ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

จารโม่กะจารเม้าส์ เช็ครายชื่อกับจำนวนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

 

บางส่วนที่แพ็คเสร็จแล้ว

 

พระอาทิตย์ตกดินและรุ้งกินน้ำ ที่อาคารฝักข้าวโพด

 

ลด ละ เพื่อเดินทางสู่ความว่างเปล่า

 

สาธุ...
มานะทั้งหลายล่มสลายด้วยลงด้วยความอ่อนน้อม
ความอ่อนน้อมย่อมนำปัญญามาสู่ผู้อ่อนน้อม

ผู้ใดกล้าหาญยอมมอบกายถวายชีวิตอยู่ใต้บาทแห่งพุทธองค์
ผู้ใดเล็กยิ่งกว่าธุลีที่รองอยู่ใต้พุทธบาท
ผู้ใดอ่อนน้อมต่อธรรม ผู้นั้นย่อมได้รับธรรมเป็นเครื่องคุ้มครอง

 

ทุกบรรทัด
ทุกข้อความ
ที่อาจารย์ไอยได้กล่าวมานั้น
ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ขอขมากรรม
ขอความมุ่งมั่นปรารถนาของอารย์ไอย
เป็นกำลังให้ตัวท่าน และท่านทั้งหลายที่ได้เข้ามาอ่าน
รวมทั้งตัวข้าพเจ้า ได้เข้าถึงพระธรรม
ได้กำลังเพื่อหลุดพ้นวังวนแห่งวัฏฏสงสารนี้ด้วย...เทอญ

 

มารมีจริง # ๕
คราวนี้ก็ถึงคราวของขันธมารล่ะค่ะ

ขันธมารก็คือตัวเรานี่แหละค่ะ คือกายกับใจ

ขันธ์มีอยู่ ๕ กอง คือ
1)รูป ก็คือธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ(จับต้องได้) และก็จิต (จับต้องไม่ได้)
ดิน ก็เช่น กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น
น้ำ ก็เช่น เลือด น้ำเหลือง ของเหลวในร่างกาย เป็นต้น<O</O
ลม ก็เช่น ลมหายใจเข้าออก เป็นต้น<O</O
ไฟ ก็เช่น ความร้อน ความอบอุ่น เป็นต้น<O</O
2) วิญญาณ ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
3) สัญญา ความจำได้ หมายรู้ ในสิ่งที่ผ่านมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
4) สังขาร ตัวปรุงแต่ง (ให้ได้เรื่อง)
5) เวทนา ส่วนที่เป็นการเสวยอารมณ์ เช่น สุข ทุกข์ เฉย ๆ
<O</O
ขันธ์ ๕ เค้าทำงานกันเป็นทีม สอดประสานกันดีนักเชียว ทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
<O</O

ยกตัวอย่างเช่น เราเห็นคนคนนึง เรารู้จักเค้าและเราก็ไม่ชอบเค้าเลย เอ๊ะ! เค้ากำลังคุยอยู่กับใครน่ะ พยักเพยิดมาทางเราด้วย สงสัยกำลังนินทาว่าร้ายเราอยู่แน่ ๆ (แน่ะ...เป็นไงคะ ทำงานเป็นทีมดีทีเดียว)
เริ่มต้นก็ ตา(รูป) มองเห็นคนคนนึง (สัญญา)จำได้ว่าคนนี้เราไม่ชอบ ความคิด(สังขาร) ก็ปรุงแต่งต่อ เชอะ! ไม่ชอบเลย คุยอะไรกันอยู่ สงสัยนินทาว่าร้ายเราอยู่แน่ ๆ เลย โมโห หงุดหงิด (เวทนา)
อ้าวแล้ว(วิญญาณ)ไปไหนล่ะ ก็วิ่งไปทั่วแหละ วิ่งรับส่งสัญญาณเป็น Messenger เชียว
วิญญาณขันธ์เนี่ยจะชอบจับคู่กับรูปขันธ์ เวลาตามองเห็นรูป วิญญาณ(จักษุวิญญาณ) จะรับภาพนั้นเข้าไป แล้วส่งสัญญาณไปที่สัญญากับสังขารไงคะ
พอเกิดเวทนาทุกข์ปุ๊บ ตัวอุปทานก็คอยเชื่อมดึงจิตให้ร่วมรับผิดชอบทุกข์ด้วย ให้จิตเป็นเจ้าภาพทุกข์ (ทั้ง ๆ ที่จิตไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยซะหน่อย)
จับคู่การทำงานนะคะ
๑) รูป+วิญญาณ
๒) สัญญา+สังขาร
๓) เวทนา+จิต
<O</O

ถ้ารู้การทำงานของร่างกาย เราก็จะรู้ว่า ส่วนแรกที่มากระทบกับอายตนะ ๖ นั้น ถ้าเราไม่รับอารมณ์ มันก็ดับอยู่แค่ ได้เห็นก็สักแต่เห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ได้ลิ้มรสก็สักแต่ว่าได้ลิ้มรส ได้สัมผัสก็สักแต่ว่าสัมผัส<O</O

หรือถ้าสัญญารับมาแล้ว แต่หยุดที่สังขารไม่ปรุงแต่งต่อ ก็จบค่ะ
<O</O
แต่ถ้าหากรับอารมณ์มาแล้ว (แหม...มันอดไม่ได้จริง ๆ) สัญญา สังขารปรุงแต่งกันเต็มที่ เวทนา ก็แสดงผล ทุกข์จัง ทุกข์จัง ถ้าจิตไม่ไปรับผิดชอบการทำงานของขันธ์ จิตก็ไม่เป็นทุกข์ (เออ! เองทุกข์ก็ทุกข์ไปแต่ฉันไม่ทุกข์ด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
<O</O

เคยมั๊ยคะ เวลาปวดขา หรือเจ็บปวดอะไรก็แล้วแต่ แต่พอเราสนใจอ่านหนังสือที่เราชอบมาก เราก็จะจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มนั้น จนลืมปวดขาไปเลย นั่นแหละค่ะ คือเราไมไปร่วมรับผิดชอบความเจ็บปวดนั้น ขามันก็ยังปวดของมันนั่นแหละ แต่เราไม่สนใจมัน ก็เลยไม่ทุกข์

อธิบายการทำงานของขันธ์ ๕ อย่างย่อสุด ๆ ค่ะ

ถ้าใครอยากรู้จักขันธ์ห้าตามความเป็นจริงของธรรมชาติแล้วละก็ มี Sheet แจกนะคะ (ของอาจารย์สุดใจค่ะ) หรือที่กระทู้ “ปาฏิหารย์แห่งธรรม เพื่อละวางอัตตาตัวตน”
<O</O

ทีนี้ก็มาดูว่า ขันธ์ ๕ นั้นเป็นมารอย่างไร แล้วในขณะที่ขันธ์ 5 เป็นวิกฤตนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมเปลี่ยนเป็นโอกาสได้อย่างไร.....;aa41

 

มาร มิได้อยู่ที่ไหน มาร มิได้อยู่ที่ใคร แต่ มาร อยู่ในจิตใจของเราเอง หากวันใดที่เราสติพลั้งเผลอ มารก็จะครอบงำจิตใจเรา ทำให้เกิด โลภะ โทสะ โมหะ และทำให้เราสร้างกรรมต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนในระบบหรือนอกระบบ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้อาวุโส ครูบาอาจารย์ หรือผู้มีความรู้ ความสามารถเก่งกล้าขนาดไหน หากวันใดที่สติพลั้งเผลอ ท่านผู้นั้นก็อาจตกเป็นเหยื่อของมารได้

บัดนั้ น้องได้พ้นบ่วงมารแล้ว สภาวะธรรมในจิตใจของน้องได้ก้าวข้ามขั้นขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง ขอให้ดำรงสติตั้งมั่นอย่าพลั้งเผลอ น้องก็จะได้มีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป

ขออภัยในบางครั้งที่จำเป็นจะต้องล่วงเกิน
ขอขอบคุณระบบ ที่ได้มอบหมายภาระหน้าที่ แม้จะไม่ใช่คนในระบบก็ตาม
และสุดท้าย........ขออนุโมทนา

 

ได้รับประคำแล้วคะ

 

ขันธ์เชิงซ้อน หมายถึง "คนระบบ" ที่ "หล่อมาตั้งแต่ศูนย์เซลล์ยันสูญเสียเซลล์" คือตั้งแต่ก่อนที่คนระบบนั้นๆ จะเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ ระบบได้มีการวางโครงการณ์การช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติไว้แล้ว จะต้องมีการคัดสรรดวงจิตที่มีเหตุปัจจัยเรื่องบุญ เรื่องบาป และวิบากต่างๆ ที่จะต้องมาจุตติยังภพมนุษย์ ซึ่งขันธ์ที่จุตติลงมาในภพมนุษย์นั้น จะต้องมีบุคคลิกลักษณะเฉพาะตามที่ระบบกำหนดไว้แล้ว เปรียบเสมือนตัวแสดงในภาพยนตร์ ซึ่งตามบทภาพยนตร์นั้นๆ ได้กำหนดทั้งบทบาท และคาแรคเตอร์ของตัวแสดงเป็นการเฉพาะไว้แล้ว และเป็นเรื่องจริงที่น่าตกใจก็คือ ถ้าดวงจิตนั้นๆ ที่จะมาจุตติ มาจุตติไม่ได้ ก็จะต้องเป็นดวงจิตอื่นที่มีทั้งบาป บุญ และวิบากต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันกับดวงจิตแรกมาจุตติแทน โดยจะเข้ามาอยู่ในรูปขันธ์ที่กำเนิดมาในภพมนุษย์นี้แทน ก็คือเรา นี่แหละ ทั้งรูปร่าง หน้าตา บุคคลิก ลักษณะนิสัย รวมถึงมีพ่อ แม่ คนนี้แหละ แต่เปลี่ยนเฉพาะดวงจิตที่มาอยู่ในรูปขันธ์นี้

ที่ต้องเป็นข้นธ์เชิงซ้อน หรือคนระบบ เพราะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาว เพื่อใช้ในการทำงานที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ ในขันธ์คนระบบ จะมีจุดเชื่อมต่อที่ถูกติดตั้ง หรือหล่อเอาไว้แล้ว รอแต่เพียงเวลาที่เหมาะสมในการต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ของระบบเท่านั้น เปรียบเสมือนอุปกรณ์เครื่องบันทึกเสียงตามห้องอัดเสียง ที่จะมีช่องสำหรับเอาJACKมาเสียบต่อเชื่อมได้อย่างมากมาย หรือเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีช่องสำหรับเอาไว้ปรับจูนรับคลื่นจำนวนมาก เพียงแต่ปัจจุบันเรารับได้แค่ช่อง 3 5 7 9 (ที่เหลืออีก 2 ช่อง เขาเปลี่ยนชื่อจนผมจำไม่ได้)ก็จะปรับจูนไว้เพื่อให้รับอยู่แค่นั้นก่อน

การซ้อนขันธ์ อันนี้คือการปฏิบัติธรรมเพื่อประโยชน์ตน จะต้องคอยมีสติพิจารณา ทำความเข้าใจ และดูกลไกการทำงานของขันธ์ทั้งห้า ด้วยการใส่ใจ และเข้าใจอย่างแท้จริงว่าขันธ์ทั้งห้าที่เราเพียรดูอยู่นั้น มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่มีเราในขันธ์ห้า และในขันธ์ห้าไม่มีเรา และอีกมากมายที่จะสรรหาคำพูดเพื่อจะมาอธิบายทำความเข้าใจว่ามองยังไงก็ไม่มีคำว่าเราปะปนอยู่ เปรียบเสมือนคนที่นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซด์อยู่ ไม่ว่ารถมันจะเคลื่อนที่ไปในทางทิศทางใด เราก็ไปตามนั้น แต่เราไม่ได้เป็นคนขับ ขันธ์ห้ามันขับเคลื่อนไปของมันเองตามเหตุและปัจจัย

ส่วนการซ่อนขันธ์ ยกตัวอย่างก็อย่างที่อาจารย์โม่มาแซวผมนั่นแหละครับ คอยหลบๆ ซ่อนๆ หาตัวไม่ค่อยจะเจอเลย

ขออนุโมทนาครับ

 

เล่าสู่กันฟังครับ

เห็นมีท่านนึงในกระทู้ถามถึงเรื่องเลข 11 ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า ช่วงแรกก่อนผมจะเข้ามา

เชื่อมระบบก็พบเจอกับเลข 11 บ่อยมาก เช่น นาฬิกาในรถยนต์และนาฬิกาที่เครื่องคอม

พิวเตอร์โชว์ เวลา 11:11 ซึ่งได้บังเอิญเห็นในเวลานี้บ่อยมาก, และก็มีเหตุการที่ไปนั่ง

ทานข้าวนอกบ้านแล้วบังเอิญไปนั่งโต๊ะหมายเลข 11 อยู่สองครั้งด้วยกัน นอกจากนั้นแล้ว

รถยนต์ผมเลขทะเบียน ชบ.821 ( รวมกันได้ 11 ซะอีก ) อ้อแล้วมีอีกเรื่องครับพระประธาน

ที่บ้านผมเป็นพระปางนาคปรกคล้ายกับที่เขากะลา ผมได้รับมรดกมาจากคุณตา สวดมนต์บูชา

มานับ 10 ปีแล้วครับ ( ช่างบังเอิญจริง ) สุดท้ายเลยตัดสินใจมาเชื่อมระบบที่อาคารฝัก

ข้าวโพด ทั้งที่ผมซุ่มอ่านกระทู้มาตลอดไม่อยากแสดงตัวเลย

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเรื่องของวิชาตัวเบาที่เหล่าอาจารย์ทั้งหลายได้สั่งสอนไว้ใน

กระทู้ ทดรองปฏิบัติแล้วก็ได้ผลอย่างแรงครับ ตัวเบาไปเยอะ

 

ม่ะคืนฝันเห็นจานบินตั้งหลายลำ วันนี้ได้รับประคำแล้วค่ะ แกะกล่องและสวมทันที ^_^ พอสวมไปสักพักรู้สึกมันตึงๆ ที่หัว ก็ดูอาการเค้าไป
ขอบพระคุณมากๆค่ะ _/\_

 

ปริศนาเลข 11

สวัสดีครับ...ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ Fleurdelis ที่ช่วยส่งLink เกี่ยวกับรหัสลับจากจักรวาลของอาจารย์นีโม่ให้ ครับ.
สาเหตุที่ผมถามคำถามนี้ก็เพราะว่า ผมเคยเจอปริศนาเลข 11นี้ เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วครับ หลังจากที่คุณแม่ผมเสียไป จะมีเลข 11 เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ทำให้พวกผมและพี่น้องสงสัยว่าคุณแม่ผม ท่านต้องการที่จะสื่ออะไรให้พวกเรา เกี่ยวกับตัวเลขนี้ พวกผมก็ได้เดากันไปต่างๆนาๆ จนผมมาพบกับกระทู้ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ผมจึงได้มีการติดต่อคุยโทรศัพท์กับอาจารย์นีโม่เรื่องการสั่งจองประคำ แล้วก็เลยถือโอกาสที่จะถามเรื่องนี้กับอาจารย์นีโม่หลังจากได้มีการสนทนากับอาจารย์นี่โม่ทางโทรศัพท์ อาจารย์นีโม่บอกว่าอาจจะไม่ใช่คุณแม่ที่ต้องการสื่อกับพวกผมก็ได้น่ะครับ ทำให้ผม งง!!! ไปเหมือนกัน.

 

ปริศนาเลข 11

รหัสลับจากจักรวาล ปริศนาเลข 11 หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!!!!
เมื่อเช้า ระหว่างเดินทางมาที่ทำงาน ผมจะใช้ทางด่วนประจำทุกวัน แต่โดยปกติผมจะไม่รับใบเสร็จรับเงิน แต่วันนี้ได้รับใบเสร็จครับ มีเลข 11 เข้ามาเกี่ยวข้องอีกครับ....งง!!!
O.K. ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงเป็นเรื่องบังเอิญ ล่ะมั๊ง (ในใจคิดยังงั้น)
พอมาถึงที่ทำงาน มองไปที่โต๊ะ มีพัสดุมารออยู่แล้ว โอ้ว ประคำประมวลพลังนี่เอง มาถึงแล้ว. พร้อมกับมีเสียงจากวิทยุ บอกเวลา ขณะนี้เวลา 11 นาฬิกา พอดี ผมถึงกับ แปลกใจมากๆ ว่า เฮ้..นี่ชัก[จะไม่ธรรมดา ซะแล้วซิ...

 

ได้รับประคำแล้วค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์นีโม่สำหรับเส้นที่ซ่อมให้ด้วยนะคะ
โมทนาบุญทุกท่านค่ะ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=P2D8epuXla8]YouTube - Prajna-paramita Hrdaya Sutram (The Heart Sutra) 般若心経[/ame]



ฟังแล้วน้ำตาไหลทุกที

;aa41

 

งานปั้นตกแต่งบนผนังในรูปเค้าทำได้งดงามล้ำลึกจริงๆครับ
ต้นไม้เทียมที่เห็นนั่นก็น่าลองทำด้วยวัสดุง่ายๆดูเหมือนกัน
เอามาใช้ตกแต่งสวนที่ Area 11 ของเขากะลาได้ด้วย
ถ้ามีโอกาสก็ลองทำกันดูสักตั้งมั๊ยครับ อิอิ

เมื่อวานนี้พี่สุดใจ พี่สมจิตร คุณโสภาและผม ก็พากันไปเลือกต้นไม้ใหญ่ๆ
ที่จะนำไปปลูกที่เขากะลาในช่วงหน้าฝนเหมือนกันครับ
สวนนี้อยู่ที่ อ.โกรกพระ มีหลายต้นน่าสนใจและราคาไม่สูงมาก
ชมบรรยากาศกันก่อนครับ

 

ทันทีที่ไปถึงสวนก็มีฝนตกลงมาพอดี
ต้องเดินกางร่มไปเลือกต้นไม้กันกลางฝน
มีทั้งไม้ใบและไม้ดอกอยู่หลายต้น เช่น เหลืองปรียธร เสลา ต้นหางนกยูง ประดู่ ต้นทองหลาง หูกระจง พยุง ชัยพฤกษ์ ทรงบาดาล และเจ้าของสวนเองก็ตั้งใจจะแถมต้นโพธิ์ให้เขากะลาอีกหนึ่งต้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นสถานธรรม

เบื้องต้นก็ตกลงกันว่าจะเน้นไปที่ต้นไม้ใหญ่ๆกันก่อน เพื่อให้ร่มเงา
ต้นไม้ขนาดกลางและเล็กค่อยหามาลงเมื่ออาคารใกล้จะเสร็จ
ที่ได้พูดคุยกันก็มี Idea กันว่าจะทำสวนเป็นแนว crop circle
ตอนนี้กำลังเร่งทำแบบรายละเอียด landscape เพื่อกำหนดตำแหน่งโดยรวม
เสร็จแล้วจะนำแบบมาลงครับ

 

พอเห็นฝกตกก็นึกไปถึงเหล่าช่างที่อยู่หน้างาน
ตกเย็นจึงพาคณะเข้าไปที่ site
รายงานความคืบหน้าไปด้วยพร้อมๆกันเลยครับ

ตอนนั้นฝนก็กระหน่ำเทลงมาประปราย..
เป็นช่วงที่คุณหนุ่ยส่งรถดัมพ์มาเทพื้นคอนกรีตส่วนหน้า 3 คันรถพอดี
ทำให้ช่างต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวต้องคอยปาดผิวให้เรียบตลอดเวลา
ขณะที่ฝนค่อยๆซาเม็ดหายไป ก็มีสายรุ้งพาดผ่านขอบฟ้าสวยงามมาก (คุณหนุ่ยรายงาน)
คานคอนกรีตที่บ่มให้ได้อายุมาระยะนึง ตอนนี้ก็มีพื้นคอนกรีตเรียบร้อยแล้วครับ

 

พรุ่งนี้ 17 มิ.ย. จะครบรอบ 1 เดือนที่เริ่มงานก่อสร้างพอดี
แวะมารายงานข่าวก่อนครับพี่สุดใจ