จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ท้องฟ้ายังมีพระอาทิตย์ เทียนไขก็ยังมีแสงสว่างเลย
    นับประสาอะไรกับจิตเราจะไม่มีแสงสว่าง นั่นก็คือ ตัวปัญญา
    แต่ถ้าเมื่อไหร่ เรามีตัวปัญญาเป็นของตนเองแล้ว คำว่ามืดนั้น ไม่รู้จัก
    เพราะตัวปัญญานั้น สว่างทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน
    ตัวปัญญาที่ว่ามานั้น เราสามารถมองเห็นทั้งรูป ทั้งนาม
    เราสามารถมองเห็นในสิ่งที่มืดเป็นสว่างได้ เช่น กิเลส โดยเฉพาะความหลง
    แต่ถ้าผู้ใดได้ตัวปัญญานี้ไป วิธีชีวิต นิสัย สันดานจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
    ศีลธรรม ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ก็จะเจริญขึ้นไปตามลำดับจิต
     
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน...เพื่อความบริสุทธิ์แห่งจิตนี้

    ...ไม่จำเป็นว่าผู้ปฏิบัติต้องเป็นนักบวชเสมอไป...

    ...ผู้ที่ไม่ได้บวชก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ผลเช่นเดียวกัน...

    ...เพราะการชำระจิตให้บริสุทธิ์...

    ...เป็นเรื่อง "ความจริงของชีวิต" เป็นเรื่องธรรมชาติ...

    ...จึงไม่จำกัดเรื่องเพศ ผิวพรรณ วรรณะ เชื้อชาติ หรือศาสนา...

    ...เมื่อเข้ามาปฏิบัติธรรมแล้ว...ย่อมได้ผลเช่นเดียวกันทั้งหมด...

    ...จะต่างกันแต่ว่า...ช้าหรือเร็วเท่านั้น...

    ...คัดจากหนังสือหลวงปู่สอนไว้...

    ...กราบหลวงปู่ทองด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธ สาธุ สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2013
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ความว่างเปล่า...เป็นเจ้า แห่งสรรพสิ่ง

    ...ปล่อยวางอดีต...ทำจิตให้ว่าง...

    ...ไม่หวังอะไร...จิตใจอิสระ...

    ...สดชื่นเบิกบาน...จะพบพระนิพพาน...

    คัดจากหนังสือมรดกหลวงพ่อ พระพิบูลเมธาจารย์ (หลวงพ่อเก็บ ภทุทิโย...
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,537
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    เอ วันนี้วันหยุดไม่มีเทศน์ใช่ไหม ให้คุณครูทุกๆท่านพักผ่อนอยู่กับครอบครัวตามสบายๆนะคะ Time offsleeping_rb
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,537
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    เขียนกระดานเล่นคนเดียวดีกว่า

    One soul journey through the endless cycles of life
    The beginning or the end is nowhere in sight
    Looking and searching til the end of time
    The right pathway found when you see"Your own mind".

    (Anonymous)

    วัฏฏะสงสารหมุนเวียนไปไม่สิ้นสุด
    จะหาจุดต้นหรือปลายมองไม่เห็น
    ดูให้ดี ดูไป ดูให้เป็น
    ทางที่เห็นแท้อยู่ใน"ใจตนเอง"

    ******************************
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    supatorn
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2013
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,537
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    รู้นะว่าใครดูอยู่:;welcome2
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    คำว่า "ปล่อยวาง"
    ฟังดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ทำย๊ากส์!

    เรารู้ตัวของเราดีนะ แต่ทำไมดูเหมือนเราไม่รู้ตัวเอง ซะงั้น!
    บางครั้งก็รู้ บางครั้งก็ไม่รู้ อาการอย่างนี้ เราเรียกว่า ติดๆ ดับๆ
    เมื่อไหร่มีสติมาก เราก็จะรู้ตัวของเราเมื่อนั้น แต่เมื่อใดเราขาดสติ เราก็ไม่รู้เลย
    แต่จะปฎิบัติตามหรือปล่อยวางได้ทันที ทันใดนั้น ยังไม่ได้
    แต่เมื่อไหร่ถ้าเรามีปัญญาเป็นของเราเอง เราจึงจะปฎิบัติตามหรือปล่อยวางได้เมื่อนั้น
    ส่วนระยะเวลาในการปฎิบัติตามหรือปล่อยวาง ก็ขึ้นอยู่กับเรามีสติปัญญามากน้อยเพียงใด
    แต่ถ้าเรามีปัญญามาก อย่างมหาปัญญาหรือปัญญาญาณ ก็สามารถปฎิบัติตามหรือปล่อยวาง
    ได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องรอเวลา คือเราสามารถปล่อยวาง ให้อภัยหรืออโหสิกรรมได้เดี๋ยวนี้เลย
    เพราะบุคคลประเภทหลังนี้ เป็นจิตที่รู้ความจริงเป็นอย่างดี และมิได้ไปยึดถือเอาอะไรอีกแล้ว

    รู้นะ คำว่าทุกข์คืออะไร และรู้จักความทุกข์ของเราเป็นอย่างดีซะด้วย
    แต่ทำไม๊ เรายังหนีทุกข์ไม่พ้น ความทุกข์ก็ยังแวะเวียนมาหาเราอยู่เรื่อยๆ
    บางทีเรามีความรู้สึกว่าหนักอก หนักใจ น้อยใจกับคนอื่นหรือสิ่งรอบด้านตัวเรา
    ก็เพราะว่า จิตใจเรายังปล่อยวางไม่เป็น ไม่หมด นั่นเอง
    ตราบใด ถ้าคนเรายังมีอัตตาหรือมานะอยู่เต็ม คำว่า ละ-ปล่อย-วาง ก็ทำได้ยาก
    อย่างเช่น เราจะให้อภัยใครสักคนนึง โดยเฉพาะศัตรูหรือคนเห็นต่างกับเราก็ทำได้ยาก
    แต่ถ้าใครให้อภัยหรืออโหสิกรรมกับใครๆได้ง่าย โดยไม่ต้องเสียเวลามาก อันนี้จะดีมาก
    แต่ถ้ายังให้อภัยไม่ได้เดี๋ยวนี้ หรือขอใช้เวลาประเดี๋ยว อันนี้ยังอีกยาวนาน
    เพราะจิตเรายังไม่ยอมปล่อยวาง หรืออาจจะปล่อยวางได้ แต่ไม่สนิทหรือไม่หมด
    สาเหตุหลัก ก็คือ เรายังมีอัตตามานะ มีอุปาทาน หรือมีความหลงอยู่ นั่นเอง

    ปล่อยนกเป็นหมื่น ปล่อยปลาเป็นแสน แต่ได้อานิสงส์ไม่เท่ากับ"การปล่อยวาง"

    จิตเท่านั้นเป็นผู้ทำหน้าที่ละ-ปล่อย-วางกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวง และปล่อยวางแทนกันไม่ได้
    แต่จิตจะปล่อยวางได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาหรือปัญญาญาณของเรา เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2013
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    อยู่แต่ถ้ำ อยู่แต่กายใจตนเองปลอดภัยกว่า
    อย่าออกมานะ เดี๋ยวโดนหนูกัด เอ๊ย! กิเลสจะคาบไปแด๊กกก!!!
     
  9. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ออกมาแล้วจร๊าาา..ออกมาก็ไม่โดนแด๊กกกแล้วจร๊าา.555++
    ปล..ภาพน่ารัก..
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    Golden Gate Bridge Thailand?

    ให้ทาย..ชื่อสะพานอะไร?
    (แถวบ้านเนี๊ย! คิดถึงบ้านเก่ากันไหม๊?)
    ใช่ทางไปพระนิพพาน?
    นิพพานจะต้องเอาพลังจิตไป มิใช่กายหรือรถพาไปกันนะ

    ต่อไปจะพาเที่ยวจังหวัด...​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2013
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    [​IMG]
    Hello Holiday!
    ไปเที่ยวที่ไหนก่อนดีนะ..น้องหนูมาดี
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    วัดหนองแวง (พระอารามหลวง) จ.ขอนแก่น

    [​IMG]
    วัดพระพุทธบาทภูพานคำ จ.ขอนแก่น

    [​IMG]
    บึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น

    ภู..นำเที่ยวขอนแก่น ม่วนคั่กๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2013
  13. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    ตอบถูก มีรางวัลให้ป่าวคะ ?

    สะพานข้ามโขงแห่งที่ ๓ ข้ามจากนครพนม- คำม่วน ค่ะ
     
  14. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    กิเลสอยู่ในจิต แล้วก็แสดงออกทาง หู ตาจมูก ลิ้น กาย ใจ ทําให้หาความสุขไม่เจอ เพราะมันเป็นตัวปรุงแต่ง พอเรามีความสงบเป็นขั้นสมาธินี้ แต่กิเลสยังไม่ตายเพราะเรายังไม่ได้ฆ่ามัน เราต้องนําจิตที่สงบนี้ออกมาพิจารณาคลี่คลายออกดูว่าอะไรเป็นตัวปรุงแต่งก็มี ราคะ กามราคะ ตัณหา เป็นความวุ่นวาย เราต้องมีความเพียรอย่างแรงกล้า ขั้นที่จะนําจิตออกจากทุกข์เป็นขั้นที่ทําได้ยาก...คือขั้นฝืนอย่างหนักที่จะทําให้จิตสงบ เพราะด้านโลกีย์กามิตรเป็นเหมือนเบ็ดล่อปลาถ้าเราหลงเข้าเราก็เป็นผู้ติดเบ็ดคือ "ห่วงมาร"เราต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ใช่ครูบาอาจารย์จะมาทําให้ เราต้องหาอุบายเอง เพราะถ้าใจไม่สงบอะไรๆก็ร้อนอยู่ได้ยากเพราะจิตพาปรุงวุ่นวายนั้นเอง...คนจะเชื่อพระธรรมวินัยและเชื่อพระพุทธเจ้าต้องเห็นตามก่อนเพราะมีต้นทุนก่อน ถ้ามีต้นทุนคือ ความสงบก่อนนั้นแหละจึงจะขยับขึ้นมีความขยันหมั่นเพียร เพราะเราเห็นผลนั้นเอง...และจากนั้นก็หมุนไปเลยเพราะขั้นธรรมมีอํานาจ ธรรมฝ่ายเหตุคือ สติ ปัญญา เพราะเรานํามาใช้ออกพิจารณาหมุนจนเป็นธรรมโดยอัตตาโนมัติ ก็มีแต่กิเลสเท่านั้นแหละที่เป็นภัยต่อจิต เพราะเป็นตัวปรุงแต่งให้คิดตาม ธรรมถ้ามีกําลังจิตจะสงบและเห็นโทษของความคิดปรุงด้านกิเลส แล้วนําปัญญาออกใช้ในการพิจารณาในอารมณ์ต่างๆที่เกิด-ขึ้น แล้วแยกแยะออกว่าสิ่งไหนเป็นความถูกต้อง สิ่งไหนเป็นภัย"ปัญญา"ตัวนี้จะเป็นผู้รู้ ที่เรียกว่า ผู้เห็นโทษเห็นภัยใน"วัฏฏะ"นั้นเอง...
    ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า
     
  15. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    พุทธประวัติ สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

    สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกแห่งโลกธาตุ
    ทรงค้นพบวิชาว่าด้วยการบำเพ็ญบารมีเพื่อความพ้นทุกข์
    และสำเร็จตามพระประสงค์ จากนั้นทรงบัญญัติรวบรวมพระสูตรพร้อมทั้งทรงฝึกบุคคลเพื่อให้ถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
    และฝึกบุคคลเพื่อสืบทอดพุทธวงศ์ดำรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม
    อันเป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์

    ระยะเวลาที่ทรงตั้งพระทัยมั่นค้นคว้าโดยไม่มีแบบอย่าง
    และไม่มีครูผู้ฝึกเป็นเวลาประมาณมิได้แค่พระพุทธเจ้า
    ที่บำเพ็ญบารมีแบบ วิริยะธิกะพุทธเจ้า ซึ่งมีการบำเพ็ญบารมี
    ยาวนานมากคือรวมทั้งสิ้น ๘๐ อสงไขย
    โดยแบ่งเป็น ๓ ระยะ คือ...
    1. ปรารถนาในใจ ๒๘ อสงไขย
    2. เปล่งวาจา ๓๖ อสงไขย รวมเป็น ๖๔ อสงไขย จึงได้เป็น
    3. นิตยะโพธิสัตว์ รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกจึงบำเพ็ญบารมีต่ออีก ๑๖ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    จึงจะถึงกาลมาตรัสรู้ได้

    ดังนั้นพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมจะต้องทรงใช้เวลานานสักเท่าใดกว่าพระองค์จะทรงมาตรัสรู้สั่งสอนสรรพสัตว์
    และสืบทอดพุทธวงศ์ได้ด้วยพระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดพุทธวงศ์พระสัทธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และจุดประกายความสว่างในจักรวาลให้โลกได้เริ่มรู้จักการสั่งสมบุญบารมี
    เมื่อทรงใช้เวลาอันมิอาจจะประมาณได้จนพระองค์สามารถสรุปแนวทางอันแน่นอนแล้วก็ยังทรงเวียนว่ายในวัฏสงสารอยู่นานกว่า ๔๐ อสงไขย จึงทรงดูกาลที่จะทรงลงมาตรัสรู้บนโลก
    ในพระชาติสุดท้ายขณะนั้นมนุษย์มีอายุขัยประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี ทรงออกมหาภิเนษกรมณ์เมื่อพระชนมายุได้ ๔๐,๐๐๐ ปี
    หลังจากทรงผนวชได้ ๒๐,๐๐๐ ปี
    จึงทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้
    เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก
    จึงถือเป็นการอุบัติแห่งปฐมบรมครูพระผู้รู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง
    ของโลกธาตุทุกสรรพวิชาในจักรวาลที่ไม่มีใครเทียบ
    และเสมอเหมือนพระองค์ได้ ทรงโปรดเวไนยสัตว์
    และประกาศพระสัทธรรมสร้างรากฐานก่อตั้งพระพุทธศาสนา
    อยู่เป็นเวลาประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน

    พระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธสิกขี แต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ต่อมาก็ทรงมีพระนามซ้ำกัน โดยเฉพาะพระนามนี้มีด้วยกันถึง ๕ พระองค์ จึงขอถวายพระนามว่า
    สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่๑ พระองค์จึงทรงเป็นต้นวงศ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์จึงสมควรยกย่องพระองค์เป็น สมเด็จองค์ปฐมบรมครู อย่างแท้จริงส่วนพระนามอื่นๆนั้น ชนทั่วไปยกย่องขานพระนามอีกมากมายเหมือนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่ได้ทรงรับการกล่าวขานพระนามมากมายเช่นกันด้วยความเคารพความศรัทธาอย่างยิ่ง

    คณาจารย์ครูบาอาจารย์ผู้รู้ได้เล่าสืบต่อกันมาด้วยท่านเหล่านั้นเป็นผู้สืบทอดเชื้อสายแห่งพุทธวงศ์มาจึงมาความรู้ตามวิสัยแห่งพุทธะไปด้วยและท่านที่มีความกล้าหาญอดทนเป็นยิ่งที่นำเรื่องสมเด็จองค์ปฐมมาเผยแผ่ให้ชนทั้งหลายไม่ลืมต้นกำเนิดแห่งพุทธวงศ์ คือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) เพื่อประโยชน์เกื้อหนุน
    แก่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไม่มีประมาณ
    Cr: BuddhaSattha
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    นี่ครับรางวัล!จากใจจริง
    โดยเฉพาะจิตที่เป็นบุญกุศล ยินดียกให้หมดเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2013
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713

    เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นทุกๆคนต้องเจอแน่...

    ...เราเกิดมา...เพื่อรอเวลาตาย...

    ...เราได้มา...เพื่อรอเวลาเสีย...

    ...เรามี... เพื่อรอเวลาหมด...

    ...เราเจอกัน...เพื่อรอเวลาจาก...

    ...เราพบกัน...เพื่อรอเวลาพัดพาก...


    ที่หลวงปู่กล่าวไว้นั่นแหละคือความจริง...ที่เราทุกคนหนีไม่พ้น...

    ...เวลานั้นกำหนดไม่ได้...แต่เราเตรียมพร้อมเมื่อถึงเวลานั้นได้ เราจะได้ไม่

    กลัวตาย การทีเรามีสติอยู่ตลอดเวลา...แล้วบอกตัวเองว่ามันเป็นธรรมชาติและ

    เป็นธรรมดา...กราบขอบพระคุณหลวงปู่เจ้าค่ะน้อมกราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้า

    ...และขออนุโมทนากับคุณอุษาวดี ที่เอาธรรมะของท่านมาเป็นธรรมทานสาธุค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2013
  18. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    พระธรรมสิงหบุราจารย์...

    ...ท่านกล่าวไว้ว่า...ไปให้พระช่วย แต่เสียใจด้วยนะ ต้องช่วยตัวเองสิ...

    ...อัตตา หิ อัตตโน นาโถ...ตนเป็นที่พึ่งของตน" คือ

    ...๑.ต้องช่วยตัวเองได้...๒. ต้องพึ่งตัวเองได้...๓.ต้องสอนตัวเองได้...

    ...ถ้าสามหลักนี้ไม่มีกับโยมคนใด...คนนั้นจะเป็นที่พึ่งตนไม่ได้...

    ...พระท่านจะช่วยเราได้อย่างไร พระพุทธองค์ก็ไม่อาจช่วยเราพบความดีและความสุขได้

    ...ถ้ามนุษย์เราจะมีความสุขได้ด้วยการวิงวอน...มนุษย์ก็คงไม่ต้องทำอะไร...

    ...นอกจากสรรเสรญคุณพระผู้เป็นเจ้าหรือหาสิ่งของมาบูชา...แล้วก็ขอสิ่งที่ตนปรารถนา

    ...และถ้าบาปล้างด้วยพิธีกรรม...คนเราจะกลัวทำไมกับการทำความชั่ว...

    ...เพราะเมื่อเราทำแล้วก็ไปสารภาพผิด...หรือลงอาบน้ำที่แม่น้ำคงคาที่ว่า

    ศักดิ์สิทธิ์...ซึ่งถ้าเป็นความจริงตามที่กล่าวมาแล้ว สัตว์น้ำที่เกิดในแม่น้ำคงคา เช่น...

    ...ปลา ปูเต่าก็คงจะมีความบริสุทธิ์ไปสวรรค์ได้มากกว่ามนุษย์ ...

    ...เพราะสัตว์เหล่านี้อาบน้ำนั้นทุกวัน...

    พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมุโม.กราบหลวงพ่อด้ยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุ...
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คำว่า "อรหันต์"
    ใครๆก็พูดได้ แต่คนส่วนใหญ่ปฎิบัติกันไม่ได้

    อย่าเป็นอรหันต์แค่ปาก จงเป็นอรหันต์ที่จิตที่ใจ
    อย่าเที่ยวไปบอกกล่าว ไปพูดกับใครเขาว่าเรานั้นเป็นอรหันต์
    ขอให้เป็นอรหันต์ที่จิตที่ใจ อรหันต์ที่ความคิดพูดทำของเราเท่านั้น
    แต่ถ้าเราคิด ถ้าเรารู้จักความหมายของคำว่า อรหันต์ เป็นอย่างดีแล้ว
    จงกระทำตามแบบอย่าง ตามความหมาย คำว่า อรหันต์ ให้ได้เสียก่อน
    เพราะคำว่า "อรหันต์" คือผู้ที่ปราศจากกิเลสหรือไกลจากกิเลสตัณหาฯทั้งปวง
    แล้วหันกลับมาดูที่จิตของเราโดยตรง ว่าละปล่อยวางหรือทำอาสวกิเลสให้สิ้นแล้วหรือยัง?
    อาสวกิเลส คือกิเลสที่หมักหมมนอนเนื่องทับถมอยู่ในจิต อันได้แก่ กาม(ติดใจรักใคร่ในกามคุณ)
    ภพ(อยากเป็นโน้นเป็นนี่) ทิฎฐิ(เห็นผิด หัวดื้อหัวรั้น) อวิชชา(ความไม่รู้จริง ความลุ่มหลงมัวเมา)
    โดยมิต้องไปถามใคร เพราะตัวของเราหรือผู้ปฎิบัตินั้น ย่อมรู้ดีกว่าใครๆ

    เพราะฉะนั้น ชาวจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ จิตบุญ ผู้ปฎิบัติหรือผู้เจริญทั้งหลาย
    ก็อย่าสนใจ อย่าไปให้ความสำคัญกับคำบัญญัติหรือสมมุติขึ้นมานั้นกันเลย
    แต่ขอให้สนใจว่าจะออกจากทุกข์ของเราได้อย่างไรก่อน อย่างอื่นอย่าเพิ่งไปคิด
    โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติ ขอให้สนใจเรื่องสติอยู่กับปัจจุบัน มีสติอยู่ทุกขณะจิตให้ได้ก่อน
    ผู้ปฎิบัติจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาศีลให้ครบบริบูรณ์ของเราให้ได้ก่อน
    จึงค่อยเข้าสู่กระบวนการทำจิตของเราให้นิ่ง ให้เป็นสมาธิ ให้เกิดปัญญา ต่อไปฯ

    โดยการเจริญสติภาวนา สำหรับที่นี่(จิตเกาะพระ) เจริญสติหรือสร้างสติ โดยการระลึก
    หรือนึกถึงพระมาเป็นอารมณ์ สำหรับผู้มาใหม่ ผู้ปฎิบัติใหม่จะต้องกำหนดด้วยสติเราก่อน
    และกระทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะจำภาพพระเองได้ หรือภาพพระปรากฎในใจเรา
    จิตเกาะพระนั้น มิใช่ของแปลก มิใช่ของใหม่แต่อย่างใด เหตุที่ได้ผลเร็วหรือจิตพัฒนาไว
    ก็เพราะว่าจิตเกาะพระประกอบไปด้วย 2 กรรมฐานด้วยกัน ได้แก่ พุทธานุสสติ+กสิณ
    ผู้ปฎิบัติจิตเกาะพระ โดยเฉพาะจิตบุญทั้งหลาย ท่านจะทราบเป็นอย่างดี
    สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติอยู่ แต่ยังไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะเรามีความศรัทธาอย่างเดียว(?)
    แต่ขาดความเพียร หรือมีความเพียรน้อยเกินไป หรืออาจติดวาระกรรม คือพ่วงกรรม
    โดยเฉพาะกรรมไม่ดีในครั้งอดีตและปัจจุบันเข้าไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องศีลของตน
    เรารักษาศีลหยาบ(ศีล ๕)เป็นอย่างต่ำ และครบบริบูรณ์หรือไม่ เพราะในการรักษาศีล
    เราจะต้องดูแล สนใจและให้ความสำคัญเรื่องศีลของเราอย่างเคร่งครัด เพราะไม่มีใคร
    มาดูแล มาช่วยเรารักษาศีล เราหรือผู้ปฎิบัติเท่านั้น จะต้องดูแลเรื่องศีลของตนเอง

    สรุปแล้ว ส่วนใครจะทำได้แค่ไหน ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฎิบัติเองทั้งนั้น
    เพราะจะต้องนำจิตของเราเองไปเรียน มิใช่กาย!
     
  20. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ก็เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในตู้ ว่ายวนเวียนไปมาไม่รู้จบ จะไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ นอกจากความตายหรือหลุมศพนั้นเอง...มนุษย์ทุกชีวิตจะต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของแน่นอนที่สุด แล้วทําไมคนเราจึงต้องมากลั่นแกล้ง ทะเลาะกัน เกลียดชังกัน อิฉจาริษยากันเพื่ออะไร ทําไมไม่อภัยให้ซึ่งกันและกัน ทําให้เกิดสุข จิตจะได้สงบไม่กลุ้มใจ ทําให้ประสาทไม่ตึงเครียดดังนั้น เรามาร่วมกันหันเข้ามาหาธรรมะเพื่อจะได้มีจิตสงบ สบายคลาดทุกข์และจะได้ละ"โลภ โกรธ หลง" เพื่อตัดกิเลสความอยากดัง อยากเด่น อยากสวย อยากรวย อยากได้เกรียรติยศ ล้วนแต่เมื่อได้แล้วไม่จีรังยั่งยืนตลอดไปเมื่อได้แล้วถึงเวลาก็เสื่อมได้เช่นกัน เหมือนกับสังขารของเราๆท่านๆก็มีแต่จะเสื่อมไปไม่มีวันจะกลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกต่อไปมีแต่จะ แก่ จะเจ็บ แล้วก็ตายไปสู่ความจริงของธรรมชาติของร่างกายเพราะไม่มีใครห้ามไว้ได้นั้นเอง...
    ที่มาหนังสือธรรมะและบทสวดมนต์
     

แชร์หน้านี้

Loading...