เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. bossbam10

    bossbam10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +3,601
    อุ๊ย... เปลี่ยนรูปแทนตัวใหม่น่ารักจังเลยค่ะ
    ติดตามอ่านตลอดค่ะ ชอบเรื่องแปลแนว สยองขวัญ ระทึก ลึกลับ มากค่ะ
    ปกติชอบอ่านเรื่องแปลนักเขียนที่ชอบก็ มนันยา คุณสุเมธ เชาว์ชุติ
    แล้วก็คุณโรจนา นาเจริญ 3 ท่านนี้แปลได้สนุกมาก
    คุณDuchessFidgette ก็แปลสนุกน่าติดตามค่ะ:d
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ศิลปะแห่งความมืดของจิตใจมนุษย์

    ;42ศิลปะแห่งความมืดของจิตใจมนุษย์



    [​IMG]




    กล่าวกันว่ามนุษย์เรานั้นต่างมีความมืดอยู่ในจิตใจ
    อันเนื่องมาจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนมีต้นกำเกิด
    มาจากอสูรกายมืด หรือ หลุมดำ ที่พระพุทธเจ้า
    กล่าวถึง ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงกระทำหลายอย่าง
    ได้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์ป่า ซึ่งมีมันสมองต่ำ
    กว่าคน ยิ่งในประเทศใดที่เต็มไปด้วยความ
    วิวัฒนาการอันสูงส่ง ด้าน ศิลปะและ
    เทคโนโลยี แล้ว ความเหี้ยมโหดและ
    จินตนาการอันเป็นแรงบรรดารใจแห่งวัตถุนิยม
    ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับ
    ความสงบนั้น ยิ่งมีมากเป็นเท่าตัว


    [​IMG]

    ย้อนกลับไปในสมัยโบราณของยุโรป
    เมื่อศาสนาคริตส์เริ่มเป็นที่นิยมเผยแพร่ไปทั่วยุโรป
    พระเยซูไดพยามแสดงให้ทุกคนเห็นว่า
    การเป็นคนดีนั้น จะต้องยอมสละได้ทุกอย่าง
    แม้แต่การยอมเจ็บปวดทรมาน เพื่อพิสูจน์
    เรื่องแนวคิดว่าตนเป็นคนดี และศรัทธาต่อ
    พระเจ้าอย่างแท้จริง ซึ่งในเวลาหลังจาก
    นั้นได้มีผู้คนมากมายที่ดำเนินรอยตาม
    พระองค์พยามพิสูจน์ตัวด้วยวิธีการนี้
    ยกตัวอย่าง พระนาง เปอร์เปทัวร์
    สาวน้อยวัยเพียง 16 ชาวโรมัน
    ที่ไม่ยอมปฏิเศษ ศรัทธาของเธอ
    และยอมโดนลงโทษ จากพวกโรมัน
    ด้วยการถูก สิงค์โตกิน เช่นเดียวกับ คริสเตียนคนอื่นๆ



    กล่าวกันว่าศิลปะความงามแห่งความ
    โหดเหี้ยมที่ถูกสร้างออกมาในแบบวิธีการ
    ทรมานนักโทษ คนนอกรีต คนที่กบฏต่อแผ่นดิน
    และ ในคดีใดๆก็ตามแต่ทีไม่เป็นที่
    เห็นชอบของคนส่วนใหญ่ในสังคมนั้น
    มีมานานดึกดำบรรพ์ตั้งแต่ก่อนกรีกโรมัน
    เสีย อีก และการกรำทำเช่นนี้ดูจะมีกันทั่ว
    ทุกมุมโลก แต่ที่ยุโรป วิธีการที่ถูกนำมาใช้
    ดูจะมีจินตนาการอันแปลกพิศดารผสมอยู่ไม่น้อย





    โรงละครเลือด


    [​IMG]

    ขอเล่าตังแต่สมัยโรมันเป็นต้นมา มีบันทึกไว้จักรพรรดิ
    โรมันนั้นชื่นชอบการละคร และการต่อสู้ที่
    จัดขึ้นในโครรอทเซี่ยมเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีทีวีเ่นในยุคปัจจุบัน
    ซึ่งนอกจากที่เราๆจะเคยได้ยินเรื่องราวการ
    นำทาสหนุ่มๆมาให้สู้กันหรือสู้กับสัตว์ป่าที่จับ
    มาจากอัฟริกาให้คนดูแล้ว ทาสที่จะได้เป็นไท
    จะต้องสามารถชนะได้ครบทุกรอบของการแข่ขัน
    หรือว่าง่ายๆไม่โดนฆ่าตายไปเสียก่อนนั้นเอง
    แต่ที่ดูจะแปลกพิลึก เกี่ยวกับการเรื่องที่นำความ
    ตายมาสู่การบันเทิงแล้ว ก็คือ โรงละครเลือด

    โรงละครเลือดก็คือการที่นำพวกทาสถูกมา
    จับแต่งตัวให้สวยงาม เป็นเทพ เทวี หรือ
    เจ้าหญิง เจ้าชายในตำนานต่างๆ และปิด
    ท้ายฉากสุดท้ายของละครด้วยการปล่อยสัตว์
    ป่าออกไปให้กินนักแสดงเหล่านั้น
    โดยจักรพรรดิจะจัดละครนี้ขึ้นบ่อยและมี
    การจำหน่ายตั๋วสำหรับประชาชนที่เข้ามาดูละคร
    โรงเลือดแห่งนี้ ในขณะที่จักรพรรดิและ
    ภิกษุณีประจำวิหาร เทวี วาสต้าผู้บริสุทธิ์
    จะมีทางเฉพาะสำหรับพระองค์เพื่อเดินไป
    สู่ที่นั่งเฉพาะในโคลอสเซี่ยม






    กระทิงไฟ บราเซน


    [​IMG]

    บราเซน บูล หรือ กระทิงไฟ แห่ง ซิซิลี่
    นี้เป็นศิลปะแห่งการประหารชิ้นหนึ่งที่
    เกิดขึ้นในเกาะซิซิลี่ ทางตอนใต้ขของยุโรป
    ช่างตีเหล็กชาวเอเธนส์ผู้หนึ่งมีนามว่า พาริลโลส
    ได้นำเสนอปฏิมากรรมแห่งการประหารชิ้นเอก
    ของตนให้แก่เผด็จการกษัตริย์ ฟาลารีส
    โดยคำสั่งของเผด็จการกษัตริย์ฟาลารีส
    ซึ่งไม่มีผู้ใดเสนอตัวจะทำงานนี้นอกจาก
    พาริลโลส โดยจุดประสงค์เพื่อเอาไว้ใช้
    ประหารนักโทษ ปฏิมากรรมชิ้นนี้
    ของเขา คือกระทิงตัวหนึ่งที่ตีจากทองสำริด
    ซึ่งมีกลไกการทำงานอันหฤโหด ดังนี้คือ


    [​IMG]


    เมื่อนักโทษโดนจับใส่เข้าไปในตัวกระทิง
    ทองตัวนีแลละปิดฝาด้านข้าง ลำตัวเสร็จ
    ครั้นพอรนไฟข้างใต้ตัวกระทิง นักโทษก็
    จะโดนอบทั้งเป็นไปต่างจกไก่หรือเนื้ในเตา
    ซึ่งเมื่อเปิดมาจะมีสสภาพเดียวกัน
    และความน่าสนใจอันเหี่ยมโหดก็อยู่
    ตรงที่เวลาที่นักโทษในตัวกระทิงส่งเสียง
    ร้องแล้ว เสียงของเขาจะถูกเลปลี่ยนเพื่อ
    ผ่านท่อที่คอของกระทิงออกมาเป็นเสีย
    ของกระทิงแทน

    ในขณะที่กระดูกของผู้ตายนั้นจะระยิบ
    ระยับเป็นเงาวาวราวกับแก้ว จนกษัตริย์
    สามารถนำไปทำกำไรและเครื่องประดับได้
    ในวันเข้าเฝ้าพระราชาจอมโหด กษัตริย์ได้บอก
    ให้พาริลโลสผู้ออกแบบลองเข้าไปข้างในตัว
    กระทิงและร้องให้ดูว่าเสียงที่ออกมาจากตัว
    กระทิงจะเป็นเสียงกระทิงได้จริงตามการอ้าง
    สรรพคุณหรอไม่ พาริลโลสจึงทำตาม
    แต่และกษัตริย์กลับปิดประตูขังเขาและ
    เริ่มจุดไฟใต้ตัวกระทิง พาริลโลสจึงส่งเสียงร้อง
    ออกมาจนเสียงที่ออกมาจากกระทิงที่เป็นเสียง
    ของเขานั้นไม่ต่างจากกระทิงดังคำกล่าวอ้าง
    กษัตริย์เห็นดงนั้นก็หัวเราะชอบใจ และเปิด
    กระทิงให้พาริลโลสออกมา ในคราแรกช่างตี
    เหล็กผู้นี้ดีใจมากนึกว่าพระองค์จจะประทาน
    แก้วแหวนเงินทองให้ที่เขาทำงานได้ถูกใจ
    แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ กษัตริย์นำเขาไปที่หน้าผา
    และผลักเขาตกลงไปสู่ความตาย

    [​IMG]


    หลังจากนั้นหลายปีต่อมา กษัตริย์ผู้ชั่วร้าย
    ก็ได้ใช้ กระทิงทองตัวนี้ประหารผู้คนมากมาย
    และนำเอากระดูกที่วาวับดุจแก้วจากคนที่ตาย
    ในตัวกระทิงมาทำเครื่องประดับ แต่แล้วไม่กี่ปี
    ให้หลังกรรมก็สนองกรรม เมื่อ เทรามาคูส
    มาชิงบัลลังก์จากพระองค์ และได้ออกคำสั่ง
    ให้สำเร็จโทษ ฟาลารีส กษัตริย์องค์ก่อนด้วย
    กระทิงไฟ บราเซนซึ่งเป็นปฏิมากรรมการ
    ประหารชิ้นโปรดของตัวเอง





    สาวพรหมจรรย์เหล็ก


    [​IMG]


    สาวพรหมจรรย์เหล็กนั้นเดิมที่เชื่อกันว่าคิดค้น
    ขึ้นมาตั้งแต่ยุคกลาง หากแต่ความเป็นจริงแล้ว
    กลับสร้างในราวสมัยต้นๆยุค เรอแนสซองฌ์
    ซึ่งเครื่องประหารสาวพรหมจรรย์นี้ คาดกันว่า
    ผู้สร้างได้แรงบันดารใจมาจากภาพลักษณ์ของ
    พระแม่มารีผู้อารี ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นการทำ
    ให้ผู้ต้องหาที่โดนประหารด้วยวิธีนี้ วิญญาณจะ
    หมดจากความบาปและ กลายเป็นบริสุทธิ์

    ในสมัยเคาเตสเลือด
    อลิซาบีต้า บาโธรี่ ชาวฮังการี ผู้ซึ่งสังหาร
    เด็กสาวมากมายเพื่อเอาเลือดมาอาบเพื่อ
    ความสาวนั้น นางก็ได้ใช้เครื่องมือ
    ทรมานชนิดที่คล้ายๆกันนี้ กับเด็กสาว
    มากมาย โดยการตั้งอ่างอาบน้ำไว้ด้านล่างและมี
    ท่อจากด้านบนซึ่งต่อตรงมาจากกรงที่ขัง
    เด็กสาวซึ่งทิ่มไปด้วยเหล็กแหลม หากแต่ว่า
    เครื่องทรมานนักโทษสาวพรหมจรรย์
    แบบคลาสสิกของนูแรมเบิร์ก ประเทศ
    เยอรมันนั้นจะมีความสวยงามกว่า


    [​IMG]


    โดยเครื่องทรมานชนิดนี้จะมีลักษณะ
    คล้ายกับตู้เหล็กที่ด้านหน้าตรงส่วนหัว
    จะแกะสลักเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่
    มองดูผู้คนด้วยความเมตตา นางจะมีมือ
    สองข้างที่ประตูปิดทั้งสองบาน ครั้นเมื่อ
    ประตูถูกปิดลงจะแลดูคล้ายผู้ที่ถูกขัง
    อยู่ด้านใน ถูกสวมกอดด้วยสาวพรหมจรรย์เหล็ก
    ส่วนด้านหลังบริเวณหัว ก็จะมีหน้าแกะ
    สลักเช่นกัน หากแต่ใบหน้าของสาว
    พรหมจรรย์ด้านหลัง กลับแลดู
    เหมือนนางกำลังทำหน้าสงสัยหรือ
    กำลังเขินอยู่นั่นเอง


    [​IMG]


    หากแต่ข้างในของตัวสาวพรหมจารีเหล็ก
    มิได้ดูน่าอภิรมย์เช่นใบหน้ายิ้มหวาน
    ของนาง เพราะเต็มไปด้วยเหล็กแหลม
    และเช่นเดียวกับด้านในของบานประตู
    กล่าวกันว่า สาวพรหมจารีเหล็กมิได้สร้าง
    ไว้สำหรับฆ่าคนในทันทีทันควัน หากแต่
    สร้างไว้เพื่อทรมานผู้ที่โดนลงโทษ
    เพราะเหล็กแหลมทั้งหมดถูกสร้าง
    ไว้ให้ทิ่มเฉพาะในตำแหน่งที่ไม่ก่อให้
    เกิดความตายในฉับพลัน เช่น
    ดวงตาทั้งสองข้าง, ท้อง, แขนขา
    และ ก้น ทำให้ผู้ถูกลงทันฑ์นั้นทรมาน
    แสนสาหัสเพราะเหล็กแหลมนั้นไม่ได้
    ทิ่มยัอวัยวะสำคัญที่จะทำให้ตายได้ทันที


    [​IMG]


    นอกจากนี้ ภายในยังถูกออกแบบมาไม่ให้
    มีเสียงเร็ดลอด หรือแสงส่องเข้าไปได้
    เพื่อสร้างความทรมานจิตใจแก่นักโทษมากยิ่งขึ้น
    ให้นักโทษนั้นถูกกดดันทั้งทางจิตใจและร่างกาย

    มีบันทึกหนึ่งที่เล่ากันว่า เด็กสาวนางหนึ่งนาม
    ว่าเจนน์ ต้องโทษให้โดนประหารด้วยสาว
    พรมจรรย์เหล็ก และทีสิ่งที่น่าสะยดสยอง
    เกิดขึ้นก็คือ หลังจากการขังสาวน้อยเจนน์
    ไว้ในอ้อมกอดของสาวพรหมจรรย์เหล็ก
    แล้วเป็นเวลาสองวันที่เปิดออกมา
    เจนน์มีร่างติดหนึบอยู่กับเหล็กแหลม
    ของตู้สาวพรหมจรรย์จนเธอเละเทะ
    ไปหมดแล้ว ตาก็เละทั้งสองข้างหาก
    แต่ว่าเด็กสาวยังไม่ตาย


    นอกจากนี้ยังมีอีกรายงานหนึ่งช่างตีเหล็ก
    โดนลงทัณฑ์ห้เข้าตู้สาวพรหมจรรย์เช่นกัน
    ปรากฏว่าสองวันให้หลังเขาก็ยังไม่ตายเช่นกัน
    เพราะเนื่องมาจากว่าตู้นั้นฟิดรัดตัวและ
    เหล็กแหลมนั้นทิ่มฝังเนื้อและไม่มีการ
    ขยับเขยื่อนจึงทำใ้เลือดไม่ไหลออก
    มามากจนอาจช็อคตายได้ นับว่าปฏิมากรรม
    หฤโหดสาวพรหมจรร์เหล็กสามารถสร้าง
    เก็บงำความเจ็บปวดและชะลอความตาย
    ได้เป็นอย่างดียิ่ง





    ตำนานกงล้อนรก



    [​IMG]

    หรือกงล้อหักกระดูก หรือ กงล้อแคทเธอลีน
    นั้นมีประวัติการณ์ว่ามีชื่อเช่นนี้ก็เพราะ มีนักบุญหญิงชาวคริสต์นาง
    หนึ่งนามว่า เซนต์ แคทเธอลีน อเล็กซานดร้า นั้น
    นางเป็นผู้แรกที่ต้องโทษให้โดนลงทัณฑ์ด้วยวิธีนี้

    กงล้อแคทเธอลีน นั้นมีประวัติการณ์ใช้งานมาตั้งแต่ยุคกลาง
    โดยมากจะใช้กับนักโทษชาย ที่ลักขโมย
    หรือคนที่กระทำการให้ร้ายญาติพี่น้องของตัวเอง
    แต่ก็มีการปรากฏว่ามีคดีแม่มดผู้หญิง
    ในเยอรมันที่โดนทรมานด้วยวิธีนี้
    และใช้กันอย่างกว้างขวางในบุคคล
    ชั้นล่างที่ได้รับโทษในสกอตแลนด์

    และในแต่ละที่จะมีรูปแบบต่างกัน
    ล้อทรมาณแบบแรกจะมีเหล็กแหลมทั่วล้อ
    โดยพาดคนไปบนล้อในแนวขนาบข้าล้อซึ่ง
    เต็มไปด้วยเหล็กแหลม เมื่อหมุนล้อไปจะไป
    ผ่านยังเหล็กแหลมอันใหญ่ด้านหลังซึ่งจะ
    สามารถฉีกเนื้อจนเหวอะหวะ



    [​IMG]


    กงล้อสำหรับหักกระดูก แบบที่สองจะ
    เป็นล้อเกวียนขนาดใหญ่ธรรมดา
    โดยจับนักโทษพาดด้านบนของล้อ
    และเพชรฆาตจะทุมข้อต่อแขนขาทั้งหมด
    เมื่อหักรุ่งริ่งแล้วจะใช้แขนขาเหล่านั้นมัด
    พันเข้ากับรูระหว่างง้ามล้อแทนเชือก
    และชักสู่ที่สูงให้นกกาจิกกิน
    กงล้อนรกแบบที่สองนี้เป็น
    ที่นิยมในประเทศฝรั่งเศษ


    ในวัฒนธรรมชาว ดัชต์, เยอรมัน, เดนมาร์ก
    และฟินแลนด์ต่างมีสำนวนคำพูดที่ว่า
    "ฉันกระดูกหักบนกงล้อ" นั้นหมายความ
    ทำนองว่า ขณะนี้ผู้พูดนี้กำลังใจเสียเป็นอย่างยิ่ง


    [​IMG]

    เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนเย็น


    catt18


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2418786/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  3. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    โหดได้สยดสยองมากๆค่ะ
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานหฤโหดต่อภาค 2

    [​IMG]



    ก่อนจะเข้าสู่เรืองผี ขอเล่าตำนานเครื่องประหาร
    หฤโหดให้จบก่อนแล้วกัน ความจริงมีเรื่องผีฝรั่ง
    เยอะมากทีเดียวคะ ที่ดังๆแล้วยังไม่ได้นำเสนอ



    ตำนาน Damsel in Distress หรือ หญิงสาวในความทุกข์


    [​IMG]



    ย้อนกลับไปในสมัยยุคกลางมาจนปลาย
    เรอแนสซองฌ์ การลงทัณฑ์ด้วยการเผาไฟสดนั้น
    เป็นสิ่งมีแพร่หลายทั่วภูมิภาคยุโรป
    แต่ไม่ค่อยเรื่องชื่อนักในรัสเซีย ซึ่งมีอาณาจักร
    ยิ่งใหญ่ค่อนไปทางตะวันออกและมีวิธี
    การลงโทษในแบบฉบับของตัวเอง
    ขอเล่าในขณะที่สมัยจาโคเบนในอังกฤษ
    และประเทศทางยุโรปตะวันตกอื่นๆนิยม
    วิธีการเผาแม่มด และมีผู้ต้อหาคดีนี้เป็น
    ผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ รัสเซียกลับมีคดีผู้
    ต้องหาแม่มดเพียง60 กว่าคนเท่านั้นและเป็นผู้ชาย
    แตกต่างจากยุโรปตะวันตกที่มีคดี
    นี้เป็นว่าเล่นทุกหัวระแหง




    [​IMG]


    โดยเฉพาะเยอรมันที่จัดว่ามีคดีนี้สูงสุด
    และเป็นแหล่งศูนย์รวมเครื่องประหาร
    หฤโหดสาระพัดแบบ ในตามประวัติศาสตร์
    การเผาแม่มดนั้น เชื่อกันในความเชื่อของชาวคริตส์ว่า
    ไฟนั้นจะทำใหห้ผู้ถูกเผามีวิญญาณที่บริสุทธิ์
    และได้รับตัวในการดูแลจากพระเจ้าหลังความตาย
    ซึ่ง้อนี้ดิฉันคนเขียนเองขอปฏิเศษหัวชนฝา
    เพราะเคยเจอประสบการณ์ เจอะวิญญาณ
    ของผู้ตายด้วยวิธีนี้มาแล้วและแสนจะเฮี้ยนสุดๆคะ
    และแรงอาฆาตสูงอีกด้วย


    [​IMG]

    ตามประวัติศาสตร์กล่าวกันว่าโดยปกติการ
    เผาไฟนั้นจะไม่เผาสด แต่จะมีการรัดคอให้ตาย
    เสียก่อน เพื่อให้ไม่ดูอุจาดตาเกินไปเวลาเผา
    แต่กระนั้นบางกรณีก็มีการที่เผาสดทั้งเป็นเช่นกัน
    เช่น ในกรณีของ เซนต์ โจน ออฟ อาร์ค
    หรือ ยาน ดวากค์ ในชื่อแบบฝรั่งเศษ
    ในโทษฐานที่กล่าวหาว่าเธอเป็นพวกผิดเพศ
    เพราะโจนนั้นมีอุปนิสัยและท่าทางแบบเด็กผู้ชาย
    เธอตัดผมสันและใส่ชุดผู้ชาย ตลอดเวลา
    หนำซ้ำแนวคิดเรื่องการปฏิเศษ การแต่งงาน
    ครองเรือน และมีบุตรสืบทอดทายาทแก่สามี
    ถือว่าผิดแปลกแหวกแนวเกินไปสำหรับสตรี
    ในเวลานั้นที่เป็นช้างเท้าหลังและโดนบงการโดย
    บิดา ต่อมาก็สามี และไปยังลูกชาย
    ทำให้พวกผู้หญิงและบรรดา นักบุญหญิง
    ทั้งหลายในเวลานั้นที่ปฏิเศษการครองเรือน
    แะารนำของบุรุษ ตั้งแต่สมัย เซนต์ แคทเธอลีน
    มายังเซนต์ ลูซี่ เซนต์ โจน ออฟ อาร์ค
    และพระนางแอน โบลีน ต่างมีจุดจบที่คล้ายๆ
    กันจากการทำตัวเป็นผู้หญิงปฏิเศทการนำของบุรุษ



    [​IMG]

    ในกรณีคดีแม่มดที่มีโทษทัณฑ์รุนแรง
    ก็มีเกมส์การทรมานก่อนตายใส่เข้าไปด้วย
    เช่นการใช้ฟืนจากไม้สีเขียวที่กล่าวกันว่าเผา
    ยากและใช้เวลานาน ทำให้ไฟไม่เผาอวัยวะสำคัญๆ
    แต่เผาที่ผิวหนังกอนและสร้างความเจ็บ
    ปวดทรมานแก่นักโทษเป็นอย่างยิ่ง
    ส่วนกรณีของ เซนต์ โจน ออฟ อาร์ค นั้น
    กล่าวกันว่าต้องเผาถึงสองรอบเพราะเธอไม่ตาย
    แต่แน่นอนว่าความทรมานต้องถึงพริกถึงขิง



    ตำนานโศกนาฏกรรม หญิงส่งไปรศณีย์คนแรกของเยอรมัน



    [​IMG]


    แคทธารีน่า เฮน็อต เป็นสตรีคนแรกของ
    เยอรมันที่ทำหน้านี้หญิงส่งไปรศณีย์
    เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของ สำนักงาน
    ไปรศณีย์เอกชน ซึ่งทำกันในครอบครัวกับพ่อและพี่ชาย
    เรื่องเกิดในปี 1570-1627 เมื่อรัฐ
    โดยการนำของ ท่านเคานท์ ลีออนฮาร์ท ที่ 2 ประสงค์
    จะหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองด้วยการผูกขาด
    ไปรศณีย์แต่เพียงผู้เดียว ครอบครัวของเฮน็อต
    จึงโดนคุกคามในเรื่องนี้



    [​IMG]


    คดีจึงเริ่มขึ้นในปี 1627 เมือง โคโลญ
    เมื่อแม่ชีนางหนึ่งในคอนแวนท์ กล่าวหาว่า
    การป่วยตายของแม่ชีคนอื่นๆในคอนแวนท์
    ของนางมาจากการกระทำคุณไสย์โดย
    แคททารีน่า เฮน็อต
    แคททารีน่าโดนต้องโทษให้จำคุกและไม่อนุญาต
    ให้ประกันตัวหรือขอทนาย และเช่นเดียวกันกับ
    คนอืนๆในคดีแม่มด เธอโดนทรมาน แต่สำหรับ
    แคททารีน่าเธอยืนกรานปฏิเศททุกข้อกล่าวหา
    แม้ว่าจะโดนรมาน และดูเหมือนแคททารีน่าจะ
    ไม่ใช่คนที่ทนทานอะไรกับการทรมาน เช่นคนอื่นๆ
    เธอได้รับบาทเจ็บอย่าหนัก และล้มป่วยไข้
    ขึ้นสูงแทบช็อคตาย จากบาทแผลแห่งความ
    ทรมานที่ไม่ได้รับการรักษา ในที่สุดเมื่อเห็น
    ท่าว่าแคททารีน่านั้นร่อแล่ใกล้ตาย
    จนไม่ขยับเขยื่อน ส่งเสียงร้องใดๆ
    แม้ว่าจะถูกทรมาน
    ก่อนที่จะตายคาการทรมาน เธอจึงโดน
    สั่งให้ประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น
    พี่ชายของเธอได้พยามช่วยทุกวิถีทาง
    โดยยื้นคำร้องต่อราชสำนักของ
    เคานท์ ลีออนฮาร์ทแต่ก็ไม่เป็นผล
    หลังจากการตายของแคททารีน่า
    ในไม่กี่ปีห้หลัง ฮาเกอร์ พี่ชายของเธอ
    ก็โดนหญิงคนหนึ่งนามว่า ครีตสตีน่า พลัม
    กล่าวหาว่าเป็นพ่อมด พร้อมกับคนอื่นๆ
    แต่เขาโชคดีที่การพิจารณาคดีแม่มดถูกขัดจังหวะ
    ในไม่ช้าหลังจากการแทรกแซง
    ทางการเมืองจึงยกเลิกไป
    ปัจจุบันนี้เพื่อเป็นเกียรติและขออภัยต่อ
    การตายของแคททารีน่า ไปรศณีย์หญิงคนแรก
    ของเยอรมันรูปปั้นของเธอจึงเกิดขึ้นเคียง
    คู่กับรูปปั้นของฟรีดดริช สปี นักต่อต้านการ
    ประหารแม่มด ที่ศาลากลางเมือง โคโลญ




    หนูนรก;aa43


    [​IMG]


    หนูนรกเป็นหนึ่งในเครื่องมือการทรมาน
    ชนิดหนึ่งที่มีการนำสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง
    กับเครื่องมือการประหาร
    ซึ่งการทรมานและประหารชีวิตด้วย
    วิธีนี้มีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ
    ในราวยุค อลิซาบีแทน โดยคำสั่ง
    ของศาสนจักร โรมัน คาธอลิก

    การทรมานนี้จะจัดทำขึ้นในคุกมืดใต้ท่อระบายน้ำ
    ต่ำกว่าระดับแม่น้ำเทมในกรุงลอนดอล
    มีการกักขังหนูท่อให้เข้าไปกันกินนักโทษ
    ในคุกมืดนั้น ซึ่งในเวลาต่อมาในยุคที่มี
    การจราจลในประเทศ ฮอลแลนด์
    ไดเดอริก โซนอย สหายของ
    วิลเลี่ยมผู้เงียบขรึมหรือ
    เจ้าชาย วิลเลี่ยม ฟาน ออรานเยอร์
    ผู้กอบกู้เอกราชประเทศเนเธอร์แลนด์จาก
    เผด็จการสเปน ได้ใช้วิธีทรมานนักโทษ
    ด้วยหนูมาดัดแปลงในการทรมาน
    พวกกลุ่มจราจลที่โดนจับ



    [​IMG]


    วิธีการทรมานด้วยหนูนรกคือ การจับนักโทษเปลื้้อง
    ผ้ามัดไว้ในท่านอนและจับหนูใส่ในหม้อดินเผา
    หรือกรงทรงกลม โดยให้ด้านที่เป็นหลุมคลอบ
    ลงไปเหนือหน้าท้องของนักโทษหลังจากนั้น
    ก็จุดไฟด้วยถ่านเหนือกรงหรือหม้อดินเผา
    ที่มีหนูอยู่ด้านใน ซึ่งตามสัญชาติญาณของ
    หนูเมื่อเกิดร้อนจัดและไม่มีทางออกก็จะ
    ต้องขุดพื้นหนี ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางอื่น


    ทางใดที่หนูจะหนีจากไฟด้านบนของกรง
    ได้นอกจากขุดลงไปในท้องของนักโทษ
    ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ซึ่งจุดจบก็คือทั้งคน
    ทั้งหนูก็จะตายแต่โดยมากคือคนที่ตาย
    อย่างทรมานและใช้เวลานาน เพราะหนู
    จะขุดลงไปในท้องก็ต้องหาทางออกไป
    ทั่วร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้น


    [​IMG]

    หนูนั้นเป็นสิ่งที่ชาวยุโรปเกลียดกลัวกันมา
    ตั้งแต่ยุคมืด และกล่าวอ้างกันว่าเป็นสัตว์ที่
    สัมพันธ์กับ Black Death หรือ
    การตายปริศนาอันดำมืด และ พวกพ่อมดแม่มด
    ตลอดจน ในนิทานพื้นบ้านก็มีอยู่หลายเรื่องที่โหดๆ
    และ เรื่องที่มีหนูเข้ามาเกี่ยวข้องในรูปแบบต่างๆ
    เช่น เรื่องคนเป่าปี่ แห่ง แฮมเมลิน ตลอดจน
    นวนิยายคลาสสิกลึกลับ เดอะ พิท แอน เพนดูลั่ม
    ของ เอ็ดการ์ด อเลน โป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  5. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ผู้หญิงในยุคนั้นน่าสงสารมากค่ะ เจออะไรร้ายๆเยอะ โดนรังแกสารพัด ขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันนะคะ
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เจ้าหญิง เอลฟรีด้า นางโมราผู้ชาญฉลาด

    เจ้าหญิง เอลฟรีด้า นางโมราผู้ชาญฉลาด


    [​IMG]


    พักจากเรื่องโหดๆมาฟังเรื่องสตรีในยุคมืด
    ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจากการเป็นหญิงร้ายกาจกันบ้าง
    ดูเหมือนว่า ผู้หญิงในสมัยยุคกลางที่มีชื่อ ว่า เอลฟรีด้า
    จะประสบความสำเร็จในชีวิตกันซะเป็นส่วนใหญ่


    คงจะเพราะที่ชื่อ เอลฟรีด้า นั้นมีความหมาย
    ในภาษา แองโกล แซกซอน โบราณว่า "พลังแห่ง เอลฟ์"
    เอลฟรีด้า คนหนึ่ง ซึ่งเป็นธิดาของ
    กษัตริย์ อัลเฟรด ผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ
    ก็ได้เป็น เคาเตส แฟ่ง เฟรนเดอร์
    แถมในประวัติศาสตร์ยังกล่าวอีกว่า
    เธอเป็นผู้หญิงเก่ง และถึงขั้นจับดาบ
    ออกรบกับพวกผู้ชาย และยังประสบ
    ความสำเร็จในชีวิต


    [​IMG]

    ส่วนเอลฟรีด้า
    อีกนางในยุคโบราณขึ้นไปอีก ได้
    ตำแหน่งเป็น เซนต์ และมีผู้คนยก
    ย่องในด้านศาสนา แต่ เอลฟรีด้า
    คนที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ก็ประสบ
    ความสำเร็จเช่นกัน แต่อำนาจของ
    นางนั้นมาจากการเป็นคนที่ร้ายลึก
    และรู้วิธีหลบหลีก เพื่อป้องกันภัย
    แก่ตนเอง ซึ่งนิสัยของนางในข้อนี้


    ค่อนข้างคล้ายไปทาง ราชินี อิลินนอร์
    แห่ง อากีแตน หญิงคนหนึ่งที่ประสบ
    ความสำเร็จในประวัติศาสต์จากการ
    เป็นคนฉลาดและร้ายลึก ซึ่งได้เล่า
    เรื่องของนางไปแล้วในหน้าสอง
    คราวนี้มาเล่าเรื่องของ เอลฟรีด้า
    เจ้าหญิงโมราผู้ประสบความสำเร็จกันบ้าง


    [​IMG]


    เจ้าหญิง เอลฟรีด้า นางโมราผู้ชาญฉลาด
    เอลฟรีด้า เป็นธิดาของ เอิร์ลดอมัน อ็อดก้าร์
    แห่ง เดว่อน (ตำแหน่งเอิร์ลดอมันเป็น
    ตำแหน่ง ยศของผู้ชายชั้นราชวงค์
    พระญาติกษัตริย์ในสมัย คศ 9 ยุคต้นยุคกลาง
    ซึ่งภายหลัง ในยุคเรอแนงซองฌ์ตำแหน่งนี้
    ได้เปลี่ยนไปเป็น ท่าน เอิร์ล แทน)


    [​IMG]

    เอลฟรีด้านั้นขึ้นชื่อเรื่องความงามไม่แพ้
    พระนางอิลินนอร์ แห่ง อากีแตน
    ซึ่งต่างมีนิสัยเดียวกันกับนางคือ
    หลงว่าตัวเองสวย และ เอาแต่ใจ
    และมากมายา เข้าใจยาก ซึ่งทำให้
    เป็นสตรีที่ได้เปรียบในเวลานั้น
    ซึ่งในยุคที่บุรุษเป็นใหญ่
    สตรีที่ฉลาดไม่ใช่ผู้หญิงที่เก่งหรือ
    พยามทำตัวรุดหน้าผู้ชาย
    หากแต่เป็นสตรีที่รู้จักใช้สเน่ห์
    บริหารการเมือง


    [​IMG]

    กล่าวกันว่าเอลฟรีด้านั้นมีความงามตาม
    แบบในยุคกลางที่เธอเกิด คือ มีผมยาว
    ลากพื้นแบบราปุนเซล ที่ถักเป็นเปียหลวมๆ
    สอดด้วยริบบิ้นสี มีรูปร่างผอมบาง
    เหมือนเทพธิดาเอลฟ์
    ความงามของดังกระฉ่อนไปทั่วจนถึง
    พระกรรณ์กษัตริย์ เอ็ดก้าร์ ซึ่งกระตือรือล้น
    อยากจะเห็นโฉมของนางว่าสวยจริงดังคำ
    ล่ำลือหรือไม่ หน่ำซ้ำ บิดาของเอลฟรีด้า
    และมารดาของนางเป็นผู้อยู่ในวงค์กษัตริย์
    ของแคว้นเวสแซก และมีเกียรติคู่ควร
    พระองค์จึงส่งพระญาติ
    ซึ่งมีนามว่า เอิร์ล เอ็ทเทลวัด ซึ่งเป็นบุรุษชั้นรอง
    จากพระองค์ให้ไปสืบดูว่านางสวยจริงดังคำ
    กล่าวอ้างหรือไม่ เพราะประสงค์จะขออภิเสกกับนาง



    [​IMG]


    ครั้นพอเอ็ทเทลวัด ญาติของกษัตริย์ไปที่ปราสาท
    ของ เอลฟรีด้า เขาก็ถึงกับตะลึงในความงาม
    อันยิ่งยวดของนาง จนไม่อยากจะบอกเรื่องนี้
    แก่กษัตริย์เพราะหมายจะแต่งงานกับนางเอง
    ชายหนุ่มจึงสู่ขอเอลฟรีด้าแต่งงานโดยไม่บอก
    ความจริงว่ากษัตริย์ทรงส่งเขามาดูตัวนาง
    ซึ่งเอลฟรีด้า็ตอบตกลงเพราะเห็นว่าเขา
    เป็นพระญาติกษัตริย์ ซึ่งแน่นอนว่าถ้า
    มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ คือ ตัวกษัตริย์เอง
    เอลฟรีด้าคงเลือกกษัตริย์มากกว่าจะ
    เลือกญาติห่างๆของพระองค์



    [​IMG]


    หลังจากเอ็ทเทลวัดแต่งงานกับเอลฟรีด้าแล้ว
    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็อยู่กินฉันสามีภรรยาไปสักระยะ
    เขาก็ได้นำความไปบอกแก่กษัตริย์เอ็ดก้าร์ ว่า
    เอลฟรีด้านั้นไม่คู่ควรกับพระองค์ต่างๆนาๆ
    ซึ่งสวนกับกระแสความล่ำลือเรื่องความงาม
    ของนาง ทำให้กษัตริย์รู้สึกสงสัยและอยาก
    ไปเห็นเอลฟรีด้าด้วยพระองค์เอง


    [​IMG]

    และในวันที่พระองค์จะทรงเสด็จไปที่ปราสาท
    ของเอลฟรีด้า เอ็ทเทลวัดจึงได้บอกความจริง
    แก่นางว่า กษัตริย์ทรงอยากเห็นนางเพราะ
    อยากได้นางเป็นพระชายา และเพื่อเห็นแก่
    ที่เรารักและแต่งงานกัน ขอให้เอลฟรีด้าแต่ง
    ตัวโทรมๆ และแสดงกิริยาไร้มารยาท และ
    ทำตัวให้แย่ที่สุดเท่าที่นางจะทำได้เบื้อง
    พระพักต์ของกษัตริย์ แต่กระนั้นเอลฟรีด้า
    ก็หาทำตามไม่ นางกลับออกจะดีใจเสียด้วย
    ซ้ำที่ถ้านางจะได้เป็นราชินีอังกฤษ หรือใน
    เวลานั้น ราชินีแห่ง ราชวงค์ แองโกล-แซกซอน
    นางจึงได้แต่งตัวอย่างงาม อย่างที่นางมักจะทำอยู่เสมอ


    [​IMG]


    ครั้นเมื่อกษัตริย์เอ็ดก้าร์มาถึงปราสาท
    พบเอลฟรีด้าผู้รูปงามก็ทรงรู้ในทันทีว่า
    คนสนิทของพระองค์ เอ็ทเทลวัด คิดจะ
    หุบนางไว้เป็นของตัวเองเพราะนางสวยอย่างนี้นี่เอง
    กษัตริย์ทรงกุมความแค้นของการหักหลัง
    ไว้จนกระทั้งวันหนึ่งที่มีการล่าสัตว์และ
    เอ็ทเทลวัดต้องไปล่าสัตว์กับพระองค์
    กษัตริย์ก็ทรงแซ้งทำเป็นยิงพลาดไป
    โดนเอ็ทเทลวัดเข้าจนถึงแก่ความตาย
    หลังจากนั้นก็ทรงแต่งงานกับเอลฟรีด้า
    และตั้งนางเป็นราชินี


    [​IMG]


    หลังจากขึ้นมาเป็นราชินีแห่งอังกฤษ เอลฟรีด้า
    ก็พบว่ากษัตริย์ เอ็ดก้าร์นั้นทรงมีพระโอรสอยู่แล้ว
    สองพระองค์กับพระมเหษีองค์ก่อนๆ ทรงมีลูกติด
    อยู่แล้วจากราชินีองค์ก่อนสองพระองค์ คือ เจ้าชาย
    เอ็ดเวิร์ด ลูกชายของพระนาง เอเทวล์แฟลร์ กับ
    เจ้าหญิง อิดิทธ่า ลูกของ แม่ชี นามว่า วิวฟรีด้า ผู้ซึ่ง
    กษัตริย์เห็นว่าแม่ชีผู้นี้รูปงามจึงทรงไปฉุดกระชาก
    ลากถูบังคับให้นางศึกจากการเป็นแม่ชีออกมาเป็น
    นางสนมของพระองค์


    [​IMG]

    ในตามประวัติศาสตร์นั้นเป็นที่เรื่องลือกันว่า
    เอลฟรีด้า นั้นทรงมีอุปนิสัยไม่ต่างจากแม่เลี้ยงใจ
    ร้ายในเทพนิยาย นางทรงแอบเก็บความเกลียดชัง
    ลูกเลี้ยงทั้งสองของนางไว้ลึกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์โตซึ่งอยู่ในวัยรุ่นและ
    สามารถเป็นกษัตริย์ต่อจากพระบิดาได้ทุกเมื่อ เอลฟรีด้า
    จึงเร่งผลิตรัชทายาท จนได้โอรสองค์แรกของพระนาง
    เองนามว่า เจ้าชายเอ็ดมัน แต่ทรงประสูติมา
    ได้ไม่กี่ปีก็ป่วยสิ้นพระชนม์เอลฟรีด้าจึงต้อง
    ผลิคทายาทใหม่ คราวนีทรงได้พระโอรสเหมือน
    เดิมนามว่า เจ้าชาย เอ็ทเทลเรด

    และในเดือน พฤษภาคม ปี 927 กษัตริย์เอดก้าร์
    ได้พยามรวมแคว้นต่างๆในอังกฤษให้เป็นเมืองขึ้น
    เพื่อจะได้จัดตั้งเป็นประเทศอังกฤษ และมีพิธีบรม
    ราชาภิเสกขึ้นที่เมือง บาร์ธ
    ด้วยเหตุนี้เอง
    เอลฟรีด้าจึงได้มีอำนาจขึ้นมาเป็นราชินีผู้ยิ่งใหญ่
    ซึ่งแม้ก่อนหน้านั้น พระนาง จูดิธ แห่ง เฟรนเดอร์ธิดาของ
    กษัตริย์ ชาล์ล หัวล้านและพระนาง เออร์เมนทรูด้า
    จะได้ทำพิธีพิธีบรมราชาภิเษกของพระราชินีก็
    ไปก่อนหน้านั้นแล้วแต่การกระทำนั้นก็เกิดขึ้นที่
    นอก อาณาจักรอังกฤษ ซึ่งในความเห็นของ
    เอลฟรีด้าเห็นว่าไม่สมบูรณ์
    เอลฟรีด้า จึงได้ปราบดาภิเษกและเจิมให้เธอ
    สถานะสูงกว่าพระราชินีองค์ก่อน

    ในพิธีใหม่ เอลฟรีด้าเน้นบทบาทของเธอในฐานะ
    ผู้พิทักษ์ของศาสนาและแม่พระสูงสุด ในดินแดน
    เธอเข้ามาตรวจสอบดูแลสำนักสงฆ์หลายแห่ง
    อย่างใกล้ชิดใกล้ชิดในความเป็นอยู่ของ
    และเป็นหัวหน้าของบาร์กกิ้ง แอ็บบี้
    เธอปลดและต่อมาเรียกสำนักชี

    แม้จะปากถือศีลแต่มือก็ถือสาก
    ไม่ต่างจากพระนาง อิลินนอร์ แห่ง อากีแตน
    และแล้วจุดพีคของเรื่องก็มาถึง




    เมื่อพระสวามี กษัตริย์เอ็ดการ์เสียชีวิตในปี 975
    มีทายาทเหลือสองพระองค์ คือ เอ็ดเวิร์ด และ
    เอ็ทเทลเรด เอ็ดเวิร์ดนั้นก็เกือบจะเป็นผู้ใหญ่
    พวกขุนนางทั้งหลาย เช่น อาร์คบิชอพ ดันสแตน
    และออสวอล ต่างเรียกร้องที่จะให้เอ็ดเวิร์ดครอง
    บัลลังก์ ได้รับการสนับสนุนโดยบุคคลสำคัญหลายแห่ง
    และรวมทั้งพี่ชายของสามีคนแรกของ เอลฟรีด้า,
    เอเทลไวน์ เอิร์ลดอร์มัน แห่ง แองเกลียตะวันออก
    สนับสนุนการเรียกร้องที่ประสบความสำเร็จให้เจ้า
    ชายเอ็ดเวิร์ดเป็นกษัตริย์ ในขณะที่พวกของ
    พระราชินีเจ้าจอมมารดาเอลฟรีด้า,
    บาทหลว เอ็ทเทลวอล แห่ง วินเชสเตอร์
    และ เอลฟ์เฮีย เอิร์ลดอร์มัน แห่งแห่งเมอร์
    ไม่ประสบความสำเร็จในการดัน เอ็ทเทลเรด
    ลูกชายของ พระมารดาเอลฟรีด้า
    ในการครองบัลลังค์


    [​IMG]


    วันที่ 18 มีนาคม 978, และแล้วแผนสกปรก
    ของแม่เลี้ยงใจร้ายก็เกิดขึ้นนางส่งจดหมายบอก
    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดลูกเลี้ยงว่าทรงประชวรอยาก
    ให้พระเจ้าแผ่นมาเยี่ยม กษัตริย์หนุ่มเอ็ดเวิร์ด
    จึงทรงไปเยี่ยมพระมารดาเลี้ยงตามคำเชิญ
    และที่ปราสาทของ พระมารดาเลี้ยงนั้นเองที่
    ปราสาทคอร์ฟ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดถูกฆ่าตายโดย
    คนรับใช้ของพระราชินี

    [​IMG]


    ทำให้หนทางการเป็น
    กษัตริย์ของ เอ็ทเทลเรด พระโอรสแท้ๆของ
    นางไม่มีกวากหนามอีกต่อไป ที่จะติดตั้งเป็น
    กษัตริย์ เอ็ดเวิร์ดได้รับการพิจารณาเร็ว ๆ
    ซึ่งในเวลาต่อมาทำให้ความนิยมในตัวเอลฟรีด้า
    ตกลงจากการที่เธอมีส่วนรู้เห็นในการสังหาร
    ลูกเลี้ยงตัวเอง ในฐานะที่นางทรงมีตำแหน่ง
    ที่มีความสำคัญเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเด็กของ
    ลูกชายของมเหษีองค์แรกของพระสวามี


    [​IMG]


    ในช่วงหลังผู้สวามิภักข้างนางและลูกชายได้
    ตายกันไปหมด เหลือแต่ขุนนางฟากเอ็ดเวิร์ด
    \ที่ต่างเป็นปรปัษ์กับนางและลูกชาย เอ็ทเทลเรด
    จึงพยามขับไล่ขุนนางแก่ๆพวกนั้นและหาสมุน
    เข้ารัฐใหม่เป็นพวกคนอายุน้อยๆ ที่ไม่ได้เกิด
    ทันเหตุการณ์ปลงพระชนม์ รัชทายาทงค์ก่อน
    และไม่ซาบซึ้งกับเอ็ดเวิร์ดนัก เอลฟรีด้าได้รับ
    ตำแหน่งจากลูกชายของนางให้ดูแลหลานๆ
    บุตรธิดามากมายนับสิบที่เกิดจาก


    พระนางเอล์ฟกีฟู มเหษีองค์แรกของเอ็ทเทลเรด
    ซึ่งมำคำกล่าวทำนองเสียดสีเชิงขบขันจากหลานๆ
    ต่อพระนางเอลฟรีด้าว่า ต้องขอบคุณวิญญาณ
    พระคุณของเสด็จย่าผู้ที่ทรงเปิดทางให้พวกเรา
    ได้เป็นลูกของกษัตริย์ เพราะทรงฆาตกรรมลูก
    เลี้ยงของตัวเองเพื่อให้ลูกตัวเองเป็นกษัตริย์

    ทำให้ระยะหลังเอลฟรีด้าต้องไปกลบดานเงียบๆ
    ในวัยชราที่โดยการบวชเป็นแม่ชีในคอนแวนท์
    เพื่อหวังจะได้ตายไปและไปอยู่บนสวรรคณ์
    ซึ่งเป็นวิธีที่ที่คนทำบาปมากมายชอบทำกันคือ
    พอแก่แล้วก็ไปเข้าวัดเพราะกลัวตกนรก
    และแล้วนางก็ลาโลกไปในคอนแวนซ์ด้วยวัยชราในปี 1001




    ;aa28
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ลา ลลอโรน่า ผีสาวผู้ผู้ระทมทุกข์

    [​IMG]


    เรื่อง ลา ลลอโรน่า เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่แม็กซิโก
    ในสมัยอาณานิคมยุโรป มีหญิงสาวนาง
    หนึ่งนามว่า มาเรีย เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
    เธอมีผมยาวสีขาว และมักจะสวมกระโปรง
    ฮูบสีขาวพองกลม นั้นคือภาพลักษณ์ของเธอในสมัยนั้น


    เรื่องราวมีอยู่ว่า ลา ลลอโรน่า นั้นตัวจริง
    มีนามว่ามาเรีย นางเป็นหญิงสาววัยรุ่นสวย
    มากคนหนึ่งผู้ซึ่งตั้งครรภ์ให้กำเนิด
    ลูกเล็กๆราวสามคนในขณะที่พ่อของ
    เด็กหนีไปและไม่รับผิดชอบนาง
    ซึ่งในเวลาต่อมาเธอได้ไปรู้จักชาย
    หนุ่มลูกเศรษฐีผู้หนึ่งในเมืองนั้น
    ซึ่งเขาเองก็หลงรักในความงาม
    ของนางมาก แต่ครั้นพอรู้ทีหลัง
    ว่ามาเรียนั้นมีลูกติดอยู่ถึงสามคน
    ทำให้ชายหนุ่มพยามตีตัวออกห่าง
    และไม่ยอมมาพบหน้านางอีก
    มาเรียจึงพยามตามตื้อชายหนุ่ม
    ถึงเหตุผลที่เขาหนีหน้าเธอ



    [​IMG]



    จึงได้คำตอบว่าเป็นเพราะเธอมีลูกติดนั้นเอง
    มาเรียเสียใจมาก เธอหลงรักชายหนุ่ม
    คนนี้และอยากแต่งงานกับเขาจึงตัดใจ
    เอาลูกเล็กๆวัยไม่กี่ขวบทั้งสามคนของ
    นางไปถ่วงน้ำในแม่น้ำแห่งหนึ่งที่ไหล
    ไปยังทะเลสาป หลังจากนั้นก็กลับไป
    หาชายหนุ่ม และบอกกับเขาว่าตอนนี้
    นางได้เป็นสาวโสตไม่มีลูกติดแล้ว
    เขาจะแต่งงานกับเธอไหม ชายหนุ่ม
    ได้ยินดังนั้นก็ถามว่าลูกของเธอไปไหน
    มาเรียก็ตอบตามความจริงว่าลูกตายไป



    หมดแล้ว ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ตกใจแทบ
    ช็อค แทนที่เขาจะรับนางเป็นภรรยาก็ยิ่ง
    รังเกียจนางมากขึ้นและวิ่งหนีไป
    เพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับฆาตกร
    ที่สังหารลูกของตัวเอง มาเรียรู้ดังนั้นก็
    เสียใจมาก ที่ตนถงขนาดยอมฆ่าลูกตัวเอง
    แต่ผู้ชายก็ไม่รักนางอยู่ดี นางจึงเดินไปที่
    ทะเลสาปและกระโดน้ำตาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา



    [​IMG]



    หลังจากนั้น ตำนานผีของมาเรียก็ดัง
    จนกล่ายเป็นผีท้องถิ่นของเม็กซิโกมา
    ตั้งแต่บัดนั้น ชาวบ้านต่างเห็นวิญญาณ
    ของนางในชุดขาวเดินร้องไห้ตามหา
    ลูกที่ตนเองถ่วงน้ำไป ตามริมแม่น้ำ
    ตอนกลาคืนก็จะมีคนได้ยินเสียงร้อง
    ไห้โหยหวน จนเป็นที่มาของชื่อ
    ลา ลลอโรน่า แปลว่า ผู้หญิงร้องไห้

    และหลังจากนั้นก็จะมีเด็กๆลูกชาว
    บ้านที่จมน้ำตายหรือ ป่วยตายติดๆกัน
    ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นวิญญาณของ
    มาเรียมาเอาตัวไป เพราะหาลูกไม่เจอ



    เดี๋ยวมาต่อเรื่อง บลัดดี้ แมรี่ หรือ แมรี่เลือดสาด:boo::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2012
  8. ศรีใจ75

    ศรีใจ75 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    โหด สวย สนุก ติดตามอยู่ตลอดนะคะ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานผีสาวยุโรปประเภทต่างๆ

    Bloody Mary ตำนานผีในกระจก


    [​IMG]


    บลัดดี้ แมรี่ เป็นตำนานของผีสาวในกระจก
    ซึ่งนางจะแสดงตัวในกระจกเมื่อมีคนเรียกชื่อ
    ซึ่งสามารถเปิดเผยให้เห็นอนาคตของผู้ถาม
    ในขณะที่บางครั้งการแสดงออกในกระจกอาจจะ
    ไม่เป็นอันตราย ในขณะที่บางครั้งนางก็จะ
    แสดงออกอย่างน่ากลัวสยดสยอง

    พิธีกรรมเรียกบลัดดี้แมรี่ให้เข้ามา
    ในกระจกนั้นมีมาในแถบยุโรปในสมัยโบราณ
    ซึ่งจัดเป็นพิธีเรียกผีชนิดหนึ่ง


    [​IMG]


    พิธีกรรมก็จะมีหลายแบบ เช่น

    1.) เข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟแล้วมองเข้า
    ไปในกระจก ห้องต้องมืดพอจนกระจกกลาย
    เป็นสีดำ แล้วก็พูดว่า บลัดดี้ แมรี่ 13 ครั้ง,
    จะมีผู้หญิงโผล่ออกมาในกระจก
    แล้วก็ข่วนหน้าคนเรียก

    2.) พูดว่า "เฮล แมรี่" 7ครั้ง หน้า
    กระจกในห้องมืด จะเห็นภาพซาตาน
    ปรากฎขึ้นบนกระจก บางคนก็กล่าวว่า
    หลังจากพูด เฮล แมรี่ 3 ครั้ง กระจกจะ
    กลายเป็นสีแดงแล้วจะเห็นหน้าคนลางๆเลือนๆ

    3.) เข้าไปในห้องที่ปิดไฟ จะดีมาก
    ถ้าเป็นห้องน้ำ ให้กระซิบคำว่า
    "บลัดดี้ แมรี่" ไปเรื่อยๆ หลังจาก
    นั้นเสียงมันจะดังขึ้น ดังขึ้นเอง จนกลาย
    เป็นเสียงกรีดร้อง ระหว่างที่พูด ตัวเราจะหมุน
    ให้เหลือบมองไปที่กระจก
    หลังพูดคำที่ 13 "เธอ" จะปรากฎขึ้นมา
    อันนี้ผู้เล่าเค้าเขียนเพิ่มเติมว่ามีคนรู้จัก
    ของเค้าเคยลองจริงๆแล้ววิ่ง ร้องออกมา
    จากห้องน้ำ ใครถามก็ไม่ยอมบอก แต่คน
    ที่เห้นบอกว่าที่นิ้วของเค้ามีเลือดติดเต็มเลย


    [​IMG]

    บลัด ดี้แมรี่ยังมีชื่ออื่นๆอีกคือ

    บลัดดี้ แมรี่ คุณนายสีดำ,
    คุณนายแห่งความมืด, กระจกเลือด,
    แมรี่ เจนน์ และอีกมากมายในหลายท้องถิ่น


    [​IMG]

    พิธี อัญเชิญมีหลายแบบ บางที่ก็จุด
    เทียนเล่มเดียว บางที่ก็ให้จุดสองด้าน
    ของกระจก ส่วนถ้าอยากเจอกันแบบ
    เป็นกลุ่มๆก็ให้คนนึงเป็นตัวแทนไป
    เรียกหน้ากระจก ส่วนการเรียก
    จะร้องว่า "บลัดดี้แมรี่ ฉันจะฆ่าลูกของเธอ"

    หลัง จากที่วิญญาณปรากฎแล้ว บาง
    ที่ก็บอกว่าจะฆ่าคนเรียกให้ตาย ทำให้เป็นบ้า
    ควักลูกตา ข่วนหน้าแหก ฯลฯ บางที่บอก
    ว่าพอออกมาแล้วก็จะพาคนเรียกเข้า
    กระจกไปอยู่ด้วยกันด้วย

    การ ค้นคว้าเรื่องนี้กล่าวว่า คนที่เรียกแมรี่
    จะเป็นเด็กผู้หญิง แต่เด็กผู้ชายก็มีบ้าง
    เหมือนกัน บลัดดี้แมรี่เป็นตำนานพื้นบ้านที่
    รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นพิธีที่มักทำเล่น
    กันในห้องน้ำ เพราะว่าห้องน้ำในชานเมือง
    สมัยก่อนมักจะติดกระจกใหญ่ๆไว้แล้วก็ไม่ทำ
    หน้าต่าง เวลาปิดไฟห้องเลยมืด


    [​IMG]

    ตำนานกล่าวว่า แมรี่เป็นแม่มด ที่ถูก
    เนรเทศเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ในข้อหาใช้มนตร์ดำ
    แต่บางที่ก็บอกว่าเป็นผู้หญิงในยุคเราๆนี่แหละ
    ที่ตายในอุบัติเหตุรถชนแล้วหน้าถูกรถอัดเละเทะ
    บางที่ก็ว่าเป็นผีของผู้หญิงที่ฆ่าลูกของ
    ตัวเองหลังจากแต่งงาน เป็นฆาตกรฆ่าแล้วกินเด็ก
    บางตำราอ้างว่าเป็นวิญญาณของราชินี
    แม่รี่ จอมโหดของอังกฤษที่ก็มีฉายาว่า บลัดดี้
    แมรี่เช่นกัน และนางได้สั่งฆ่าโปรแตสแตนท์มากมาย
    ในบั้นปลายชีวิตของพระนางแมรี่ที่ 1
    ทรงป่วยเป็นฝีดาษน่าเกลียด และแท้งลูกหลายครั้ง

    ความเชื่อในการเรียกผีจากกระจก เค้าว่า
    เพราะในอดีตมีความเชื่อว่าเราจะเห็นวิญญาณ
    ของคนตายได้ในกระจกจนกว่า ร่างของวิญญาณ
    นั้นจะถูกเอาไปฝัง เพราะในอดีตเวลาคน
    ในบ้านตาย สมาชิกครอบครัวเค้าจะเอา
    แต่งตัวใส่โลงตั้งไว้ในบ้านจนกว่าจะถึงวันฝัง
    วิญญาณเลยยังวนเวียนในบ้านอยู่
    แล้วถูกจับได้ในกระจก เราเลยสามารถเห็นได้

    นอก จากจะใช้กระจกในการเรียกผีแมรี่
    ออกมาแล้ว เด็กผู้หญิงสมัยก่อนก็มักใช้
    กระจกดูเนื้อคู่ของตัวเองด้วย เรื่องที่ฮิตๆ
    ก็อย่างเช่นปอกแอปเปิลหน้ากระจกตอน
    เที่ยงคืน ร้องเพลงในคืนพิเศษแล้วมอง
    ผ่านกระจกอย่างเร็วๆจะเห็นหน้าของเนื้อ
    คู่ลางๆ เป็นต้น


    ตำนาน บลัดดี้แม่รี่ มีปรากฏในหลาย
    วัฒนธรรม อย่างที่ญี่ปุ่นจะชื่อ ฮานาโกะ จัง



    :boo::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานกลเกมส์ผี แห่ง คอก เลนน์ :boo:


    [​IMG]


    ตำนานผีสาวแห่ง คอก เลนน์
    เป็นเรื่องผีที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณ
    ชนมวลใน 1762 เรื่องราว สถาน เกิดเหตุคือ
    ที่อพาร์ทเม้นใน ตรอกไก่ ถนนเลนน์ ติดกับตลาด
    สมิทฟิลด์ ของกรุงลอนดอน และเดินไม่
    กี่นาทีจากมหาวิหารเซนต์พอล เหตุการณ์
    ของเรื่องดำเนินขึ้นโดยมีบุคคลหลักๆสามคน
    อันได้แก่ : วิลเลียม เคนท์ นายเงิน
    นักธุระกิจหนุ่มที่ขูด เลือดจาก นอร์ฟอก
    และ ริชาร์ดพาร์สันส์,
    เสมียนตำบล กับ อลิซาเบธ ลูกสาว
    ของพาร์สันส์ วัย 11 ปีทีไม่ใช่เด็กธรรมดา


    [​IMG]


    เรื่องเริ่มขึ้น หลังการตาย
    ในระหว่างการคลอดลูก
    ของอลิซาเบธ ไลน์ ภรรยาของ เคนท์
    นายเงิน นักธุระกิจหนุ่ม จึงได้ขอร้องให้
    สาวน้อยแฟนนี่ น้องสาวคนเล็กของ
    อลิซาเบธเข้ามาช่วยดูแลหลานชาย
    ซึ่งเป็นลูกของอลิซาเบธ ที่คลอดออกมา โดยแม่เสียชีวิต
    แม้ว่าไม่กี่เดือนให้หลังเด็กชายก็ลาโลก
    ไปตามมารดาก็ตาม
    แฟนนี่ยังคงอยู่กับเคนท์พี่เขยของเธอ
    เพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อยเรื่องบ้าน
    และเสื้อผ้าให้ชายหนุ่ม จนในที่สุดก็ก่อเกิด
    เป็นความรัก แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่
    ง่ายอย่างที่คิด เพราะ ในสมัยนั้นมีบทบัญญัติ
    กฏหมายว่าห้ามพี่เขยแต่งงานกับน้องสะใภ้ตัวเอง



    [​IMG]


    เคนท์จึงรวบรวมหลักฐาน
    ทางกฏหมายเพื่อที่จะแต่งงานกับแฟนนี่
    ระหว่างนั้นเขาได้เก็บเงินซื้อบ้าน และเตรียมบ้าน
    ไว้เป็นเรือนหอของเธอแต่ยังไม่เสร็จ
    ประกอบกับหน้าที่การงานเขาจึงนึกได้ถึง
    ริชาร์ด พาสัน เจ้าของแมนชั่น อพาร์ทเม้นท์
    แห่งหนึ่งซึ่งได้มากู้เงินจากชายหนุ่มไปทำ
    แมนชั่นแต่ยังจ่ายเงินไม่ครบ ชายหนุ่มและ
    น้องสะใภ้หรือ คู่รักอย่างลับๆจึงเดินทางไป
    ขอพักที่แมนชั่นของ เจ้าที่ดิน พาสัน
    ผู้ซึ่งยังไม่ได้จ่ายเงินกู้แก่เขา



    [​IMG]

    หลังจากการย้ายเข้ามาขอบุคคลทั้งสอง
    เคนท์ได้จ้างสาวใช้คนนึงให้อยู่เป็นเพื่อน
    แฟนนี่ เธอมีนามว่า
    เอสเตอร์ คลาไลเซ่ลว์ เป็นสาวผม
    หยักศกสีส้ม พวกเขาจึงตั้งชื่อเล่นให้
    หล่อนว่า แครอท
    แต่ความลับเเรื่อง ระหว่างเคนท์ และแฟนนี่
    ยังคงเป็นสิ่งที่ให้ใครล่วงรู้ไม่ได้
    เพราะนั้นอาจจะนำพาให้ทั้งสองโดนจับ
    เคนท์ จึงต้องเตรียมเอกสารทางกฏหมาย
    อย่างเงียบๆในเมืองอื่นเพื่อที่ถึงเวลาจะ
    ได้ยื่นขอแต่งงานกับแฟนนี่ได้


    [​IMG]


    ในคฤหาสน์หรืออพาร์ธเม้นต์ของเจ้าที่ดินขี้เมา
    พาสันนั้น ประกอบไปด้วย ลูกค้าห้องอื่น
    และคนในครอบครัวของพาสันเองอันได้แก่
    ภรรยาและลูกสาว2 คน เป็นเด็กผู้หญิงนาม
    ว่า อลิซาเบธ กับ น้องเล็กของเธออีกคนนึง
    ซึ่งพาสันและครอบครัวก็ได้ต้อนรับนายเงินและ
    ภรรยาลับๆหรือน้องสะใภ้ของ เคนท์ อย่าง
    เป็นกันเอง ในขณะที่เด็กหญิงอลิซาเบธลูก
    สาวคนโตของพาสันชอบมาเล่นที่ห้องของ
    แฟนนี่กับเอสเตอร์สาวใช้ของแฟนนี่

    [​IMG]

    เรื่องราวแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้น
    หลังจากการย้ายเข้ามาในแมนชั่นแห่งนี้
    แฟนนี่ก็โดนผีหลอก ก่อกวนไม่หยุด จนเธอเข้าใจว่าอาจจะ
    เป็นวิญญาณของพี่สาวที่หึงหวงสามี เหตุการณ์ต่างๆ
    ทำให้แฟนนี่แทบคลั่งและ จะอยู่ในอพาร์ธเม้นต์
    ต่อแทบไม่ได้ เธอมักจะได้ยินเสียฝีเท้าคนเดิน
    และเสียงทุบผนังและประตูแปลกประหลาด
    แต่สามีก็พยามปลอบใจเธอ



    แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหายจากความหวาด
    กลัว เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงผู้เดียวในบ้านที่โดนผีรังควาน
    จนกระทั้งไม่สามารถนอนลำพังได้ กระทั้งคืนหนึ่งแฟนนี่
    และแครอทสาวใช้ก็ ได้ไปขอนอนในห้องเดียวกันกับอลิซาเบธ
    ลูกสาวคนโตของพาร์สันเจ้าที่ดิน เจ้าของอพาร์ธเม้นท์
    ลูกหนี้ของ เคนท์ แแต่แฟนนี่ก็พบว่าเธอกลับโดนผีหลอก
    มากยิ่งขึ้น หน่ำซ้ำ ทั้ง แครอท สาวใช้ และ อลิซาเบธ ลูกสาว
    ของพาร์สัน ต่างเห็นผีกันไปตามๆกันเมื่อ แฟนนี่ขอ
    เข้าไปอยู่ในห้องของพวกเธอ



    [​IMG]


    แฟนนี่โดนผีหลอกติดต่อกันจนนานวันหญิงสาว
    เริ่มมีอาการหวาดผวาและตื่นกลัวด้วยปัญหาทางจิต
    เธอเห็นวิญญาณ ที่คาดว่าเป็นพี่สาวของตัวเอง เดินผลุบๆ
    โผล่ตามทางเดินหน้าห้องพัก บางครั้งก็ที่ระเบียงและ
    บรรไดในยามวิกาล

    ในที่สุดแฟนนี่ก็ล้มป่วย และเสียชีวิตลง ในขณะที่เคนท์
    พี่เขยผู้ซึ่งเป็นคนรักอย่างลับๆของเธอก็เสียใจเป็นอย่างยิ่ง
    ซึ่งในระหว่างนั้นบ้านใหม่ที่กำลังสร้างเป็นเรือนหอก็ยัง
    ไม่ทันเสร็จดีเขาจึงยังต้องอาศัยอยู่ที่อพาร์ธเม้นต์ต่อไป
    โดยหารู้ไม่ว่าการตายของแฟนนี่นั้นมีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น



    จู่ๆเรื่องราวความสัมพันธ์รักระหว่างชายหนุ่มกับ
    น้องเมียก็เกิดแพร่สะพัดออกไปในเมืองได้อย่าง
    น่าประหลาด จนชาวเมืองในคอก เลนน์ เริ่มพูด
    กันใหแซ่ด ว่าเขาคบชู้กับน้องเมียตัวเอง
    แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ การคุกคามของผี
    ในอพาร์ธเม้นต์ของ พาร์สัน เจ้าที่ดินผู้ติดหนี้ของ
    ชายหนุ่มกลับหนักขึ้นกว่าเก่า บรรดาแขกผู้มาเช่า
    อยู่ในห้องอื่นๆต่างเล่ากันว่าโดนผีหลอกไปตามๆ
    กันจนพวกเขารู้สึกกันป็นนัยๆว่าการตายของแฟนนี่
    จะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังมิเช่นนั้นผีคงไม่เฮี้ยนขนาดนี้



    [​IMG]

    และแล้วเสียงซุบซิ้บนินทาก็เกิดขึ้น จนเป็นเรื่อง
    ล่ำลือกันว่า ชายหนุ่มแอบมีความสัมพันธ์กับน้อง
    สะใภ้ตัวเองแต่กลัวคนรู้เลยฆ่าเธอปิดปาก
    หลังจากนั้นวิญญาณของเธอไม่ได้รับความยุติธรรม
    จึงออกหลอกหลอนคนในอพาร์ธเม้นต์ไปทั่ว

    ในขณะที่เด็กหญิงอลิซาเบธ ลูกสาวคนโตของ
    เจ้าของแมนชั่น ผู้ซึ่งแต่ก่อนชอบมาเล่นกันแฟนนี่
    หญิงสาวผู้ล่วงลับ ที่คนในหอต่างคิดว่าบัดนี้กลาย
    เป็นวิญญาณ เด็กหญิงอลิซาเบธกล่าวว่าเธอสามารถ
    สื่อสารกับวิญญาณของแฟนนี่ได้ และได้
    แสดงให้คนอื่นเห็นเช่น เคาะโต๊ะหนึ่งที
    และร้องถามผีว่า นั้นใช่เธอใช่ไหมแฟนนี่
    ถ้าใช่ขอให้เธอทำเสียเคาะผนังตอบสองที
    ถ้าเป็นวิญญาณอื่นขอให้เคาะหนึ่งที
    ซึ่งผลปรากฏว่ามีเสียงเคาะสองทีจริง
    บอกว่าเป็นแฟนนี่ เด็กหญิงอลิซาเบธจึง
    เริ่มต้นคำถามใหม่ไปเรื่อยๆจนกระทั้งคำ
    ถามที่ว่าทำไมเธอยังวนเวียนอยู่ เพราะมี
    อะไรในใจหรือเปล่า ถ้ามีเคาะผนังหนึ่งที
    ก็ผลปรากฎว่าเป็นเสียงเคาะผนังหนึ่งทีดังว่าจริงๆ



    [​IMG]


    เรื่องราวการที่เด็กหญิงอลิซาเบธ และน้องสาว
    สามารถสื่อสารกับวิญญาณด้วยวิธีดังกล่าวนั้น
    ล่ำลือโด่งดังไปจนแม้กระทั้งถึงพระเนตร
    พระกรรณของ เจ้าชาย เอ็ดเวิร์ด ดุ๊ก แหง ยอร์ค
    และอัลบานี่ จนกระทั้งมีการตั้งคณะกรรมการ
    มาสอบสอนเรื่องการตายที่แท้จริงของ แฟนนี่
    หรือนางสาว ฟรานเซส ไลนน์ น้องสะใภ้ของ
    วิลเลี่ยม เคนท์ จนเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง


    เขาและน้องสะใภ้เปิดเผยขึ้น ประกอบกับการเรียก
    ผีของเด็กหญิงอลิซาเบธ ต่อหน้าประจักษ์พยาน
    และคณะกรรมการทางกฏหมาย ในครั้งสุดท้าย
    เมื่อมีการถามถึงชื่อบุคคลใกล้ชิดที่น่าจะมีส่วน
    เกี่ยวข้องกับการตายของแฟนนี่ ได้เผยออกมา
    จากการเดาชื่อของเด็กหญิงอลิซาเบธ
    ตั้งคำถามถามเสียงที่เคาะว่า ชื่อของคน
    ที่ฆ่าเธอมีพยัญชนะอะไร เอ ใช่ไหม เคาะ
    สองทีถ้าไม่ใช่ เคาะสามทีถ้าใช่


    [​IMG]


    และคำถาม
    ก็ไล่ไปเรื่อยจนหยุดอยู่ที่ว่า คนที่ฆ่าเธอคือ
    วิลเลี่ยม เคนท์ ใช่ไหม และเสียงเคาะก็เคาะ
    กลับมาว่าใช่ ทำให้ ชายหนุ่มตกเป็นหนึ่งผู้
    ต้องหาคดีฆ่าคนรักของตัวเองในทันที
    ทั้งที่เขาไม่ได้ฆ่าเธอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
    เรื่องนี้ มีเงื่อนงำอยู่ที่ตัว
    เจ้าของหอพักผู้ติดหนี้ชายหนุ่ม
    และเด็กหญิงลิซาเบธ ลูกสาวของพาร์สัน
    เจ้าของหอ ซึ่งไม่ใช่เด็กผู้หญิงเล็กๆธรรมดา


    หนูน้อยได้รวมหัวกันกับพ่อของเธอในการ
    ทำแผน กลเกมส์ผีปลอมๆนี้ขึ้นมาเพื่อจะ
    ให้ วิลเลี่ยม เคนท์ ผู้ออกเงินกู้ให้แก่
    พาร์สันทำอพาร์ธเมนต์ ต้องกลาย
    เป็นผู้ต้องฆ่าแฟนนี่ เพราะสองพ่อลูก
    ไม่อยากจ่ายเกินกู้คืนแก่ นักธุระกิจหนุ่ม


    [​IMG]

    แต่แล้วในที่สุด ทั้งเด็กหญิงอลิซาเบธ
    และพ่อก็ไม่สามารถหนีจากกฏแหงกรรมไปได้เมื่อ
    ผี แฟนนี่ ตัวจริงเริ่มปรากฏตัวและตามหลอก
    หลอนสองพ่อลูก ในสิ่งที่ทั้งคู่ได้รวมหัวกันวาง
    ยาพิษ ด้วยสารหนูจนทำให้เธอถึงแก่ความตาย
    และก็พยามจะโยนความผิดไปให้แก่ วิลเลี่ยม
    เคนท์ ผู้ชายที่เธอรัก

    และแล้ว ความลับเรื่องผีโกหกที่สองพ่อลูกสร้าง
    ขึ้นมาก็ถูกเปิดโปงโดยความช่วยเหลือของ
    วิญญาณแฟนนี่ตัวจริง และในที่สุด พาร์สัน
    เจ้าของอพาร์ธเม้นต์ผู้โลบมากก็ถูกจำคุก
    ในขณะทีอลิซาเบธ ลูกสาวของเขาได้สาร
    ภาพในทีหลังว่าโดนผีของแฟนนี่ตัวจริงหลอก
    แต่ที่เธอต้องทำไป ก็เพราะคำสั่งของพ่อ
    แต่ต้องมาเปิดโปงความจริงในที่สุด
    เพราะวิญญาณของแฟนนี่อาระวาท


    thx1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานตุ๊กตาผีที่น่ากลัวที่สุดในโลก

    ตำนานตุ๊กตาผีที่น่ากลัวที่สุดในโลก


    [​IMG]



    เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1906 ในเมือง คีเวส ประเทศ
    สหรัฐอเมลิกา ซึ่งเรื่องชื่อเรื่องลี้ลับ อย่างเช่น
    ตำนานตุ๊กตาศพเจ้าสาวที่เคยนำเสนอไป
    ในกระทู้อื่นคะ แต่วันนี้เป็นเรื่องราวของ
    ตำนานตุ๊กตาผีที่น่ากลัวที่สุดในโลกซึ่ง
    เกิดขึ้นที่คีเวส เช่นกัน คหบดีชาว
    อเมลิกันเชื้อสายยุโรปมีบ้านสไตน์ วิคตอเรีย
    หลังหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยคนรับใช้พื้นเมืองและ
    คนผิวดำมากมาย


    [​IMG]

    คหบดีของบ้านหลังนี้มีลูก
    ชายเล็กๆอยู่คนหนึ่งชื่อ โรเบิร์ต ยูจีน ออดโต้
    ซึ่งพ่อแม่ของ ยูจีนนั้นขึ้นชื่อว่ามีอุปนิสัยหยิ่ง
    ทะนงและไม่ค่อยมีความเมตตากรุณาต่อบรรดา
    คนรับใช้พื้นเมืองของพวกเขานัก จึงเป็นเหตุ
    ให้พวกคนรับใช้ไม่ถูกกับนายจ้างของตัวเอง
    เลย กระทั้งมีอยู่มาวันหนึ่งเด็กสาว คนรับใช้
    ชาวบาฮาเมี่ยน รู้สึกไม่พอใจนายจ้างจนขอ
    ลาออกจากการทำงาน ก่อนไปเธอได้ทิ้งรอย
    แค้นไว้กับตระกูลออตโต้



    [​IMG]

    ด้วยการนำตุ๊กตาเด็ก
    ผู้ชายฝรั่งตัวหนึ่งมาทำพิธีวูดู ซึ่งเด็กสาวผู้
    นี้เรื่องชื่อกันว่าเธอเป็นแม่มด หลังจากนั้น
    เธอก็มอบตุ๊กตาดังกล่าวให้แก่ เด็กชาย
    โรเบิร์ต ยูจีน ลูกชายคนเดียวของนาย
    จ้างชาวยุโรปนั้นก่อนจะไป ซึ่งยูจีนก็รัก
    ตุ๊กตาตัวนี้มากและตั้งชื่อตุ๊กตาตามชื่อ
    แรกของเขาคือ โรเบิร์ต



    [​IMG]



    สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ คุณนายออตโต้
    แม่ของยูจีน สังเกตว่าลูกชายของเธอติดตุ๊กตา
    โรเบิร์ตมาก เด็กชายจะพาตุ๊กตาตัวนี้ไปไหน
    ต่อไหนด้วยเสมอ และมักจะพูดคุยกับตุ๊กตา
    ราวกับว่าตุ๊กตานั้นมีชีวิต ในระยะแรก ทั้งสอง
    สามีภรรยา ต่างคิดว่านั้นคงจะเป็นจินตนาการ
    ของเด็ก ที่มีต่อตุ๊กตา หากแต่ว่าความจริงไม่
    ได้เป็นเช่นนั้น เด็กชายได้สารภาพว่าตุ๊กตา
    โรเบิร์ตนั้นพูดกับเขาจริงๆ และในช่วงหลายๆคืน
    บางทีเด็กชายก็จะร้องไห้โยเยวิ่งเข้าไป


    ขอนอนกับพ่อแม่และเล่าเรื่องที่โรเบิร์ตตุ๊กตา
    นั้นโมโห และพยามจะทำร้ายเด็กชาย

    แต่แม้เด็กชายจะกล่าวว่าตุ๊กตาทำร้ายหรือ
    โมโหใส่เขาในยามที่เขาไม่ทำตามที่มันสั่งแต่
    ยูจีนก็ยังคงเก็บตุ๊กตาตัวนั้นไว้ และเอาไปไหน
    ด้วยเสมอ ไม่มีผู้ใดอาจคาดเดาได้ว่ายูจีนนั้น
    มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไรกับตุ๊กตา
    แต่ที่แน่นอนก็คือ เขายืนยันว่าตุ๊กตาตัวนี้มีชีวิต
    และเป็นเพื่อนของเขา จนแม้ แม้เวลาผ่านไป
    ที่เด็กชายโตเป็นหนุ่ม และได้มาทำอาชีพเป็น
    นักวาดภาพอยู่ที่คีเวส ใครต่อใครก็ยังคง
    เห็นชายหนุ่มหอบตุ๊กตาไปไหนมาไหน
    ด้วยเสมอ ราวกับว่ามันมี พลังจิตบางอย่างที่
    ควบคุมชายหนุ่ม


    [​IMG]


    วันเวลาผ่านไป ยูจีนก็ไม่ต่างจากผู้ชาย
    คนอื่นๆที่เริ่มมามีคู่รักและแต่งงาน เขาได้
    แต่งงานกับหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งซึ่ง
    เธอมีนามว่าแอนน์ และย้ายเข้าไปอยู่ใน
    บ้านด้วยกัน แต่ครั้นพอแอนน์ย้ายเข้าไป
    อยู่ที่บ้านกับยูจีน หญิงสาวก็เริ่มสังเกตเห็น
    พฤติกรรมอันแปลกประหลาดของทั้งสามี
    และตุ๊กตา น่าตาน่ากลัวที่สามีคอยนำมาตั้ง
    ไว้ข้างๆกับ แคนวาส เวลาที่เขาวาดภาพ
    งานศิลปะของเขาเสมอ



    [​IMG]

    หลายๆครั้งในยามกลางคืน เธอพบว่าตุ๊กตา
    สามารถเปลี่ยนที่ได้เอง และหันเปลี่ยนข้าง
    บางทีก็ได้ยินเสียงคนพูดเบาๆ ทั้งๆที่ในห้อง
    ไม่มีใครอื่นนอกจากตุ๊กตา ในขณะที่สามีของ
    เธอก็มีอาการแปลกๆในตอนกลางคืนก็วิ่งร้อง
    ตะโกนพลุ่นพล่านเข้ามาในห้อง บางทีก็โมโห
    เขวี่ยงของ หรือมีอารมย์แปรปรวนครั้นพอ
    เธอสักถามหนักเข้าเขาจึงยอมเปิดเผย
    ความจริงเรื่องตุ๊กตาโรเบิร์ต


    [​IMG]


    แอนน์จึงตัด
    สินใจเอาตุ๊กตาขึ้นไปไว้ในห้องใต้หลังคา
    และล็อกกุญแจเสีย แต่สิ่งที่ตามมาคือ
    ผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้านล่างมองขึ้น
    ไปที่ห้องใต้หลังคา บริเวณหน้าต่างก็
    กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นตุ๊กตาวิ่ง
    จากหน้าต่างด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
    ทั้งยังมีหน้าตาน่ากลัวอีกด้วย


    ยูจีนได้พยามบอกแอนน์ว่า โรเบิร์ตกำลังโกรธ
    ที่เธอขังเขาเอาไว้ในห้องใต้หลังคา
    ยูจีนจึงนำโรเบิร์ตออกมาและย้ายไปไว้
    ที่ห้องอื่น ไม่นานนักแอนน์ก็พบว่าหลาย
    ครั้งสามีของเธอมีอาการเหมือนคนโดนผี
    เข้า และทำลายข้าวของ และตะหวาดเธอ
    แต่จู่ๆก็กลับมาเป็นปกติ ก่อนที่พยามจะ
    สารภาพว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเอง
    จากการบังคับของตุ๊กตาได้ และท้ายที่สุด
    เขาก็ได้ขังตัวเองในห้องหนึ่งของบ้าน
    พร้อมกับตุ๊กตา และแอนน์ได้พบใน
    ภายหลังว่าสามีของเธอได้เสียชีวิตลง
    อย่างน่าประหลาดและหาสาเหตุไม่
    เจอ เธอจึงย้ายออกไปและขายบ้าน
    นั้นเสีย ในขณะที่ทิ้งตุ๊กตาไว้ในห้อง
    ใต้หลังคา


    [​IMG]

    ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคน
    ครอบครัวหนึ่งมาซื้อบ้านต่อ และมี
    ลูกสาวเป็นเด็กอายุราวสิบกว่าขวบ
    ซึ่งบังเอิญไปเจอตุ๊กตาโรเบิร์ตใน
    ห้องใต้หลังคาและเอามาเล่น แต่
    หลังจากนั้นเด็กหญิงก็มีอาการหวีด
    เสียงร้องไห้ในตอนกลางคืนพร้อม
    ทั้งบอกว่าตุ๊กตาทำร้ายเธอ จนในที่
    สุดก็ต้องย้ายออกไป และตุ๊กตาโรเบิร์ต
    ได้มาลงเอยอยู่ในพิพิธภัณธ์ สิ่งลี้ลับ
    แต่กระนั้นความเฮี้ยนของโรเบิร์ต
    ไม่เคยน้อยลงเลย

    พนักงานพบว่า
    โรเบิร์ตสามารถเปลี่ยนมุมที่นั่งและ
    หันหน้าเปลี่ยนข้างเองได้ ตลอดจน
    ผมของตุ๊กตาปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น
    สีขาวดั่ง คนแก่ ตามอายุของตุ๊กตา
    ทุกวันนี้ทุกคนที่ไปที่นั้นก่อนจะ
    ถ่ายรูปองโรเบิร์ตจะต้องขออนุญาต
    ก่อนมิเช่นนั้นเมื่อถ่ายมาภาพจะเป็นสีดำ
    บางครั้งก็มีคนถ่ายติดภาพวิญญาณ
    เป็นหมอกขาวเหนือตุ๊กตาโรเบิร์ต



    ;aa17
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  12. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
  13. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    ;aa20เรื่องน่าอ่านและน่าติดตามมากค่ะ เป็นกำลังใจให้คนนำมาลงนะคะ
    และก็สวัสดีปีใหม่ค่ะ
     
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวนำมาลงอีกแน่นอนคะ


    [​IMG]
     
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แพร์เหล็กแห่ง แอนกีช




    [​IMG]

    แพร์เหล็กเป็นอุปกรณ์ทรมานหฤโหดที่มีระวัติการ
    ใช้งานมาในสมัยยุคกลางโดยเฉพาะ
    แพร์เหล็กแห่งแอนกีชนั้นมีความขึ้นชื่อว่า
    น่าสยดสยองที่สุด อุปกรณ์นี้ถูกสร้างขึ้นมา
    เพื่อสอดใส่เข้าไปในทวารกายของผู้ต้องหา
    เช่นคดี ทำแท้ง ปากเสียสร้างความเดือดร้อน
    ตลอดจนพวกลักร่วมเพศ
    เช่น ถ้าเป็นกรณีของผู้หญิงที่ทำแท้งลูก
    ในครรภ์ตนเอง นักทรมานผู้ต้องหาก็จะสอดอุปกรณ์
    เหล็กที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายเข้าไป
    ครั้นพถึงด้านในก็คงไม่ต้องพูดถึงว่าถ้านักทรมาน
    นักโทษ กดปุ่มที่ปลายด้ามจะเกิดอะไรขึ้น
    อีกกรณีสำหรับบุคคลที่พูดจให้เกดการทะเลาะวิวาท
    แพร์เหล็กก็จะถูกใส่เข้าไปในปากเมื่อกดปุ่มที่
    ด้ามมันจะกางออกและสามารถทำลายศีรษะจน
    แตกระเบิดเลยทีเดียว ส่วนกรณีพวกลักร่วมเพศ
    หรือเกย์ จะโดนแพร์เหล็กใส่เข้าไปทางทวารหนัก


    ภาพศิลปะความสยองของแพร์เหล็กชนิดต่างๆ


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  16. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    ขอบคุณมากสำหรับเนื้อหาที่น่าสนใจ และภาพประกอบสวยมากๆครับ:cool:
     
  17. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ลูกแพร์สยองชัดๆเลยค่ะrabbit_run_away;9k ยัดเข้าไปได้ยังไงกันคะ เห็นแล้วขนลุกเลย
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สยองมากคะ คือยัดเข้าไปและกดปุ่มที่ปลายลูกแพร์
    จะง้างออก ไม่รู้คนคิดคิดได้ยังไงคะ โหดมาก
    เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะมาเล่าต่อเรื่องอื่นคะ
     
  19. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ขอบคุณค่ะ คุณDuchessFidgette แปลจากหนังสืออะไรหรอคะ มีหลายเรื่องมากเลยค่ะ แถมบางเรื่องดิฉันก็พึ่งมารู้จากที่ติดตามอ่านในกระทู้ของคุณค่ะ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ;aa28

    แปลจากในเวปไซต์ต่างประเทศนี้แหะคะ บางเรื่องเคยอ่านานมากแล้ว สมัยเรียนมัธยม
    บางเรื่องเจอในนิยาย เลยพยามค้นในประวัติศาสตร์ดูคะ
    บ้างเรื่องก็ไปเห็นมากับตานพิพิทธภัณฑ์ ในเมืองที่
    ดิฉันอาศัยอยู่นะคะ และก็เอาชื่อมาค้นเพิ่ม
    อย่างเรืองรองเท้าเหล็ก ที่แม่มดใน นิทาน
    ซินเดอเรลล่าสวมก็มีจริงนะคะ ที่ฮอลแลนด์
    ไกด์พาไปดู ของจริงมา บางคนโดนจับใส่
    ให้เดินทั้งวันเท้าหลุดเลยก็มี
    ฝรั่งนี้โหดและหินมากคะ

    ยังมีอีกหลายเรื่่อง คลาสสิก โหด หิน โกธิค
    สะเทือนอารมย์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะมาเล่าต่อนะคะ


    sleeping_rbpig_cryy2thaxx
     

แชร์หน้านี้

Loading...