คาถาลงจากคาน! คิ คิ คิ

ลืบบอกไปสำคัญมากๆ!!!!!!!!!!! ตอนท่องคาถาต้องอย่า"อยากเห็น"เด็ดขาด หมายความว่า ทำใจให้สบายๆ คิดว่าเรากำลังทำสมาธิ ทำใจสบายๆ ให้ทำเป็นสามธิ จึงจะเกิดผล......

 

กลัวท่องแล้ว ไม่มีใครในฝันอะคับ (ความว่างเปล่าหรือเห็นคานเหมือนเดิม) มายก๊อด

 

คาถาขึ้นคานแบบไม่ตกอ่ะมีมั๊ย 555 หนูตาถาม

 

ใช่ๆมีหลายคนไม่กล้าดูเพราะกลัวจะไม่เห็นใครในฝัน อันนี้จริงๆๆ555555

 

มีสิมี55555 คือก่อนขึ้นให้เอาไม้คานไปสัก2ท้อนแล้วหนีบไว้ที่ลักแล้ ยังไงก็จะไม่ตกจากคานอย่างแน่นอน........หิหิหิหิ

 

คานเหม็นแน่คราวนี้ อิอิอิ

 

จะลงจากคานกันไปทำไมล่ะครับ...มีแต่ตัวเราก็ขันธ์5แล้ว
จะไปหาสามี-ภรรยาให้เป็นขันธ์10 ขันธ์15เพิ่มความทุกข์
ให้ตัวเองไปทำไม???

 

อ่านแล้ว..อืมมม..เนาะ ฮิฮิ

 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ พอดีเพิ่งเข้ามาเจอ จริงๆแล้วคาถานี้ไม่ได้เป็นคาถามหาเสน่ห์แต่อย่างใด แต่เป็นคาถาที่มีกล่าวไว้ในพระสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงอธิบายเรื่องความรัก
ซึ่งตัวคาถาที่ถูกต้องจริงๆ ก็คือ
ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ
ปัจจุปปันนะ หิเตนะ วา
เอวันตัง ชายะเต เปมัง
อุปลัง วะ ยโถทเก ฯ
ซึ่งแปลว่า
ความรักเกิดขึ้นได้ 2 สถาน คือ
ด้วยการอยู่ร่วมกันมาในชาติก่อนด้วย
ด้วยการเกื้อกูลกันในปัจจุบันชาติด้วย
เปรียบเหมือนดอกบัวที่เกิดด้วยเหตุ 2 สถาน
คือเกิดจากเชื้อในน้ำด้วย
เกิดจากโคลนตมด้วย ฉะนี้ ฯ
พอดีเป็น1ในบทเรียนที่เรียนตอนประโยค 4 ตอนเป็นพระ แล้วรู้สึกว่ายิ่งแพร่ไปยิ่งผิดเพี้ยน เลยขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยคน *-*