ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.

  1. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    สาธุ สาธุ สาธุ พุทธัง ปูเชมิ ธัมมัง ปูเชมิ สังฆัง ปูเชมิ
    สาธุ สาธุ สาธุ ปุญญัง อนุโมทามิ ขออนุโมทนาบุญกับนายช่างชิตด้วยทุกๆประการ:cool:
     
  2. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เข้ามาเม้นท์กันครับ อย่าทิ้งกันนะครับตอนนี้เหลือไม่กี่คนละ 5555++
     
  3. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน วันนี้มีอะไรมาเล่าสู่กันฟังหน่อย (*ลืมบอกอ่านแล้ว อย่าไปเล่าให้หลวงตาฟังนะครับ เดี้ยวช่างชิตจะโดนด่า ใครไปเล่างอน555++) ก็อยากให้อ่านสบายๆหลังอาหารเที่ยงนะครับไม่ต้องไปคิดมาก เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของช่างชิตอีกครั้งที่เกิดขึ้นกับหลวงตา คิดสามตลบแล้วจะเขียนดีไหม แต่คิดละเขียนดีกว่า คงเป็นประโยชน์กับหลายๆคน ถึงไม่เป็นประโยชน์อะไรก็อ่านเพลินๆไปก็ได้ครับ ยาวเหมือนเดิมนะช่างชิตฟิต 555++ ใครไม่ชอบก็ผ่านได้นะไม่ว่ากัน ก่อนจะไปพูดถึงตรงนั้นขอเกริ่นหน่อยละกันจะได้มองภาพตามออก
    .
    .....คือ ช่างชิตเป็นคนที่ชอบวิชาคาถาอาคมมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณตาเป็นพราหมณ์ประจำอำเภอมีชื่อเสียงดังมากสมัยก่อน ตั้งศาล ขึ้นบ้านใหม่ คนเกิด คนตาย สู่ขวัญ ไล่ผี ไล่ปอบ คุณตาของช่างชิตรับเหมาหมด ไม่เคยเรียกเงินเรียกทอง แล้วแต่คนจะให้ คนในอำเภอจะนับหน้าถือตาคุณตามาก ทั้งๆที่ท่านเป็นแค่ภารโรงโรงเรียนประจำอำเภอไม่ได้มีเงินทองร่ำรวยใหญ่โตอะไรเลย
    ......คนเฒ่าคนแก่จะพูดกับช่างชิตเสมอ “ตาโตขลังพอแฮงแล้ว ของดีกะอยู่นำตาโตละ”(ภาษาอีสานนะครับ) ช่างชิตคุณตากับคุณยายเลี้ยงมาครับ คุณตาจะสวดมนต์ท่องคาถาทุกวัน ช่างชิตก็ซึมซับมาตั้งแต่จำความได้ก็จะชอบอะไรแบบนี้ ตอนวัยรุ่นคุณตาก็เคยเขียนคาถาให้นะ แต่ไม่รู้หายไปไหน คุณตาก็เสียไปนานแล้ว วันเผาคุณตาคนมากันเป็นพันๆ ทำให้เห็นว่า “คนดีแม้ตัวตายไป แต่ความดีก็ยังอยู่ในใจคนจริงๆ” นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ช่างชิตจำไม่เคยลืม
    .
    ...... ถ้าใครเคยเห็นช่างชิตจะเห็นว่าเอกลักษณ์ที่ใครมองแล้วก็รู้เลยว่า ใช่ ช่างชิต คือ สักอักขระเลขยันต์เต็มตัว สักตั้งแต่หัวจนถึงต้นขา เจอสักเต็มตัวเดินตามหลวงตา ให้รู้เลยนะครับว่า ช่างชิตนั้นละ 555++ เรื่องสักนิโดนหลวงตาด่ามาเป็นสิบปีละครับ 555++ ถ้าใครตามอ่านช่างชิตมาแต่แรกจะทราบ หลวงตาเคยบอกช่างชิตถ้าชอบทางนี้จะให้ไปอยู่กับ หลวงพ่อเจริญ(วัดโนนสว่าง)แต่ช่างชิตก็ไม่ไป 5555++
    .....ความที่ชอบทางนี้มาก พอช่วงเป็นวัยรุ่นก็แสวงหาครูบาอาจารย์เก่งๆ จนได้มามีโอกาสได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับฆราวาสท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม) อยู่ด้วยแบบหมดใจครับ 5-6 ปีเห็นจะได้ แต่พอมารู้ว่า “ไม่ใช่ของจริง” ช่างชิตก็เลยถอนตัวออกมาและก็คิดว่าศาสตร์พวกนี้ “คงไม่มีจริงอีกแล้ว” พร้อมกับเลิกสนใจเรื่องพวกนี้นับแต่นั้นมา ก็เกือบ 7-8 ปี นะ
    .
    .....แต่เมื่อ2เดือนที่ผ่านมาได้พูดคุยกับกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง จึงมารู้ว่ากัลยาณมิตรท่านนี้ “มีความรู้ความชำนาญด้านคาถาอาคม” (แต่เขาเลิกมานานแล้ว ต่อจากนี้ขออนุญาติเรียกอาจารย์แล้วกันนะครับ) พูดคุยกันพอสมควรก็ขอทดสอบว่า “ของจริงเปล่า” พอรู้ว่า “เขารู้จริง ทำได้จริง” ช่างชิตก็ไม่รอช้ารีบขอเรียนด้วย กราบขอฝากตัวเป็นศิษย์แบบหนังจีน 555++ ตื้อจนอาจารย์แกยอมสอน(ทั้งๆที่แกละทางนี้ไปนานแล้วนะครับ)เพราะมันเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝัน จนอาจารย์ใจอ่อน ยอมสอน พอได้เรียน เอามาทดสอบเอง “ก็ทำได้จริง” จิตใจก็ยิ่งฮึกเหิม สวดคาถาว่าอาคมเช้าเย็นทุกวัน จิตใจก็ยินดีกับ “ความฝันที่ตามหามาตั้งแต่เด็กที่ในที่สุดก็เจอ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าศาสตร์นี้มีจริง”
    .
    ...ผ่านมาได้ 2 อาทิตย์ ช่างชิตก็ยังฟิตจัดเหมือนเดิม กินข้าวต้องอาพัด ก่อนนอน ตื่นนอน สวดมนต์ นั่งสมาธิ ลองแบบนี้ได้ ก็ลองแบบยากขึ้น ก็ได้อีก ใจก็ขึ้นไปอีก แต่อาจารย์จะคอยเตือนสติช่างชิตตลอดว่า
    “เป็นยังไงบ้าง อย่าลองบ่อยนะ ของพวกนี้มันจะทำให้ใจร้อน ไม่กลัวคน แม้จะขลังขนาดไหน มันก็เสื่อมได้เพราะมันเป็นโลกียะฤทธิ์อยู่ ถ้าประมาทจะพลาดเอา และมันไม่เที่ยงแท้แบบธรรมของพระพุทธเจ้าของครูบาอาจารย์สายป่าเราหรอก ที่ยอมสอนก็เพราะเห็นว่าเป็นความใฝ่ฝัน อยากพิสูจน์ ถ้ารู้แล้ว พิสูจน์ว่ามีจริงแล้ว ก็เลิกเถอะนะ”
    อาจารย์จะย้ำบอกช่างชิตเสมอ ช่างชิตก็น้อมรับฟังมาตลอด
    .
    ....จนอาทิตย์ที่ผ่านมาช่างชิตเข้าไปอุปัฏฐากหลวงตาที่สำนักบ้านพักสายไหม ต้องบอกว่าบ้านพักสายไหมช่างชิตไปมาเป็นร้อยครั้งละ เวลาไปทีไรเดินผ่านบ้านข้างๆหมาที่นั้นก็จะเห่าหน้ารำคาญตลอด เห่าจนบางครั้งอยากเอาหินปามัน(จริงๆก็ธรรมชาติของหมานะ) แต่....ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมครับ!!! พอช่างชิตจอดรถ เดินจะไปเอากุญแจที่บ้านพี่สาวใจดี หมามันก็เริ่มเห่าแบบเดิมมัน ครั้นพอช่างชิตเดินผ่านหน้ามัน เสียงเห่าหยุดหายเหมือนทีวีโดนดึงปลั๊ก เงียบ.....หมามันเงียบไปเลยครับ หลังแรกผ่านไปก็ไม่คิดอะไร พอผ่านหลังสองกำลังเห่าๆอยู่มันก็หยุดอีก!! ตอนนั้นก็เริ่ม งง “ทำไมว่ะ แปลกๆ”
    .
    .....จังหวะนั้นเองพี่สาวใจดีก็เดินถือกุญแจเดินมาให้(คงกลัวน้องเหนื่อย อิอิ) นึกภาพตามนะครับ พอพี่สาวผ่านหมาๆมันก็เห่าปรกติ เออ เอาสิ ช่างชิตเริ่มเอะใจนิดๆว่าวันนี้แปลกๆในใจก็คิด “เดี้ยวขาเดินกลับลองดูว่ามันจะเห่าไหม” เชื่อไหมครับ ขากลับเดินผ่านแบบใกล้ชิดรั้วบ้านที่มีหมานะแบบท้าทายมัน หมามันก็ไม่เห่า ทำหน้ากลัวๆ แบบเหมือนมันเห็น..เห็นไรดีว่ะ.แบบเห็นหัวหน้าหมาอะ 5555++ หลังแรกหลังสองเงียบกริบแบบเดิม แต่นึกไม่ออกไงว่าเพราะอะไร เลยนึกไปว่า “มันคงขี้เกลียดเห่ามั้ง”
    .
    ......พอเข้าไปในสำนักก็ไม่คิดอะไรละ ไปเก็บกวาดเตรียมสถานที่รอหลวงตามา ซักพักใหญ่ๆหลวงตามาถึง ก็เข้าไปรับย่ามท่าน ตอนนั้นแอดฌานก็มาแล้ว ก็ช่วยกันจัดเก็บของเตรียมน้ำจะสรงท่าน หลวงตาก็ออกมานั่งมาคุยกับพี่สาวใจดีแป๊ป ท่านก็ลุกไปสรงน้ำเตรียมทำวัตรเย็น
    ......ตอนนี้ละครับ ....Climax!! ของเรื่อง พอจะสรงน้ำหลวงตา ช่างชิตก็คุกเข่าเอามือถูหลังท่าน พอฝ่ามือช่างชิตสัมผัสที่หลังหลวงตาเท่านั้นละ หลวงตาพูดออกมาเลย
    “ทำไมธาตุไฟในตัวแรงขนาดนี้!!!!!”
    ...ฟังก็ งง ช่างชิตก็ งง ว่าหลวงตาหมายถึงอะไร หมายถึงแอดฌานที่นั่งอีกฝั่งหรือเปล่า ก็เลยเอ่ยปากถามท่าน
    “ธาตุไฟอะไรครับหลวงตา??”
    “ธาตุไฟในตัวออยนั้นละ!!! ทำไมแรงขนาดนี้ กำลังโกรธใครอยู่หรือเปล่า??” หลวงตาหันมาหน่อยๆ
    .
    ...!!!! สตั้นไป 5 วิครับ คิดในใจ “เอาแล้วไงกู งานจะเข้ากูละ” ก่อนจะรีบตอบว่า “ไม่มีนะครับ หลวงตา” ตอบท่านไปแบบนั้นเพราะไม่มีจริงๆ หลวงตาก็เลยว่า “หรา นึกว่าโกรธใครอยู่” แล้วท่านก็หันหน้าไป แล้วคุยเรื่องอื่น ทิ้งคำถามในใจช่างชิตมากมายเต็มหัวไปหมด เพราะตั้งแต่บวชกับหลวงตามา 13 ปี สรงน้ำท่านมาก็จนจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง “ท่านไม่เคยทักอะไรแบบนี้นะครับ ครั้งนี้ครั้งแรก” หลังจากวันนั้น ก็เก็บเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไว้ในใจมาตลอด
    .
    ....จนวันหนึ่งมาอ่านเจอ ธรรมะของหลวงปู่พุธ วัดป่าสาละวัน ท่านว่า
    “บทสวดมนต์ที่มีแนวโน้มไปในทางไสยศาสตร์ ถ้าเกิดสวดมากๆเข้า มันเกิดมีอาถรรพณ์ มนต์ไสยศาสตร์ทำให้เกิดพลังร้อน เมื่อเกิดพลังร้อนแล้วมันก็อยากจะลองของ ในเมื่อหาใครที่จะมาเป็นคู่ปะทะหรือทะเลาะไม่ได้ก็ทะเลาะกันเอง คนบางคนสวดมนต์ทางไสยศาสตร์ ยิ่งสวดมากเท่าไรจิตใจก็ยิ่งโหดเหี้ยม นั่งสมาธิภาวนาสวดมนต์เวลาค่ำคืน ๕ ทุ่ม ๖ ทุ่ม พอออกจากที่สวดมนต์ ที่นั่งสมาธิมาแล้วมาทุบตีเมียของตัวเอง อันนี้มันเป็นเพราะพลังมนต์ไสยศาสตร์บันดาลให้เป็นไปเช่นนั้น มนต์อันใดที่มีแนวโน้มไปในทางไสยศาสตร์ มนต์อันนั้นทำให้จิตร้อน เพราะมันมีพลังร้อน แต่พลังของพระพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ พลังพรหมวิหาร มันทำให้เกิดพลังเย็น เป็นไปเพื่อผูกมิตรไมตรีกับสิ่งทั้งปวง ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย ไม่พาลหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะฉะนั้น ให้ทุกคนจำเอาไว้ บทสวดมนต์ที่วิเศษที่สุดก็คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วก็แผ่เมตตา ทีนี้เมื่อแผ่เมตตาเสร็จแล้ว จะนั่งสมาธิภาวนาก็นั่งต่อไป"
    .
    ......อ่านแล้วปัญญาในหัวก็ทำให้คดีเริ่มกระจ่าง พอจะนึกออกแล้วว่าทำไมหลวงตาถึงทักแบบนั้น อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็เป็นไปได้!! เผลอๆท่านอาจรู้ด้วยซ้ำแต่ไม่พูด อันนี้ก็ไม่ทราบคำตอบที่แท้จริง ”””แต่พลังอำนาจจิตพระอริยะเจ้าระดับโลกุตระ””” ไม่ธรรมดาและไม่ใช่สิ่งที่ช่างชิตจะไปฟันธงได้แน่นอน
    .......ส่วนเรื่องที่หมามันเห่าๆแล้วหยุดเห่า ช่างชิตก็คิดว่า(ผิดถูกไม่รู้นะ ตั้งสมมุติฐานเฉยๆ)คงเป็นผลจากการท่องพวกคาถาคงกระพัน มหาอำนาจ เป็นประจำ มันเลยสัมผัสได้มันเลยกลัว คงคิดว่าเป็นจ่าฝูงมัน 5555++
    .
    ........ช่างชิตก็ได้เอาเรื่องนี้โทรไปปรึกษาอาจารย์ที่สอนนะ อาจารย์ก็ขอจะให้เลิกอย่างเดียว 5555++ ก็เลยโทรปรึกษาคุณลุงนก เริงลม คุณลุงนกก็บอกให้เลิก 5555++ ท่านได้เล่าเรื่องราวของท่านสมัยก่อน มันส์มาก พอจับใจความได้ดังนี้
    “พวกคาถาอาคม สมัยก่อนผมเอาหมดยิ่งเล่นมันยิ่งร้อน หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงขร ท่านลงน้ำมันให้ผมทั้งตัว สายเขาอ้อ ขุนพันธ์ ผมก็ไปเรียนมาหมดแล้ว ของพวกนี้มันร้อน คนตีกลองอยู่ฝั่งตรงข้าม ได้ยินก็จะไปตีไปฆ่าเขา ใจมันฮึกเหิม มานึกดู มันเป้นบ้าติจะไปฆ่าเขาทำไม เขาแค่ตีกลอง ผมวิ่งผ่านลวดหนามทหารไม่ได้กินเลือดผม สมัยนั้นอยากเหล้ากินก็ไปหาตีทหารหาเงินมาซื้อเหล้ากิน มันขนาดนั้นนู้น กุญจงกุญแจสะเดาะได้หมดละ แต่มันไม่ใช่ทางคุณเอ้ย ของพวกนี้วิชาพวกนี้เขาเอาไปรบไปสงครามไปฆ่าไปฟันกัน มันถึงเล่นไปใจมันก็ร้อน แล้วเราละจะไปฆ่าไปฟันกับใคร เราจะต้องไปตีไปฟันกับใคร มีปัญหากก็ใช้ปัญญาเอาดีกว่าเราไม่ใช่พวกนักเลงหัวไม้ เลิกซะ เอา พุทโธ เอาครูบาอาจารย์เรานั้นแหละดีที่สุดแล้ว”
    .
    ......ครับ ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง จิตหลวงตาสุดยอดขนาดไหน เรื่องนี้ก็ยืนยันได้อีกครั้งว่า “อยู่ใกล้ๆพระระดับนี้อย่าคิดว่าท่านไม่รู้ แต่จะพูดไม่พูด นั้นอีกเรื่อง” เพราะบางที่มันเป็นกรรมเป็นอะไรที่เราต้องเผชิญ และที่สำคัญครูบาอาจารย์ท่านไม่ส่งจิตออกไปดูเรื่องคนนั้นคนนี้หรอกครับ คือยังเป็นเรื่องของโลกของโลกียะอยู่ ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่ยุ่งไม่พูด นอกจากเราจะเข้าไปในข่ายญาณของท่านเอง ส่วนข่ายญาณของครูบาอาจารย์แต่ละองค์ก็มีมากน้อยไม่เท่ากันอีกนั้นแหละ บางองค์สำเร็จจบกิจแต่ไม่มีฤทธิ์เลยก็มี...
    .
    .....ส่วนใครไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ชั่วโมงนี้ถ้ามาถามช่างชิต ช่างชิตบอกเลยครับว่า “มีจริง100%” มีเพราะพิสูจน์ด้วยตัวเอง เห็นเอง รู้เอง ถึงกล้าตอบ แต่มันก็ไม่ได้จะทำกันง่ายๆ พิธีการขั้นตอนเยอะแยะและที่สำคัญพวกของปลอมก็ล้นตลาดแบบที่เห็นอยู่ในสังคมมากมาย ฉะนั้นพวกเราจะเชื่ออะไรก็ขอให้ใช้ปัญญามากๆนะครับ ดู คิด วิเคราะห์ก่อน ไม่งั้นก็เป็นเหยื่อให้เขาหลอกหมดเงินหมดทองไปเฉยๆ
    .
    .....และต่อให้มันมีจริงยังไง มันก็ไม่ใช่ทางพระพุทธศาสนาอยู่ดี เป็นศาสตร์ที่ทำให้คนงมงาย ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ของคนที่ยัง “หลับ” ไม่ใช่ศาสตร์ของ “ผู้ตื่นแล้ว” แบบพุทธศาสตร์ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานท่านก็ไม่ให้ไปยุ่งไปเกี่ยวเพราะมันขวางทางหลุดพ้น ใครเดินถูกทางแล้วก็ไม่ต้องหันกลับมายุ่งเกี่ยวนะครับ เรื่องนี้ก็ถือว่าเล่าให้ฟังกันสนุกๆอีกเรื่อง
    .
    ....ท้ายนี้ขอฝากคำคมของหนังไทยยอดฮิต “จอมขมังเวทย์” ตอนพระเอกคุยกับตัวร้าย ไว้เตือนสติกับบทความบทนี้ของช่างชิตละกัน
    .
    “มึง มันบ้า!!!”
    .
    “มึง..ก็อย่ามาบ้าเหมือนกูก็แล้วกัน........”
    .............สวัสดี....................
    .
    ‪#‎ถาพหลวงตาคุณน้อยถ่ายขอขอบคุณครับ‬
    ‪#‎สงวนนามอาจารย์ที่สอนและสายวิชานะครับ‬
    ‪#‎ไม่บอกเด็ดขาด‬
    ‪#‎เพราะท่านไม่เปิดตัวและเลิกยุ่งกับศาสตร์นี้แล้วครับ‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    มีวิธีทดสอบด้วยตัวเองอย่างไรเหรอครับ
     
  5. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ก็ อย่างเช่น คาถาบอกว่าเด่นทางด้านไหนผมก็ทดสอบด้านนั้นละครับ แต่ผมยังใหม่ก็ทำได้แบบงูๆปลาๆ อะไรที่ยากๆก็ยังทำไมได้ แต่ที่ทดสอบมันก็พอบอกได้แล้วว่า "ทำได้จริง" ถ้าพัฒนาจิตไปได้ไกลกว่านี้มันก็จะชัดเจนกว่านี้ ส่วนวิธีการผมขอไม่ตอบแล้วกันนะครับ ต้องกราบขออภัยจริงๆ
     
  6. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน เหตุจากเมื่อวานบทความ ของช่างชิตได้ปล่อยออกไปให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกัน ในบทความได้เกริ่นถึง ช่วงที่ช่างชิตได้สนทนากับคุณลุงนก เริงลม เป็นตัวอย่างเรียกน้ำย่อยไปหน่อยๆละ มันส์ขนาดไหนนั้นก็แค่ ทีเซอร์จิ๊บๆบางส่วน
    .
    ....คืนนี้ครับ!!! ช่างชิตทุ่มทุนสร้างมหาศาลนำฉบับเต็มมาให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันถึงหน้าจอมือถือ. ประสบการณ์จริง! เล่นจริง! เจ็บจริง! เรื่องจริง ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ช่างชิตนับถืออย่างสุดหัวใจ บางส่วนของชีวิตวัยหนุ่มของคุณลุงนก เริงลม ใครพลาดบอกเลยว่าเสียดายยันลูกบวช
    .
    ..... ‪#‎กราบขอบพระคุณคุณลุงนกจากใจจริงที่อุตส่าห์เขียนถ่ายทอดมาให้อนุชนรุ่นหลังได้อ่านกัน‬ ช่างชิตนำมาลงเต็มๆไม่มีตัดต่อแม้จะยาวแต่อยากให้อ่านกัน รับรองว่าสนุกสุดมันส์และเป็นวิทยาทานที่มีค่าสำหรับ "คนจริงใจถึง"ทุกคนครับ จะระเบิดภูเขา เผากระท่อม หรือไม่!!! ยังไง!! มีไม่มีแต่มันส์ไม่น้อยกว่าหนังฉลองแน่นอน เชิญติดตามได้เลยครับ
    ...................................
    .........
    ....ทนการรบเร้าของนายช่างชิตไม่ไหว เอา ลองดูซักตั้งสมัยเป็นหนุ่ม ก็ผ่านวิถีชายฉกรรจ์มามาก อาจด้วยอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเป็นล่าม/พนักงานสอบสวนของค่ายรามสูรย์ และ ค่ายเปปปอร์ไกรด์เดอร์ ที่มีส่วนพัวพันกับสงครามในลาว และ เวียตนาม วันๆ ก็ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธปืนและ ความตาย จบอัสสัมชัญคอมเมริส์ ACC ไม่ได้จบ ร.ร. นายร้อยจปร
    แต่เป็นเจ็กปนลาว ผ่านศูนย์ฝึกที่ป่าหวาย ลพบุรี ศูนย์ฝึกที่นครราชสีมา เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถทำงานกับทหารแห่งกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เพื่อนร่วมงาน ต่างไปค้าถ่าน ขายแก๊สกันเกือบหมดแล้ว
    .
    .....ด้วยความรักตัว กลัวตายเหมือนกันแผ่นหลังผม เต็มไปด้วยอักขระ ไม่ว่า จะเป็นหลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงหาร หลวงพ่อคง วัดเขาอ้อ กินเหนียว นอนแช่น้ำว่าน จนเป็นเกลื้อนเกือบทั้งตัว ก็ผ่านมามากแล้ว ข้าวแต่ละคำ น้ำแต่ละกลืน ก่อนผ่านลำคอ มีการเศก สวดอาพัติทุกครั้ง ลำบาก ยิ่งเวลาไปเดินป่า ลาดตระเวณ แดกไม่ทันเพื่อนเขา เพราะมั่วแต่มาสวดอยู่นี่แหละ เลยยัดไม่ทันเพื่อน พระคาถาต่างๆ ที่ไหนดี ไปเสาะแสวงหา พระคาถาหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นเล่มบางๆ ยังเก็บรักษาไว้เช่นเดียวกับ ของหลวงปู่เฒ่า วัดสมอคอน ลพบุรี เดี๋ยวมาต่อ
    .
    .......สนใจ ติดต่อได้นะครับ พระอาจารย์เจริญ ฐานยุตโต ก็มาขอคัดลอกวิชาวัดสมอคอนไปศึกษา ทำไม่ผมไม่สักสี? อาชีพผม ไม่เคยคิดว่า จะมีวันมาเป็นทนายความ แต่การสักสี ในความรุ้สึกของผมแล้ว( หากล่วงเกินท่านที่สักสี ก็ต้องกราบขออภัย ) มันบ่งบอกถึงความเป็นชายชาตรีเกินไป เกินจนล้ำเส้นออกไปทางแนวบู๊ล้างพลาญ แนวนักเลง ซึ่งผมคิดไว้เสมอว่า วันหนึ่ง ผมก็ต้องมาเป็นลูกจ้าง หรือ ทำงานในสังคม ไม่อยากให้ใครมองว่า เป็นนักเลง
    .
    .....เพื่อนๆ หลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นเจ้าของกิจการร้านค้า ระดับบิ๊กๆๆ ก็ไม่รับพนักงานที่มีรอยสักสี ที่ค่ายเปปเปอร์ไกรด์เดอร์ซึ่งเป็นคลังอาวุธใหญ่ระดับสองของโลก ตั้งอยู่เลยบ้านโนนสูง อุดรธานี เลยค่ายรามสูรญ์ ออกไปเล็กน้อย เต็มไปด้วยระเบิด กระสุนปืน ที่คอยส่งไปสนับสนุนสงครามในลาว และ เวียดนาม เข้าเวรตอนกลางคืน ไม่มีที่หลับนอน เพราะเขาไม่ได้จ้างมานอน ก็แอบไปนอนตามลังระเบิด
    .
    .....โดยเฉพาะลังระเบิดนาปาลม์ เพราะมันยาวดี และ เป็นไม้แผ่นเดียว ไม่ปวดหลัง และ ที่นี่ ผมก็ยิงมาแล้วพระเครื่อง ไม่อยากคุยว่า เป็นร้อยองค์ แต่เป็นหมื่นๆ องค์ อย่าว่าแต่สมัยทำงานกับฝรั่งเลย เมื่อไม่นานมานี้ สักสิบปี ผมก็ไปยิงเขี้ยวเสือที่บ้านนาทราย หนองหาน กับเสี่ยพัฒน์ ร้านฮอนด้าหนองหาน กับ เสี่ยยอด ธกส แตก ไม่เห็นแม้แต่ขี้เสือ
    .
    ......ที่ยิงแล้วเสียว เพราะต้องใช้แส้กระทุ้งทุกครั้ง ก็มี พระพุทธชินราชอินโดจีน พระแก้วมรกต 2475 และ ออกบ้าง ไม่ออกบ้างคือ 25 ศตวรรษ นี่ยืนยัน นอนยันว่า สามองค์นี้ ดีจริง เหนี่ยวจริง ถามว่า มีพระดีแล้ว ยังต้องสัก ต้องท่องพระคาถาต่างๆ ทำไม? ก็เผื่อมันแขวนหรือคว้าพระไม่ทัน จะทำอย่างไร อย่างน้อยที่สุดก็มีแผ่นยันต์หนัง ที่ห่อหุ้มร่างกาย เป็นเครื่องกำบัง
    .
    ......ส่วนพระคาถานั้นเอาสรุปเลยนะครับ ว่า ดีหรือไม่ดี อยู่ที่จิต หากจิตที่ฝึกมาดีแล้ว ก็สามารถคุ้มกันตัวได้ เช่นเดียวกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านก็ใช้พระคาถา อิติปิโส ธรรมดาๆ ที่เราท่องกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม เศกใบมะขามให้กลายเป็นตัวต่อ ตัวแตน เศกผ้าขาวม้าให้เป็นกระต่าย ลำพังคุณ ท่าน นาย ผม เศกจนแกล้มระเบิด ก็กลายเป็นใบมะขามเหี่ยวๆ เท่านั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหนื่อยตายเปล่า
    .
    .....แต่ที่ดี ก็คือ การมีสมาธิ มีสติอยู่กับตัว เพราะต้องภาวนาพระคาถาเหล่านี้ตลอดเวลา จิตไม่ได้ส่งออกนอก เป็นการฝึกสมาธิระดับหนึ่ง และ พระคาถาก็สามารถใช้ได้ในระดับหนึ่ง เวลามีเหตุร้าย หรือ คับขัน ไม่ทันได้สวดหรอกครับ มันเป็นไปตามสัญชาติญาณ มีสติเท่านั้นที่พารอด เอาเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ผมต้องเดินทางไปทุ่งไหหิน และ ท่านาแร้ง L-21, L-23 ด้วยความเชื่อว่า ผมไม่ได้มาทำงานที่นี้มาสอบสวนเครื่องอาวุธที่ส่งมาจากจังหวัดอุดรธานี จาก Riging Site มีพ่อแม่ครูจารย์องค์ใดมาเล่นแร่แปรธาตุให้อาวุธ ยุทธโธปกรณ์เหล่านี้ กลายเป็นก้อนหิน กลายเป็นถังขยะเมื่อไปถึงลาวโน้น
    .
    ......ก่อนเที่ยง ไปถึงท่านาแร้ง ลุงเกิน ซึ่งต่อมา ได้มาพบกันอีกครั้งอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ท่านเป็นทหารพราน มี 11 นิ้ว จึงเรียกว่า ลุงเกิน ลุงเกินเบิก M-16 พร้อมกระสุน 2 แมกกาซีนให้ผมไว้ติดตัวขณะทำงานที่ไซค์ ผมปฏิเสธ จะด้วยความประมาท หรือไร สุดเดาได้ ตกกลางคืน ประมาณ 3 ทุ่มเศษ เสียงดัง จ๊อง แล้วก็สว่างโล้ คุณกง (เวียตกง) มาเยี่ยมแล้ว เป็นการยิงปืน ค ส่องสว่างโดยฝ่ายเรา ผมไม่ทราบว่า ไปคว้า M-16 มาจากใคร
    .
    .....ได้ยินเสียงคุณลุงเกิน (ตอนนี้ ยกวิทยะฐานะเป็นคุณลุงแล้ว) ร้องบอกว่า นายล่าม ยิงแล้ว อย่านอนอยู่กับที่ ให้กลิ้ง ไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง อย่าอยู่ที่เดิม มันยิงตายนะ ก็ทำตามที่คุณลุงเกินเมตตาบอกทุกประการ แสงไฟออกจากป่าละเมาะข้างหน้า ก็ปีบสวนไปตามวิชาทหารที่ไปเรียนมา บอกเลย ตอนนั้นนะ ไม่อายนะ เป้ากางเกงเปียกหมดเลย ดีนะ ขี้ไม่ออกมาด้วย เช้ามา นับจำนวนเพื่อนร่วมโลกที่นอนสงบตรงหน้าได้เป็นพวง กลับมาเมืองไทย ก็อุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ไปนั่งสมาธิ นุ่งขาว ห่มขาว อยู่ทีวัดป่าสามัคคีธรรมหรือวัดป่าบ้านงัวข้อง กับหลวงปู่ชม โฆสโก
    .
    .....สงครามในลาว แตก เพราะการสนับสนุนจากฝ่ายอเมริกันเป็นพิษ ไอ้กันขายอาวุธสงครามในไทย คนไทยที่ขึ้นเสบียงและยุทโธปกรณ์ที่สนามบินสับเปลี่ยน เอาปืน กระสุน เสบียงออก และ เอาก้อนหินหนักๆ ใส่แทน ลาวจะเอาหินไปรบกับปืนหรือ??? ตาย แพ้สถานเดียว หลังสงคราม จ่าอ้วนถูกกองทัพบกสหรัฐฯ ตัดสินจำคุกเป็นร้อยปี ยึดทรัพย์สินไม่เหลืออะไร จารึกไว้ตรงนี้เลย เมืองลาวแตกเพราะบักจ่าอ้วน
    .
    .....เนื่องจาก ชอบศึกษาพระเวทย์ต่างๆ พนักงานในเปปเปอร์ไกร์ด ต่างก็ยอมรับว่า ล่ามแดน เป็นจอมขมังเวทย์คนหนึ่ง รั้วหนามกระจับห้าเส้น ผมวิ่งผ่านเฉย เสื้อ กางเกง ขาดเป็นทาง ถามแม่บ้านดูได้ครับ บางวันกลับบ้าน เลือดเต็มตัว แต่ไม่ใช่เลือดผมซักหยด บ่อยครั้ง ต้องอาบน้ำที่สนามบินก่อนกลับบ้าน กลัวแม่บ้านเป็นอากาศ พระคาถาต่างๆ หากเรารู้จักใช้ สามารถนำมาเป็นโอสถได้ด้วยจิต การฝึกสมาธิเป็นนิจ ทำให้พลังจิตแก่กล้า
    .
    .....ลองถามท่านสมชัย ลี้ละไกรวรรณ สมาชิกอาวุโสของเราดู เคยไปมุดถ้ำ หาเหล็กไหลมาด้วยกัน ท่านสมชัยไม่ได้พักผ่อน พอออกจากปากถ้ำ มีอาการลมจะรับประทาน ผมกำหนดจิตเอามือแตะไปที่ร่างกายของท่านสมชัย ปรากฏเป็นไอหรือหมอกขึ้นคลุมตัวท่านผู้จัดการสมชัยเต็มไปหมด ยังกะหนังจีน เรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน ไม่เกินสองสามนาที ท่านผู้จัดการสมชัย หน้าก็มีสีเดือด หายจากอาการอ่อนเพลีย และ สามารถมุดถ้ำอื่นๆ ต่อไป ลองถามดูนะครับ ไม่ได้โม้ เล่าสู่ฟัง เอาแค่นี้ก่อนนะ สำหรับวันศุกร์ ก่อนหยุดสองวัน
    .
    .....น้าสวนมาพอดี กำลังว่า จะจบสำหรับวันนี้ เอาต่ออีกนิด เรื่อง การใช้จิตเป็นโอสถ จ่าเพลินที่อำเภอหนองหาน นอนป่วยเป็นปี ไม่ทราบอาการว่า ป่วยเป็นโรคอะไร กี่โรงพยาบาลก็ไปหามาหมดแล้ว ยอมเหมารถไปหาท่านสารวัตร วิเศษโถที่ปากคาด เพื่อให้ท่านสารวัตรรักษาให้ พอท่านสารวัตรทราบว่า มาจากหนองหาน ท่านไล่ส่งเลย คนที่สอนวิชานี้ให้ผม อยุ่ที่หนองหาน โน้น ไปหา...(บักผีบ้า) ....โน้น ผมไปแวะเยี่ยมจ่าเพลิน ตามคำเชิญของครูคำจันทร์แม่บ้านท่านเพลิน เพราะท่านเพลินตอนนั้น ไม่มีแรงพอจะลุกขึ้นนั่ง พอกำหนดจิตแตะที่ร่างกายท่านเพลิน ท่านเพลินชัก กระตุกทั้งตัวเลย แม่บ้านผมที่ไปด้วยมองดูเฉยๆ บอกกับคุณครูคำจันทร์ว่า เจอของแข็งแล้วหละ พอวางมือ จ่าเพลินก็หลับเป็นตาย หลับคามือผม สองสับดาห์ต่อมา จ่าเพลินก็แต่งชุดตำรวจไปทำงานจนเกษียณ ถามพ่อสวน แสนวังดู นี่คือ ความดี ของการฝึกสมาธิ แล้วท่านสมาชิกนักบุญทั้งหลาย นั่งสมาธิกันหรือเปล่าครับ ก่อนนอน เอาซักนิดก็ดีนะครับ สร้างทางบุญ สะสมบุญเผื่อภพหน้า(ถ้ามี)
    .
    ......พระเวทย์ที่มั่นใจสุดๆ คือ ของเขาอ้อ ครับ หลังจากออกมาประกอบอาชีพส่วนตัวเป็นพ่อค้าขายเหล้่าที่อำเภอหนองหาน ผมต้องกลับพัทลุงอีกเที่ยว เพื่อถอดสรรพวิชาที่เรียนมาออก เพราะเหตุใด? ผมยืนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงเด็กนักเรียนเดินพาเลส ตีกลองใหญ่ ขนแขนผม Stand up อยากไปครับ ไม่รู้จะไปทำหอกอะไร อยากไปท่าเดียว อยากไปรบกับเขา ขอให้ได้ยินเสียงอึกทึก เสียงดังๆ ไม่มีคำว่า หนี มีแต่คำว่า เดินหา หงุดหงิด อยากไปให้ให้รู้แล้ว รู้รอด จะได้ซ่วง....
    .
    ......พระเวทย์สายเมตตา ง่ายครับ แต่ทำได้หรือเปล่า อภัย เมตาเจโต กรุณาเจโต อุเบกขาโจโต มุทิตตา เจตันติ ให้ปฏิบ้ติตามนี้ ถามท่านพิศาลดู สมัยเรียนนิด้าได้ครับ ได้ปั้น...ตากครับ ตอนนี้ ถอดเขี้ยวเล็บหมดแล้ว เป็นลูกไก่เจี๊ยบๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น วางครับหนัก ขอสะสมเสบียง เตรียมตัวเดินทางไกลครับ
    .
    ....สมัยหนุ่มๆ กำลังร้อนวิชา จบมาจากเขาอ้อหมาดๆ ถามเพื่อนๆที่เคยก๊งเหล้าด้วยกัน อาทิ อุดม เด่นชัย ป๋ายศ ตอนเย็นๆ มานั่งกินเหล้าที่ร้านสีเทา หน้ากองบิน 23 ร้านอื่นๆไม่ไป มาที่นี่ มาตีทหารอากาศเอาปืนไปขาย.....คิดได้ไง ตีทหารขี้้เหล้า เอาปืนไปขาย ทหารอากาศเขาก็รู้ว่า ทำงานอยู่ที่ไหน วันรุ่งขึ้นเขาก็ไปไถ่คืน 800 บาทสำหรับ US Army ประจำครับ..สุดๆ ... ตอนมาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ไปขอเงินฝากกับท่านเจ้าสัว เจริญโฮเต็ล ท่านยังเมตตาถามว่า " เป็นลื้อเองหรอกหรือ? ลื้อยังไม่ตายหรือ? โอ ลื้อนี่ ดื้อสุดๆ" เช่นเดียวกับไปขอกำลังพลจากตำรวจขอนแก่น ตำรวจภาค ๔ ท่านประพนธ์ นนทชัย ซึ่งเป็นเพื่อนกับเดอะเตี่ย ท่านเห็นหน้าผม มองหน้าผม แล้วถามว่า นายล่ามใช่เป็นลูกตาแป๊ะขายข้าวสารข้างโรงพักอุดรใช่ไหม? ผมตอบว่า ใช่ครับ ท่านพูดสวนมาเลย " มรึงยังไม่ตายหรือว๊ะ บักห่านี่ ดื้อสุดๆ เอาหัวตีดินแตกได้พูนนะ " นี่คือสิ่งการันตี ความดื้อ ซน ไม่มีคำว่ากลัว อย่างเสียโอว่า ลูกพ่อนี้ มีแต่ตับ กับ หัวใจ ไม่มีปอด
    .
    .....พี่ชายผมบอกผมว่า ถ้ามรึ่งมีเวลาว่าง ก็สอน...(ลูกหลาน)..คนนี้หน่อย มันไม่เอาไหนเลย.....ผมตอบว่า ผมจะไปสอนมันได้อย่างไร มันดีกว่าผมสมัยผมเป็นหนุ่มๆ ร้อยเท่า หมดเมืองอุดร หาตัวจับอยาก..เลวกว่ามันกี่เท่าก็ไม่รู้ กรรมใคร กรรมมัน กลับกรรมทันก็เป็นคน เดินตามกรรมก็เป็นสัตว์ สัตว์นรกด้วย
    .
    .....ผมได้ความรู้ และ วิธีคิด ส่วนหนึ่งด้วยความเมตตาจากหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม หลวงปู่เมตตาสอนไว้ว่า ทุกอย่างในโลก เปรียบเหมือนเหรียญสองหน้า มีดี และ ชั่ว สุดแต่จะเลือกหรือรุ้จักใช้ประโยชน์ จิตมันส่าย พาออกนอกเสมอ เพราะเราไปยึดหน้าที่มันพาเที่ยว ก็ทำไม ไม่ลองยึดหน้าที่มันอยู่นิ่งๆ บ้างหละ บอกมันซิ ให้อยู่ซื่อๆ ( อยู่เฉยๆ ) เหมือนไฟ ใช้ต้มน้ำ หุ่งข้าว และ ก็ใช้เผาบ้านได้
    .
    .....ผมนอนสมาธิทุกคืนครับ สำคัญนอนสมาธิมันมักหลับ เมื่อรุ้ว่า มันจะหลับ ก็ต้องตั้งสติให้มั่น อย่าให้หลับ ดูลมหายใจ ดูซิว่า มันจะหลับตอนไหน ดูจนลมมันกระจ่าง สว่างโล้นั้นแหละครับท่าน ทำได้ดังนี้ คือ จิตรวมเป็นสมาธิ จิตรวมเป็นหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก ไปกราบหลวงปู่ดีเน๊าะ วัดมัณชิมาวาส ท่านก็ทักว่า บักน้อยนี่ มันได้แล้วตั๋ว เราเป็นเด็กก็ไม่รู้ว่า ได้อะไร นึ่กว่า ท่านแจกพระ แล้วเราได้พระที่ท่านแจกแล้ว ก็ได้แต่พยักหน้า หลวงปู่ถามว่า ไสๆ เฮ็ดแนวได๋ ดีเน๊าะหลวง เว้าให้ปู่ฟังดู๋?
    .
    .....การทำสมาธิ ทำได้ทุกกริยาบท ไม่ว่า เดิน ยืน นั่ง นอน แต่ผมเคยทำเฉพาะนั่ง นอน เท่านั้น สิ่งที่หลวงปู่ย้ำเสมอ คือ ความเพียร ความตั้งมั่น ให้หมั่นทำไปเรื่อยๆ อย่าท้อ อย่าหยุด อย่าไปหวังผล เมื่อถึงเวลาแล้ว มันสุกของมันเอง หวาน หอมของมันเอง ไม่ต้องไปคาดหวัง ปรุงแต่ง ..... เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็แค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้นเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เก่ง ยังเดินเต๊าะแตะครับ การหวังผล คือ ตัวทำลายศรัทธา และ ความเพียรเป็นที่สุด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    *มาต่อกันนะครับ ถ้าคุณลุงเขียนมีต่อเรื่อยๆจะเอามาลงให้อ่านนะครับ มันส์สุด ที่สำคัญคือเรื่องจริง สลับกับธรรมะหลวงตาหรือเรื่องของหลวงตา ครับ
    ......................................................
    ...กิตติศัพท์ความเกเร ออกไปทางโหด เป็นที่ประจักษ์ ในกลุ่มทหารอเมริกัน ดูได้จากการสรรเสริญด้วยบทความที่เขียนไว้ตามข้างฝาห้องน้ำที่ทำด้วยไม้อัด .......... ไอ้หน้าลิง ไอ้จมูกบี้ ไอ้สัตว์ มรึงอย่าเผลอนะ กรูจะจ้างเขามาตีกระบานมรึง ถ้ากรูได้เป็นใหญ่ กรูจะไล่มรึงออก ไอ้สันขวาน .............. อ่านจนชิน ทำไม่มันจึงเกลียดผมนัก ก็เพราะผมทำตามหน้าที่ มรึงเมา กรูก็นิมนต์มรึงไปนอนห้องขังซักคืน เพราะมรึงเมา แล้วมรึงสร้างปัญหามากเหลือเกิน มรึงหนีทหาร กรูตามจับมรึง ครั้งหนึ่ง ที่หน้าค่ายรามสูรย์ ค่อนไปทางสถานี้วิทยุ ผมทราบว่า มีการมั่วสุมดูดกัญชา จึงปีนระเบียงบ้านข้างกัน จะเข้าบอกมันให้หยุด( จริงๆ จะเข้าไปจับมันนั่นแหละ ) นึกภาพ กำลังปีนระเบียง มือจับราวเหนือศีรษะ ไต่ขอบระเบียง ไอ้เวรนั้น มันเอาเหล็กหลาวแทงผม ตกจากชั้นบน ลงมาชั้นล่าง หนังกำพร้าตรงลิ้นปี่ ขาดไปหลายชั้น เลือดซิบๆ ยังเป็นแผลเป็นอยู่ถึงทุกวันนี้ แผลนี้ หากพระพุทธคุณเขาอ้อ ไม่ดีจริง คงแทงผมทะลุเหมือนแทงลูกชิ้น ตกถึงพื้น ก็พอดี ฝรังในบ้านเปิดบ้านเพื่อหลบหนี ผมได้จังหวะ ปล่อยหมาที่ผูกไว้ กัดแมรงซะเลย ผมเจ็บมาก เลยเสียเวลาเหนื่อย ไม่มีแรงห้ามหมา ให้หมากัดมันหลายแผล ค่อยไปห้ามหมา นี่ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ต้องได้รับผลอย่างนี้ รวมแล้ว มันโดนหมา K-9 กัดหลายสิบแผล คงเข็ดขยาดไปนาน
    .
    ...ครั้งหนึ่ง มีทหารหนีทหาร ไม่เข้ามารายงานตัวหลายสัปดาห์ เดือดร้อน เจ้านายของผม ต้องมีคำสั่งให้ออกไปจับ ล่ามหลายคนถูกเรียกตัวให้ออกตามตัว GI คนนี้ ส่วนมาก นายผม เขาไม่ชอบเรียกใช้ผม เพราะผมเล่นบทโหด โน้น จับไม่ได้จริงๆ ทางหน่วยเหนือกำชับมา ขีดเส้นตายมา นายจึงจะเรียก ผมตามไปจับมันได้ที่เลยวัดกกสะท้อน ไปกับสารวัตรทหารหนี่งคน พอเข้าไปในบ้านตามสายที่บอกมา สารวัตรทหารดันเทอเร่อ ทาล่า โดนสากกระบือหลับสนิท เดือดร้อนผมละซิ เล็กกว่ามันต้ังเท่า ก็เลยใจดีสู้เสือ ถามมันว่า ยูเคยกินแซนวิทกำปั้นไหม จะมอบตัวดีๆ หรือ จะให้ใช้กำลัง ไอไม่อ่านสิทธิให้ยูทราบแล้วนะ มันเอาสากใหญ่เท่าลำแขน ฟาดผมหลายที่ คงหมายเอาให้หลังแอ่น ผมก็หลบ และ สวนด้วยศอกสั้น หลับสนิทน ป้ัญหาจะไปแบกมันขึ้นจี๊ฟอย่างไร โตยังกะฟาย กว่าจะปลุกสารวัตรทหารให้ลุกมาช่วยลากมัีนขึ้นรถได้ สุดแทนจะทุลักทุเล มาถีงค่ายรามสูรย์ เกือบบ่ายสาม ถึงจะหลบอย่างไร ก็โดนเหมือนกัน ศอกซ้ายผมบวมเป็นลูกฟัก มาถึงหน้าค่ายรามสูรย์ เปลี่ยนกุญแจมือ เป็นกุญแจหัวแม่เท้า ล๊อกหั้วแม่เท้ามันไว้ แล้วลากมันลงจากรถ ให้มันโดดเป็นผีกองกอย ไปรายงานตัวที่สำนักสารวัตรทหาร มันต้องโดดอย่างเดียวเกือบ กิโล บนพื้นคอนกรีตร้อนๆ กลางเดือนเมษายน กว่าจะถึงที่ทำงานของผม ฝ่าเท้ามัน พอง แดงไปหมด สมน้ำหน้า อยากหนีทหารดีนัก ตีกรู มรึงก็่ล่อเสียแรง ผมไปหาหมอ และ ได้ใบรับรองแพทย์ให้พักงานหลายวัน เพราะแขนบวมตุ่ย ไปสอนเทควนโด้ก็ไม่ได้
    .
    ...กิตติศัพท์ความโหด ไม่ได้รุ้ในเฉพาะ GI ในจังหวัดอุดรธานี แต่ดังไปถึงอเมริกา เมื่อครั้ง Major Luton ได้รับคำสั่งให้มาเป็น Base Commander ทีค่ายรามสูรย์ ผมได้รับมอบหมายให้ไปรับท่านที่สนามบิน เพราะท่านเดินทางโดยสายการบิิน เดินอากาศไทย แทนที่จะใช้บริการของทางราชการ เมื่ออยู่บนรถ ท่านก็ถามผมว่า รู้จักล่ามแดนนี่ ไหม? เอาแล้ว ขี้กากกำลังลงกระบาลผมแล้ว ตอบท่านไปว่า ทราบครับ ท่านถามต่อว่า ให้ตอบตรงๆ นะ ไอ้คนนี้มันเป็นตัวแซบ เป็นฝีที่ก้นเลยใช่ไหม ผมก็ตอบตามประสาซื่อว่า ไม่นะครับ เขาเป็นคนดี ท่านบอกผมว่า ดีกะผีซิ ผมถามนายทหารหลายคนแล้ว พนักงานสอบสวนคนไทยคนนี้ ดุร้ายมาก ที่เขาไม่ไล่มันออกเพราะมันซื่อสัตย์เท่านั้น โหดมาก จบการสนทนา พูดไปนายก็ไม่เชื่อ พรุ่งนี้เช้า ให้มารับที่เจริญโฮเต็ล เวลา 07'30 น นะ ไม่ได้มารับหรอกครับ เพราะผมต้องไปตั้งแถวรับท่านที่ Proval Marshal สำนักงานสารวัตรทหาร เมื่อท่านมาตรวงแถว ท่านคงแปลกใจ ทีเห็นผมยื่นอยู่แถวหน้า พอผมรายงานว่า ผมเป็นใคร แทนที่ท่านจะจับมือผม ท่านเอาท๊อปบูทเตะหน้าแข้งผมหนึ่งครั้ง เป็นการทักทาย ยินดีได้รู้จักนะ แดนนี่ Be good boy ดูท่านว่าซิ เป็นเด็กดีนะ เจ้าแดนนี่
    .
    ...ตลอดหนึ่งปีที่ทำงานด้วยกัน เมเจอร์ลูตั้น เป็นขมิ้น กับปูน กับผมมาตลอด ทะเลาะกันมาตลอด ทุบโต๊ะ ย้ายโต๊ะกินข้าวผมไปทิ้งบ้าง ไปทุบทิ้งบ้างหลายครั้ง นี่คือเรื่องงาน แต่ในการพิจารณาความดีความชอบ ผมมาอันดับหนึ่งเสมอตลอด ขอการสบับสนุนอะไรได้หมด ยกเว้นโต๊ะกินข้าว.............ลองทานดูว่า โต๊ะกินข้าวของผมนี่ มันวิเศษอย่างไร จึงได้ลือกระฉ่อนไปถึงอเมริกา พรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะครับ
    .
    ...โต๊ะกินข้าวของผมนี้ แสนดี เป็นโต๊ะพับที่ซื้อในตลาดเมืองอุดร ตัวละสามสี่ร้อยบาท ทุกครั้ง ที่มีการสอบสวนเหลือจากพน้ักงานสอบสวนฝรั่ง ที่ไม่สามารถคาดคั้นเอาความจริงได้ เขาจะส่งมาให้ผมที่ห้องสอบสวนของผม ในห้องผมจะมีโต๊ะทำงานของผม มีชุดเทควันโด้สายดำแขวนอยู่ มีโต๊ะกินข้าวอยู่ด้านหลัง เวลาสอบสวน ผู้ต้องหา จะถูกนำตัวมานั่งที่ด้านตรงข้ามกับผมที่โต๊ะกินข้าวของผม ก็พยายามถามผู้ต้องหาดีๆ ว่า จะรับหรือไม่รับ หรือ ใครคือผู้นำยาเสพติดเหล่านี้มาขายในแคมป์ ผู้ต้องหาที่เคยได้ยินกิตติศัพพ์โต๊ะกินข้าวมหากาฬนี้แล้ว ก็จะรับสารภาพ ยกเว้นมือหัดใหม่ เขาก็จะยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เอางั้นเลยหรือ ผมก็จะเอาปืนพกออกมา วางบนโต๊ะด้านผมนั่ง จากนั้น ผมก็ต้องทำให้มันแย่งปืนผม เพื่อผมจะได้ป้องกันตัว ผมจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยให้หัวเข็มขัดผมเกี่ยวกับขอบโต๊ะ โตีะบางๆ เบาๆ ก็จะเอียงเทลาดไปอีกฝั่งหนึ่ง ปืนที่ผมวางไว้ ก็จะไหลไปหาผู้ต้องหา ซึ่งโดยสัญชาติญาณคนทั้วไป จะรีบจับปืนไว้ ไม่ให้ปืนหล่น แค่นี้แหละ ถ้าตัวเล็กๆเท่าผม มีหวังตกเก้าอี้ ผมตบสุดแรงเลย แล้วร้องด้วยว่า ยูแย่งปืนไอหรือ??? แต่ไม่ถึงสลบ จากนั้นก็ตามมาด้วยรองเท้าหนังแห้ง อีกสองสามที่ คราวนี้ เริ่มเรื่องเลย ใครเอายามา ใครส่ง ใครคือ Pusher รู้หมด รับหมด แหม กำปั้นผมต่อยก้อนอิฐแตกที่ละสามก้อน โดนฝ่ามืออรหันต์เข้าไป เกือบจำทางกลับ Barrack ไม่ได้ ถ้ามาห้องผม ได้กินข้าวกับผม รับรองได้เรื่องทุกเรื่อง ผมโดนร้องเรียกเสมอ และ ถูกสั่งขังประจำ เนื่องจากผมเป็นคนไทย ไม่ต้องอยู่ในอาณัติของกฏหมายสหรัฐฯ จึงไม่ต้องเข้าคุก เพียงแต่ต้องอยู่เฉพาะในค่ายทหารเท่านั้นห้ามออกนอกค่าย เลิกงานไปสอนเทควันโด้ แล้วก็กลับบ้านออกกจากคุก ดีออก งานก็ไม่ต้องทำ เงินเดือนก็ได้ ผลงานก็ปรากฏ บ่อยครั้งที่มีเรื่องด่วน ก็มีคำสั่งให้ออกจากคุกเป็นกรณีพิเศษด้วน ดีเน๊าะ นี่แหละครับ โต๊ะวิเศษ โต๊ะมหากาฬ ขอผลัดเป็นพรุ่งนี้ จะมาเล่าเรื่องคำสั่งให้ออกจากคุก ให้ฟัง ฟังเอาสนุกนะครับ อย่าถือเป็นจริง เป็นจัง เหตุการณ์มันผ่านมาเกือบห้าสิบปีแล้ว อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงไปมัน Time changed, everything change.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน วันนี้เอาประสบการณ์ของสมาชิกในกลุ่มเฟสมาแชร์ให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันครับ จะเป็นยังไงติดตามได้เลย
    ..........................................................

    #‎แขวนพระหลวงตาไว้ไม่ผิดหวัง‬
    เรื่องเล่านี้จะขอเล่าย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ท้าวความก่อน ผมเพิ่งจะผ่านการเป็นพ่อลูกอ่อนได้ไม่กี่วันได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมานับจากวันที่สมาชิกใหม่ลืมตาดูโลกสู่ครอบครัวอันแสนอบอุ่นถึงคืนวันเกิดเหตุการณ์ประมาณคืนที่สี่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเวลาโดยประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆใกล้ตีหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณเที่ยงคืนผมและแฟนได้ตื่นเพื่อให้นมลูกและเปลี่ยนผ้าอ้อมและลูกก็หลับไปประมาณเที่ยงคืนครึ่ง (ที่จำเวลาได้แน่นอนเพราะแฟนผมนำนาฬิกาเรือนใหญ่มาตั้งในห้องซึ่งติดกับด้านที่ผมนอนพอดี)
    ก่อนผมและแฟนจะหลับก็จะดูลูกก่อนว่ากลับสนิทดีแล้ว เราสองคนถึงหลับได้ ผมนอนริม แฟนนอนกลาง และลูกนอนข้างแฟนผม จังหวะผมหลับได้ประมาณห้าถึงสิบนาที ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกำลังโดนนอนเบียด ด้วยความง่วงและเหนื่อยล้าเต็มที ผมจึงลุกขึ้นบอกแฟนผมให้นอนห่างหน่อย อย่าเบียดได้ไหมอึดอัด ซึงแฟนผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็หลับต่อช่วงแปปเดียว ความรู้สึกอึดอัดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง (อารมณ์แบบเตียงเดียวกันมีคนนอนเบียดประมาณห้าคน) แค่นั้นยังไม่พอรู้สึกร้อนมาก ก็ร้อนแบบคนนอนด้วยกันหลายคนแหละครับ ก็ทนนะ ชั่วครู่แปปเดียว เสียงทั้งเด็กร้อง เด็กคุยจ้าละหวั่น แทบจะนอนไม่ได้ ไม่ใช่เสียงลูกผมแน่นอน เพราะลูกหลับแล้ว และเสียงเด็กก็หลายคนด้วย ผมนึกในใจถึงพระขรรค์(ขอไม่กล่าวถึงของที่ใด) รวบรวมกำลังลุกขึ้นไปเปิดห้องพระ ห้องพระผมอยู่ในห้องนอน คือมีห้องเล็กๆย่อยออกไป หยิบพระขรรค์มาวางไว้ใต้หมอนหวังว่าจะหลับได้ แปปเดียวเป็นอีกเหมือนเดิม เอาล่ะสิ! คราวนี้สวดมนต์ก็แล้ว นึกคาถาสารพัดในใจก็ไม่หยุด ผมรวบรวมกำลังทั้งหมดต่อสู้กับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่เอื้อมมือหยิบพระขรรค์ใต้หมอน ลูบตั้งแต่หัวไปถึงปลายขา เท่านั้นยังไม่พอ นอนถือพระขรรค์เหมือนพร้อมจะฟาดฟันอารมณ์แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็รอซักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็หลับต่อ คราวนี้ปั่นป่วนไปหมด ทั้งอึดอัด นอนไม่สบาย แน่นหน้าอก จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น เรียกแฟนก็เรียกไม่ได้ แทบจะตะโกนว่า จะเอาไงวะ! ผมรู้สึกตัวดีนะ ยังเหลือบมองนาฬิกาได้เลย เวลา 01.30น. รวบรวมกำลังอีกครั้ง จนลุกขึ้นมาได้ ไปห้องพระอีกครั้ง คราวนี้นำสร้อยชุดพระหลวงตามาคล้องคอเลย คราวนี้แปปเดียวผมหลับสบายยันเช้า ตื่นมายังเล่าให้แฟนฟังอยู่เลย เพราะแฟนถามว่าเป็นอะไร เดี๋ยวลุกไป เหมือนเป็นอะไร
    ‪#‎เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง‬
    --> ไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นอาจเป็นเหตุอื่นหรืออะไรบางอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้ อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้มั่นคงคือวัตถุที่ระลึกถึงหลวงตาให้แน่วแน่ในการดำเนินชีวิตไม่ให้ออกนอกเส้นทาง
    ‪#‎พุทโธ‬ พุทโธ พุทโธ

    .
    ผู้ถ่ายทอดคุณ Chawanphat Ploys
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน วันนี้เอาประสบการณ์ของพี่ชายใจดีอีกคนของช่างชิตที่ได้พูดคุยกันในกล่องข้อความมาฝาก เรื่องราวจะเป็นยังไง ช่างชิตนำบทความมาถ่ายทอดโดยไม่มีการตัดต่อเชิญติดตามกันได้เลยครับ
    ......................................................................
    ........"เย็นวันศุกร์ที่ 15 หลังจากกลับจากต่างจังหวัด ได้ไปรับกล้าไม้ที่ ศูนย์เพาะชำบ้านคำกลิ้งทางไปวัดป่าบ้านตาด เพื่อนำกล้าไม้พยุง ไม้แดง ไปถวายที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ ได้สอบถามพระที่วัด ท่านบอกว่า เอาไม่ต้องเยอะก็ได้ แต่ตอนนั้นได้มาอย่างละ 200 ต้น กะว่า จะเอาไปไม้พยุง ไม้แดง ไปวัดป่าสัมมานุสรณ์อย่างละ 100 ส่วนที่เหลือจะเอาไปถวายหลวงตา
    ......จึงโทรหา ออด ครั้งแรก ออดบอกว่า เครืองลงแล้ว อีก 10 นาทีค่อยโทรใหม่ ฝากให้ออดช่วยกราบเรียนแทน แต่ออดอยากให้เป็นฝ่ายกราบเรียนท่านเอง โทรไปอีกครั้ง ออดแจ้งว่า หลวงตายังไม่ออกมา หลังจากนั้นทิ้งช่วงไปสักครึ่งชั่วโมง โทรไปอีกครั้ง ออดบอกว่า หลวงตาขึ้นไปกราบ หลวงปู่ประสิทธิ์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ ออดบอกว่า หากหลวงตาลงมา ผมจะโทรหาเองครับและหลังจากนั้น ต่างคนต่างลืมโทรหากัน เลยไม่ได้กราบเรียนหลวงตา
    ...... เช้าวันเสาร์ที 16 ประมาณตีสามเศษ ได้ยินเสียงหลวงตาว่า
    "ต้นไม้เอาไปกองไว้ที่วัดนั่นล่ะ" ได้ยินปั๊บ สดุ้งตื่น ล้างหน้าชงกาแฟมากิน นั่งคิด สงสัยเราเป็นกังวัลที่ไม่ได้โทรกราบเรียนท่าน ท่านเลยมาบอกเอง"
    ............................................................................
    #‎คนต้นเรื่อง‬ Jhumpot Soleil
    ‪#‎ขอบพระคุณประสบการณ์ดีๆครับ‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4993.JPG
      IMG_4993.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      38
  10. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....สวัสดีครับพี่น้องทุกๆท่าน มีเรื่องประทับใจอยากมาเล่าให้ฟัง ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหลังจากเลิกงานฝนตกรถติดตามธรรมชาติของโลกกรุงเทพ ช่างชิตจะไปธุระแถวพระราม6 ก็ตั้งใจแวะไปกราบ หลวงปู่เล็ก ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ด้วย ไปถึงหลวงปู่ท่านก็พักผ่อนอยู่ พี่การพี่ชายใจดีที่ดูแลอุปัฏฐากหลวงปู่ บอกว่าหลวงปู่สวดมนต์ดึกทุกคืน ช่วงนี้เลยเพลียหน่อย ช่างชิตก็นั่งคุยซักพักแล้วก็จะลากลับ พี่การก็บอกว่า “หลวงปู่หา(หลวงปู่ไดโนเสาร์)ท่านมานะไปกราบท่านสิ” ได้ฟังเช่นนั้นแล้วช่างชิตก็รีบสวัสดีลารีบไปถามพยาบาลว่าหลวงปู่พักที่ห้องไหน
    .
    .....พอไปถึงห้องหลวงปู่ท่านพักผ่อนอยู่มีผ้าม่านกั้น ช่างชิตก็กราบท่านที่พื้นแล้วก็นั่งทำหน้าเทเลทับปี้(หน้าตาใสๆแบ๋วๆยิ้มๆ)อยู่คนเดียวเพราะไม่รู้จักใคร พอดีไม่เหงาหน่อยเพราะมีโยมผู้หญิง 2 คนก็มารอกราบหลวงปู่ด้วยเช่นกัน ซักพักหลวงปู่ก็ตื่นครับ ท่านก็กวักมือเรียกญาติโยมให้เข้าไปพาท่าน แล้วก็เอาที่ฉีดน้ำรีดผ้า ฉีดพรมน้ำมนต์ให้ ต้องบอกว่า create มากๆ พร้อมแจกตะกรุดกับรูปหล่อ สร้างความปิติให้กับช่างชิตยิ่งนัก ท่าน90กว่าแล้วนะครับแต่ความจำยังดีมากๆ เสียงดังฟังชัด ท่านพูดไปก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นภาพที่น่าดูชมเสียจริงๆ
    .
    .....ด้วยความที่ไม่รู้จักใครไปคนเดียว ก็นึกในใจอยากจะนวดถวายท่านซักครั้งในชีวิต ก็รวบรวมความ “หน้าด้าน” คลานเข้าไปขอโอกาสหลวงปู่นวดถวาย ท่านก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้า ดีใจมากๆครับแล้วจังหวะนั้นท่านก็เทศน์นิทานสอนให้ช่างชิตและญาติโยมที่อยู่ในห้องฟังดังนี้
    .
    ลป หา “สมัยหนึ่งมีคุณยายคนหนึ่งชอบทำกฐิน แกทำทุกปีมาเนิ่นนาน มีปีนึงแกก็นิมนต์ครูบาอาจารย์มาเทศน์ แกก็ถามครูบาอาจารย์ว่า “หลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกทำบุญเจ้าภาพกฐินทุกปี ลูกจะได้บุญมากไหมเจ้าค่ะ??” หลวงพ่อก็ตอบว่า “ได้มากไม่มากมันอยู่ที่ใจนะโยม ใจศรัทธาแน่วแน่ทำน้อยก็ได้มาก ใจศรัทธาโลเลทำมากก็ได้น้อย” คุณยายคนนั้นก็ถามอีกว่า
    “หลวงพ่อเจ้าค่ะ อีฉันนิมนต์พระมา 9 รูป ถวายรูปละ 40 บาท จะได้บุญไหมเจ้าค่ะ??” หลวงพ่อตอบ “ได้โยม”
    คุณยายก็ตามต่ออีก “แล้วอีฉันทำกับข้าวเลี้ยงแขก 5000 บาท จ้างหมอลำมา 15000 บาท จะได้บุญไหมเจ้าค่ะ??”
    หลวงพ่อนิ่งไปซักพักก็ตอบว่า “โยมต้องไปถามหมอลำดูนะ หลวงพ่อไม่รู้!!!” (ท่านพูดถึงตอนนี้ท่านก็หัวเราะเสียงดัง ญาติโยมก็พากันหัวเราะ ช่างชิตก็มึนๆทำหน้าเทเลทับปี้อยู่ แต่เขาพากันหัวเราะก็หัวเราะตาม 55555++) คุณยายได้ฟังคำตอบก็เคืองหลวงพ่อ จึงพูดออกไปว่า “หลวงพ่อมีอคติ!!” “

    .
    ......พอเล่าจบหลวงปู่ก็หัวเราะอีกรอบเป็นจังหวะต่อเนื่อง ช่างชิตก็หัวเราะตามไปแบบวงดุริยางค์ ที่กลองใหญ่ตีกล่องแต๊กก็ตาม 5555++ หลวงปู่สำทับต่อว่า “มันจะไปอคติอะไร ก็มันไม่มีในตำราว่า จ้างหมอลำ เลี้ยงข้าวคน จะได้บุญเท่าไรยังไง หลวงพ่อท่านไม่รู้ ท่านก็บอกให้ไปถามหมอลำนะสิ ท่านว่าถูกแล้ว” ว่าตรงนี้จบหลวงปู่ก็หัวเราะอีก 555555++ ช่างชิต เอ้า!! หัวก็หัว ก็หัวเราะตามไปติดๆ 5555++
    .
    ......คือ เนื้อเรื่องมันไม่ตลกเท่าไรหรอกครับ แต่นะบรรยากาศตอนนั้นมันเป็นบรรยากาศแห่งความสุขปิติบวกกับอาการท่าทางที่หลวงปู่เล่าและเรารับรู้ได้ถึงความเมตตา เราเองก็ปิติและก็ต้องรู้จักตักตวงความสุขจากช่วงเวลาตรงนั้นให้ได้มากที่สุด นี้คือสิ่งที่ช่างชิตคิดนะ
    .
    ...จุดclimax อีกจุดที่อยากมาเล่าให้พี่ๆน้องๆได้คิดตามก็คือ มีจังหวะหนึ่งที่หลวงปู่คุยกับญาติโยมจะสร้างสำนักปฏิบัติธรรมบนยอดภูที่วัด(ถ้าจำไม่ผิดนะ) แล้วพูดถึง หลวงปู่เทพโลกอุดร ช่างชิตสงสัยมานานละก็ถามท่านว่า
    ชช “หลวงปู่ครับ หลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริงไหมครับ??” รู้ไหมครับหลวงปู่ตอบว่าไง......หลวงปู่ตอบว่า
    ลป หา “มีจริง ท่านเป็นพระโบราณนานมากแล้ว ท่านมีอภินิหารมากนะ”
    ช่างชิตก็ถามต่อ “หลวงปู่เคยเจอท่านไหมครับ?”
    ลป หา “ไม่เคย เดินหาท่านในป่า 10 ปี ไม่เคยเจอเลย”
    ชช “ในนิมิตก็ไม่เคยเจอหราครับ แล้วท่านชื่อ เทพโลกอุดร แบบนี้จริงๆหราครับหลวงปู่?”
    ลป หา “ในนิมิตก็ไม่เคยเห็น เดิมท่านไม่ได้ชื่อแบบนี้ตอนเป็นโยมไม่ได้ชื่อแบบนี้”
    ชช “แต่มีคนบอกว่าท่านถูกแต่งขึ้นนะครับ ไม่ได้มีตัวตนจริงๆเป็นแค่นิยาย”
    ลป หา “มี!!!(หน้าตาจริงจังน้ำเสียงหนักแน่น) ท่านมีจริง แต่ท่านไม่มาให้เราเห็นง่ายๆหรอก ท่านเป็นพระโบราณอยู่เมื่อนานมาแล้ว”
    .
    .....สายตาของหลวงปู่กับช่างชิตจ้องมองกันไม่มีกระพริบตา ไม่ใช่แววตาของความโกรธเคืองที่ช่างชิตถามจี้ แต่เป็นสายตาเฉียบคมบวกเมตตา ที่บอกอย่างตรงไปตรงมาไม่มีนัยยะว่า “ที่พูดไป พูดจริงๆ” ช่างชิตจับความรู้สึกตรงนี้ได้ก็ยกมือ สาธุท่าน แล้วก็ไม่ถามท่านต่อ นั่งนวดไปอีกซักพัก ดูนาฬิกา โฮ้ เกือบชั่วโมงละ ก็ขอตัวกราบลาท่านกลับ ลุกขึ้นก็เกือบล้ม เข่าชาหมด คุกเข่านาน นี้ขนาดแค่สามสิบกว่าๆนะเอง อีกสิบปีจะเป็นไง 5555++
    .
    .....ครับ นี้เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยที่ได้อยู่ใกล้ชิดท่าน ปิติมากๆครับ หลวงปู่ท่านเป็น พระอริยะเจ้าแน่นอน 1000000000% ท่านสอนธรรมมะเราๆท่านๆก็รู้อยู่ว่าท่านสอนได้ดีขนาดไหน เป็นธรรมมะที่มาจากการปฏิบัติจริง ไม่ได้จำหนังสือมาท่องให้ฟัง ส่วนเรื่องที่สนทนากับท่าน พี่ๆน้องๆอ่านแล้วก็พิจารณาเอาเลยนะครับ ช่างชิตแค่มาเล่าให้ฟัง ไม่ได้จะบังคับให้พี่ๆน้องๆต้อง “รับ” หรือ “ไม่รับ” พอๆเดี้ยวจะโโนเรียกไปปรับทัศนคติ 555555++
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ตลกประเภทนี้ จะตลกสำหรับคนที่ชอบพินิจพิจารณาใช้ปัญญาเช่นหลวงปูหา นี้ล่ะครับ

    ที่ช่างชิตไม่ถามเรื่องตะกรุดเพิ่มเติม แสดงว่าช่างชิตมีตะกรุดดีอยู่แล้วหรือป่าวครับ ?



     
  12. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    หมายถึงตะกรุดอะไรครับ ถ้าหมายถึงตะกรุดหลวงปู่ ผมไม่รู้จะถามอะไร 5555++
     
  13. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน วันนี้มีประสบการณ์ที่ “ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา” ของพี่สาวใจดีท่านหนึ่งของช่างชิตมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านกัน ต้องบอกว่ากว่าพี่เขาจะยอมให้เรื่องนี้ออกสื่อพี่เขาและช่างชิตคิดแล้วคิดอีกไม่ต่ำกว่า 3 รอบ จนในที่สุดพี่เขายอมให้เผยแพร่ เพราะมองว่าแม้เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับหลายๆคน แต่มันเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริงกับตัวพี่เขาและครอบครัวและไม่ได้มีเนื้อหาที่พาดพิงบุคคลที่สามหรือทำให้เสียชื่อเสียงในองค์หลวงตา
    .....และจากการได้พูดคุยกัน พวกเรามองเห็นแล้วว่าการนำประสบการณ์จริงมาเผยแพร่ให้ผู้ที่ศรัทธาหลวงตาได้อ่านก็เป็นการเชิดชูครูบาอาจารย์เราด้วย ในด้านที่ว่าท่านเป็นผู้ที่มีบารมีมากเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ลูกหาและคนบารมีอ่อนอย่างพวกเรา เป็นการพึ่งพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วย เพราะหลวงตาก็คือ 1 ในพระรัตนตรัย นั้นคือ “พระสงฆ์สาวก” นั้นเอง
    .
    ......เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะแต่อยากให้อ่านกันจะเขียนให้เนื้อๆที่สุดครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีแล้ว พี่สาวใจดีช่างชิตท่านนี้เป็นคนบ้านไชยวานครับ แต่ได้มาตั้งรกรากธุรกิจกิจการอยู่ภาคตะวันออกจนฐานะดีวันดีคืน ส่วนบ้านที่พี่เขาอยู่อาศัยอยู่ที่ไชยวานครับ เป็นบ้านเก่าบ้านแก่มาหลายชั่วอายุคน เป็นบ้านไม้ปลูกพื้นที่ติดกับวัดหลวงปู่กู่แก้ว บ้านเพียปู อำเภอ ไชยวาน (หลวงปู่กู่แก้วท่านเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากเป็นที่เคารพนับถือของชาวอำเภอไชยวานและชาวอุดรครับ ถ้าไม่ยาวมากช่างชิตจะเขียนประวัติให้อ่านกันนะ)
    .
    ......เรื่องของเรื่องคือ บ้านพี่เขาหลังนี้ที่อยู่ติดวัด แต่ตัวบ้านดันสร้างตรงกับด้านหน้าโบสถ์หลวงปู่กู่แก้วพอดี ซึ่งหลวงตาท่านคงเล็งเห็นแล้วว่า บริเวณที่บ้านพี่เขาเหมาะสมที่จะสร้างทางเข้าวัดสร้างประตูโขงเข้าวัดเป็นทางผ่านเข้ามาหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย คือ หลวงตาท่านเป็นคนไชยวาน ท่านเติบโตในที่แห่งนี้ท่านผูกพันและคุ้นเคยกับวัดและองค์พระหลวงปู่กู่แก้วมากตั้งแต่หลวงตาท่านยังเด็กๆและท่านก็คงคิดเรื่องนี้มานานแล้ว
    .......คราวนี้พอพี่เขาได้ทราบว่าหลวงตาท่านอยากจะสร้างประตูโขงเข้าวัดถวายหลวงปู่กู่แก้ว ก่อนที่คุณแม่พี่เขาจะเสียได้ไม่นานเลยได้มีการพูดคุยกับหลวงตาอย่างเป็นทางการ ผลการสนทนาเป็นอันเรียบร้อย โดยทางครอบครัวพี่เขายินดีจะยกที่ตรงนี้ให้สร้างประตูโขงเข้าวัดถวายหลวงปู่กู่แก้ว และจะย้ายตัวบ้านออกไปอยู่พื้นที่ใหม่ที่ทางวัดจัดหาให้ทดแทน(ช่างชิตขออนุโมทนาบุญกับจิตใจที่มากด้วยบุญของครอบครัวพี่เขามากๆด้วยครับ) แต่ในความรู้สึกลึกๆ พี่เขาเองก็ งง ว่าทำไมต้องย้ายออกเพราะก็อยู่กันมานานแล้วบ้านหลังนี้(อายุนับร้อยปีๆ) คุณแม่พี่เขาก็บอกว่า “ถ้าหลวงตาท่านบอกแล้ว แสดงว่าก็ต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่างแน่นอน!!”
    .
    ......หลังจากนั้นพี่เขาก็ถามหลวงตามาตลอดว่า “จะสามารถย้ายได้ตอนไหน?” หลวงตาก็ตอบว่า “อย่าพึ่งย้าย เดี้ยวจะมีเหตุมีงานที่บ้านอยู่!!” พอจากหลวงตาพูดไม่นานญาติพี่น้องของพี่เขาก็เสีย ครั้งแรกไม่เท่าไรพี่เขายังไม่ได้คิดอะไรมาก พอจบเหตุการณ์นี้ผ่านไป พี่เขาก็กราบเรียนถามหลวงตาอีกว่า ย้ายได้หรือยัง?? หลวงตาก็บอกว่า “ยัง! ยังจะมีงานอีกอยู่”
    .
    ......จากนั้นไม่นานคุณแม่พี่เขาก็เสีย(ช่วงคุณแม่พี่เขาเสียมีเหตุการณ์ชวนแปลกใจเกิดขึ้นกับพี่เขาด้วยนะครับ เดี้ยวจะแบ่งตอนมาเล่าให้ฟัง)หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีหลายๆอย่างกับญาติพี่น้องพี่เขาอีกเรื่อยๆ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นติดๆกัน ทำให้พี่เขาอัศจรรย์ใจอย่างมากกับญาณหยั่งรู้ของหลวงตา คือ ตอนพี่เขาเล่าให้ช่างชิตฟังนั้น พี่เขาเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นชวนสงสัยประมาณว่า “ท่านรู้ได้ไง.!!!...”
    .
    ......แต่ทว่าจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ก็ทำให้พี่เขาเองหวาดกลัวไม่น้อย จึงกราบเรียนหลวงตาว่า “ไม่ขอย้ายแล้วได้ไหม?” หลวงตาท่านก็ตอบพี่เขาว่า “ท่านได้รับปากกับหลวงปู่กู่แก้วไว้แล้ว!!” (ส่วนจะรับปากทางไหน อันนี้ละไว้ฐานที่เข้าใจนะครับ)
    .
    .....จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดพี่เขาก็ได้ถามหลวงตาอีกครั้งว่า ตอนนี้สามารถย้ายได้ยัง? คราวนี้หลวงตาบอก “ได้!!” เท่านั้นละ ตกกลางคืนๆนั้น พี่เขาก็ฝันว่า เห็นหลวงตานั่งอยู่ในบ้านกำลังสนทนากับกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งในฝันพี่เขารู้ได้เลยว่ากลุ่มคนกลุ่มนั้นคือ ....วิญญาณผีของผู้ที่เคยอาศัยในบ้านหลังนี้แน่นอน.... โดยในฝันพี่เขายืนรออยู่นอกบ้านไม่ได้เข้าไปฟังด้วย ซักพักหลวงตาก็หันมาหาพี่เขาแล้วบอกว่า “...(เรียกชื่อ)..หลวงตาคุยให้แล้ว ย้ายได้เลยนะ เข้ามาบ้านสิ” เท่านั้นเองพี่เขาก็สะดุ้งตื่น. ตื่นมาแล้ว พี่เขาก็มาทบทวนความฝันอีกครั้ง ทำให้มั่นใจว่า “เหตุที่หลวงตายังไม่ให้ย้ายอาจเพราะวิญญาณผีที่อยู่บริเวณนั้นยังไม่ยินยอมก็ได้ จนหลวงตาได้เจรจาสำเร็จ ท่านจึงให้ย้าย”
    .
    .....พอหลวงตาอนุญาต จากนั้นพี่เขาก็หาช่างเพื่อจะไปรื้อบ้าน พอหาช่างได้ตกลงกันเรียบร้อย เพื่อความสบายใจพี่เขาก็กำชับช่างว่า “ก่อนจะรื้อให้ทำพิธีขอขมาก่อนนะ” ช่างรับเหมาก็รับปากอย่างดิบดี แต่พอถึงวันรื้อจริง พี่เขาโทรถามช่างว่า จะทำการรื้อขอขมาหรือยัง?? ช่างก็ตอบว่า “ทำพิธีเรียบร้อยแล้ว” จนผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง พี่เขาได้รับสายจากช่างว่า “ขอยกเลิกไม่ทำแล้วงานนี้!!!” เหตุผลคือ.....คนงานที่มารื้อบ้าน อยู่ดีๆก็เป็นบ้าพูดคุยไม่รู้เรื่อง วุ่นวายไปหมดไม่สามารถรื้อต่อได้ เท่านั้นละ พี่เขาก็กำลังใจตกจิตวิตกอีกครั้ง จึงรีบนำเรื่องกราบเรียนหลวงตา หลวงตาก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี้ยวท่านจะจัดการให้
    .
    .....เวลาผ่านไป(กี่วันไม่ทราบช่างชิตไม่ได้ถาม)หลังจากนั้นไม่นาน พี่ออด(คนขับรถของหลวงตา)จึงได้มาบอกพี่เขาว่า “รื้อได้เลยหลวงตาบอกเรียบร้อยแล้ว” ในรายละเอียดพี่เขาเล่าว่า หลวงตาให้พี่ออดพาไปบ้าน แล้วท่านก็เข้าไปในตัวบ้านนานนับชั่วโมง ก่อนออกมาแล้วบอกพี่ออดว่า “ให้มาบอกพี่เขาว่า รื้อได้ ไม่มีอะไรแล้ว” หลังจากได้คำตอบจากหลวงตา ความมั่นใจและกำลังใจก็มีเพิ่มขึ้น พี่เขาก็หาช่างชุดใหม่เขาไปรื้อ พอรื้อก็รื้อได้ปรกติไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลย แล้วพี่เขาก็ได้มารู้ความจริงว่า ช่างชุดแรกเข้ามารื้อไม่ได้มาทำพิธีขอขมาอะไรเลยตอนพี่เขาถามก็โกหกว่าทำ นี้ก็คงเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุอาเพศกับทีมงานเข้าจนได้
    .
    ......ครับ ก็เป็นประสบการณ์อัศจรรย์ใจของพี่เขากับหลวงตา ต้องบอกว่าช่างชิตเองได้ฟังจากปากพี่เขาเล่าแล้ว พูดได้คำเดียวว่า “โห...เรื่องดีๆแบบนี้ ถ้าเก็บเอาไว้ไม่ได้ให้ลูกศิษย์ลูกหาคนอื่นๆได้ชมบารมีท่านด้วยคงเสียดายแย่” บารมีญาณครูบาอาจารย์ท่านละเอียดและมากมายกว่าพวกเรามากนัก ให้พี่ๆน้องๆทุกท่านมั่นใจว่า “ครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบผ่านการฝึกฝนต่อสู้กับกิเลสมาอย่างโชกโชนจนบารมีท่านแก่กล้าเป็นพระอริยะบุคคลให้พวกเราได้พึ่งพิงกราบไหว้เป็นกำลังใจ” ยังไงซะ ถ้าท่านใดไม่ได้เคารพนับถือก็อย่าไปเผลอปรามาสท่านเอานะครับ จะพากันบาปหนักโดยไม่รู้ตัว อ่านให้เป็นเรื่องสบายๆผ่อนคลายละกัน
    .
    #‎ขอบพระคุณพี่สาวใจดีต้นเรื่อง‬
    ‪#‎เครดิตภาพหลวงตาจากเฟสพี่ออดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2016
  14. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    น่าจะลองถามหลวงปู่ลอยๆว่า .. "ตะกรุดที่หลวงปู่เมตตาให้นี้ หลวงปู่เมตตาลูกหลานทางด้าน กันเหนียว หรือ โชคลาภ ครับ" .. อะไรแบบนี้ล่ะครับ ^^

     
  15. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ขออนุโมทนาบุญ กับพี่สาวที่ถวายที่ดินเป็นทางเข้าวัดเข้าอุโบสถครับ .. ได้อานิสงส์สูงมากนะครับ

     
  16. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...."บางครั้งก็ต้องช่วยเขาในสิ่งที่เรามีเรารู้นะ เมื่อปี 2515 หลวงตามาเฝ้าหลวงปู่ที่ศิริราช มีลูกศิษย์โดนน้ำร้อนลวกมือทั้งสองข้างปวดแสบปวดร้อน หลวงตาเห็นก็มาคิดว่าจะช่วยอะไรได้ พอพิจารณาดูมานึกได้ว่าตัวเองก็เคยรู้คาถาดับไฟ คาถาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นะโมพุทธายะนั้นละ นึกได้แบบนั้นก็บอกลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยหาพวกน้ำมันทาน้ำมันมะพร้าวมาให้หน่อย เขาก็หามาให้ หลวงตาก็เอามาอธิฐานแล้วว่าคาถาเป่าใส่น้ำมัน"
    "ตอนว่ามันก็มีเคล็ดอยู่เด้ ต้องกลั้นหายใจ แล้วว่า "นะพุทธะสูนพิษไฟพิษมูล สูนด้วยนะโมพุทธายะ......บลาๆ(จำไม่ได้)" แล้วให้เขาเอาไปทา พอเอาไปทามันก็หาย!!. นี้ละบางครั้งเราต้องช่วยเขาในสิ่งที่เรารู้ที่เรามีนะ"

    .
    ....หลวงตาเทศน์สอนพี่พยาบาลคนหนึ่งที่มาปรึกษาเรื่องงานที่ตัวเองไม่ถนัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0363.JPG
      IMG_0363.JPG
      ขนาดไฟล์:
      283.4 KB
      เปิดดู:
      38
  17. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ขออนุโมทนา สาธุครับ

     
  18. จำปาแมน

    จำปาแมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +2,166
    สุดยอดครับช่างชิต
    กับเรื่องราวพร้อมธรรมะมาให้อ่าน
    สาธุๆครับ
     
  19. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ชช "หลวงตาครับตอนนี้ ออยเริ่มนั่งสมาธิแล้วครับ ถ้านั่งไปแล้วเห็นอะไรแบบนั้นแบบนี้ทำไงครับ?"
    .
    ลต "เห็นก็เห็นนั่นตั้ว! สักแต่เห็นแต่อะไรไป แต่ใจให้อยู่กับตัวไม่ส่งออก พิจารณาในใจเจ้าของนั่น สมัยก่อน(ท่านหมายถึงช่วงบวชใหม่ๆกับหลวงปู่ไม)หลวงปู่ไมท่านก็ขึ้นไปคุยกับเทวดาทุกวัน นั่งภาวนาวันไหนก็ขึ้นไปคุยแต่กับเทวดา เช้าก็กลับมา จนหลวงปู่อ่อน(ญาณศิริ)ท่านต้องว่าเอา "มีแต่ไปเว้าไปอีหยั่งนำเขาเฮ็ดหยั่งงง คือบ่เบิ่งบ่พิจารณาเจ้าของนิ!!!" หลวงปู่ท่านถึงเลิกไป คุณยายแก้ว(แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ)อีกเห็นไหม นั่งแล้วมีแต่ไปนั่นไปนี่ หลวงตา(หลวงตามหาบัว)ท่านก็ได้ว่าเอา "
    .
    ชช "แล้วออยนั่งเพ่งเทียนฝึกกสิณได้ไหมครับ??"
    .
    ลต "เพ่งมันก็เพ่งได้ เพ่งกสิณ หลวงปู่เปลี่ยนท่านก็เพ่งท่านก็ได้กสิณไฟ หลวงปู่ขาวท่านก็เคยเพ่ง ท่านเพ่งน้ำกสิณน้ำ แต่ถ้าเพ่งไปแล้วไม่คุมจิตคุมใจตัวเอง เกิดเห็นนั้นเห็นนี่แล้วปล่อยใจตามไป มันก็จะมาเป็นบ้าเป็นหลังอีกนั่นละ พุทโธๆเอาน๊ะ!! อย่ามาอยากนั่นอยากนี่หลาย..."
    .
    ชช "......."
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    เหมือนได้ฟังธรรมเกือบทุกวัน .. ขอบคุณช่างชิตครับ
    ยังเป็นแฟนคลับคอยติดตามรับฟังอยู่เรื่อยๆ อยู่นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...