คนที่ไม่เคยเห็นวิณญานเลย แสดงว่าเป็นคนที่บุญน้อยรึเปล่าคะ...

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย deedyangels, 11 สิงหาคม 2008.

  1. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ขอขอบคุณ คุณ visnu คุณสันโดษ คุณ slamb ที่ได้เข้ามาช่วยไขความข้องใจให้กับ pucca และ น้อง deedyangles นะคะ

    และนี่เป็นคำตอบที่คุณ slamb ช่วยตอบมา หากน้อง deedy ยังมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็สอบถามท่านผู้รู้ได้เลยนะคะ ใน web ของเรามีคนเก่งหลายคนค่ะ

    นี่เป็นคำตอบของคุณ slamb ค่ะ

    สวัสดีครับ

    ตามหลักพระพุทธศาสนาเรา คนเราเมื่อตายแล้วมีอยู่สามหนทาง ที่จะไปคือ

    1. เมื่อขณะกําลังจะตาย จิตใจผ่องใส ยึดมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย หรือในบุญคุณงามความดีต่างๆ จิตเขาจะไปเกิดที่สวรรค์ชั้นฟ้าในทันที เหมือนหลับแล้วตื่น

    2. เมื่อขณะกําลังจะตาย จิตใจเศล้าหมอง นึกถึงแต่เรื่องบาป ที่เขาเคยทํามา จิตเขาจะไปเกิดในอบายภูมิทั้ง4 มีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรฉาน เหมือนหลับแล้วตื่นเช่นกัน

    3. ตายโดยที่จิตเขา ยังไม่ได้จับอยู่ในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นที่แน่ชัด พวกนี้จะต้องผ่านสํานักพยายม เพื่อให้ท่านพยายมตัดสินก่อน จึงจะไปเกิดตามกรรมดีหรือกรรมชั่ว

    ส่วนที่มาปรากฏให้ผู้คนเห็นนั้น ความเป็นจริงพวกเขาเกิดแล้ว คืออาจจะเกิดเป็นเปรตหรืออสุรกายบางจําพวก ที่ไม่มีบาปหนักมากนัก และอยู่ไกล้กับภพภูมิของมนุษย์เรา ที่พวกเขามาปรากฏให้เห็นเพราะพวกเขาต้องการบุญ เพื่อที่เขาจะได้หลุดพ้นจากความทรมานจากการหิวโหยและ ฯลฯ พระท่านจึงสอนให้แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญ ครับ

    บางคนเห็นญาติที่ตายไปมาปรากฏให้เห็น ก็ทําบุญให้บ่อยๆ แล้วต่อมาไม่มาให้เห็นอีกเลย นั่นแสดงว่า เขาไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นแล้ว

    คําว่าผี จึงเป็นคํารวมๆ เช่นผีเปรตเป็นต้น เปรตนี่มี12จําพวก แต่มีหลายชนิดมาก เป็นพันๆชนิดตามแต่กฏของกรรมของเขา บางคนก่อนตาย จิตห่วงลูกหลานมาก ตายไปก็เกิดเป็นเปรตทันที และมาแสดงปรากฏให้ลูกหลานเห็น ในรูปแบบต่างๆ

    คงพอจะเข้าใจบ้างแล้วนะครับ ว่าผีที่เขามาแสดงให้เห็นนั้น คือเขาเกิดแล้ว ไม่ได้เป็นวิญญาญล่องลอยอะไรอย่างที่คิดกัน เพียงแต่ว่าจะเกิดเป็นอะไร เป็นอีกเรื่องนึงครับ


    ส่วนคนที่เห็นผี อันนี้มีหลายสาเหตุมากๆ อาจจะเป็นคนจิตอ่อน เขาจึงแสดงให้เห็นได้ง่าย
    หรืออาจจะเป็นคนมีภูมิจิตในเรื่องของสมาธิมาก่อน
    หรืออาจจะเคยเป็นญาติๆกันมา
    หรืออาจจะอยู่ในสถานที่ ที่เหมาะที่ผีจะปรากฏตัวให้เห็นได้ง่าย
    หรือเป็นคนมีเมตตาสูง มีบุญมาก และ ฯลฯ ^_^

    หวังว่าคงจะช่วยให้หายสงสัยบ้างไม่มาก็น้อยนะครับ

    อนุโมทนาสาธุครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    กราบขอบพระคุณ พระคุณเจ้า พระไตรภพ ด้วยนะคะ

    นี่เป็นคำสอนที่พระคุณเจ้าได้ตอบมา คิดว่าถ้าน้อง deedy ได้อ่านคำตอบจากหลาย ๆ ท่านที่ได้เข้ามาช่วยตอบคำถามแล้วคง คลายความสงสัยได้บ้างนะคะ

    นี่เป็นคำสอนจากพระคุณเจ้านะคะ

    ผีในนรก เขาไม่ขึ้นมาบนพื้นโลกหรอก

    แต่ที่เห็นผีนั้นเขาเป็นจำพวก เปรตบางจำพวก

    หรืออสูรกายบางจำพวก

    ต้องเข้าใจว่า เปรต กับอสูรกายนั้น เขาไม่ได้อยู่ในนรก เขาจะอยู่ตามสถานที่ต่างๆที่เขาหวงแหน

    เช่น อสูรกายเฝ้าทรัพย์สมบัติอาศัยตามบ้านเก่าเมืองโบราณ

    เปรต พวกหิวโหย เขารอคอยญาติเขาอุทิศบุญให้

    แล้วก็พวกรุกเทวาต่างๆ พวกที่สิงสถิตตามศาล บางพวกเขาเป็นอสูรกายที่มีฤทธิ์ บางพวกเป็นเทพบริวารของท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ เช่นพวกกุมพัน เป็นต้น

    ให้แยกกันนะ คนที่ตายไปแล้วนั้นไม่ใช่จะไปนรกหรือสวรรค์เพียง เท่านั้น ยังมีพวกที่มีภพภูมิที่ต้องอาศัยกันกับภูมิมนุษย์อยู่

    เช่น ญาติของเราบางคนเขาห่วงสมบัติมาก ตายไปเขาก็เป็นเปรต วนเวียนอยู่แถวบ้าน รูปร่างหน้าตาเขาอาจจะเหมือนเดิม แต่ว่าจิตใจเขาจะหลงเหลืออยู่เพียงอาการของจิตตอนจะสิ้นลม คือห่วงหวง
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อธิบายง่ายๆก็คือ

    1.มาให้เห็นเพราะไปท้าทาย

    2.มาให้เห็นเพราะเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกัน

    3.มาให้เห็นเพราะต้องการความช่วยเหลือ

    อย่าไปกลัวเลยครับ ถ้าเราทำดีเขามาให้เห็นเราควรจะดีใจที่เรามีโอกาศได้ช่วยเขาครับ เพราะยากจะเจอทีนึงต้องคลื่นจูนตรงกันพอดีครับ ^^
     
  4. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    - มาให้เห็นเพราะอยากหยอกล้อ แหะ ๆ
     
  5. ta_e55

    ta_e55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +2,302

    ที่ท่านพยายมยังไม่เอาตัววิญญาณสัมพเวสีไปพิพากษาก็เพราะว่า เขายังไม่ถึงที่ตาย คือ ตายก่อนกำหนดอายุขัยค่ะ เลยยังไม่สามารถนำไปตัดสินได้ เขาต้องวนเวียนเร่ร่อนจนกว่าจะครบอายุขัยจริง ยมทูตท่านถึงจะนำไปตัดสินได้
    ถึงได้เรียกว่าสัมพเวสี ไงคะ หมายถึง พวกที่ยังหาที่เกิดไม่ได้ แล้วที่บอกตายก่อนอายุขัย หมายถึง ถูกกรรมเก่ามาตัดรอนอายุค่ะ แบบว่ากำลังบุญกำลังอ่อน เลยถูกเจ้ากรรมนายเวรตามทวงชีวิต ก็เลยตายก่อนอายุขัย

    พวกสัมพเวสีนี้ ถ้าจะไปเกิดใหม่ได้ เราต้องทำบุญให้เขาแบบเฉพาะเจาจงด้วยค่ะ ห้ามแบ่งบุญให้ใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ได้รับ เพราะบุญไม่ถึงตัวเขาค่ะ
     
  6. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    นี้คือความเชื่อ แต่สำหรับอาตมาแล้ว ไม่เชื่ออย่างนั้นเลย และไม่เคยเชื่อว่า
    ตายก่อนอายุขัยจะมีได้ ทุกๆคนถึงเหตุปัจจัยอันเหมาะแก่ตนๆเองแล้ว จึงต้องตาย หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่ขัดกันเอง ภพภูมิทั้งหมด ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย จะเอาอะไรมาวัดว่าตายก่อนอายุขัย ในเมื่อเราทุกๆคนไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวเลยว่า ต้องเกิดมาอายุยาวนานกี่ปี ทุกๆคนเกิดมาย่อมมีความตายห้อยคอมากันทุกๆคน

    คำว่าสัมพเวสี นั้นหมายเอาทุกๆดวงวิญญาณ หนึ่งในนั้นก็คือเราเอง ที่ยังต้องหาที่เกิดอยู่ นับตั้งแต่พระอนาคามีลงมา จนถึงคนธรรมดาอย่างเราๆนี้
    ย่อมได้ชื่อว่าสัมพเวสีโดยทั้งสิ้น

    มีแต่ท่านผู้สิ้นอาสาวะแล้ว สิ้นกิเลสแล้วเท่านั้นเองที่ท่านไม่ใช่สัมพเวสี เพราะท่านไม่ต้องแสวงหาที่เกิดอีกแล้ว

    แต่ความเชื่อของเราท่านบางกลุ่มบางเหล่าอาจจะโดยส่วนมากเสียด้วยซ้ำ ที่ไปให้ความหมายคำว่า สัมพเวสี ว่าคือ ผู้ตายก่อนอายุขัย จึงต้องร่องลอยอยู่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด

    การตกค้างอยู่ของตนตายแล้วไม่มี เขาทั้งหลายนั้นเมื่อตายไปย่อมปฏิสนธิโดยทันที สิ่งที่เขาเป็นนั่นแหละนะคือสิ่งที่เขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง เพราะเขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว หากเขาเป็นคนเดิมอยู่เขาคงคุยกับเราได้เหมือนๆเดิม

    แต่นี่ก็เป็นเพียงความเชื่อของอาตมานะ และจะไม่ขอเชื่ออย่างอื่นอีกนอกจากนี้ แต่ก็ไม่ขอค้านความเชื่อของผู้อื่นนะ
    ทำดี ดีส่งให้ผลขาว ทำชั่วร่าวกับสาดโคลนถมตนหนอ
    ทำดีดีส่งให้สุคตินั้นมารอ ทำชั่วหนอไม่ต้องถามทุกข์ถมตน

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. ta_e55

    ta_e55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +2,302
    สวัสดีค่ะหลวงพี่
    เห็นหลวงพี่บอกว่าการตกค้างอยู่ของตนตายแล้วไม่มี เขาทั้งหลายนั้นเมื่อตายไปย่อมปฏิสนธิโดยทันที

    ถ้าอย่างนั้นช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะว่า ถ้าไม่มีการตกค้างของคนตาย แล้วทำไมถึงมีวิญญาณต่างๆ มาขอส่วนบุญเพื่อไปเกิดใหม่ล่ะคะ หรือทำไมมีวิญญาณวงเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ได้ล่ะค่ะ

    เพราะข้อความก่อนหน้านี้ หนูตอบจากการอ่านหนังสือธรรมะ ที่มีพระท่านเคยตอบไว้ ไม่ได้เอามาบอกส่งเดชนะคะ
    แล้วที่เรียนถามท่านนี้ ไม่ได้จะปรามาสอะไรเลยนะคะ เพียงแต่คิดว่า มันเป้นไปไม่ได้เลยกับความเชื่อของหลวงพี่ที่บอกในประเด็นว่า การตกค้างอยู่ของตนตายแล้วไม่มี เขาทั้งหลายนั้นเมื่อตายไปย่อมปฏิสนธิโดยทันที หนูสงสัยเฉพาะประเด็นนี้ค่ะ
     
  8. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521

    สาธุ อาตมาไม่เถียงใครหรอกนะ แต่อาตมาก็ไม่ได้เชื่อใครแม้แต่ตนเอง กว่าอาตมาจะเชื่อได้ก็นานโขที่เดียว ไม่มีอะไรหรอกนะ เรื่องปรามาสหรือไม่ปรามาสนั้น ก็สุดแต่คุณโยมเถอะนะ เพราะว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ห้ามกันไม่ได้ บวชเป็นพระแล้วห้ามโยมด่าก็คงไม่หมดความโกรธสักทีนะ

    สาธุ อาตมาผู้นี้ ก็ยังอ่อนหัดนัก แต่ก็ไม่ใช่จะขาดสิ้นความรู้และมิใช่ถือทิฐิตนเป็นใหญ่ ฟักใฝ่ข้างใดแล้ว็เชื่อข้างนั้นไปจนไม่ใยดีหลักเกณอื่นๆที่นหน้าศึกษา อาตมาออกบวชมา 16 พรรษานี้ ผ่านป่าเขามาหลายปี และผ่านตำรามาหลายเล่ม จึงปักใจเชื่ออย่างนั้นเอง
    คุณโยมอย่าได้ใส่ใจกับอาตมาเลย สาธุ

    ต้องเข้าใจเรื่องของภพภูมิ ผู้ที่มาขอส่วนบุญได้ก็เพราะภูมิของเขานั้นพอเหมาะแก่การขอส่วนบุญได้อยู่ เช่นพวกเปรตบางจำพวก สาธุ ที่จริงแล้วคำตอบนี้คุณโยมท่านนึงได้นำเอาคำตอบของอาตมามาตอบไว้แล้ว

    แต่เป็นการตอบแบบสั้นๆนะ หากไม่เข้าใจให้ถามได้

    คำตอบมีดังนี้

    นี่เป็นคำสอนจากพระคุณเจ้านะคะ

    ผีในนรก เขาไม่ขึ้นมาบนพื้นโลกหรอก

    แต่ที่เห็นผีนั้นเขาเป็นจำพวก เปรตบางจำพวก

    หรืออสูรกายบางจำพวก

    ต้องเข้าใจว่า เปรต กับอสูรกายนั้น เขาไม่ได้อยู่ในนรก เขาจะอยู่ตามสถานที่ต่างๆที่เขาหวงแหน

    เช่น อสูรกายเฝ้าทรัพย์สมบัติอาศัยตามบ้านเก่าเมืองโบราณ

    เปรต พวกหิวโหย เขารอคอยญาติเขาอุทิศบุญให้

    แล้วก็พวกรุกเทวาต่างๆ พวกที่สิงสถิตตามศาล บางพวกเขาเป็นอสูรกายที่มีฤทธิ์ บางพวกเป็นเทพบริวารของท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ เช่นพวกกุมพัน เป็นต้น

    ให้แยกกันนะ คนที่ตายไปแล้วนั้นไม่ใช่จะไปนรกหรือสวรรค์เพียง เท่านั้น ยังมีพวกที่มีภพภูมิที่ต้องอาศัยกันกับภูมิมนุษย์อยู่

    เช่น ญาติของเราบางคนเขาห่วงสมบัติมาก ตายไปเขาก็เป็นเปรต วนเวียนอยู่แถวบ้าน รูปร่างหน้าตาเขาอาจจะเหมือนเดิม แต่ว่าจิตใจเขาจะหลงเหลืออยู่เพียงอาการของจิตตอนจะสิ้นลม คือห่วงหวง


    มีอะไรถามได้นะ สาธุ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2008
  9. ta_e55

    ta_e55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +2,302
    .......................
    กราบนมัสการหลวงพี่ ค่ะ
    หนูคงไม่กล้าถามอะไรหลวงพี่แล้วล่ะค่ะ เพราะกลัวว่าถามมากไป จะกลายเป็นบาปเปล่าๆ โดยไม่ได้เจตนา
    ขอบพระคุณค่ะ
     
  10. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    1.ไม่จำเป็น
    2.ไม่จำเป็น
    3.ไม่จำเป็น
     
  11. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    สาธุ หากยังไม่สิ้นสงสัย มีข้อแย้งใดๆ ก็ถามได้อย่ากลัวบาปเพราะการถามธรรมเลย จงกลัวบาปเพราะความเห็นผิดจากคลองธรรมเถิด การถามธรรมนั้นหาได้เป็นบาปไม่ หากเรามีจิตมุ่งสู่การแสวงหาความรู้อย่างแท้จริง

    แต่หากว่าเราเป็นเพียงถือทิฐิเพราะว่ายึดถือมา และเชื่อจนสุดโต่งน้อมใจเพื่อประหัดประหารเสียซึ่งอีกฝ่ายด้วยแรงแห่งทิฐิแล้ว นั่นแลจึงจะกลายเป็นบาป

    หากการถามจะเป็นเหตุปัจจัยของการเข้าถึงพระสัจจธรรมอันอุดมแท้แล้ว ก็จงถามเถิด ไม่แน่ อาตมาภาพผู้นี้อาจจะเห็นพระธรรมแท้ๆเพราะการได้ฟังธรรมคำสอนจากคุณโยมก็ได้ อย่ามัวกลัวเลยการสางออกซึ่งสิ่งปลอมปนในความรู้เพื่อให้มีแต่ความรู้อันแท้จริงนั้น คงมีค่ามาก แต่ถ้าหากไม่สางออกหมักหมมความรู้อันเป็นโทษภัยเอาไว้แล้ว คงจะแย่ไปอีกหลายภพชาติ

    ทั้งอาตมาเอง และ คุณโยมด้วยนะ อาตมายินดีรับฟังทุกๆเรื่อง ไม่โกรธอันใดเลย หากมีเหตุผลที่ดีกว่าอาตมาก็ยอมรับและจะทิ้งทิฐิตนเสียโดยเร็วไม่เก็บไว้ให้เสียชาติเลย

    สาธุ สาธุ สาธุ

    วิสัยแห่งผู้มิรู้จักฝึกตนย่อมตกลงสู่ห้วงเหวอันกว้างใหญ่และลึกนัก

    การสร้างกรรมอันใหญ่หลวงบางครั้งอาจจะมาจากคำหวานที่ประหารธรรม

    การสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่อาจมาจากคำไม่เพราะเสนาะโสตแต่ประหารกิเลสให้สิ้นสูญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  12. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896



    อนุโมทนา สาธุค่ะ พระคุณเจ้า
     
  13. deedyangels

    deedyangels สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาสาธุ กับทุกท่านนะคะ
    หลังจากที่ติดงานหลายวัน พอมีโอกาสได้กลับเข้ามาอ่านกระทู้อีกครั้ง
    เรารู้สึกว่า มีหลายท่านที่มีความคิดเห็นของตัวเองซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลดีกับเราทั้งสิ้น
    ไม่ว่าสิ่งไหนจะถูกหรือว่าผิด คงจะต้องรู้ได้ด้วยตนเองเหมือนที่คุณ "สันโดษ" โพสไว้

    ขอบคุณ คุณพี่
    pucca2101 ด้วยนะคะที่คอยช่วยให้คำแนะนำที่ดีมากๆ และอีกหลายๆ ท่าน
    ที่เข้ามาโพสให้ความรู้เพิ่มเติม

    ท่านใดที่มีประสบการณ์นอกเหนือจากทุกท่านที่โพสไว้ รบกวนนำมาเผยแพร่ด้วยนะคะ เราคิดว่า
    จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับตัวเราและคนอื่นๆที่สนใจค่ะ

    ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความเจริญ ปรษสจากทุกข์โศก โรคภัย นะคะ
    สาธุ สาธุ สาธุ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2008
  14. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    พระอาจารญ์ ตอบได้ถูกต้องแล้วครับ
    ผมไม่ทราบว่าคนปรกติเค้าเห็นผีกันยังไง เพราะผมเห็นอยู่ทุกวัน ที่ว่าผีมีอยู่ทุกที่นั้นไม่จริง เพราะถ้าที่ไหนมีคนที่ มีบูญยาธิการมากๆมีเทพมาอยู่ดูแล พวกนี้ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นกิโลเลย
    และไม่จริงที่ผีกลัวพระเพราะว่าวันไหนผมตืนเช้าไปใส่บาตรจะเห็นผีห้อยตามพระเป็นพวงมะม้วงเลย เคยตามไปดูเลยรู้ว่าที่ตามไปนะไปลอพระฉัน ฉันเสร็จแแล้วพระจะให้พร เลยรู้ว่าทำไม่พระพุทรเจ้าจึงให้พระสงค์บิณฑบาต นอกจากการฝึกตนโปรดสัตว์ที่ทังมีชีวิต แล้วยังโปรดวิญาณด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2008
  15. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    อนุโมทนา สาธุค่ะ

    ขอบคุณคุณ deedy ด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็ทำให้ pucca ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
     
  16. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ผมก็คิดสงสัยเหมือนเจ้าของกระทู้ครับ อยากติดต่อกับวิญญาณของญาติที่เสียชีวิตไป ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้ผมอยากนั่งสมาธิ อยากติดต่อกับวิญญาณอื่น ๆ ว่าทำไม ถึงมากระทำกับเรา อยากให้เราทำอะไร แต่ผมก็ไม่ได้นั่งสมาธิแบบจริงจังเลย ผมว่ที่สำคัญนะครับ รักษาศีล 5 ให้ได้ก่อนเลย นั่งสมาธิ แผ่เมตตา เท่านี้ ก็หวังว่า เจ้าของกระทู้ จะได้สัมผัสกับวิญญาณได้นะครับ
     
  17. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    สาธุ คำว่าไม่จริงที่ผีจะกลัวพระ เป็นความจริงแท้ๆ เพราะพระเป็นบุคคลที่ไม่น่ากลัวเลย
     
  18. deedyangels

    deedyangels สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +3
    กราบเรียนถาม พระไตรภพ นะเจ้าคะ

    ถ้าเกิดผีไม่กลัวพระแล้ว ผีจะกลัวอะไรหรือเจ้าคะ???
    หรือว่าจะกลัวเฉพาะพระที่ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม
    อย่าเคร่งครัด อันนี้มีส่วนรึเปล่าเจ้าคะ
     
  19. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    กลัวหนะไม่กลัวหรอกคุณโยม ถ้าเป็นพระไม่ดีไม่มีคุณธรรมยิ่งไม่กลัว

    แต่ถ้าเป็นพระที่ท่านมีศีลธรรมดี ก็เกรงใจกันอยู่แต่เขาไม่ได้กลัวหรอก

    แถมยังจะดีใจเสียด้วยซ้ำไปที่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองท่าน รับส่วนบุญกับท่าน

    ท่านมีเมตตาจิต ผีสางนางไม้เทวดารัก ตามพิทักรักษา ไม่กลัวแต่เกรงใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2008
  20. deedyangels

    deedyangels สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอกราบขอบพระคุณพระไตรภพนะเจ้าคะ ที่ให้ความรู้เพิ่มเติม

    แสดงว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเลยใช่รึเปล่าคะที่จะเป็นเครื่องป้องกันภัย
    จากวิญญานปองร้าย หรือจากคุณไสย์ ต่างๆ
    โดยปรกติดิฉันไม่เคยเจอหรอกค่ะ แต่เห็นตามหนัง ตามทีวี ที่มีคนเค้าเจอกัน
    หรือโดนคุณไสย์กัน จะป้องกันหรือแ้ก้โดยคาถาอาคมค่ะ
    แล้วคาถาต่างๆของพระเกจิอาจารย์ ที่บอกสรรพคุณในการป้องกันตัว
    ที่มีตามหนังสือนี่เป็นเพียงของสมมติหรือคะ ไม่มีอิทธิฤทธิ์ตามที่เขียนไว้ใช่รึเปล่าคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...