ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อหลวงปู่โต๊ะ พบพระอาจารย์มั่น

    [​IMG]


    อาจารย์มั่นกับอาตมาคุ้นเคยกัน แต่อาตมายังเป็นพระหนุ่มๆอยู่บอกเจ้าคุณอุบาลีวัดบรมนิวาสว่า เมื่อหลวงพ่องค์นี้ลงมา ช่วยบอกผมด้วยนะครับผมจะมาฟังธรรมะธัมโมของท่าน ท่านก็รับ ท่านเป็นญาติกันแล้วก็สั่งสมภารองค์ใหม่นี้ไว้ด้วย จะเป็นประโยชน์ พอเราเข้าไปกราบเท่านั้น เย็นใจคอเย็น ทานโทษ เหมือนยังกับเข้าไปอยู่ในร่มอากัปกิริยาเหมือนยังกะเราเข้าไปอยู่ในร่ม เย็น เย็นหู เย็นตา เย็นใจ ทั้งตัวเย็นเย็นไปหมด เพราะอะไร
    การปฎิบัติสมถะกรรมฐานมีอะไรเป็นหลัก
    ท่านก็ว่ากรรมฐาน๔๐น่ะแหละเลือกเอาตามพอใจเท่านั้นเอง
    เลือกเอาตามพอใจ ก็หลายอย่างหลวงพ่อหลายอย่าง
    ท่านก็แนะว่า ทำตามจริตของเขาที่เข้าใจ ถ้าคนที่มีโทสะจริต ก็เจิรญพุทโธก็ได้ ท่านว่างั้นและเราก็ว่า พุทโธ ต้องประกอบกับลมด้วย ขอรับ
    ท่านก็ว่า ต้องประกอบซี กรรมฐานน่ะอานาปานะ เป็นยอดของกรรฐานนะคุณนะ อย่าปลดปล่อยนา
    ครับ ไม่ปล่อยจะต้องทำยังไงขอรับ ถึงจะรู้ลมเข้าลมออก
    ก็ตามรู้ลมเข้าลมออกปัญญาเกิด
    เมื่อภาวนาพุทโธ พุทโธแล้วพุทโธหายไป เราจะทำไงไม่มีหรอกพุทโธไม่ได้บริกรรมไม่มีอะไร ไม่มีเลย
    ท่านว่า นั่นแหละลมละเอียดแล้วลมละเอียดแล้ว
    ลมละเอียดแล้วจะต้องทำอะไรต่อไปอีก
    ดูลม ดูลมให้ละเอียดถ้าละเอียด ละเอียดหนักๆขึ้น เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าเราหายใจ นะคุณนะ ไม่รู้ว่าหายใจหายใจเข้า หายใจยังไง เราไม่รู้เรื่อง
    มีการเผลอไหมครับ
    ท่านบอก ไม่เผลอต้องมีสติผูกจิตไว้ด้วย ท่านว่างั้น อะไรผ่าน จำ ท่านว่าให้จำ จำไว้จำไว้
    ถ้าหากมีโยก มีโคลง จะทำไงขอรับ มันไปข้างหน้ามั่ง
    ท่านว่า ให้เฉยที่จริงไม่ได้โยก ไม่ได้โคลงหรอก มันเป็นกิริยาของพระอรหันต์ มันเป็นกิริยาของท่านมันแสดงให้เราเห็น ทีนี้ทำท่าจะเหาะ ฉันจะเหาะได้นา ถ้าทำไปเหาะได้นาถ้าท่านทำไปเหาะได้นา เราทำไงเราทำท่าจะเหาะนี่ เฉย เฉยเวลานั้นจะสว่างไม่ใช่เล่น สว่างไสวไปหมด ดูข้าง ดูเคียงดูอะไรๆนั่นเขาเรียกว่าอะไร เขาเรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส อย่าไปหลง อย่าไปหลงเราเรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส ที่สว่างดับวูบ นั่นก็คือธรรมะคือวิปัสสนานั่นคือวิปัสสนาปิดหมด จะสว่างไสว มันสว่างไสวปลอดภัยทุกอย่าง อย่าไปหลงเข้านะอย่าไปหลง แต่ก็มีฤทธิ์นะ สว่างนั้นมีฤทธิ์ จะเป็นมดเป็นหมอเป็นอะไรต่ออะไรทำได้ทั้งนั้น ทำได้
    ก็ถามว่า ท่านทิ้งแล้วหรือยังขอรับ สมถะ
    ไม่ได้ทิ้งละมันเป็นบายขอที่…พระพุทธเจ้ายังทิ้งไม่ได้นี่คุณ อ่านหนังสือพบไหมท่านว่างั้น
    ก็ว่าพบ อ่านพบ
    ทิ้งไม่ได้ มีฤทธิ์ มีเดชมัอะไรหลายๆอย่างแต่ตถาคตน่ะไม่แสดง แสดงในสิ่งที่จำเป็น แล้วตถาคตยังห้ามสาวกอื่นๆว่า อย่าแสดงยังห้าม ยังห้าม เลือกแสดง เลือกสิ่งที่จำเป็นละก็ทำได้ ที่จำเป็น เพราะฉะนั้น รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง…เอาละ หลักนี่ไม่ใช่หลักของพระพุทธเจ้านาเพราะว่าเขามีมาก่อนพระพุทธเจ้าหลายสิบองค์มีพระพุทธเจ้าเกิดในโลกโลกก็เห็นว่าหลักของเขาดี ก็ทำก่อนพระพุทธเจ้าเขาก็ทำด้วยหลักกรรมฐาน เป็นของโลกๆเขา แต่ก็ได้ประโยชน์ดีสุดเข้าก็เลยรวบรัดตัดความใช้ได้ ให้เห็นเข้าแท้จริงๆมันก็เบื่อหน่ายได้
    หลวงพ่อครับ วันหนึ่งทำกี่ครั้ง
    นับไม่ถ้วน ท่านว่านี่ฉันก็ทำ ท่านว่า นี่ฉันก็ทำสมถะ กายใจ…จิต จิต…ชอบกล คนเราน่ะ ต้องทำเรื่อยๆยืนในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นั่งในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นอนในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ไปหมดนี่ความหลุดพ้นเรียกว่า วิมุติ ครบบริบูรณ์
    ความชั่วหามีกับเราไม่ด้วยอาศัยการปฎิบัติที่เราถือกุญแจลูกนี้ไขเข้าไปกว่าจะถึงหลัก…นี่คือหลักการรัษาศีลในทายก ทายิกาที่มาประชุมที่นี้พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บิดามารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ แม้ท่านจะนึกปรารถนาสิ่งใดสมความปรารถนาสุขทุกทิพาราตรีกาลนั้นสวัสดี

    ขอขอบคุณ
    http://prasaksit.wordpress.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2008
  2. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    วันนี้ ร่วมทำบุญไป 200บาท ครับช่วงเช้า 8.31 น. ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะครับ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ประชาสัมพันธ์งานบุญในวันอาทิตย์ที่ 27/7/51 ครั้งที่ 2

    1. สรุปยอดจำนวนพระสงฆ์ที่จะถวายสังฆทานอาหารในวันที่ 27/7 นี้ ที่ตึกกัลยาฯ มีจำนวนประมาณ 182 รูป (เท่าที่เช็คยอดสุดท้ายในวันนี้)
    2. เงินปัจจัยสำหรับทำบุญยัง รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ได้ดำเนินการโอนผ่านเข้าบัญชีของกองทุนของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เพื่อนำไปสมทบกับเงินในบัญชีของมูลนิธิฯ หลวงปู่มั่น สำหรับบริจาคเข้าหอสงฆ์ของ รพ.เรียบร้อยแล้ว เป็นจำนวนเงิน 3,000.- บาท โดยในวันนี้ตอนเช้าท่านประธานกองทุน รศ.นพ. สุขขชาติ เกิดผล แพทย์ของ รพ.ศรีนครินทร์ ได้กรุณาโทร.แจ้งยืนยันการรับเงินกับผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    3. เงินปัจจัยสำหรับโอนเข้ากองทุนสงฆ์อาพาธ ที่ รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบล ได้ส่งทางไปรณีย์ธนาณัติเรียบร้อยแล้ว เป็นจำนวนเงิน 4,000.-บาท คาดว่าวันอังคาร ทาง รพ.น่าจะได้รับธนาณัติดังกล่าวนี้

    โดยจำนวนเงินตามข้อ 2.+3. นี้ ผมได้สำรองจ่ายแทนทุนนิธิฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว

    4. วันนี้ ผมและนายสติ ได้ถอนเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ แล้ว 30,000.- บาท เพื่อมาใช้จ่ายในกิจกรรมข้างต้น โดยคงเหลือเงินในบัญชีอีกราว 136,000.-บาท และเมื่อนำจำนวนเงินที่ถอนออกมา หัก ตามที่สำรองจ่ายไปก่อน 7,000.-บาท คงเหลือเงินที่จะบริจาคให้ รพ.สงฆ์และค่าสังฆทานอาหาร 23,000.- บาท พร้อมเรียบร้อยตามที่ประมาณการไว้แล้ว

    โดยหลักฐานการเบิกเงินหรือการใช้เงินต่างๆ จากบัญชีของทุนนิธิฯ เช่นสมุดบัญชีธนาคาร ใบอนุโมทนาบัตร พร้อมหนังสือขอบคุณ จะได้นำมาลงในกระทู้นี้เพื่อให้ดูต่อไปครับ

    พันวฤทธิ์
    25/7/51
     
  4. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ;aa44

    ผมนำใบฝากเงินที่ทางทุนนิธิฯได้ส่งไปให้ทาง รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบล และ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น มาให้ได้ร่วมโมทนาบุญกันครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ก็ขอได้ร่วมกันโมทนาบุญในกุศลครั้งนี้ร่วมกันนะครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ใบโมทนาบัตรที่ทางโรงพยาบาลสงฆ์ และของทาง รพ.50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบล ส่งมาให้ทางทุนนิธิฯทั้งของเดือน พฤษภาคมและเดือนมิถุนายน ต้องขออภัยนะครับที่นำมาแสดงให้ดูช้าไปหน่อย


    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ผมได้นำยอดเงินที่มีการเบิกถอนและที่คงเหลืออยู่มาแสดงให้ได้รับทราบกันนะครับ และต้องกราบขอบพระคุณไว้นะที่นี้ด้วยสำหรับทุกๆท่านที่ได้มีจิตเมตตาและเสียสละบริจาคทรัพย์มาร่วมกันทำบุญกุศลกับพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญและธรรมทายาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ


    ยอดเงินที่เบิกถอน

    [​IMG]


    ยอดเงินคงเหลือ

    [​IMG]


    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ปกติผมจะเป็นคนที่เป็นหวัดยากมากอย่างปีนี้ ยังไม่เคยเป็นเลย เพราะสิ่งนี้น๊ะครับ ลองทำดู เป็นเทคนิคของท่านพ่อลี แห่งวัดอโศการามวันนี้เพิ่งเจอคำสอนของท่านฯ ในรูปของเวบเพจ จึงนำมาลงให้ดูและฝึกกันครับ ส่วนของจริง ต้องถามท่านผู้รู้คือพี่ใหญ่ในวันพรุ่งนี้เอง ที่ รพ.สงฆ์ และก็เพิ่งได้ทราบเหมือนกัน ว่าในกลุ่มที่มาร่วมบุญมีน้องคนหนึ่งที่ตาวิเศษ สามารถมองเห็นยันต์กลางอากาศได้ด้วย เพราะของเก่าน้องแต่บรรพชาติดี มาต่อยอดในชาตินี้อีก สาธุ ของจริงนั่งนิ่งเป็นใบ้ เพียงแต่รออีกนิดก็เป็นเสือติดปีกละคราวนี้...เราเริ่มต้นกันใหม่ๆ ลองดูตามนี้ก่อนครับ ใครของเก่าเยอะก็ได้เปรียบไป

    ฉลาดปรับแต่งลม


    [​IMG]

    <ABBR class=published title=2008-06-23T14:33:07+07:00>
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
    ( ท่านพ่อลี ธมฺมธโร )


    ในการกำหนดลมหายใจนี้ เราจะต้องใช้ความสังเกตพิจารณา เป็นข้อใหญ่ และรู้จักการตบแต่ง ขยับขยายลมหายใจให้เป็นไปโดยความพอเหมาะพอดีจึงจะได้ผลเป็นที่สบายกาย สบายจิต คือ สังเกตการเดินลมหายใจตั้งแต่ปลายจมูก จนถึงที่สุดของลมหายใจ นับแต่จากคอหอยผ่านไปทางหลอดลม หัวใจ ปอด ลงไปจนถึงช่องท้อง มีกระเพาะอาหาร และลำไส้ เบื้องบน ตั้งแต่ศรีษะเลื่อนลงมาถึงบ่า ทั้งสอง ช่องซี่โครง กระดูกสันหลัง จนถึงก้นกบ ลมที่ออกตามปลายมือ ปลายเท้า ตลอดทั่วสรีระร่างกายทุกขุมขน
    ให้สมมุติตัวเรานี้เหมือนกับเทียนหรือตะเกียงเจ้าพายุ ลมเหมือนกับไส้ตะเกียง สติเป็นตัวเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดแสง ร่างกายของเราตั้งแต่โครงกระดูกจดผิวหนัง เหมือนกับเนื้อของเทียนที่หุ้มไส้เทียนอยู่ เราจะต้องพยายามทำให้ดวงจิตของเราเกิดแสงสว่าง เหมือนกับดวงเทียนจึงจะนับว่าเป็นผลดี.......



    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะต้องมีของที่เป็นคู่กันเสมอ เช่น มีมืดก็ต้องมีสว่าง มีพระอาทิตย์ ก็มีพระจันทร์ มีเกิดก็มีดับ มีเหตุก็มีผล ฉะนั้น ในการทำลมนี้ ก็มีจิตเป็นตัวเหตุ มีสติเป็นตัวผล คือจิตเป็นผู้ทำ มีสติเป็นผู้รู้ สติจึงเป็นผลของจิต ส่วนธาตุ ดิน น้ำลม ไฟ ก็เป็นของกาย เหตุของกายคือ ธาตุลม เมื่อจิตเป็นผู้ทำเหตุดี ผลทางกายก็เกิดรัศมีจากธาตุทั้ง ๔ ร่างกายก็สบายแข็งแรงปราศจากโรค ผลที่จะเกิดขึ้นจากทางกาย และจิตนี้ก็เนื่องด้วยการกระทำเป็นเหตุการณ์สังเกตเป็นผล ขณะที่นั่งสมาธินี้ เราจะต้องสังเกตดูลมที่หายใจเข้าและหายใจออกนั้นว่า ลักษณะของลมที่เดินเข้าไปมีอาการอย่างไร เกิดความไหวสะเทือนแก่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างไรและเกิดความสบายอย่างไรบ้าง เช่น หายใจเข้ายาว หรือหายเข้าสั้น ออกยาวสะดวกสบาย ? หายใจเข้าเร็ว ออกเร็วสบาย หรือหายใจเข้าช้าออกช้าสบาย? หายใจหนักสบาย หรือหายใจเบาสบาย ? ฯ ล ฯ

    เหล่านี้เราจะต้องใช้ความสังเกตพิจารณาด้วยตนเอง และรู้จักปรับปรุงแก้ไข ลดหย่อน ผ่อนผันให้ลมคงที่เสมอกันพอเหมาะพอดี เป็นต้นว่าช้าไปไม่สะดวกสบาย ก็แก้ไขเปลี่ยนให้เร็วขึ้น, ถ้ายาวไปไม่สบายก็เปลี่ยนให้เป็นสั้น ถ้าลมอ่อนไป เบาไป ไม่ดี ทำให้ง่วงให้เผลอ ก็เปลี่ยนให้เป็นลมหนักและแรงขึ้น เหมือนกับเราสูบลมเข้าไปเลี้ยงน้ำมันให้พอดีกับนมหนูในไส้ตะเกียง ถ้าได้ส่วนกับลมแสงไฟก็จะมีกำลังเต็มที่เป็นสีนวลสว่างจ้า สามารถส่องรัศมีไปได้ไกล ฉันใดก็ดี ถ้าเรามีสติกำกับแน่นกับลมหายใจเข้าออกอยู่เสมอ และรู้จักบริหารให้ถูกต้องกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จิตของเราก็จะมีอาการเที่ยงตรงเป็นหนึ่งไม่วอกแวกไปในสัญญาอารมณ์ใดๆ และมีอำนาจชนิดหนึ่งเกิดขึ้นเป็นแสงสว่าง คือ ตัวปัญญา หรือจะเรียกว่าเป็นผล คือวิชชา ก็ได้ วิชชาอันนี้เป็นความรู้พิเศษอย่างหนึ่งไม่ใช่เกิดจากครูบาอาจารย์สั่งสอน หรือมีใครแนะนำแต่เป็นความรู้ความเห็นพิเศษที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญเรียกว่า "สัมมาทิฏฐิ" ความเห็นอันนี้ ประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นสัมมาสติ เป็นสัมมาสมาธิด้วย จิตที่เป็นสัมมาสมาธินี้เมื่อมีกำลังกล้าแข็งยิ่งขึ้น ก็เกิดผลเป็น "วิปัสสนาญาณ" เป็น "ญาณทัสนะ" ถึงวิมุติธรรมเป็นที่สุดปราศจากความสงสัยใด ๆ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ที่นี้ก็มาดูผลวิเศษที่ท่านปฏิบัติได้จากลมอานาปาฯ คือ "พลังจิต" กันครับ


    พลังจิต...ท่านพ่อลี
    [​IMG]
    ...ท่านเล่าถึงพลังจิตของท่านอาจารย์ลี แห่งวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ดังนี้
    "...พูดถึงเรื่องจิต... อย่างสมัยปัจจุบันนี่นะ... คือทำไมถึงทราบกันได้ ก็ทราบในวงปฏิบัติด้วยกันนะสิ! พระกรรมฐานประสานกันอยู่ตลอดเวลา พวกเราฆราวาสไม่ค่อยทราบกัน... ภาคปฏิบัติทางด้านจิตตภาวนา องค์ไหนเป็นอย่างไร ๆ ท่านจะทราบกันอยู่อย่างลึกลับอยู่ภายในของท่านนะ ในระหว่างพระกรรมฐานด้วยกัน แต่คนภายนอกนั้นไม่ทราบ เพราะท่านไม่พูด...
    เวลาไปไหน พระกรรมฐานเป็นผู้มุ่งอรรถจริงๆ เราจะไม่ทราบเลยเหมือนกับว่าผ้าขี้ริ่วห่อทอง ท่านไม่ได้มุ่งพูดอะไรต่ออะไร... นั่นละ ถ้าความเป็นธรรมจริงๆ แล้ว... แต่ในวงปฏิบัติด้วยกันแล้วอย่างไรก็ปิดไม่อยู่ อะไรก็ต้องเปิดสู่กันฟังเพื่อจะได้แก้ไขกัน มีอะไรๆ ขัดข้องตรงไหน พอองค์นั้นเล่าให้ฟังแล้ว ขัดข้องตรงไหนองค์นี้จะแก้ให้ทันที แก้ให้แล้วเปิดทางโล่ง... นั่น เรื่องของจิตเป็นอย่างนั้น
    หลวงปู่มั่น นานๆ ท่นจะยกองค์นั้นมา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านทั้งนั้นละ ทีนี้ยกมาคราวใดจะต้องมีจุดสำคัญๆ ที่ท่านจะนำออกมา อย่างท่านอาจารย์ลีนี้ท่านก็ว่า
    'ท่านลีนี้นะ กำลังใจดีมาก'
    ฟังสิกำลัง พลังของใจ นี่จะยกตัวอย่างให้ประกอบกับคำว่าพลังของธรรม ท่านเฟื่อง (ท่านอาจารย์เฟื่องชาวจันทบุรี เป็นอีกองค์หนึ่งซึ่งเคยอยู่ศึกษากับท่านอาจารย์มั่น) เป็นคนเล่าให้ฟัง เราไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย ท่านอาจารย์ลีนั่งอยู่ ท่านเฟื่ององค์หนึ่งและเด็กชื่อมนูญคนอนึ่ง อยู่นี่ แล้วท่านก็นั่ง ตอนนั้นก็คุยธรรมะกันเล็กๆ น้อยๆ นะ
    'เอ้อ เราจะพานั่งสมาธิ'
    ท่านอาจารย์ลีว่าอย่างนั้น 'เอ้า เข้าที่' (นั่งขัดสมาธิ) ท่านว่าอย่างนี้นะ ท่านอาจารย์เฟื่องเล่าให้ฟัง พอว่าอย่างนั้นองค์ท่านอาจารย์ลี ท่านไม่ได้นั่งหลับตานี่ ท่านไม่ได้นั่งเข้าที่ ท่านนั่งธรรมดา
    'เอ้านูญ! เข้าที่'
    พอนั่งปุ๊บปั๊บ เด็กเข้าที่นั่งสมาธิ ท่านคงเคยสอนมา ท่านอาจารย์เฟื่องนั่งอยู่ทางนี้
    'เอ้า เราจะให้ตัวลอยนะ'
    ท่านอาจารย์ลีกล่าว นี่ละ ที่ว่าพลังของจิต 'เราจะให้ตัวลอยนะ' พอว่าอย่างนั้น 'เอ้า ขึ้น...ขึ้น...' แล้วดูมือท่านนะ อาจารย์เฟื่องดู ท่านว่า ท่านทำมือด้วย
    'เอ้าๆ ขึ้น...ขึ้น...ขึ้น...'
    ท่านอาจารย์ทำมืออย่างนี้ ขึ้นจริงๆ เด็กคนนั้นนะ ตัวลอยขึ้นๆ ...แต่สูงขนาดนี้...นี่ละพลังของจิตที่ท่านอาจารย์มั่นว่า 'พลังของจิตท่านลีนี่ดีมาก'...ฟังสิ! พลังของจิตดีมาก นี่ละ พลังเป็นอย่างนี้ แล้วพอเด็กนี้ลงแล้ว ทางท่านอาจารย์เฟื่องก็คิดมั่นใจว่า
    'ยังไงท่านก็จะให้เราขึ้นคราวนี้ เราจะไม่ยอมขึ้น วันนี้ฝืนกัน'
    แล้วก็จริงๆ สักเดี๋ยวท่านอาจารย์ลีก็ว่า 'เอ้า เฟื่อง' ท่านเฟื่องปรารถในใจ 'ว่าแล้ว' ทางท่านอาจารย์ลีนั้นว่า 'เอ้าๆ ขึ้นๆ' ท่านอาจารย์เฟื่องว่า
    'มันจะขึ้นจริงๆ หว่า ! สู้ท่านไม่ได้ เราไม่ให้ขึ้นนะสิ แต่มัน...อันนี้มันโยกแล้ว มันแปลกๆ แล้ว' ท่านว่า
    'เราก็สู้ๆ แต่สู้อย่างไรก็...'
    อย่าให้พูดเถอะ (ขำ) ไอ้เรื่องแพ้อย่ามาพูดเลย คือเรื่องแพ้ท่านอาจารย์ลี ท่านเฟื่องว่า
    'อีกนิดหนึ่งนะ... ลงเลยนั่น หัวคะมำ ถ้าสมมุติว่าก้นเราไม่ขึ้น หัวเราต้องคะมำ'
    ท่านว่าอย่างนั้นนะ นั่นนะ เห็นไหม นั่นไม่ใช่เล่นนะ พอเสร็จแล้ว แล้วท่านก็ยืนอยู่นะ พอเห็นทางนั้นขยุกขยิกๆ มันจะขึ้นแต่ไม่ขึ้นนี่นะ พอเสร็จแล้วท่านก็หยุด พอหยุดแล้วก็นั่งละ
    'โอ๊ย ดื้อ' (หลวงตาพูดอย่างขบขัน) ท่านอาจารย์ลีพูดอย่างนี้ ท่านไม่พูดมาก 'เฮ้ย ดื้อ' (ขำ) ผมยังไม่ลืมอยู่นะ ท่านเฟื่องว่าท่านอาจารย์ลีมียิ้มอยู่บ้างนิดหนึ่ง
    นี่ละเรื่องพลังจิต อันนี้ก็จะเป็นได้บางราย...เพราะเป็นเรื่องภายนอก ใช้ภายนอกต่างหาก ตามแต่จริตนิสัยของใครที่จะใช้ในทางไหน ไม่ใช่หลักของศีล สมาธิ ปัญญา มรรคผลนิพพานจริงๆ อันนั้นเป็นหลักเพื่อจะละจะถอนกิเลส...
    กำลังจิตอันนี้มันเป็นเครื่องใช้แล้วแต่ใครจะมีนิสัยวาสนาไปทางไหน เช่นเหาะเหินเดินฟ้าดำดินบินบน ที่ท่านแสดงไว้ในอภิญญา ๖ หรือวิชชา ๓..."


    ขอขอบคุณ
    http://se-ed.net/pratongtum/5/bua05_17_02.htm

     
  9. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ได้โอนเงินที่มีผู้บริจาคร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯจำนวน 8000 บาท ไว้ได้รายชื่อครบจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

    โมทนา สาธุ กับทุกๆท่านครับ
     
  10. sira

    sira เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,331
    วันนี้ผมได้ฝากเงิน ผ่านเครื่องรับฝากเข้าบัญชี bay 3481232459 จำนวนเงิน 200บาทเพื่อร่วมบุญทุกๆๆอย่างเลยครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หลวงตามหาบัวท่านมีแม่ชีแก้ว เป็นอุบาสิกาที่ยอดคน
    ท่านหลวงปู่เทสก์ ท่านมีแม่ชีน้อย เป็นอุบาสิกาที่ยอดคน แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่านั้นเอง

    [​IMG]


    ลองอ่านประวัติท่านดูว่าทำไมท่านหลวงปู่เทสก์ ถึงเรียกท่านว่าแม่ชีใจสิงห์ เคยไปกราบท่านถึงเตียงนอนพร้อมคุณปราโมทย์ที่เขียนเรื่องตาม link ข้างล่างนี้ ท่านเมตตามาก ยิ้มตลอด ผมได้เกษาธาตุท่านมาพร้อมหนังสือคำสอน แต่ทุกวันนี้หนังสืออยู่ ส่วนเกษาธาตุกลับไปอยู่กับแม่ชีนานมากแล้วตอนที่ชีวิตยังมืดบอดจมปลักในอบายอยู่ ราว 17 ปีที่แล้วครับ บัดนี้เสียดายมาก คิดถึงท่าน แต่ได้ทราบว่าท่านละไปแล้ว คงเหลือแต่แนวทางปฏิบัติทิ้งไว้ให้ศึกษากันครับ ลองอ่านกันดู ยาวมากเลยให้ดูตาม link ก็แล้วกัน
    http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/95/41/

    แต่หากดูผลแห่งการปฏิบัตินั้นจิตท่านอยู่ขั้นใดให้ดูตามนี้ก็แล้วกัน ส่วนคำอธิบายในเรื่องนี้คือ ท่านพ่อ หมายถึงท่านหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ครับ

    ท่านพ่อเทศน์ว่า โลกกว้างไม่มีที่สิ้นสุด
    แต่ธรรมะนี้ปฏิบัติไปๆ มีที่สิ้นสุด
    ดิฉันจับหัวข้ออันนี้มาพิจารณาอยู่ตั้งนานหลายปี
    พิจารณาว่าโลกคืออะไร โลกอยู่ที่ไหน ธรรมอยู่ที่ไหน
    ท่านว่าอะไรๆ อยู่กับตัวเราทั้งหมด
    จิตเราก็ตันตื้อพิจารณาวนเข้าหาตัว
    อะไรคือคน พิจารณาไปๆ คนไม่มี มีแต่สมมุติ
    สมมุติเอาธาตุ 4 เป็นคน
    รู้ขึ้นมาอย่างนี้ พิจารณาธาตุ 4 เห็นดินแตกสลายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
    น้ำซึมซาบออกทุกขุมขน น้ำมูก น้ำหู น้ำตา สารพัดน้ำทั้งหลาย
    ไหลออกไม่หยุดหย่อนแตกสลายอยู่ตลอดเวลา
    พิจารณาธาตุไฟเป็นอย่างไร แสงอาทิตย์นั้นเรียกว่า ธาตุไฟ
    ความอบอุ่นภายนอกภายในมันเนื่องกัน นี่เรียกว่า ธาตุไฟ
    ธาตุลม เป็นอย่างไร
    คนเจ็บเป็นอย่างไร คนตายเป็นอย่างไร
    เราก็พิจารณาในเรื่องธาตุ อ้อ ลมพัดดินไป อัดรูลม มันจึงเจ็บที่นั่นที่นี่
    ต่อมาพิจารณาเรื่องขันธ์ 5 รู้ว่าธาตุ 4 ขันธ์ 5 มันเกี่ยวเนื่องกัน
    ถ้าจิตหลงวนเวียนอยู่ในขันธ์ 5
    เป็นเหตุให้เกิดอุปาทาน ยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตน
    เมื่อเกิดตัวตนขึ้นแล้ว เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ติดตามมาตามหน้าที่ของมัน
    พิจารณาอยู่หลายปี เกิดความรู้แจ้งในอริยสัจจ์ 4 แต่จะแจ้งจริงเพียงไรยังไม่ทราบ
    จึงนำความรู้ไปกราบเรียน
    ท่านพ่อบอกว่า ถูกแล้ว ให้เขียนไว้
    ดิฉันเขียนหนังสือไม่เป็น แต่เมื่อลองพยายามเขียนดูก็พอเขียนได้
    เขียนแล้วส่งขึ้นไปให้ท่านพ่อตรวจ
    ท่านอธิบายแก้ไขให้ความสงสัยค่อยหมดไปทีละน้อยๆ
    ดิฉันเป็นคนโง่ ไม่รู้อะไร
    ฟังท่านพ่อเทศน์แล้ว ก็เก็บเอามาคิดพิจารณากลับเข้ากลับออก
    บางเรื่องพิจารณาอยู่ตั้งหลายปีกว่าจะรู้ได้

    ข้อคิดในเรื่องนี้ของผมก็คือ การบรรลุธรรมไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้อดทนเวลาเป็นแรมปี สร้างบารมีกันนานแสนนานบางครั้งแลกกันด้วยชีวิตดูอย่างการปฏิบัติของแม่ชีน้อยเป็นต้น หากมีบารมีด้านใดที่ง่ายต่อการบำเพ็ญ และไม่ลำบากจนเกินไป ขอให้พวกเราตักตวงให้ได้มากที่สุด เช่นอย่างการช่วยเหลือสงฆ์อาพาธนี้ ก็ถือเป็นการสร้างบารมีกับพระสงฆ์นับว่าเป็นนาบุญอย่างที่สุดประการหนึ่ง หากวันหน้าบารมีทานเราเต็ม เหลือแต่ภาวนา ก็คงไม่นานนักหรอกที่พวกเราจะตามกันไปไม่รอนแรมหลงทางไปที่อื่นให้เสียเวลา...มุ่งตรงสู่หนทางที่สงบไม่มีชาติ ไม่มีภพ นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  12. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ขอแสดงการทำบุญร่วมกันของพี่ท่าน น้องท่านทั้งหลายครับ
    ประจำวันที่ 27 กรกฎาคม 2551 ครับ

    [​IMG]


    ทุกท่านมาถ่ายรูปพร้อมกันที่หน้าตึกกัลยาณิวัฒนา

    [​IMG]

    หลังจากนั้นมาก็มาอธิฐานจิตร่วมกัน เพื่อบุญกุศลครั้งนี้

    [​IMG]

    หลังจากนั้นก็สวดมนต์ไหว้พระ กล่าวคำขออนุญาตถวายอาหารฉันเช้าครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่ละมุมครับผม

    [​IMG]

    ตอนนี้ถวายอาหารเช้าแล้วครับ

    และพระท่านกำลังให้พรครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0326 2.JPG
      DSC_0326 2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      191.8 KB
      เปิดดู:
      2,013
    • DSC_0329.JPG
      DSC_0329.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.1 KB
      เปิดดู:
      1,918
    • DSC_0334.JPG
      DSC_0334.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111 KB
      เปิดดู:
      1,925
    • DSC_0335.JPG
      DSC_0335.JPG
      ขนาดไฟล์:
      115.3 KB
      เปิดดู:
      1,906
    • DSC_0336.JPG
      DSC_0336.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.6 KB
      เปิดดู:
      1,885
    • DSC_0337.JPG
      DSC_0337.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.3 KB
      เปิดดู:
      1,746
  13. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    มาต่อกันสักนิดครับ

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0338.JPG
      DSC_0338.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.1 KB
      เปิดดู:
      1,684
    • DSC_0339.JPG
      DSC_0339.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.4 KB
      เปิดดู:
      1,669
    • DSC_0340.JPG
      DSC_0340.JPG
      ขนาดไฟล์:
      116.2 KB
      เปิดดู:
      1,674
  14. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ท้ายสุดในส่วนที่ผมถ่ายภาพครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    นี่ครับใบเสร็จที่เราท่านร่วมกันทำบุญกันครับ


    อีกเดี๋ยวพี่ๆ ท่านคงนำรายละเอียดที่เราท่านได้ร่วมกันทำบุญกันครับ

    มีมากกว่านี้ครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0341.JPG
      DSC_0341.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.4 KB
      เปิดดู:
      1,748
    • DSC_0342.JPG
      DSC_0342.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.4 KB
      เปิดดู:
      1,730
    • DSC_0352.JPG
      DSC_0352.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.9 KB
      เปิดดู:
      1,854
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2008
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ผ่านพ้นไปอีกวันหนึ่งสำหรับกิจกรรมในวันนี้ เดี๋ยวรูปถ่ายจะทยอยลงมาให้ดูอีก งานนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมราวๆ เกือบ 70 คน เพราะหลังจากถ่ายรูปเพื่อเตรียมถวายสังฆทานเสร็จยังมีผู้มาสมทบอีกหลายคนเลยไม่ได้ปรากฏในรูป แต่พอดีวันนี้มีก๊วนบุญขนขนมมาเยอะ หลังจากถวายสังฆทานแล้วจึงมีขนมมาให้กินกันสบายไปต้องขอขอบคุณก๊วนบุญสามีภรรยาคู่นี้เป็นอย่างสูง คราวหน้าถ้าไม่รังเกียจจัดมาอีกน๊ะครับ


    ในเบื้องต้นนี้ ขอสรุปรายการทำบุญให้ รพ. และ เครื่องสังฆทานอาหารสำหรับกิจกรรมในวันนี้ดังนี้

    1. บริจาคซื้อเวชภัณฑ์ ส่วนกลางเข้า รพ. 9,000.-
    2. บริจาคซื้อเลือดถวายภิกษุอาพาธ 9,000.-
    3. บริจาคถวายเป็นสังฆทานอาหารพระ 4,550.-
    จำนวน 182 รูป เป็นอาหารกล่องๆ ละ
    25.-บาท

    รวมเป็นเงินที่ใช้สำหรับกิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ในครังนี้ 22,550.- โดยงบประมาณที่ตั้งใว้ในครั้งแรก 23,000.- จึงเหลือคืนเข้าทุนนิธิ 450.-

    และหากรวมจำนวนเงินข้างต้น กับจำนวนเงินที่บริจาคไปยัง รพ. 50 พรรษาฯ จ.อุบล และบริจาคสมทบกับกองทุนหลวงปู่เทสก์ฯ เพื่อนำไปรักษาสงฆ์อาพาธที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นที่ได้บริจาคไปก่อนหน้านี้แล้ว กิจกรรมในครั้งที่ 8 ในเดือน กรกฎาคมนี้ ใช้เงินทุนนิธิฯ ไปทั้งสิ้น 29,550.- (สองหมื่นเก้าพันห้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน)

    โดยจำนวนเงินคงเหลือในบัญชีทุนนิธิฯ จะได้นำมาสรุปลงให้ทราบในกระทู้ต่อไป และในวันนี้เองในงานกิจกรรม ก็ได้มีพวกเราและเพื่อนๆ รวมถึงญาติทั้งหลายที่บอกบุญต่อๆ กันมาร่วมบริจาคเพิ่มกันเข้ามาเพื่อสมทบทุนในกิจกรรมของทุนนิธิฯ นับเป็นเงินที่ได้รับแล้ว 19,718.- (หนึ่งหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสิบแปดบาทถ้วน) คณะกรรมการทุนนิธิฯ ก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทั้งผู้ที่บริจาค และผู้ที่บอกบุญทั้งหลายด้วยครับ โดยเงินที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมดนี้ คณะกรรมการทุนนิธิฯ จะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการให้ความช่วยเหลือเพื่อรักษาสงฆ์อาพาธ ตาม รพ.ต่างๆ ข้างต้นตามเจตนารมย์ในการก่อตั้งทุนนิธิฯ นี้ต่อไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุดครับ

    ก่อนจบ สำหรับนักเรียนฝึกดูพระก็คงจะได้รับประโยชน์ไปมิใช่น้อยในเรื่องความเข้าใจในพระพิมพ์ต่างๆ ซึ่งคอร์สคราวหน้า จะเป็นพระพิมพ์อะไรก็คงต้องรอกัน ส่วนการใช้จิตตรวจสอบพระ ท่านก็ได้เห็นของจริงจากน้องตาดี ไปแล้ว ในวันนี้ ก็เห็นได้เลยว่า จิตเกิดจากการฝึกฝน จากการที่ครูอาจารย์ทีดีคอยแนะนำ และไม่เกินความสามารถที่ท่านจะทำได้ ในส่วนบทพิสูจน์ที่ผมเคยบอกไว้ว่าท่านข้างบนบอกไว้ล่วงหน้าก็เป็นจริงทุกประการคือ
    1. วันนี้จะมีคนบริจาคเข้าทุนนิธิฯ เป็นจำนวนเงิน เกิน 10,000.-
    2. วันนี้ฝนจะไม่ตก ช่วงที่เราทำกิจกรรมกัน ท่านก็คงเห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร เพราะที่บ้านผมที่เขตทุ่งครุ ฝนมาตกในช่วงบ่ายครับ

    เพราะฉะนั้น บุญที่เราทำนั้น อย่าได้ประมาทครับ ท่านข้างบนรับรู้หมด ไม่ต้องกลัวว่าท่านไม่รู้ ขอให้ทุกท่านทำด้วยใจจริงเท่านั้น ผลบุญก็จะตามติดตัวท่านตลอดไป ไม่มีใครมาเอาไปได้ครับ สุดแท้แต่ว่าท่านจะต่อยอดบุญของท่านให้ถึงที่สุดอย่างไรเท่านั้นเอง



    ขอขอบคุณอีกครั้ง



    พันวฤทธิ์
    27/7/51
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้จะนำเสนอเรื่องของทศชาติ "พระมหาชนก" ตอนที่ 6 เป็นตอนสุดท้ายโดยทั้งหลายทั้งปวงที่นำมาเสนอนี้ ต้องขอขอบคุณเวบ http://www.larnbuddhism.com/buddha/mahasa6.html เป็นอย่างมากที่ได้จัดทำทั้งข้อมูลและรูปภาพประกอบเพื่อนำมาลงกันครับ ส่วนเรื่องต่อไปสำหรับทศชาตินั้น มะรืนนี้ค่อยว่ากันครับ




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 color="#000000"><TBODY><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80><CENTER>มหาชนก ๖ </CENTER><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=40></TD></TR><TR><TD width="100%">
    <TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG] [COLOR=#00000]และเครื่องทรงพระมหากษัตย์วางอยู่ และขณะนั้นก็ได้เห็นพระปัจเจกโพธิองค์หนึ่งดำเนินสวนทางลับตานางไป นางยังมิทันคิด แต่เมื่อเห็นเส้นพระเกศาและเครื่องทรง จึงคิดได้ว่าเมื่อกี้เห็นจะเป็นพระสวามีเป็นแน่ มิใช่พระปัจเจกโพธิจึงตรัสเรียกนางสนมกำนันว่า [/COLOR]
    [COLOR=#00000]
    [COLOR=#00000]
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]<V:p
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=3><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><!--Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2550 15:07:23 น.-->เปลี่ยนปัญหาเป็นปัญญา
    <!-- Main -->[SIZE=-1]"ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต"[/SIZE]

    [SIZE=-1]"ปัญหา"เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ [/SIZE]

    [SIZE=-1]การมองว่า "ปัญหา"เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เช่นเดียวกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเผชิญกับปัญหาได้โดยไม่ทุกข์มากนัก แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยน "ปัญหา" ให้กลายเป็น "ปัญญา" เพราะนอกจากจะไม่ทุกข์หรือ "ขาดทุน"แล้ว ยังได้ประโยชน์เป็น "กำไร"กลับมาด้วย [/SIZE]

    [SIZE=-1]ขอให้สังเกตคำว่า "ปัญหา" กับ "ปัญญา" นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ "ห" กับ "ญ" ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา" นั้นก็อยู่ใกล้กับ "ปัญญา" มากเช่นเดียวกัน [/SIZE]

    [SIZE=-1]ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือโจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้ [/SIZE]

    [SIZE=-1]คนทั่วไปนั้นเมื่อเจอปัญหาก็จะเป็นทุกข์หรือกลัดกลุ้มไปกับมัน แต่ถ้าลองตั้งสติและพิจารณาให้ดี ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญญาได้ไม่ยาก เมื่อ ๘๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียไว้ในจานเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยเรื่องไข้หวัด วันหนึ่งเขาพบว่ามีเชื้อราเข้าไปปนเปื้อนและทำลายแบคทีเรียที่เพาะเอาไว้ นั่นหมายความว่าเขาต้องเพาะแบคทีเรียขึ้นใหม่ [/SIZE]


    [SIZE=-1]"ปัญหา สร้างปัญญา"[/SIZE]

    [SIZE=-1]เจ้าเชื้อราตัวนี้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ แต่แทนที่จะโมโห เขากลับฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้ามันฆ่าแบคทีเรียที่เพาะในจานได้ มันก็ต้องกำจัดแบคทีเรียที่ในร่างกายคนได้เช่นกัน ปัญญาเกิดขึ้นแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ทันที นำไปสู่การค้นพบเพนนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะ ซึ่งในเวลาไม่นานสามารถช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้คืออเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่งนั่นเอง [/SIZE]

    [SIZE=-1]โลกก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต บางคนเป็นโรคหัวใจเจียนตาย ภัยร้ายได้บังคับให้เขาต้องหันมาทบทวนชีวิตของตน และพบว่าการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตัดขาดจากผู้อื่น และจมอยู่กับความหดหู่เศร้าหมอง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขามีอาการดังกล่าว เขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เข้าหาผู้คน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น และปล่อยวางความกังวลหม่นหมอง ไม่นานสุขภาพของเขาก็ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เขายอมรับว่า การเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา [/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม และชาญฉลาด [/SIZE]


    [SIZE=-1]"ปัญหาย่อมมีทางออก"[/SIZE]

    [SIZE=-1]ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ "ทางตัน" ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี "ทางออก" ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่ [/SIZE]

    [SIZE=-1]จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลายไม่ได้มีไว้ให้เราคร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ (ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว ได้ถามลูกว่า "รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม?" ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า "ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ" [/SIZE]

    [SIZE=-1]ความทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์ ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง[/SIZE]


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบตุณ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onemanlaw&group=10
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    ถังเหลืองแลกหุ้น
    <!-- Main -->[SIZE=-1]<LEFT><TABLE style="BORDER-RIGHT: #1e90ff 2px solid; BORDER-TOP: #1e90ff 2px solid; BORDER-LEFT: #1e90ff 2px solid; BORDER-BOTTOM: #1e90ff 2px solid" cellSpacing=10 cellPadding=5 <tr><TBODY><TR><TD><LEFT>ปั้นแต่งเป็นนักเล่นหุ้นประเภทแมงเม่า เคยบินเข้ากองไฟมาแล้วหลายหน แต่ด้วยจิตอาลัยอาวรณ์ เกิดใหม่ทีไรก็ยังเป็นแมงเม่าอยู่ร่ำไป ไปเกิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ใจมันรัก

    วันหนึ่งได้ไปร่วมงานบุญญาติที่วัด เห็นคนอื่นเขาถือถังเหลืองมาถวายพระทำสังฆทาน ก็พลันคิดได้ว่า อันความซวยที่มีเห็นทีเพราะมีเคระห์ จำสะเดาะให้หายซวยด้วยถังเหลือง คิดแล้วจึงรีบรุดไปซื้อถังเหลือง เอาชุดที่จัดไว้แล้วราคาถูกที่สุดมาถวายพระ

    เสร็จสมใจแล้วกลับไปนอนกินทุเรียนหมอนทองรอหุ้นขึ้น กินหมดทุเรียนไปส่วนหนึ่งแล้ว หุ้นก็ยังลง จึงตรงไปถามพัดทองว่า เป็นเพราะอะไร ทำไมสะเดาะแล้วเคราะห์ไม่หลุด

    พัดทองนั่งหัวเราะ "ทำบุณแลกหุ้นเหรอ ฝันสูงนี่" หัวเราะไม่พอ ยังส่ายหน้าด้วยเป็นของแถม

    "ทำบุญก็เรื่องของการทำบุญนะ เราทำบุญเพราะว่าเป็นเรื่องดีจึงทำ แล้วการถวายของ ควรดูของที่พระจำเป็นใช้ได้ประโยชน์ วัดนี้อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ต้องใช้ถังหรอก มีก๊อกน้ำทั่วถึง ชานี่พระหนุ่มก็ไม่กินหรอก ข้าวสารกับผงซักฟอกร้านเขาก็วางติดกัน วางนานจนกลิ่นผงซักฟอกมันเข้าไปในข้าวสาร หุงแล้วกินไม่ได้ ปลากระป๋องก็เก่าหมดอายุแล้ว ถ้ามีคนเอาของพวกนี้มาให้นาย นายจะทำยังไง ก็คงทิ้งไป แล้วจะมีบุญเกิดจากส่วนไหนล่ะ"

    "แล้วงั้นให้ทำไง" ปั้นแต่งถามเพราะไม่เคยเข้าวัด

    "สมัยนี้ใช้น้ำใช้ไฟ ก็ถวายค่าน้ำค่าไฟดีกว่า หรือหนังสือธรรมะ หรือสมุดปากกา เพราะพระเขาก็ศึกษาอยู่ หรือหลอดนีออนเอาไว้เปลี่ยนเวลาเสีย นี่แหละเป็นสังฆทาน คือเราถวายน้ำไฟให้พระทั้งวัดใช้เลย ไม่ได้เลือกเฉพาะว่าองค์ไหน ของถวายพระหรือถวายวัดเนี่ย เมื่อมีคนมาใช้สอย เราถึงจะได้บุญ ถ้าไปวัดต่างจังหวัดเราก็ดูว่าเขาขาดอะไร นั่นแหละดีที่สุด ให้ในสิ่งที่พระต้องการจริงๆมีประโยชน์จึงจะได้บุญ แต่ถ้ายังติดถังเหลืองอยู่ ก็ควรซื้อของต่างๆใส่ถังเองจะได้เลือกที่คิดว่าเป็นประโยชน์"

    ความจริง การถวายสังฆทานไม่ใช่การถวายถังเหลืองเท่านั้น สังฆทานนั้นสำคัญอยู่ที่การถวายโดยไม่เจาะจงว่าเป็นพระรูปใด เช่น เราตักบาตรตอนเช้า พระองค์ใดเดินมาก็ตักเลย ไม่ได้เจาะจงว่าจะใส่บาตรองค์นั้นองค์นี้ อย่างนี้ก็เป็นสังฆทานแล้ว"

    "ทำแล้วจะได้บุญเมื่อไหร่ นานมั้ย" ปั้นแต่งถาม จิตประหวัดถึงเรื่องหุ้น

    พัดทองหัวเราะ "เฮ้ย ทำบุญไม่เหมือนฝากแบงก์นะ จะได้เอาสมุดไปต๊อกดอกเบี้ยวันนั้นวันนี้ คิดดูนะ อย่างนายมีบุญอยู่แล้ว ดูร่างกายมีอะไรไม่สมประกอบบ้างหรือเปล่าล่ะ ชีวิตที่นายมีทุกวันนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร นี่ก็เป็นบุญที่นายเคยทำมาเองในอดีตนั่นแหละ ควรจะเห็นบุญคุณของบุญที่ตัวเองมีมั่ง ส่วนเรื่องหุ้น มันไม่ขึ้นเพราะนายทำบุญวันนี้หรอก ถ้าง่ายอย่างนั้น ป่านนี้คนเต็มวัดแล้ว"

    ปั้นแต่งหน้าจ๋อย จะเสียดายเงินค่าถังเหลืองดีมั้ยนะ

    "แต่นายก็ควรทำบุญนะ พระพุทธเจ้าท่านว่า อย่าดูถูกบุญเล็กๆน้อยๆ ว่าจะไม่ให้ผล เก็บน้ำทีละหยดยังเต็มตุ่มได้นะพวก ทำบุญเอาไว้บ้าง จะได้มีบุญไว้รักษาคุ้มครองเรา อย่ารอแก่แล้วค่อยทำ ใครจะไปรู้ได้ว่าจะมีโอกาสแก่หรือเปล่าจริงมั้ย อย่าทำเป็นเล่นไปเชียว คอยทำบัตรเติมบุญไว้มั่ง ไม่งั้นเดี๋ยวเจอบุญขาดมือแล้วจะแก้ตัวไม่ทันนะ เพื่อนรัก"</TD></TR></TBODY></TABLE>[/SIZE]
     
  19. MEA

    MEA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +660
    เมื่อวานมีโอกาสได้ไปร่วมทำบุญถวายปัจจัยและอาหารแก่พระภิกษ์สงฆ์ที่อาพาธ ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจกันของพี่ๆๆน้องๆๆผู้มาร่วมทำบุญกัน ทุกคนให้ความเป็นกันเองหมด แม้ผมจะพึ่งไปร่วมงานครั้งแรกก็ตาม ทุกคนมาด้วยใจจริงๆๆครับช่วยกันยก ช่วยกันหิ้วของถวายทำให้เรารู้สึกว่าได้บุญมากจริงๆๆครับ ยิ่งตอนพระท่านให้ศิลป์ ให้พร รู้สึกดีมากครับ แถมมีกิจกรรมดีๆอีก ทั้งใครสนใจเรื่องนั่งสมาธิติดขัดอะไรก็ปรึกษาพี่ใหญ่ได้ และใครชอบพระเครื่องก็มี อ.ปุ เป็นคนสอนดูพิมพ์พระและจุดสังเกตุหลักๆๆให้ แถมมีน้องตาดีมาตรวจพลังของพระเครื่องด้วยจิตให้ดูเห็นๆๆด้วย พี่ๆน้องๆคนไหนยังไม่มีโอกาสได้มาร่วมงานหาโอกาสมาร่วมทำกับมือตัวเองสักครั้งแล้วจะรู้ว่าเราได้บุญกันมากจริงๆๆค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2008
  20. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ขอเล่าเป็นความคิดเห็นของส่วนตัวเองครับ

    1. ตั้งแต่มาร่วมบุญกับพี่ๆ ท่าน ผมได้ชักชวนท่านที่รู้จักไปกันมาก

    แล้วผมก็ได้ผมเห็นคนที่เขาดีจริง กับตัวเอง

    ยอมรับด้วยตัวเองว่า พี่ๆ ท่านเก่งๆ กันครับ

    แต่พอชวนเขาๆ มากัน เขาก็ทำบุญกันมาหลายเดือน

    น้องที่มาความสามารถดูพระได้ครับ เห็นด้วย และรับรู้ได้ว่าดีหรือไม่ดีครับ

    2. พี่ที่อยู่ที่ทำงานผมยิ่งกว่า ชวนเขามา เขานั่งแปร็บหนึ่ง

    เขาก็บอกว่า ไม่รู้จะถามอะไร (ผมอยากให้คุยกับพี่ใหญ่ครับ)

    เราเองก็คิดว่า เขาคงไม่รู้อะไร แต่ไหนได้ คมจริงๆ

    นำพระไปให้เขาดู เขาก็สามารถบอกชื่อหลวงพ่อที่อธิฐานจิตได้ครับ

    แม้จะไม่มาก เขาก็ทำได้

    3. กลับมาที่ตัวนี่ซิ

    เห็นแล้วเฮ้อๆ ไปโน้น มานี่ ยังเหมือนเดิม

    ก็คิดเองละกันว่าท่านๆ จะไปอย่างไร ทางไหน

    ให้ทำบุญกันไปเรื่อยนะครับ

    วันหนึ่งวาสนาจะมีกับเราบ้างครับ

    ไม่ต้องไปถามใครๆ บ่อยๆ ครับ ถามตัวเองครับ เขาทำกันได้

    เราจะเอาบ้าง

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...