ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ***"โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อความเหล่านี้"***
    และโปรดทำ"ความเข้าใจ"ว่าผู้โพสท์ทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้แปล" เท่านั้น...


    ARCHANGEL GABRIEL 2014
    Daily Message –Tue, Feb 4, 2014
    วันที่โพสท์ _Thu ,6/2/2014

    ผู้แปล: อจิตตะ

    เราได้พบเรื่องที่น่าสนใจ
    เกี่ยวกับการฝันกลางวันและการจินตนาการ
    ที่หลายๆคนได้ถูกสอนมาว่า มันเป็นเรื่องเพ้อฝันไร้สาระ
    และควรที่จะกำจัดมันออกไปซะบ้าง...
    ส่วนเด็กก็มักจะถูกสอนว่าหากมีความมุ่งมั่นจะทำให้เกิดสมาธิ
    หรือไม่ก็สั่งให้เด็กหยุดพฤติกรรมหรือกิจกรรมบางอย่าง...
    ทั้งยังบอกเด็กว่า การถูกควบคุมเป็นเรื่องดี
    การลื่นไหลของอารมณ์เป็นเรื่องไม่ดี
    และงานสร้างสรรค์อะไรนั่น…มันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
    (having your head up in the clouds)
    และไม่มีคุณค่าอะไร
    ซึ่งที่ว่าทั้งหมดนั่น…เป็นจุดเริ่มต้นของบทเรียนที่ผิดพลาดเอามากๆ...

    เพราะการไปถอดถอนพลังจินตนาการในชีวิตของคุณ
    มันเป็นการทอนพลังของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ
    เพราะเมื่อไหร่ที่มีคำสั่งให้ “หยุด”
    บางส่วนทีเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดและมีประโยชน์ที่สุด
    ก็จะถูกส่งไปที่ที่กำจัดขยะตามระบบของร่างกายมนุษย์ทันที…
    ดังนั้น…พลังของความฝันและจินตนาการ
    จะให้ความสำคัญที่สมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อคุณได้สร้างสรรค์
    และ นำไปขยายด้วยการแสดงออกในชีวิตจริงของคุณให้มากที่สุด
    ทั้งที่ในความเป็นจริง ความฝันมีความสำคัญ
    ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นปัจจัยสำคัญ
    ที่สามารถช่วยในเรื่องของการนอนหลับ
    และนี่ก็คือเหตุผลที่ “การทำสมาธิ”
    จึงเป็นการฝึกฝนที่ช่วยให้มนุษย์ได้รู้แจ้ง
    เพราะมันจะมีการสร้างพื้นที่ที่เลียนแบบของความฝัน
    และไหลผ่านจินตนาการของคุณเพื่อไปเชื่อมต่อกับแหล่งที่มาของคุณ
    พร้อมส่งแรงบันดาลใจสูงสุดแสดงออกมาโดยผ่านตัวคุณ...


    การจินตนาการ คือการหยั่งเชิงก่อนที่เข้าสู่การรู้แจ้งที่แท้จริง
    ซึ่งอาจต้องทดลองใช้ในหลากหลายวิธี
    จนกว่าพลังงานของคุณจะเข้าสู่ระบบ
    ที่เจาะจงลงไปที่แรงบันดาลใจที่คุณต้องการที่จะสร้าง
    ซึ่งในขณะที่คุณกำลังใช้จินตนาการของคุณ
    คุณจะได้ประสบการณ์กับพลังที่คุณได้สร้างขึ้น
    และคุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณฝัน
    มันอยู่ในพื้นที่จินตนาการของคุณที่คุณมีอยู่
    ซึ่งคุณสามารถทำได้ในทันทีทันใดด้วย
    ทีนี้...เมื่อคุณเพ่งต่อไป
    พลังและความเชื่อก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คุณ
    แล้วก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงในทางกายภาพของคุณ

    คุณเห็นไม๊?...ว่าการใช้จินตนาการมันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
    กับการสร้างสรรค์ชีวิตของโลกยุคใหม่นี้
    ดังนั้น...คุณน่าจะยินยอมให้ตัวคุณเองได้สร้างจินตนาการบ้าง....
    ซึ่งเมื่อว่ากันตามจริงแล้ว...
    เราสามารถไปได้ไกลเกินกว่าจะบอกว่า” แค่ฝัน” นะ...


    การนั่งสมาธิ จินตนาการและการสร้างสรรค์
    ก็เป็นเหมือนยาหม่องที่ใช้รักษาจิตวิญญาณของคุณ...
    เพราะนั่นเป็นการแสดงความเคารพต่อเสรีภาพของธรรมชาติ
    ของการสร้างสรรค์ และการขยายขอบเขตออกไป
    ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่คุณกำลังมองหาอยู่มิใช่หรือ?...

    ...ขอให้คุณทุกคนอยู่ดีมีสุข...
    ...ด้วยความปรารถนาดีจากเรา...
    Archangel Gabriel

    http://trinityesoterics.com/2014/02/04/daily-message-tue-february-04-2014/


     
  2. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เดี๋ยวขอชำแหละก่อนนะยาย เลอะเทอะไปไกลแล้วยาย แต่ทฤษฏีใหม่อีกแว้ว......ไอ้พ้นไปมา พ้นเกิดตายนั้นมันนิพพานแล้ว ไม่ใช่จิต มันเป็นคุณสมบัติของอสังขตธรรม แต่จิตเป็นสังขตธรรม ส่วนบ่างสำนักเขาเรียกจิตเดิมแท้ อะไรเนี่ยอันนี้มันมาจากมหายาน เขาเรียกนิพพานอีกชื่อว่าจิตเดิมแท้ แต่เขาไม่ได้หมายความว่าจิตไอ้จิตที่รู้นี่ในความหมายคนทั่วไป เป็นอมตะแบบที่บสางคนแบบยายเข้าใจเอาเองว่ามีจิตแท้ ไม่เกิดดับที่ดับเป็นอารมณ์

    ยกตำรามาให้ดู ที่ยกมานี่ไม่ได้มาเถียงเอาชนะยายหรอกนะ แต่กันไว้เดี๋ยวจะหาว่าผมมั่วนิ่ม ยกจากอภิธัมมปิฎก สังคณี

    "ธรรมที่เป็นจิตเป็นไฉน? จักขุวิญญาณ (ความรู้แจ้งอารมณ์ทางตา) โสตวิญญาณ(ความรู้แจ้งอารมณ์ทางหู) ฆานวิญญาณ(ความรู้แจ้งอารมณ์ทางจมูก) ชิวหาวิญญาณ(ความรู้แจ้งอารมณ์ทางลิ้น) กายวิญญาณ (ความรู้แจ้งอารมณ์ทางกาย) มโนวิญญาณ (ความรู้แจ้งอารมณ์ทางใจ). ธรรมเหล่านี้ เป็นจิต ธรรมที่ไม่ใช่จิตเป็นไฉน? เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์(3ตัวนี้เป็นเจตสิกและกระจายออกได้ถึง52แบบ) รูป และ นิพพาน ธรรมเหล่านี้ ไม่ใช่จิต."

    ยายว่าจิตไม่มีการเปลี่ยนไำม่เกิดไม่ดับที่ดับเป็นอารมณ์ อันนี้มันเข้าข่ายลัทธิอาตมัน ไม่ใช่พุทธศาสนาแล้วอย่างน้อยก็เถรวาทล่ะนะ (ถ้าผมจำไม่ผิดคุณลุงกระทู้นู้นแกเคยทักแล้วนี่55555)

    "ทีนี้มีอ.บางพวกสอนว่าพระพุทธเจ้าสอนอนัตตาเพื่อให้ รู้จักอัตตาที่แท้ อันนี้ไม่ใช่ของใหม่ที่ธรรมกายสอนจริงๆๆ ธรรมกายไปเอาของเขามาเพื่อจะหาประโยชน์เพราะคนมันยังโง่ ยังอยากยึดยังเชื่อเรื่องตัวตนมันก็ง่ายที่จะสอนแบบนี้หาเงิน สังเกตว่านี่แหละที่ทำให้พุทธศาสนาเข้าใจยากและหมดไปจากอินเดีย ทีนี้อันนี้ในสมัยก่อนยุคหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไม่นาน แลมันก็เกิดนิกายวัชชีปุตร ซึ่งเขาก็ก็สอนแบบนี้ซึ่งพุทธศาสนานิกายอื่นๆๆแม้จะไม่ถูกกัน ก็ถือว่านิกายนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งนั้นและจะปล่อยให้แปลกปลอมอยู่ไม่ได้ กาลต่อมาเป็นว่าพุทธศาสนาวิวัฒนาการไป จนยุคมหายยานในอีก500-700ปีต่อมา กระแสความคิดก็มีสามกระแสใหญ่คือ มาธยมิกะ วิญญาณวาทิน ภูตตถตาวาทิน โดยเรื่องจิตสากลนี้ตามแนวทางของนิกายนี้ผสมกับปรัชญาเวทานตะ ก็พัฒนามาจนกลายมาเป็นฝ่ายภูตตถตาวาทิน ในชื่อต่างๆๆ เช่น ตถาคตครรถ์ ธรรมกาย(แบบที่ไม่ใช้ในความหมายของการเห็นธรรม) เอกจิตธรรมธาตุ เทือกนี้ พวกนี้แต่งพระสูตรไว้มากโดยเฉพาะ 80%ของพระสูตรมหายานเป็นของพวกนี้ พวกนี้สอนว่า"ธรรมดา ภาวะของจิตหรือสมบูรณภาพนั้น เที่ยงแท้ ไม่เกิด ไม่ด้บ เบื้องต้นไม่ปรากฏเบื้องปลายไม่ปรากฏ แต่ที่เห็นเกิดดับนั้นเพียงอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต เพราะฉะนั้นจิตจึงไม่ใช่วิญญาณขันธ์" เมื่อจิตมิใช่วิญญาณขันธ์ จิตจึงเป็นผู้รู้ขันธ์ ผู้ปล่อยขันธ์ " คือมีจิตสากลเป็นตัวยืนโรงอยู่นั้นเองเป็นมูลการณะ(แนวเดียวกับยายเลย....หนูอโศกจร้า) "

    คำอธิบายแบบนี้เกิดจากพวกไก่กาไม่ได้แต่ต้องเป็นผู้รู้ผมกะangry_birdถึงได้เชียร์ลุง จากพวกตาไม่ถึงทั้งหลายไงจ๊ะ


    พระอภิธรรมท่านว่าจิตนี้เกิดดับ พระสูตรก็ว่า
    อย่าง "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุถุชนผู้มิได้สดับ พึงถือกายอันประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้งสี่นี้ว่า เป็นตนดีกว่า. การถือว่า จิตเป็นตนไม่ดีเลย. เพราะเหตุไร ? เพราะกายอันประกอบขึ้นด้วยธาตุ ๔ นี้ ที่ตั้งอยู่ ๑ ปี, ๒ ปี, ๓ ปี, ๔ ปี, ๑๐ ปี, ๒๐ ปี, ๓๐ ปี, ๔๐ ปี, ๕๐ ปี, ๑๐๐ ปี แม้ตั้งอยู่เกิน ๑๐๐ ปี ก็ยังเห็นได้. แต่ธรรมชาติที่เรียกว่าจิตบ้าง ใจบ้าง วิญญาณบ้างนั้น ในกลางคืนกับกลางวัน ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งก็ดับไป."
    สังยุตตนิกาย นิทานวัคค์ ๑๖/๑๑๔ ​

    สรุปคือท่านว่ากายนะบางทีมันอาจจะตั้งอยู่นานเป็นปีถึงจะแตกดับแต่จิตนะมันเกิดดับเสมอเป็นขณะๆๆสืบเนื่องกันไปแล้วจะยึกถือเสมือนว่ามันไม่เกิดดับเป็นตนได้ไง การคิดแบบนี้ไม่ดีเลย

    ที่นี้ เกิดดับยังไง
    ท่านว่าจิตก็เกิดจากผัสสะการกระทบกันอย่าง ตาเห็นรูป ตัวรูปนี้เขาเรียกว่าอารมณ์ ส่วนตาเป็นสิ่งที่จิตใช้เป็นช่องทางในการรู้รูป

    โดยที่จิตก็เกิดขึ้นตอนที่มีผัสสะคือการกระทบกันตรงนี้เอง พระอภิธรรมท่านเรียกว่าจิตขึ้นสู่วิถี

    ทีนี้ถ้าจิตยังไม่แสดงตัวว่ารู้อะไร ท่านเรียกว่าอยู่ในภาวะภวังค์ คือสักแต่ว่าเป็นธาตุหนึ่ง เหมือนมหาภูติทั้งสี่ ท่านเรียกว่าวิญญาณธาตุ และตัววิญญาณธาตุนี้ท่านก็ถือว่าเป็นสังขตธรรม คือ มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง และสังขตธรรมท่านถือว่าอยู่ใต้อำนาจไตรลักษณ์

    คือเกิดดับไม่มีตัวตนเปลี่ยนแปลงสืบเนื่องกันไป ทุกขณะตอนที่อยู่ในภวังค์ แต่ยังไม่ได้แสดงออกมาซึ่งคุณสมบัติของจิตคือรู้อารมณ์(รูปเสียงกลิ่นรสเป็นต้น) จนกว่าจะเกิดผัสสะ และขึ้นสู่วิถีเพื่อรู้

    ส่วนไอ้ ไม่อยาก..ชอบไม่ชอบ..เกลียดไม่เกลียด. อะไรนี่คือมีเวทนา จากนั้นก็ปรุงแต่งจนเป็นตัญหา คือยากได้อยากมีเทือกนี้ อยากได้นั้นก็เรียกชอบ ไม่อยากได้(ก็เป็นความอยากอย่างหนึ่ง)นั้นก็คือเกลียด คือไอ้ตัญหาเป็นเพียงเจตสิกตัวหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดกับจิตทุกดวง ทีนี้ที่ว่าเข้าไปรู้นี้คือเอาสติมาประกอบ คือมีเจตสิกที่เรียกว่าสติ และในขณะนั้นก็มีปัญญา จิตที่ประกอบด้วยตัญหาก็เลยไม่อาจจะสืบต่ออีกดวงอีกดวงอีกดวงในวิถีจิตได้ แต่กลายมาเป็นจิตที่มีอโลภ อโทสะ หิริ โอตัปปะ คุณภาพของจิตก็เลยไม่ได้ออกมาในทางที่เป็นอกุศล เป็นกุศลไป
    แต่ไม่ได้หมายความว่าจิตจะเป็นอมตะไม่เกิดไม่ดับ เพราะจิตก็มีปัจจัยของมันจึงจะเกิดได้ไม่งั้นขัดกับหลักอิทัปปัจจยตาพอดี "เพราะมีสิ่งนี้ เป็นเหตุปัจจัย สิ่งนี้จึงมี" จิตก็อาศัยรูป(คือกายนี้) กับเจตสิกเป็นเหตุ จึ่งจะมีจิตได้ ดังนั้นท่านจึ่งบอกว่าจิตทุกดวงจำเป็นต้องมีเจตสิกที่เรียกว่า สัพพจิตตสาธารณะ๗ คือ เอกคัตตา ชีวิตินินทรีย์ มนสิการ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ เป็นปัจจัยจึงจะเกิดขึ้นได้ แม้แต่จิตของพระอรหันต์ โดยจิตของพระอรหันต์ที่ว่าหมดความปรุงแต่แล้วหมายถึงหมดความปรุงแต่งจากเจตสิกอีก45ดวง คือไม่เป็นทั้งกุศลและก็อกุศล แต่ไม่ใช่7ดวงนี้

    งั้นพระอภิธรรมเขาจะว่าจิต เจตสิก รูป (สามตัวนี้จริงๆๆคือขันธ์5) เป็นสังขตธรรมหรือ ส่วนนิพพานเป็นอสังขตธรรม เป็นสิ่งที่จิตรู้ได้ แต่ไม่ใช่อันเดียวกัน จิตก็ส่วนจิต นิพพานก็ส่วนนิพพานสิ

    ที่พูดนี่ไม่ได้มาข่มอะไรนะยายแต่บางอย่างมันไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ก็มันไม่ใช้มันหลุดๆๆอะนี่แค่เรื่องพื้นฐานนะ เพราะผมเองมันก็ไม่ได้รู้ธรรมะอะไรกะเขาหรอก แต่ก็ยังเห็นว่ามันหลุดอะ ยายก็หลุดไปไกลเลยทีเดียว.....................แล้วถ้าเรื่องลึกๆๆจะขนาดไหนแล้วยิ่งปฏิบัติล่ะจะไม่หลุดไปเอาลูกแก้ในนิมิตเป็นจิตแท้ธรรมกายอะไรเทือกนั้นเป็นตุเป็นตะหรือ หาหนังสือดีๆๆมาอ่านบ้างนะยายจะได้ไม่แต่งทฤษฏีเองเห็นแล้วผมปวดใจ........................ส่วนที่พูดมาถ้าสนใจเพิ่มเติมลองไปหาสมาชิกที่ชื่อลุงหมานห้องสมาธินะแกชอบเอาข้อมุลเรื่องอภิธรรมมาลงให้อ่านกัน แกศึกษาอภิธรรมอยู่วัดระฆัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ต้อนรับวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึง ด้วยเรื่องราวความรักเล็กๆ ที่น่าประทับใจ ใครอ่านแล้วไม่ยิ้ม วาเลนไทน์นี้ ขอให้แห้งเหี่ยวคาต้น อิ อิ


    "โกนยกห้องเพื่อสปิริต"

    ได้อ่านเรื่องราวที่น่ารักมากครับเย็นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศอิหร่าน

    เมื่อคุณครูชื่อ อาลี โมฮัมมาเดี่ยน วัย 45 สังเกตว่า มาฮาน เด็กนักเรียนของคุณครูคนหนึ่งถูกล้อเลียนอย่างหนักจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน เกิดอาการซึมเศร้า รู้สึกแปลกแยก เนื่องจากป่วยเป็นโรคร้ายซึ่งผลข้างเคียงคือผมร่วงหมดศรีษะ

    คุณครู อาลี จึงตัดสินใจโกนศรีษะเพื่อให้ มาฮาน ไม่รู้สึกแปลกแยก ต่อมาเด็กๆ ในชั้นเรียนทั้งชั้น 23 คน ร่วมกันแสดงพลังความหนึ่งเดียวกัน ตัดสินใจโกนผมกันทั้งชั้นเรียน และทั้งโรงเรียนก็มีเด็กจำนวนมากโกนเพ่ือร่วมแสดงสปิริตด้วยเช่นกัน

    จากการนำของครู อาลี ส่งต่อแสดงพลังร่วมของนักเรียนนี้เอง ได้ยุติการล้อเลียนในโรงเรียนในที่สุด เป็นเรื่องเล็กๆ ที่น่ารักมากๆครับ

    Ali Mohammadian:
    "Mahan had become isolated after going bald, smile had disappeared from his face and I was concerned about his class performance. That's why I thought about shaving my head to get him back on track,"

    (From "Hairless hero: Iranian teacher shaves head in solidarity with bullied pupil" The Guardian)

    --

    แชร์โดย ธรรมะสวัสดีกรุ๊ป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  4. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    งั้นห้องนี้ก็ต้องรับ "พิษดอกรัก" กันทั้งห้่อง ซีคับ อิๆ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=FV37h55saJ4"]http://www.youtube.com/watch?v=FV37h55saJ4[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  5. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    คราวะท่านกงซุนจือ (พิษดอกรัก)55555
     
  6. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    นั่นอาจารย์เรา


    กะลังฝึกกระบี่สุภาพชนของตระกูลซุน อยู่นะเนี่ย
    เน้นปัดอย่างเดียว ไม่มีแทง เป็นการไว้ไมตรี
    เห็นป่ะ ผมคุยออกจะสุภาพ


    มาลองฝึกมั่ง ดีม้าาา
     
  7. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เคล็ดลับ "เก็บของ"


    เีรื่องมีอยู่ว่า คนมีของนี่ บางที ของมีกำลังมาก เอาไม่อยู่
    ของมันจะเริ่มกำเริบครับ คนๆ นั้นก็มีอาการของขึ้นบ่อยๆ
    เป็นอาทิ ทีนี้ เวลาของขึ้น เริ่มเอาไม่อยู่แล้ว มันจะไปอยู่
    กับร่างใหม่ นายใหม่ได้ครับ


    เราก็สามารถใช้ช่วงจังหวะนี้ "เก็บของ" ได้ครับ เหอๆๆ
     
  8. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ***"โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อความเหล่านี้"***
    และโปรดทำ"ความเข้าใจ"ว่าผู้โพสท์ทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้แปล" เท่านั้น...


    ARCHANGEL GABRIEL 2014
    Daily Message –Wed, Feb 5, 2014
    วันที่โพสท์ _Fri ,7/2/2014

    ผู้แปล: อจิตตะ

    หลายคนถามว่า…
    “เมื่อไหร่ฉันจะพบรักแท้ที่สมบรูณ์แบบสักทีนะ…”
    หรือเพื่อนแท้ หรือ...คู่จิตวิญญาณ ก็ได้
    หรือจะมีใครที่รักและเห็นฉันอย่างที่ฉันเป็นหนอ ?....

    ...คำตอบง่ายมากๆ...
    ก็แค่คุณยินยอมให้ตัวจริงๆของคุณแสดงออกมาซิ...
    อย่าได้มัวแต่ซ่อนตัวอยู่หลังหน้ากาก
    แล้วก็มานั่งหวังว่าผู้คนจะได้เห็นอะไรที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากนั่น..


    เมื่อใดที่คุณยอมแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างจริงใจละก็
    ความเป็นตัวตนของคุณก็เกิดความมีสง่าราศรี
    และจะช่วยให้จิตวิญญาณทั้งหลาย
    ที่คุณฝันหาได้พบและเชื่อมต่อกับคุณได้...

    คุณไม่สามารถส่งสัญญาณที่มีประสิทธิภาพ
    ผ่านหน้ากากของคุณไปได้หรอก...ที่รัก
    จงถอดหน้ากากคุณออกซะเถอะ...
    แล้วปล่อยให้ตัวตนที่แท้จริงได้แสดงออกมา
    เพื่อความสง่างามและเพิ่มราศีให้แก่ตัวคุณเอง
    ซึ่งรับประกันได้เลยกับความเป็นจริงที่คุณได้กระทำให้ปรากฏ...


    "ตั้งจิตวาดสิ่งที่สมบูรณ์แบบในคู่ของคุณตามใจปรารถนาได้เลยนะ...”


    ...ขอให้คุณทุกคนอยู่ดีมีสุข...
    ...ด้วยความปรารถนาดีจากเรา...
    Archangel Gabriel

    http://trinityesoterics.com/2014/02/05/daily-message-tue-february-05-2014/
     
  9. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    เข้าเมืองตาเหล่ ก็ต้องเหล่ตาตาม

    ก่อนจะโม้มั่วซั่วต่อไป ก็ขอแจมกะลุงอจิตตะซะหน่อยแล้วกัน
    (วันก่อนๆ ยังหนุ่มอยู่เลย เจอท่านอโศกไม่กี่วัน เป็นลุงซะแล้ว แก่ไวจังเลย ฮิฮิฮิ)



    มันช่างเหมือนคุณกำลังยืนสงบนิ่งอยู่บนโลก
    ท่ามกลางความบ้าคลั่งของพายุที่หมุนอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ…ยังไงยังงั้น…
    ความสงบนิ่งของคุณย่อมมีผลต่อรอบตัวคุณและต่อโลก

    ในปีที่ผ่านๆมา คุณได้สร้างผลงานด้วยตัวคุณเอง
    ซึ่งบัดนี้คุณก็เริ่มที่จะเห็นประจักษ์ชัดแล้วกับผลงานที่ได้ทำไป

    ดังนั้น…คุณก็คือผู้ที่ได้รับการวางตัวในตำแหน่งผู้นำ
    ซึ่งมีความสามารถในการควบคุมพลังงานอันทรงพลัง
    เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่ต่อไป

    และนี่คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่เรามีความมั่นใจ…
    ซึ่งคุณก็ควรมีความมั่นใจด้วยเช่นกัน
    กับการที่คุณได้ผ่านการริเริ่มด้วยการทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยหลากสีสรร

    และสำหรับคุณที่กำลังอ่านข้อความนี้
    คุณคือผู้หนึ่งที่ผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา
    และพร้อมที่จะจัดการกับความรับผิดชอบที่เพิ่มยิ่งขึ้นนี้...
    ซึ่งมันได้กลายเป็นเรื่องง่ายไปซะแล้วที่จะอยู่ร่วมกับความโปร่งโล่งสบาย
    เพื่อจัดการกับวัตถุประสงค์ที่สูงขึ้นไปต่อการปรากฏตัวของคุณบนโลกในครั้งนี้

    เรา…ซึ่งเป็นทั้งพี่น้องและผู้ร่วมงานพร้อมทึ่จะเดินไปกับคุณ
    ในการกุมบังเหียนต่อบทบาทหน้าที่ใหม่ของคุณร่วมกัน…



    แต่ขอหุ้นด้วย แค่ส่วนนี้ละกัน ถ้าแยะไป เดี๋ยวจะย่อยยาก อึดอัดลำไส้ใหญ่
    ตามประสาคนชอบโม้ แลโอ้อวด ฝันประกวด ประชัน ขันแข่งขอ

    ตอนนี้ สถานการณ์ก็คงเข้าสู่สภาพพร้อมรบเต็มกำลังกันทุกหน่วยแล้วล่ะมั้ง นะ
    ทุกอย่างก็กะลังกระดื้บกระดื๊บ คืบหน้าไปด้วยความโกลาหล อย่างเป็นระเบียบ

    เดี๋ยวขอเปิดเทปเก่า ที่เคยอัญเชิญเจ้าแม่กาลี มาเป็นประธานเปิดพิธี เอาฤกษ์เอาไช ซะหน่อยละกัน
    เป็นกลอนมนตราในชุด "เยื้อยย่าง อย่างยั่งยืน" ซึ่งมีสิบตอนไม่จบ นี่ตอนที่ห้า

    วันก่อนเบิร์ดบอกใบ้ ว่าเจ้าแม่กาลีเจ๋งมาก ลุยกะพวกตะวันออกกลางได้ซำบาย
    ขอรบกวนอีกครั้งนะครับท่านเจ้าแม่กาลี พวกแขกมันยำประเทศเราแย่แล้ว
    ช่วยหน่อยนะเจ๊คนสวย ที่สุดในสามสี่โลก



    " เยื้อยย่าง อย่างยั่งยืน ๕"
    "ตอน ซึ๊ด....ปาร์ตี้ "


    โอม อัญเชิญเจ้าแม่กาลี
    เป็นประธานเปิดพิธี
    ปาร์ตี้ สีเลือดนอง
    แดงเด้ง ดิ้นร้อง
    เลือดไหลกอง
    นองตา
    ป่าช้าเปิด
    เปรตเชิดเดินหน้า
    ภูติผี.........มีเฮฮา
    หน้าปาร์ตี้ สีเลือดนอง
    อ้ำ เสียงเพื่อนยักษ์ซ้อมกลืนท้อง
    แดงยืนจ้อง แข้งขาสั่น
    บอกเปล่า ไม่ใช่ฉัน
    เสียงสั่นพรั่นพรึง
    ยักษ์เคียดขึ้ง
    มึง Die
    Y แน่มึง
    เดี๊ยะ เอ็งจะซึ้ง
    อึ้งปนทึ่ง สะหยอง
    เบิกตาจ้อง หยองใหญ่ยักษ์
    อ๊าก เสียงแดงร้อง ฟ้องสิ้นลม
    มัจ จุ ราช สะ บัด ผม
    คว้าเคียวคม เกี่ยวไป
    ถึงไหน ใครหนอ
    แดงเฝ้ารอ
    จัดไป
    จัดให้เต็ม
    จัดเข้มถึงใจ
    จัดแจงแยกร่างกาย
    จัดแจกให้ แดกแข่งกัน
    เอื๊อก เสียงกระเดือก ดังสนั่น
    กระดูกกอง กระทบกัน
    เคี้ยวสนั่น มันนอง
    แดงดิ้น ร่าวร้อง
    หมองกะจาย
    ตายหนิท
    คิดแล้วหยอง
    จ้องแล้วเจอปลง
    จิตหลงตรงใช้กรรม
    จิตสูงต่ำ.....กรรมรู้ดี


    ค้างคาวแห่งแสง



    วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / นักบินแห่งกองทัพแสงแสว่าง

    .
     
  10. nununo

    nununo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ผู้แปล : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อความแปลข้างล่างนี้

    SaLuSa, February 7, 2014

    Progress is still being made to bring you release from the many conditions and restrictions that have been placed upon you by the cabal. For the time being it suits our purpose to let certain restrictions remain, allowing us to work towards completely releasing you from their control. With our ability to see what is taking place we can keep one step ahead of the cabal and restrict the degree to which they can impose themselves upon you. For example in recent times many attempts have been made to start another world war. Each time we have blocked such attempts and will continue to do so. In fact we acted recently so as to stop the commencement of intended hostilities that would have led to another world war. Be assured that there is no way it would be allowed, and such commitment by us is a guarantee of eventual world peace.

    ความคืบหน้าตอนนี้คือ ยังคงกำลังนำคุณสู่การปลดปล่อยจากหลายๆสภาวะเงื่อนไขและหลายๆข้อจำกัดที่กลุ่มของฝ่ายมืดได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อครอบงำคุณ สำหรับช่วงเวลานี้ มันเหมาะกับเป้าหมายของเราที่ปล่อยให้ข้อจำกัดที่ชัดเจนต่างๆยังคงเหลืออยู่ เพื่อปล่อยให้เราได้ทำงานได้สำเร็จในการปลดปล่อยคุณจากการควบคุมของฝ่ายมืด เพราะด้วยความสามาถที่เราสามารถเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้เราสามารถนำหน้าฝ่ายมืดอยู่หนึ่งก้าวเสมอ และสามารถยับยั้งความเข้มข้นของพลังงานด้านมืดที่พวกเขาสามารถยัดเยียดมันต่อคุณ ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาตอนนี้ ฝ่ายมืดมีความพยายามมากมายที่จะทำให้มีสงครามโลกเกิดขึ้นอีกครั้ง โปรดจงมั่นใจเถิดว่า มันจะไม่มีทางถูกทำให้เป็นไปได้ และภารกิจที่เราทำอยู่นี้นั้น การันตีได้ว่าโลกจะสงบสุขในที่สุด

    Over a long period of time covering many years, we have been able to make you feel secure because of the presence of our ships. Now there are few people that are unaware of us and view us as a threat to humankind. It has been our intention to gradually gain your confidence and trust for a many, many years, and overcome the image that has been projected to show us a threat to you. There is as a result so many of you who welcome the idea of contact with us, and accept our assurance that we come in peace. Indeed, we come as your brothers and sisters who have been linked with you through the ages, by a common interest in bringing Mankind the truth. Hitherto the sources that you have trusted have manipulated it in their own interests, to keep you under their control. The saddest aspect is that you have been held back in your evolution and understanding of who you are.

    หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานมาหลายปี เราได้สามารถทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย เพราะการปรากฏของยานบินต่างๆของเรา ตอนนี้ยังคงมีผู้คนบางกลุ่มที่ไม่รู้มาก่อนเกี่ยวกับเรา และคิดว่าเราคือภัยคุกคามของมนุษยชาติ มันได้เป็นความตั้งใจของเราในการพยายามทีละน้อยในการได้มาซึ่งความมั่นใจและไว้ใจจากคุณ ในหลายปีที่ผ่านมา เราพยายามที่จะเอาชนะภาพลักษณ์ที่พวกเราถูกแสดงว่าเป็นภัยคุกคามกับคุณ และมันเป็นผลสำเร็จ พวกคุณจำนวนมากได้ยินดีในการติดต่อเพื่อรับข้อมูลจากเรา และยอมรับการรับรองของเราว่าเรามาอย่างสันติ อันที่จริง เรามาในฐานะพี่น้องผู้ซึ่งได้เกี่ยวโยงกับคุณผ่านยุคสมัยต่างๆ ในเป้าหมายที่เรียบง่าย นั่นคือการพามนุษยชาติไปสู่ความจริง จนกระทั่งบัดนี้ สื่อต่างๆทางสังคมที่คุณไว้ใจ ได้จัดการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับผลประโยชน์ของพวกเขา เพื่อที่จะทำให้คุณอยู่ในการควบคุมของพวกเขาต่อไป และมุมมองที่น่าเสียใจที่สุด คือคุณได้ถูกสกัดกั้นยับยั้งไว้ซึ่งวิวัฒนาการของคุณ และความเข้าใจที่ว่า คุณคือใคร

    Now the circumstances are different as you are being lifted up by the incoming energies, that are continually increasing in vibration. You are absorbing more Light and have an increasing ability to discern the truth. However, it also means that the gulf between you and those who refuse to contemplate it is growing wider. There is no need to be concerned about them, as all souls will eventually arrive at the truth in the ever ongoing journey that all souls make. Indeed, you are now urged to follow your own path, so as to be fully prepared for the enlightenment that is coming. As ever be discerning but also open to new information, as the revelations to come will open your eyes to much that has deliberately withheld from you.

    ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆนั้นแตกต่างกัน ขณะที่คุณกำลังเลื่อนระดับโดยพลังงานต่างๆที่เข้ามา ซึ่งจะเพิ่มแรงสั่นสะเทือนไปเรื่อยๆ คุณกำลังดูดซึมแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆและกำลังเพิ่มระดับความสามารถในการหยั่งรู้ถึงความจริง อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างคุณกับคนที่ปฏิเสธที่จะไตร่ตรองถึงสิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งห่างกันมากขึ้น ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะไปกังวลเกี่ยวกับพวกเขา เพราะสุดท้ายแล้วทุกวิญญาณจะต้องเดินทางไปถึงซึ่งความจริง บนเส้นทางที่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกๆวิญญาณได้สร้างมันขึ้นมาอยู่แล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้ว คุณกำลังถูกกระตุ้นให้ได้เดินไปบนเส้นทางของตัวเอง เพื่อที่จะถูกเตรียมการอย่างเต็มรูปแบบไปสู่การรู้แจ้งที่กำลังมาถึง ถึงแม้จะยังเข้าใจไม่กระจ่างแต่ก็ได้เปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ขณะที่การเปิดเผยต่างๆที่กำลังมาถึงจะเปิดตาของคุณอย่างมาก ซึ่งได้ถูกระงับไว้อย่างจงใจจากคุณนั่นแล่ะ

    The weather in many parts of the world is causing extremes to be experienced, and this is a prelude to more settled times. In the future, all people will experience more changes that will settle into a more moderate weather pattern without the extremes you are experiencing now. This all takes place because of the higher vibrations and eventually nothing will remain of the lower ones. There is much to look forward to and perhaps the most welcome aspect will be the cessation of war and warlike preparations. You will no doubt realise that a vast sum of money is invested in war, and the search for new and more terrifying weapons. Dear Ones do not worry, there will be a time coming when there will be an end to everything connected with wars. Defensive needs are another consideration and we have the Galactic Forces who will keep law and order.

    สภาพอากาศในหลายๆพื้นที่ของโลก กำลังเผชิญกับความสุดขั้วแบบต่างๆ และนี่คือสภาวะเบื้องต้นซึ่งจะเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง และในอนาคต ทุกคนจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงมากมายซึ่งจะทำให้สภาวะอากาศกลับสู่รูปแบบกลางๆ โดยปราศจากความสุดขั้วต่างๆที่คุณเผชิญอยู่ตอนนี้ สิ้งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นเพราะการสั่นสะเทือนต่างๆที่สูงขึ้น และในที่สุดแล้ว จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในความสั่นสะเทือนต่างๆที่ต่ำกว่า มีสิ่งที่น่าติดตามมากและอาจจะเป็นมุมมองที่น่ายินดีที่สุด นั่นคือการหยุดชะงักของสงคราม รวมไปถึงการเตรียมการต่างๆเพื่อสงครามก็เช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณก็รู้ถึงการใช้เงินจำนานมโหฬารลงทุนในการสงคราม และในการวิจัยสำหรับอาวุธที่ร้ายแรงต่างๆ ที่รักทั้งหลาย อย่าไปกังวลเลย เวลานั้นกำลังมาถึงแล้ว มันจะเป็นจุดจบของทุกๆสิ่งที่เชื่อมโยงกับสงครามต่างๆ ความจำเป็นทั้งหลายในการป้องกันคืออีกสิ่งนึงที่ต้องพิจารณา และเรามีกองทัพต่างๆของกาแล๊กซี่ที่จะทำตามกฏและคำสั่ง

    The times you are currently experiencing will begin to calm down, and you may have noticed that there is a new impetus for countries to seek peace. It is a struggle as the dark Ones try to hold onto their power, but it will be to no avail as the vibrations continue to lift up. You will find that there will be a new mood amongst those who are in the armed forces, as the futility of war is realised. Mankind is changing his outlook and peace is being sought after millennia of destruction and loss of life. Buildings can be re-built but the loss of a souls life has such repercussions on all of those connected with it. It has taken Man a long, long time to come to this realisation, and the future looks bright as peace on Earth becomes the new goal.

    ช่วงเวลาต่างๆที่คุณกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ จะเริ่มสงบลง และคุณอาจจะสังเกตุได้ถึงแรงปราถนาใหม่สำหรับการอยู่อย่างสงบในชีวิตชนบทแบบต่างๆ ขณะที่ฝ่ายมืดทั้งหลายพยายามที่จะเหนื่วยรั้งคุณด้วยพลังงานอำนาจแบบเก่าๆ แต่มันจะไม่มีผลเพราะความสั่นสะเทือนกำลังยกระดับอย่างต่อเนื่อง คุณจะพบว่ามันมีความรู้สึกของอารมณ์ใหม่เกิดขึ้นในพวกเขาที่อยู่ในเหล่าทัพต่างๆ ขณะที่ความไร้ประโยชน์ของสงครามกำลังเป็นที่ตระหนักขึ้น มนุษยชาติกำลังเปลี่ยนทัศนคติ และกำลังเสาะหาความสงบหลังจากชีวิตที่มีแต่การทำลายและสูญเสียอยู่แบบนี้มาเป็นพันปี สิ่งก่อสร้างต่างๆสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ก็จริง แต่ความสูญเสียทางพลังงานชีวิตทางจิตวิญญาณของทุกชีวิตที่รับผลสะท้อนจากเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลามาอย่างยาวนาน กว่าจะมาถึงความเข้าใจแบบนี้ และอนาคตต่อจากนี้คือแสงสว่างแห่งความสงบซึ่งกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของโลก

    Some ask why they are incarnate at such a time, feeling that they have no particular purpose. However, no soul is here without reason and whatever it may mean to the individual, all have something to learn or contribute. You are Beings capable of immense love and have a capacity for unconditional love of all souls. Once you have reached such a stage, you are truly a higher soul who understands the Oneness of all life, and that You Are All One.

    บางคนถามว่าทำไมต้องมาเกิดในช่วงเวลาเช่นนั้น มันไม่น่าจะมีจุดประสงค์อะไรเลย อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิญญาณที่อยู่ที่นี่โดยปราศจากเหตุผล ทุกๆชีวิตมีสิ่งต่างๆให้เรียนรู้และมีส่วนร่วม คุณคือรูปธรรมต่างๆที่สามารถสัมผัสถึงความรักที่ไม่มีของเขต และมีความสามารถที่จะรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากทุกๆวิญญาณ เมื่อคุณได้ไปถึงขั้นตอนนั้น คุณจะเป็นจิตวิญญาณที่สูงส่งขึ้นจริงๆ และสามารถเข้าใจความมีอยู่ของทุกๆชีวิต และนั่นเป็นเพราะทุกชีวิตคือหนึ่งเดียวกัน

    I am SaLuSa from Sirius and pleased once again to be able to address you. You are now opening up to the Truth and capable of understanding it, and more importantly applying to your everyday experiences. For some these end times are hectic and very trying, but it is the final clearing of karma accumulated over many lives. Be assured that you would not be is such a position unless you were capable of handling it. So accept your experiences with good heart, as they are your final tribulations in this dimension.

    ฉันคือ SaLuSa จาก Sirius และรู้สึกยินดีอีกครั้งในการติดต่อให้ข้อมูลกับคุณ ตอนนี้คุณได้กำลังเปิดรับความจริง และสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับประสบการณ์ต่างๆในแต่ละวันของคุณอย่างสำคัญ สำหรับบางช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดวงรอบนี้มันจะวุ่นวายและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่มันคือการชำระกรรมขั้นสุดท้ายที่ถูกสะสมมาจากหลายๆภพชาติ โปรดจงแน่ใจว่าคุณจะไม่ได้เจอกับสถานการณ์แบบนั้นอีก เว้นเสียแต่ว่าคุณรับมือกับมันไม่ได้ ดังนั้นโปรดจงเผชิญกับประสบการณ์ต่างๆด้วยหัวใจที่สว่าง เพราะมันคือความยากลำบากขั้นสุดท้ายของมิตินี้แล้ว

    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey
    Website: Mike Quinsey - SaLuSa, February 7, 2014
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014
  11. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    _ยายว่าตัวรู้ต่างหากที่ไม่เปลี่ยน..เหมือนพระเทวทัตของโศกงัย...ตัวรู้ของพระเทวทัตไม่เปลี่ยนเพียงแต่ว่า..แต่กอ่นรู้ผิด หรือไม่เป็นสัมมาทิฐถิ ต่อก่อนตาย เกิดเปลี่ยนรู้ถูกมาเป็นสัมมาทิฐถิ..เห็นมัยตัวรู้ไม่เคยหายไปไหน..แต่จะมีปัญญารู้ถูกนั้นมันปัญญารู้แต่ละบุคคล...และจิตที่ไหนเปลี่ยนได้ละโศกจิตมีดวงเดียว..ที่เปลี่ยนนะมันอาการของจิตเปลี่ยนไปตามเหตุ-ปัจจัย..อาการของจิตคืออะไร..ก็ รัก..โลภ..โกรธ..หลงนั่นแหละ..คืออาการของจิตและเปลี่ยนไปตามสภาวะ..และการจะรู้ทันอาการของจิตตอ้งอาศัยสติและปัญญา..เอาละไม่แต่งทฤษฏีเองแล้วเปลี่ยนมาเล่าอะไรๆให้ฟังดีกว่า..เรืองมีอยู่ว่า..ยายเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งมันชื่่อว่าเอลวิส (ชื่อเหมือนนักรอ้งนั่นแหละ)..ทุกๆวันมันจะชอบคาบถุงเท้าที่ใส่แล้วมาสะสมไว้ที่นอนของมันทุกวัน..ยายก็เก็บทุกวัน..มันก็ทำอย่างนี้ของมันทุกวัน..ยายก็เก็บทุกวัน..จนวันหนึ่งยายเกิดคลิกในหัวขึ้นมาถึงกับรอ้งอ๋อ...หมามันคงคิดว่าถุงเท้าเป็นของสะสมที่มีค่าสำหรับมัน..แล้วยายมองมันในมุมมองที่สูงกว่าหมายายเห็นของมีค่าของมันเป็นของเหม็นๆไม่มีค่า..แล้วในมิติที่สามของพวกเราละ..อะไรที่ว่ามันมีค่าสำหรับพวกเรา..แล้วในมุมมองของมิติที่สูงกว่าจะมองของมีค่าของมิติที่สามเป็นอย่างไร..ก็เลยเกิดความเข้าใจว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงละทิ้งสมบัติได้เพราะท่านมองทุกอย่างในมุมมองที่สูงกว่านี่เอง..แม้จะโดนมารทดสอบมากมายก็ไม่เป็นผล..เพราะท่านเห็นแล้ว..แม้แต่องค์เยชู..ก็โดนมารหรือซาตานทดสอบอยู่7วันว่าถ้าท่านยอมมาอยู่ข้างซาตาน..ซาตานจะยกโลกทั้งโลกให้ครองแต่องค์เยซูก็ไม่ยอมเพราะท่านเห็นทุกอย่างในมุมมองที่สูงกว่าว่าสิ่งมีค่าทั้งหลายในมิติที่สามนี้ลว้นเป็นมายา..ฉนั้นเลข6..ที่เป็นเลขตัวแทนซาตานนั้น..อาจจะหมายถึง..อายตนะทั้ง6 ในพระพุทธศาสนาก็ได้..เพราะว่า..อายตนะทั้ง6 เป็นบ่อเกิดของ กิเลส..ตัณหา..ขอเชิญท่านผู้รู้รว่มเสวนา..เพื่อความกระจ่างยิ่งๆขึ้นไป และสำหรับหลานโศกวานไปผ่าใจกลางอะตอมให้ยายหน่อย..ยายอยากรู้ว่ามันเป็นอะไรนะจร้า..ขอบใจจริงๆ..
     
  12. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    พบกันอีกครั้งในบ้านเพื่อนเดิมๆนะ...คุณ ภูดิษ
    ข้อความชุดนี้ของคุณ เราคิดว่าเป็นข้อความที่ใช้สำนวนค่อนข้างชัดเจน
    แทบจะไม่ใช่ ภูดิษ คนที่เราเคยคุยด้วยเลยนะ...คุณเปลี่ยนไป...


    ........เราเห็นด้วยกับคุณหลายประการนะ สำหรับข้อความชุดนี้
    แต่คำว่า "ไม่อยาก" ของคุณ หากมี "อุเบกขา"ตามมา
    ข้อความของคุณจะดีกว่านี้....และผู้คนอ่านแล้วจะเข้าใจคุณดียิ่งขึ้นอีก
    คุณมีเมตตาแล้ว ที่ได้นำประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกพลัง
    ที่ทำให้คุณเห็นว่า มันไม่ถูกทาง...
    แต่มันเป็นธรรมดาคนนะ...ที่ไม่โดนเองไม่รู้...ใช่ไหม...นี่คุณคงเข้าใจดีนะ
    อีกอย่าง หากเขาพูดว่า...ไม่ให้เขาลอง เขาจะรู้จริงไม๊ว่าที่คุณพูดน่ะมัน "จริง"
    นักวิทย์ หลายคนต้องตายไป เพราะ การทดลอง
    พวกนักไสยหลายคนก็เป็นบ้าบ้าง โดนย้อนเข้าตัวบ้าง ก็มีให้เห็น
    แต่นั่น..เขาเลือกเองใช่ไหม?

    คุณไม่มีความผิดอะไรเลยนะ...ที่เตือนเขาแล้วเขาไม่เชื่อ...
    และสำนวนของคุณที่เราเห็นบ่อยคือ..."ว่ากูแน่ กูเก่ง"
    หรือ"เตือนแล้วไม่เชื่อ โดนเองจะรู้"..."หลงทาง"...อะไรทำนองนี้...
    มันเหมือนคุณได้ลืมไป ว่าคุณเองได้ผ่านอะไรมาบ้าง
    คุณได้เคยผ่านสิ่งที่คุณว่าทั้งหมดนี้มาหรือไม่...
    ซึ่งเราเชื่อว่าคุณต้องเคยผ่านมาแล้วแน่นอน...ไม่งั้นคงไม่มาพูดได้จริงจังเช่นนี้...
    แต่หากคุณบอกว่าไม่เคยผ่าน...เราก็คงต้อง งง...
    ว่าแล้วคุณไปเอาที่ไหนมาบอกได้มากมาย...เมื่อไม่เคยโดนกับตัว...

    ....คนส่วนใหญ่เขายังมี อีโก้...มีความมั่นใจ ทั้งแท้ทั้งเทียม กันทั้งนั้นแหละคุณ...
    เราก้บคุณก็ยังไม่เว้น...จริงไหม?...
    หากหน้าที่ของใครมีเพียงแค่ส่งข้อความบอกกัน
    ก็ทำหน้าที่บอกไป...ส่วนการไปแช่งชักหักกระดูก
    ต่อว่าต่อขาน น้อยใจทำไมไม่เชื่อฉัน...หรือรอให้เขาเห็นดีเห็นร้าย
    มันไม่ได้อยู่ในหน้าที่หรอกนะ...เกินหน้าที่ซะละ...
    ดังนั้น...หาก"ผู้เมตตา"ทั้งหลายรวมทั้งคุณด้วยได้รู้ตัวว่าได้ทำหน้าที่ถูกต้องดีแล้ว....
    ก็จงปล่อยวางเสีย...เท่านั้นแหละ Happy ending เลย
    (ไม่เอานะ...ได้โปรดอย่าส่งข้อความมาให้เราเสียหน้า
    ว่าทีคุณเข้ามาเตือนนี้ ไม่ได้เพราะเมตตาสักหน่อย...)


    "เราเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาสื่อสารในกระทู้นี้
    ล้วนมีความต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกัน...
    และปรารถนาความเป็นมิตร...และที่เราไม่เชื่อที่สุดคือ...
    จะมีใครที่ยอมสละเวลาอันมีค่าของตนมาอ่านและพิมพ์เพื่อชวนให้เพื่อนทะเลาะกัน..."
     
  13. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    โห...รวดเร็วมากเลย......
    ข้อความรอบนี้ของเขา คิดว่าน่าจะโดนใจใครหลายคนเป็นแน่...
     
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    [​IMG]


    ขอกราบ คาราวะในคุณงามความดี


    ของพระอาจารย์ธรรมโชติแห่งบ้านบางระจัน
    ผู้ไม่หวั่นเกรงต่อการเล่นคุณไสย์ ทุกอย่าง
    อันไม่เคยเป็นไปเพื่อสนองกิเลสตัวเอง


    แต่เพื่อผู้อื่นทั้งสิ้น


    อัศวินแห่งแสงเอย ท่านจงมีใจที่หาญกล้า
    อย่าได้มีความกลัวเกรงใดอีก เพราะสิ่งที่ท่าน
    ทำ มิได้ทำเพื่อตัวของท่านเอง แม้ท่านสูญเสีย
    ก็ล้วนเป็นไปเพื่อเสียสละทุกสิ่ง แล้วท่านยังจะเกรง
    กลัวอะไรอีกละ ในเมื่อท่านพร้อมจะสละสิ่งนั้นอยู่แล้ว?
     
  15. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    ที่ยายพูดมานะมันคือลัทธิอาตมันของฮินดูนั้นแหละ ทำไมตัวรู้จะไม่เปลี่ยนและเมื่อก่อนรู้ผิด ตอนหลังมาถูก นี่ไงสิ่งที่รู้เปลี่ยนไปแล้ว จิตก็เปลี่ยนไปตามสิ่งที่รู้ด้วย เรียกว่าเปลี่ยนไปตามเจตสิกและอารมณ์ที่มาประกอบ

    ที่นี้ก็จะบอกว่าจิตไม่เปลี่ยน ไอ้มีจิตยืนโรงไม่เปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนแปลงนะคืออารมณ์ของจิต นี่แหละคืออาตมัน แต่พระพุทธศาสนาปฏิเสธคือถือว่าจิตเกิดดับ อาศัยปัจจัยคืออารมณ์ ก็ได้ รูปก็ได้ เจตสิกก็ได้ก็แล้วแต่กรณีไป ถ้าไม่มีก็ถือว่าจิตจะเกิดขึ้นไม่ๆได้

    ถ้าว่าตามพุทธศาสนาเขาก็เรียกว่ามิจฉาทิฏฐินั้นแหละ พุทธศาสนาปฏิเสธการมีอาตมันยืนโรงอยู่เที่ยงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่งั้นก็ไม่ต่างจากศาสนาในยุคนั้น

    พระพุทธเจ้าสอนว่า ไอ้ความคิดว่ามีฉันยืนโรงฉันเป็นผู้รู้ฉันเที่ยงแท้นี่แหละ คือมิจฉาทิฏฐิที่เรียกว่าสัสสตวาท
    เป็นตัวกั้นมรรคกั้นผล เป็นความคิดของปุถุชนที่มักยึดเอาว่ามีฉัน

    "ดูกรเสนิยะ ศาสดา ๓ ประเภทนี้มีปรากฏอยู่ในโลก . . . ในศาสดา 3 ประเภทนั้น
    1. ศาสดาที่บัญญัติ อัตตา โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในเบื้องหน้า
    นี้เรียกว่าศาสดาที่เป็นสัสสตวาท (ลัทธิมิจฉาทิฏฐิว่าเที่ยง)
    2. ศาสดาที่บัญญัติ อัตตา โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ เฉพาะในปัจจุบัน ไม่บัญญัติ
    เช่นนั้นในเบื้องหน้า นี้เรียกว่าศาสดาที่เป็นอุจเฉทวาท (ลัทธิมิจฉาทิฏฐิว่าขาดสูญ )
    3. ศาสดาที่ไม่บัญญัติ อัตตา โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในเบื้อง
    หน้า นี้เรียกว่าศาสดาผู้สัมมาสัมพุทธะ "
    (อภิ.ก. 37/188/82 และ อภิ.ปุ 36/103/179)

    จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้แน่นอนเด็ดขาด ว่าลัทธิถืออัตตา ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    สัสสตวาทนั้น อรรถกถาได้อธิบายไว้อีกว่า
    อตฺตานํ สจฺจโต เถตโต ปญฺญเปติ: อตฺตา นาเมโก อตฺถิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโตติ ภูตโต ถิร โต
    ปญฺญเปติ (ปญฺจ.อ.83)
    แปลว่า: "ข้อความว่า บัญญัติอัตตา โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ หมายความว่า
    (ศาสดาที่เป็นสัสสตวาท) บัญญัติโดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของมั่นคงว่า มีภาวะอย่างหนึ่งที่
    เป็นอัตตา ซึ่งเที่ยง (นิจจะ) คงที่ (ธุวะ) ยั่งยืน (สัสสตะ)"
     
  16. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    1.อายตนะทั้ง6 เป็นบ่อเกิดของ กิเลส..ตัณหา อันนี้จริงยายน่าจะพูดว่าความยึดติดในอารมณ์ที่เสพเข้ามาทางอายตนะทั้ง6 เป็นบ่อเกิดของ กิเลส..ตัณหา ชรามรณะ ทุกข์อะไรเทือกนี้มากกว่า งั้นคนคงทำตาให้บอด หูให้หนวก และอื่นๆๆแล้วกิเลสตัญหาก็เบาบางลงแล้วครับยาย

    2.เอวิสน่ารักอะ


    3.อะตอมนี่หมายถึงวิทยาศาสตร์หรอ อันนี้เขาก็รู้แล้วว่าอะตอมมันมีอิเล็กตรอน โปรตอน นิวตรอน และอื่นๆๆอีก ไอ้พวกนี้(ยกเว้นอเล็กตรอน)ก็ทำมาจากควากซ์ พวกนี้เรียกอนุภาคสสาร มีอีกสี่ตัวเรียกอนุภาคนำพาแรง อย่างโฟตรอน(แสง)นำแรงแม่เหล็กไฟฟ้า อย่างอิเล็กตรอนกับโปรตอนมันมีประจุตรงข้ามมันก็ดึงกัน การดึงกันนี้ก็คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งในระดับจุลภาคก็คือมันแลกเปลี่ยนโฟตรอนกัน ซึ่งก็พบหมดแล้วจะมีก็แค่แกรวิตรอนที่นำแรงโน้มถ่วงที่เขายังไม่พบ อีกตัวหนึ่งที่เขาเติมเข้ามาก็คือฮิกส์ อันนี้เขาใช้อธิบายว่าอนุภาคมีมวลได้ยังไง อันนี้ก็เหมือนจะมีหลักฐานว่ามันมีอยู่แต่เขายังไม่ยืนยันคงสักอีกหลายปี พวกนักวิทย์เขาเชื่อกันยาก:cool::cool::cool:

    ส่วนอนุภาคทั้งหมดทั้งปวงมีเล็กกว่านี้ไหม ก็มีคนคิดว่ามีเขาก็เรียกว่าสตริง แต่ตัวนี้ยังเป็นแค่ทฤษฏี เล็กกว่าสตริงมีไหม? นักวิทย์เชื่อถ้าถ้าสตริงมีเล็กกว่าสตริงก็คงไม่มีอีกแล้ว คือเป็นความว่างเปล่า

    แต่ความว่างเปล่าแบบวิทย์นี่มันไม่ได้ว่างเปล่า(-w-)..............แบบที่เราเข้าใจคือแบบไม่มีอะไร มันว่างแบบไม่ใช่ทั้งมีและไม่มี เราระบุแน่นอนไม่ได้ไม่งั้นจะขัดหลักความไม่แน่นอน
    ทีนี้ที่ถามว่าใจกลางอะตอมมีอะไรไหม จริงๆๆไม่มีอะไรที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางอะตอมนะ ไม่งั้นจะขัดกับหลักความไม่แน่นอน นิวเคลียสก็เลยไม่อยู่ตรงกลางแบบแน่นอนมันจะสั่นไปมาเต้นระบำ อย่างนิวเคลียสเรารู้ว่ามีโปรตอนกับนิวตรอนใช่ไหม เอาโปรตอนตัวเดียวก่อนที่

    จริงมันไม่ได้อยู่ตรงกลางอะตอมหนึ่งๆๆ อย่างไฮโดรเจน มีหนึ่งโปรตอนหนึ่งอิเล็กตรอน ตามแบบจำลองก่งคลาสสิกโปรตอนจะอยู่ตรงกลางและอิเล็กตรอนวิ่งรอบๆๆ ทีนี้แนวคิดใหม่ที่ถูกต้องที่สุดโปรตอนจะเป็นกลุ่มหมอกที่วิ่งไปวิ่งมาไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนโดยวิ่งไปมาทั่วทั้งจักรวาล ขอบเขตของหมอกก็เลยเป็นอนันต์ เพียงแต่

    ตามทฤษฏีควอนตัม ตำแหน่งของอนุภาคและอัตราการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของมันเทียบเวลาหรือความเร็ว จะไม่แน่นอน ดังนั้นตำแหน่งต่างๆๆใน แต่ละจุดในกาลอวกาศ ของอนุภาคหนึ่งที่เป็นไปได้ว่าจะอยู่ จะมีความน่าจะเป็นต่างกัน อย่างโปรตรอนของอะตอมไฮโดรเจนนี้จะมีตำแหน่งที่มีโอกาศว่า จะอยู่แถวๆๆใจกลางอะตอมนี้มากกว่าที่จะกระจายไปส่วนอื่นของหมอก นึกภาพทรงกลมใหญ่ไม่สิ้นสุด ตรงกลางทรงกลมคือที่ที่โปรตรอนมีโอกาสจะพบมากกว่าระยะอื่นๆๆที่วัดออกไปเรื่อยๆๆๆๆจากตรงกลางนี้ ยิ่งห่างโอกาสก็ยิ่งน้อย แต่ไม่ใช่ศูนย์ก็หมายความว่ามันมีโอกาสที่จะอยู่ตรงนั้น:p:p:p

    จนกว่าเราจะวัดตำแหน่งมัน การวัดทำให้เรารู้ว่ามันอยู่ตรงไหนแต่พอเราวัดเราก็ไปทำลายข้อมูลความจริงเกี่ยวกับตำแหน่งของมันในตอนนั้นไปแล้ว คือมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วแต่ข้อมูลที่ปรากฏกับเรากับบอกว่ามันอยู่ตรงนั้น(-w-)..............

    พูดง่ายๆๆ ฟิสิกส์ยืนยันว่าสิ่งต่างๆๆไม่มีตำแหน่งและการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่แน่นอนในกาลอวกาศ ดังนั้นไอ้เอวิสก็อาจจะอยู่ป้ายายกับบ้านผมพร้อมกันในเวลาเดียวกันพอกับที่มันอยูบนดวงจันทร์ หรืออยู่อีกกาแล็กซี่หนึ่ง ได้ เพียงแต่พอยายมองมันยายได้ทำให้เกิดการยุบตัวของคลื่นความน่าจะเป็น มันเลยปรากฏเสมือนว่ามันอยู่ตรงนั้น แต่ไม่จริง อันนี้แหละที่ไอสน์ไตน์รับไม่ได้ เลยพยายามโจมตีความคิดนี้ แต่แม้แต่ไอสน์ไตน์ก็แพ้ เพราะไอสน์ไตน์ไม่อาจจะละเลยความจริงจากการทดลองได้(-w-)..............rabbit_eating(deejai)(deejai)(deejai)

    หาหนังสือที่เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเขียนให้คนทั่วๆๆไปที่ไม่ใช่นักวิชาการอ่านเอาเด้อ ยาย อย่างของศ.ฮอร์คิง ศ.ไบอัน กรีน เด็กม.ปลายชอบนะสำนักพิมพ์มิติชนเลยแปลขายมาหลายเล่มเชียว ก็จะเข้าใจได้มากกว่าที่พูดที่พูดนี่มันสรุปเกิน อ่านของแชด ออร์เซล ที่มิติชนแปลขายในชื่อฟิสิกส์ฉบับเจ้าตูบเล่มนี้ก็เขียนดีไม่เพี้ยน ดูสารคดีของไทยพีบีเอ็สก็ได้ยาย มีคนลงในยูทูบแล้วเอาที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ควอนตัม จักรวาลวิทยา หรือพวกฟิสิกส์อนุภาค
    ก็ได้(eek)(eek)(eek)(eek)(eek)(eek)(eek):VOyimm:z16
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2014
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    Ha? คิดว่าปู่ิดิษยามนี้ จะเป็นส้วมได้ที่ไหนกัน?


    จะเป็นส้วมได้ ต้องรองรับสิ่งที่ผู้อื่นระบายได้ เรียกว่าเอ็ง
    ระบายทุกข์มาเลย ข้าจะฟัง ข้ายินดีรับทั้งหมดนั้นไว้เอง


    อันนี้ไม่ใช่


    เกรงว่าปู่ิดิษยามนี้ จะกลายเป็น "ดาบที่ถูกยืมเพื่อเล่น
    งานคนเก่งๆ" ใครเก่ง กูัจัดการหมด เพราะไม่ยอมคนเก่ง
    พระนารายณ์นิยมคนเก่งครับ แต่พระกาลีไม่ชอบให้ใครมา
    เก่งเกินหน้า


    มุทิตาจิต ทำให้เราชื่นชมยินดีคนเก่ง และหาทางเปิดเวที
    ให้เขาได้ใช้ความเก่งในด้านที่ดี โดยไม่ทำลายความเก่งฯ
    ของเขาให้หมดสิ้นไป หรือทำให้เขาท้อ หมดกำลังใจครับ
     
  18. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    คุณภูดิษ...จำได้ว่าได้คุยกันรู้เรื่องแล้วเมื่อปีก่อน...
    และยังจำได้ว่า ได้ส่งดอกไม้ช่อใหญ่ให้คุณ
    เมื่อคุณไปเปิดกระทู้เองด้วยความกล้าหาญ...
    มาเริ่มปีใหม่นี้...จะเข้ารอบเดิมอีกหรือ...
    เกิดอะไรขึ้นกับคุณในหนึ่งปีที่ผ่านมาหรือ...
    ชีวิตไม่ได้ดีขึ้นหรือ...
    (มาออกฤทธิ์วันเสาร์ซึ่งเป็นวันว่างของฉันซะด้วย...คุยได้ทั้งวันเลย)


    ฉันหวังว่าคุณคงไม่ลืมประโยคเดิม ๆที่ฉันเคยถามคุณนะ...
    (หากจำไม่ได้ ให้ย้อนหลังไปดู...ฉันยังไม่ลบทิ้ง)
    เพราะที่คุณบอกมาทั้งหมด...หากคุณไม่เคยมีประสบการณ์
    ก็เท่ากับคุณไปฟังเขามา...แล้วมาระบายพ่นใส่ใครต่อใครว่าเขาไม่ฟังคุณ
    มันเป็นงั้นได้ไง...คุณไม่เคยกินเหล้า จะรู้ได้ไงว่า เมา ที่เขาว่ากันมันมีอาการอย่างไร
    ปวดหัว ตัวร้อน คลื่นไส้ อาเจียร มันเป็นยังไง...
    แล้ว ที่เรียกว่า เมาดิบ เมาค้าง แกล้งเมา มันเป็นอย่างไร...
    หมอก็เหมือนกัน...เขาไม่เคยเป็นมะเร็ง...
    เขาอ่านมาฟังมาว่ายานี้หรือวิธีนี้นั้นรักษาได้
    เขาก็ให้คำแนะนำคนไข้...
    แล้วคนไข้จะรับการรักษานั้นหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของหมอ
    ที่จะไปตีอกชกหัว ทำตัวเหมือนปีศาจมาบังคับให้คนไข้เชื่อ...

    ...มีเรื่องหนึ่งที่คุณยังไม่รู้นะ ...
    คุณเข้ามาถูกบ้านแต่ทำตัวไม่เข้ากับคนในบ้าน...
    แล้วมาหาศัตรูในบ้านที่คุณคิดว่าถูกแล้วที่เข้ามา...
    ซึ่งหากคุณเชื่อเรื่องพลังอะไรของคุณนั่น...
    คุณจะได้รับพลังดีๆจากบ้านนี้เพื่อกลับบ้านคุณได้ที่ตรงไหน...
    แค่ส้วมมันยังเป็นสิ่งดีเกินกว่าที่คุณควรจะได้รับเลย...รู้ไว้นะ...
    (เพราะส้วมเดี๋ยวนี้ ราคาเป็นแสนถึงล้านก็มี)

    แล้วคนฉลาดๆ อย่างคุณ
    การเข้ามานำศัตรูจากบ้านนี้กลับไปบ้านคุณ ...
    มันเพื่อประโยชน์อะไรหรือ หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่...

    ฉันนึกไม่ถึงเลย ว่าจะต้องมาสนทนากับคุณอย่างนี้อีกครั้ง
    เพราะคิดว่ามันจบไปแล้วเมื่อปีก่อน...
    ให้เวลากับตัวเอง แล้วดูตัวคุณเองบ้างนะ...
    ว่ามันได้ก้าวไปไหนบ้างไม๊...หรือทำตัวไปๆกลับๆอยู่นี่แหละ...
    ต้องทำตัวให้แมนๆหน่อยไม๊...ที่ทำอะไรก็ทำให้มันจริงจัง
    ตั้งหน้าเดินไปข้างหน้าก็จ้ำไป...อย่ามัวแต่เดินหน้าถอยหลังอยู่
    มีจิตใจที่เข้มแข็งหน่อยซิ อย่าทำตัวเป็นเชื้อเพลิงที่ดีให้ใครเขามาจุดติดเล่นๆ
    รู้มากระดับนี้แล้ว เสียครูหมด...
    ใครเขาส่งสะเก็ดไฟมานิดเดียว ลุกเป็นไฟ ไร้สติทันที...ใช้ได้ที่ไหนกัน...
    จะส่งข้อความอะไรมา...ไม่คิดถึงตัวเอง ก็คิดระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์บ้าง (หากคุณมี...ไม่มีก็แล้วไป)
    ว่าข้อความของคุณ มีส่วนใดจะเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อครูอาจารย์บ้าง...

    หัดหายใจลึกๆ...แล้วคิดถึงประโยชน์ตนประโยชน์ท่านก่อนลงมือทำดีกว่านะ เราว่า...(แต่ไม่ทำก็แล้วไป)
    ขอให้โชคดี

    อจิตตะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2014
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ก่ เห็นเก่งกันจัง ไง ให้ยืม ซัดคนเก่ง ระบาดไปทั่วไป
    ซัดเสร็จแล้ว ก็หมดหน้าที่

    เพราะบางที คนเก่ง ไม่ได้เก่งจริงอย่างบริสุทธิ์
    เมื่อไม่บริสุทธิ์ ย่อมหมายถึง มีผลกระทบที่ไม่สมดุล
    เมื่อไม่สมดุลผิดปกติ ต้องประคองกลับ ให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง

    การทำลายไม่ได้หมายถึงทำลายเพื่อดับสูญ
    แต่เพื่อกำเนิดสิ่งใหม่ ที่ดีกว่า

    ทำลายเพราะต้องพัฒนาให้เจริญขึ้น เหมือนมนุษย์
    จากกายพลังงาน เป็นกายทิพย์ เป็นกายเนื้อ และเป็นกายหยาบ

    ดังนั้น หากจะทำลาย นั้นเป็นสิทธิ์ของใคร เล่า... นกโกรธ
    ไม่ใช่ สิทธิ์ของ ภูดิศ กายหยาบดอก

    ภูดิศ แค่ให้ยืม .... เพื่ออะไร น่าจะรู้แนวทาง...

    สิทธิ์ของผู้นั้น ได้มอบหมาย ให้หนึ่ง นารีขี่ม้าขาว ... (แต่มาเป็น lot)
    เป็นผู้ชี้ทางให้รอด ... และทำให้รอด (ตามหาเอาเอง)

    กระทู้นี้ มีบางส่วน ที่ ดี กว่า ตำราโบราณ กล่าว
    แต่ วนเวียน ไม่รู้จบ เหมือนกับรอในสิ่งที่ ไม่เป็นจริง

    ทำให้เสียคุณค่า ในสิ่งที่ถูกต้องจนกระทั่ง กลายเป็นผลเสีย

    เพราะอะไร เพราะ อยู่ในภาวะของความนิ่ง ไม่ลื่นไหล
    ปลดออก .....

    เพราะ อะไร หนึ่ง คือ ความไม่นอบน้อม ของผู้แสดง

    เมื่อผู้แสดงไม่นอบน้อม ในสิ่งที่ควร ผู้แสดงตนนั้น จึง ไม่ออกจากวังวน

    -----
    พระผู้สร้าง มี ตำราโบราณ ไม่กล่าว เพราะอะไร

    พระมารดาของโลก มี ตำราโบราณ กล่าว แต่ เหยียดย่ำ เป็นเพียงแค่ อรหันต์ อันไม่สมศักดิ์ของ องค์ท่าน

    และองค์อื่นๆ อีก หลาย

    ---------

    เหมือนอะไร คนที่ จะก้าวหน้า ต่อไปได้ ควรทำอย่างไร

    ออ .... ควรกระนั่นหรือ ว่า ต้องบอกว่า ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องสอน

    ออ .... ควรกระนั่นหรือ ว่า เอาสิ่งที่ ภูดิศ สอน ไปสอนตัวเอง

    ออ .... ควรกระนั่นหรือว่า สิ่งที่ ภูดิศ กล่าว ไม่เป็นจริง ไม่รู้เห็น ด้วยดอก

    ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่บทกล่าว

    ความสำคัญของมนุษย์ คือ การนอบน้อม

    ภูดิศ ไม่สนใจจะให้ใครมา รับฟัง ในสิ่งที่เล่า ที่บอกกล่าว

    แต่ เมื่อนอบน้อมให้ถูก ธรรมชาติ จะสร้างให้คนๆ นั้น เดินทางในทิศทาง

    ที่ถูกต้องเอง .... (555)

    (ไม่ได้ต้องการ นอบน้อมต่อภูดิศ ดอก.... ตอบแทน เหล่า อสูร)

    ผู้นอบน้อม ในทุกๆสิ่ง จะรู้เอง ว่า เมื่อนอบน้อมได้จริง

    ระดับความเป็น อิสระในใจ

    จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องฝึกพลัง ไม่ต้องอาศัยพลัง

    ไม่ต้องมีเสียงก่อพลัง ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องมีน้ำ ไม่ต้องมีดิน

    ไม่ต้องมีลม ไม่ต้องมีไฟ ไม่ต้องมีอสุภะ

    ไม่ต้องปรุงแต่ง ....
     
  20. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เงื่อนไขหลัก คือ ศีล หรือ การไม่เบียดเบียน

    มนุษย์ตนนั้น จะต้อง มีศีล

    หากมนุษย์ ผู้นั้น ไม่มีศีล แม้นจะปฏิบัติ เท่าใด

    ก็จะรั่ว ไหล สูญเสีย และ ไม่เจริญ

    มนุษย์ ใด ไม่สน รักษาศีล จึงเปรียบเสมือนต้นไม้ ที่ ไม่มีเปลือก และ กระพี้

    เมื่อไม่มีสิ่งใดหุ้ม นั่งนอน รอ ความตาย (ตกอยุ่ในอบายภูมิ) ได้เลย

    ใช้วาจา ยอกย้อน และกระทำตนเอง ไม่นอบน้อมต่อ ทุกสิ่ง

    ศีลจะรักษา ได้อย่างไร

    ศีลในมิติมนุษย์ มองดูผิวเผิน จะเป็นนามธรรม

    แต่อีกมิติหนึ่ง มันเป็น รูปธรรม (คล้ายกับที่ยกตัวอย่าง กับการเจริญเติบโตของต้นไม้ นั่นแล)

    เมื่อ ในอีกมิติหนึ่ง มัน ไม่มีเปลือก ไม่มีผิว แล้ว มโนภาพดูเอาเอง ว่า

    กายอีกมิติหนึ่งจะเป็นอย่างไร ดูไม่ชัดเจน ก็ เอามีดไปบั่น เปลือกและกระพี้ ออกดู

    และนั่งดูว่า ต้นไม้นั่นจะเป็นอย่างไร ....

    จะกระทำอะไร มองให้รอบ ไม่ใช่ แนะนำผู้อื่น ฝึก ตะบี้ ตะบั่น

    โดยไม่มองพื้นฐาน ....

    บางตำรา (ตำราโบราณ) กล่าว ก็กล่าว เยิ่นเย่อ มากความ

    เพื่ออวดตัวเอง ว่า มีความรู้มากมาย จนกระทั่ง

    ขาดความนอบน้อม ในตัวเอง ผู้เรียน ก็จะติดภาวะ

    ขาดความนอบน้อม เพราะเมื่อเรียกจบ จึงกลายเป็น ผู้รู้ สอนไม่ได้

    การจะเป็น ผู้บริสุทธิ์ คิดหรือว่า จะทำได้ด้วยตนเอง

    ทั่งๆ ที่ เรียนรู้ว่า ทุกสิ่งเกื้อกูล เกื้อหนุน ซึ่งกันและกัน

    แต่กลับกระทำตนเอง กูรู้แล้ว ไม่ต้องสอน

    แต่กลับกระทำตนเองบอกกล่าวว่า เอาธรรมที่กล่าว ไปสอนตัว ผู้กล่าว ก่อน แล้วค่อยมาสอนฉัน

    เห็นแล้วหรือยัง ว่า มนุษย์ มันจะอวดตัวเอง ว่า ฉันรู้แล้ว

    ------------
    จะทำตนเองให้ ... จะฝึกตนเองให้.... มีกายธรรม

    กายธรรม มีได้ง่ายๆ หรือ โดยตัวเองทำหรือ

    ทุกสิ่ง เกื้อกูลฯ ไปอยู่ ไหน

    ไม่นอบน้อม ต่อ ผู้สร้างมนุษย์ ผู้ดูแลรักษามนุษย์ และอื่น ๆ

    ก่ ฝันไปได้เลย

    มนุษย์พัฒนาให้มีกายทิพย์

    มนุษย์จะพัฒนาให้มี กายธรรม

    เป็นเพราะมนุษย์ หรือ ?

    มนุษย์ตนนั้น ช่าง อหังการ สิ้นคิด (มนุษย์ตนนั้น คิดแบบนั้น เพราะมี

    ภาคอสูร เป็น ต้นธาตุ อยู่ มันจึงคิดแบบ นั้น )

    มนุษย์ มีที่มา

    มนุษย์ ไม่สงบ ไม่ระงับ เพราะ ต้นธาตุ ดำรงตนสมัยที่เป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นกายอะไร

    มัน ไม่ดำรงอยู่ในศีล ธาตุ หรือ พลังงงาน ของมัน จึง พร่อง

    เมื่อพร่อง จึง ไม่สมดุล เมื่อ ไม่สมดุล จึง สั่น

    เมื่อ สั่น จึง ไม่สงบ เมื่อไม่สงบ จึงต้องปรุงแต่ง

    ปรุงแต่งเพื่อให้ได้สงบ เมื่อปรุงแต่ง จึงหลงทาง

    เมื่อหลงทาง จึงต้องขอ ลองใหม่

    ลองอีก ลองอีก ลองอีก

    กี่รอบแล้วล่ะ ที่ลองอืก

    ไม่เจอสักที

    เพราะอะไร เพราะ ไม่นอบน้อม ต้องสิ่งที่มี

    ละเลย ในสิ่งที่ สร้างมนุษย์มา .....

    มีอะไรที่มากกว่า ในตำราโบราณ

    ซึ่งตำราโบราณ ไม่กล่าว เพราะปฏิเสธ

    เมื่อปฏิเสธ จึงไม่ก้าวหน้า

    ใครๆ ที่บอกว่าเป็น อรหันตฺ จริงๆ แล้ว ไม่ถึงสักคน

    เพียงแค่ สกิทาคา เท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้น (ยกเว้นสมัยพุทธ)

    เพราะ ว่า ไม่เคยนอบน้อม ผู้สร้าง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เลย

    และยกตำราตนเอง เป็นสูงสุด

    แต่ลืมไปว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง เจริญขึ้นได้

    เมื่อสิ่งสูงสุด หยุดนิ่ง มันก็คือ ความล้าหลัง

    เมื่อล้าหลัง จึงกลายเป็นของเน่า ... ทันที
     

แชร์หน้านี้

Loading...