@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

<iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/PSUylgMgcBE?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

............................

 

บ่อยครั้งที่มีผู้ต้องการปฏิบัติไปกราบนมัสการและแจ้งความประสงค์ขอปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลวงปู่ยินดีมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งมีผู้มาขอปฏิบัติกับท่านโดยพูดว่า

“ผมอยากมาลองปฏิบัติดู เขาว่าทำแล้วดี”

หลวงปู่ท่านรีบตอบว่า

“ไม่ต้องลอง ทำเลย ขืนลองก็ไม่เจอของดีสักที ธรรมะไม่ใช่ของลอง เป็นของให้ทำจึงจะเห็นผล”

ผู้เขียน “หลวงปู่มีวิธีการ หรือหลักการอย่างไร ในการเผยแพร่กับหมู่คณะที่มาปฏิบัติ”

หลวงปู่ “เราไม่ใช่อาจารย์ เราแอบทำเพราะเราไม่สามารถประกาศได้มากกว่านี้ เพียงแต่ข้าตั้งจิตอธิษฐานว่าคนใดก็ตามที่เคยทำบุญร่วมกันมา ขอให้ได้มาพบกันแล้วมาปฏิบัติธรรมเพื่อให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ชาตินี้ ก็ให้ได้ชาติต่อๆ ไป บางคนเขามาแล้วก็เลยไปยังไม่ทันได้ชิม บางคนชิมแล้วยังไม่ทานก็ไป แสดงว่าเขาไม่ได้ทำบุญร่วมกับเรามาก็แค่นั้น”

ผู้เขียน “บางครั้งพระที่ดี คนในท้องถิ่นมักจะไม่ได้ของดีอย่างเช่น หลวงปู่ปาน”

หลวงปู่ “แล้วแต่บุญของเขา อย่างพระของข้า ข้าก็แจกๆ กันไป คนไกลเขาก็ได้กัน คนใกล้ไม่ค่อยได้”

ผู้เขียน “อย่างนี้เขาเรียกว่า ใกล้เกลือกินด่างใช่ไหมครับ”

หลวงปู่ “ ใกล้เกลือตีนด่าง เพราะมันเหยียบเลย ข้าโดนมาโชกแล้ว แต่ข้าไม่สนใจ ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น เรื่องของบุญใครทำใครได้ ทำให้กันไม่ได้ เหมือนกับใครหิวข้าวก็ต้องกินเอง ใครกินใครอิ่ม บางคนต้องจ้างให้มาวัด แต่ก็มาไม่ถึงวัด เพราะแวะกินเหล้าข้างทาง บางทีให้ปฏิบัติแต่จะหวังรางวัลที่หนึ่ง หรือถูกหวย นั่นเละแล้ว ไม่ได้เรื่องแล้ว”

หลวงปู่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ใช่ปฏิบัติเพียงหลอกๆ จึงจะเจอของจริงได้ เมื่อใดก็ตามที่เราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติเหมือนกับการกินข้าว เหมือนกับลมหายใจ แสดงว่าเรามีที่พึ่งสำหรับตนเองแน่นอน

 

ประสพการณ์การสวดพระคาถาพระมหาจักรพรรดิ

เราได้รู้จักคาถามหาจักรพรรดิเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากหนังสือโลกทิพย์-โลกลี้ลับ และสวดเรื่อยๆมา ตามแต่ที่สะดวกคะ
จนมาปี 58-59ได้ศึกษาชักชวนเพื่อนๆร่วมพิมพ์หนังสือหลายรอบและช่วยกันแจกลูกแก้วพร้อมพระกรรมฐานให้ผู้คนที่มาร่วมทอดผ้าป่า กฐิน ตามวัดต่างๆ และบูชาพระมหาจักรพรรดิปางเปิดโลกขนาด 14 "ให้กับวัดบ้าง และบูชาที่บ้านเองด้วย
... เป็นคนสนใจโลกหลังความตาย
รู้สึกสงสารวิญญาณทั้งหลายที่อาจโดนทอดทิ้ง....แต่ตัวเองไม่เก่งอะไรเลย
ไปเที่ยวไหนวัดไหน สถานที่ไหนเก่าๆ ภูเขา ป่าเขาลำเนาไพร โรงพยาบาล เป็นต้น
ก็สวดแต่คาถานี้เพราะสั้นและครอบคลุมดี ...จำได้ง่าย
....แต่เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย 2556 หลังวันพระได้ 2 วัน
...ได้ฝันเห็นบ้านเกิดที่นครศรีฯ เราจะเดินข้ามถนนกับพี่อีก 2 คน (ซึ่งเป็นคนชอบไปวัดทำบุญอยู่เสมอๆ) และวัดก็ห่างกับบ้านประมาณ 300 เมตร ...แต่ยังไม่ทันข้าม ก็มีขบวนเดินเหมือนพาเพรด
...แต่....แปลกตรงที่...
ผู้ชายนุ่งโจงกระเบนดำ ไม่ใส่เสื้อ...ผู้หญิงใส่เสื้อดำกับผ้าถุงดำ...ทุกคนถือคบเพลิงกันหมดเลย...แต่เดินกันเงียบเรียงหน้ากระดานประมาณ 6-7 คน ทยอยเดินออกจากวัด แถวยาวมากๆ...หน้าตาแต่ละคนเศร้าสร้อยมาก บางคนรูปร่างโปร่งพอเห็นเป็นรูปร่าง...
เราถามพี่เขาว่า "ทำไมแถวยาวจังเมื่อไหร่จะได้ข้าม เขามาทำอะไรกัน"
พี่เขาตอบว่า "พวกนี้เป็นวิญญาณที่จะไปรับกรรม คบเพลิงคือดวงจิตของพวกเขา..."
เราเห็นพี่เขายืนสวดอะไรอยู่ เลยถามว่า "สวดอะไร"
เขาบอกว่า "สวดสัพเพให้พวกเขา"
พี่สองคนเดินไปอีกด้านไปยืนสวดท่องสัพเพสัตตาฯ...
ตัวเราเองยืนคนเดียวเลยสวดสัพเพสัตตาฯบ้าง
แต่พอแถวใกล้จะหมด...เราเลยนึกขึ้นได้ว่าสวดคาถามหาจักรพรรดิดีกว่า
(เพราะคิดว่าสวดคล่องและคงตรงจุดประสงค์ที่สุด)
....ขณะสวดปรากฏว่าพอเขาเดินมาถึงจุดที่เราสวดพอดี...แสงที่ตัวพวกเขามีออร่าหน้าเบิกบานยิ้มแย้มแล้วร่างกายกลายเป็นธาตุอากาศต่างสีกันหายขึ้นไปชั้นฟ้า
....ทุกแถวที่มาถึงเราจะเป็นแบบนี้หมด ทั้งๆก่อนเดินมาตรงจุดเราสวด คนอื่นต่างก็สวดบทอื่นกันให้...แต่แสงมาเปลี่ยนตรงที่เราสวดบทมหาจักรพรรดิ.....จนจบแถว
นึกเสียดายที่เพิ่งมาสวดให้พวกเขาตอนแถวจะหมด...สงสารดวงจิตก่อนที่เราจะท่องคาถานี้ไม่รู้ป่านนี้ปรับภพภูมิหรือยัง
.....จากนั้นก็จำไม่ได้แล้ว
.....ตื่นมาจดบันทึกไว้เลย...และได้เล่าให้คนอื่นฟังบ้างเพื่อให้เห็นความสำคัญของคาถานี้....แล้วคุณละคะมีประสบการณ์อะไรบ้างรึยังคะ...เล่าเลยคะ


Tan Panpunpee

 

ตาเห็นรูป จิตเห็นนาม เป็นอย่างไร ?

ตาเห็นรูป จิตเห็นนาม เป็นอย่างไร ?
ฟังหัวข้อนี้จากหลวงตาม้า คลิก https://www.youtube.com/watch?v=oM9iRoiilFk
- - - - - - - - - - - -
ซึ่งมีอธิบายหัวข้อนี้ในอีกหลายเทป แต่ยกตัวอย่างมาเพื่อความเข้าใจเบื้องต้น ติดตามฟังได้ในการถามตอบธรรมะแต่ละวัน
***ฟังหัวข้ออื่นๆ คลิก https://www.youtube.com/playlist…
- - - - - - - - - - - -
ฟังการถามตอบธรรมะแต่ละวัน(เรียงตามวันที่)คลิก https://www.youtube.com/ch…/UC_MiA_swJvFKDUnNnXe_tMA/videos…
- - - - - - - - - - - -
เว็บไซต์วัดถ้ำเมืองนะ คลิก วัดพุทธพรหมปัญโญ:วัดถ้ำเมืองนะ - Index
- - - - - - - - - - - -
กราบสาธุ

 

ประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ลูกแก้วฯ

ประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ลูกแก้วที่เคยทำและรู้สึกคือ ส้มได้ลูกแก้วพร้อมหนังสือมาจากการส่งไปขอเป็นจำนวนมากส่วนนึงส้มแจกไปเฉพาะคนที่จะศรัทธาค่ะ แต่ลูกแก้วอยู่ที่ส้มเยอะอยู่คะ แต่หนังสือเกือบหมด เสร็จแล้วลูกแก้วส่วนที่เหลือส้มก็เก็บไว้เอง เป็นจำนวนไม่น้อย อาศัยว่ามีโอกาสว่างหรืออยากสวด ส้มก็จะมาภาวนา พร้อมกำพระที่ได้รับแจกมาด้วยค่ะ แต่ส้มก้อไม่รู้ว่าทำถุกไหมแต่ก็กำรวมกันเลย พอสวดไปได้ไม่นานไม่กี่ครั้งพระในมือส้มก็ดิ้นได้สั่นได้ค่ะอยู่ในมือ ยิ่งสวดนานขึ้น ยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งสวดยิ่งสั่นหนักขึ้น และเป็นสมาธิมากขึ้นค่ะ แม้แต่ในฝันส้มก่อสวดมหาจักรพรรดิได้ขึ้นใจ ท่องชัดทุกประโยคเหมือนดังก้องออกจากใจ ฝันร้ายทีไรบทสวดมนต์ก้อจะท่องออกจากใจส้มทันที ขณะในฝันเสียงก็ดังก้องชัดถ้อยทุกคำ แล้วสิ่งเลวร้ายก้อผ่านไป ส่วนในชีวิตจริงสวดมนต์จักรพรรดิแล้ว เวลาส้มขอสิ่งที่ปราถนา ภาวนาขอให้หลวงปู่กับหลวงตาช่วย ก็จะสำเร็จไม่พลาดสักครั้งเลยค่ะ สำเร็จทุกอย่าง แต่ส้มจะขอแต่เรื่องที่จำเป็นและเป็นไปได้และพยายามทำด้วยตัวเองด้วยน่ะค่ะ สิ่งนั้นจึงสำเร็จค่ะ ทุกวันนี้ส้มมีหลวงปู่หลวงตาในใจ เปรียบเสมือนพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ รักและเทิดทูนถึงที่สุด ทุกวันนี้ส้มไม่เคยต้องการอะไรจากท่านเพียงแต่อยากให้ท่านอยู่ในใจและเรารักและคอยเป็นกำลังในใจของส้มแบบนี้ตลอดไปค่ะ กราบนมัสการหลวงปู่หลวงตาค่ะ

Zom zom Orange






https://www.facebook.com/Ghostcente...697637591656/1312953882066021/?type=3&theater

 

๏ กูบวชเพื่อล้างความชั่วในหัวใจของกู ๏

หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ

 

"กรรมขัดขวางการภาวนา หนักหนาสาหัสมาก"

"กรรมขัดขวางการภาวนา หนักหนาสาหัสมาก"








แม้กัปนี้พระพุทธเจ้าผ่านไปได้พระองค์ที่สี่แล้ว
ด้วยเหตุแห่งกรรมนั้น ยังไม่ได้ขึ้นมาจากนรกเลย
(ปกิณกธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)



ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์หลวงปู่ผู้สนใจธรรมปฏิบัติกำลังนั่งภาวนาเงียบอยู่ ไม่ห่างจากท่านเท่าใดนัก บังเอิญมีแขกมาหาศิษย์ผู้นั้นแต่ไม่เห็น ก็มีศิษย์อีกท่านหนึ่งเดินเรียกชื่อท่าน "ผู้กำลังภาวนาอยู่" ด้วยเสียงอันดัง และเมื่อเดินมาเห็นศิษย์ผู้นั้นกำลังภาวนาอยู่ ก็จับแขนดึงขึ้นมาทั้งที่กำลังนั่งภาวนาเมื่อผู้นั้นห่างไปแล้ว หลวงปู่ท่านจึงเปรยขึ้นมาว่า
"ในพุทธกาลครั้งก่อน มีพระอรหันต์องค์หนึ่งกำลังเข้านิโรธสมาบัติ ได้มี "นกแสกตัวหนึ่ง" บินโฉบผ่านหน้าท่านพร้อมกับร้อง "แซก" ท่านว่า นกแสกตัวนั้นเมื่อตายแล้วได้ไปอยู่ในนรก แม้กัปนี้พระพุทธเจ้าผ่านไปได้พระองค์ที่สี่แล้ว นกแสกตัวนั้นยังไม่ได้ขึ้นมาจากนรกเลย"
___________________________________
หมายเหตุ : เรื่องที่กล่าวมานี้ จึงเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของ "ป้ายเตือนในวัด" ที่ติดเตือนไว้ว่า ห้ามส่งเสียงดังรบกวน ที่นี่เป็นวัด ต้องการความสงบสงัด เป็นสถานที่อบรมภาวนา ดังนั้นพวกเราชาวพุทธทั้งหลาย จึงควรพึงระวังในการเข้าวัดวา อย่าคึกคะนองจนเกินเหตุเกินผล เพราะเข้าใจว่า "เป็นกรรมเพียงเล็กน้อย" ไม่มีผลต่อเรา ซึ่งเป็นผู้แบกบาปหาบกรรม จึงเป็นผู้มีแต่ความประมาทขลาดเขลาทุกขณะจิต เมื่อสิ้นสุดชีวิตลงไป ย่อมตกนรกหมกไหม้ ร้องไห้คร่ำครวญกันระงม เบียดเสียดยัดเยียดกันอย่างแน่นหนา ดั่งข้าวสาร เมล็ดถั่ว เมล็ดงา จึงควรสำเหนียก พึงสำรวมระวังใน กาย วาจา ใจ ให้ดีในทุกกาลสถานที่ เพราะนรกสวรรค์ ถูกกั้นด้วยเส้นใยบางๆที่เรียกว่า "จิตเจตนา" คือ "ใจนั่นแล" ซึ่งใจเรานี่เองเป็นเหตุแห่ง กาย วาจา คือ การกระทำ และคำพูด เป็นผลให้เกิด "กรรมวิบากกรรมดีชั่ว" เพราะมีใจเป็นนายใหญ่ คุมบังเหียน คอยสั่งการดีชั่วในทุกกรณี

 

บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน


"สวดมนต์วันละนิดวันละหน่อยจะมีอานิสงส์อย่างไรครับ?"


เดี๋ยวก่อน เวลาสวดมนต์เป็น "อุปจารสมาธิ"สวดมนต์นี่เป็นอุปจารสมาธิตรง เทวดาชั้น ยามา ที่จะอยู่
(๑) รักสวดมนต์เป็นปกติ กับ
(๒) เจริญสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ
๒ อย่างนี่อยู่ชั้น ยามา ได้ สวรรค์มี ๖ ชั้นนี่ไม่ใช่ใครจะอยู่ไหนก็ได้นะ เขามีกฎมีเกณฑ์ของเขา
อย่างตำรวจนี่ต้องอยู่สถานีตำรวจ ไม่ใช่อยู่ที่วัด พระอยู่วัดไม่ใช่อยู่สถานีตำรวจ (หัวเราะ) ก็เหมือนกัน ก็มีกฎมีเกณฑ์การเข้าอยู่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือวันหนึ่งจิตว่างจากกิเลสชั่วขณะจิตหนึ่ง มันเหมือนกับนํ้าใสๆ และสะอาดหยดแปะ วันละหนึ่งแปะ แปะเดียว ถ้าร้อยวันก็ร้อยแปะ ไม่นานก็เต็มขวด
พระพุทธเจ้าใช้ศัพท์ว่า
"โถกัง โถกัง" เหมือนนํ้าฝนตกมาทีละหยาดๆ ก็สามารถทำภาชนะให้เต็มได้ กำลังความดีที่ทำจิตให้ว่างจากกิเลสวันละนิดๆ หนึ่ง ไม่ช้าอารมณ์จิตก็เต็มด้วยบารมี บารมีเต็ม มันตกมาทีไอ้ตัวสกปรกก็หายไปหน่อย ไอ้สะอาดลงมา ไอ้ตัวสกปรกหายไปนิดใช่ไหม หล่นมาอีกทีสกปรกหายไปนิด มาอีกทีสกปรกหายไปนิด พอนานๆ เข้าไอ้ตัวสกปรกอยู่ไม่ได้ การทำด้วยจิตสบายดี

หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

 

สวัสดีค่ะ..ข้าพเจ้าได้สวดบทจักรพรรดิมา 4 เดือนกว่าแล้ว แต่เวลา 4เดือนที่ข้าพเจ้าได้สวดมาไม่ธรรมดาจริงๆ...เพราะมีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ.....
1.ใจเย็นลง
2.ให้เรามีสัจจะ เพราะหลวงปู่บอก"สัจจะ" คือบารมี โดยข้าพเจ้าตั้งสัจจะว่า"จะสวดมนต์จักรพรรดิตลอดชีวิต
3.ศาตร์ของหลวงปู่ สอนให้เรามีเมตตา โดยให้เราช่วยปรับภพภูมิให้วิญญาน โดยการแผ่เมตตานั่นเอง
4.ตั้งแต่ข้าพเจ้าและครอบคร้ว อธิษฐานฝากดวงไว้กับหลวงปู่ดู่ เห็นได้ชัดเลยว่า ดวงชะตาเปลี่ยน เพราะเคยอธิฐานขอ อาชีพกับหลวงปู่ ซึ่งก็เป็นตามคำขอจริงๆ ณ ตอนนี้ ข้าพเจ้าได้ทำกิจการโดยส่งชานมส่งขาย ซึ่งก็ขายดีจรืงๆ กราบนมัสการหลวงปู่ ที่ทำให้ลูกศิษย์คนนี้มีอาชีพมีกิจการของตนเอง
*สรุป*คือ หากเรามี"ศรัทธาในองค์หลวงปู่"เป็นที่ตั้งแล้ว ข้าพเจ้า เชื่อว่า เราทุกคนก็จะสมความปรารถนาไว้ทุกประการ...สาธุๆๆขอบพระคุณพี่ๆน้องๆทีมงานทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ภัควิภา ใยสุ่น


https://www.facebook.com/Ghostcente...697637591656/1314691681892241/?type=3&theater

 

<iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/4pze1Nl-mE8?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



<iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/v1qsmVWdHa4?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>







<iframe width="853" height="480" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/Y5q-NDH-g4U?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

วิธีส่งวิญญาณที่ฆ่าตัวตาย,ถูกทำแท้ง และวิธีดูว่าเขาไปหรือยัง ?
>> ฟังคำตอบจากหลวงตาม้า ในหัวข้อนี้ คลิก https://www.youtube.com/watch?v=7EDDkMfv2tU

 

ความฝันอันสูงสุด



มีอยู่คืนหนึ่งหลวงปู่ดู่เล่าว่า ท่านฝันว่ากินดาว ๓ ดวง ลักษณะที่กินเหมือนกินขนมปังกรอบ เมื่อตื่นขึ้นมานึกสงสัยว่า เราจะมีโชคลาภถูกรางวัลที่หนึ่งกระมัง เมื่อคิดไปคิดมาหลายตลบก็ยังลงเอยไม่ได้ แต่คิดว่าคงเป็นของสูงกว่านี้ ประกอบกับในขณะนั้นท่านเจ้าคุณ(หลวงปู่ใหญ่)เจ้าอาวาสวัดสะแก ท่านได้ให้หลวงปู่ดู่ช่วยเสกพระสมเด็จให้ท่าน พร้อมทั้งกำชับให้คาถาเพื่อใช้กับองค์พระด้วย หลวงปู่ดู่บอกว่าสูบบุหรี่ไปหลายมวนก็ยังหาคาถาไม่ได้ ในแวบหนึ่งของจิตท่าน คิดว่าทั้งสามโลกนี้จะหาอะไรมาสูงสุดเทียบกับอำนาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านมองไปที่ถาดสมเด็จ แล้วระลึกถึงไตรสรคมณ์เท่านั้นก็เป็นขึ้น คำว่า ขึ้น ในที่นี้คืออาการเกิดปิติขึ้น ทางกาย ทางใจ และมีสิ่งที่ติดตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ความสว่างเป็นต้น จนในที่สุดท่านก็สรุปคาถาที่จะให้กับหลวงปู่ใหญ่ว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และหลังจากนั้นท่านก็ได้มอบคาถานี้ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการภาวนา


หลวงปู่ดู่พูดว่า หลวงปู่ทวดกล่าวว่า ไตรสรณคมน์ นั้น เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก่อนบวชก็เป็นพระสงฆ์ เมื่อมาค้นพบพระสัจธรรมก็เป็นพระพุทธเจ้า พุทโธนั้นแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งเป็นดอกหรือผลที่เกิดขึ้น ต้องมีไตรสรณคมน์ก่อนจึงจะเป็นผู้รู้ได้


เกี่ยวกับไตรสรณคมน์นี้ หลวงปู่บอกว่า ถ้าจิตเราเป็นแล้วเพียงฟังคนอื่นเขาพูดก็เป็นขึ้นมาได้ เมื่อกึ่งพุทธกาลวั้นนั้นฉันเดินไปถาน(ห้องส้วม)ซึ่งเมื่อก่อนอยู่หลังวัด แค่หูแว่วไปได้ยินเสียงเจ้าคุณกำลังให้ศีลบนศาลา พอได้ฟังแค่นั้นก็เป็นแล้ว ห้ามอย่างไรก็ไม่ได้ แสงสว่างที่ปรากฏเต็มไปหมดตั้งแต่นั้นมาก็มืดเลยแก้ไม่ถูกไม่รู้จะแก้อย่างไร
การที่หลวงปู่พูดเช่นนี้ ลูกศิษย์ทั้งหลายเข้าใจว่า หลวงปู่โดยปกติเป็นผู้ถ่อมตัว เมื่อมีคนไปถามเรื่องอะไรมากๆท่านจะพูดว่า"ข้าไม่รู้ ข้ายังมืดอยู่ มืดมาตั้งแต่กึ่งพุทธกาลแล้ว"อาจารย์ศุภรัตน์เองเคยเรียนถามท่านว่า "มืดแล้วใจหลวงพ่อ เป็นอย่างไรครับ"ท่านตอบว่า"ก็เฉยๆสบายดีไม่เห็นเป็นอะไร ตามเรื่องของมัน จะสว่างเมื่อไหร่ก็ช่าง สว่างเมื่อไรข้าก็อยู่ไม่นานแล้ว"และสิ่งที่ทำให้อาจารย์สบายใจ เมื่อหลวงปู่พูดว่า "ขืนบอกว่าสว่างซิ รถจากวัดสะแกไปถึงถนนใหญ่ยังไม่พอเลย จะตายไวขึ้น"มีครั้งหนึ่งอาจารย์เคยเรียนถามหลวงปู่ว่าถึงการปฏิบัติสมาธิสมาธิ "การที่หลวงปู่สร้างผงพระนั้นหลวงปู่ก็ต้องเคยพบกับความสงบแล้วซิครับ" ซึ่งสาเหตุของการถามเรื่องนี้ เกิดจากการที่ท่านสอนว่า "พยายามปฏิบัติเข้า ให้ใจถึงความสงบ ข้าเองปฏิบัติมาตั้งนานยังไม่สงบซักที"


แต่สิ่งที่หลวงปู่ตอบ ทำให้อาจารย์ศุภรัตน์มีความปิติใจมาก คือ ท่านตอบว่า"สงบแบบนั้น มันครั้งคราวไม่แน่นอนแต่เมื่อถึงพุทธกาลน่ะซิ สงบจริงๆ"คงจะเข้าตามหลักที่ท่านว่า "นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี"

สงบที่แท้จริงนั้น คือ สงบจากกิเลส ตัณหา และอุปทานกระมัง

ที่หลวงปู่ท่านได้รับและสิ่งที่ท่านบอกว่ามืด อาจหมายถึงอวิชชานั้นเองที่มืด คือไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะจิตที่สะอาดสว่างและสงบเท่านั้น คือความว่างอย่างแท้จริง ซึ่งหลวงปู่คงให้ปริศนาธรรมสำหรับพวกเรา ซึ่งยังมืดบอดคลำหาหนทางอยู่


กายสิทธ์



https://www.facebook.com/photo.php?fbid=533351646848803&set=gm.1022835211157433&type=3&theater

 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/TBbDFFS5cCg?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>