ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ขออนุโมทนากับคุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย ที่ได้บริจาคที่ดิน
เพื่อประโยชน์ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรม ที่เขากะลา ด้วยครับ

นอกจากนี้ คุณธนวรรณ ยังได้มอบเครื่องถ่ายวีดีโอ CD
โดยส่งตรงจากอเมริกา มาให้กับพี่สุดใจ เพื่อใช้บันทึกงานกิจกรรมกลุ่มประสานงานฯ(เขากะลา) ซึ่งสามารภเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง ได้ต่อไป

ขณะนี้บุรุษไปรษณีย์ได้นำหมายเรียกตัวให้ไปรับเครื่องถ่ายวีดีโอ ดังกล่าวแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆวันนี้ จะออกไปรับที่ไปรษณีย์บางกอกน้อย และคงได้ใช้ทันในวันงานฉลองพระนาคปรก ที่หมู่บ้านมัณฑนา เสาร์นี้ ก็ขออนุโมทนากับคุณธนวรรณ มาเป็นคำรพสองครับ


และไม่ลืมที่จะขออนุโมทนากับคุณพีท ทองเจือ ที่มีจิตเป็นกุศล
ช่วยคิดโครงการหาทุนสร้างอาคาร/ศาลา ปฏิบัติธรรม บนที่ดินที่ได้รับบริจาค จากคุณธนวรรณ ด้วยครับ

แล้วก็ไม่ลืมอีกเช่นกัน สำหรับพี่วิจิตร ที่ส่งเสริมปัจจัยเพื่อการทำงานของกลุ่มฯ ให้ดำเนินไปได้ด้วยดี อย่างต่อเนื่อง ขออนุโมทนาอย่างต่อเนื่อง เช่นกันครับ

 

กลับมาจากไปรษณีย์บางกอกน้อย มาถึงบ้านแล้วครับ

ไปถึงก็นั่งกรอกชื่อตามบัตรประชาชน ชำระค่าภาษีและค่าดำเนินการของไปรษณีย์ จากนั้น เซ็นต์รับของ ใช้เวลาไม่เกิน
10 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย เดินอุ้มกล้องถ่ายวีดีโอCD (Sony handycam DCR-DVD408)กลับมาถึงบ้านด้วยความเบิกบานใจ

ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกันก่อนที่จะได้เห็นของจริง ในวันเสาร์นี้ที่ หมู่บ้านมัณฑนา ใครได้ไปร่วมงานก็เท่ากับได้ร่วมฉลองกล้องใหม่ ที่คุณธนวรรณ มอบให้กับพี่สุดใจ เพื่อใช้ถ่ายทำเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของกลุ่มฯ ขออนุโมทนากับคุณธนวรรณ อีกครั้งครับ

 

ตอบข้อสงสัย ทำไมระบบตั้งชื่อมูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

1. เป็นบุคคลที่ระบบวางตัวเอาไว้ให้เกิดที่เขากะลา ได้รับมรดกเป็นที่ดินที่เขากะลา

2. เป็นบุคคลที่ระบบวางตัวไว้ให้ทำหน้าที่สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในยุคแรกเริ่ม

จนนำมาสู่การติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา

และพัฒนาเป็น กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในปัจจุบัน

3. เป็นบุคคลที่ให้กำเนิดผู้รับผิดชอบแผนก 3 แผนก ตามระบบ

เพื่อให้งานของระบบดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

4. เมื่อท่านสิ้นชีพไปแล้ว ลิขสิทธิ์รูปร่างหน้าตาตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ อุทิศให้ระบบ

นำไปใช้ในการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในนาม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

5. ท่านเป็นเจ้าของที่ดิน ที่สันคู เพื่อให้เป็นที่ตั้งในการดำเนินการของระบบในช่วง

แรกเริ่ม ปัจจุบัน และในอนาคต

6. ท่านเป็นเจ้าภาพใหญ่ที่ดิน 25 ไร่ ที่เขากะลา เมื่อมีผู้ประสงค์ซื้อที่ดินที่เขากะลา

เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรม ระบบให้ซื้อในราคา1/2 ของราคาประเมินที่ดินจริงๆ

เพื่อให้ท่านได้มีส่วนร่วมในการบริจาคที่ดินในนามมูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

7. ท่านเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการบริจาคเงินที่ได้จากการขายที่ดิน อำนวยความสะดวก

ให้ผู้รับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตใช้จ่ายในระหว่างการดำเนินงาน

และประสานงาน ช่วงกำเนิดเขากะลา2 จนเสร็จพิธีการของระบบ


แจ้งเพื่อทราบ ...

 

ปัจจัยในอนาคต ที่รอเปลี่ยนเป็นอาคาร/ศาลาปฏิบัติธรรม เขากะลา

 

ขออนุโมทนากับทุกขั้นตอนที่เป็นกุศล ของคุณพ่อเชิด ชื่นสำนวน และคณะผู้อาวุโสทุกท่าน ด้วยครับ

 

ว้าว...อาชีพใหม่คุณ นีโม่ เหรอครับ ( เจิมรถ ) รถสวยดีครับ

 

ของ อ.เมาท์แถวไหน

 

ผมยังหาแถวไม่เจอครับ แต่ที่แน่ๆ แถวหน้าของพี่วิจิตร ชัวร์เลยครับ

รูปนี้ดูไปดูมา คล้ายห้องเก่า ชั้น 11 ของ อาจารย์โม่ เลยนะครับ

 

2. เป็นบุคคลที่ระบบวางตัวไว้ให้ทำหน้าที่สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในยุคแรกเริ่ม

จนนำมาสู่การติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา

และพัฒนาเป็น กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในปัจจุบัน

การนัดพบจานบินที่สิงห์บุรี ​

เป็น 1 ใน 7 ภารกิจหลัก ของ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ​

นัดหมายจานบินให้มาปรากฏที่สิงห์บุรี
ในวันที่ 3 มกราคม 2541​

​

คุณวัชรพล สุวรรณรักษ์ (คุณ mead)
บันทึกภาพจานบินรูปสามเหลี่ยมสีเงินไว้ได้​

​

คุณ mead ได้ส่งภาพให้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ทำการพิสูจน์ภาพ
รายการ มายาคอม ช่อง 7 จึงขอสัมภาษณ์ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน
และครอบครัว ออกรายการ มายาคอม
ออกอากาศวันที่ 17 มกราคม 2541​

​

​

[vdo]http://palungjit.org/attachments/a.547627/[/vdo]​

ต้องขอขอบคุณ คุณ mead และคุณอลงกรณ์เป็นอย่างสูง
ที่มอบภาพจานบินที่สิงห์บุรีมาให้ เพื่อเผยแพร่ต่อไป​

.......​

 

VDO ชุดนี้เหมือนเป็นตำนานเลยครับ โชคดีที่ได้พบกับคุณลุงเชิดตัวจริงๆเมื่อ 11 ปีก่อน
ไปนอน+ไปพูดคุยสอบถาม เฝ้า UFO จนถึงเช้ากับครอบครัวลุงเชิดก็หลายเพลาครับ
เห็นลูกๆหลานๆตั้งแต่ตัวเล็กๆจนตัวโต ไวเหมือนกันนะครับพี่สุดใจ
พี่สุดใจและคนในครอบครัวตอนนั้นกับตอนนี้ก็ยังน่ารักและจริงใจเหมือนเดิมไม่เคยเปลื่ยน
แต่ที่เปลื่ยนไปคือพูดเก่งขึ้น-ภูมิธรรมเพิ่มขึ้น และกิจกรรมก็มีเพิ่มขึ้นไปด้วยเป็นลำดับครับทำหน้าทีต่อไปนะครับ ขอเป็นกำลังใจห่างๆก่อน เห็นสมาชิกเยอะๆก็อุ่นใจไปด้วย อิอิ

 

ขอยืนยันค่ะ ว่าผู้ที่ทำงานกับระบบ จะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ไม่สามารถทำได้ตามความต้องการของตัวเอง เพราะขันธ์ ๕ นี้คือ ระบบ ที่ได้ถูกจัดวางไว้แล้วให้เป็นไปตามงาน งาน งาน และงาน ของระบบ

ในชีวิตประจำวันของคนระบบ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ก็ต้องเป็นไปตามงานของเขาเช่นกัน

ตัวอย่างเรื่องของวรรณที่ได้ประสบมาหลังจากที่สามีจากไปแล้ว คุณวาสนาได้ขยายระบบให้ฟังว่า เดี๋ยวระบบก็จะมีเวบของแถม แถมนิดแถมหน่อยมาให้ ซึ่งอ.สุดใจ ก็บอกว่า ระบบเขาจะแจกเวบความทุกข์มาให้ ใครยังยึดติดขันธ์ ๕ อยู่ ก็จะได้กันทุกคน ระบบไม่ลำเอียง ถ้ายังละวางตัวตนไม่ได้ก็ทุกข์ไป

ภายใน ๗ วัน หลังจากกลับมาอเมริกาแล้ว ก็อยู่ในช่วงของการจัดพิธีต่างๆ ระบบก็แถมเวบทุกข์มาให้อีก ทั้งๆที่เวปทุกข์การจากไปของสามี วรรณก็ไม่ค่อยจะทุกข์เท่าไร ขึ้นเครื่องบินมาคนเดียว ก็ไม่ได้ร้องไห้หรืออย่างไร มันคิดๆไป แล้วก็ตามมันทัน มันเป็นแค่ขันธ์ ๕ ในตัวสังขาร แค่นั้นเอง แล้วก็ไม่ได้ปรุงแต่ง แต่พอกลับมานี่ซี เวบของแถมมันทุกข์มากกว่าการจากไปของสามีเสียอีก

มันมืดฟ้ามัวดิน อารมณ์มันหมองๆ ไม่สว่างเลย มันหดหู่ อย่างไรบอกไม่ถูก ตื่นเช้ามาก็ทานข้าวไม่ค่อยได้ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ก็ได้ใช้วิชชาที่เรียนมาจากเวบที่ผ่านมาทางอ.สุดใจ ในการละวางตัวตน ซึ่งก็ตรงกับที่คุณวาสนาขยายระบบให้ฟังว่า เราต้องกินยา เมื่อตอนที่เราไม่สบาย ถ้ากินก่อน หรือกินหลังจากที่หายแล้ว มันก็ไม่ได้ผล

วรรณจึงใช้ทฤษฎีระบบนี้ในการต่อสู้กับเวบของแถมคือขณะที่เรากำลังหดหู่ ก็มองไปที่ความหดหู่นั้น โดยคิดว่ามันไม่ใช่เรา มันเป็นอาการของขันธ์ ๕ ในตัวเวทนา มันไม่ใช่เราๆ ฯลฯ ( เวบนี้มาตอนกลางคืนนะคะ ที่เวปเขาปลุกให้ตื่นเกือบทุกชั่วโมง โดยมีเวลานาทีที่ตื่นเป็นเครื่องยืนยัน ถ้าไม่ลงท้ายด้วยเลข 11 ก็จะเป็น 29 47 56 ) มันเป็นเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อการออกจากขันธ์ ๕ คืนละหลายครั้งเลยทีเดียว

แต่ถ้าคืนไหนที่ระบบไม่ส่งเวบมา ก็จะหลับปรกตินะคะ หลับยาวหลายชั่วโมง แล้วก็ตื่นเข้าห้องน้ำครั้งเดียว แล้วก็ตื่นตอนสว่างเลย

ในช่วงกลางวัน ถ้าเวบลง ก็ไม่อยากทำอะไรเลย หมดอะไรตายอยาก แต่พอเวบไม่ลง ก็จะเป็นปรกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปฏิบัติชีวิตประจำวันอย่างสบายๆ

จึงอยากจะบอกกับเพื่อนๆคนระบบไว้ว่า ถ้าหากระบบแจกเวบทุกข์มาให้ ก็ให้รีบดูขันธ์ ๕ เข้าไปเลยนะคะ นั่นเป็นประโยชน์ตนทั้งสิ้น เวปทุกข์ไฮเท็คทางลัดตัดภพตัดชาติ ชนิดนี้หากันไม่ได้ในโลกนี้ ถ้าใครได้ถือว่า มีค่ายิ่งกว่าได้ทอง เพราะถ้าเราสามารถออกจากอุปาทานขันธ์ ๕ ได้ ทองก็ไม่มีความหมาย ไร้สาระ ไร้ค่าไปเลยค่ะ

 

ที่ถามว่าของอ.เมาท์แถวไหน แล้วของพี่วิจิตรล่ะ มีกี่แถวคะ แถวหน้าดีไม๊คะ

 

เงินสดตอนนี้เก็บสะสมได้ 120 บ.แระ

คาดว่าอีกนาน กว่าเงินจะเป็นกองๆ ไม่ทันการณ์แน่

ขอร่วมสมทบเป็นทองแท่งแระกันคับ

สะสมไว้เยอะคับ .. ;hi2

 

ระบบมักจะตีตรงจุดอ่อน ของผู้มีอุปทานขันธ์ห้า
เช่นเคยเจอเหตุการณ์อะไร แล้วเกิด อึดอัดคับข้องใจ
เคยบ่นพร่ำเพ้อพิไรพิราปรำพัน เคยตีอกชกตัว
เคยคิดว่าทำไมทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
ทำอย่างนั้นฉันไม่ชอบ
ทำอย่างนี้ดีฉันช๊อบชอบ ฯลฯ

สารพัดที่ระบบจะจัดสรร มาให้ได้พบได้เจอ
เปรียบไปก็เหมือนบทเรียน ที่ไม่ต้องใช้ตำรา
แต่ใช้ตัวตนจริงๆ ที่กำลังเผชิญอยู่กับสถานการณ์จริง ณ ปัจจุบัน

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุใด องคุลีมาล จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพียงแค่ฟังธรรม จากพระพุทธองค์ในชั่วขณะนั้นเอง

ธรรม ของพระพุทธองค์ ง่ายนิดเดียว
แต่ยากเยอะ สำหรับผู้ที่ยังมีอุปทานขันธ์ห้า

การปล่อยวาง ละการยึดมั่นในตัวตน
ค่อยๆ หลีก ละ ลด เลิก ในสิ่งที่เข้าใจผิดๆมาแล้ว
ให้มีความเข้าใจในความเป็นจริงของขันธ์ห้า และกลไกของมันให้ได้
อย่าหวั่นไหว อย่าคล้อยตามไปกับกระแสกิเลส ที่คอยทำให้เรา ห่างออกไปจาก
ความตั้งใจที่จะกระทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ ออกจากทุกข์ ได้อย่างสง่างาม
และจะไม่มีวันหวนกลับไปในทิศทางเดิมอีกต่อไป


ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ก้าวสู่ถึงจุดแห่งการพ้นทุกข์ได้โดยทั่วกันครับ

 

จากกระทู้ รวมบทความ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิต ของกลุ่มประสานงานฯ(เขากะลา)เพื่อออกจากทุกข์ ทำทันทีได้ทันที

http://palungjit.org/showthread.php?p=1997372#post1997372


.<TABLE class=tborder id=post1997372 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 09:34 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #145 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1997372", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

วันที่สมัคร: Aug 2007
อายุ: 51
ข้อความ: 1,293
<IF condition="1"><!--############# AWCoding Back-End created by AWNetwork, Inc. ######################################## Version 3.0.8 ##############################--> <!--####################### Awards Postbit Template ########################################## Copyright 2008 all rights reserved ##################-->
</IF>Groans: 1
Groaned at 5 Times in 5 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,100
ได้รับอนุโมทนา 32,577 ครั้ง ใน 1,194 โพส
พลังการให้คะแนน: 1052


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1997372 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขออนุโทนากับ อาจารย์ MOUNTAIN ด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่รวบรวมข้อความที่มีประโยชน์ มีคุณค่าเอนกอนันต์ สำหรับผู้ที่ยังไขว่คว้า ค้นหาหนทางที่จะออกจากวัฏฏสงสาร และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ไม่รู้จะไปทางไหน เหมือนยิ่งเดินก็ยิ่งห่างออกไปจากแก่นแท้ของธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอน ให้ละวาง ให้เห็นความว่าง ว่างจากการเป็นตัวตนของตน เห็นความเป็นอย่างนั้นเองของธรรมชาติ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความที่มันไม่ใช่ตัวใคร ของใคร จึงต้องเพียรปฏิบัติเพื่อการละวางอัตตาตัวตน ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้า จึงจะออกจากวัฏฏสงสารได้

หากยังมีอุปาทาน ยังมีความเห็นที่ไม่ถูกตรง หลงยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเรา เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เราอยู่ ต่อให้เร่งเดินเท่าไร เพียรมากมายแค่ไหน ก็เหมือนกับยิ่งเดินห่างไกลออกไปจากแก่นแท้ของธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อมีผู้มาแนะนำ เมื่อมีผู้มาชักชวน เมื่อมีผู้ชี้ทางให้เดิน ผู้ที่มีปัญญา ก็ควรต้องพิจารณาไตร่ตรองอย่างยิ่งยวด ต้องนำไปเทียบเคียงกับธรรมะของพระพุทธองค์ให้แน่ใจก่อนว่า ทางที่มาบอก ทางที่มาชี้ ทางที่มาแนะนำให้เดินไปนี้ เป็นไปเพื่อการละวาง เป็นไปเพื่อการจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้าหรือไม่ เป็นไปเพื่อการปล่อยวาง เป็นไปเพื่อเห็นความว่างจากการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนของตนหรือไม่ ?

ถ้าการใด ทำไปแล้ว ปฏิบัติไปแล้ว ไม่มีความเบาสบาย ไม่จางคลายจากทุกข์ได้จริง ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งยึดมากขึ้น ยิ่งสะสมมากขึ้น ยิ่งแบกหนักขึ้น

อย่าเดินไปไกล เพราะยิ่งเดินไปก็จะยิ่งหนัก ต้องรีบหยุดไว้ก่อน แล้วหันมาพิจารณาไตร่ตรองในธรรมะที่เป็นแก่นอีกครั้ง ว่าสอนไว้อย่างไร ซึ่งจุดมุ่งหมายคือ เป็นไปเพื่อการปล่อย การวาง การละอุปาทานขันธ์ห้า การละอัตตาตัวตน ทั้งสิ้น

ไม่ได้ให้ไปหา ให้ไปยึด ให้ไปเพิ่มอัตตา ให้ไปสะสมอุปาทานให้มากขึ้น

ของเก่า....ที่ยังมีอยู่ในขันธ์ห้า ที่ติดตามมาตลอดนั้น ความยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานที่ติดตามมาหลายภพหลายชาตินั้น ยังเอาออกไม่หมดเลย ยังต้องเพียรเพื่อจะละ เพื่อจะวางจากการยึดมั่นถือมั่นให้ได้ ยังต้องเพียรเพื่อละอยู่ทุกว้น

แล้วจะไปเอาอุปาทานของใหม่เข้ามาอีก เอามาเพิ่ม เอามาแบก เอามายึดถือไว้อีก แล้วเมื่อไรจะเบาสบายกันเสียที

ขออนุโมทนากับอาจารย์เม้าท์ ที่นำบทความที่มีประโยชน์มารวบรวมไว้ในแหล่งเดียวกันนี้ ทำให้ผู้เข้ามาอ่าน ได้รับทราบข้อมูล เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีความเข้าใจในทุกแง่ทุกมุมโดยรอบ

และทำให้รู้เท่าทันอุปาทานขันธ์ห้ามากขึ้นนั่นเอง

ขออนุโมทนากับอาจารย์ MOUNTAIN วิปัสสนาจารย์ประจำกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ถ้าการใด ทำไปแล้ว ปฏิบัติไปแล้ว ไม่มีความเบาสบาย ไม่จางคลายจากทุกข์ได้จริง ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งยึดมากขึ้น ยิ่งสะสมมากขึ้น ยิ่งแบกหนักขึ้น
อย่าเดินไปไกล เพราะยิ่งเดินไปก็จะยิ่งหนัก ต้องรีบหยุดไว้ก่อน แล้วหันมาพิจารณาไตร่ตรองในธรรมะที่เป็นแก่นอีกครั้ง ว่าสอนไว้อย่างไร ซึ่งจุดมุ่งหมายคือ เป็นไปเพื่อการปล่อย การวาง การละอุปาทานขันธ์ห้า การละอัตตาตัวตน ทั้งสิ้น
ไม่ได้ให้ไปหา ให้ไปยึด ให้ไปเพิ่มอัตตา ให้ไปสะสมอุปาทานให้มากขึ้น
ของเก่า....ที่ยังมีอยู่ในขันธ์ห้า ที่ติดตามมาตลอดนั้น ความยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานที่ติดตามมาหลายภพหลายชาตินั้น ยังเอาออกไม่หมดเลย ยังต้องเพียรเพื่อจะละ เพื่อจะวางจากการยึดมั่นถือมั่นให้ได้ ยังต้องเพียรเพื่อละอยู่ทุกว้น
แล้วจะไปเอาอุปาทานของใหม่เข้ามาอีก เอามาเพิ่ม เอามาแบก เอามายึดถือไว้อีก แล้วเมื่อไรจะเบาสบายกันเสียที

ขออนุโมทนากับอาจารย์เม้าส์ ด้วยครับ

 

<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

กล่าวกันว่า ในกาแล็กซีของระบบสุรยจักรวาลของเรานั้น ประกอบด้วยดวงดาวต่างๆกว่า 100 พันล้านดวง อาจเป็นไปได้ว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวหลายดวงซึ่งกลายเป็นอาณานิคมในห้วงแห่งอวกาศที่ห่างไกลหลายปีแสง และต้องอาศัยการเดินทางในอวกาศเป็นเวลานาน ช่วงเวลาของสิ่งมีชีวิตภายใต้อารยธรรมที่ก้าวหน้า คือ ช่วงเวลาเมื่อ 10 ล้านปี เอียน ริคแพท นักเขียนบทความทางวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานไว้ว่า ในห้วงแห่งจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น คาดว่าในกาแล็กซีของเรามีอารยธรรมอันศิวิไลซ์ของสิ่งมีชีวิต คล้ายกับโลกเราหรือเจริญก้าวหน้ากว่าโลกเรา นับจำนวนมากถึง 1,000,000 แห่ง ดร.เบอร์นาร์ด โอลิเวอร์ หนึ่งในคณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการเซติ ขององค์การนาซา เชื่อว่า บัดนี้ในจักรวาลของเราได้มีการติดต่อกับวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองระหว่างดวงดาวต่างๆแล้ว นอกจากนั้น นักดาราศาสตร์และนักค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกหลายคน ได้มีความเห็นตรงกันว่า ในอดีตมีมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์จากโลกอื่นได้มาเยือนโลกเราแล้ว มิใช่เพิ่งจะมาปรากฏในยุคปัจจุบันนี้เท่านั้น และในอนาคตจะมีมนุษย์ต่างพิภพมาเยี่ยมโลกเรามากขึ้น

แต่สาเหตุที่การติดต่อระหว่างมนุษย์ต่างดาวกับมนุษย์บนโลกเพียงบางกลุ่มนั้น อาจเนื่องมาจากเหตุผลหลายประการ เช่น มนุษย์ต่างดาวอาจไม่ต้องการให้เราทราบสิ่งที่พวกเขากำลังปฏิบัติการอยู่บนโลกเรา หรือมนุษย์ต่างดาวก็มีสัญชาติญาณกลัวมนุษย์บนโลกจะทำร้าย จึงระมัดระวังในการปฏิบัติการในลักษณะลับๆ บางครั้งก็เป็นเจตนาของพวกเขาที่ต้องการมาสำรวจโลกเราโดยไม่ต้องการติดต่อกับใคร นอกจากนั้นอุปสรรคในการสื่อภาษาและความเข้าใจซึ่งกันและกันก็เป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง นักค้นคว้าบางคนได้แสดงทรรศนะว่า มนุษย์ต่างพิภพ อาจมีความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสูงส่งเกินโลกมนุษย์ จึงดูเหมือนว่า การติดต่อซึ่งกันและกันไร้ประโยชน์ เปรียบเสมือนคนที่มี ความรู้สูงกับคนที่มีความรู้ต่ำมักจะประสบปัญหาในการสื่อสารความรู้ความคิดเห็นระหว่างกัน ถึงอย่างไรก็ตามแม้จะมีปัญหาหรืออุปสรรคดังกล่าวแต่นักวิทยาศาสตร์นักค้นคว้าและนักวิจัยส่วนหนึ่งในอารยธรรมประเทศต่างๆ บนโลกเรา ก็พยายามที่จะหาทางติดตามค้นคว้าเกี่ยวกับอารยธรรมนอกโลกต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากหลายฝ่ายคิดว่าในอนาคตคงมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่อมนุษยชาติ ดังคำกล่าวของไมเคิล ไมคอด อดีตผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ประจำกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯที่กล่าวไว้ว่า "หากการค้นคว้าเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวปรากฏเด่นชัด ก็คงถือว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นสิ่งที่เตือนใจหรือสะท้อนให้เราตระหนักถึงแนวทางแห่งการรอดพ้นของชีวิต สติปัญญาอันล้ำเลิศและความเจริญรุ่งเรืองในห้วงแห่งจักรวาล อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้โลกเรารีบเร่งพัฒนา มนุษยชาติที่อยู่ในสภาพตกต่ำให้สูงขึ้น ทัดเทียมกับอารยธรรมนอกโลก แม้จะใช้เวลาอีกนานเพียงใดก็ตาม"

ดร.ไบรอัน โอเลียรีย์ อดีตนักดาราศาสตร์และมนุษย์อวกาศได้กล่าวกระตุ้นให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับจานบินไว้ว่า "ความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องราวของจานบินอาจก่อให้เกิดปัญหาหรือสร้างความเจ็บปวดบางประการแก่เรา ซึ่งเหตุดังกล่าวนี้อาจทำให้รัฐบาลยังปกปิดเป็นความลับอยู๋ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในที่สุดความจริงดังกล่าวก็ต้องเปิดเผยแก่สาธารณชน การปกปิดความลับหรือการปฏิเสธความจริง รวมทั้งความกลัวในเรื่องต่างๆนั้น ตามความคิดของผมว่าเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้น"

ข้อความบางส่วน นำมาจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7656852/X7656852.html<!--MsgEdited=24-->

 

<TABLE id=post1993820 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> เมื่อวานนี้, 10:32 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#7632 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1993820", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

วันที่สมัคร: Aug 2007
อายุ: 51
ข้อความ: 1,292
<IF condition="">
</IF>Groans: 1
Groaned at 5 Times in 5 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,097
ได้รับอนุโมทนา 32,573 ครั้ง ใน 1,193 โพส
พลังการให้คะแนน: 1052




</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1993820 class=alt1><!-- message --><TABLE id=post1396174 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>31-07-2008, 02:23 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2107 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1396174", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

วันที่สมัคร: Aug 2007
อายุ: 51
ข้อความ: 1,286
<IF condition="">
</IF>Groans: 1
Groaned at 5 Times in 5 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 2,921
ได้รับอนุโมทนา 32,485 ครั้ง ใน 1,187 โพส
พลังการให้คะแนน: 1051









</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1396174 class=alt1><!-- message -->ทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็เตรียมเดินทางขึ้นเขากะลา ระหว่างทางต้องผ่านที่ดินจำนวน 25 ไร่ ที่จะจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลา ทุกคนก็ได้ช่วยกันวัดความกว้าง x ความยาวของพื้นที่ เพื่อจะได้นำมาวางแบบแปลนเพื่อก่อสร้างต่อไป


ซึ่งตอนนี้ที่ดินแห่งนี้ อยู่ในระหว่างการดำเนินการกับทางที่ดินใกล้แล้วเสร็จ ต้องขออนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องของที่ดินในครั้งนี้ด้วยค่ะ
<!-- / message --><!-- attachments -->






<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>













</FIELDSET>



เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2551 พี่สุดใจ อาจารย์นีโม่ และเพื่อนสมาชิกหลายท่าน เดินทางไปวัดที่ดินจำนวน 25 ไร่ ที่มีผู้บริจาคให้กับ มูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) นั้น ซึ่งในตอนนั้น ผู้บริจาคที่ดิน ยังไม่พร้อมเปิดเผยชื่อผู้บริจาค ซึ่งทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ผู้เป็นตัวแทนรับมอบที่ดินดังกล่าวนี้ ก็ดำเนินการตามความประสงค์ของผู้บริจาค จึงมิได้แจ้งลงเวปไซด์ เพื่อให้เพื่อน ๆ สมาชิกร่วมอนุโมทนากัน






</TD></TR></TBODY></TABLE>



จนวันที่ 4 มีนาคม 2552 ได้มีโอกาสพบเจอกับคุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย ที่เดินทางกลับมาจากอเมริกา และเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์กัน

ได้แวะเข้าไปดูที่ดิน จำนวน 25 ไร่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินที่คุณธนวรรณ (Digital) ได้ซื้อไว้ และแจ้งความประสงค์บริจาคเข้ามูลนิธิเพื่อให้เป็นสถานที่ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลา












และในวันนั้น พี่สุดใจได้ขออนุญาตเปิดเผยชื่อผู้บริจาคที่ดินเข้ามูลนิธิ ให้เพื่อน ๆ สมาชิกร่วมอนุโมทนาในมหากุศลครั้งนี้จะได้หรือไม่?

คุณธนวรรณ พร้อมที่จะเปิดเผยชื่อผู้บริจาค จึงอนุญาตให้แจ้งนามผู้บริจาคลงเวปไซด์ได้

เพราะว่า มีความประสงค์จะให้ผู้ที่ต้องการจะมาร่วมสร้างอาคาร ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมนั้น จะได้รับทราบว่า มีที่ดินบริจาคอยู่แล้ว โดยคุณธนวรรณเป็นผู้บริจาค หากประสงค์จะมาสร้างอาคาร หรือร่วมบุญกันคนละไม้ละมือ ก็จะเป็นรูปเป็นร่างขี้นมา

ซึ่งคุณวรรณคาดว่า กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ จะมาลุยการปรับพื้นที่ และอาจสร้างอาคารเอนกประสงค์เล็ก ๆ ไว้สักหลัง เพื่อเป็นที่พักให้กับเพื่อน ๆ สมาชิกได้ใช้พัก หากระบบเปิดให้มีการเดินทางไปทำภารกิจที่เขากะลาในโอกาสต่อไป

และคุณวรรณ ก็อยากที่จะมาพักปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นี้ด้วย ซึ่งต่อไป จะเป็นจุดนัดพบสำคัญ เป็นจุดศูนย์กลางในการช่วยเหลือภัยพิบัติ เป็นฐานใหญ่ของการรวมกลุ่มของผู้รับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา

เมื่อหลายวันที่ผ่านมา คุณพีทก็ได้โทรศัพม์มาสอบถามรายละเอียดสถานที่ ที่เขากะลา ที่มีคนบริจาคไว้แล้วนั้น มีเป็นอย่างไร ? เพราะจะหาทุนมาร่วมสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลาแห่งนี้ด้วย

และเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ได้สนทนากับคุณธนวรรรณอีกครั้ง

ซึ่งคุณวรรณก็อนุญาตอย่างเป็นทางการ ที่พร้อมเปิดเผยนามผู้บริจาคผ่านเวปไซด์นี้ ผ่านกระทู้ข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แห่งนี้ เพื่อทุกท่านจะได้ร่วมอนุโมทนา และรับทราบว่า มีที่ดินพร้อมแล้ว หากใครประสงค์จะร่วมสร้าง หรือให้คำแนะนำในการก่อสร้าง ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่ง


พี่สุดใจ ในฐานะผู้รับผิดชอบ แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต

และเป็นตัวแทนของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ขอกล่าวอนุโมทนากับคุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย (คุณ Digital) เป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างมหากุศล ด้วยการบริจาคที่ดินเพื่อใช้สร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรมในครั้งนี้

ขออนุโมทนาค่ะ
<!-- / message --><!-- attachments -->
<!-- / message --><!-- attachments -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>






</FIELDSET>


</TD></TR></TBODY></TABLE>


ขออนุโมทนากับคุณ Digital อีกครั้งหนึ่งค่ะ

เมื่อมีความพร้อมของสถานที่ การดำเนินการที่จะปรับปรุงพื้นที่ในส่วนนี้ ตามที่ได้สนทนา วางโครงการไว้ในระยะแรกนั้น คือ

1. เกรดปรับสถานที่ด้านหน้าให้เรียบ เกรดลึกเข้าไปด้านในประมาณ 5 ไร่ โดยจะให้รถเกรดต้นอ้อยทิ้ง แล้วเกรดเรียบ บดอัดให้แน่น เพื่อใช้เป็นสถานที่จอดรถ ที่สำหรับกางเต้นท์พัก และสามารถให้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ด้วย

2. จะทำรั้วกั้นรอบ ๆ สถานที่นั้น เพื่อเป็นอาณาเขต สำหรับไว้ใช้ทำกิจกรรมก่อนในระยะแรก ๆ อาจใช้เป็นไม้ไผ่ หรือรั้ว ๆ อื่น ๆ ที่ไม่ใช้เงินมากนัก เพื่อให้รู้ในขอบเขต

3. อาจมีการสร้างห้องน้ำ ห้องอาบน้ำไว้รองรับสมาชิก หากมีการเดินทางไปทำกิจกรรมที่เขากะลา ก็จะสดวกในการอาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ และมีน้ำสำหรับใช้ในส่วนอื่น ๆ เพราะด้านบนเขาขนน้ำขึ้นไปไม่ได้ อาจจะมีการขึ้นไปไหว้พระทำสมาธิด้านบนเขาในช่วงหนึ่ง แล้วกลางคืนค่อยลงมาอาบน้ำ พักค้างคืนในเต้นท์บริเวณด้านล่างนี้ และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวก เพราะไม่ใช่เป็นสถานที่สงฆ์ ดังเช่นบนเขากะลา

4. สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่จะมีขึ้นตามมานั้น ก็แล้วแต่เหตุการณ์จะพามา ซึ่งระบบจะเป็นผู้จัดสรรเอง

5. ส่วนที่ดินจำนวน 20 ไร่ที่เหลือ ยังมีการปลูกอ้อยผูกพันค้างไว้นั้น ในช่วงนี้ หากไม่ได้มีการก่อสร้างในส่วนนั้น ก็จะให้ผู้ที่ทำไร่อ้อยอยู่ เช่าปลูกอ้อยไปก่อน จนกว่าจะมีทุนเข้ามาสำหรับสร้างโครงการใหญ่ในที่ดังกล่าว จึงจะดำเนินการต่อไป


พี่สุดใจ และผู้อาวุโสทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน รวมทั้งคุณธนวรรณ ผู้บริจาคที่ดิน ได้เห็นพ้องต้องกันแล้วว่า จะเริ่มดำเนินการในขั้นตอนที่ 1 คือปรับพื้นที่จำนวน 5 ไร่ให้เรียบพร้อมใช้

โดยจะเริ่มดำเนินการ ในต้นเดือนเมษายน 2552 นี้ค่ะ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Astro Neemo
วิชาตัวเบาเขากะลา นี่ทำตัวให้เบาได้จริง ไม่ใช่ของลวงโลก ไม่ใช่หลอกให้คนมาศรัทธาไหลหลง คนเขากะลาทำมาเป็นสิบปีแล้ว ในการที่ไม่ยึดติด ปล่อยวาง ไร้อัตตา ไร้ทิฐิมานะ ไร้ความยึดมั่นถือมั่น พวกเราทำได้จริงๆ และสามารถเรียนรู้ตามกันได้จริง

ฝึกวิชานี้สำเร็จแล้ว ความทุกข์กายทุกข์ใจ ความเศร้าโศก โทมนัส พิราปรำพัน ความเศร้าใจ น้อยเนื้อต่ำใจ หายไปหมด ความอยากได้อยากมีอยากเป็น ความไม่อยากได้อยากมีอยากเป็น มันก็หายไปหมด

วิชานี้ไม่มีอิทธิปาฎิหาริย์ แต่มีอนุศาสนีปาฎิหาริย์ (สอนคนอื่นให้รู้ตามได้)
วิชานี้เหาะเหิรเดินอากาศไม่ได้ แต่ตัวเบาจากอัตตา ทิฐิ มานะ ปฎิฆะได้
วิชานี้ฝึกแล้วรู้อดีตรู้อนาคตไม่ได้ แต่รู้ปัจุบันขณะได้(อย่างเดียวเท่านั้น)
วิชานี้ฝึกแล้วรู้วาระจิตคนอื่นไม่ได้ แต่รู้วาระจิตตนเองได้(เห็นการเกิดดับของธรรมารมณ์)
วิชานี้ฝึกแล้วไม่ได้ฌาณ แต่จะได้ญาณ(คือความรู้แจ้ง)
วิชาฝึกแล้วไม่ได้เห็นนรกสวรรค์ แต่จะเห็นแต่ความว่าง (และการเกิดดับของนามรูปในทุกขณะจิตเท่านั้น)
วิชานี้ฝึกแล้วจะไม่ได้เห็นดวงธรรมใดใด แต่ได้ทำลายตัวผู้ที่อยากรู้อยากเห็นธรรมอันนั้น
วิชานี้ฝึกแล้วไม่มีอะไรที่จะเหนือกว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น
เพราะ"ตัวตน"ของผู้ที่อยากเหนือผู้อื่นมันหายไป
วิชานี้ฝึกแล้วก็เหมือนไม่ได้ฝึก ก็เพราะมันไม่มีอะไร.............

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Astro Neemo
คนเขากะลา ยามหลับก็เป็นสุข ยามตื่นก็เป็นสุข
คนเขากะลา มีกินเฉพาะวันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ไม่มีกินก็ยังเป็นสุขอยู่
คนเขากะลา ถูกด่า ถูกให้ร้าย นินทา ก็ยังเป็นสุขอยู่
คนเขากะลา ไม่เคยมีเงินติดตัว แม้อย่างนี้ก็ยังเป็นสุขอยู่
คนเขากะลาไม่เก็บสะสม ทรัพย์สินเงินทองใดใด ก็ยังเป็นสุขได้อยู่
คนเขากะลา เมื่อประสบพบกับความทุกข์กายทุกข์ใจ อุปสรรคใดใด ก็ยังเป็นสุข


</TD></TR></TBODY></TABLE>


สาธุ ขออนุโมทนาครับ จารย์โม่


denceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedencee