@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20258098_1264566680338331_4565979678741768974_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20264932_1265956473532685_7991944619694845754_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    เปิดดูไฟล์ 4222219
    ?temp_hash=60527ece8b580a2d45bbd15338d1f7f6.jpg






    ฝึกจับภาพพระให้จิตมีกำลังเข้มข้น ทำอย่างไร..?

    ☆☆☆☆☆

    เมื่อตอนที่ องค์ปฐม ท่านมา ท่านบอกใช้อย่างนี้
    ให้จับภาพพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ให้จิตทรงกำลัง
    ฌาน ๔ เป็นปกติ

    ◇◇◇
    ไอ้ทรงฌาน ๔ เป็นปกติ ฌาน ๔ นี่
    เวลาเราออกจากร่างกายนี่เราเป็นฌาน ๔ แล้ว
    แต่ นั่นเป็นฌาน ๔ เบื้องต้นที่มีกำลังอ่อน ต้องใช้ให้มี
    กำลังเข้มข้น

    นั่นก็คือนึกถึงภาพพระพุทธรูปเมื่อไร
    นึกพับเห็นทันที
    นึกจับพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมา
    สัมพุทธเจ้าให้ชัดเจนแจ่มใสตามกำลังให้ได้ทุกวัน
    ทุกวันและทุกเวลาที่เราต้องการ
    ◇◇◇

    ● ไม่ใช่นั่งรอเวลา เงียบสงัด ไม่ใช่อย่างนั้น

    ◇◇◇
    เดินไปเดินมา ทำงานอยู่นึกพับให้เห็นเลย
    เห็นแล้ว อธิษฐานพระพุทธเจ้า

    ขอพระองค์ทรงโตขึ้น ใหญ่ขึ้น
    สว่างกว่านี้ เล็กลง
    อยู่ข้างบน สูงมาก สูงน้อย
    เราทำอย่างนั้น
    อย่าคิดว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย
    ◇◇◇

    อ้างอิงจาก หนังสือ
    รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๑๔
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)


    ***************************************************



    *******************************************************


    20228370_1263463133782019_4848171178433569265_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2017
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    16999168_10154595300161666_1706276624404406635_n.jpg

    "จะช่วยใครเขา จะสร้างทำประโยชน์อะไร ให้คิดถึงข้า เอากำลังของข้าไป ข้าไม่หวง..."

    "หลวงปู่บอกไว้"


    *********************************


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    a.jpg



    ให้ถวายเป็นสังฆทาน

    หลวงพ่อท่านได้ชี้แจงถึงอานิสงส์ของการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ สามเณรว่า จะได้บุญยิ่งใหญ่ไพศาล เพราะพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ... พระสงฆ์เป็นประมุขหรือประธานของผู้ต้องการบำเพ็ญทาน พระสงฆ์เป็นประมุขของบุญ ถ้าต้องการบุญก็ให้ถวายในหมู่พระสงฆ์ จะเจาะจงภิกษุองค์ใด องค์หนึ่งนั้นไม่ควร ให้ทำใจให้เป็นกลาง

    หลวงพ่อท่านเน้นว่า "เป็นทายกต้องฉลาด โง่ไม่ได้ เพราะถ้าถวายเจาะจงเสียแล้ว ผลบุญก็ลดน้อยลงไป คนฉลาดต้องถวายให้เป็นกลาง จึงจะได้ผลบุญยิ่งใหญ่ไพศาล ที่เรียกว่าสังฆทาน และได้ชื่อว่า วางหลักพระพุทธศาสนา เพราะศาสนาของพระบรมศาสดา จะดำรงอยู่ได้ ก็เพราะอาศัยความเป็นกลาง"

    ภิกษุสามเณรก็ต้องประพฤติในพระธรรมวินัยให้เป็นกลาง ปฏิบัติให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างตน ไม่เข้าข้างบุคคลอื่น อุบาสก อุบาสิกาบริจาคทานในพระพุทธศาสนาให้ ให้เป็นกลาง ไม่ค่อนข้างตน หมู่ตนพวกตน ให้ให้เป็นกลาง อย่างนี้ได้ชื่อว่า บริจาคถูกทางสงฆ์ ถูกเป้าหมายของบุญ...

    **จากหนังสือ ตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    นิพพานถอดกาย และ นิพพานเป็น

    โดย
    หลวงป๋า



    “พระพุทธเจ้า” ที่บำเพ็ญบารมีบรรลุเร็วด้วยปัญญา (พระปัญญาธิกะพุทธเจ้า)
    ต้องบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยแสนมหากัปป์
    ที่บำเพ็ญบารมีสูงกว่านี้ ๘ อสงไขยแสนมหากัปป์ (พระสัทธาธิกะพุทธเจ้า)
    และยังมีที่บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยแสนมหากัปป์ (พระวิริยาธิกะพุทธเจ้า)
    เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย

    ขึ้นอยู่ที่ว่า ท่านปรารถนาที่จะเป็น “พระสัพพัญญูพุทธเจ้า”
    ในฐานะอะไร หรือ ด้วยคุณธรรมไหน

    คุณธรรม...จริง ๆ รวมกันหมดแหละ
    แต่ “เน้นหนักที่ปัญญา” ก็ ๔ อสงไขยแสนมหากัปป์
    “เน้นหนักที่ศรัทธา” ก็ ๘ อสงไขยแสนมหากัปป์
    “เน้นหนักที่ความเพียร” ซึ่งคลุมหมดทั้งศรัทธาและปัญญา ก็ ๑๖ อสงไขยแสนมหากัปป์


    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    โปรดสัตว์แล้ว...ก็จะ “ดับขันธ์” คือ กายเนื้อแตกทำลาย
    เข้าสู่ “ปรินิพพาน” ด้วย “ธรรมกายพระนิพพาน”
    ที่บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระองค์... สถิตอยู่ใน (อายตนะ) นิพพาน

    หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) ได้ค้นพบต่อไปว่า
    นิพพานนี้เป็น “นิพพานถอดกาย” (ถอดเบญจขันธ์) คือ “นิพพานของธรรมกาย”
    ซึ่งกายเนื้อแตกทำลาย จึงชื่อว่า ดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน
    ด้วย... “ธรรมกาย” พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ของ พระพุทธเจ้า
    หรือด้วย... “ธรรมกาย” พระอรหัต ของ พระอรหันต์



    แต่ก่อนหน้านี้ พระพุทธเจ้า...ก่อน ๆ นั้น บำเพ็ญบารมีมากยิ่งกว่านี้อีก
    จนพระวรกาย ธาตุธรรม “เห็น จำ คิด รู้” ... ใสบริสุทธิ์ เป็นแก้ว
    เข้านิพพาน “ทั้งกายเนื้อ” ทุกกาย ... สุดกายหยาบ กายละเอียด
    สถิตอยู่ใน (อายตนะ) นิพพานเป็น
    นี่เข้าสู่พระนิพพานด้วย “กายเนื้อ” คือ ใสเป็นแก้ว
    เมื่อสำเร็จแล้ว ... ใสเป็นแก้วไปหมด
    พระนิพพานที่ว่านี้ ชื่อว่า “พระนิพพานเป็น”




    ผู้ที่ปฏิบัติธรรมถึง พระนิพพานเป็น
    จะพบพระพุทธเจ้าที่ชื่อว่า “พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม”
    มีพระวรกายใหญ่ มีพระรัศมีมาก
    และบริสุทธิ์ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยบุญศักดิ์สิทธ์ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์
    อำนาจ สิทธิ สิทธิเฉียบขาด ฯลฯ
    มีพุทธานุภาพมาก
    สามารถช่วยสัตว์โลกได้นับประมาณไม่ได้ เรียกว่า แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล


    เมื่อมีพระพุทธเจ้าอย่างนี้ มาตรัสรู้แต่ละองค์ พร้อมด้วย...พระอนุพุทธะ
    หรือจะเรียกว่า “ต้นธาตุ” พร้อมด้วย “กลางธาตุ”
    สามารถจะช่วยสัตว์โลกได้เป็นแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
    รื้อสัตว์ขนสัตว์ แม้แต่มดแม้แต่ปลวก...ก็ไม่เหลือ
    เพราะ...อายุของท่านยืน...นั่นประการหนึ่ง

    ด้วยบุญศักดิ์สิทธ์ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์
    อำนาจ สิทธิ สิทธิเฉียบขาด ฯลฯ ของท่าน...อีกอย่างหนึ่ง



    เพราะฉะนั้น ผู้ที่บำเพ็ญบารมีอยู่ในสายธาตุธรรม…ที่เคยบำเพ็ญบารมีมาแล้ว
    จึงเข้ามาสู่ในสายธาตุธรรม...ที่เมื่อเจริญแก่กล้าแล้ว
    จะสมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยบุญศักดิ์สิทธ์ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ ฯลฯ ดังกล่าว
    ตามระดับภูมิธรรม...ที่ปฏิบัติได้
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20429925_1270680456393620_1173816075082821671_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20431712_1965713887005300_5707346525274467911_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20479549_1762998230380348_6514902631049469373_n.jpg

    **************************************************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    a.jpg



    "ตายก่อนกำหนด - ตายตามกำหนด" ถ้าไม่ฝึกก็ ... ลำบากหน่อย เพราะธาตุมันจะบีบ คนจะตายมีสองอย่างคือ มีตายก่อนกำหนด กับตายตามกำหนดทุกข์ทั้งสองอย่างถ้าไม่ฝึก เพราะธาตุ ธาตุไฟมันแตก บางคนก็โดนของแหลมของมีคม โดนโรค โดนความแก่ ธาตุไฟมันแตก ธาตุลมมันขาด จิต อทิสสมานกายควบคุมมันไม่ได้ ควบคุมธาตุไม่ได้ มันก็จำเป็นต้องเปลี่ยน เปลี่ยนธาตุไปตามกรรม กรรมเป็นตัวดึงไป ถ้าไม่ฝึกนะฮะ ถ้าคนตายก่อนกำหนด คือตาย เค้าเรียกตายโหง ที่เราตายอุบัติเหตุ อุบัติภัยทั้งหลายนะ มันไม่ได้ออกไปเลยนะฮะ มันยังเข้าไปควบคุมร่างมันอยู่นะฮะ แต่มันควบคุมไม่ได้แค่นั้นเอง เข้าๆ ออกๆ หลายรอบ พวกเนี่ย พอควบคุมไม่ได้ก็รู้สึกแล้ว ก็มีความเศร้าแล้วฮะ ตกอยู่ในภพภูมิ ยังไปไหนไม่ได้นะฮะพวกเนียะ แต่ถ้าตายตามกำหนดก็ไปตามกรรมเลย แต่ถ้าตายก่อนกำหนดมันก็ต้องเหลือเท่าไรก็เอา 50 คูณเข้าไป นับอายุทิพย์นะฮะ สมมติเหลืออีกสองปีนี่ คูณด้วยห้าสิบไป ยี่สิบปีทิพย์ฮะ สองหนึ่งเป็นสอง ยี่สิบปีทิพย์ หึๆ ยี่สิบปีทิพย์ เราเกิดมาอีกหลายรอบ ส่วนคนที่ฝึกกรรมฐานอย่างเราๆ ท่านๆ เนี่ย ถ้าจะตายมันจะรู้ฮะ มันจะรวมไป รวม ไม่มีทุกขเวทนา เหมือนกับนอนหลับธรรมดา มีประโยชน์หลังความตายในการฝึก ฝึกเตรียมตัวตาย บางคนฝึกจนรู้ว่าตายแล้วจะเกิดเลย หรือ ตายแล้วจะไปไหน

    Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ) Athinan Aumboon วัดพุทธพรมปัญโญ ถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    ในเรื่องการด่าพระ ที่ท่านมีวัตรปฏิบัติไม่เหมาะสม ควรหรือไม่ ?

    หลวงพ่อเล็กท่านสอนไว้ว่า "คนสมัยนี้ชอบเอาพระเป็นบันไดไปนรก ด่าพระได้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่านักบวช เป็นการยกตนข่มท่าน แสดงว่าไม่มีธรรมะที่แท้จริงอยู่ภายในใจ ถ้าเขาอยากลงต่ำก็ปล่อยเขาไป เราอย่าโดดตามไปด้วยก็แล้วกัน"

    และอีกครั้งที่มีคนถามท่านว่า "เราวิจารณ์พระไม่ได้หรือ ?" หลวงพ่อท่านตอบว่า

    "จำเอาไว้ว่า อะไรที่อันตรายอย่าไปแตะ"

    รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20604343_229701000886391_2565550360551273019_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20526346_1597067583646350_6918732899152836416_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    ☆ ปรามาสพระ ☆

    กรรมที่ทำได้ง่ายๆ แต่มีวิบากร้ายแรงเกินจะรับไหว

    ๏ พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม ๏

    หลังการดับขันธปรินิพพานของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธต่างพร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ว่า จะสร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์ และเทวาทั้งหลายได้มาสักการะบูชา ในสมัยนั้นพระอรหันต์เถระรูปหนึ่ง เห็นว่าหน้ามุขทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะยังขาดทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านจึงทำหน้าที่ผู้นำบุญไปโปรดญาติโยมตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวบุญนี้ ซึ่งมีสาธุชนร่วมบริจาคทองคำมามากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีผู้ใดที่ไม่มีส่วนร่วมในบุญครั้งนี้ เพราะผู้คนในสมัยนั้นรักการให้ทานมาก

    พระเถระได้เดินทางมาถึงบ้านของช่างทองผู้หนึ่งเพื่อบอกข่าวบุญนี้ ขณะนั้นเองช่างทองกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงได้พูดกับภรรยาด้วยอารมณ์โกรธเคืองว่า “ เธอจงโยนพระศาสดาของเธอลงน้ำไปเสีย ” แม้ภรรยากำลังทะเลาะกับสามี เนื่องจากเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงให้สติสามีว่า “ พี่ทำกรรมหนักแล้ว พี่โกรธฉันก็ควรด่าฉันสิ แต่พี่ไปว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้น มันเป็นบาปหนักนะ ” ช่างทองฟังดังนั้นก็ได้สติ เกิดความสลดใจ เขาขอให้พระเถระยกโทษให้ พระเถระกล่าวว่า “ ท่านไม่ได้ล่วงเกินเราหรอก แต่ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดา ท่านจงขอขมาต่อพระองค์เถิด ” ช่างทองถามพระเถระว่า “ พระคุณเจ้าผู้เจริญ จะให้กระผมทำอย่างไรดี จึงจะให้พระศาสดาอดโทษให้ ” พระเถระจึงบอกให้ช่างทองทำหม้อดอกไม้ทองคำสามหม้อ นำไปไว้ภายในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และให้ขอขมาโทษที่ได้กล่าวล่วงเกินพระบรมศาสดาต่อหน้าพระมหาเจดีย์ ช่างทองทำตามคำแนะนำของพระเถระ ได้ชักชวนลูกชายคนโตให้มาช่วยกันทำ แต่ได้รับการปฏิเสธว่า “ พ่อเป็นคนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้น พ่อทำคนเดียวเถอะ ” เขาจึงชวนลูกชายคนกลาง ก็ได้รับการปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อชวนลูกชายคนเล็ก ลูกคนเล็กกลับคิดว่า “ ธรรมดา กิจธุระของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ย่อมเป็นภาระของลูกด้วย เพราะภารกิจของพ่อคือหน้าที่ของลูก ” ดังนั้น ลูกคนเล็กจึงช่วยพ่อทำหม้อดอกไม้ทองคำจนสำเร็จ และนำไปบูชาพระเจดีย์

    ด้วยผลกรรมที่ช่างทองได้กล่าวร้ายต่อพระบรมศาสดาผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้จะขอขมาและตาม เศษกรรมก็ยังตามส่งผลให้ช่างทองเมื่อเกิดมา ต้องถูกลอยนํ้าถึง ๗ ชาติ

    ๏ แค่นึกปรามาส ตกนรกแล้วเป็นโรคร้ายซ้ำสอง ๏

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ในพระนครราชคฤห์ มีบุรุษเป็น โรคเรื้อนชื่อว่าสุปปพุทธะ เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ ก็สมัย นั้นแล พระผู้มีพระภาคแวดล้อมไปด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ สุปปพุทธกุฏฐิได้เห็นหมู่มหาชนประชุมกันแต่ที่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้มีความดำริ ว่าหมู่มหาชนจะแบ่งของควรเคี้ยว หรือของควรบริโภคอะไรๆ ให้ในที่นี้แน่แท้ ไฉนหนอ เราพึงเข้าไปหาหมู่มหาชน เราพึงได้ของควรเคี้ยวหรือควรบริโภคใน หมู่มหาชนนี้เป็นแน่ ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิได้เข้าไปหาหมู่มหาชนนั้นแล้ว ได้เห็นพระผู้มีพระภาคแวดล้อมด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ ครั้นแล้วได้มีความดำริว่า หมู่มหาชนคงไม่แบ่งของควรเคี้ยวหรือของควรบริโภค อะไรๆ ให้ในที่นี้ พระสมณะโคดมนี้ทรงแสดงธรรมอยู่ในบริษัท ถ้ากระไร แม้ เราก็พึงฟังธรรม เขานั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งในบริษัทนั้นเอง ด้วยคิดว่า แม้เราก็จักฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดใจของบริษัททุก หมู่เหล่าด้วยพระทัยแล้ว ได้ทรงกระทำไว้ในพระทัยว่า ในบริษัทนี้ ใครหนอ แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นสุปปพุทธกุฏฐินั่งอยู่ในบริษัทนั้น ครั้นแล้วได้ทรงพระดำริว่า ในบริษัทนี้ บุรุษนี้แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระองค์ ทรงปรารภสุปปพุทธกุฏฐิตรัสอนุปุพพิกถาคือ ทานกถา ศีลกถา สัคคกถา โทษแห่งกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และทรงประกาศอานิสงส์ในเนกขัมมะ เมื่อใด พระผู้มีพระภาคได้ทรงทราบว่าสุปปพุทธกุฏฐิมีจิตควร อ่อน ปราศจากนิวรณ์ เฟื่องฟู ผ่องใส เมื่อนั้น พระองค์ทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้า ทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ธรรมจักษุปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่สุปปพุทธกุฏฐิในที่นั่งนั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับเป็นธรรมดา เหมือนผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมด้วยดีฉะนั้น ฯ ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิมีธรรมอันเห็นแล้ว มีธรรมอันบรรลุ แล้ว มีธรรมอันรู้แจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งถึงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง บรรลุถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เชื่อต่อผู้อื่นใน ศาสนาของพระศาสดา ลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย บังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตาม ประทีปไว้ในที่มืดด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป ฯ

    ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ครั้งนั้นแล แม่โคลูกอ่อนชนสุปปพุทธกุฏฐิผู้หลีกไปไม่นานให้ล้มลง ปลงเสีย จากชีวิต ลำดับนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้ สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว กระทำกาละ คติของเขาเป็น อย่างไร ภพหน้าของเขาเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิเป็นบัณฑิต ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม และ ไม่เบียดเบียนเราให้ลำบากเพราะธรรมเป็นเหตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิ เป็นพระโสดาบัน เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งสาม มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ฯ

    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ สุปปพุทธกุฏฐิเป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว สุปปพุทธกุฏฐิเป็นเศรษฐีบุตรอยู่ในกรุงราชคฤห์นี้แล เขาออกไปยังภูมิเป็นที่เล่นในสวน ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าตครสิขีกำลังเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนคร ครั้นแล้วเขาดำริว่า ใครนี่ เป็นโรคเรื้อนเที่ยวไปอยู่ เขาถ่มน้ำลายแล้วหลีกไปข้างเบื้องซ้าย เขาหมกไหม้อยู่ในนรกสิ้นปีเป็นอันมาก สิ้นร้อยปี สิ้นพันปี สิ้นแสนปีเป็นอันมาก เพราะ ผลแห่งกรรมนั้นยังเหลืออยู่ เขาจึงได้เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ อยู่ใน กรุงราชคฤห์นี้แล เขาอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว สมาทานศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ครั้นอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วสมาทาน ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เป็น ผู้เข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาย่อมไพโรจน์ล่วงเทวดา เหล่าอื่นในชั้นดาวดึงส์นั้นด้วยวรรณะและด้วยยศ ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต พึงละเว้นบาปทั้งหลายในสัตว์โลก เหมือน บุรุษผู้มีจักษุ เมื่อทางอื่นที่จะก้าวไปมีอยู่ ย่อมหลีกที่อันไม่ ราบเรียบเสียฉะนั้น ฯ

    ๏ กรรมของปัญจปาปี ผู้หญิง ๕ บาป ๏

    อดีตกาลครั้งสิ้นพุทธกาลจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนไปแล้ว มีหญิงยากไร้คนหนึ่งอาศัยในนครพาราณสี วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งขยำดินเหนียวเพื่อใช้ทาฝาเรือนอยู่ ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเที่ยวบิณฑบาตหาดินเหนียวเนื้อดีเพื่อจะนำไปทาเงื้อมฝาที่อยู่อาศัยของท่านที่ชำรุด มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หญิงยากไร้นั้นรู้สึกโกรธ เธอทำหน้าบึ้ง มองค้อน และทำปากหมุบหมิบพูดประชดประชันพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า เช้าก็บิณฑบาตอาหาร พอสายยังมาบิณฑบาตดินเหนียวอีก พระปัจเจกพุทธเจ้าประสงค์จะโปรดหญิงยากไร้นั้น ท่านจึงยืนสงบนิ่งอยู่ ครั้นหญิงยากไร้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าสงบนิ่งอยู่ในอาการสำรวมเช่นนั้น ความรู้สึกโกรธก็หายไป กลับมีจิตเลื่อมใส เธอจึงยกดินเหนียวก้อนใหญ่ใส่ลงในบาตร

    เมื่อถึงกาลกิริยาแล้ว หญิงยากไร้นั้นได้ไปเกิดเป็นธิดาของหญิงทุคตะ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ประตูนอกเมืองพาราณสีนั้นเอง และด้วยวิบากกรรมที่เธอทำกิริยาไม่งามต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ร่างกายของเธอจึงผิดปกติ ๕ อย่าง คือ มือ เท้า ปาก ตา และจมูก เป็นหญิงอัปลักษณ์ ใครเห็นใครเมิน ใครมองก็รังเกียจ บางคนแค่เห็นหน้าก็จะอาเจียน ชาวบ้านเรียกเธอว่า ปัญจปาปี หรือหญิง ๕ บาป แต่เพราะกุศลกรรมที่ใส่บาตรด้วยดินเหนียว ผิวกายของนางจึงอ่อนนุ่มมาก ใครได้สัมผัสนางเป็นต้องหลงรักทุกคน ต่อมานางจึงได้เป็นราชินีถึงสองนคร มีสามีทีเดียวถึงสองคน

    ๏ กรรมของอัมปาลี เกิดเป็นโสเภณี ๏

    บุพกรรมของอัมพปาลีเกิดขึ้นในอดีตชาติเมื่อครั้ง ๓๑ กัปก่อน ครั้งนั้นเป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระสิขีทศพล นางอัมพปาลีเกิดเป็นธิดาตระกูลพราหมณ์ในนครอมรปุระ วันหนึ่งนางได้ด่าภิกษุณีรูปหนึ่งว่าเป็นหญิงแพศยา ด้วยเหตุที่ภิกษุณีรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ กรรมนี้จึงเป็นกรรมหนักมาก เมื่อทำกาละแล้วนางอัมพปาลีจึงต้องไปรับกรรมหมกไหม้อยู่ในนรกนานแสนนาน เมื่อพ้นกรรมหนักจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เศษของกรรมได้ส่งผลให้นางอัมพปาลีต้องเกิดเป็นหญิงแพศยามานับหมื่นๆ ชาติ จนถึงพุทธกาลปัจจุบันนางเกิดขึ้นโดยการอุบัติ (โอปปาติกกำเนิด) เป็นสาวสวยที่โคนต้นมะม่วงในพระราชอุทยานกรุงเวสาลี จึงได้ชื่อว่า อัมพปาลี แต่ด้วยเศษของอกุศลกรรมที่เคยด่าพระเถรีในครั้งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ ความงามของนางจึงเป็นโทษ เพราะทำให้บรรดาเจ้าชายลิจฉวีทะเลาะแย่งชิงกันเพื่อจะได้นางไปเป็นสนม คณะผู้พิพากษาแห่งวัชชีต้องยุติข้อขัดแย้งโดยตัดสินให้อัมพปาลีเป็นหญิงแพศยา เป็นนางคณิกานคร เป็นสมบัติของทุกคน การแย่งชิงนางจึงสงบลงได้ (ภายหลังบวชเป็นภิกษุณีและสำเร็จเป็นพระอรหันต์)

    ๏ กรรมของโสไรยบุตร จากชายกลายเป็นหญิง ๏

    โสไรยบุตร เป็นบุตรเศรษฐีในโสไรยนครซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใกล้กรุงสาวัตถี เขามีภริยา และมีบุตรชายแล้ว ๒ คน วันหนึ่ง โสไรยบุตรนั่งยานออกไปอาบน้ำนอกนครกับบริวาร ระหว่างทางเห็นพระมหากัจจายนเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ พระเถระรูปนี้มีรูปสวย มีผิวพรรณวรรณะงดงามดังทองคำ โสไรยบุตรเห็นพระเถระแล้วเผลอใจคิดไปว่า “สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้น่าจะได้เป็นภริยาของเรา” ด้วยจิตอันเป็นอกุศลต่อพระเถระขีณาสพผู้ล่วงอาสวะแล้ว เพศชายของโสไรยบุตรจึงหายไป กลับกลายเป็นเพศหญิงมาแทนที่ โสไรยบุตรกลับกลายเป็นโสไรยธิดา เป็นกุลธิดารูปงาม ด้วยความตกใจและความอายเธอจึงลงจากยานแอบหนีไป คนรู้จักแม้มองเห็นก็จำไม่ได้ว่ากุลธิดานี้คือโสไรยบุตร โสไรยธิดาลงจากยานแล้วไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เธอจึงเดินตามขบวนเกวียนสินค้าขบวนหนึ่งไป เมื่อเดินจนเมื่อย เธอจึงถอดแหวนให้ และขอนั่งไปบนเกวียน ขบวนเกวียนนั้นเดินทางถึงตักกศิลา แคว้นคันธาระ นายเกวียนคิดว่าบุตรเศรษฐีในกรุงตักกศิลายังไม่มีภริยา กุลธิดาผู้นี้มีรูปงามสมกัน เขาจึงพาโสไรยธิดาไปพบบุตรเศรษฐีหวังได้รางวัล บุตรเศรษฐีเห็นนางแล้วหลงรัก รับนางเป็นภริยา โสไรยธิดาจึงได้เป็นภริยาของบุตรเศรษฐีกรุงตักกศิลา ต่อมาเธอก็ตั้งครรภ์ และมีบุตรกับสามี ๒ คน ตอนนี้เธอจึงมีบุตรแล้ว ๔ คน บุตร ๒ คนแรกมีเธอเป็นบิดาอยู่ที่โสไรยนคร ส่วนบุตรอีก ๒ คนมีเธอเป็นมารดาอยู่ร่วมกันที่ตักกศิลา (ต่อมาโสไรยธิดาธิดาได้ขอขมาพระเถระจึงได้กลับเพศเป็นชาย ออกบวช และสำเร็จเป็นพระอรหันต์)

    ๏ กรรมของอุคคเสน จากบุตรเศรษฐีเป็นนักแสดงกายกรรม ๏

    ในอดีตกาลครั้งพุทธกาลของพระกัสสปทศพล ชนจำนวนมากช่วยกันสร้างเจดีย์บูชาพระบรมศาสดา ในครั้งนั้นมีสองสามีภรรยามีจิตศรัทธาขนของกินของใช้บรรทุกยานเดินทางไปร่วมงานก่อสร้างพระเจดีย์ ระหว่างทางพบพระเถระองค์หนึ่งกำลังบิณฑบาตอยู่ ภรรยาเห็นพระเถระจึงบอกสามีว่าของกินในยานเรามีจำนวนมาก นายจงนำบาตรของพระคุณเจ้ามาเพื่อถวายภิกษาเถิด

    เมื่อสามีรับบาตรมาแล้วภรรยาก็ใส่บาตรนั้นจนเต็ม ให้สามีนำกลับไปถวายพระเถระ เสร็จแล้วภรรยาได้กล่าวคำปรารถนาว่า ท่านเจ้าข้า ด้วยผลบุญที่ดิฉันและสามีได้ถวายภิกษาแก่ท่านนี้ ขอให้ดิฉันทั้งสองได้เห็นธรรมอันท่านได้เห็นแล้วด้วยเถิด พระเถระตรวจดูความปรารถนานั้นเห็นว่าจะสำเร็จสมความปรารถนาในพุทธกาลถัดไป ท่านจึงทำอาการยิ้ม ภรรยาเห็นพระเถระยิ้มจึงพูดกับสามีว่า ดูสินาย พระคุณเจ้าของเราท่านยิ้มเหมือนเด็กนักฟ้อนเลย สามีเห็นดีเห็นงามตามภรรยาตอบว่า จริงสิ

    แม้คำพูดนี้จะไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ แต่ก็เป็นกรรมที่ทำกับพระเถระขีณาสพ ในพุทธกาลปัจจุบันภรรยาผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นหญิงนักฟ้อน ส่วนสามีได้เกิดมาเป็นบุตรเศรษฐีในนครราชคฤห์ชื่อว่า อุคคเสน แต่เพราะเห็นดีเห็นงามไปกับภรรยาด้วยเขาจึงมีกรรมต้องออกจากเรือนเศรษฐีไปเร่ร่อนอยู่ในคณะมหรสพกับหญิงผู้เป็นภรรยา (ภายหลังทั้งสองสำเร็จเป็นพระอรหันต์)

    ๏ กรรมของพระจูฬปันถก ภิกษุปัญญาทึบ ๏

    จูฬปันถกเป็นหลานชายราชคฤห์เศรษฐี พี่ชายชื่อมหาปันถกซึ่งออกบวชและสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วมาชวนให้ออกบวชด้วย จูฬปันถกจึงออกบวชในสำนักของพระพี่ชาย แต่ด้วยกรรมเก่าเมื่อครั้งบวชเป็นภิกษุในพุทธกาลก่อน เคยพูดเยาะเย้ยภิกษุรูปหนึ่งว่าปัญญาทึบ แม้จะมีวาสนาบารมีจากการบวชมาแล้ว แต่กรรมเก่านั้นได้ส่งผลให้พระจูฬปันถกมีปัญญาทึบมาก พระพี่ชายให้ท่องคาถาแค่ ๔ บาท ใช้เวลาท่อง ๔ เดือนยังท่องไม่ได้ จนถูกพระพี่ชายไล่ให้สึกไปยืนร้องไห้อยู่ที่ซุ้มประตูวิหาร (สุดท้ายได้อุบายธรรมโดยตรงจากพระบรมศาสดา สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก และมีปัญญามาก)

    ๏ กรรมของวัสสการพราหมณ์ เกิดเป็นลิง ๏

    วัสสการพราหมณ์เป็นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ เป็นคนมีปัญญามากกว่าอำมาตย์อื่นจึงเป็นที่ไว้วางพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู ได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้าทูลถามราชกิจจากพระบรมศาสดาบ่อยๆ แต่วัสสการพราหมณ์เป็นคนนอกศาสนา แม้จะไปเฝ้าพระศาสดาบ่อยครั้ง แต่ก็ไปเพราะพระบัญชาของพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ได้ไปเพราะนับถือพระรัตนตรัย

    วันหนึ่งวัสสการพราหมณ์เห็นพระมหากัจจายนะเถระลงมาจากเขาคิชฌกูฏิ ด้วยความคะนองปากจึงเอ่ยวาจาเปรียบพระกัจจายนะเถระว่าคล้ายลิง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า การพูดปรามาสพระอรหันต์ขีณาสพผู้พ้นอาสวะแล้วเป็นกรรมหนัก กรรมนี้จะทำให้วัสสการพราหมณ์ต้องไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในวัดเวฬุวัน ต้องขอขมาโทษจากพระเถระจึงจะพ้นจากกรรมนี้ได้

    วัสสการพราหมณ์ฟังแล้วไม่ได้ทำตาม แต่ก็ครั่นคร้ามว่าคำของพระศาสดาไม่เคยคลาดเคลื่อน เขาจึงเร่งปลูกไม้ผลสารพัดชนิดภายในวัดเวฬุวัน และว่าจ้างคนมาดูแลสวนเป็นอย่างดี หวังเพียงว่าเมื่อต้องไปเกิดเป็นลิงเขาจะได้มีผลไม้กิน เมื่อทำกาละแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ได้ไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในเวฬุวันวิหารสมดังพุทธดำรัส เวลาใครเอ่ยชื่อเรียกวัสสการพราหมณ์ ลิงตัวนี้ก็จะเข้ามายืนใกล้ๆ ด้วยความเข้าใจ
    ขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อนครับ สำหรับธรรมะนี้

    ***#ดังนั้นให้เราหมั่นขอขมาพระรัตนตรัยทุกๆวัน***
    เพราะเราไม่รุ้ว่าบุคคลที่เราเดินผ่านไปผ่านมา หรือว่าพบเจอ แล้วเราไปแสดงอากัปกิริยานไม่เหมาะสม ใส่ท่าน บุคคลเหล่านั้น ท่านเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่
    เพื่อความปลอดภัยและเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง ให้เราอย่าประมาท ปรามาสพระรัตนตรัยเด็ดขาด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บพลังจิต ที่ค่อนข้างจะมีทั้งพระโพธิสัตว์ ทั้งพระอริยเจ้า แวะเวียนมาเสมอๆ ดังนั้นอย่าไปปรามาสท่านใดเป็นอันขาดครับ

    ความหายนะที่ร้ายแรงก็คือ การหลงว่าเราบรรลุธรรมไปแล้ว เพราะถ้าเราหลงว่าตัวเองบรรลุโดยที่ยังไม่ได้บรรลุจริงๆแล้วล่ะก็

    ส่วนมากจะกู่ไม่กลับและมีอบายภูมิเป็นที่ไปครับ
    แล้วยิ่งเราไปสอนคนผิดๆ เพราะหลงว่าตัวเองบรรลุธรรมไปแล้ว
    ยิ่งสอนคนด้วยธรรมะผิดๆไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ เราเองก็จะยิ่งต้องชดใช้กรรมนานเท่านั้นครับ

    ดังนั้นอย่าเผลอปรามาสพระเป็นอันขาดครับ


    คำขอขมา พระรัตนตรัย (ก่อนอาราธนาพระกรรมฐาน)

    อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง,
    อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
    มะยา กะตัง ปุญ ญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง,
    สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง,
    ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อนุโมทามิ,
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต (กราบ ๑ ครั้ง)

    (คำแปล) ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ ขอท่านจงอดโทษแก่ข้าพเจ้า
    บุญที่ข้าพเจ้าทำแล้ว ขอท่านพึงอนุโมทนาเถิด
    บุญที่ท่านทำ ท่านก็พึงให้แก่ข้าพเจ้าด้วย

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต,
    อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง,
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
    อุกาสะ ขะมามิ ภันเต (กราบ ๑ ครั้ง)

    ---------------------------------------------
    ที่มา คู่มือทำวัตรกรรมฐาน ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า(หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน)
    คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ)


    *************************************************************************************

     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20622321_1893813430634446_8742802825570589693_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20663812_1662819560426420_7992788102655908638_n.jpg
    *************************************************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20664798_1283216875139978_7571039186802836778_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,170
    ค่าพลัง:
    +70,617
    20770108_1767629286598476_7049307901393672585_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...