ช้วยหาตรงกลาง ให้หน่อยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นราสภา, 23 ธันวาคม 2011.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อย่าเอาใจวางไว้ที่ความเชื่อไง
    ความเชื่อมันเป็นทิฏฐิ ไม่ใช่ความรู้แจ้งเห็นจริงที่ได้จากการปฏิบัติ
    ถ้าอันไหนที่ปฏิบัติตามคำสอนแล้วได้ผลตรงตามนั้น เรียกว่ารู้แล้ว มันก็ไม่ใช่ความเห็น ไม่ใช่ความเชื่อ
    ถ้าสิ่งที่รู้เรียกว่าธรรม เห็นจริงแท้แล้วก็เป็นสัจธรรม คือเห็นตรงธรรม
    ไม่ไช่ความเชื่อ ไม่ใช่ทิฏฐิ ก็ย่อมเห็นธรรมตรงกับคำสอนที่ผู้รู้สอน
    เวลาที่คนอื่นเขาอ่านคำสอนแล้วมีความเชื่อต่างจากเรา ก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
    เพราะเข้าใจเรื่องความเชื่อ ความเห็น ทิฏฐิ ของคนมันเห็นต่างกันไปได้
    ไม่ได้ยึดถือความรู้ตนเป็นสรณะ ยอมรับเรื่อง ความเชื่อความเห็นและทิฏฐิ ที่ต่างออกไปจากเราได้
    เพราะเข้าใจรู้แจ้งในเรื่องทิฏฐิของคน ความเชื่อของคน มันทำให้เห็นคำสอน
    อันเดียวกันแต่เข้าใจต่างกัน ทำให้เกิดความเชื่อต่างกัน เพราะมีทิฏฐิต่างกัน

    คนที่รู้ได้แล้ว มั่นใจว่ารู้จริง จะพ้นจากการยึดถือในเรื่องทิฏฐิและความเชื่อของคนที่เห็นต่างจากเราไปเอง
    ไม่พยายามไปครอบงำคนอื่นให้เกิดเป็นความเชื่อ มีแต่ชักชวนให้ปฏิบัติจนเกิดเป็นความรู้

    ถ้ารู้ตัวเองว่ายังไม่รู้ ที่อ่านแล้วเข้าใจนั้นมันคือความเชื่อตามคำสอนเท่านั้นยังไม่รู้จริง
    ก็แปลว่าเริ่มเข้าใจหลักการของกาลามสูตรอย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
    ก็จะพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อ ในทิฏฐิของตน

    พอเราไม่เดือดร้อนเพราะความสงสัยในเรื่องความเชื่อ
    ไม่เป็นทุกข์เพราะไม่กังวลว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือจะผิดไปจากคำสอน
    เวลาที่ใครเห็นต่างความเชื่อของเรา ก็จะเฉยๆ สงบ ไม่ทุกข์ร้อน ก็เรียกว่ามีใจเป็นกลางแล้วนะ

    งง มะ เชื่อตามคำสอน กะ รู้จากการปฏิบัติตามคำสอน มันคนละแบบกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2011
  2. theerasp

    theerasp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +36
    เรื่องนี้มันอจินไตย์ครับ ไม่ขอวิจารณ์ แต่จะเล่าประสบการณ์ในครั้งที่ยังตะลุยในยุทธจักร คือ ฝึก เกสา โลมา นักขา ทันตา ตะโจ แต่ไม่ยอมรักษาศีล 5 ด้วยความที่ไม่ศรัทธาหลงว่าทุกอย่างเป็น อนัตตา ที่แปลว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ก็เลยประมาท ไปฝึกกรรมฐานใน เรา คอกเทลเล้าบ้าง เอมมานูเอลบ้าง สปาร์ค บ้าง แต่ไม่ได้จ้างคนมาเสพเมถุนดอก แต่ยังดื่มเหล้า เมาดิ้นยังตี 4 หลอกตัวเองทุกวิถีทาง จนกระทั่ง งานหมด เงินหมด ติดหนี้อีกบานตะไท ก็เลยได้เห็นค่าของพระสูตรบทนี้แล้วเริ่มกลับมารักษาศีลใหม่โดยเอาระดับปรมัตถ์ทั้ง 5 ข้อเลยแต่ขอทำแบบปฏิบัติบูชาและใช้การรักษาแบบ เสตุฆาตุ รักษาศีลได้ประมาณ 3 ปี หมดหนี้ (ต้องขยันทำงานแบบพิเศษคือพักผ่อนได้ประมาณวันละ 3 - 5 ชั่วโมง) พอใกล้หมดหนี้ก็อาจหารฝึกเนสันชิกอีก (อยากอวดเก่ง) เลยโดนกระทืบล้มไม่เป็นท่า (เจอทั้งวิปัสนูกิเลสทั้ง 10 แบบ) ถึงรู้ว่ากิเลสที่หมักดองในสันดาน มันโหดขนาดไหน ก็ไปหาครูอาจารย์ที่สอนกรรมฐานว่าเป็นเพราะอะไร ครูก็บอกให้พักผ่อนมากๆเพราะการทำงานในชีวิตประจำวันนั้นก็หนักอยู่แล้วกับการรักษาปรมัตศีล ในปีที่สี่ เริ่มดำริสร้างสถานที่ให้คนมาปฏิบัติ ปัจจุบันก็ใกล้จะเสร็จเหลือแต่ฝาทรงไทยแค่นั้นการปฏิบัติก็เบาบางลงเพราะเราทำทุกวันภาวนาทุกวัน ทำได้ทุกกริยาบท แต่คนรอบข้างหาว่าเราบ้าก็เลยใช้การนึกในใจเขาก็ว่าเราเหมอ่อีก ก็ เออ คืนเขาไป ปฏิสันฐานกับเขาบ้างอย่าทิ้งโลก แต่ให้ศึกษาเข้าใจโลก โดยเอาพระสูตรบท กาลามสูตรเป็นจักร ตัวหนึ่งที่จะพิฆาต อคติในใจ ส่วนที่มีบันทึกในพระไตรปิำฎกที่เราปฏิบัติตามแล้วได้ผลตามนั้น ก็เชื่อได้แต่ถ้าไม่ได้ผลตรงก็อาจเป็นอคติในใจของเราแล้วลองเปลี่ยนมุมมองดูอีกที ตรงนี้แหละที่ไม่มีการบันทึกในตำราแต่จะเป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นว่าเราเคยหลงติดในข่ายนี้มาแล้ว สุดท้ายเมื่อรู้โทษของการละเมิดศีลเราก็แก้กรรมปัจจุบันมารักษาศ๊ล และปฏิบัติตามแบบคนโง่ไปเรื่อยๆไม่สนเล้วกาลามสูตร คำใดที่สอนแล้วเราปฏิบัติได้ตรงอรรถ ตรงกับที่บันทึกำว้ในตำรานั้นใช้ได้หมด แต่ถ้าำไม่ตรงก็ต้องลองพลิกมุมมองของตัวเองก่อน แล้วสุดท้ายได้แต่นึกสวดมนต์ปฏิบัตในใจ ตาดู หูฟัง ใจสวดมนต์ พอจะเขียนกระทู้ก็ละสวดมนต์เพราะทำพร้อมกันแล้วมึนๆๆๆๆๆตึบไปเลย จนถึงจุสุดท้ายว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนเราจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร เลยถึง บางอ้อ หนอย หญ้าปากคอกไม่สนใจ ชอบนักไปหาญสคอกอื่นเลยเสียเวลามาหลายปี
     
  3. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    กราบขออํานาจคุณพระด้วย ธรรมใดที่ท่าน ทั้งหลายได้สั่งสอนลงไปเเล้ว จงกลับมาเป็นกําลัง ของสติ ดล ให้เกิดซึ่งในปัญญาญานเเก่ผู้นั้น เเละ ท่านๆ ทั้งหลาย

    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงปรี๊ดดดดดดดด เจ้าค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  4. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ความเชื่อต่าง ๆ
    เพราะคิดว่าเชื่อ เราถึงเชื่อ
    มันก็ต้องดับที่เหตุ
    คือดับความคิดของตัวเอง

    ก็คือไม่ให้เชื่อตัวเอง
    ตัวเองเชื่ออะไรก็ไม่ให้เชื่อตัวเอง

    เมื่อใจไม่เชื่อตัวเอง
    ใจก็ไม่มีหลักความเชื่อให้ยึด
    ก็ยึดเอาลมหายใจแทน

    เราคิดอะไรขึ้นมาเราก็บอกกับตัวเองว่าเราไม่เชื่อ
    แล้วก็ยึดดูลมหายใจไป
    เราคิดอีก ก็บอกตัวเองว่าไม่เชื่ออีกไปอย่างนั้น
    แล้วก็ดูลมหายใจไป

    แล้วคราวนี้ดูสิมันจะไปถึงไหนจิตใจเรา
    มันจะก้าวไปหาตรงกลางได้มั้ย
    ให้มีสติดูไป
     
  5. ekkapon.ch

    ekkapon.ch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +257
    สิบมือคลำไม่เท่าทำเอง รู้เอง แล้วก็เห็นเองครับ
     
  6. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    พึงเชื่อ ด้วยปัญญา ที่ได้รับการพิจารณา และเห็นแล้วว่า สิ่งนั้นเป็นเช่นนั้น จริง ๆ เหมือนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัส ถาม พระสารีบุตรว่า สารีบุตร เธอเชื่อ คำที่ ตถาคต กล่าวไปแล้วหรือไม่
    พระสารีบุตรตอบว่า ยังไม่เชื่อ ต้องทำให้เห็นจริงก่อน แล้วจึงเชื่อ พระตถาคต จึงได้กล่าวสรรเสริญ พระสารีบุตร
     

แชร์หน้านี้

Loading...