-19 13:27:57 (UTC)
    10.0 km depth
    M 4.9 - 116km E of Arzak, China
    2020-01-19 14:23:02 (UTC)
    10.0 km depth
    M 4.7 - 30km NW of Biruxong, China
    2020-01-18 18:00:17 (UTC)
    33.2 km depth
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 19 มกราคม 2563 ที่บริเวณเนินทรายกลางแม่น้ำยม หน้าวัดท่าบัวทอง ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์และแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยร่วมกับสำนักงานชลประทานที่ 3 ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย.เขต 8 เขค 9 สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 7 และผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร โดยหน่วยงานต่างๆได้รายงานถึงสถานการณ์ความแห้งแล้ง และการเตรียมให้การช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง
    ซึ่งจากการรายงานพบว่าในปีนี้พื้นที่ลุ่มแม่น้ำยม ในจังหวัดพิจิตร 4 อำเภอคืออำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และอำเภอโพธิ์ทะเล ประสบปัญหาวิกฤตภัยแล้งรุนแรงในรอบ 40 ปีเนื่องจากลำน้ำยมแห้งขอดเร็วกว่าทุกปี อีกทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆแห้งขอดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
    โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ประสานข้อมูลความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว อีกทั้งได้มอบหมายให้มณฑลทหารบกในพื้นที่ และหน่วยระดับกองพล จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ขึ้น เพื่อรับผิดชอบในแต่ละจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 15 ศูนย์ ครอบคลุมทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ระดมกำลังพลและเครื่องมือเครื่องจักรกระจายลงทุกพื้นที่ที่ประสบวิกฤตภัยแล้ง เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งในพื้นที่เกิดวิกฤตรุนแรงและคาดว่าจะรุนแรงจนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะคลี่คลาย
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศสนามบินภูเก็ตเข้มคัดครองผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น พบผู้ป่วยต้องสงสัยแล้ว 2 ราย
    คลิก>>https://mgronline.com/south/detail/9630000005964
    #MGROnline #สนามบินภูเก็ต #อู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนา
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดอง ลงพื้นที่แนะนำการใช้งาน Application AirCMI เผยสามารถใช้งานได้ทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ มั่นใจสามารถตรวจวัดคุณภาพอากาศได้อย่างแม่นยำ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    การปะทุของภูเขาไฟ # Popocatépetl #ประเทศเม็กซิโก Jan19 2020
    คอลัมน์ปล่อยก๊าซสูง 3 กม. เตือนภูเขาไฟที่ เหลือง Phase 2
    Explosion of Volcano #Popocatépetl #Mexico Jan19 2020
    Emission column 3km high, volcanic alert in Yellow Phase2
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารพัฒนานำเครื่องจักรขุดลอกแม่น้ำยมช่วยเหลือชาวต.วังอิทก อ.บางระกำ
    ด้าน พ.อ. ณรงค์ชัย ไชยชนะ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการคลื่อนที่ 34 กล่าวว่า จากการสำรวจของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 พบว่าแม่น้ำยมซึ่งไหลผ่านพื้นที่ ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่ามี สถานีสูบน้ำจำนวน 3 สถานี ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากท้องน้ำตื้นเขินและปริมาณน้ำมีไม่พอสูบเข้าพืชไร่ของเกษตรกร หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 จึงดำเนินการขุดลอกท้องน้ำเพื่อให้มีปริมาณการกักเก็บน้ำเพียงพอ สำหรับประชาชนทั้งสองฝั่งนำไปใช้แก้ปัญหาเบื้องตันในด้านการเกษตร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ปลูกข้าว และข้าวโพด เพื่อไม่ให้พืชผลทางการเกษตรยืนต้นตาย และหลังจากที่ได้ดำเนินการที่สถานีสูบน้ำที่ 1 หมู่ 5 ต.วังอิทก แล้วจะไปดำเนินการขุดลอกท้องน้ำที่สถานีสูบน้ำจุดที่ 2 หมู่ 3 ต.วังอิทก และหลังจากนั้นจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันที่สถานีจุดที่ 3 หมู่ 2 ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นอกจากการแก้ปัญหาภัยแล้งครั้งนี้ หน่วยยังได้ดำเนินการช่วยเหลือในพื้นที่อื่นๆ โดยการจัดตั้งกองอำนวยการแก้ปัญหาภัยแล้ง หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ขึ้นที่ ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.34 จำนวน 4 ชุด ดังนี้ 1.ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.34 ชุดที่ 1 แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และแจกจ่ายน้ำให้กับ 15 หมู่บ้าน ของ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นพื้นที่การประกาศให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ตามประการของ ปภ. โดยใช้รถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 2 คัน แจกจ่ายน้ำอย่างน้อยวันละ 30,000 ลิตร แก่ราษฎร 2.ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.34 ชุดที่ 2 และปฏิบัติในลักษณะเดียวกันกับชุดที่ 1 ในพื้นที่ อ.ตาคลีและ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ จำนวน 18 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่การประกาศให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสนภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ตามประกาศของ ปภ. หน่วยได้จัดโดยการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และแจกจ่ายน้ำให้กับราษฎร 3.ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว นพค.34 ชุดที่ 3 ดำเนินการขุดลอกลำน้ำเพื่อให้ได้น้ำบริเวณท้องน้ำ ต.วังอิทก อ.บาระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องตัน เพื่อให้ปริมาณน้ำเพียงพอแก่ราษฎรในด้านการเกษตร และ 4.ชุดบรรเทสาธารณภัยคลื่อนที่เร็ว นพค.34 ชุดที่ 4 และปฏิบัติในลักษณะเดียวกันกับชุดที่ 3 ดำเนินการขุดลอก ลำน้ำปาด อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้หน่วยมีแผนงานที่จะเพิ่มความยาวของพื้นที่ขุดลอกท้องน้ำออกไปอีกตามแนวแม่น้ำยม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป. นายประชุม สันติพร้อมวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านม.5 ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า พื้นที่เกษตรส่วนใหญ่ชาวบ้านตำบลวังอิทกทำนาข้าว ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ปีที่แล้ว น้ำที่กลางแม่น้ำยังมีน้ำขังประมาณ 1 เมตร สามารถใช้น้ำในแม่น้ำยมจนถึงเมษายน แต่ปีนี้ น้ำหมดไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม สถานีสูบน้ำไม่สามารถสูบน้ำจ่ายให้เกษตรกรได้ แม่น้ำบริเวณนี้เป็นวัง จึงต้องรักษาระบบนิเวศน์ตรงนี้ไว้ ให้มีน้ำขังอยู่ในวัง เพื่อที่ชาวบ้านที่ใช้บ่อบาดาลด้านบน มีน้ำใช้ได้ตลอดปี ถ้าปล่อยให้น้ำในวังของแม่น้ำยมบริเวณนี้แห้งเลย น้ำจากบ่อบาดาลจะแทบสูบไม่ขึ้น วันนี้ จึงร้องขอทหารนำเครื่องจักรกลมาขุดลอก และรักษาระดับน้ำในแม่น้ำยมบริเวณวังอิทกไม่ให้แห้ง
    ที่มา - https://www.phitsanulokhotnews.com/2020/01/19/138861
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 6.1
    ภูมิภาค SULAWESI, อินโดนีเซีย
    เวลาวันที่ 2020-01-19 16: 58: 20.1 UTC
    ตำแหน่ง 0.03 S; 123.80 E
    ความลึก 130 กม
    Macroseismic
    ผลกระทบของความเข้มระดับ IV: สังเกตได้มาก
    Screenshot_20200120-061921.png 820926.global.thumb.jpg 820926.regional.thumb.jpg
    Magnitude 6.1
    Region SULAWESI, INDONESIA
    Date time 2020-01-19 16:58:20.1 UTC
    Location 0.03 S ; 123.80 E
    Depth 130 km
    Macroseismic
    Intensity IV Effects: Largely Observed
    Distances
    746 km NE of Makassar, Indonesia / pop: 1,322,000 / local time: 00:58:20.1 2020-01-20

    104 km SE of Gorontalo, Indonesia / pop: 145,000 / local time: 00:58:20.1 2020-01-20

    https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=820926
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อนัตตลักขณสูตร

    images (2).jpeg

    ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร เรื่องอนัตตาในขันธ์ ๕ ต่อเหล่าพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จนสำเร็จพระอรหันต์

    [๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

    รูปเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตา(ใช่ตัวตน, มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง)แล้ว (เราย่อมสามารถเลือกหรือระบุให้เป็นไปตามความต้องการได้ เช่นว่า)รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ(ความแปรปรวน ความเสื่อม ความเจ็บไข้) และบุคคลพึงได้(หมายถึง เมื่อเป็นเราหรือของเราจริงๆ ย่อมต้องบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา)ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของตัวตน ตัวตนหรือกายที่เห็นหรือผัสสะได้ด้วยอายตนะใดๆนั้น เป็นเพียงกลุ่มหรือก้อนหรือฆนะของเหล่าเหตุที่มาเป็นปัจจัยประชุมปรุงแต่งกัน คือ ธาตุ ๔) ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวนด้วยอนิจจัง จึงเจ็บป่วย) และบุคคลย่อมไม่ได้(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาไม่ได้ตามปรารถนาเพราะว่ารูปขึ้นอยู่กับเหตุคือธาตุทั้ง ๔ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา) ในรูปว่า รูปของเรา จง(สวย จงงาม)เป็นอย่างนี้เถิด รูปของเรา อย่าได้(น่าเกลียด)เป็นอย่างนั้นเลย.

    (กล่าวคือ รูปหรือร่างกายนั้นเป็นเพียงมวลหรือก้อนหรือฆนะของเหตุ ที่มาเป็นปัจจัยกัน คือธาตุทั้ง ๔ จึงย่อมขึ้นหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุที่มาเป็นปัจจัยกันคือธาตุ ๔ แท้จริงหรือปรมัตถ์แล้วจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวตนที่หมายถึงเราหรือของเรา ถ้ารูปนั้นเป็นของเราหรือของตัวของตนจริงๆแล้วไซร้ จะต้องขึ้นอยู่กับเราจึงย่อมควบคุมบังคับได้ตามปรารถนา ต้องควบคุมบังคับให้สวยให้งามได้ และไม่แปรปรวน หรือดับไปตามสภาวธรรมได้ด้วยตัวตนของตนเองอย่างแท้จริงและแน่นอน รูปหรือกายจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา, เพียงแต่บางครั้งไปควบคุมเหตุบางประการได้ชั่วขณะหนึ่งๆ เช่น ยืน นอน เดิน นั่ง ฯ. จึงก่อมายาจิตไปว่าเป็นเราหรือของเราที่สามารถควบคุมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา, ในขันธ์อื่นๆก็เป็นไปในลักษณาการเดียวกัน ล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย จึงล้วนขึ้นอยูกับเหตุนั้นๆ จึงขึ้นหรืออิงหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุ ที่มาเป็นปัจจัยกัน จึงย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราหรือตัวเราเช่นกัน, ดูรายละเอียดเพิ่มเติมการเป็นเหตุปัจจัยกันจึงเกิดขึ้นได้ในพระไตรลักษณ์และขันธ์ ๕)

    เวทนาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวน) และบุคคลพึง(ควบคุมบังคับบัญชา)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้นเวทนาจึง เป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวน) และบุคคลย่อมไม่(สามารถควบคุม)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    สัญญาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขาร(สังขารนี้อย่าสับสนไปว่าหมายถึงร่างกาย แต่หมายถึง การกระทำทางกาย วาจา ใจ) เหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้วสังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะ สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้นวิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ตรัสถามความเห็นของพระปัญจวัคคีย์

    [๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    (โยนิโสมนสิการจากปฎิจจสมุปบาท และพระไตรลักษณ์ จะพบความจริงได้ด้วยตนเองในที่สุดว่า สุขทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ย่อมเป็นทุกข์ในที่สุดทั้งสิ้น)

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    (ในเมื่อรู้แล้วว่า มันเป็นตัวทุกข์ แล้วไปเก็บไปเอามันว่า เป็นของตัวของตนทำไมให้เป็นทุกข์)

    ภ. เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ตรัสให้พิจารณาโดย ยถาภูตญาณทัสสนะ

    (ยถาภูตญาณทัสสนะ - ความรู้ความเห็น ตามความเป็นจริงอย่างถููกต้อง)

    [๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล

    รูปอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก(ภายในหมายถึงรูปกายของตน, ภายนอกหมายถึงของบุคคลอื่น) หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่ารูป

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นรูปนั้นด้วยปัญญาอันชอบ (สัมมาญาณ) ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นเวทนานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา

    (ไม่ใช่ของเราอย่างจริงแท้แน่นอน, เพียงเกิดแต่เหตุปัจจัย ขึ้นระยะหนึ่ง แล้วต้องแปรปรวนดับไปเป็นที่สุดอย่างจริงแท้แน่นอน).

    สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นสัญญานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอกหยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าสังขาร

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นสังขารนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าวิญญาณ

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นวิญญาณนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น, เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว

    อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

    [๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน ภาษิตของผู้มีพระภาค.

    ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

    อนัตตลักขณสูตร จบ



    อนัตตลักษณะ : ลักษณะที่แสดงความเป็นอนัตตา

    ลักษณะที่ชี้แสดงว่าให้เห็นว่าเป็นของไม่ใช่ตัวใช่ตน หรือมิใช่ตัวตน หรือไม่มีตัวตน โดยอรรถต่างๆ
    ๑. เป็นของสูญ ในความหมายของสังขาร(สังขตธรรม) ก็เพราะว่า เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆทั้งหลาย เพราะเกิดขึ้นมาจากการที่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยประชุมรวมกันขึ้น จึงเพียงแต่แลดูประหนึ่งว่าเป็น สิ่งๆเดียวกัน เป็นมวลเดียวกัน, เป็นชิ้นเดียวกันจริงๆ ด้วยฆนะ, แต่ความจริงอย่างยิ่งหรืออย่างปรมัตถ์แล้วก็ยังเป็นเพียงการประชุมเข้ากันของส่วนย่อยๆดังกล่าว มิได้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ โดยแท้จริงจึงว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นาย ก. นาย ข. หรือการสมมติเป็นต่างๆ(สมมติสัจจะ)

    เป็นของสูญ ในความหมายของอสังขตธรรมเช่นกัน ก็เพราะว่า เป็นเพียงสภาวธรรมหรือธรรมชาติเท่านั้น กล่าวคือ เป็นเพียงธรรมหรือสภาวธรรมที่ยังไม่เกิดการปรุงแต่งกันขึ้น กล่าวคือยังไม่เกิดปรากฏการณ์ของการประชุมหรือปรุงแต่งกันขึ้นเป็นสังขาร อันเป็นฆนะกลุ่มก้อนของการที่มีเหตุต่างๆได้มาเป็นปัจจัยปรุงแต่งกัน
    ๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง แต่มักไปหลงผิด ไปหลงยึดหรือมัวเมากันด้วยกิเลสว่า เป็นตัวตน เป็นของตัวของตน หรือของใครอย่างจริงแท้ เพราะเกิดแต่เหตุปัจจัยจึงขึ้นหรืออิงอยู่กับเหตุปัจจัย จึงไม่ได้ขึ้นหรืออิงอยู่กับผู้ใดอย่างแท้จริง
    ๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆอย่างแท้จริง เพราะสภาวะของสังขารเองก็มีแรงแต่ภายใน ตลอดจนแรงจากภายนอก มาบีบคั้นให้คืนสู่สภาพเดิมๆเป็นที่สุด โดยไม่ยอมขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครอย่างแท้จริง แต่เพราะมีการควบคุมบังคับเหตุได้บ้างบางส่วนและได้อย่างเป็นครั้งคราว จึงมักพากันไปหลงผิดหลงยึดหรือมัวเมากันโดยไม่รู้ตัวหรืออวิชชาว่าสามารถควบคุมบังคับบัญชาได้อย่างแท้จริงตามความปรารถนา
    ๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่ หรือเป็นตามธรรมดาของมันเช่นนั้นเองในธรรมที่เป็นสังขตธรรมคือสังขาร ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย จึงขึ้นต่อเหตุปัจจัย จึงไม่มีอยู่โดยลำพังตัว จึงเป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
    ๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา (แสดงรายละเอียดของอัตตาในขันธ์ ๕ ว่ามีจริงหรือไม่)

    ลักษณะหรืออาการเหล่านี้จึงจึงก่อให้เกิดทุกข์ เมื่อธรรมหรือสิ่งทั้งหลายที่ไปอยากหรือไม่อยากด้วยตัณหาหรือไปยึดมั่นด้วยกิเลส(อุปาทาน)ว่าเป็นของตัวตน ด้วยทั้งความไม่รู้(อวิชชา)และไม่รู้เท่าทัน(สติ)เหล่านั้น ไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนา



    อนัตตลักขณสูตร

    คลิกขวาเมนู

    ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร เรื่องอนัตตาในขันธ์ ๕ ต่อเหล่าพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จนสำเร็จพระอรหันต์

    [๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

    รูปเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตา(ใช่ตัวตน, มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง)แล้ว (เราย่อมสามารถเลือกหรือระบุให้เป็นไปตามความต้องการได้ เช่นว่า)รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ(ความแปรปรวน ความเสื่อม ความเจ็บไข้) และบุคคลพึงได้(หมายถึง เมื่อเป็นเราหรือของเราจริงๆ ย่อมต้องบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา)ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของตัวตน ตัวตนหรือกายที่เห็นหรือผัสสะได้ด้วยอายตนะใดๆนั้น เป็นเพียงกลุ่มหรือก้อนหรือฆนะของเหล่าเหตุที่มาเป็นปัจจัยประชุมปรุงแต่งกัน คือ ธาตุ ๔) ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวนด้วยอนิจจัง จึงเจ็บป่วย) และบุคคลย่อมไม่ได้(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาไม่ได้ตามปรารถนาเพราะว่ารูปขึ้นอยู่กับเหตุคือธาตุทั้ง ๔ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา) ในรูปว่า รูปของเรา จง(สวย จงงาม)เป็นอย่างนี้เถิด รูปของเรา อย่าได้(น่าเกลียด)เป็นอย่างนั้นเลย.

    (กล่าวคือ รูปหรือร่างกายนั้นเป็นเพียงมวลหรือก้อนหรือฆนะของเหตุ ที่มาเป็นปัจจัยกัน คือธาตุทั้ง ๔ จึงย่อมขึ้นหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุที่มาเป็นปัจจัยกันคือธาตุ ๔ แท้จริงหรือปรมัตถ์แล้วจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวตนที่หมายถึงเราหรือของเรา ถ้ารูปนั้นเป็นของเราหรือของตัวของตนจริงๆแล้วไซร้ จะต้องขึ้นอยู่กับเราจึงย่อมควบคุมบังคับได้ตามปรารถนา ต้องควบคุมบังคับให้สวยให้งามได้ และไม่แปรปรวน หรือดับไปตามสภาวธรรมได้ด้วยตัวตนของตนเองอย่างแท้จริงและแน่นอน รูปหรือกายจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา, เพียงแต่บางครั้งไปควบคุมเหตุบางประการได้ชั่วขณะหนึ่งๆ เช่น ยืน นอน เดิน นั่ง ฯ. จึงก่อมายาจิตไปว่าเป็นเราหรือของเราที่สามารถควบคุมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา, ในขันธ์อื่นๆก็เป็นไปในลักษณาการเดียวกัน ล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย จึงล้วนขึ้นอยูกับเหตุนั้นๆ จึงขึ้นหรืออิงหรือเนื่องสัมพันธ์อยู่กับเหตุ ที่มาเป็นปัจจัยกัน จึงย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราหรือตัวเราเช่นกัน, ดูรายละเอียดเพิ่มเติมการเป็นเหตุปัจจัยกันจึงเกิดขึ้นได้ในพระไตรลักษณ์และขันธ์ ๕)

    เวทนาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวน) และบุคคลพึง(ควบคุมบังคับบัญชา)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้นเวทนาจึง เป็นไปเพื่ออาพาธ(แปรปรวน) และบุคคลย่อมไม่(สามารถควบคุม)ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    สัญญาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขาร(สังขารนี้อย่าสับสนไปว่าหมายถึงร่างกาย แต่หมายถึง การกระทำทางกาย วาจา ใจ) เหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้วสังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะ สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้นวิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ตรัสถามความเห็นของพระปัญจวัคคีย์

    [๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    (โยนิโสมนสิการจากปฎิจจสมุปบาท และพระไตรลักษณ์ จะพบความจริงได้ด้วยตนเองในที่สุดว่า สุขทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ย่อมเป็นทุกข์ในที่สุดทั้งสิ้น)

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    (ในเมื่อรู้แล้วว่า มันเป็นตัวทุกข์ แล้วไปเก็บไปเอามันว่า เป็นของตัวของตนทำไมให้เป็นทุกข์)

    ภ. เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

    ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

    ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.

    ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

    ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

    ตรัสให้พิจารณาโดย ยถาภูตญาณทัสสนะ

    (ยถาภูตญาณทัสสนะ - ความรู้ความเห็น ตามความเป็นจริงอย่างถููกต้อง)

    [๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล

    รูปอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก(ภายในหมายถึงรูปกายของตน, ภายนอกหมายถึงของบุคคลอื่น) หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่ารูป

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นรูปนั้นด้วยปัญญาอันชอบ (สัมมาญาณ) ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นเวทนานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา

    (ไม่ใช่ของเราอย่างจริงแท้แน่นอน, เพียงเกิดแต่เหตุปัจจัย ขึ้นระยะหนึ่ง แล้วต้องแปรปรวนดับไปเป็นที่สุดอย่างจริงแท้แน่นอน).

    สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าเวทนา

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นสัญญานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอกหยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าสังขาร

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นสังขารนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าวิญญาณ

    เธอทั้งหลาย พึงเห็นวิญญาณนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา.

    [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น, เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว

    อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

    [๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน ภาษิตของผู้มีพระภาค.

    ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

    อนัตตลักขณสูตร จบ



    อนัตตลักษณะ : ลักษณะที่แสดงความเป็นอนัตตา

    ลักษณะที่ชี้แสดงว่าให้เห็นว่าเป็นของไม่ใช่ตัวใช่ตน หรือมิใช่ตัวตน หรือไม่มีตัวตน โดยอรรถต่างๆ
    ๑. เป็นของสูญ ในความหมายของสังขาร(สังขตธรรม) ก็เพราะว่า เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆทั้งหลาย เพราะเกิดขึ้นมาจากการที่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยประชุมรวมกันขึ้น จึงเพียงแต่แลดูประหนึ่งว่าเป็น สิ่งๆเดียวกัน เป็นมวลเดียวกัน, เป็นชิ้นเดียวกันจริงๆ ด้วยฆนะ, แต่ความจริงอย่างยิ่งหรืออย่างปรมัตถ์แล้วก็ยังเป็นเพียงการประชุมเข้ากันของส่วนย่อยๆดังกล่าว มิได้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ โดยแท้จริงจึงว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นาย ก. นาย ข. หรือการสมมติเป็นต่างๆ(สมมติสัจจะ)

    เป็นของสูญ ในความหมายของอสังขตธรรมเช่นกัน ก็เพราะว่า เป็นเพียงสภาวธรรมหรือธรรมชาติเท่านั้น กล่าวคือ เป็นเพียงธรรมหรือสภาวธรรมที่ยังไม่เกิดการปรุงแต่งกันขึ้น กล่าวคือยังไม่เกิดปรากฏการณ์ของการประชุมหรือปรุงแต่งกันขึ้นเป็นสังขาร อันเป็นฆนะกลุ่มก้อนของการที่มีเหตุต่างๆได้มาเป็นปัจจัยปรุงแต่งกัน
    ๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง แต่มักไปหลงผิด ไปหลงยึดหรือมัวเมากันด้วยกิเลสว่า เป็นตัวตน เป็นของตัวของตน หรือของใครอย่างจริงแท้ เพราะเกิดแต่เหตุปัจจัยจึงขึ้นหรืออิงอยู่กับเหตุปัจจัย จึงไม่ได้ขึ้นหรืออิงอยู่กับผู้ใดอย่างแท้จริง
    ๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆอย่างแท้จริง เพราะสภาวะของสังขารเองก็มีแรงแต่ภายใน ตลอดจนแรงจากภายนอก มาบีบคั้นให้คืนสู่สภาพเดิมๆเป็นที่สุด โดยไม่ยอมขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครอย่างแท้จริง แต่เพราะมีการควบคุมบังคับเหตุได้บ้างบางส่วนและได้อย่างเป็นครั้งคราว จึงมักพากันไปหลงผิดหลงยึดหรือมัวเมากันโดยไม่รู้ตัวหรืออวิชชาว่าสามารถควบคุมบังคับบัญชาได้อย่างแท้จริงตามความปรารถนา
    ๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่ หรือเป็นตามธรรมดาของมันเช่นนั้นเองในธรรมที่เป็นสังขตธรรมคือสังขาร ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย จึงขึ้นต่อเหตุปัจจัย จึงไม่มีอยู่โดยลำพังตัว จึงเป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
    ๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา (แสดงรายละเอียดของอัตตาในขันธ์ ๕ ว่ามีจริงหรือไม่)

    ลักษณะหรืออาการเหล่านี้จึงจึงก่อให้เกิดทุกข์ เมื่อธรรมหรือสิ่งทั้งหลายที่ไปอยากหรือไม่อยากด้วยตัณหาหรือไปยึดมั่นด้วยกิเลส(อุปาทาน)ว่าเป็นของตัวตน ด้วยทั้งความไม่รู้(อวิชชา)และไม่รู้เท่าทัน(สติ)เหล่านั้น ไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนา


    http://www.nkgen.com/33.htm
    ภาพจาก https://th.m.wikipedia.org/wiki/อนัตตลักขณสูตร
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาทิตตปริยายสูตร

    images (3).jpeg

    [๕๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลคยาสีสะพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๑๐๐๐ รูปล้วนเป็นปุราณชฎิล. ได้ยินว่าพระองค์ประทับอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยานั้น พร้อมด้วยภิกษุ ๑๐๐๐ รูป.

    ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:



    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน, ก็อะไรเล่าชื่อว่า สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน?

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นของร้อน รูปทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์(เวทนา)เป็นสุขเป็นทุกข์ หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยแม้นั้นก็เป็นของร้อน

    [กล่าวคือเป็นไปดังกระบวนธรรมนี้ ตา(จักษุ)  รูป  จักษุวิญญาณ ผัสสะ เวทนา เป็นสุขเป็นทุกข์ หรืออทุกขมสุขเวทนา]

    ร้อนเพราะอะไร? เรากล่าวว่า

    ร้อนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ

    ร้อนเพราะความเกิด(ชาติ) เพราะความแก่(ชรา) และความตาย(มรณะ)

    ร้อนเพราะความโศก(โสกะ) เพราะความรำพัน(ปริเทวะ) เพราะทุกข์กาย(ทุกข์) เพราะทุกข์ใจ(โทมนัส) เพราะความคับแค้น(อุปายาส).

    (กล่าวคือ เป็นไปตาม ปฏิจจสมุปบาทธรรม จึงมี ชาติ, ชรา-มรณะ ทั้งโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส อันเป็นทุกข์อุปาทานที่เร่าร้อนเผาลน)

    โสตเป็นของร้อน เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน ..... (ข้อความเดียวกับข้างต้น เปลี่ยนจากจักษุเป็นโสต, และรูปเป็นเสียง เท่านั้น)

    ฆานะเป็นของร้อน กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน .....

    ชิวหาเป็นของร้อน รสทั้งหลายเป็นของร้อน .....

    กายเป็นของร้อน โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน .....

    มนะ(ใจ)เป็นของร้อน ธรรม(ธรรมารมณ์-คิด)ทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน

    ความเสวยอารมณ์เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยแม้นั้นก็เป็นของร้อน ร้อนเพราะอะไร?

    เรากล่าวว่า ร้อนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ

    ร้อนเพราะความเกิด(ชาติ) เพราะความแก(ชรา)่ และความตาย(มรณะ)

    ร้อนเพราะความโศก(โสกะ) เพราะความรำพัน(ปริเทวะ) เพราะทุกข์กาย(ทุกข์) เพราะทุกข์ใจ(โทมนัส) เพราะความคับแค้น(อุปายาส).

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้วเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัมผัสอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์ ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์ มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโสต ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเสียงทั้งหลาย .....

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในฆานะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกลิ่นทั้งหลาย .....

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในชิวหา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรสทั้งหลาย .....

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพะทั้งหลาย .....

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในมนะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในธรรมทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณอาศัยมนะ

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัมผัสอาศัยมนะ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย.

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว

    อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี(ไปกว่านี้อีกแล้ว).

    ก็แล เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของภิกษุ ๑,๐๐๐ รูปนั้น พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น(สิ้นอุปาทาน).

    อาทิตตปริยายสูตร จบ

    http://www.nkgen.com/31.htm
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,797
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    #ออสเตรเลีย พายุฝุ่นใน Dubbo ลูกเห็บ ตกที่เมลเบิร์น ไฟป่าบนเกาะ francesa

     

แชร์หน้านี้

Loading...