@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    wpiEmcOH0xTdmNIQcM0u63pbWT_iD0AsFVqMYpFfK5ndRPUaDzIMHvEe3EBHMa3kM5IlzuBJ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    EUDyNt8FMHvw0ftup4fl4cl0eoZ05VaJE97DNCv2NuCKZXqlF6vrwkO-HQ8Em5HonfmDcWYp&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg





    คืนนี้เวลา 24.16 น. ครูบาท่านจะเริ่มจุดไต้อธิษฐานธรรมนี้ เลยขออนุญาตประกาศให้คณะศิษย์สำนักมังกรฟ้าเราทุกๆท่าน ตั้งใจสวดมนต์น้อมจิตภาวนาอธิษฐานรวมเป็นหนึ่งพร้อมครูบากฤษดา สุเมโธ อาศัยบารมีพระพุทธคุณธรรมบันดาลให้ โรคร้าย สิ่งร้ายทั้งหลายมลายสิ้น เรื่องร้ายๆให้กลายเป็นคดี หนักให้เบา เบาให้หาย ด้วยบารมีธรรมนี้ ขอให้ควันไต้พุ่งสู่ท้องฟ้ากระจายไปทั่วทั้งโลกธาตุขจัดเหล่ามารทั้งหลายตามที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมตั้งหมายไว้แต่ต้นเมื่อครั้นที่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่ สาธุๆ อย่างน้อยสิ่งมงคลน้อยๆนี้ก็เป็นส่วนๆหนึ่งเล็กๆยังเสริมพลังใจให้เราทุกๆคนมีกำลังใจ ให้ผ่านทุกๆอย่างที่ไม่ดีๆไปพร้อมกันได้ครับ


    2V1839B0KQV_MMDeuXLiv_fNTSi1ETaIgLE_6PScOiTw178WoFQ0WXCyhe3yJRc1b-6eICJR&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    4yDrQ8zcqR020-vXQB7QkDjc0TW-SJAM6_OkkDMe8A5SbjVtouWdCU6U5Q7AYJtiMdUGh2l1&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    ZELM2RaPWidvnlKH8KigYH-L1Q9RUGE41QkSABuOspZqigeCLEw_O1p0XzqE73MnEAnwXKaV&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    vPW0iVksQh-e2K6staAdkd6XuDjol8Aah3W7nbDkG4D8i45azwxfkxG3u7x83f9RI5umUDlH&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า "วันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด เป็นกระทิงวัน ปกติแล้ววันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ จะเป็นวันบวงสรวงไหว้ครูประจำปี ตามสายวิชาการของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค สืบทอดมาถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เมื่องดการจัดพิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชร ตามคำสั่งของทางคณะสงฆ์ และตามหนังสือขอความร่วมมือของทางราชการ

    อาตมาจึงแจ้งให้บรรดาสหธรรมิก ร่วมกันทำบวงสรวงไหว้ครูเพราะว่าเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ จึงมีการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างวัดท่าขนุน (พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.) วัดสี่แยกเจริญพร (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) และ บ้านสุมโน (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม)

    โดยหลวงพี่มหาเอ นำเอาบายศรีที่สั่งสำหรับงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชรของวัดท่าขนุนมาใช้งาน พระครูเทพ สั่งชุดบายศรีบวงสรวงต่างหาก ทิดเฟิร์ส ก็สั่งชุดบายศรีและพานไหว้ครูมาด้วย"

    "เมื่อเริ่มพิธี อาตมาถวายชุดบายศรีไหว้ครูต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทุกองค์

    จากนั้นกราบทูลอัญเชิญสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพระพุทธเจ้า...เจ้าของพระคาถาเงินล้าน และครูบาอาจารย์ที่จำเพาะเจาะจงในครั้งนี้ ได้แก่

    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
    หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ
    หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน
    หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
    หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

    ให้ร่วมกันอนุเคราะห์สงเคราะห์ ปลุกเสกวัตถุมงคล ทั้งในมณฑลพิธี และที่บ้านสุมโน ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ดังที่เคยให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์มาทุกครั้ง"

    "ทิดเฟิร์สกระซิบว่า "ขอแรง ๆ เห็นคาตาชัด ๆ เหมือนกับครั้งที่แล้วด้วยนะครับ" อาตมาได้แต่หัวเราะในใจ เรื่องของพระ เรื่องของพรหมเทวดา เรื่องของครูบาอาจารย์ กูกดปุ่มไม่ได้..! มีแต่ท่านจะกดกบาลกูเท่านั้น..!

    เมื่อเริ่มเข้าที่ภาวนา ก็วางกำลังใจตามที่พระท่านสั่ง แล้วก็เห็นญาติโยมจำนวนหนึ่ง ที่ตั้งใจขอรับบารมีพระอยู่กับบ้าน อีกจำนวนหนึ่งเตรียมของบูชาครูเอาไว้ แต่ไม่ได้เตรียมตัว คิดว่าไม่น่าจะเป็นเวลานี้ นับว่าน่าเสียดายมาก

    ครั้นเสร็จพิธี ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์ พระท่านให้ใช้บท อิติปิ โสฯ ถอยหลัง สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือ น้ำตาเทียนไหลเป็นสายลงในบาตร โดยมีเปลวไฟไหลตามไปด้วย เสียงระเบิดดังเพียะพะเป็นไฟพะเนียงไปทั่ว เทียนบูชาพระ เทียนสัตตบริภัณฑ์ ก็ระเบิดไล่เป็นลูกระนาดเวียนขวาไปจนครบทุกดวง..!

    ทิดเฟิร์ส ทิดดอย น้องเล็ก วิ่งมาช่วยกันถ่ายรูป จนต้องดุว่าให้ถ่ายวิดีโอไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีหลักฐาน อยากได้ของแรงดีนัก พระท่านจึงสงเคราะห์ให้แรงสะใจไปเลย..!"

    "เหตุการณ์นี้ทำให้อาตมานึกถึงคำของหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่ท่านสอนไว้ว่า "อย่าอวดดีกับผี อย่าลองดีกับพระ" สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง ถ้าอยากรู้ต้องฝึกฝนตนเองอย่างจริงจัง เพื่อให้เรารู้เห็น ไม่ใช่ไปท้าทายแบบหูหนวกตาบอด ถ้าทำแบบนั้นจะเจอดีเข้าสักวัน..!

    นับว่าเป็นโชคดีของทางวัดท่าขนุน วัดสี่แยกเจริญพร และบ้านสุมโน ที่พระท่าน ตลอดจนหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสงเคราะห์ให้ขนาดนี้

    วัตถุมงคลของวัดท่าขนุน อาตมานำเหรียญสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชิน ๑๐,๐๐๐ องค์ เนื้อทองเหลือง เนื้อทองแดง และเนื้อทองทิพย์ อย่างละ ๓,๐๐๐ องค์ เหรียญสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล ๗,๙๐๐ องค์ มาเข้าพิธี ขนใส่ "น้องแก้ว" รถคันที่ใช้เป็นประจำ วิ่งหน้าเชิดเริ่ดหยิ่งมาด้วยความหนักมาก"

    "ของวัดสี่แยกเจริญพร ท่านอาจารย์เทพ นำเอาผ้ายันต์พญาเต่ามังกรพลิกชีวิต มาเข้าพิธีชนิดที่โรงงานแทบจะร้องไห้ เพราะเมื่อได้ยินว่าพระอาจารย์ยอมให้นำเข้าพิธีด้วย ท่านก็สั่งทำอย่างชนิดที่ไม่ต้องยั้ง ไม่ถึงวินาทีสุดท้ายห้ามหยุดการผลิต พร้อมทั้งขนบรรดาเหรียญเต่ารุ่นต่าง ๆ ที่มีเหลืออยู่มาเข้าพิธีด้วยทั้งหมด...

    ส่วนท่านอาจารย์มหาเอนั้น ตั้งใจจะเป็นทัพหน้ารบกับไวรัส covid-๑๙ สั่งสร้างเหรียญพระไภษัชยคุรุ หรือที่เรียกว่า เหรียญอโรคยา มาเข้าพิธีด้วย แต่ไม่อยากเสี่ยงฝ่าด่านกักกันโรคมา จึงขออนุญาตตั้งไว้ที่บ้านสุมโน แล้วขอให้พระอาจารย์ส่งไลน์มาถึงด้วย..!"

    "ส่วนอาตมานั้น กราบขอบารมีครูบาอาจารย์ตั้งแต่เช้า บอกว่าขอผ่านทุกด่านโดยไม่มีปัญหานะครับ แล้วก็เหมือนกับทุกด่านไม่เห็นรถคันนี้ แม้กระทั่งทางด้านทิดเฟิร์ส ก็บอกว่าผ่านสะดวกเช่นกัน กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่เมตตาเป็นอย่างสูง

    ผู้ใดใช้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ วันละ ๓ จบทุกวัน ถ้าหากว่ามีเรื่องร้ายแรง ต้องการจะกลับร้ายกลายเป็นดี ให้ตั้งใจจุดธูปเทียนบูชาพระ แล้วภาวนา อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๑๐๘ จบ จากนั้นอธิษฐานเอาตามอัธยาศัย"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    hpCu9RtDRyiNedr5sI8KPqS7fZZO7vdj-qap0ED_hjv05viLZ1DXqf6kF-LaAdFKF_RoLZI7&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    กองบุญสร้างสถานเจริญพระกรรมฐาน บ้านฤทธิทางใจ เชียงใหม่

    ประกาศ
    .
    วันพฤหัสบดีที่ ๒ เม.ย. พ.ศ. ๒๕๖๓
    ในเวลา ๑๙:๑๙น.

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    และพระสารีบุตรเถระเจ้า
    เมตตาทรงโปรดพุทธานุญาต
    ให้จัด เป่ายันต์ทำน้ำมนต์

    ในครั้งนี้ท่านสงเคราะห์ให้ทุกคนรับยันต์ที่บ้านได้
    _________________________
    เพื่อบรรเทาความฝืดขัดความไม่คล่องตัวในชีวิต และโรคประจำตัวที่เป็นอยู่จะบรรเทาลง
    และโรคร้ายใหม่ๆจะทำอันตรายไม่ได้
    สารพิษยาพิษทั้งหลายเมื่อเข้ามาสู่ร่างกาย
    ของผู้รับยันต์จะสลายตัวไป..และจะมีความคล่องตัวอุปสรรคในชีวิตจะน้อยถอยลงไป

    ทำอะไรต่อจากนี้ไปก็มีความก้าวหน้ารวมถึงการทำกรรมฐาน..
    ___________________________

    ข้อห้ามคนรับยันต์
    -ห้ามดื่มสุรายาเสพติด
    -ห้ามอกตัญญูผู้มีพระคุณห้ามด่าว่าบุพพการี
    __________________________

    #ท่านที่จะได้รับยันต์สถิตคุ้มครองได้สมบูรณ์
    ต้องมีใจเคารพเชื่อถือในคุณพระและอานุภาพที่ท่านสงเคราะห์ถึงจะเกิดผล

    +ลำดับขันตอนการรับยันต์ที่บ้านตนเอง
    ก่อนเวลา ๑๙:๑๙น.

    เตรียมพานดอกไม้ ๕ ดอก (ไม่จำกัดสี)
    ธูปหอมห้าดอกเทียนหนึ่งคู่
    น้ำสะอาดตั้งใส่ขัน

    -อาบน้ำชำระกายให้เรียบร้อยสำรวมใจให้สงบ
    -ขอขมาพระรัตนตรัย, สมาทานศีลห้าและกรรมฐาน
    สวดมนต์บูชาพระตามสมควรแก่เวลา

    เมื่อถึงเวลา ๑๙:๑๙ ให้ตั้งใจอธิฐานดังนี้
    ข้าพเจ้าขอพึ่งพุทธบารมีของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันพร้อมพระสารีบุตรเถระเจ้า
    ทรงได้โปรดเมตตากรุณาเปล่งรัศมีเต็มอัตราลงมาเป็นยันต์ทำน้ำมนต์และอานุภาพมาสถิตปรากฎที่่กระหม่อมของข้าพเจ้าพร้อมน้ำในขันนี้ให้เป็นน้ำมนต์บรรเทาเคราะห์อุปสรรค โรคภัยทั้งปวง..

    และขอรับอานุภาพที่ท่านสงเคราะห์ในพิธีทั้งหมดทุกประการมาสู่ชีวิตข้าพเจ้านับแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบเท้าเข้าสู่นิพพาน (.. อธิฐานเพิ่มตามปราถนา..)

    และให้ทำใจเบาๆสบายภาวนา นึกภึงภาพยันต์ทำน้ำมนต์หรือจับภาพพระภาวนา นะมะ พะธะ
    ไปเรื่อยๆ ราว ๒๐ นาที
    แล้วจึงอุทิศส่วนกุศลถวายท่าน

    #ถ้ายันต์ทำน้ำมนต์เข้าสถิตในกาย
    จะมีข้อสังเกตุคือ บางท่านจะมีอาการหนักหน่วง
    ที่หน้าผากหรือกระหม่อม หรือหนักเหมือนอะไรกด
    ทั้งศรีษะบางคนปวดศรีษะ หรือเกิดภาพแสงรัศมีสีต่าง ๆ บางคนจะเกิดปีติซาบซ่านในกายอาการจะต่างกัน คล้ายยันต์เกราะเพชร

    เนื่องจากร่างกายของเราเป็นของหยาบ
    พุทธานุภาพเป็นของละเอียดจึงต้องปรับสมดุลจนกว่าสภาวะกายจะรับได้ ถ้ายันต์เข้าเต็มเมื่อไหร่ จะมีความรู้สึกเบาโปร่งสบาย บางคนอาจจะหนึ่งถึงสองวันกว่ายันต์จะสถิตเต็มตามสภาพกายและใจ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ต้นทุนน้อย แต่จบเท่ากัน

    ถาม :
    พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้ามีตลอดเวลาไหมครับ ?
    ตอบ : ต้องการให้ปรากฏถึงจะปรากฏ จะมีอยู่บางพระองค์ในอดีตที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา นั่นท่านสงเคราะห์บริวารของท่านโดยเฉพาะ แล้วก็มีบางองค์รัศมีไม่ได้มีเฉพาะแค่โลกของเรา พระพุทธเจ้ามีนามว่า มังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีท่านแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ ยิ่งกว่าพระอาทิตย์อีก

    ถาม : เห็นด้วยตาเปล่าหรือครับ ?
    ตอบ : ถ้าพระองค์ท่านแสดงก็เห็นด้วยตาเปล่า แต่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเราต้องบอกว่าพระรัศมีแคบที่สุด ไม่กี่วา หลายองค์มีรัศมีปกติก็ ๑ โยชน์ ในรัศมี ๑๖ กิโลเมตรนี่เห็นท่านหมด

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเราต้องไปดูในพุทธวงศ์ รู้สึกว่าทุกอย่างของพระองค์ท่านนี่จะน้อยกว่าคนอื่น และยากกว่าคนอื่นทั้งหมด มีอยู่พระองค์เดียวที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ลำบากกว่าเจ้าชายสิทธัตถะ คือพระพุทธนารทสัมมาสัมพุทธเจ้าออกเดินไป ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะของเราทรงม้าไป บางท่านทรงช้างไป บางท่านนั่งคานหามไป มีบางองค์ลอยไปทั้งปราสาทเลย ไม่ต้องลงจากปราสาท ท่านเจตนาจะออกมหาภิเนษกรมณ์ แล้วปราสาทถอนเสาลอยไปทั้งหลังเลย บารมีท่านขนาดนั้น

    พระพุทธเจ้าของเราบำเพ็ญเพียรนานที่สุด ๖ ปี มีหลายท่านที่บรรลุใน ๗ วัน อย่างลำบากเลยก็ ๖ เดือนบ้าง ๑ ปีบ้าง ต้องบอกว่าพระพุทธเจ้าของเราท่านทรงผจญทุกอย่างมาโชกโชนที่สุด ถ้าเปรียบกับพระพุทธเจ้าองค์อื่นแล้วก็ต้องบอกว่าต้นทุนน้อย ในเมื่อต้นทุนน้อยแล้วสามารถทำกำไรจนกระทั่งอยู่ในระดับมหาเศรษฐีเท่ากัน ก็ต้องคิดเหมือนกันนะว่าฝีมือขนาดไหน ? ถึงได้บอกว่าท่านเป็นปัญญาธิกะจริง ๆ ก็คือเป็นพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมาในด้านปัญญา ต้นทุนน้อย เรียนระยะสั้น แต่จบเท่ากัน

    ที่มา หลวงพ่อวัดท่าขนุน
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    Wk_WZzsqJomh2V68zklbVpk-asryPYYSGQVvBzv4SJLidl4U4ZanjIYTyNpfxQANOje1ZC6L&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : ภัยพิบัติของโลก คุณธรรมที่เป็นหิริโอตตัปปะ เพียงพอที่จะรักษาชีวิตไว้ได้ไหมครับ ?

    ตอบ : ถ้าหากว่ามีหิริโอตตัปปะจริง ๆ เว้นการทำชั่วทุกประเภท สามารถรักษาชีวิตได้แน่ แต่คราวนี้ส่วนใหญ่มีหิริโอตตัปปะไม่จริง มีเป็นบางเรื่อง บางคนก็ไม่มีสักเรื่อง..!

    ถาม : ถ้าพอมีบ้าง กรรมที่มนุษย์ได้กระทำไว้ก่อน ?

    ตอบ : ใครทำคนนั้นก็รับไป คนไม่ได้ทำก็รอดไป ขนาดเวียงหนองหล่มกับหนองหาน ก็ยังมีคุณยายรอดอยู่คนหนึ่ง

    เวียงหนองหล่มที่เชียงราย กับหนองหานที่สกลนคร อยู่คนละทิศละทางกันเลย แต่มีประวัติเหมือนกันก็คือ มีคนไปกินปลาไหลเผือก ซึ่งเป็นพญานาคแปลงกายมา ถึงเวลาพรรคพวกเขาก็มาอาละวาด คนที่กินก็โดนถล่มจมดินไปหมดทั้งเมือง ส่วนคุณยายอยู่คนเดียว ไม่มีปัญญาจะไปเอาเนื้อมากิน ก็เลยรอดชีวิตไป

    ถ้าเป็นสมัยนี้เขาว่าภูเขาไฟระเบิด.. ใช่ไหม ? แผ่นดินเลยยุบ แต่ที่บ้านสองแคว เมืองจะอีน ประเทศพม่า มีบ่อน้ำร้อน ร้อนเกิน ๖๐ องศา เขาว่าขนาดวัวทั้งตัวตกลงไป พอลอยขึ้นมาก็สุกแล้ว

    เขาบอกว่า ตามประวัติแต่เดิมชื่อว่า เมืองเกิน มีพระอรหันต์องค์หนึ่งเข้ามาบิณฑบาตที่เมืองนั้น เจ้าเมืองไม่พอใจ จึงสั่งให้ทุกคนบ้วนน้ำลายใส่บาตรแทน

    มีชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงเอาบาตรของพระท่านไปล้าง ล้างในหนองน้ำแล้วน้ำเดือดขึ้นมา พระอรหันต์จึงบอกชายหนุ่มคนนั้นว่าให้รีบหนีไปให้พ้นเสีย บ้านนี้เมืองนี้อยู่ไม่ได้ กำลังจะถล่ม กรรมหนักจะลงโทษคนชั่วทุกคน ชายหนุ่มเชื่อท่านก็หนี คนที่ไม่เชื่อก็หัวเราะเยาะ

    ปรากฏว่าถล่มจริง ๆ ร่องรอยที่เหลืออยู่ก็คือ ปล่องภูเขาไฟ 2 ปล่อง ส่วนน้ำที่เดือดคลั่ก ๆ นั่น ร้อนขนาดไหลห่างจากจุดกำเนิดเกือบ ๒ กิโลเมตรแล้ว เวลาแหย่เท้าลงไปยังสะดุ้งเลย

    กระโถนข้างธรรมาสน์ มกราคม ๒๕๖๒
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=cd616b20298a0046a6293b0a12b7b94f.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า "การเก็บตัวอยู่กับบ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ หลังจากจมอยู่ในโลกโซเชียลจนกระทั่งเบื่อแล้ว ก็จะมีส่วนหนึ่งหันกลับมาหาเพื่อนเก่า คือ หนังสือ ซึ่งโดนหลงลืมไปนานแล้ว

    จากผลงานวิจัยระบุไว้ว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยแล้วคนละ ๘ บรรทัดต่อวัน แสดงว่าเอาของอาตมาไปเฉลี่ยให้กับคนที่ไม่อ่านหนังสือเยอะมาก เนื่องจากว่าอาตมาเฉลี่ยแล้วอ่านหนังสือที่มีความหนา ๓๐๐ หน้าประมาณวันละ ๑ เล่ม

    ช่วงสมัครเข้าเรียนปริญญาเอก ท่านอาจารย์ผู้สอนให้คำแนะนำว่า ถ้ายังอ่านหนังสือมาไม่ถึง ๓,๐๐๐ เล่ม ยังไม่ควรที่จะมาเรียนปริญญาเอก เพราะว่าแนวความคิดยังไม่กว้างขวางครอบคลุมพอ

    อาตมาเรียนถามท่านอาจารย์ว่า "ถ้าอ่านเกิน ๓,๐๐๐ เล่มไปหลายเท่าตัว สามารถรับปริญญาเอกโดยไม่ต้องเรียนได้ไหมครับ ?" ท่านอาจารย์ก็ยังคิดว่าอาตมาพูดเล่น โดยไม่รู้ว่า #อาตมาอ่านหนังสือหมดห้องสมุดตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๒..!"

    "แม้ว่าจะเป็นห้องสมุดโรงเรียนประถมต่างจังหวัด ก็ต้องมีหนังสือนับพันเล่มอยู่แล้ว #พอมาเรียนชั้นมัธยมก็อ่านหนังสือหมดไปอีก๑ ห้องสมุด ถ้านับแค่ช่วงจบมัธยมก็น่าจะอ่านไปเกิน ๓,๐๐๐ แล้ว

    ช่วงที่เรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.๒ อาตมาอ่านหนังสือทุกเล่มที่พบ เพราะต้องการที่จะ "อ่านหนังสือให้แตก" คำโบราณนี้มาจากคำว่า "#อ่านหนังสือให้แตกฉาน" ก็คือสามารถอ่านหนังสือได้ทุกเรื่อง ทุกเล่ม ทุกประเภท #โดยเฉพาะคือต้องอ่านออกทุกคำ..!

    เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาจึงอ่านหนังสือที่คนเห็นว่ายากมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเรื่องแปลจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ชู้รักเลดี้แชตเตอร์เลย์ วัทเธอริ่งไฮม์ เดอะเรดโพนี่ ดิโอลด์แมน แอนด์ เดอะซี เป็นต้น"

    "ที่ครูทุกท่านเห็นแล้วขำกลิ้ง ก็คืออ่านตำราเพศศึกษาของด็อกเตอร์คินซีย์ ซึ่งมีคำแปลทับศัพท์ภาษาอังกฤษมากที่สุด ต้องไปถามครูมากที่สุดว่าแต่ละคำอ่านว่าอะไร ?

    เด็กชั้นประถมปีที่ ๒ ถือหนังสือตำราเพศศึกษา ไปเที่ยวไล่ถามครูทุกคนที่พบว่า "คำนี้อ่านว่าอย่างไรครับ ?" จนครูหลายท่านถามกลับมาว่า "เธอจะอ่านหนังสือแบบนี้ไปทำอะไร ?"

    เมื่อได้รับคำตอบว่า "ผมต้องการอ่านหนังสือให้แตกครับ" คุณครูก็เปลี่ยนจากท่าทีขบขัน กลายเป็นเอาจริงเอาจัง พยายามสอนให้ว่า คำนี้อ่านว่า ซิ - ฟิ - ลิด คำนี้อ่านว่า ออ - แก๊ด - ซ่ำ เป็นต้น

    ส่วนหนังสือหลายเล่มที่หนามาก ไม่มีใครยืมอ่านเลย อย่างเช่น พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน รามเกียรติ์ พระราชพิธีสิบสองเดือน หรือที่อ่านยาก เช่น ลิลิตตะเลงพ่าย สามัคคีเภทคำฉันท์ ก็จะมีชื่อของ "เด็กชายเล็ก" #ลงในช่องยืมและส่งคืนอยู่คนเดียว"

    "เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ม.ศ.๓) อาตมาไม่สามารถที่จะเรียนต่อได้ เพราะว่าสู้ค่าเทอมประมาณ ๓๐๐ บาทไม่ไหว อ่านมาถึงตรงนี้แล้วโปรดอย่าได้หัวเราะ ตอนช่วงเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ค่าเทอม ๒๒๐ บาท #ยังต้องรอจนเกือบจะถึงวันสุดท้ายของเทอมสุดท้ายทุกครั้ง จึงจะสามารถหามาจ่ายได้

    เพราะว่าโยมแม่มีลูก ๑๓ คน และมีนโยบายส่งลูกทุกคนให้เรียนหนังสือ โดยมีแนวคิดที่ว่า "#แม่ไม่รู้หนังสือทำอะไรก็เสียเปรียบเขา เพราะฉะนั้น..#ลูกต้องเรียน"

    เมื่อเป็นเช่นนั้น พอเรียนไปได้ถึงระดับหนึ่ง ที่พออ่านออกเขียนได้ พี่ ๆ ก็ต้องออกจากโรงเรียน เพื่อให้น้องได้มีโอกาสเรียนบ้าง ส่วนมากก็เรียนจบแค่ชั้น ป. ๔ บ้าง ป.๗ บ้าง

    มีอาตมาซึ่งอยากเรียนหนังสือมาก ทำงานรับจ้างหลังเลิกเรียน และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เก็บเงินเพื่อเรียนหนังสือ ซึ่งทั้งงานและรายได้ก็ไม่ได้มีมากพอ จึงต้องเลิกเรียนเมื่อจบแค่ชั้น ม.ศ. ๓ เท่านั้น"

    "เมื่อออกมาทำงานเป็นลูกจ้างฝึกหัด อาศัยอยู่กินกับเถ้าแก่ กว่าจะเรียนรู้จนมีฝีมือพอที่จะเป็นช่างได้ #ก็ต้องทำงานให้เขาฟรีถึง ๓ ปี

    เมื่อทำงานเป็นช่างรับค่าแรงครั้งแรก เงินเดือนออกเป็นรายอาทิตย์ ที่เรียกกันว่า "เงินวีค" แต่มักจะออกเสียงเป็น "เงินวิก" กันหมด

    ค่าแรงที่ได้รับเป็นรายวัน วันละ ๒๕ บาท ทำงาน ๖ วันหยุด ๑ วัน เซ็นรับเงิน ๑๕๐ บาทครั้งแรก #มือไม้สั่นเพราะความดีใจเอาเงินไปให้แม่ ๑๐๐ บาท เก็บไว้ใช้เอง ๕๐ บาท"

    "อาศัยว่ามื้อเช้าและมื้อเย็นกินอยู่กับที่บ้าน ที่ทำงานห่างไปแค่ ๕ - ๖ กิโลเมตร ก็ใช้วิธีเดินไป จึงมีรายจ่ายเฉพาะค่าอาหารกลางวัน ถ้าจะกินหรูอยู่สบายหน่อยก็ข้าวผัดไข่เจียว จานละ ๕ บาท

    ถ้าช่วงประหยัด ก็ซื้อซาลาเปา ๒ ลูก ราคาลูกละ ๖ สลึง แต่ละลูกใหญ่ประมาณฝ่ามือกาง ๆ เจอเข้าไป ๒ ลูกก็จุกแล้ว

    หรือถ้าช่วงไหนประหยัดมากขึ้นไปอีก ก็ซื้อกล้วยหอม ๒ ลูก กินแทนอาหารกลางวัน ราคาลูกละ ๕๐ สตางค์เท่านั้น ถ้าซื้อยกทั้งหวีก็ ๖ บาท แต่เก็บไว้ไม่ได้นาน มักจะดำเสียก่อนที่จะกินหมด

    ถ้าท่านถามว่าจะประหยัดไปถึงไหน ? #ก็แค่ประหยัดเพื่อให้มีเงินไปซื้อหนังสืออ่าน ช่วงนั้นเรื่องเพชรพระอุมา ออกเป็นหนังสือปกแข็ง ๑๘ เล่ม ราคาปกเล่มละ ๓๕ บาท ลดครึ่งราคาเหลือเล่มละ ๑๗ บาท ๕๐ สตางค์

    ไปเจอเจ้าของร้านใจดี เห็นว่าอาตมาต้องการหนังสือจริง ๆ จึงจัดแยกออกมาให้ชุดหนึ่ง ๑๘ เล่ม โดยมีสัญญาสุภาพบุรุษว่า ชุดนี้จะไม่ขายให้ใคร เมื่อหาเงินได้ครบ ๑๗ บาท ๕๐ สตางค์ ก็ไปรับมาเป็นของตน ๑ เล่ม"

    "ส่วนนิยายยุทธจักรกำลังภายใน ช่วงนั้นมีนักแปลหลายท่าน เช่น เทียร จันทรา แปลเรื่อง นางพญางูขาว สุรพล นิติวัฒนา แปลเรื่อง ฝ่ามือพิชิต ว. ณ เมืองลุง แปลเรื่อง กระบี่ล้างแค้น จำลอง พิศนาคะ แปลเรื่อง มังกรหยก

    อ่านแล้วอยากได้เป็นเจ้าของคือ มังกรหยก จึงต้องเก็บเงินซื้อทีละเล่มต่อไป จากนั้นก็เก็บเงินซื้อชุด บ้านเล็กในป่าใหญ่ ของ ลอรา อิงกัลลส์ ไวเดอร์ แปลโดย สุคนธรส กว่าจะเก็บหนังสือได้แต่ละชุดก็เสียเวลาไปเป็นปี

    เรื่องหนังสือนี้เล่าเท่าไรก็ไม่รู้จักหมด ก่อนที่จะบวชอาตมาบริจาคหนังสือทั้งหมด ให้กับห้องสมุดโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา #ส่วนสำคัญที่ได้รับจากหนังสือเหล่านี้ก็คือ #ประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เขียน

    หนังสือแต่ละเล่มผู้เขียน #ใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตเขียนขึ้นมา ถ้าเขาอายุ ๕๐ ปี #ก็คือเราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ทั้ง ๕๐ ปีนั้นไปด้วย เป็นการเรียนรู้โดยวิธีลัด #ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง"

    "ส่วนหนึ่งก็คือการชอบอ่านหนังสือ ทำให้ไม่มีเวลาไปหัวหกก้นขวิดแบบวัยรุ่นคนอื่น และที่สำคัญเมื่อโยมพ่อตายในปี ๒๕๑๘ พี่ก้องเกียรติส่งหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ ชื่อ คู่มือปฏิบัติกรรมฐาน เขียนโดย ฤๅษีลิงดำ

    เมื่ออ่านดูแล้วรู้สึกเหมือนกับเปิดโลกทรรศน์ใหม่ ทำให้รู้จักวิธีการฝึกสมาธิ รู้วิธีการฝึกกสิณอภิญญา #จึงหันมาทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมแบบที่คนอื่นเรียกว่า "#บ้า"

    นี่เป็นผลพลอยได้จากการชอบอ่านหนังสือที่ชัดเจนที่สุด ก็คือนำอาตมาเข้ามาสู่สายการปฏิบัติธรรม จนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า #ที่อาตมาเป็นอาตมาได้ในทุกวันนี้ #สาเหตุหลักก็เพราะการอ่านหนังสือนั่นเอง

    ดังนั้น..ในช่วงที่ต้องเก็บตัว เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ หลายท่านก็คงมีโอกาสขุดกรุหนังสือขึ้นมาอ่าน #ได้แต่หวังว่าจะช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจในการปฏิบัติธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป #ถ้าทำดีทำถูกจนกลายเป็นพระอริยเจ้าไปก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ประเสริฐอย่างที่สุดแล้ว"

    "เมื่อมาบวชแล้ว ในช่วงแรกอ่านหนังสือน้อยลง เพราะว่าต้องทุ่มเทเวลาให้กับการปฏิบัติธรรม #จนกระทั่งสามารถฝึกให้อ่านหนังสือไปพร้อมกับภาวนาไปด้วยกันได้ จึงกลับมาอ่านหนังสือใหม่อย่างเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง

    ตอนแรกก็พยายามใช้งบประมาณในการซื้อหนังสือแต่ละเดือน จำกัดอยู่ในวงเงิน ๓,๐๐๐ บาท แต่ก็ไม่ค่อยจะพอ ยิ่งถ้าช่วงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ บางทีก็จ่ายค่าหนังสือเกินงบประมาณไปเป็นเท่าตัว"

    "ญาติโยมหลายท่านเห็นอาตมาชอบอ่านหนังสือมาก พยายามซื้อหนังสือมาถวาย #ซื้อมาทีไรก็เป็นหนังสือที่อาตมาอ่านแล้วทุกที ไม่ว่าจะเป็นเล่มไหนแนวไหน ก็อ่านแล้วไปแทบทั้งนั้น จนหลายคนออกปากถามว่า "หลวงพ่ออ่านหนังสือแนวไหนกันแน่ ?"

    #อาตมาอ่านหนังสือทุกเล่มที่มี ไม่ต้องเสียเวลาหาแนวในการอ่าน ถ้าขืนเลือกอ่านก็จะมีหนังสือไม่พอให้อ่าน

    ปัจจุบันนี้มอบความไว้วางใจให้ "ไอ้ตัวเล็ก" ซื้อหนังสือส่วนหนึ่งให้ เพราะว่าอ่านหนังสือประเภทนั้นในแนวเดียวกัน

    ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะอ่านหนังสือเกิน ๘ บรรทัดต่อปี จะได้มาช่วยกันเฉลี่ยจำนวนการอ่านหนังสือของคนไทยให้มากขึ้นไปอีกสักหน่อย

    ภาษิตจีนกล่าวว่า "#เดินทางหมื่นลี้ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม"

    #แต่ถ้าท่านไม่อ่านหนังสือสักเล่ม #ขาดประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต #อาจจะตายตั้งแต่กิโลเมตรแรกของการเดินทางก็เป็นได้..!"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    Zg-Ph4dAPGfCsq17NWfKAcYUPy1Md1A6DEeUwsgSKcedRBt6VTWQYyZbXUJ9ZrkmkGB998_d&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    ...จากที่พระท่านบอกไว้เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของเรา จะเริ่มดีก็ต้องปี ๒๕๕๖ ไปแล้ว เราจะไปโทษนักการเมืองก็ไม่ได้ จะไปโทษภาวะเศรษฐกิจโลกก็ไม่ได้ #เพราะทุกอย่างพวกเราทำมาเอง #เมื่อถึงวาระผลกรรมอันนี้ก็ส่งผลมาถึงตัวเรา

    ...แต่ว่าสายของเรานั้น #ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ให้ เราก็มีวิธีการที่จะผ่อนหนักเป็นเบาเป็นระยะ ๆ

    ...โดยเฉพาะเมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน ได้ขอให้บรรดาลูกหลานใช้พระคาถาเงินล้าน เพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต #พระท่านก็อนุญาตให้

    ...เราจะสังเกตได้ว่า #ใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ #ความข้องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา

    ขอยืนยันคำว่า #จริงจังและสม่ำเสมอ เพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา #คนจะได้อภิญญาต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ

    ...เมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ #โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้น #ก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา

    ...โดยเฉพาะอาตมานั้น ตั้งแต่ท่านบอกมา การภาวนาจากที่เคยใช้อยู่ ๙ จบ ก็เพิ่มมาเป็น ๓๐ จบ....
    จากที่ใช้ ๓๐ จบ แล้วรู้ว่าเวลายังเหลืออีกเยอะ ก็เพิ่มเป็น ๓๐๐ จบ..!
    ไล่มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบเป็น ๑,๒๐๐ จบ เป็นต้น

    ...การท่องให้ #ใช้วิธีท่องอย่างช้า#โดยจับลมหายใจภาวนาไปด้วย #เป็นการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่จ้ำ ๆ ให้จบไป #สักแต่ว่าเอาปริมาณ

    #เรื่องของคาถาถ้าทำด้วยความเคารพ #จริงจังและสม่ำเสมอแล้ว #ไม่เกิน๒เดือนผลก็จะเกิดขึ้น

    หลังจากที่ทดสอบแล้วว่าแต่ละวันสามารถทำสูงสุดได้เท่าไร จำนวนที่พอเหมาะพอดีก็อยู่ที่ประมาณ ๓๐๐ จบ เพราะว่าต้องทำงานอื่นด้วย

    ในจำนวน ๓๐๐ จบนั้น อาตมาแบ่งเป็น ๓ ชุด คือ ตอนเช้า ๑๐๐ จบ กลางวัน ๑๐๐ จบ ตอนเย็น ๑๐๐ จบ เวลาอื่นก็ทรงอารมณ์ทำงานไปตามปกติ

    #อาตมาภาวนาอยู่ในลักษณะนี้๓ปีติดกัน โดยใช้ลูกประคำในการนับจำนวนไปด้วย นับจนลูกประคำขาดไปหลายต่อหลายครั้ง บางทีก็เก็บลูกประคำคืนมาได้ไม่ครบ ต้องหาเสริมเข้าไป นับจนนิ้วมือด้านเป็นเม็ดเลย (หนังนิ้วหนาขึ้นมาในลักษณะด้านเหมือนคนทำงานหนัก)

    หลังจากนั้นก็ทดสอบว่าวันหนึ่งทำได้เต็มที่ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ แต่เวลาอย่างอื่นไม่เหลือเลย เพราะว่าเริ่มจากตี ๓ ไปสิ้นสุดเอาตอนประมาณ ๑ ทุ่ม ญาติโยมลองนับดูว่า ต้องใช้เวลาเท่าไรถึงภาวนา ๑,๒๐๐ จบ

    ...ทำอยู่ประมาณสองเดือนเต็ม แต่เวลาทำงานอื่นไม่มี จึงเริ่มลดลงมา #ระยะหลังนี่ใช้ว่า #มีเวลาภาวนาเมื่อไรก็ใช้คาถาบทนี้

    #เห็นได้ชัดในเรื่องความคล่องตัวต่าง ๆ เนื่องจากออกจากวัดท่าซุงมา ใช้เวลา ๑๓ เดือน สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี (ปัจจุบันคือสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี) เสร็จสิ้นเรียบร้อย มีอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑๓ หลังด้วยกัน ( ๑๓ เดือน สร้างได้ ๑๓ หลัง)

    ทั้ง ๆ ที่ช่างส่งงานไม่ตรงเวลาด้วย บางทีนัดกันไว้ ๔๕ วันก็เป็น ๖๐ วัน จนกระทั่งเขาเอาไปลือกันทั้งจังหวัดว่า #ไม่เคยเห็นวัดไหนสร้างเร็วอย่างนี้

    อาตมายืนยันว่าทุกวัดถ้าหากว่าเงินพร้อม คนพร้อม ของพร้อม สร้างได้เร็วอย่างนี้ทั้งนั้น #ส่วนใหญ่จะไม่พร้อมตรงเงินเสียมากกว่า

    งานกฐิน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
    _______________________________

    "เราจะเห็นได้ว่าพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบระดับนั้น #ท่านทำอะไรท่านทำแบบจริงจัง #ไม่ได้เหยาะแหยะแบบพวกเรา....

    ...เรื่องของการปฏิบัติก็เช่นกัน #ต้องจริงจังและสม่ำเสมอ #ความจริงจังและสม่ำเสมอก็คือสัจจะบารมี #ถ้าสัจจะบารมีพร่องก็ทำบ้างทิ้งบ้าง...

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    H9Ls519z-MWDcaxqJgkeiWdpUzulgW9Egs6CZSD7kkG79rn-mg1BAN3I-noDtl0SY5JHMKyk&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ภาษิตไทยโบราณว่า "ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ"

    อาตมาขอให้ดูตรง "น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ" เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันจึงจะอยู่ได้ด้วยดี แม้บวชเข้ามาเป็นพระภิกษุสามเณรหรือแม่ชีก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่

    เรามีความต้องการอย่างไร คนอื่นก็มีความต้องการเช่นนั้น เรารักสุขเกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์อย่างนั้น ถ้าทำเช่นนั้นได้ ถึงจะเรียกว่านำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้งานได้ในชีวิตจริง"

    "หลักธรรมที่ว่าคือ สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่
    ๑. ทาน รู้จักเสียสละแบ่งปันซึ่งกันและกัน
    ๒. ปิยวาจา พูดดีต่อกัน
    ๓. อัตถจริยา ทำประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้อื่น
    ๔. สมานัตตา ซึ่งปัจจุบันนี้แปลกันว่า ทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งความจริงแล้วอาตมาเห็นว่าแปลผิด..!

    คำนี้ควรที่จะมาจาก "สมาน = เสมอกัน, อัตตา = ตัวตน" แปลความว่าเสมอด้วยตัวตน คือต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราต้องการอย่างไรก็ทำให้ผู้อื่นอย่างนั้น เราไม่ชอบใจอะไรก็อย่าทำแบบนั้นกับผู้อื่น"

    "ถ้าทุกคนสามารถนำเอาหลักสังคหวัตถุ ๔ มาใช้ ไม่ว่าจะในภาวะปกติ หรือว่าในภาวะที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาดอย่างนี้ ท่านก็สามารถที่จะผูกใจคน ให้สามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ซึ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ความสามัคคีพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นสิ่งที่ประเทศชาติและสังคมของเราต้องการเป็นอย่างยิ่ง

    ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็น "อกาลิโก" ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาหรือยุคสมัย ผู้ใดนำมาใช้งานเมื่อไรก็ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและคนรอบข้างเป็นอย่างดียิ่ง

    เราต้องสามารถนำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มาใช้ให้ถูกที่ ทุกคน ถูกงาน ถูกเวลา จึงจะสมกับคำว่า พุทธมามกะ ผู้นั่งใกล้พระพุทธศาสนา ด้วยประการฉะนี้"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุน
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=181323847ee9bae22338c9272351b3a6.jpg
    12 เมษายน ครบรอบวันละกายสังขารของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร

    หลวงปู่กวย ชุตินธโร ท่านเป็นพระผู้มีพลังตบะเดชะสูง เหมือนดังพลังจักรวาลที่ไม่สิ้นสุดและเกินจะคาดหยั่ง ท่านมีญาณวิเศษ รู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้งชาตินี้และในอดีตชาติของแต่ละคน ท่านยังมีความจำเป็นเลิศ มีวาจาสิทธิ์ เป็นผู้คงแก่เรียนที่ไม่หยุดการแสวงหาความรู้ทุกแขนง ชอบคิดค้นและประยุกต์เวทมนต์คาถาต่างๆให้เกิดประโยชน์สารพัด ท่านจึงมีวิชาแปลกๆให้เห็นเสมอ อีกทั้งท่านยังเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ โดยสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ แม้แต่พระของท่านที่ฝังลงกรุไว้ในที่ต่างๆ ก็ยังรู้ล่วงหน้าว่าเมื่อใดจะถึงเวลาขุดออกมาทำประโยชน์ต่อศาสนา ท่านเองจะทำอะไรก็สำเร็จสมดังที่ตั้งใจไว้ สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่เคยพูดสอนไว้เสมอคือ “การยึดมั่นถือมั่น จะทำให้สำเร็จทุกอย่าง แต่ต้องมีเมตตา กตัญญูและรู้การให้อภัย” และท่านถือคติโบราณว่า “ ไม่ขอไม่ให้ ไม่ถามไม่บอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    In6VceJCRPbPhGuHpNkFHgNdDuGFvFGp_3k7_WSdNylTi5__qhKQsWrJHMLX_o1hZ-hJrc1b&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท ถ้าโรคร้ายมาถึงตัว จะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว +++

    พระอาจารย์กล่าวว่า "วันพุธที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ แรม ๘ ค่ำเดือน ๕ ปีชวด เรียกตามภาษาคนโบราณว่า "#วันสังขารล่อง" ซึ่งคำว่า "สังขาร" ในที่นี้ก็คือ "สงกรานต์" นั่นเอง แต่เป็นคำเรียกตามแบบของพี่น้องชาวล้านนาและล้านช้าง

    ดังนั้น..ทางล้านนาและล้านช้างจะไม่มีการประกวดนางสงกรานต์ มีแต่การประกวด "นางสังขาร" ฟังแล้วทำไมนึกถึงอสุภกรรมฐานก็ไม่รู้ ?

    #วันสังขารล่องคือวันที่นางสงกรานต์จะเสด็จกลับ ซึ่งน่าจะเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะว่านางโคราคเทวี #นางสงกรานต์ปีนี้ไม่ได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของตน เนื่องจากโดนนางโคโรนาเทวี ใส่หน้ากากปลอมตัวตัดหน้ามาทำหน้าที่แทนเสียก่อน"

    "ในเมื่อเป็นนางโคโรนาเทวีเสด็จกลับแทน ก็คงจะพาบริวารทั้งหลายทั้งปวงตามกลับไปด้วยเป็นขบวนเกียรติยศ เชื้อไวรัสก่อโรค covid-๑๙ ก็ต้องตามขบวนกลับไปด้วย #สถานการณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดในประเทศไทย สมควรที่จะดีขึ้นและควบคุมได้

    #แต่เราทั้งหลายต้องไม่ประมาท อย่า "การ์ดตก" ตามที่คุณหมอทั้งหลายได้ตักเตือนและแนะนำไว้ #อย่างน้อยก็ต้องปฏิบัติตนในการระมัดระวังอย่างเข้มข้นต่อไป เพื่อที่เชื้อไวรัสทั้งหลายจะได้ไม่แอบกลับมาอาละวาดใหม่อีกครั้ง

    ส่วนที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือว่า เราไม่ได้มีแต่โรคร้ายไวรัส covid-๑๙ เท่านั้น บรรดาโรคเอดส์ โรคซาร์ โรคเมอร์ โรคอีโบล่า และไข้หวัดนกก็ยังอาละวาดและรออาละวาดอยู่ #อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท #ไม่เช่นนั้นถ้าโรคร้ายมาถึงตัว จะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว"

    "ส่วนสถานการณ์ของประเทศชาตินั้น ต้องบอกว่าน่าสงสารรัฐบาลมาก ที่มีคนเก่งช่วยกันทำงานมากจนเกินไป จนทำอะไรง่าย ๆ ไม่เป็น #ลืมนึกถึงคนไม่ชอบเทคโนโลยีอย่างอาตมา ลืมคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน คนที่ไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารเพราะไม่มีเงินเหลือพอที่จะฝาก คนที่เรียนหนังสือมาน้อย จนลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นไม่เป็น

    ก็เลยทำให้งานช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ #เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวาย #ชวนให้ผมร่วงหน้าเหี่ยวเป็นยิ่งนัก...! อยากจะสมน้ำหน้าคนเก่งก็สงสารเกินกว่าที่จะทำ ได้แต่คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เอาใจช่วยให้ทุกคนรู้จักทำอะไรโง่ ๆ บ้าง อย่างเช่นกำหนดให้ความช่วยเหลือทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง แค่นี้ทุกอย่างก็จบลงได้แบบสวยงามแล้ว"

    "ปัญหาใหญ่ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเท่านั้น #ปัญหาที่หนักกว่านั้นก็คือหลังจากผ่านพ้นไปได้แล้ว #ทำอย่างไรที่จะให้คนส่วนใหญ่มีอาชีพ มีการงาน จะได้มีเงินใช้ ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่แสนจะวุ่นวายแบบนี้อีก

    ทุกคนคงจะได้เห็นแล้วว่า การเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ #เป็นที่พึ่งในวาระวิกฤตแบบนี้ได้อย่างแท้จริง #ใครที่เริ่มต้นไปแล้วก็คงทำต่อไปด้วยความมั่นใจ #ใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นก็ควรที่จะคิดริเริ่มได้แล้ว มัวแต่รอให้ถึงเวลาวิกฤตอีกครั้งก็ไม่ทันการ เข้าทำนอง "ขี้แตกแล้วค่อยมาขุดส้วม" ถ้าเป็นแบบนี้อีกก็จะน่าสงสารมาก

    ในเรื่องของดินฟ้าอากาศนั้น #เนื่องจากสมดุลธรรมชาติโดนทำลายไปมาก นอกจากภัยแล้งที่ต้องแก้ไขอย่างหนักแล้ว #ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของพายุฝน พายุลูกเห็บ #ตลอดจนไฟป่าที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ แต่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเดือดร้อนกันทั่วหน้า"

    "เท่านี้ยังไม่พอ เมื่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสผ่านพ้นไปแล้ว ก็จะมีผู้ปลุกระดมชาวบ้าน ซึ่งไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือการช่วยเหลือเข้าถึงได้ยาก ออกมาประท้วงจนกลายเป็นเรื่องของการเมือง

    คนเราเวลาท้องหิวอย่างหนึ่ง พบกับความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง จะ "จุดติด" ได้ง่าย #รัฐบาลควรที่จะระมัดระวังป้องกันเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ล่วงหน้า หัดปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุกบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตั้งรับคอยแก้ไขเหตุการณ์อย่างเดียว

    แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ #การปฎิบัติการทางจิตวิทยาที่จะได้ผลนั้น #ต้องมีผลงานในเชิงประจักษ์ แต่ว่าผลงานทั้งหลายทั้งปวงที่ผ่านมาของรัฐบาล ถูกสรุปลงแค่อักษร ๘ ตัวว่า ผนงรจตกม ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เตรียม "เหนื่อย" ได้เลย"

    "สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรและเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย #ขอจงรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓

    -------------------

    อย่าลืม กดติดตามแบบ(⭐เห็นโพสก่อน/see first) ที่หน้าเพจกันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดโพสของเราครับ
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    godRrzfYvNV5OGOkKdYzzJBN7QQ9q3KIr-OGYBqo6ZtfrXSBd23rQr3elixbVseNd4CSSGUn&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    อิทธิฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้กรรมวิบาก

    พระอาจารย์กล่าวว่า "พอไม่สบายก็ไปนึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนที่พระท่านสั่งทำเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อรักษาโรคให้ญาติโยม หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ตัวผมก็ป่วยแหง็ก ๆ อยู่เองแบบนี้ ทำไปแล้วใครจะเชื่อ

    ไม่นึกว่าอาตมาเองก็ศึกษาวิธีทำเหรียญทำน้ำมนต์มาแล้ว จากบัดนั้นจนบัดนี้ก็ยังไม่เคยทิ้ง ก็คือยังมีการชักยันต์ภาวนาอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังป่วยอยู่ดี แสดงว่าเรื่องวาระกรรมที่เข้ามา ของดีขนาดไหนก็แก้ไม่ได้ กันไม่ได้ ท่านถึงบอกได้ว่า อิทธิฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้กรรมวิบาก ถึงเวลาวิบากกรรมเข้ามาก็ต้องทนรับไป"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๒
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    "ในชาตินี้เกิดมานั้นคนเยอะมากมายไปหมดจริงๆ
    จะช่วยเหลือให้ครบทุกคนนั้น ก็คงจะยากจะไม่หมด
    เอาอย่างนี้ดีกว่าใครก็ตามที่ได้เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก ญาติ มิตร เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาก่อน ก็ขอให้ได้พบเจอกัน เราจะได้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆไปได้ ขอครูบาอาจารย์ได้เรียกหาให้คนเหล่านั้นได้กลับมาได้พบเจอเพื่อช่วยเหลืออุปถัมภ์ซึ่งกันและกันต่อไป"

    ดร.พระครูประสาทพรหมคุณ
    (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ )
    --------------------------------------------------------
    เมตตาของครูอาจารย์ (เรื่องโดย : อาจารย์ขวัญ)

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่ผม(อ.ขวัญ)
    ได้เข้ามากราบหลวงปู่ใหม่ๆนั้น

    ในครั้งนั้นอาจารย์ยุทธท่านเล่าให้ฟังว่า.....มีอยู่เช้าวันหนึ่งหลวงปู่ท่านได้ไหว้พระสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ท่านก็จุดธูปขึ้นมาแล้วอธิษฐานว่า

    "ในชาตินี้เกิดมานั้นคนเยอะมากมายไปหมดจริงๆ จะช่วยเหลือให้ครบทุกคนนั้นก็คงจะยากจะไม่หมด เอาอย่างนี้ดีกว่าใครก็ตามที่ได้เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก ญาติ มิตร เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาก่อนก็ขอให้ได้พบเจอกัน เราจะได้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆไปได้ ขอครูบาอาจารย์ได้เรียกหาให้คนเหล่านั้นได้กลับมาได้พบเจอเพื่อช่วยเหลืออุปถัมภ์ซึ่งกันและกันต่อไป"

    นี่คือความเมตตาของพระโพธิสัตว์ ของหลวงปู่ของพวกเรา ท่านรู้ว่าในอนาคตต่อไปนั้นจะยากลำบากเหลือแสนท่านจึงอยากให้ศิษย์ท่านทุกๆคนได้ผ่านพ้นจากปัญหาอุปสรรค์ต่างๆไปให้ได้ท่านจึงอธิษฐานอย่างนั้น

    ใครรู้บ้างว่าทำไมหลวงปู่จึงต้องสวดมนต์วันละหลายๆครั้ง เหตุเพราะหลวงปู่ท่านบอกว่ากลัวลูกศิษย์จะแพ้เขา ท่านจึงสวดมนต์หลายๆครั้งเพื่ออาราธนาบารมีครูบาอาจารย์มาช่วยศิษย์ท่านทุกๆคนให้ชนะเขาในทุกๆเรื่อง จากสวดทีแรก 3 เวลาต่อวัน เดี๋ยวนี้ท่านสวดแทบจะทุกลมหายใจ เพราะอะไร เพราะว่าหลวงปู่ท่านว่าคนเกิดมาเยอะเหลือเกิน เกิดมามากมายจริงๆเราต้องสวดเยอะอย่างนี้แหละลูกศิษย์ของเราจะได้ชนะเขาในทุกๆเรื่องไป

    "ผีตายโหง ผีตายทั้งกลม นั่นเฮี้ยนไหม!" (หลวงปู่ท่านพูดถาม)

    เราก็ว่า "เฮี้ยนครับ"

    หลวงปู่ตอบ "คอยดูเรานะ ตายไปแล้วเฮี้ยนกว่านั้นหลายร้อยพันเท่า หากหลวงปู่ตายแล้วให้เอาน้ำผึ้งกรอกปากหลวงปู่นะแล้วเอาไว้ในโลงสัก 1-2 ปีเสร็จแล้วก็เปิดโลงเอาร่างหลวงปู่จับขึ้นยืนไว้ มือหนึ่งถือไม้เท้าจะได้ไปช่วยศิษย์ได้ไวๆ มือหนึ่งถือไม้เรียวจะได้ใช้ตีศิษย์ดื้อๆและใช้ตีคนที่มาทำร้ายศิษย์ หนึ่งนาทีเราจะนิรมานกายลงมาช่วย 100 ร่าง ไม่ต้องกลัวหลวงปู่ตายไปแล้วจะมาช่วยได้ไวและเร็วกว่าเก่ามากๆนัก...ตอนนี้ร่างกายมันไม่อำนวยต้องขอบารมีครูบาอาจารย์ท่านช่วยไปก่อน.....ถึงเวลาเราแล้วคอยดูละกันจะเห็นไว้มากกว่านี้หลายเท่า"

    แล้วท่านก็หัวเราะแบบอารมณ์ดีตามปกติของท่าน

    สาธุบารมีหลวงปู่คุ้มครอง หลวงปู่ช่วยซื้อ หลวงปู่ช่วยขาย รวย รวย รวย

    lXG2z_-cZNTMtrvXkMwUaf_IIUQjKiEN8Zs3o7qCEJ--94IGin8lditWo2_P4RyEnsq0qqQc&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ไปพบข้อความเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในโลกโซเชี่ยล อ่านแล้วรู้สึกดี เลยนำมาแชร์ครับ
    ****************************

    "พระโพธิสัตว์" ใช่ว่า จะเกิดมาดี-เด่น-ดัง , ฉลาด ,ร่ำรวย ,สมบูรณ์พร้อม ในแทบทุก ๆ ชาติที่ลงมาเกิดสร้างบารมี นะครับ

    บางชาตินี่ เกิดเป็นขอทาน , คนพิการ , คนปัญญาน้อย , ตระกูลชั้นต่ำ , ไร้ยศ,วาสนา-บารมี , มีแต่คนเบียดเบียนกลั่นแกล้งสารพัด เช่น ครูบาศรีวิชัย เป็นต้น แถม บางท่าน ยังมีภาระเพียบบบ จนยากจะปลีกตัวไปปฏิบัติธรรม ให้เต็มที่ ก็มี

    เช่น บางชาติต้องอยู่ ดูแล พ่อ-แม่ ที่แก่ชรา และ ป่วยหนัก ทำให้ไม่อาจหนีไปบวช หรือ ไปปฏิบัติธรรม กับครูบาอาจารย์ได้อย่างเต็มที่ หรือ นาน ๆ จึงจะไปได้สักครั้ง

    บางชาติพลาดพลั้ง ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทำให้ลำบากเรื่องที่อยู่อาศัย , อาหาร , มีศัตรูตามธรรมชาติคอยเบียดเบียน (จ้องจับกิน) อยู่เป็นอันมาก ทำให้ แม้นแต่ ศีล 5 ก็ยังไม่อาจรักษาให้บริสุทธิ์ ได้อย่างเต็มที่ก็มี

    และ ยังมีอีกหลาย ๆ ชาติ ประมาทพลาดพลั้งกระทำอกุศลกรรม ทำให้ตายไปเกิดในอบายภูมิ 4 โดยเฉพาะ ตกนรก ก็มี

    ดังนั้น ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ทั้งหลาย (โพธิสัตว์) จงอย่าคิดว่าตนดี , ประเสริฐ , เก่ง เป็น สุดยอดมนุษย์ , ทุกคนต่ำกว่าเรา เพราะ เราคือ "โพธิสัตว์" ผู้สูงส่ง มีบารมีมากมาย ถ้าคิดอย่างนี้ "มานะทิฏฐิ" จะเกิด ทำให้การสร้างบารมี 30 ทัศ ยิ่งเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น และ อาจถึงขั้นพลาดพลั้งลงนรก ในที่สุด ก็เป็นได้

    อนึ่ง ในการบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ นั้น มี อยู่ 10 ประการ (3 ระดับ) คือ เมตตา,ทาน,ศีล,เนกขัมมะ,ขันติ,วิริยะ,อธิษฐาน,สัจจะ,ปัญญา,อุเบกขา ซึ่ง "พระโพธิสัตว์" อาจทำได้ไม่ครบทุกข้อ ในทุก ๆ ชาติ แต่ จะมีเด่น ๆ หลัก ๆ ยุ 1-2 ข้อ เช่น "พระพุทธเจ้า" ของเรา ในอดีตชาติ ได้เสวยพระชาติ เป็น ดาบส บำเพ็ญขันติธรรม (ความอดทน) อยู่ ในป่า "พระราชา" ("พระเทวทัต" ในอนาคต) เสด็จผ่านมาเห็น "ท่านดาบส" นั่งสมาธิขวางทาง จึงโกรธจัด และ สั่งทำร้ายท่าน จนถึงแก่ความตาย แต่ "ท่านดาบส" หาได้ด่าทอ ,โกรธเคือง "พระราชา" แม้สักนิดหนึ่งก็หาไม่ เพราะ ท่านยุด้วย "ขันติธรรม" (ความอดทน) อย่างยิ่งนั่นเอง แม้ก่อนตายยังกล่าว"อโหสิกรรม" ให้แก่ "พระราชา" ด้วยซ้ำ ผลคือ "พระราชา" ("พระเทวทัต" ในอนาคต) จึงถูกธรณีสูบ ในที่สุด

    ผมเคยคุยกับท่านที่เป็น "นิยตโพธิสัตว์" อยู่หลายท่าน ท่านเหล่านั้น แทบไม่เคยอวดตน ว่าดีอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ หรือ ทำตนว่าสูงส่ง ดูถูกผู้อื่นเลย แต่ ท่านเหล่านั้นกลับบอกว่า ผมเป็นผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งเท่านั้นเอง และ ท่านเหล่านั้น ล้วนเคารพในพระรัตนตรัย (พระพุทธ,พระธรรม,พระอริยะสงฆ์) เป็นอย่างยิ่ง ใครทำดี ท่านก็อนุโมทนาด้วยเสมอ โดยไม่ถือตัวว่าตนเอง เป็น "นิยตโพธิสัตว์" ผู้สูงส่งเลยสักนิดเดียว

    ** ผมเขียนเรื่องนี้เพื่อเป็นความรู้ แก่ ท่านทั้งหลาย ไม่ให้ประมาท และ หลงตนเอง , ดูถูกผู้อื่น ที่อาจด้อยกว่าตนเอง เท่านั้นเอง หากมีข้อผิดพลาดประการใด ๆ ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และ ขอน้อมรับคำติชม ของทุก ๆ ท่าน ด้วยความยินดียิ่ง ครับ
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    fJzH8Tt6F_fzK6gZ4mngyePaa_W-JxtZN-mVrwQx_PmJNAU6k239DH16EZUJI8ywZK7OuI7o&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ในส่วนตัวของพวกเรานั้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนได้เห็นความเป็นจริงหลายอย่างด้วยกัน คือ

    ๑. ต่อให้ระบบ iBanking ดีขนาดไหนก็ตาม เราก็ต้องมีเงินสดติดตัวไว้บ้าง และในขณะเดียวกันทรัพย์สินบางอย่าง เช่น ทองคำแท่งหรือทองคํารูปพรรณ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้โดยเร็ว ก็ควรที่จะมีเก็บออมไว้บ้าง

    ๒. หน้าที่การงานของเรา ซึ่งหลายคนไม่เห็นความสำคัญ เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น โดยอ้างว่าเพื่อหาประสบการณ์ ทั้งที่จริงแล้วก็คือขาดความอดทน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินขึ้นมา บุคคลที่ยอมทุ่มเทให้กับที่ทำงาน ก็จะได้รับการคัดเลือกให้คงอยู่ ขณะที่บุคคลประเภทที่จับจด ก็จะโดนระบบคัดออกไปเองเพื่อตัดรายจ่าย หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในครั้งนี้ คงจะทำให้หลายท่านได้คิดว่า เราควรที่จะปฏิบัติตนอย่างไรในการทำงาน

    ๓. "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง" คำกล่าวของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งระบบสหกรณ์ของประเทศไทย ยังเป็นความจริงเสมอ มีเงินแต่ซื้ออาหารไม่ได้ มีเงินแต่ไม่สามารถที่จะหาหมอมารักษาตนเองได้ จนกระทั่งบางประเทศ ต้องเอาเงินมาโปรยทิ้ง เพราะไม่เห็นประโยชน์ว่าจะเก็บเงินไว้ทำอะไร ในเมื่อตนเองต้องตายอยู่แล้ว เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนที่สุดว่า ความมั่นคงทางอาหาร เป็นความมั่นคงของตนเองและครอบครัวอย่างแท้จริง

    ๔. ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งแบ่งพื้นที่สมมติว่า ๑๐ ไร่ ออกเป็น ๑ : ๓ : ๓ : ๓ นั้นสามารถช่วยให้เราอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์

    ๑ ส่วน สำหรับสร้างบ้านเรือนและปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ๓ ส่วน ขุดบ่อน้ำซึ่งสามารถเลี้ยงปลาได้ ใช้น้ำในการเกษตรได้ เลี้ยงไก่บนบ่อปลาได้

    ๓ ส่วนต่อมา ปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของเรา บนคันนาก็สามารถแซมไม้ใช้สอย เอาไว้สำหรับสร้างบ้านหรือสำหรับใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง

    ๓ ส่วนสุดท้าย ปลูกพืชผลไม้แบบสวนสมรม คือมีหลายอย่าง สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนกันออกสู่ตลาดได้ เป็นการประกันความเสี่ยงว่า ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งราคาตก อย่างอื่นก็จะขายได้ราคา

    รอบบ้านและพื้นที่ปลูกผักสวนครัวนั้น ก็ให้ปลูกพวกมะละกอ กล้วย ซึ่งมีระยะการให้ผลยาวนานกว่าพืชผักสวนครัวอื่น ๆ ทำให้ใช้สับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นพืชอาหาร หรือว่าสามารถนำออกสู่ตลาดได้โดยที่ทุกอย่างไม่ต้องไปประดังกันทีเดียวทำให้ราคาตก

    ๕. สุขภาพอนามัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าเราสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง โอกาสที่จะติดเชื้อก็น้อยลง หลายท่านทุ่มเทกับการงานทั้งชีวิต โดยไม่ใส่ใจกับสุขภาพของตน แล้วก็ต้องเอาเงินเก็บทั้งหมด ไปใช้ในการรักษาร่างกายที่ชำรุดทรุดโทรมทีหลัง ซึ่งถ้าไม่มีการประกันสุขภาพไว้ ก็อาจจะใช้จ่ายเกินเงินที่เก็บไว้อีกต่างหาก เราจึงควรที่จะบริหารร่างกาย ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เป็นเครื่องประกันว่า เราจะไม่ต้องใช้เงินเก็บของเราไปในการซ่อมสุขภาพจนหมด

    ๖. สุขภาพจิตที่ดีช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วยให้คนรอบข้างมีความมั่นคงทางจิตใจไปด้วย คนที่มีสุขภาพจิตดีจากการฝึกฝนตนเอง ตามหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมมีสติในทุกเมื่อ มีความมั่นคงทางจิตใจที่ผู้อื่นต้องอาศัยเป็นที่พึ่งพา มีปัญญาหาช่องทางให้พ้นจากวิกฤตการณ์ได้เร็วกว่าคนอื่นเขา

    ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมที่คนจำนวนมากในยุคก่อนไวรัส covid - ๑๙ ระบาด เห็นเป็นเรื่องงมงายเหลวไหล เป็นเรื่องของคนแก่ เป็นเรื่องของพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี มาในสถานการณ์เช่นนี้จะเห็นได้ชัดว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ถ้ารู้จักนำมาประยุกต์ใช้ สามารถช่วยเราและคนรอบข้างได้ในทุกสถานการณ์

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นข้อคิดบางส่วนที่ได้จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในครั้งนี้ ทำให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสใช้บทเรียนเหล่านี้ เตรียมตัวในการรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ในคราวหน้า โดยเฉพาะความมีระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้นำ เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะช่วยให้ท่านทั้งหลายมีโอกาสหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตได้เร็วกว่าผู้อื่นเขา

    เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่า "กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้"

    ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองป้องกัน ให้ทุกท่านผ่านพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้โดยเร็ว และนำเอาประสบการณ์ชีวิตในช่วงนี้ ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของตน เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้แก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจของเรา ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน เป็นที่ไปในเบื้องหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    ขอขอบคุณภาพถ่าย สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต เนื้อทองคำ จากคุณ ภัทร์ษกรณ์ จิระประเสริฐสุข
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    cxNmQ9yJJnYXmINVrSv0KPv-G36PvOZ1yZ59vtQTrzGgyMHpfFwjUFZDz6oIMRDKKutQbyZs&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    คำสั่งสอนของหลวงปู่หงษ์

    คำสั่งสอนของหลวงปู่ที่กล่าวกับอริยมุนี(อ.เสก)เสมอ ๆ เพื่อเป็นคติเตือนใจในการทำดี

    เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปหาหลวงปู่ หรือเวลาท่านเรียกพบ ท่านมักจะประทานโอวาท คำสอนให้แก่อริยมุนีเสมอ ๆ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้เป็นคนดี โดยหลัก ๆ แล้วท่านมักจะสอนให้ขยันภาวนาให้มาก ๆ และตั้งใจรักษาศีลให้ดี ท่านบอกว่าคนเราโตแล้ว คิดเป็น ทำเป็นอย่าเป็นคนงอมือ งอเท้า ให้ขยันทำงาน ทำงานอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีสติ คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำก่อนคิด ทำงานอะไรก็แล้วแต่ต้องรีบทำให้เสร็จ
    อย่าให้คั่งค้าง อย่าทำอะไรชักช้า ทำอะไรให้รวดเร็ว แม้แต่การตื่นนอน

    ต้องตื่นก่อน นกกาออกไปหากิน ถ้าตื่นสายจะทำมาหากินอะไรได้ โดยท่านจะทำตัวอย่างให้ดูด้วย เช่น

    ท่านจะตื่นมาตอน ตี3-4 เป็นประจำเพื่อทำการสวดมนต์นั่งกรรมฐาน ส่วนการใช้ของ ท่านก็บอกว่าของทุกอย่างที่เขาถวายมานั้นเขาได้ มาจากหยาดเหงื่อแรงงาน ของเขา
    มาทำบุญ ท่านว่าต้องรู้จักใช้ให้มันคุ้มค่า ไม่ใช่ใช้ทิ้งๆๆขว้างๆๆ ใช้แล้วต้องเก็บให้เป็นที่เป็นทาง เป็นระเบียบเรียบร้อย รู้จักใช้รู้จักรักษา

    แม้แต่ถุงพลาสติกที่เขาห่อของมาถวายท่าน ท่านยังพับเก็บเอาใว้ใช้งานต่อ ท่านว่ามันยังดีอยู่ยังใส่ของได้ ถ้าเราทิ้งไปยามจำเป็นใช้ ต้องเสียเงินไปซื้ออีก ตรงไหนที่รก ไม่สะอาดท่านก็จะบอกสอนให้ทำให้สะอาดสะอ้าน
    เพราะหลวงปู่ เป็นคนชอบความสะอาด

    ส่วนการพูดการจา นั้นท่านก็บอกว่า ให้พูดจาไพเราะ อย่าพูดจา กระโชกโฮกฮาก หรือใช้คำไม่สุภาพ แม้แต่กับเพื่อนฝูงหรือลูกน้อง ต้องพูดจา ดีๆๆกับเขา เขาจะได้รัก อย่าใช้อารมย์ให้ใช้ความเมตตา แบบพี่แบบน้อง ถ้าใครด่า ใครว่า ใครแช่ง ก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ให้ใช้เมตตาโต้ตอบ หรือนิ่งเงียบเสีย

    หลวงปู่บอกว่า คนเราเกิดมา ต้องหัดเป็นคนพูดจามีสัจจะ รักษาสัจจะ สัจจะนี้สำคัญมาก พูดอะไรแล้ว ต้องทำให้ได้ รับปากกับใคร ไว้ต้องพยายามทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้อย่าไปรับปากเขา
    เสียสัจจะเปล่าๆๆ ท่านว่าเสียสัจจะบ่อยๆๆ ใครก็ไม่อยากคบไม่มีคนไว้ใจ ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จ เทวดาเขาไม่ช่วย

    หลวงปู่ท่านเป็นบุคลที่รักษาสัจจะมาก แล้วท่านบอกว่า
    อย่าเป็นคนขี้บ่น ลำบาก ยาก ขี้เกียจ เหนื่อย หรือพล่ามบ่นอย่างไรสาระตามอารมณ์ตัวเอง บ่นไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น บ่นไปบ่นมา ก็จะเป็นไปตามปาก เหนื่อยนักก็พักไป
    บ่นมากๆๆคนยังไม่ชอบเลย ท่านว่าเทวดาหนีจากหมด

    อยู่กับหมู่กับฝูง ก็ต้องมีความจริงใจให้กัน อย่าเป็นคนตอแหล ปลิ้นป้อน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ท่านว่าแบบนี้เทวดาครูบาอาจารย์หนีหมด สุดท้ายต้องอยู่ตัวคนเดียว
    แล้วต้องหัดเป็นคนปิดทองหลังพระ คือทำดีโดยไม่ต้องให้ใครเห็นเพื่อหวังจะได้หน้าได้ตา ท่านว่าให้ดูพระเจ้าอยู่หัวเป็นต้นแบบ

    และคนเราเกิดมา ท่านว่าให้มีความเมตตา กรุณาต่อบุคคลอื่น เหมือนเป็นพี่เป็นน้องเรา ถ้าอยากให้ใครจริงใจกับเรา
    เราต้องจริงใจกับเขาก่อน

    คนเราเกิดมาชาตินี้ ท่านว่าเพื่อสร้างความดี ไว้ชาติหน้า
    พาหมูคณะร่วมกันสร้างบุญ เราทำแบบไหน ก็จะได้แบบนั้น และท่านว่าต้องรู้จักบอกกล่าวแนะนำสั่งสอน บุคคลอื่นให้ตั้งใจทำความดีรักษาศีล แล้วต้องเป็นคนที่หัดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย อย่าเอาแต่ตามใจ หรือตามอารมย์ ของตัวเอง โดยคิดว่าตัวเอง เก่ง ฉลาด หรือดีเด่นเกินคนอื่นให้หัดฟังคนอื่นเขาบ้าง

    และ ท่านว่าให้หัดสำรวจดูความพกพร่อง ของตนเอง อยู่เป็นเนืองนิจ เมื่อเห็นข้อผิดพลาด ก็ให้รีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่ไปนั่งดูแต่ข้อเสียของคนอื่น

    ที่ท่านได้ประทานโอวาทมานั้น มากมาย จำได้ไม่หมด แต่สิ่งที่สำคัญ อริยมุนี จะนำมาคิดตรึกตรองทุกวันเพื่อให้ตนเองนั้นเป็นคนดี ถึงทำได้ไม่หมดแต่ก็พยายาม นั่งคิดพิจารณาบ่อยๆๆ จะได้เกิดปัญญา ตามที่ท่านอุตส่าห์แนะนำสั่งสอนบอกล่าว

    ศิษยานุศิษย์ท่านใด ที่เห็นว่าดีก็สามารถนำไปปฎิบัติได้ ไม่มีลิขสิทธิ์

    เครดิต บทความ ของ อริยมุนี เสกสรรค์ พรหมนุช
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    +++ ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนั้นศรัทธาของเราจะเต็ม +++

    พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของวัตถุมงคลนั้นเหมือนกับเป็นเครื่องส่ง ถ้าเครื่องส่งนั้นส่งคลื่นเป็นปกติ #แต่เครื่องรับไม่ยอมเปิดรับก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะกำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความศรัทธาไม่เท่ากัน #ในเมื่อความศรัทธาไม่เท่ากัน #อานุภาพที่เราได้รับก็ไม่เท่ากัน เพราะว่าการเปิดใจรับของเรามากน้อยต่างกันไป

    ฉะนั้น...#จะเห็นว่าคนโบราณนั้นความรู้น้อยแต่ศรัทธามาก ส่วนใหญ่รับวัตถุมงคลไปใช้ก็มักจะเป็นมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด #คนรุ่นใหม่ใช้แล้วมีผลน้อย เหตุที่มีน้อย เพราะว่าศรัทธาของเราน้อยยังไม่พอ วิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยยังมีมากอีกด้วย

    มีวิธีเดียว ก็คือ #ภาวนาให้กำลังใจของเรามั่นคงจนกระทั่งเห็นว่า คุณพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราจริง ๆ คุณพระรัตนตรัย กำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง คุณพระรัตนตรัย นำเราพ้นจากทางชั่ว ล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้จริง ๆ

    #เมื่อถึงตอนนั้นศรัทธาจะเกิดแน่นแฟ้น ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ จะไม่ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยทั้งต่อหน้าและลับหลัง #ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนั้น #ศรัทธาของเราจะเต็ม เท่ากับกำลังใจของเราเปิดรับเต็มที่ วัตถุมงคลที่เป็นเครื่องส่งก็ส่งเต็มที่ เครื่องรับก็รับเต็มที่ #อานุภาพต้องการระดับไหนก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    หลวงตาม้าตอบเรื่อง "กำลัง"

    ๑. ศิษย์ : เราจะวัดผลของกำลังได้อย่างไร ? จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังมากพอแล้ว ?

    หลวงตาม้า : ดูเวลาที่อารมณ์มากระทบ ถ้ากำลังดี เราจะไม่หวั่นไหว จะไม่ส่ายไม่โกรธ คือทรงพรหมวิหาร แต่ถ้ายังโกรธอยู่ แสดงว่ากำลังยังไม่ดีพอ

    ๒. ศิษย์ : กำลังและพลังงานแตกต่างกันอย่างไร ?

    หลวงตาม้า : เหมือนกัน พลังงานเกิดจากคนที่มีกำลัง อย่างเวลาเราสวดมนต์ก็จะทิ้งพลังงานไว้ตรงนั้น พลังงานไม่มีเสื่อมสลาย ถ้าดูให้ดีก็จะเห็นเราเคยนั่งสวดอยู่ตรงนั้น

    ๓. ศิษย์ : แล้วกระแสคืออย่างไร ?

    หลวงตาม้า : อย่างเวลาเราเคยทำบุญมาเยอะมาหลายที่ เราก็นึกออกใช่ไหม พอนึกถึงปั๊บ กระแสก็จะเข้ามาทันที มาที่เรา โยงกันเป็นข่าย พอเขาทำบุญอะไรที่เกี่ยวข้องกับตรงนั้น ก็จะโยงเข้ามาหาเราโดยอัตโนมัติ การทำบุญเป็นการฝากกระแสโดยอัตโนมัติ"
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...