@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

เย็นๆและหัวค่ำวันอาทิตย์ที่12มิย.59 สวดมนต์ภาวนาที่วัดอรุณฯ

"บรรยากาศที่วัดอรุณ ฯ วันนี้ช่วงบ่าย ๆ (๑)"
















แจกพระบูชาที่ทำจากซีเมนต์ขาวผสมมวลสารและผงจักรพรรดิฟรี





ครอบวิมานให้กับผู้เข้ามากราบ แถวยาวแค่ไหน ก็เมตตาทั่วถึง

 

"การสอบอารมณ์"

ท่านที่ฝึกปฏิบัติสวดมนต์ภาวนาคาถาพระมหาจักรพรรดิ เมื่อปฏิบัติแล้วอาจเกิดปัญหาข้อสงสัยในการปฏิบัติก็สามารถส่งคำถามเพื่อกราบเรียนถามหลวงตาม้าได้ทาง Facebook Ask luangta

อย่างไรก็ดี หลวงตาม้าท่านก็ได้สอนวิธีการสอบอารมณ์หรือการแก้ข้อสงสัยในการปฏิบัติด้วยตัวของเราเองไว้แล้ว ดังนี้

๑. "ใครจะทำกรรมฐาน จำไว้ให้ทรงอารมณ์ให้ดี จะได้มีแสงสว่างทุกลมหายใจเข้าออก"

๒. "เช็คอารมณ์ตัวเองบ่อย ๆ คิดดีหรือไม่ดี ให้ตรวจทุกวัน พิจารณาทุกวัน"

๓. "เน้นตอนที่สวดอารมณ์เป็นไง ถ้าอารมณ์สบาย ๆ การบันทึกกระแสของพลังงานมันก็เพิ่มขึ้น ถ้าอารมณ์ไม่ดี กระแสที่อัดมันก็ไม่เต็มที่"

๔. "ดูจิตว่ามันลดไหม โลภ โกรธ หลง ตัณหา อุปาทาน"

๕. "ทำยังไงก็ได้ให้อารมณ์ดีทั้งวัน เมื่อเกิดกระแสที่ไม่ดีต้องรู้ตัว และหนีให้ทัน"

๖. "ต้องทรงอารมณ์สบายให้ได้ ถ้ายังโกรธ หงุดหงิด ยังเกลียดอยู่ ก็ต้องเริ่มใหม่"

๗. "การทรงอารมณ์ให้ดีคือการภาวนาในใจ ใครทำได้ มันเป็นธรรมชาติ"

๘. "แค่ให้อารมณ์อยู่ในบทสวด ไม่นานความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้น อารมณ์ที่ไม่ดีในอดีตจะไม่มี เพราะเราทรงอารมณ์ที่ดีอยู่แบบไม่เผลอ"

๙. "คนที่จะมีสมาธิต้องอารมณ์สบายก่อน"

๑๐. "จิตทรงอารมณ์สบาย ๆ สวดแล้วเพลิน แสดงว่าจิตบันทึกแล้ว"

๑๑. "จิตเราถ้ากระทบอะไรต้องรีบดึงอารมณ์กลับมาให้เร็วเท่านั้น"

๑๒. "ระวังจิต ดูแลจิตให้อยู่กับคำภาวนา ทรงอารมณ์ให้ดี"

๑๓. "อารมณ์บางอารมณ์ที่มันเกิดเองขึ้นมา ให้รู้จักวางอุเบกขา พยายามใช้ความรัก ความเมตตาต่อตัวเอง ซื่อตรงต่อตัวเราเอง อย่ามีเลศนัยกับตัวเอง"

๑๔. "สวดมนต์ให้สงบ สวดให้เพลิน ใช้ได้"

๑๕. "ช่วงที่ภาวนาหรือสวดให้ดูว่าจิตเราไปที่ไหน จิตเราก็บันทึกที่นั่น"

(คัดสรรข้อความจากหนังสือคติธรรมคำสอนหลวงตาม้า)







https://www.facebook.com/photo.php?...748.1073741828.100010893124790&type=3&theater

 

กำลังที่แท้จริง อยู่ในใจตนเอง

 

ครั้งแรกที่ได้พบหลวงตาม้า(วัดพุทธพรหมปัญโญ(ดู่) กับรอยจารหลวงตา
เมื่อประมาณปี 47 ผมและเพื่อนได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงตาเป็นครั้งแรกและนำพระไปให้ท่านจารให้ แล้วได้อาศัยนอนที่กุฏิหลวงตา(กุฏิหลังเก่า)เพราะดึกแล้วท่านบอกนอนด้วยกันไม่ต้องกลับ
ระหว่างที่ท่านจารพระผมก็สังเกตุแล้วถามหลวงตาว่า หลวงตาครับทำไมหลวงตาถึงจารไม่เหมือนพระท่านอื่นครับ แล้วจารแบบนี้จะขลังเหมือนจารทั่วไปไหมครับหลวงตา (ด้วยความที่เคยเห็นแต่จารที่เป็นอักขระ) หลวงตาท่านก็บอกกับผมว่า "ลองหลับตาตั้งจิตดูสิ" ผมก็ลองหลับตาตั้งจิตเป็นสมาธิและกำหนดไปที่เหล็กจาร (เหล็กจารของหลวงตาตอนนั้นแปลกๆเป็นเหมือนช่อพระตัดแล้วทำเป็นเหล็กจาร พึ่งมารู้ทีหลังจากภาพหลวงปู่) ในขณะนั้นผมก็เห็นแสงหลายสีวิ่งออกจากปลายเหล็กจาร หลวงตาท่านก็ถามว่า "เป็นไงบ้างเห็นอะไรไหม) ผมก็ตอบท่านว่า เห็นแสงวิ่งออกจากเหล็กจารไปที่พระครับ หลายสีเลย ขาว เขียว แดง น้ำเงิน ส้ม เยอะแยะเลยครับ หลวงตาก็ยิ้มแล้วบอกว่า เขามาใกล้ๆสิ ก้มหัวลง แล้วหลวงตาก็ใช้เหล็กจารด้ามนั้น จารลงกลางกระหม่อมของผมและเพื่อน แล้วเป่าลงอีกที...ผมก็ได้มาเข้าใจทีหลังว่าแสงนั้นคืออะไร และข้อสงสัยว่า จารแบบนั้นจะขลังไหมก็หมดลง

CR เสือง่อม พยัคฆ์สามเสือ


https://www.facebook.com/1345658865...565886589151/1098189690226761/?type=3&theater

 

ตัวช่วยในการทำกรรมฐาน

 

" อะไรคือสิ่งสำคัญ...ของการตั้งกองบุญ "

ศิษย์ : หลวงตาคะเอ่อ...พลังงานของแต่ละสถานที่ๆ
เราไปตั้งกองบุญไว้นะคะ มันไม่ได้เกี่ยวกับการที่ว่า
พระจะเล็กหรือใหญ่

หลวงตา : ไม่เกี่ยว

ศิษย์ : แต่เกี่ยวกับสถานที่ตรงนั้น...มีการบันทึกบุญ
ตลอดเวลาหรือไม่

หลวงตา : ถูกต้อง...พระสร้างไว้แล้วเนี่ย มนุษย์ใน
ยุคนั้นสืบต่อรึป่าว หรือว่าปล่อยทิ้งลิ้งร้างคือไม่ๆเพิ่ม
แสงสว่าง...หรือมีการทำอะไรไม่ดีพูดถึงอ่ะ

มันก็มีพลังงานนั้นปะปนไปด้วย...เพราะฉะนั้นเวลา
เราสวดมนต์ไปตามที่ต่างๆนะ เราก็จะเห็นภาพพวกนี้
อยู่

ศิษย์ : ถ้าแบบนี้เวลาเราไปเนี่ย...เราก็ขอดูพลังงาน
ก่อน

หลวงตา : อือเราไม่ขอดูอะ...บางทีเราอยากดูเราก็ดู
บางทีเราไม่อยาก เราตั้งกองบุญเลยอะ ถ้ามันเป็น
ถ้ามันเป็นสถานที่มันอยู่ได้นาน...อย่างเจดีย์

อย่างพระพุทธรูป...อย่างพวกโบสถ์ วิหารที่มันอยู่ได้
นานน้านน่ะ หลวงพ่อท่านให้ตั้งกองบุญ ครอบวิมาน เป็นสื่อที่เราจะสวดมนต์แล้วมันจะไปตรงนั้น..ให้ภพ
ภูมิแถวนั้นปะมาณนั้นน่ะ

ถ้าเราสวดเนี่ย...ถึงเค้าไม่สวดถึงเค้าไม่ทำกรรมฐาน
แถวนั้นนะฮะ ถ้าเราสวดอยู่ประจำมันก็ไปตามรูป
ลักษณ์ที่เราไปอธิษฐานไว้

ศิษย์ : มันก็ลิ้งก์ไปอีก

หลวงตา : เออรูปลักษณ์ที่เราสร้างไว้...มันไปหมด
แหละ ตราบใดที่เรายังมีการสวดๆบทนี้อยู่น่ะ มันไป
ตามนั้นอ่ะที่เราไปที่เราสร้าง เพราะเราไปอธิษฐาน
ไว้ว่า...ใครสวดกำลังจักรพรรดิ

หรือไตรสรณคมน์...มารูปลักษณ์ที่ข้าพเจ้าอธิษฐาน
ตรงเนี้ย แล้วก็วิญญาณทั้งหลาย มนุษย์ สัตว์ น้อม
มาเอาบุญได้ตลอดเวลา

ศิษย์ : อย่างนี้ผลประโยชน์ก็เอื้อกันได้...เพราะว่าถ้า
บางครั้งสถานที่ตรงนั้นเนี่ย ไม่ค่อยมีการบันทึกบุญ
แต่ถ้าเราไปตั้งไว้...และเรารวมให้ตลอดส่งไปตลอด
อย่างเงี้ย วันนึงตรงนั้นก็จะปรับได้ใช่มั้ยคะ

หลวงตา : ถูกต้องฮะ...จากวิญญาณไปหาคนจากคน
ไปวิญญาณประมาณเนี่ย วิญญาณไปบอกคน
(หัวเราะ)...แล้วคนก็แผ่ให้วิญญาณ

มันเอื้อประโยชน์กัน...เอื้อในการเวียนว่ายตายเกิด อันนี้มันเป็นศาสตร์ของโพธิสัตว์ ในการสร้างบารมี
เราสร้างคนเดียวไม่ได้หรอกท่านบอก

ไม่มีใครทำได้...มันต้องมีพวก เราจะมีพวกเราก็สร้าง
ความดีไว้ให้มนุษย์ สัตว์ วิญญาณ ความผูกพันโดย
ความดีใช่ม่าเออ...ความผูกพันในความดี

เวลาเราอธิษฐาน...ในอนาคตเนี่ยมันก็ทำได้พูดถึง
แล้วจะสร้างความดีไว้ ถ้าเข้าใจแล้วมันจะไม่ยาก
หรอก ถ้าเข้าใจแล้วจะไม่ยากแล้วมันจะขยันถ้าเข้าใจ

นะฮะจะไม่ยากแล้วจะขยัน..เพราะว่าการเวียนว่าย
ตายเกิดมันเป็บเดียว หลวงพ่อท่านบอกแป็บเดียว
เท่านั้นน่ะ...ตดไม่หายเหม็นเอ็งก็ตายแล้ว เดี๋ยวเอ็ง
ก็เกิดใหม่แล้วเอ็งก็ตาย...เวียนว่ายตายเกิด
เป็นธรรมชาติ

ถอดคำเทศน์จากยูทูป : เผยแพร่เมื่อ 17 มิถุนายน
2016 จากหลวงตาม้าตอบปัญหา วันพุธที่ 15
มิถุนายน 2559
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่