ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    หิมะตกในวิกตอเรีย, the pampas ซานต้าโรซ่า ประเทศอาร์เจนตินา #19 ส. ค.





     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Teo Miguel Bouça

    การปะทุใต้น้ำใกล้เกาะ fonualei, ตองกา
    Underwater eruption near Fonualei Island, Tonga

    _oc=AQlZKjfU-TssEOc-fSlsrBzk1reY7L3DMdmmFByhs0Zo_x0Sw8KmIf17dr7vCRChs04&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อสมท สุโขทัย


    ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เตือนประชาชน อยู่ติดแม่น้ำยม ให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีเหตุฉุกเฉิน หน่วยงานรัฐพร้อมรับสถานการณ์ และช่วยเหลืออย่างเต็มที่

    _oc=AQk9mBfxOPOk8rReeSzlSr-Fs9LUFEE06mNRNKp7k6crj2K_QrsCxacQK_j_53su2Vs&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เชิญสื่อออกนอกห้องประชุม เวที SEA ภาคใต้
    13:47 | 15 สิงหาคม 2562 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi4oCbuH03vkSmfzRA3PZFtDqN9qhu70kOoh7KWt.jpg


    "นิด้า"เปิดเวทีรับฟังความเห็นโครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ หรือ SEA โดยเวทีส่วนของผู้เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้าฯ ตัวแทนกลุ่มหนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เชิญสื่อออกนอกห้องประชุม ระบุ ไม่เชื่อมั่นทำหน้าที่เป็นกลาง


    วันนี้ (15 ส.ค.2562) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า เปิดเวทีประชุม "โครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้" โดยวันนี้เป็นเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนกลุ่มที่เห็นด้วย และสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ จาก จ.สงขลา ซึ่งเข้าให้ความเห็นและตรวจสอบข้อมูลร่วมกับทีมวิจัยของนิด้า ในฐานะผู้รับผิดชอบ โครงการจัดทำรายงานการศึกษาประเมินระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้

    เวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว เป็นการเปิดพื้นที่ให้ตัวแทนชาวบ้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ ซึ่งจะมีการให้ข้อมูลเชิงลึก ก่อนที่คณะผู้จัดทำ SEA จะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้กับข้อมูลจากการลงพื้นที่จัดเวทีสานเสวนารอบ 1 ซึ่งได้รับฟังความเห็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน 4 พื้นที่ คือ จ.สงขลา จ.กระบี่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

    ขณะที่ในส่วนของกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้าน และไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ จะร่วมให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.2562) พร้อมนำเสนอทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ พร้อมข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในมิติต่างๆ

    สำหรับเวทีวันนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มชาวบ้านที่สนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน แสดงความต้องการชัดเจน ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ และติดตามการประชุม โดยให้รอในขั้นตอนการสรุปผลหารือจากคณะทำงานเท่านั้น และเชิญสื่อออกนอกห้องประชุมดังกล่าว

    https://news.thaipbs.or.th/content/...dbBUydr2b6g_tBPOUNYooB78-YCKvg0RBfDjB6U6XP6rs
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ไฟไหม้ป่า ในอิชมีร์ ประเทศตุรกี ไม่สามารถควบคุมไฟได้ด ไฟยังคงเผาไหม้ต่อไปในหลายพื้นที่









     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    มันน่าตกใจที่มีไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเมืองใหญ่อันดับสามใน เมอร์นา, ตุรกี


    _oc=AQmyxfenauf82_X8KYb5bTp1kVKklCfRJD8MvtvIztUJDtxNmhlaVNBIjwJsc992tpc&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    _oc=AQkUSdXhcH4HDPDK_8Ajve_Z6LIZXOH6hpL6i9AisaDw98jr_rnB2PvcVYcAM6aKobk&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    _oc=AQn6HKrXFMe12twcXhHcBPdUAgaKCFVvw1z5coYCnXMSMJaTdUD-CiRHQRcggAgYBpo&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    _oc=AQl5dNFLvcgCxk-YqkzKRdagKA4AxQFNrfh9BuNxWkMu3a-paIiaY9zauv5dWPEZx2I&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไฟป่า นี่ไม่ใช่ Chemtrails เวอร์ชั่น 2 แน่หรือ ทำไปเพื่อทำให้ดาวเคราะห์เย็นลง หรือปกปิดอะไรหรือเปล่า

    ทฤษฎีทฤษฎีสมคบคิด Chemtrails กำลังส่งผลถึงนักวิทยาศาสตร์
    Posted by AJar , วันศุกร์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2560

    69372d0be.jpg

    ทฤษฎีทฤษฎีสมคบคิด Chemtrails กำลังส่งผลถึงนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ

    นักวิทยาศาสตร์ของ Harvard กำลังวางแผนที่จะส่งบอลลูนเข้าไปในชั้นสตราโตสเฟียร์ ซึ่งจะฉีดพ่นละอองลอยเพื่อทดสอบความสามารถในการสะท้อนแสงแดด ซึ่งเป็นวิธีการทำให้ดาวเคราะห์เย็นลง เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่มีแนวโน้มว่า "วิศวกรรมภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องอื่น "ทฤษฎีสมคบคิดที่เชื่อมั่นว่ากำลังพ่นสารเคมีเพื่อควบคุมจิตใจ"

    รายงานใหม่โดยนักวิจัยฮาร์วาร์ตีพิมพ์ในวารสาร "Nature" พบว่าอันตรายจากการโพสต์ออนไลน์ร้อยละ 60 ,ที่เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ทางภูมิศาสตร์วิศวกรรม, ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับ Chemtrails ,ทั้งหมดทั้งมวลยังได้รับภัยคุกคามด้านลบของ "Chemtrails"

    "คุณเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสมคบคิดนี้ ฆ่าชีวิตบนโลกอย่างที่เรารู้จัก" หนึ่งในผู้เขียนรายงาน Gernot Wagner กล่าวกับ VICE News โดยอ้างถึงจดหมาย(เกลียดชัง)ที่เขาได้รับ

    การค้นหาคำว่า "Chemtrail" ทำให้ได้ภาพหลังจากภาพลายเส้นสีขาวบนท้องฟ้า เส้นพาดตัดกันเป็นตารางโดยเครื่องบินที่บินผ่านท้องฟ้า แต่บรรดานักทฤษฎีสมคบคิด Chemtrail เชื่อว่าเครื่องบินกำลังฉีดพ่นสารเคมีเพื่อควบคุมสภาพอากาศหรือแม้แต่การควบคุมจิตใจ

    Alex Jones จาก InfoWars ผู้ซึ่งไม่เชื่อในภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ยืนยันว่า Chemtrails เป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐบาลที่มีการเพิ่มสารเคมีเข้าไปในน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องบินอย่างลับๆ , "ฉันพูดถึงเรื่องนี้ตลอดไป" เขากล่าวในวิดีโอล่าสุดเกี่ยวกับ Chemtrails ภาวะโลกร้อนและวิศวกรรมทางภูมิศาสตร์ " มีการจัดการด้านธรณีวิทยาทางภูมิศาสตร์และในชั้นบรรยากาศ พวกเขาไม่เรียกว่า Chemtrails และแน่นอนผู้อำนวยการ CIA ยอมรับว่า พวกเขามีโปรแกรมขนาดใหญ่นี้ "

    ในวิดีโอล่าสุดที่โจนส์กล่าวว่า "มีการจัดการกับสภาพอากาศ เป็นข่าวกระแสหลักและสื่อต่าง ๆ มักจะหยิบมันขึ้นมา และบอกว่าฉันบ้า, เป็นความลับเพียงอย่างเดียวที่เราไม่ทราบรายละเอียด "

    Chemtrails ไม่ใช่ของจริง พวกเขาได้รับการคัดค้านอย่างกว้างขวางจากบทความของ Wagner's paper แต่ข้อมูลการสำรวจในปี 2016 แสดงให้เห็นว่า ระหว่าง 30-40 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนชาวอเมริกันทั่วไปเชื่อมั่นในตัวพวกเขา

    รายงาน Harvard ใช้อัลกอริทึมในการวิเคราะห์ทศวรรษของโพสต์สื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับวิศวกรรมทางภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงปี 2008 ถึง 2017 โดยส่วนใหญ่ใช้ Twitter เพื่อดูว่าทฤษฎีการสมคบคิดเป็นจำนวนเท่าไร ส่วนใหญ่ - ร้อยละ 60 - เป็นทฤษฎีสมคบคิด บางคนที่เชื่อใน Chemtrails ยัง Tweeting เกี่ยวกับ Alex Jones และ InfoWars, Wagner บอกข่าว VICE ออนไลน์ระบุตัวตนช่วยกระจายความคิดเหล่านี้เขากล่าว.

    แว็กเนอร์กล่าวว่าเขาได้รับ "อีเมลจำนวนมาก" กล่าวหาว่าเป็นฆาตกรมวลชน เพื่อนร่วมงานของเขาก็ได้รับเช่นกัน

    โจนส์กล่าวว่าในวิดีโอ Chemtrail ล่าสุดของเขา Jones กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์สามารถ "ฆ่าทุกคนที่ต้องการได้" ภายใต้ "บทบัญญัติด้านการวิจัย" ซึ่งอาจอธิบายถึงภัยคุกคามบางอย่างที่แว็กเนอร์และเพื่อนร่วมงานของเขาเผชิญได้ "มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าผิดหวังที่จะเข้ามา" แว็กเนอร์กล่าว.

    "นี่เป็นหัวข้อที่ค่อนข้างใหม่" แว็กเนอร์กล่าวว่าจากงานวิศวกรรมภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งได้รับการค้นคว้าวิจัยเป็นเวลา 15 ปี เพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อนแล้ว "มีการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับวิศวกรรมทางภูมิศาสตร์โดยทั่วไปมากและตอนนี้ก็เกิดอะไรขึ้น คือมันถูกครอบงำโดยผู้กระจายทฤษฎีสมคบคิดนี้. "



    วิศวกรรมภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์คืออะไร?

    เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ยังคงเพิ่มขึ้น ความร้อนจากรังสีดวงอาทิตย์ทำให้โลกร้อนขึ้น และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้นำทางวิทยาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุดในการจำกัดภาวะโลกร้อน คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานทดแทน อีกวิธีหนึ่งคือการจับคาร์บอนจากบรรยากาศและเก็บไว้ใต้ดิน

    ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเกี่ยวกับวิศวกรรมภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์ในห้องปฏิบัติการ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เป็นไปได้ในการจำกัดภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์เห็นว่ามันเป็นส่วนเสริมในการลดก๊าซเรือนกระจก หรือเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เป็นไปได้หากปล่อยมลพิษยังคงเพิ่มขึ้น การวิจัยเป็นไปในเชิงสมมุติในขณะนี้ และยังไม่ได้รับการทดสอบในโลกแห่งความเป็นจริงแว็กเนอร์กล่าว

    เมื่อพวกเขาส่งบอลลูนไปยังสตราโตสเฟียร์ในปีหน้า ในโครงการ ScopeX นักวิทยาศาสตร์ฮาร์วาร์ดจะนำเทคโนโลยีจากห้องทดลองไปสู่โลกแห่งความจริงเป็นครั้งแรก การพ่นละอองลอยเพื่อสะท้อนแสงแดดเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างถูก นักวิทยาศาสตร์เป็นหลักคัดลอกกลไกธรรมชาติที่ได้รับการพิสูจน์ว่า (ดาวเคราะห์เย็น) การปะทุของภูเขาไฟ ภูเขาไฟปล่อยกำมะถัน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นละอองของซัลเฟตในระดับความสูง ละอองลอยเหล่านี้ แสดงให้เห็นเสมือนครีมกันแดดซึ่งช่วยปกป้องโลก โดยการกรองแสงแดดเป็นส่วนหนึ่งของชั้นโอโซน ซึ่งทำให้เทคโนโลยีมีความเสี่ยง นักวิทยาศาสตร์ต้องการทดลองใช้สารสะท้อนต่าง ๆ เช่นแคลเซียมคาร์บอเนต (ที่พบในหินปูน) หรือแม้แต่ฝุ่นเพชร เพื่อหาทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

    "มีความเสี่ยงที่รู้จักกันดี"

    ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในวารสาร Nature ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบว่า การฉีดซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะส่งผลต่อพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างไร? การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการฉีดเข้าไปในซีกโลกเหนือจะช่วยลดพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, อย่างไรก็ตามหากมีการฉีดยาเฉพาะในซีกโลกใต้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะเพิ่มจำนวนของพายุเฮอริเคน

    ชุมชนวิทยาศาสตร์กำลังขอให้ผู้นำโลกคนหนึ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และถ้าไม่ประสบความสำเร็จพวกเขาต้องการให้วิศวกรด้านภูมิศาสตร์พลังงานแสงอาทิตย์ดำเนินการค้นคว้าและควบคุมอย่างถูกต้อง ดังนั้นหากมีการใช้ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเจ้าหน้าที่จะสามารถ.. เพื่อชั่งน้ำหนักความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น

    สำหรับนักทฤษฎีสมคบคิด Chemtrail วากเนอร์กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์และนักข่าวทุกคน สิ่งที่ทำได้ก็คือ การนำเสนอข้อเท็จจริงและหวังว่าพวกเขาจะชนะในที่สุด.



    'Thank you very much'

    ***โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล***
    ขอขอบคุณแหล่งที่มา และขอขออนุญาตนำข้อมูลเผยแพร่(ศีกษา)
    facebook.com/ChemtrailsThai

    http://oknation.nationtv.tv/blog/PRja/2017/11/24/entry-1
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    gannett-cdn.com%2Fpresto%2F2019%2F08%2F19%2FUSAT%2F401ffc60-7464-4610-91f7-4cd3c2965f86-AP_Trump.jpg

    (Aug 20) คาด2ปีศก.สหรัฐถดถอย : นักเศรษฐศาสตร์อเมริกัน กังวลนโยบายเศรษฐกิจประธานาธิบดีทรัมป์ 34% คาดเศรษฐกิจถดถอยภายในสิ้นปี 2564 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอบีอี) เผยแพร่ผลสำรวจล่าสุด วานนี้ (19 ส.ค.) พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ 34% เชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังชะลอตัว จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2564 เทียบกับ ผลการสำรวจเมื่อเดือน ก.พ.ตัวเลขอยู่ที่ 25% ส่วนคนที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่ม ถดถอยในปีนี้มีเพียง 2% อีก 38% เชื่อว่า จะเกิดขึ้นในปี 2563

    ก่อนหน้านี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ก็เคย กังวลว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เก็บภาษีคู่ค้าและขาดดุลงบประมาณเพิ่ม สุดท้ายแล้วจะทำลายเศรษฐกิจสหรัฐเอง ขณะนี้การค้าระหว่างสหรัฐกับจีน สองเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกดิ่งลงมาก

    เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจเลื่อนเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ ออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. ขณะที่ยังทำข้อตกลง เพื่อยุติสงครามการค้ากันไม่ได้

    เรื่องการเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีน นักเศรษฐศาสตร์ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า จะประสบ ผลสำเร็จ มีเพียง 5% เท่านั้นที่เชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถทำข้อตกลงการค้าแบบ ครอบคลุมได้ อีก 64% เชื่อว่าได้แค่ข้อตกลง พื้นๆ เกือบ 25% เชื่อว่า คว้าน้ำเหลว

    ในภาพรวมนักเศรษฐศาสตร์ไม่ค่อย เห็นด้วยกับนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลทรัมป์ กระนั้นสัญญาณเศรษฐกิจส่วนใหญ่ ยังคงแข็งแกร่ง การจ้างงานเพิ่มขึ้นคงที่ อัตราว่างงานยังคงต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปีผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และยอดขาย ค้าปลีกประจำเดือน ก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุด ในรอบ 4 เดือน

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    - Growing pessimism: 34% of economists in survey expect a US recession in 2021
    https://www.usatoday.com/story/mone...OMx-WuH9G63RXYbQiMBfCJ2t6Hy76wapjJv6PPHo8nLbY
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQAtIa1qcN05Ke1Q&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs3.reutersmedia.jpg

    (Aug 20) ครม.จีนอนุมัติรวม'ฮ่องกง-มาเก๊า'กับ'เสิ่นเจิ้น' - คณะรัฐมนตรีจีนมีคำสั่งให้พัฒนานครเสิ่นเจิ้นและรวมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเสิ่นเจิ้นเข้ากับฮ่องกงและมาเก๊า คำสั่งนี้มีขึ้นในขณะที่การประท้วงในฮ่องกงกำลังคุกคามสถานะของศูนย์กลางการเงินเอเชียและเศรษฐกิจฮ่องกงกำลังจะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ อย่างไรก็ดี ชาวฮ่องกงยังคงเตรียมประท้วงอีกในสัปดาห์นี้ หลังฝ่าสายฝนชุมนุมอย่างสันติในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    ในคำสั่ง 19 ข้อของคณะรัฐมนตรีจีนซึ่งเผยแพร่ในพีเพิล เดลี่ มีการเรียกร้องให้พัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งของนครเสิ่นเจิ้นให้ดีที่สุดในโลกภายในปี 2568 และให้เป็นมาตรฐานสำคัญของโลกภายในกลางศตวรรษ

    นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้พัฒนาการปกครองทางสังคมในเสิ่นเจิ้นให้ทันสมัยโดยใช้แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมข้อมูลขนาดใหญ่ คลาวด์คอมพิวติ้ง ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ในขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้รวมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเสิ่นเจิ้นเข้ากับฮ่องกงและมาเก๊าผ่านการสนับสนุนเงินแก่โรงพยาบาล ความพยายามในการบรรเทาภัยพิบัติร่วมกันและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และพัฒนาเขต “Hong Kong-Macao Greater Bay Area” และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแนวทางในการปฏิบัติใหม่ของนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

    คำสั่งนี้มีขึ้นในขณะที่การประท้วงในฮ่องกงกำลังคุกคามสถานะของศูนย์กลางการเงินเอเชียโดยเศรษฐกิจฮ่องกงกำลังจะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษเนื่องจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้ทำให้นักท่องเที่ยวหวาดกลัวและส่งผลกระทบต่อการลงทุนและยอดขายปลีก

    ในช่วงปี พ.ศ. 2533-2542 แผนปฏิรูปตลาดและการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนได้เปลี่ยนแปลงเสิ่นเจิ้นจากที่เป็นหมู่บ้านธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและภาคเทคโนโลยีของจีน ในขณะนี้เสิ่นเจิ้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทระดับโลกอย่างเทนเซนต์ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียของจีน และหัวเหว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องห้ามบริษัทสหรัฐฯ ป้อนสินค้าให้

    ส่วนฮ่องกงกลับไปอยู่ในการปกครองของจีนเมื่อปี 2540 ภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศสองระบบ” ซึ่งจีนได้สัญญาว่าจะให้เสรีภาพที่แตกต่างจากประชาชนในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ชาวฮ่องกงจำนวนมากเชื่อว่า รัฐบาลปักกิ่งได้บั่นทอนเสรีภาพเหล่านั้นการประท้วงในฮ่องกงได้เริ่มต้นจากการคัดค้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนและได้กลายเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยในวงกว้างขึ้น

    กองกำลังทหารพรานของจีนได้ทำการฝึกซ้อมที่สนามกีฬาแห่งหนึ่งในเสิ่นเจิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์กันว่า จีนอาจจะใช้ทหารพรานเหล่านี้ไปปฏิบัติการในฮ่องกง

    ชาวฮ่องกงยังคงเตรียมตัวที่จะประท้วงอีกในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ผู้ประท้วงหลายแสนคนได้ฝ่าสายฝนชุมนุมอย่างสันติในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    ผู้ที่จัดการประท้วงอ้างว่ามีผู้มาชุมนุมประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางแม้ว่าได้เกิดความวุ่นวายในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อผู้ประท้วงได้เข้ายึดครองสนามบินฮ่องกง

    มีการวางแผนชุมนุมอีกในสัปดาห์ที่จะมาถึงซึ่งรวมถึงการนัดหยุดงานอีกครั้งในเขตต่าง ๆ ทั่วฮ่องกง ตำรวจกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การประท้วงเมื่อวันอาทิตย์ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่มีการทำลายความสงบในเวลาต่อมาเมื่อผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งสร้างความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐบาลและใช้แสงเลเซอร์พุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าทำเนียบขาวอยากจะเห็นรัฐบาลปักกิ่งแก้ปัญหาการประท้วงก่อนที่สองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้

    ด้านหนังสือพิมพ์ พีเพิล เดลี่ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เตือนในบทบรรณาธิการเมื่อวันจันทร์ว่า อิทธิพลของอริต่างชาติกำลังยุยงให้มีการเคลื่อนไหวประท้วง และยังระบุว่า การประท้วงมีลักษณะเหมือน “การปฏิวัติสี” ซึ่งเป็นการลุกฮือของประชาชนในอดีตรัฐโซเวียต เช่น ยูเครน ที่มักกวาดล้างผู้ปกครองที่มีอำนาจปึกแผ่นมายาวนานให้พ้นจากอำนาจ

    จีนยังได้กดดันอย่างหนักต่อบริษัทใหญ่ ๆ เช่น คาเธ่ย์ แปซิฟิก โดย รูเพิร์ต ฮอกก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาเธ่ย์ต้องลาออกอย่างไม่คาดคิดในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งพุ่งเป้าไปที่สายการบินเกี่ยวกับการเกี่ยวข้องของพนักงานในการประท้วง

    มีการมองการลาออกของฮอกก์ว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงบริษัทข้ามชาติอื่น ๆ เช่น เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และจาร์ดีน แมทธีสัน โฮลดิ้งส์ ให้สนับสนุนรัฐบาลจีน

    Source: ข่าวหุ้น

    - As Shenzhen moves forward, Hong Kong risks falling behind
    http://global.chinadaily.com.cn/a/2...qOmwjgkISi0E-I5DsVfQj3sI_z0cXQGHAjfozBUdju8J8

    - China's State Council calls for Shenzhen integration with Hong Kong, Macau
    https://www.reuters.com/article/us-...8F5C9R1zPd_zJzEOPuhzBb1hnzXddamQOGjl9FBPvfWFA

    - สหรัฐเตือนจีนเจรจาการค้าล่ม หากกวาดล้างม็อบฮ่องกงแบบเทียนอันเหมิน
    : https://www.ryt9.com/s/iq37/3030628
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    2Fstatic.posttoday.com%2Fmedia%2Fcontent%2F2019%2F08%2F20%2F139B6CD5D0334E79956C3889899A1398_700.jpg
    (Aug 20) 4 สิ่งที่ควรรู้เมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง : เมื่อธนาคารกลางต่างพากันประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษกิจในประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ออกตราสารหนี้เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ผู้ถือครองตราสารหนี้ก็จะเป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาลงไม่มากก็น้อย ดังนั้น ผู้ที่เป็นนักลงทุนควรติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

    ถ้าหากคุณเป็นคนหนี่งที่ลงทุนในตราสารหนี้ 4 เรื่องสำคัญที่คุณควรทราบเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง มีดังนี้

    1.อัตราดอกเบี้ย และราคาตราสารหนี้ หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาตราสารหนี้มากที่สุดคือ อัตราดอกเบี้ย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวลดลง จะทำให้ราคาของตราสารหนี้ที่เสนอขายมาก่อนหน้าปรับตัวสูงขึ้น เพราะตราสารหนี้เหล่านั้นให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงกว่าตราสารหนี้ที่เพิ่งเสนอขายในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง เพื่อสะท้อนผลตอบแทนที่นักลงทุนควรได้รับ

    2.เส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) คือ เส้นกราฟที่แสดงการเปรียบเทียบผลตอบแทนของตราสารหนี้ ตามระยะเวลาถือครองที่เหลือ แบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ

    Normal Yield Curve : เส้นกราฟลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจ"ขยายตัว" โดยตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือนานจะให้ผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือสั้นกว่า

    Inverted Yield Curve : เส้นกราฟลักษณะนี้ มักเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจ"ถดถอย"แสดงถึงผลตอบแทนที่ต่ำลงของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือนาน

    Flat Yield Curve : เส้นกราฟลักษณะนี้ มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจ จากช่วงที่มีการขยายตัวไปสู่ช่วงถดถอยหรือไปในทิศทางตรงกันข้าม

    3.ระยะเวลาคงเหลือ (Duration) คือ อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จะได้ในอนาคตจากตราสารนั้นๆ ซึ่งช่วยบอกความอ่อนไหวของราคาตราสารหนี้ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปแล้ว ยิ่ง Duration มีระยะเวลานานมาก ราคาของตราสารหนี้ก็จะยิ่งปรับขึ้นสูงเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง

    4.การลดอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลงอาจไม่ได้ส่งผลบวกกับนักลงทุนตราสารหนี้อย่างที่คิด ถึงแม้ว่าตราสารหนี้ที่นักลงทุนถือครองอยู่เดิมจะมีผลตอบแทนที่ดีเนื่องจากราคาของตราสารหนี้นั้นปรับตัวสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่เพิ่งเสนอขายใหม่ลดต่ำลงในระยะยาว

    คอลัมน์ Investment Tracker โดย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร

    Source: Posttoday

    https://www.posttoday.com/finance-s...5vvxqEYx1alNIfvf_emTGs42n8Fpq3KuWO6pr3Gl0h3CM
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    Bank19308622.jpg
    (Aug 20) วิรไท สันติประภพ :ศก.ขยายตัวต่ำ สินค้าส่งออกกระทบหนักสุด - วันที่ 19 ส.ค. 2562 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในเวทีสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2562 “รับมืออย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน” ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซนเตอร์ จ.ขอนแก่น

    นายวิรไท กล่าวตอนหนึ่งถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 จะเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะมีความอ่อนไหวและเปราะบางเพิ่มขึ้นมาก หลายอย่างที่เราไม่ได้คาดคิดได้เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาต่อเนื่องมาจาก ‘สงครามการค้า’

    สถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอลง แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติหรือจะเกิดวิกฤติในช่วงใกล้ ๆ นี้ แต่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลง ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ

    -ปัจจัยแรก

    การกีดกันทางการค้า มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นและอาจไม่จบลงง่าย ๆ โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและต้นปีนี้ เรามีความคาดหวังว่าน่าจะมีการเจรจาทางการค้าที่นำไปสู่ข้อสรุปได้ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา การที่สหรัฐฯ จะเพิ่มกำแพงภาษีมากขึ้นกับสินค้า 3 แสนล้านเหรียญของจีนและประกาศว่าจีนเข้าไปแทรกแซงค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า เป็นเรื่องที่จะทำให้จบลงได้ยากและสร้างปัญหาความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากให้แก่นักธุรกิจทั่วโลก

    ทั้งนี้ อย่างที่ทราบกันนั้น ห่วงโซ่การผลิตมีความเชื่อมต่อกันทั้งโลก และหากลองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการวางห่วงโซ่การผลิตและมีลักษณะกระจุกตัวพอสมควร เช่น สินค้าบางอย่างกระจุกตัวอยู่ในการผลิตแถบเอเชียตะวันออกและประเทศจีน สินค้าบางอย่างกระจุกตัวในยุโรป เพื่อตอบโจทย์ของตลาดเหล่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์การกีดกันทางการค้ารุนแรงมากขึ้น แผนการวางห่วงโซ่การผลิตไม่ได้เกิดผลแบบเดิม เพราะสร้างผลกระทบเข้ามามากในกระบวนการส่งสินค้าจากประเทศหนึ่งไปผลิตต่ออีกประเทศหนึ่งก่อนจะส่งไปสู่ปลายทาง ซึ่งเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นกับทุกคนและเป็นความแน่นอนที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจทั่วโลก

    ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้เราเริ่มเห็นเรื่องการกีดกันทางการค้า ไม่ได้เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ และจีนเท่านั้น โดยเราไม่เคยคาดคิดมาก่อนจะเกิดขึ้นระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ชี้ให้เห็นว่า “ปัญหาเรื่องการเมืองได้เข้ามาเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจ” หรือแม้กระทั่งสหรัฐฯ กับเม็กซิโก เพิ่งเจรจาข้อตกลงกันใหม่มาแทนความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ระหว่างรอให้สภาของสหรัฐฯ รับรอง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า อยากให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผู้อพยพด้วย ถ้าเม็กซิโกไม่ช่วยแก้ไขปัญหา จะเข้าไปเพิ่มกำแพงภาษีขึ้นไปอีก

    “เห็นได้ว่ากลไกทางการค้าหรือกลไกทางเศรษฐกิจ สมัยก่อนจะเป็นปัญหาเฉพาะด้านเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันถูกโยงเข้าไปเป็นกลไกทางการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง”

    ขณะที่ปี 2563 เป็นปีเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดังนั้นเชื่อว่า จะมีโอกาสที่จะมีมาตรการต่าง ๆ ที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้นมาได้

    -ปัจจัยสอง

    ทราบข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะจบลงได้อย่างไร และจะจบลงแบบแรงแค่ไหน นั่นคือ การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้นำของอังกฤษครั้งหลังสุด ค่อนข้างชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ (บอริส จอห์นสัน) มุ่งมั่นอย่างไรในการต้องออกจากสหภาพยุโรปให้ได้ภายใน 31 ต.ค. นี้ ไม่ว่าจะออกโดยไม่มีการตกลงใด ๆ ก็จะออก แต่จะสร้างผลข้างเคียงมากมายกับห่วงโซ่การผลิต แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์อย่างอาหารและยา ซึ่งต้องข้ามจากยุโรปไปอังกฤษ จากอังกฤษกลับมายุโรป จะส่งผลกระทบมากและเป็นวงกว้างโดยทั่วไป

    -ปัจจัยสาม

    นับเป็นเรื่องไม่ค่อยดีและดูเปราะบางมากขึ้น คือ บรรยากาศการเมืองระหว่างประเทศ โดยจะเห็นว่าปัญหาในตะวันออกกลางมีความเปราะบางมากขึ้น สถานการณ์ในอิหร่าน การยึดเรือบรรทุกน้ำมัน เป็นความเปราะบางที่ค่อย ๆ จะมีพัฒนาในทิศทางไม่ดี หรืออินเดียกับปากีสถานในแคว้นแคชเมียร์เป็นจุดเปราะบางที่สงบมานาน แต่พอภาวะแบบนี้ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้สภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเปราะบางค่อนข้างมาก

    นายวิรไท ยืนยันว่า กระนั้นเศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ต่างจากวิกฤติที่เราเคยประสบในปี 2008 หรือ 2009 ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจโลกทั้งหมดหดตัว แต่วันนี้ที่กังวลกันมาก คือ สภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ปัจจัยต่าง ๆ ที่พูดถึงเป็นความไม่แน่นอนและเป็นความเปราะบาง อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ดี การ มีการจ้างงานในระดับสูง ส่วนเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงยังถือว่าขยายตัวอยู่ที่ 6.5% ไม่ได้เข้าสู่ภาวะหดตัว ซึ่งแน่นอนว่า สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงไม่เป็นไปอย่างคาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดผลย้อนกลับมาในภาคเศรษฐกิจได้

    เศรษฐกิจไทยไม่น่าห่วง แม้ส่งออกติดลบ

    ผู้ว่า ธปท. กล่าวต่อถึงผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทย โดยขยายความว่า ไทยมีเศรษฐกิจขนาดเล็กแบบเปิดและพึ่งพาตลาดต่างประเทศค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นสถานการณ์ด้านต่างประเทศส่งผลกระทบการขยายตัวต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง เมื่อต้นปี ธปท.เคยประมาณว่า เศรษฐกิจจะเติบโตได้ประมาณ 3.8% แต่เมื่อ มิ.ย. ได้ปรับประมาณการณ์ลง เหลือ 3.3% สาเหตุสำคัญเนื่องจากการส่งออก เพราะการส่งออกมีทิศทางที่ชะลอลงมาก

    “เราปรับประมาณการณ์ทุกไตรมาส ในรอบหน้า เดือน ก.ย. เราคงต้องปรับลงอีก เพราะบรรยากาศการกีดกันทางการค้าจะมีความรุนแรงมากขึ้นและไม่มีแนวโน้มจบลงได้ง่าย”

    ขณะที่ตัวเลขการประมาณการณ์ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จีดีพีไตรมาส 2 ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 เหลือ 2.3% นายวิรไท มองว่า แม้ยังมีการขยายตัว แต่ยังเป็นการขยายตัวในระดับต่ำ ภาคส่งออกได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการส่งออก เราเห็นว่ามีการส่งออกลดลง ทั้งปีการส่งออกติดลบไปประมาณ 4-5%

    “ตอนดูต้นปี คิดว่าข้อตกลงทางการค้าน่าจะมีข้อสรุปได้ การส่งออกค่อย ๆ จะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่วันนี้คิดว่าอาจไม่เป็นแบบนั้น”

    สิ่งที่กังวลต่อไป คือ เมื่อการส่งออกเริ่มลดลง เริ่มมีผลกระทบไปสู่เรื่องการทำงานล่วงเวลา ซึ่งเป็นรายได้ของประชาชน คนอยู่ในตลาดแรงงาน ทำให้การบริโภคในพื้นที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากเริ่มชะลอลง กลายเป็นผลข้างเคียงต่อเนื่องไปสู่เรื่องการบริโภคได้

    ทั้งนี้ ภาวะความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การลงทุนของภาคเอกชนชะลอลงด้วย ตัวเลขของสภาพัฒน์ฯ ที่ออกมาสะท้อนให้เห็นชัดว่า “ไตรมาส 2 การลงทุนของภาคเอกชนโตน้อยลงไปกว่าเดิมมาก เพราะเมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ผู้ประกอบการต่าง ๆ ต้องระมัดระวัง ฉะนั้นเป็นผลกระทบเกิดกับตัวเศรษฐกิจจริง”

    “เวลาที่เรามองผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย เราเห็นการส่งออกของเราติดลบประมาณ 4-5% เราใจไม่ดี แต่ถ้าดูว่าเป็นผลกระทบที่มาจากปัจจัยภายนอก พบการส่งออกประเทศรอบบ้าน ติดลบตัวเลขสองหลัก อย่างสิงคโปร์ ติดลบ 14-15% ขณะที่เกาหลีและไต้หวันติดลบค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นถือว่าไทยมีตัวเลขติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะไทยมีสินค้าส่งออกหลากหลาย ไม่ได้พึ่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียว และยังได้รับอานิสงส์จากตลาดรอบบ้านค่อนข้างมาก ประเทศ CLMV ยังมีการขยายตัวที่ดี ประเทศในอาเซียนของสินค้าบางประเภทยังมีการขยายตัวค่อนข้างดี เพราะฉะนั้น การที่เรามีการกระจายการส่งออกค่อนข้างดี จึงทำให้การส่งออกของเราไม่หดตัวไปแรงเหมือนประเทศอื่น” ผู้ว่า ธปท. กล่าวในที่สุด .

    Source: สำนักข่าวอิศรา
    https://www.isranews.org/isranews/79562-news-79562.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    upload_2019-8-20_22-24-23.png

    (Aug 19) รายงานพิเศษ: เศรษฐกิจถดถอย ถึงเวลาต้องใช้ 'ยาแรง' ? ความเคลื่อนไหวในตลาดทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนแต่ชี้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะถดถอยโรยแรงอย่างแน่นอนแล้ว และได้ทำให้มีการพูดถึง “ยาแรง” ที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ และหนึ่งใน “ยาแรง” ที่ว่าก็คือ “นโยบายดอกเบี้ยติดลบ” ซึ่งได้กลายมาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับธนาคารกลางบางแห่ง

    ธนาคารกลางในเอเชียหลายแห่ง เช่น อินเดีย ไทย และเกาหลีใต้ และออสเตรเลียได้ทำให้ตลาดแปลกใจด้วยการลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรงไปแล้วเพื่อตอบโต้ต่อวิกฤติที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และล่าสุดในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ธนาคารกลางเม็กซิโกก็ประกาศลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกราย

    ในวงจรการลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรงรอบนี้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ถือเป็นผู้บุกเบิก เนื่องจากได้ประกาศลดมากกว่าที่คาดถึง 0.50% นอกจากนี้ยังได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบด้วย

    ข้อเท็จจริงที่ว่าธนาคารกลางกำลังพิจารณาเครื่องมือทางการเงินที่เป็นที่ถกเถียงกันมากนี้อย่างกว้างขวาง เป็นการย้ำให้เห็นว่า ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังตกอยู่ในภาวะหนีเสือปะจระเข้ โดยการชะลอตัวทั่วโลกบีบให้ธนาคารกลางต้องใช้นโยบายรุนแรงเพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากค่าเงินแข็ง

    สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนและกิจกรรมการผลิตทั่วโลก เศรษฐกิจในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกชะลอตัวลง ทำให้ธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ยโดยหวังว่าจะช่วยหนุนการส่งออกโดยผ่านค่าเงินที่อ่อนตัวลง แต่ในทางกลับกันการลดดอกเบี้ยก็ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีการลดค่าเงินแข่งกันและทำให้ธนาคารกลางบางแห่งคิดถึงเครื่องมือนโยบายที่รุนแรงมากขึ้น

    อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากกรณีของญี่ปุ่นและยุโรปที่อัตราดอกเบี้ยติดลบอยู่ในขณะนี้ มันชี้ให้เห็นว่าผลที่ได้รับจะแตกต่างกันไป

    จนถึงขณะนี้นโยบายเงินที่ผิดปกติเช่นนั้นยังคงเป็นไอเดียที่ห่างไกลสำหรับธนาคารกลางส่วนใหญ่ในเอเชียที่เศรษฐกิจกำลังโตอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปเศรษฐกิจที่กำลังโตในเอเชียมีอัตราดอกเบี้ยสูง จึงมีพื้นที่เหลือเฟือที่จะลดดอกเบี้ยลงในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง

    ความจริงแล้ว ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปลี่ยนมาดำเนินนโยบายเงินที่ใจดีมากขึ้น แม้แต่การลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปก็ถือว่าเสี่ยงเนื่องจากมันอาจทำให้เงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมากได้ แต่ความตึงเครียดทางการค้าและความผันผวนในตลาดการเงินกำลังบีบให้เศรษฐกิจเอเชียบางประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าต้องมองหาแนวทางที่จะควบคุมไม่ให้เงินแข็งค่าเพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก

    นโยบายดอกเบี้ยติดลบมีประโยชน์เมื่อมันช่วยถ่างช่องว่างกับสหรัฐฯ และช่วยรักษาไม่ให้ค่าเงินแข็งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นโยบายนี้ได้ประสบความสำเร็จในยุโรปมาแล้ว โดยนับตั้งแต่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) นำนโยบายดอกเบี้ยติดลบมาใช้เมื่อห้าปีก่อน เงินยูโรได้อ่อนค่าลงแค่ 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์

    แต่ประสบการณ์ในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่น ต้องพบกับภาพที่แตกต่างออกไป ผลกระทบจากการประกาศนโยบายดอกเบี้ยติดลบทำให้เงินเยนอ่อนตัวลงในช่วงสั้น ๆ และภายใน 5 เดือน เงินเยนแข็งขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และผลกระทบที่มีต่อการเติบโตและเงินเฟ้อคลุมเครือมากกว่า

    ในยูโรโซน ต้นทุนเฉลี่ยในการกู้ยืมของบริษัทลดลงเหลือ 1.6% ในเดือนมิถุนายน จาก 2.8% ในช่วงที่อีซีบีนำนโยบายดอกเบี้ยติดลบมาใช้ในเดือนมิถุนายน 2557 แม้ว่าเศรษฐกิจบูมในช่วงแรกแต่ในขณะนี้มันใกล้ชะงักงัน โดยโตเพียง 0.2% ในช่วงไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนเงินเฟ้อพลาดเป้ามาตั้งแต่ปี 2556 โดยต่ำกว่าเป้าหมาย 2% และอยู่ที่ 1.1% ในเดือนกรกฎาคม

    ในกรณีของญี่ปุ่น อัตราดอกเบี้บกู้ยืมอยู่ที่ 0.80% เมื่อบีโอเจดำเนินนโยบายติดลบเมื่อเดือนมกราคม 2559 และอยู่ที่ 0.75% ในเดือนมิถุนายน เศรษฐกิจญี่ปุ่นโตเพียง 0.4% ในช่วงไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งโตต่ำกว่า 0.7% ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2559 ส่วนเงินเฟ้อหลักผู้บริโภคอยู่ที่ 0.6% ในเดือนมิถุนายน ยังคงไกลจากเป้าหมาย 2% ที่บีโอเจตั้งไว้มาก

    เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐก็มองว่านโยบายดอกเบี้ยติดลบเป็นนโยบายที่ไม่น่าจะได้ผลและไม่ได้รับความนิยมทางการเมือง แต่ในขณะนี้นักลงทุนกำลังคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะต้องลดดอกเบี้ยลงอีกเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 18 กันยายนนี้

    อดีตคณะกรรมการนโยบายเงินคนหนึ่งของบีโอเจ กล่าวว่า ยังไม่มีฉันทามติในหมู่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางในการสนับสนุนและคัดค้านมาตรการที่ไม่ปกติอย่างนโยบายดอกเบี้ยติดลบ และความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยติดลบกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือมันมีผลกระทบในทางลบมากต่อภาคธนาคาร ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบน้อยในการกระตุ้นดีมานด์

    อย่างไรก็ดี ในภาวะที่ธนาคารกลางกำลังอยู่ในโหมด “ลดดอกเบี้ย” เพื่อพยายามพลิกผันหรืออย่างน้อยบรรเทาภาวะถดถอยทั่วโลก มีความเห็นจากมาร์ก โมเบียส ผู้จัดการการลงทุนชื่อดังวัยแปดสิบปี ว่า ตลาดหุ้นจะดีมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ทำให้หุ้นเริ่มน่าสนใจมากขึ้น

    โมเบียสได้เคยพูดไว้ว่า การทะเลาะกันระหว่างจีนและสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการค้ามีอิทธิพลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก แต่การสนับสนุนจากธนาคารกลางอาจจะมีมาตรการกระตุ้นที่จำเป็นแก่หุ้นเพื่อให้ยังคงลอยตัวได้อย่างน้อยก็ในระยะสั้น และแนะนำให้มองหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนกำลังต้องการ

    Source: ข่าวหุ้น

    เพิ่มเติม
    - https://www.nytimes.com/2019/08/15/...jw3bXGxjMHN4F3BC9Y-efF--bynmXtv7uiO_scSGqmi-U

    - Caution is warranted but US ‘should avoid a recession,’ economists say:
    https://www.cnbc.com/2019/08/19/cau...oszMKv889Rm5cugnbCG3eOluDQb-XuowSUwL1sgbhStDw
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fassets.bwbx.io%2Fimages%2Fusers%2FiqjWHBFdfxIU%2Fie4pxScigAz4%2Fv1%2F1200x800.jpg

    (Aug 19) เยอรมนี ระบุ พร้อมใช้เงินทุน 5 หมื่นล้านยูโร หวังกระตุ้นศก.ให้พ้นวิกฤติ : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นาย โอลาฟ โชลซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมัน ได้ออกมาเปิดเผยว่ารัฐบาลเยอรมันสามารถรวบรวมเงินได้มากกว่า 5 หมื่นล้านยูโร เพื่อเป็นงบในการใช้จ่ายพิเศษโดยมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมันในพ้นจากสภาวะวิกฤติ

    รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมันเผยว่า รัฐบาลเยอรมันได้ประมาณการว่าวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ของเยอรมันมีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเขาพร้อมตอบทุกคำถามเกี่ยวกับนโยบายการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจเยอรมันในเวลานี้คือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วยุโรป และปัญหาของสงครามการค้า จีน และสหรัฐฯ

    โดยตัวเลขการผลิตของเยอรมันลดลง 0.1% ในไตรมาสที่ 2/2019 ซึ่งเมื่อรวมกับความคาดหวังทางธุรกิจที่ตกต่ำ ทำให้เยอรมันมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี และเป็นเป้าหมายสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลล์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสสูงได้รับผลกระทบหากสหรัฐฯเพิ่มภาษีสินค้านำเข้ากับสหภาพยุโรป

    ขณะที่ทางด้านนิตยสาร Der Spiegel รายงานว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ได้ออกมายืนยันว่าพร้อมที่จะกลับมาใช้นโยบายงบประมาณที่สมดุลและขยายการกู้ยืม หากเศรษฐกิจของเยอรมันเข้าสู่สภาวะถดถอยในอนาคต

    ทั้งนี้นายโอลาฟ โชล เผยว่าการดำเนินการของกระทรวงการคลังในช่วงวิกฤติได้ลดหนี้สินของประเทศลงได้มากถึง 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    Source: efinancethai.com
    https://www.efinancethai.com/Lastes...tDRcQmISlsVU-z2SRGVm64bv6hyn9btzqZwNnsLab08pw

    - Germany Says It Could Spend Extra $55 Billion If Crisis Hits
    https://www.bloomberg.com/news/arti...sAkkscBJXUg_U26Iu1dZdzvYkFtGKUTX_pnPEvrp1P0fM
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Aug 19) สศช.เผยเศรษฐกิจไทยเซ ยังไม่ทรุด จีดีพี Q 2/62 ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี: สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 2/62 โตร้อยละ 2.3 ต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส พร้อมลดจีดีพีปี 62 เหลือโตร้อยละ 3 เหตุสงครามการค้าฉุดส่งออกติดลบ
    นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เปิดเผยว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาส 2 ปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.3 ซึ่งเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส หรือในรอบเกือบ 5 ปี ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2557 เติบโตชะลอลงจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่จีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.8 ส่งผลให้จีดีพีครึ่งปีแรก 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.6
    สำหรับปัจจัยหลักที่กระทบทำให้จีดีพีไตรมาส2 ปีนี้เติบโตชะลอลง ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี มาจากการส่งออกติดลบร้อยละ 4.2 จากไตรมาสแรกที่ติดลบร้อยละ 4 เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ -จีน ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวโตร้อยละ 3.2 นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ กระทบกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอลง และรายได้ท่องเที่ยวยังขยายตัวต่ำ
    นายทศพร กล่าวว่า สศช.ปรับลดประมาณจีดีพีปี 2562 โตร้อยละ 3 หรือเติบโตในช่วงร้อยละ 2.7 - 3.2 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.6 หรือเติบโตในช่วงร้อยละ 3.3 - 3.8 ส่วนเศรษฐกิจปี 2563 คาดขยายตัวร้อยละ 3.5 โดยเหตุผลที่ปรับลดจีดีพี มาจากการส่งออกที่ชะลอลงมาก คาดส่งออกปีนี้ติดลบร้อยละ 1.2 จากเดิมคาดโตร้อยละ 2.2 โดยมีความกังวลเรื่องภาวะความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซนเพิ่มเติม ขณะที่การบริโภคโตร้อยละ 4.2 และการลงทุนโตร้อยละ 3.8
    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และการบริโภค ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเร่งการส่งออกให้มูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลังไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เร่งการเบิกจ่าย การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ดูแลเกษตรกรแรงงานผู้มีรายได้น้อย เอสเอ็มอี และรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรยากาศการเมืองในประเทศ เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังขยายตัวได้ร้อยละ 3.4 จึงจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 โตร้อยละ 3 ตามเป้าหมาย
    “เศรษฐกิจไทยแค่เซ ยังไม่ถึงกับทรุด แต่เราต้องทำอะไรบ้าง ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะปัจจัยเสี่ยงมีทั้งเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และความผันผวนเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งความเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้ง” นายทศพร กล่าว
    Source: สำนักข่าวไทย

    เปิดดูไฟล์ 5032567 เปิดดูไฟล์ 5032568 เปิดดูไฟล์ 5032571 2.png 3.png 4.png 5.png 6.png 7.png

    เพิ่มเติม
    1. แถลงข่าว สศช. https://www.nesdb.go.th/ewt_dl_link...TK1tzuLXkEbSJpeUEgv_sDuPl3DQyOmGwRu2If0167ccU
    2. presentation https://www.nesdb.go.th/ewt_dl_link...4bszzUf_PH_EOYQ_3mCz_k-LRVrRREiVds9-JSty5LYkM
    3. รายง่นฉบับเต็ม https://www.nesdb.go.th/ewt_dl_link...TfawNWr9SE7WOlblNpzfIm4h1hfcbvpd-fza6IASq5ZiI
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    TCIJ
    ฮุนเซนสั่งแบนธุรกิจพนันออนไลน์ทั่วปอยเปตหวั่นกระทบความมั่นคง
    rl=https%3A%2F%2Fwww.tcijthai.com%2Foffice-tcij%2Fheadpicture%2F4db5fc5798f2192606660542adee15ca.jpg
    สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เผยว่ารัฐบาลกัมพูชาจะยุติการออกใบอนุญาตดำเนินการธุรกิจการพนันออนไลน์ภายในประเทศและนอกประเทศ และใบอนุญาตที่มีอยู่เดิมทั้งหมดจะไม่ได้รับการต่ออายุเมื่อใบอนุญาตเหล่านั้นหมดอายุลง พร้อมประสานมายัง ตม.สระแก้ว ประเทศไทย ให้แจ้งเตือนคนไทยที่ไปทำงานในบ่อนออนไลน์เถื่อนที่ไม่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องให้รีบกลับประเทศหรือหยุดทำงานทันทีเพราะอาจถูกจับดำเนินคดี

    https://www.tcijthai.com/news/2019/8/asean/9338

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    อเมซอนกำลังลุกไหม้และเรากำลังเข้าใกล้หายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกต่อไป
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดนีเซียจะส่งทหารไปเพิ่มขณะปาปัวยังคงเกิดเหตุวุ่นวาย
    .
    มานอกวารี 21 ส.ค. – จังหวัดปาปัวของอินโดนีเซีย ยังคงเผชิญเหตุความไม่สงบ ขณะที่ทางการอินโดนีเซียเตรียมส่งกำลังทหารกว่า 1,000 นายไปยังพื้นที่ดังกล่าว หลังเกิดการประท้วงอย่างรุนแรง มีอาคารหลายหลังถูกเผา และเกิดการปะทะตามท้องถนนระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง
    .
    ทางการอินโดนีเซีย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในปาปัวอยู่ในความสงบ ภายหลังเกิดเหตุจลาจลจากการจับกุมนักศึกษาปาปัวหลายสิบคนในจังหวัดชวาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ในวันพุธนี้ มีประชาชนราว 1,000 คนออกมาชุมนุมบนท้องถนนในเมืองทิมิกา ซึ่งผู้สื่อข่าวเห็นผู้ประท้วงปาก้อนหินไปยังหน้าต่างอาคารรัฐสภา แต่หลังจากตำรวจปราบจลาจลยิงเตือน ผู้ประท้วงก็เริ่มสลายตัว
    .
    หลายเมืองในจังหวัดปาปัว เกิดภาวะชะงักงันในสัปดาห์นี้ รวมทั้งเมืองมานอกวารี ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผาย่านธุรกิจและอาคารรัฐสภาท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ทางการกำลังตามล่าตัวนักโทษกว่า 250 คนที่หลบหนีออกจากเรือนจำที่ถูกจุดไฟเผาช่วงเกิดเหตุจลาจล.
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่เพียง แต่ Gran Canaria เท่านั้น Tenerife ก็กำลังลุกไหม้เช่นกัน! La Laguna, Tenerife ไฟไหม้เมื่อบ่ายวานนี้วันที่ 20 สิงหาคม รายงาน: @Carlobrusini
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ***ธนาคารน้ำใต้ดิน: ข้อเสีย ข้อดี และบทเรียนในต่างประเทศ***
    ขณะนี้ในไทยมีการพูดถึง “ธนาคารน้ำใต้ดิน” กันมาก และลงมือทำ จริงๆ ศาสตร์เกี่ยวกับน้ำใต้ดินพวกนี้ ในอเมริกา ยุโรป อินเดีย ฯลฯ เรียน/วิจัยกันจริงจังมากๆ เฉพาะด้านจนจบ ป. เอก เลย ดังนั้นหากประเทศไทยอยากพัฒนาเรื่องนี้กันในเชิงพื้นที่ จะเป็นเรื่องดีที่เราจะศึกษาว่าต่างประเทศทำอะไรมาบ้างและมีบทเรียนอะไรสอนใจเรา เพราะทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นสำคัญมากๆ และปัญหาการปนเปื้อนก็เกิดได้ง่ายและแก้ยากเสียด้วย หากเราไม่ระมัดระวัง ดังที่เกิดในอินเดียที่จะยกมาพูดถึงนี้ ...ย้ำว่าฉันไม่ได้ออกมาต่อต้านแต่ให้ข้อมูลหลายๆด้าน และเราควรใช้เหตุผลและหลักการทางวิทย์ เพื่อตัดสินใจ/วางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
    ธนาคารน้ำใต้ดิน เป็นศัพท์ที่ใช้ในการเติมน้ำลงชั้นน้ำบาดาล(มักเป็นชั้นอุ้มน้ำได้เช่น ชั้นทราย ชั้นหินแตก) ที่กระทำกันในหน้าฝนที่น้ำเยอะ เพื่อนำน้ำมาใช้ในหน้าแล้งโดยการสูบขึ้นมา ปรกติมันมีการเติมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว (เรียก recharge ดูรูป 5 ด้านซ้าย) แต่หากมนุษย์กระทำการเพื่อเร่งจะเรียกว่า “การเติมน้ำเทียม” (artificial recharge) ซึ่งมีหลากหลายวิธีดังจะพูดถึงตอนท้าย …ทุกอย่างที่ฉันเขียนต่อไปนี้มีอ้างอิงหมดดังลิ้งค์ข้างล่างสุด

    ประเทศที่มีการเติมน้ำเทียมมาช้านานและตื่นตัวมากด้านน้ำบาดาลที่สุดในโลกประเทศนึง คงไม่พ้นอินเดีย เพราะประชากรที่มากถึง 1.35 พันล้าน และมีหน้าแล้งที่แย่มาก สิ่งที่ในไทยกำลังมีการทำกันโดยการขุดหลุมดังในรูปแรกนี้ คนอินเดียเรียกว่า recharge shaft โดยมีการทำมาตั้งแต่ปี 2005 หรือก่อนหน้า โดยช่วงก่อนนั้น เมือง Coimbatore ประสบภัยแล้งหนัก ปรากฏว่าได้ผลดี และทุกวันนี้ เมืองนี้เมืองเดียวมี recharge shaft ถึง 600 หลุม (ถามว่า ต้องทำมากขนาดไหนถึงได้ผลดี เทียบกับจำนวนประชากรในพื้นที่ที่ใช้น้ำ) ระดับน้ำบาดาลเพิ่มมากขึ้นถึง 34 เมตร (110 ฟุต) ในเวลา 10 ปี ดังรูป 3 นี้ แต่ขอเน้นว่า จะเห็นว่าหลุมเขาค่อนข้างกว้างและลึกพอควร วิศวกรอินเดียแนะนำว่าหลุม recharge shaft นี้ ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตรขึ้นไป และทั่วไปลึก 2-3 เมตร ขึ้นไป และควรขุดเจาะจนกว่าจะถึงชั้นที่มีช่องว่างใต้ดินมาก/porous เช่นชั้นทราย หรือชั้นหินที่มีรอยแตกมาก จนบางครั้งต้องลึกถึง 10 เมตร ทั้งนี้ ในอินเดียนั้น เขาเน้นที่จะใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น กรวด หิน ทราย เท่านั้น (ไม่มีการใช้วัสดุสังเคราะห์เช่นยางรถยนต์) วิธี recharge แบบนี้ประหยัดและวิศวกรเขากล่าวว่าวิธีนี้เหมาะกับการที่ชั้นอุ้มน้ำได้อยู่ใน **ระดับตื้น** ...เราจะรู้ได้ไงว่าอยู่ในระดับตื้นหรือลึก นอกจากประวัติบ่อน้ำบาดาลต่างๆที่ขุดใช้ในพื้นที่กันบ่งบอกได้บ้างแล้ว ทั้งในอินเดียและอเมริกา หน่วยงานต่างเน้นย้ำกันว่าก่อนทำ “การเติมน้ำเทียม” ที่มีหลายวิธีนั้น โดยเฉพาะทำเยอะๆในพื้นที่ เราควรรู้ลักษณะของชั้นหิน/ดินต่างๆใต้ดินอย่างดีเสียก่อน ซึ่งเรียกว่า “การทำธรณีฟิสิกส์สำรวจใต้ผิวดิน” ที่ผ่านมากรมทรัพยากรธรณีของไทยก็ทำบ้างในบางพื้นที่ แต่กรมนี้ยังขาดงบประมาณนัก แต่ปัจจุบันก็มีเอกชนรับจ้างทำสำรวจใต้ผิวดินในไทย (ลิ้งค์ข้างล่าง) (พร้อมๆกับรับขุดเจาะบ่อบาดาล) วิธีนี้ยังทำให้เรารู้ได้ว่าระดับน้ำบาดาลถูกถลุงใช้ไปจนต่ำแค่ไหน และจะคุ้มแก่การลงทุนโครงการ recharge ไหม
    แต่ช้าก่อน … การเติมน้ำเทียมแบบวิธีนี้นั้น ไม่ว่าจะในอินเดียหรืออเมริกา ยุโรป สิ่งที่เขาเน้นย้ำนักหนาก็คือ เราต้องมั่นใจได้ว่า **น้ำที่ไหลหลากมาเติมลงหลุมนั้น ไม่ได้ปนเปื้อนสารเคมีและสิ่งปฏิกูล** เช่นจาก ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ย ขยะโรงงาน หลุมฝังกลบขยะ น้ำเน่า ปุ๋ยหมัก บ่อเกรอะ เพราะในกระบวนการ recharge ตามธรรมชาตินั้น ชั้นดิน(เช่นดินเหนียว ดินทราย)จะช่วยกรองสารเคมี แบคทีเรีย ฯลฯ แต่ในเมื่อเราเอาดินในบ่อ shaft ออกไปหลายเมตรเพื่อให้น้ำหลากจากฝนไหลลงชั้นอุ้มน้ำได้โดยตรง(ผ่านหินกรวด หรืออะไรที่มีช่องว่างมาก เช่นคนไทยเอาขวดพลาสติก ล้อยาง ยัดๆลงหลุม) เราจึงขาดการกรองโดยธรรมชาติ(soil infiltration)ในชั้นดินเหล่านี้ที่หายไป ในบางครั้งการทำ recharge shaft นั้น หากลึก 5-10 เมตร คนอินเดียจึงคั่นชั้นกรวดหินด้วยชั้นดินชั้นทรายและใบไม้หนาเป็นเมตรเพื่อช่วยกรองได้บ้าง
    การปนเปื้อนในน้ำบาดาลนั้นเป็นปัญหามากในอินเดีย เพราะปัญหาน้ำผิวดินเสื่อมโทรมก็มีอยู่แล้ว น้ำเน่าเสียมากมาย แล้วยังมีการเติมน้ำบาดาลเทียมมากมายอย่างเสรี ปีล่าสุดตามลิ้งข่าวและรูป 4 นี้ หน่วยงานรัฐอินเดียเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในจำนวน 718 อำเภอทั่วอินเดีย มี 386 อำเภอที่น้ำบาดาลปนเปื้อนไนเตรต เกินระดับที่ยอมรับได้(ของอนามัยโลก) ปนเปื้อนเหล็ก 301 อำเภอ ปนเปื้อนสารหนู 153 อำเภอ ตะกั่วและโลหะหนักอื่นๆอีก
    ที่น่าจับตาก็คือ ไนเตรต เพราะมันมักมากับปุ๋ยนั่นเอง ในไทยใช้กันมากเสียด้วย หากร่างกายรับไนเตรตจากน้ำดื่ม/อาหารเข้าไป ความสามารถของเม็ดเลือดที่จะนำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะต่ำลง คลื่นไส้ หายใจไม่ออก ตัวเขียว หมดสติได้ อันตรายมากหากเกิดกับเด็ก สตรีมีครรภ์ ถึงตายได้ (การกินพืชผักที่ปุ๋ยเคมีตกค้างบ่อยๆก็เช่นกัน) และหากได้รับไนเตรต/ไนไตรต์ปริมาณน้อยเป็นเวลานานๆ จะเกิดพิษเรื้อรัง เป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่นตับ ไต กระเพาะอาหาร ลำไส้ .... ในไทยมีการใช้ปุ๋ยสูตรที่ก่อปัญหาไนเตรตเช่นนี้เยอะ เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรต ปุ๋ยยูเรีย เพื่อส่งเสริมการเจริญของยอดและใบ ทำให้ผลผลิตเจริญเติบโตเร็ว ...ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เราจึงต้องเสี่ยงมากที่น้ำหลากที่มากับฝนชะล้างพืชสวนจะนำพาสารเคมีจากปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ฆ่าหญ้า ลงสู่ชั้นน้ำบาดาลง่ายขึ้น จากบ่อ recharge shaft ที่ไม่มีการกรองตามธรรมชาติจากดิน …นอกจากนี้ แอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารเคมีที่โรงงานอุตสาหกรรมใช้มากที่สุดในหลายแขนง ถูกเปลี่ยนเป็นไนไตรต์(และไนเตรต)ได้ด้วยเพียงแบคทีเรียบางชนิดในธรรมชาติ การที่โรงงานไม่บำบัดน้ำเสียอย่างเพียงพอก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติก็จะเป็นต้นตอของไนเตรตด้วย เช่นในอินเดีย ...ไนเตรตในน้ำบาดาลยังมาจากน้ำฝนที่ชะมูลสัตว์หรือระบบบ่อเกรอะที่ซึมด้วย... หลุมกลบขยะก็ยังเป็นต้นตอของสารปนเปื้อนอื่นๆ...ในอินเดียมีบ่อสังเกตุการณ์น้ำบาดาลถึง 15,000 บ่อ เพื่อไว้ตรวจสอบคุณภาพ
    กรมน้ำในอินเดียเน้นย้ำว่า ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำบาดาล เราต้องเฝ้าดูและระวังเรื่องระบบ recharge ต่างๆ และต้องสร้างวิธีเติมน้ำเทียมที่เป็นระบบระเบียบ ทั้งชาวบ้านและผู้นำ สส. จะต้องเป็นหูตาในการเฝ้าระวังไม่ให้น้ำบาดาลปนเปื้อน ตรวจตราโรงงานที่ปล่อยน้ำเสีย........โยงไปถึงในสหรัฐอเมริกา ในหลายรัฐในภาคกลางและตะวันตกของอเมริกา มีการใช้น้ำบาดาลอย่างแพร่หลาย และแน่นอนว่าอเมริกาก็ประสบภัยแล้งบ่อยครั้ง ...ในหลังฤดูหนาว หิมะจะละลายมากมาย การเก็บน้ำในช่วงนั้นไว้ใช้ในช่วงแล้งจึงเป็นสิ่งที่ปรารถนา และการเติมน้ำเทียมก็เป็นสิ่งที่อเมริกาศึกษาวิจัยมานาน ...สิ่งที่อเมริกาเรียนรู้ก็คือ **จะต้องมีกฎหมายควบคุมการเติมน้ำเทียม**(แอดมินเคยลงวิชา water law ที่มหาลัยอริโซน่า) แทบทุกรัฐใน USA ชาวบ้านที่จะทำการเติมน้ำเทียม ต้องไปขอใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐก่อน โดยหลักๆ หน่วยงานรัฐจะพิจารณาละเอียดว่า 1. โครงการ rechange/เติมน้ำนั้นๆจะทำให้คุณภาพน้ำบาดาลแย่ลงไหมโดยพิจารณาการใช้พื้นที่ในลุ่มน้ำนั้นๆ เช่นหากมีการเกษตรกรรม และ 2. น้ำที่คุณจะเอามาเติมบาดาลนั้นจะเป็นการแย่งสิทธิน้ำใช้ของคนอื่นหรือไม่ แม้จะเอามาช่วงมรสุม น้ำหลากก็ตาม
    การเติมน้ำเทียมในอเมริกานั้นเน้นที่ 3 วิธีแค่นั้น คือ 1. การฉีดน้ำสะอาดที่บำบัดแล้วลงสู่บ่อโดยตรง (รูป 5 ขวามือ) 2. การกักน้ำในบ่อขนาดใหญ่หรือไร่นา(ช่วงไม่ได้ปลูก)เพื่อให้น้ำค่อยๆแทรกซึมลงดิน(soil infiltration) และเกิดการกรองก่อนที่น้ำซึมเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล ดูรูป 6-8 ….3. การทำฝายคอนกรีตสูงราว 1-2 ม. ในแม่น้ำ และอาจขยายแม่น้ำ เพื่อกักน้ำให้ซึมลงดิน ดูรูป 9-11 สองวิธีการหลังเรียกว่าการแผ่ (spreading) มักทำหลายๆจุดเป็นซีรี่ส์ ... เรื่องคุณภาพน้ำที่ recharge นี้อเมริกาเข้มงวดมากๆ อย่างในรัฐเท๊กซัส แม้แต่น้ำที่ได้จากทะเลสาปที่คุณภาพด้อยกว่าในชั้นน้ำบาดาลเพียงนิดเดียวก็ไม่อนุมัติเพราะถือว่าทำให้แย่ลง
    ท้ายนี้ ขอบคุณแอดมินเพจวิทย์นอกห้อง ที่ได้หารือกันเรื่องประเด็นนี้ในไทย จนฉันสนใจขุดหาข้อมูลมากมาย
    ดร. ไพลิน ฉัตรอนันทเวช
    วิศวกรแหล่งน้ำ/ชลศาสตร์
    อ้างอิง
    การทำหลุมดักน้ำ recharge shafts ในอินเดีย
    https://www.thebetterindia.com/133206/water-revival-siruthuli-coimbatore/
    การปนเปื้อนน้ำบาดาลในอินเดียล่าสุดปี 2018 ไนเตรตและอื่นๆ
    https://timesofindia.indiatimes.com...13ZSDli2C3gPB-zYO-mB6SriVrYoI3rgoAW0&from=mdr
    ตำราเรียนเรื่อง การเติมน้ำเทียม ของอาจารย์มหาลัยปิซ่า อิตาลี ที่อธิบายถึงการปนเปื้อนน้ำบาดาลจากบ่อ/หลุมเติมน้ำเทียม
    http://www-clips.imag.fr/geta/User/...advantages of Artificial Groundwater Recharge
    บทความเรื่อง การเติมน้ำเทียม ในสหรัฐอเมริกา
    https://www.americanbar.org/groups/...0rq7-R9Ey55vL3dnR2rzu6Wrbo6N5u_k2BJKtIYXVbbWM
    https://mavensnotebook.com/2017/01/...ensNc6RWdysrKDiENL0FFg-lWqs1NQqwBkIKbxTO5f284
    อันตรายจากไนเตรต โดย ม. มหิดล (ละเอียดยิบว่าก่อมะเร็งยังไง)
    https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/...5kuMd_osvsIpJ3_FqEBohYXWnDjt-Yr47hSNJB8-ckSWA
    ตัวอย่างบริษัทในไทยที่รับทำการสำรวจใต้ดินด้วยเทคนิคทางธรณีฟิสิกส์
    http://www.xn--42cmh2cxa7azhbc.com/product/533/รับเจาะน้ำบาดาล-อำเภอบางกระทุ่ม
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,697
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมซอนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นับพันและปอดทั่วทั้งโลกได้ถูกเผาเป็นเวลา 16 วัน
    อเมซอนผลิตออกซิเจน 20% ของโลก #PrayForAmazonia
    (2019/08/20)
     

แชร์หน้านี้

Loading...