ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. sasiriya

    sasiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,064
    ค่าพลัง:
    +751
    เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน ณ เวปพระพุทธศาสนาแห่งนี้ ผู้เขียนขอออกมากล่าวในวันนี้ว่า ผู้เขียนไม่ติดใจถือสาหาความใดกับบุคคลเหล่านั้น เพราะยังยืนเจตนาเดิมที่จะเดินตามคำสอนพระพุทธองค์ในทิศทางที่ถูกต้อง....อภัยทาน...คือทานบารมีอันสูงส่งตามคำสอนแห่งพระพุทธองค์

    ทุกท่านที่เข้ามาและเห็นแต่คำคอบของผู้เขียน อาจสับสนไปบ้างว่าเกิดสิ่งใดขึ้น จึงขอเรียนชี้แจง เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่าข้อความเหล่านั้นที่มีมากมายหายไปไหนหมดในเช้าวันนี้

    แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเพิ่งนึกขึ้นได้ด้วยสติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ว่าผู้เขียนลืมเคลียร์ความเข้าใจของบุคคลนั้นอยู่ใจความหนึ่ง ซึ่งหากไม่นำมาแถลงไขในที่นี้ ท่านที่ได้อ่านเมื่อคืน อาจสับสน และ เดินไปในทิศทางที่เข้าใจผิดในหลักธรรมคำสอนแห่งพระศาสนา และในตัวผู้เขียน จึงขออนุญาติเรียนชี้แจงอธิบายสิ่งที่ผู้เขียนกระทำบางประการ ที่บุคคลนั้นกล่าวไว้ว่า....แค่เห็นภาพพญานาคที่ผู้เขียนนำมาลงเป็นภาพด้านข้างใต้ชื่อ แค่นี้ก็รู้แล้วว่า ผู้เขียนงมงาย......

    ผู้เขียนนั่งทบทวนดู เพื่อหาความบกพร่องของตนเองในการนำเสนอต่อสาธารณะชนว่า เรามีสิ่งใดพลาดพลั้งตีความผิด หรือชี้นำผู้คนในสาธารณะให้ไปในทิศทางที่พลั้งพลาด ในทิศทางที่ไม่ถูกไม่ควรไปบ้างหรือไม่หนอ

    ก็ทำให้ผู้เขียนระลึกถึงคำกล่าวของสหายธรรมที่มีความสามารถไม่ธรรมดาตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา ที่รู้จักกับผู้เขียนมาช้านาน เขาเคยปรารภกับผู้เขียนว่า เขาอ่านข้อความตัวหนังสือของหลายท่านในเวปนี้แล้วรู้สึกน่าเป็นห่วงท่านเหล่านั้น เพราะทุกตัวหนังสือมันต้องออกมาจากจิตของผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องหรือผิดพลาดพลั้งเผลอแม้เพียงเล็กน้อย กระบวนกรรมนั้นได้ถูกบันทืกทุกอย่างโดยอัตโนมัติทั้งหมดแล้ว บางตัวหนังสือเขียนด้วยอารมณ์ที่ลืมคิดและนึกไปว่า ปรามาสพลาดพลั้งสะเทือนไปกระทบใครบ้าง หาใช่กระทบแต่ผู้ที่ต้องการปรามาสไม่ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี ทุกอย่างหลบหลีกกระบวนการกฏแห่งกรรมไม่พ้น น่าเป็นห่วงมาก ๆ นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนไม่อยากให้เกิดขึ้น ในเวปพระพุทธศาสนาที่มีผู้คนนิยมสูงสุดแห่งนี้

    หากไม่นำมากล่าว ก็จักอาจมีการกระทำตามกัน โดยเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานสืบต่อกันไป โดยหารู้ไม่ว่ามหันตกรรมกรรมใดจะเกิดขึ้นกับตนเอง

    การที่ผู้เขียนนำรูปพญานาคมาลง ก็เป็นความศรัทธาส่วนบุคคล หาใช่เป็นเรื่องงมงาย ขอให้ทุกท่านที่อ่านเจอข้อความนี้ กรุณาทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องนะคะ อย่าพูดตามกันเป็นเรื่องสนุก

    หลวงปู่อรหันต์ทุกท่านที่ผู้เขียนเคยอ่านพบเจอในหนังสือธรรม ที่กล่าวไว้ว่าพระอรหันต์ทุกท่านนั้น อาทิเช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่คำคะนิง และอีกหลายพระเกจิอรหันต์ ท่านสามารถพูดคุย และพบทางจิตของท่านกับพญานาคได้ในขณะบำเพ็ญบารมีอยู่ตามที่ต่าง ๆ จนนำมาเล่าขานทั่วสาธารณะชนมาช้านาน จนกล่าวได้ว่าว่าพญานาคมีจริง ซึ่งพระอรหันต์ทุกท่านคงไม่ออกมากล่าวคำโกหกในเรื่องของพญานาคต่อพุทธศาสนิกชน เสี่ยงกับประตูนรกภูมิข้อหาผิดศิลมุสา เป็นแน่แท้

    อีกทั้งผู้เขียนจำได้ว่า แม้ในพระพุทธประวัติ ก็ยังมีกล่าวถึงพญานาคในยุคแห่งพระพุทธองค์

    ตามวัดวาอารามทั่วประเทศก็ล้วนแล้วแต่สร้างรูปปั้นพญานาคอยู่จนทั่วทุกวัด

    ฉะนั้น การที่ผู้เขียนนำรูปพญานาคมาใช้นั้น ก็หาใช่นำมาเพื่อสร้างความงมงาย ของความเชื่อในเรื่องพญานาคให้กับผู้คนในสาธารณะชนและตนเอง

    การที่ผู้ใดก็ตามกล่าว ว่า พญานาคเป็นเรื่องงมงาย ก็เท่ากับท่านมิได้ตำหนิผู้เขียนเพียงผู้เดียว แต่ท่านกำลังพาดพิงสะเทือนกรรมเลื่อนลั่นไปถึงพระพุทธเจ้า และพระเกจิอรหันต์ทุก ๆ ท่านที่เคยกล่าวประสบการณ์เรื่องพญานาคไว้ ตลอดถึงทั้งพญานาคราชทั่วจักรวาลสากลภิภพ โดยที่ท่านขาดสติยั้งคิดให้รอบคอบเสียก่อนด้วย

    นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงตามที่สหายธรรมผู้เขียนได้เคยปรารภกับผู้เขียนไว้ เพราะลำพังกรรมที่ท่านกระทำกับผู้เขียน ผู้เขียน อภัยทานให้ท่านได้ แต่ กรรมที่ท่านพาดพิงไปโดยไม่รู้ตัว ใครเล่าจะสามารถลบล้างมหากรรมเหล่านั้นให้ท่านแทนได้

    ฉะนั้นผู้เขียนขอร้องให้ทุกท่านคิดให้ดี ให้รอบคอบ ก่อนคิด ก่อนพูด ก่อนทำ ว่าจะมีผลสะท้อนกรรมใดมายังตัวท่านบ้าง อย่ากระทำตามกันจนเป็นเรื่องสนุกสนาน นอกจากกรรม มหากรรมที่จักได้รับแล้ว ยังมีผลช่วยทำให้พระพุทธศาสนาเบาบางไปจากจิตใจพุทธศาสนิกชนรุ่นหลังสืบต่อไปด้วย นี่สิยิ่งหนัก

    ขอให้ทุกท่านพิจารณา ด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิแห่งสติและปัญญาของผู้มีวัฒนธรรม อารยธรรม และมีศาสนาเป็นที่ตั้งของชีวิตด้วยเถิด

    น่าเป็นห่วง

    ศศิริยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2008
  2. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    ไม่น่าถูกลบไปเลยนะคะ แต่ก็อย่างว่าข้อความมันน่าเกลียดเกินที่จะประดับไว้ในเวป ไม่ได้อวยใครแต่คำมันไม่เหมาะสม
     
  3. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    กัลยาณธรรมทั้งหลายพึงระมัดระวังการ"ก้าวล่วง"กันเถิดครับ
    เพราะถ้าเราไม่ใช่เป็นผู้แตกฉานในมรรควิธี โอกาสสร้างกรรมมีสูงมาก
    กฏแห่งกรรมเที่ยงตรงเสมอและทำหน้าที่ตลอดเวลา อยู่แต่ว่าให้ผลช้าหรือเร็ว
    อ่านดู มองว่าทุกท่านก็เจตนาดี แต่พระอริยะเจ้ายังมีความเป็นเลิศในแต่ละด้านต่างๆกันเลย
    ขอธรรมะรักษาทุกท่านครับ
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นานาทัสนะ นานจิตตัง มาแอบดูแล้วก็อดไม่ได้ แบบว่า แพ้กิเลสอะค่ะ เกิดความอยากแสดงความเห็น หากไม่ถูกใจท่านผู้อ่าน ก็ขออภัย พอดีไปอ่านเจอข้อความนี้มาเลยอยากมาโพสที่นี่อะค่ะ จากหนังสือ "วิมุตติปฏิปทา" ของหลวงพ่อปราโมช สวนสันติธรรม ถ้าใครสนใจ ก็ กด ดาวน์โหลด(คลิกขวาแล้วเลือก save target as) ที่แฟ้มแนบด้านล่างนะคะ

    เมื่อกล่าวถึงญาณทัศนะของหลวงปู่สิม พุทธาจาโรแล้ว ทำให้ผู้เขียนอดระลึกถึงพระอภิญญาองค์อื่นๆ ไม่ได้ การที่ผู้เขียนวนเวียนอยู่ตามสำนักครูบาอาจารย์สายพระป่านั้น ทำให้ได้พบเห็นและรู้จักพระอภิญญาหลายองค์ จึงตระหนักชัดไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย เกี่ยวกับเรื่องอภิญญาในพระไตรปิฎก ทราบซึ้งแก่ใจว่า การจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับอภิญญาในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เป็นอุบายดึงให้คนเคารพศรัทธาในพระศาสนา แต่เป็นการกล่าวความจริงล้วนๆ เพราะพระพุทธศาสนานั้น โดยเนื้อแท้แล้วก็น่าเคารพศรัทธาเต็มเปี่ยมในจิตใจอยู่แล้ว ไม่ต้องนำเรื่องอภิญญาหรือปาฏิหารย์มาเป็นอุบายล่อให้คนศรัทธา และมีแต่ของจอมปลอมหลอกลวงเท่านั้น จึงต้องอาศัยอุบายล่อลวงให้คนนับถือ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2009
  5. TheoKhan

    TheoKhan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    KHUN SASIRIYA KRUB, PLEASE CONTACT ME AT THEO_KHAN@HOTMAIL.COM NA KRUB, THANKS FOR YOUR KINDNESS KRUB
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    :::คนเหนือกรรม:::


    [​IMG]


    คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ สามารถเปลี่ยนตนเองให้อยู่เหนือดวงและชนะกรรมได้


    ช่วงนี้อากาศบนโลกของเราช่างแปรปรวนเหลือเกินยากที่จะเข้าใจได้ การที่อากาศบนโลกแปรปรวนก็เป็นผลมาจากน้ำมือของมนุษย์นี่แหละที่ไม่ดูแลธรรมชาติ เป็นผู้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและทำลายธรรมชาติ

    นอกจากความแปรปรวนของดิน ฟ้า อากาศ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่แปรปรวนยิ่งกว่าอากาศ คือจิตใจของมนุษย์ แค่หนึ่งนาทีจิตใจของเราเปลี่ยนได้เป็นร้อย ๆ เรื่อง ถ้าไม่หัดเข้ามาสนใจจิตใจภายในบ้างเลย ก็โดนความคิดมันหลอกให้ทำอะไรผิดได้มากมาย ต้องตกเป็นทาสของกิเลสไปตราบนานเท่านาน

    อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ ก็เจอแต่ลูกค้าที่มีแต่ความแปรปรวนเหมือนกัน คือมีลูกค้าเก่าที่เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้ระดับหนึ่ง สามารถฝืนดวง ฝืนกิเลสที่มายั่วยุให้ทำผิดได้แล้ว กลับมาดูดวงคราวนี้กลับทำบาปหนักกว่าเดิมอีก

    ลูกค้ากลุ่มนี้ในตอนแรก มีความกระตือรือร้น มีกำลังใจในการเปลี่ยนตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะเพิ่งเจอกรรมเล่นงานมา พอมาดูดวงได้ตรงกับเหตุการณ์ที่กรรมเล่นงานไปพอดี ก็เชื่อว่าเป็นกรรมของตัวเอง และก็กลัวการทำบาปทำกรรมมาก ก็มาสนใจการภาวนาปฏิบัติธรรม พร้อมกับทำบุญทำทานอยู่เรื่อย ๆ ก็คิดว่าเขาคงจะเปลี่ยนได้จริงแล้ว

    พอมาเจอกันคราวนี้กลับล้มลงไป ผิดศีลห้าได้อย่างง่ายดาย จิตใจที่เคยหนักแน่นคงเส้นคงวามาระยะหนึ่งแล้ว กลับตาลปัตรไปเป็นอีกด้าน ความกลัวบาปกลัวกรรมหายไปในพริบตา กลับไปโกหก กินเหล้า นอกใจเมียเหมือนเดิม เขาบอกว่ามาดูดวงคราวนี้ อยากมาให้หมอดูด่า เตือนสติหน่อย

    การที่ต้องเจอลูกค้าแบบที่เปลี่ยนแล้วล้มอย่างนี้หลายคน ทำให้เลิกคาดหวังว่าจะช่วยทุกคนให้คิดได้ ไม่อยากให้แต่ละคนทำผิดเหมือนที่ผ่านมาอีก อยากให้พวกเขามีสติคิดได้ไม่อยากให้ทำบาปทำลายตัวเขาเองอีก เมื่อเห็นแบบนี้บ่อยก็ทำให้ช่วยแบบไม่คาดหวังแล้ว เพราะเราไม่สามารถทำให้ใครเปลี่ยนได้อย่างที่ใจเราต้องการได้ ทุกคนมีกรรมของแต่ละคนเป็นเครื่องกำหนดชะตาชีวิต เราเป็นได้ก็แค่ผู้ชี้แนะแนวทาง

    หลัง ๆ มานี้ ดูดวงแบบสบายขึ้นเยอะมากเลย จากการสังเกต ลูกค้าที่มาดูดวงและสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เหนือดวง ชนะกรรมตัวเองได้จริงนั้นเท่าที่เห็นก็จะมีแต่คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้คือ

    ๑.จิตใจที่หนักแน่น
    ต้องเป็นคนที่มีจิตใจที่หนักแน่น ไม่โลเลเปลี่ยนความคิดไปมา การที่มีจิตใจหนักแน่นสำคัญมาก เพราะวันหนึ่งถ้าต้องไปเจอข้อสอบของกรรมเก่าตัวเอง ถ้าไม่หนักแน่นก็แพ้กิเลสตัวเองเรื่อยไป ใครที่อยากจะเอาชนะกรรมตัวเองได้เร็วต้องฝึกใจให้มีความแข็งแรงหนักแน่นก่อนเป็นอันดับแรก จึงจะทำให้ชนะกรรมตัวเองได้ง่ายขึ้น

    ให้เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ เช่น การไม่โลเลในเรื่องการแต่งตัว ไม่โลเลในการเลือกกับข้าวในแต่ละมื้อ ไม่โลเลในการตั้งใจจะทำอะไร เรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันเหล่านี้มีให้ตัดสินใจมากกว่าเรื่องใหญ่ ๆ จะเป็นเครื่องมือฝึกปรือความโลเลได้ดีมาก

    ๒.การมีจิตใจที่ขยัน
    ดวงบางคนขอแค่ขยันแค่นั้น ดวงจะดีขึ้นเลย หลายคนแพ้ตัวเองเพราะความขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น เฉื่อยชา ปล่อยชีวิตเป็นไปตามโชคชะตา ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น หรือบางคนลงทุนเกาะพ่อเกาะแม่เลยด้วยซ้ำ

    ความไม่ขยันทำให้เป็นคนทำอะไรได้ไม่นาน เดี๋ยวเดียวก็เลิกทำหรือบางครั้งการชนะกรรมก็ต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ เช่น คนที่มีกรรมเรื่องเรียนทำให้เรียนจบยาก ต้องขยันอ่านหนังสือมากกว่าเพื่อนที่ไม่มีกรรมเรื่องเรียนประมาณสามเท่าจึงจะจบได้ง่าย ถ้าขี้เกียจก็ต้องไม่จบตามดวงแน่นอน

    ความขี้เกียจแก้ได้โดยการออกกำลังกายให้เหงื่อออกอย่างต่อเนื่อง เห็นลูกค้าหลายคนอยากรวยมาก แต่ไม่ยอมที่จะทำงานหนัก คิดแต่จะหาเงินทางไหนก็ได้ที่ไม่ต้องออกแรง

    ๓. การเลือกคบเพื่อนที่ดี
    การเลือกคบเพื่อนสำคัญมาก เหมือนกับพุทธพจน์ที่ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2008
  7. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    กาลามสูตร

    ถ้า
    ผมบอกว่า ตั้งแต่ได้อ่านกระทู้นี้มา บางคืน ผมได้นัดน้องเค้าไปเดทไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่(ตามประสาหัวงูกะหญ้าอ่อนเหอะๆๆๆ) คุณผู้อ่าน จะเชื่อหรือไม่

    แน่นอนว่า ผู้ที่จะรู้คำตอบคือ ผมเอง น้องเขา และผู้ที่มีทิพย์จักขุญาณ รวมถึงผู้ที่มีทิพย์เนตรด้วย

    คนสี่จำพวกเท่านั้น ที่จะรู้คำตอบ

    แต่

    ถ้า คนที่ผมเคยให้ความช่วยเหลือ และเขาเชื่อมั่นว่าผมรู้ว่าผมทำได้ เขาเชื่อทันทีเพราะผมเป็นคนบอก

    หรือ ถ้า คุณศศิริยะ เชื่อทันทีที่ลูกสาวบอกเพราะเห็นว่าลูกสาวนั้นสุดแสนจะเก่งกาจเลิศเลอยิ่งนัก

    หรือ หากมีพระอรหันต์หรือใครก็ตาม ที่อยู่ในสองจำพวกหลัง บอก แล้วคุณเชื่อทันที


    นั่นแปลว่า คุณทั้งหลาย ลืมพระสูตร ที่ชื่อ กาลามสูตร

    เชื่อหรือไม่ว่า แม้แต่พระพุทธองค์ยังทรงไม่เห็นด้วยที่ใครจะปักใจเชื่อเพียงเพราะพระพุทธองค์เป็นผู้ตรัส โดยที่ผู้ฟังไม่ใช้ปัญญาพิจารณาใตร่ตรอง หรือทดลองดูก่อน

    เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ศาสนาพุทธ คงไม่แตกต่างจากศาสนาอื่นๆที่บังคับให้เชื่อท่าเดียวห้ามพิสูจน์ การพิสูจน์คือบาป

    และถ้าเป็นอย่างนี้


    เมื่อไหร่ จะเข้าใจสภาพของเหตุและผล
    เมื่อไหร่ จะเกิดปัญญา
    เมื่อไหร่ จะสามารถกำจัดอุปสรรคขวางนิพพานในแต่ละตัวบุคคลได้
    และเมื่อไหร่ จะหลุดพ้นสักที
     
  8. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    กรรมจากการกระทำ ดี...ไม่ดี
    เวรจากการจองเวร ของนายเวร...

    มันต่างกันหรือเปล่านะ

    ผลที่ได้รับจากการทำไม่ดีไว้คือเกิดจากนายเวรหรือเกิดจากกรรม หรือเกิดจากทั้งสองอย่าง

    ถ้าเกิดจากนายเวรอย่างเดียวการแก้ไขให้นายเวรเลิกจองเวรได้ ก็หายจากการรับกรรมนั้นแล้ว

    ถ้าเกิดจากทั้งสองอย่าง ถึงแม้จะทำให้นายเวรเลิกจองเวรได้ แต่ก็ยังต้องรับกรรมนั้นอยู่ดี
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
  10. โพธิญาณ45

    โพธิญาณ45 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +29
    ผมชอบนั่งกรรมฐานช่วงบ่ายเวลาประมาณ 12.30 - 13.00 น. และช่วงค่ำเวลาประมาณ 21.30 -22.00 น. ครับ กรุณาชี้แนะวิธีแก้ไขอาการงีบหลับให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมาก
     
  11. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    ถ้าดิฉันมีลูกมีอภิญญาดิฉันก็อยากจะอวดเหมือนกันในฐานะคนเป็นแม่คนนึงเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่น่าอวดแต่คนที่โดนแบนบ่อยๆมันก็ส่อถึงว่าเป็นคนที่สังคมเค้าไม่ยอมรับเป็นดิฉันๆไม่กล้าอวดหรอกค่ะ แล้วคนที่โดนลบกระทู้บ่อยๆก็ควรมีความละอายบ้างนะคะ ดิฉันไม่ได้เข้าข้างใครแต่ไม่ชอบนิสัยของคนที่ไม่มีมารยาททางสังคมค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่น่าจะมีแต่กัลยานมิตรแต่หลังจากที่ใครบางคนมาทำอะไรอย่างกับเป็นเจ้าของเว็บไซส์ซะเองมันก็ดูจะทำให้กระทู้มันกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆวันๆจ้องแต่จะจับผิดคนอื่นจะมีซักกี่คนกันที่เค้าจะมาทนให้คุณถากถาง คนที่เค้าอ่านเค้าก็มีวิจารณญานที่จะพอเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร ดิฉันเชื่อว่าคนที่มาอ่านในเว็บพลังจิตก็มีภูมิธรรมและมีการศึกษาพอที่จะดูแลตัวเองได้พอสมควรเพียงแต่ที่เค้าไม่พูดไม่กล่าวเพราะเค้ามีมารยาทค่ะ
     
  12. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    คุณโพธิญาณคะ คนที่ชอบงีบหลับบ่อยๆดิฉันแนะนำว่าควรนั่งในตอนตื่นนอนตอนเช้าจะดีกว่าเพียงแต่ตื่นเร็วกว่าเดิมขึ้นมาอีกหน่อยร่างกายพักผ่อนมาเต็มที่เหมือนตอนเด็กๆที่เค้ามักจะแนะนำให้เด็กอ่านหนังสือตอนเช้าเพราะความจำจะดี อีกวิธีนึงคือใช้การเปลี่ยนอิริยาบทมาช่วยคือแบ่งเป็น ยืนเดิน นั่ง นอน แบบที่วัดอัมพวันสอนก็ดีค่ะ การนั่งมีหลายแบบนะคะแต่ว่าคุณลองเลือกที่ถูกกับจริตของคุณลองเปลี่ยนดูนะคะ
     
  13. Haruka sama

    Haruka sama Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +87
    เข้ามาอีกทีข้อความของคุณ สันโดษ ก็ลบไปจนหมดเกลี้ยง..... ท่านที่เข้ามาอ่านทีหลังคงงงพิลึก

    อยากให้คุณศศิริยะเล่าเรื่องของน้องอีกแบบที่เจอท่านนาจานะค่ะ ชอบอ่านมากๆ ถ้าคุณศศิพอมีเวลานะคะ^^ขอบคุณค่ะ
     
  14. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ผมกลับมีความรู้สึกว่า คุณนั่งกรรมฐานช่วงเวลาพลบค่ำซะงั้น

    เอ๊อ ผมนี่ท่าจะบ้า อยู่ดีๆไปเถียงเจ้าของไข้ซะงั้น อิๆ สงสัยจะว่างจัดจริงๆ
    ส่วนความรู้สึกที่ว่าคุณนั่งกรรมฐานตอนพลบค่ำ ก็อาจจะเป็นอุปทานแทรกหรือมารแทรกหรือเทวดาแกล้งก็ได้มั๊ง

    ก็ผมยังไม่ใช่พระอรหันต์นี่นา

    แต่ก็เอาเถอะ ถ้าคุณนั่งสมาธิตอนพลบค่ำจริง สาเหตุก็มาจาก คุณเหนื่อยมาทั้งวัน พอได้พักผ่อนได้หลับตา ทำอารมณ์สบาย จะไปไหนเสียถ้าไม่ใช่เคลิ้มหลับ
    ดีซะอีกนะ ตื่นมา ร่างกายก็กระปรี้กระเปร่า คุณก็ทำกรรมฐานต่อด้วยการเดินจงกรม(เดินแกว่งแขนหรือเดินมือไขว้หลังธรรมดา สบายๆจับลมหายใจกับพิจารณาไปด้วย)

    แต่ถ้าคุณทำกรรมฐานช่วงเวลาที่คุณบอกจริงๆ ยิ่งไม่แปลกใหญ่

    เพราะนั่นเป็นเวลาที่กระเพาะอาหารแย่งเลือดจากสมองเพื่อไปย่อยอาหาร ทำให้สมองเพลียและง่วง
    ก็ลองอ่านดูวิธีแก้ง่วงที่พระพุทธเจ้าสอนพระโมคคัลลาน์ดูก็แล้วกัน วิธีนั้นแหละใช่เลย


    ส่วนผม ก็ยังเหมือนเดิม คือเดาส่งเดชไปทั่ว
    อิๆ
     
  15. Pongroch

    Pongroch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,479
    โกรธ คือ โง่ โมโห คือ บ้า สิ่งง่ายที่ใครก็รู้แต่ไม่ปฏิบัติกันในสังคม ดิฉันคิดว่าใครที่ได้มาอ่านในหน้านี้อย่าใช้อารมณ์และการตัดสินใจของตัวเองเป็นหลักเลยค่ะ อ่านแล้วคิดเปรียบเทียบกับคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนา อันไหนเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็เก็บไว้ในใจ หรือแสดงออกมาด้วยถ้อยคำดีๆ ยังไงเราก็เป็นพุทธศาสนิกชนทั้งหมด ทุกคนต้องการที่พึ่งค่ะแต่ที่ตรงไหนจะเป็นจะเป็นที่พักพิงได้ดีที่สุดก็อยู่ที่ตัวคนอยู่ล่ะค่ะ จะพอใจแบบไหน ยึดองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุด ธรรมใดที่พระองค์สอนมาขอยึดไว้เป็นที่สุด

    นิพพาน ปรมัง สุขัง พระนิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง
    คําสอนของพระราชพรหมยาน
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ได้แต่ เฝ้ามองดู แลผู้คน

    มากล้น ความคิดหลากหลาย

    มากไป ด้วยจิต คิดวุ่นวาย

    หลงตาลาย ไปกับสายน้ำที่เชี่ยววน

    หลงตน หลงตัว มัวแต่ยึด

    หากไม่มืดเกินไป คงได้เห็น

    พร้อมเมื่อไร ใจเธอคงได้เย็น

    พร้อมรับรู้ เรื่องดีดีที่มีแต่ช้านาน

    เป็นแก่นสาร สาระแห่งชีวิต

    พร้อมลิขิต เกิดใหม่ได้ดังฝัน

    โลกที่มีก็แปรเปลี่ยนจากเดิมพลัน

    ใจก็ผัน กลายเป็นตื่น พร้อมเห็นได้ตามจริง
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกนี้มีคนหลากวาระ

    จิตล้วนหลายระดับ แสนยากเข็ญ

    หากไม่อาจส่งให้ ใจรับรู้อย่างที่เป็น

    ก็ส่งได้ให้เย็น ด้วยศีลมั่น ตั้งในธรรม

    เริ่มที่ทาน สละออก สร้างบุญไป

    เป็นกุศล ส่งใจให้ถึง ซึ่งสวรรค์

    วิมานสวยงาม เลิศล้ำ พร้อมนางกำนัล

    เปรียบเป็นดังหน่อบัว พร้อมเป็นเชื้อให้เติบโต

    ขอเพียงจิต อย่าคิดชั่ว ย่อมดีได้ในสักวัน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. sasiriya

    sasiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,064
    ค่าพลัง:
    +751
    ********************************************
    เกี่ยวกับเรื่องอภิญญาในพระไตรปิฎก ทราบซึ้งแก่ใจว่า การจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับอภิญญาในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เป็นอุบายดึงให้คนเคารพศรัทธาในพระศาสนา แต่เป็นการกล่าวความจริงล้วนๆ เพราะพระพุทธศาสนานั้น โดยเนื้อแท้แล้วก็น่าเคารพศรัทธาเต็มเปี่ยมในจิตใจอยู่แล้ว ไม่ต้องนำเรื่องอภิญญาหรือปาฏิหารย์มาเป็นอุบายล่อให้คนศรัทธา

    ผมคิดว่ากิเลสของใคร คนนั้นก็ต้องต่อสู้เอง
    ไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้ฟังธรรมเด็ดๆ
    แล้วชนะกิเลสโดยไม่ต้องต่อสู้

    เพราะธรรมะของ
    พระพุทธเจ้านั้น ไม่มีธรรมะฟลุ้กๆ
    มีแต่ธรรมที่ต้อง "ทำ" เอาทั้งสิ้น

    .......ผู้เขียนอ่านข้อความในข้างต้นที่ยกมาและเน้นตัวแดงให้ท่านผู้อ่านได้กลับมาอ่านอีกครั้ง สำหรับตัวผู้เขียนเองรู้สึกว่าธรรมที่ท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ให้นั้น " สุดยอด "
    จึงต้องเน้นตัวแดงให้อ่านกันให้ชัดอีกที เพราะหากอ่านเพียงผ่านตา ไม่ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง ก็อาจแปลความไปได้ไม่ตรงประเด็นวัตถุประสงค์ของท่านได้อีกเช่นกัน
    ผู้เขียนไม่เคยพบพระอาจารย์ปราโมทย์เป็นการส่วนตัว แต่เคยได้ซีดีบรรยายธรรมของท่านมาเป็นสิบแผ่น เปิดฟังแล้วรู้สึกชื่นชอบชื่นชมศรัทธาในธรรมที่ท่านให้แก่พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังเสมอมา จึงเปิดฟังอยู่บ่อยครั้งและแจกให้บุคคลที่เรารักและปรารถนาดีได้ฟังกันด้วยบ่อยมาก
    ท่านสามารถใช้ภาษาที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
    ฉะนั้นหากเราฟัง หรืออ่านตัวหนังสือใดก็ตามด้วยสติ และความเข้าใจ มิใช่เพียงอ่านผ่านตา ตามอารมณ์อยากแต่ไม่เข้าใจ เราก็จักได้รับความรู้ตรงนั้นอย่างเต็มเปี่ยมและถูกต้องด้วยเช่นกัน สาธุ

    ศศิริยะ
    (จริงใจ ชัดเจน ลงชื่อจริงผู้เขียนทุกครั้ง สาธุ อีกที)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2008
  19. sasiriya

    sasiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,064
    ค่าพลัง:
    +751
    ผู้เขียนขอขอบพระคุณ คุณ พนมกุเลน ที่นำความรู้ดี ๆ และถูกต้องเกี่ยวกับเรื่อง กรรม มานำเสนอให้ท่านผู้อ่านในกระทู้นี้ ทำให้ผ่อนแรงผู้เขียนไม่ต้องมานำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปได้เยอะทีเดียว ขอขอบพระคุณจากใจ
    และขอบพระคุณทุกท่าน สำหรับทุกกำลังใจที่มอบเข้ามาให้ทั้งทางอีเมลล์และทางโทรศัพท์ และทุก ๆ ความคิดเห็นที่มีต่อจากข้อความของผู้เขียนครั้งที่ผ่านมา ทำให้ผู้เขียนได้รู้ว่า ณ ที่นี้ยังมี "ปราชญ์" และผู้มีตาเห็นธรรมอีกมาก ขออนุโมทนาในจิตของผู้มีกุศลธรรมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ผู้เขียนจะพยายามทำให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด เท่าที่จักสามารถค่ะ

    ศศิริยะ


    (ปล. แต่ที่ชอบที่สุดก็ที่คุณ พนมกุเลนเขียนไว้ว่า " ทำความดีเข้าไป เพื่อละลายความชั่ว " นี่แล โดนใจ สาธุ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2008
  20. sasiriya

    sasiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,064
    ค่าพลัง:
    +751
    ************************************************
    คุณซาตานคลั่งคะ ผู้เขียนเข้าใจในสิ่งที่คุณนำเสนอตามเจตนารมณ์ของคุณนะคะ ดีมาก ๆ ค่ะ แต่ อยากจะรบกวนสักนิดนะคะ กับข้อความที่คุณซาตานคลั่งยกตัวอย่าง และเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจนขึ้นที่ว่า.....
    แต่

    ถ้า คนที่ผมเคยให้ความช่วยเหลือ และเขาเชื่อมั่นว่าผมรู้ว่าผมทำได้ เขาเชื่อทันทีเพราะผมเป็นคนบอก

    หรือ ถ้า คุณศศิริยะ เชื่อทันทีที่ลูกสาวบอกเพราะเห็นว่าลูกสาวนั้นสุดแสนจะเก่งกาจเลิศเลอยิ่งนัก

    ข้อความนี้อาจทำให้ท่านผู้อ่านเกิดความกำกวม แปลจุดประสงค์ของคุณซาตานคลั่งผิดประเด็น และอาจทำให้คิด เข้าใจว่า คุณคิดว่าผู้เขียนเคยคิดและเอ่ยว่าลูกสาวนั้นเก่งกาจเลิศเลอยิ่งนักจนน่าตำหนิติเตียน

    อาจทำให้เกิดการตีความไปต่าง ๆ นา ๆ โดยลืมอ่านและทำความเข้าใจให้ละเอียดเสียก่อนว่า ที่คุณเขียนคือการเปรียบเทียบยกตัวอย่าง นะคะ เพราะผู้เขียนไม่เคยเอ่ยเช่นนั้นกับใครค่ะ คนใกล้ชิดรู้จักสนิทกันมาบางท่านกว่าสิบปี ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าน้องเขาสามารถอะไร เพราะผู้เขียนไม่เคยคิดเล่าเพื่อโอ้อวดสิ่งใด ๆ ในชีวิตที่เป็นอยู่

    คราวหน้ารบกวน เขียนข้อความยกตัวอย่างที่ไม่สามารถทำให้ผู้อ่านอาจเกิดการสับสนหัวใจ หรือแปลความไปได้หลากหลายด้วยนะคะ

    นี่แหล่ะค่ะ ที่เป็นสาเหตุให้ผู้เขียนไม่ชอบยกภาษาธรรมที่สละสลวยมาใช้ เพราะหลากคน หลากความคิด หลากสติ แปลยาก และสามารถแปลไปได้หลากหลายทั้งทิศทางที่ดี และไม่ดี จึงขอใช้ภาษาบ้าน ๆ และประสบการณ์จริงที่เคยพบมา มานำเสนอเรื่อยมาค่ะ แต่ก็ใช่จะดีสมบูรณ์ เพราะคนเราหากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ภาษาง่ายอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใจได้ถูกต้องอยู่ดี การใช้ภาษาที่นำเสนอต่อท่านผู้อ่าน จึงเป็นสิ่งที่ตัวผู้เขียนเองต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเหมือนกันค่ะ

    ขอบพระคุณมากค่ะ

    ศศิริยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...