ของดีราคาถูก พระหลักร้อย พุทธคุณหลักล้าน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mayakarn, 22 กรกฎาคม 2011.

  1. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามเช้าครับ..คุณปู
     
  2. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    เดินทางปลอดภัยนะครับ
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,079
    ค่าพลัง:
    +53,094
    เมื่อกี้ เจ้านายมาบอกว่า ให้เตรียมตัวนะ จะต้องไปเซนต์สัญญางานที่เชียงใหม่อีกรอบ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,079
    ค่าพลัง:
    +53,094
    1.ชื่อเสียงของผู้ปลุกเสกสร้างพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลัง หากว่าเป็นหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้นก็จะมีราคาสูงตามผู้ที่ปลุกเสกไปด้วย
    2.ประสบการณ์ที่เกิดกับพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลัง บางทีตอนแรกหลวงปู่ครูบาอาจารย์ผู้สร้างไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่เมื่อมีผู้นำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ยิงไม่ออกบ้าง ถูกหวยรวยโชคบ้าง รักษาโรคหายบ้าง ก็จะทำให้ผู้คนทั้งหลายอยากได้ไปบูชาบ้าง ประสบการณ์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความถูกหรือแพง
    3.จำนวนการสร้าง แม้พระเครื่องนั้นจะมีประสบการณ์ดี มีผู้สร้างที่มีชื่อเสียง แต่ถ้ามีจำนวนมากก็จะมีราคาไม่แพง เพราะถึงแม้จะมีคนต้องการมาก แต่ก็มีจำนวนมากพอที่แต่ละคนจะพอเช่าหาได้
    4.การโฆษณาซึ่งเป็นความแพงที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล โดยเกิดจากบุคคลบางกลุ่มต้องการขายพระเครื่องให้ได้มากและราคาสูง โดยการทำเป็นหนังสือบ้าง ออกทีวีบ้าง ซึ่งทำให้บุคคลหลายคนหลงเชื่อ แม้ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม และเช่าพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้น

    ข้อสำคัญที่สุด คือ ตัวคุณเอง แม้จะเช่าพระมาแพงแค่ไหน มีชื่อเสียงเพียงใด แต่คุณไม่มีคุณธรรม บุญกุศลก็ไม่ทำ พระเครื่องหรือเครื่องรางใดๆคงยากที่จะช่วยคุณได้ เพราะของดีย่อมช่วยคนดีเท่านั้น แต่หากผู้ใช้เป็นคนดี หมั่นสร้างบุญกุศล มีคุณธรรม และเกิดนับถือศรัทธาหลวงปู่รุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่ไม่มีเงินเช่ารุ่นเก่าราคาแพง เขาอาจไปเช่าหลวงปู่ทวดมาราคาถูกๆ หรือแม้แต่ไปตัดรูปท่านมาเลี่ยมห้อยคอ และเขาเป็นคนดี มีศีล ศรัทธาพระองค์นั้นมาก พระนั้นก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดดังหลวงปู่ทวดรุ่นแรกได้ เพราะหากใจเรามีบุญกุศล บริสุทธิ์ เป็นพระพลังงานที่ดี พลังงานแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาทั้งหลาย ย่อมจูนเข้าหาเราได้ง่าย ย่อมโน้มลงมารักษาและแผ่บารมีคุ้มครองเราได้อย่างเต็มที่ ถ้าเทียบกันแล้วยังดีกว่าไปเช่าพระเครื่องมาราคาแพงซะอีก

    ดังนั้นความแพงหรือถูกของพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังจึงไม่เกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด เราสามารถหาพระดีราคาถูกได้ หากพิจารณาแล้วพบว่าผู้สร้างดี มวลสารดี และตัวเราผู้ใช้ดีมีความศรัทธาเชื่อมั่น ส่วนมนต์คาถาส่วนใหญ่เป็นกลอุบายมากกว่า ที่ช่วยทำให้เราได้ทำความดี สวดมนต์เพื่อเป็นสมาธิและได้สร้างกุศลและไม่ลืมภาษาบาลี เพื่อเราได้รักษามนต์คาถานั้นไว้ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และดำรงค์รักษาไว้ซึ่งศาสนาพุทธไม่ให้เสื่อมไปหรือสูญหายไปในที่สุด...

    ผมได้นำความรู้มาบอกกล่าวให้ทราบกัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่สาธุชนทั่วไป หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย (มีความคิดเห็นอย่างไร คอมเม้นได้ครับ)ขอบคุณครับ
    "การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง"

    เครดิต ท่าน Satangclub
     
  5. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435

    สวัสดียามเช้าครับพี่ตี๋ใหญ่..
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,079
    ค่าพลัง:
    +53,094
    ตอบ : อานุภาพของพระขึ้นอยู่กับคนทำ สมัยก่อนครูบาอาจารย์ ที่สอนสืบๆ กันมาตามสายของบูรพาจารย์แต่ละสายจะมีความสามารถที่ต่างกันไป ยกตัวอย่างของเมืองกาญจน์ กาญจนบุรีช่วงที่ผ่านมาเขาบอกว่า อยากเจ้าชู้ให้ไปวัดเหนือ อยากเป็นเสือให้ไปวัดใต้ วัดเหนือคือวัดเทวสังฆาราม วัดเทวสังฆารามนี่เขาถนัดทางเมตตามหานิยม ส่วนทางด้านวัดใต้คือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม เขาถนัดในทางคงกระพันชาตรี

    คราวนี้ตามสายครูบาอาจารย์ที่สืบๆ กันมาแล้วส่วนใหญ่ ก็เป็นเพราะว่าใช้กำลังใจกำลังสมาธิของตัวเองทำ ในเมื่อคนที่นิยมเหมือนกันกำลังใจกำลังสมาธิไปแบบเดียวกัน ถึงเวลาทำมันก็จะออกมาแบบเดียวกัน มันก็เลยมีผลต่างกันไป แต่ว่า จะมีบางประเภทที่ท่านรู้จริงแล้วจะไม่ใช้กำลังของตัวเอง แต่ว่าถึงเวลาแล้วจะอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ให้ ถ้าประเภทนี้นี่ได้ทุกทาง ทำยังไงก็ได้ แต่ว่าถ้าหากเป็นไปตามสำนักตามรูปแบบที่เขาสืบทอดกันมาแต่โบราณๆ ส่วนใหญ่เขาลุยเดี่ยวกัน ที่เขาเรียกว่า นั่งปรกคนเดียวปลุกเสกเดี่ยวอะไรกันประเภทนั้นน่ะ คือว่ามันก็จะมีอานุภาพไปตามที่ตัวเองศึกษามา

    คราวนี้แต่ละอย่างในเมื่อไม่เหมือนกัน แขวนหลายๆ องค์ มันก็เผื่อเหนียวไว้ได้ล่ะนะ ประกันความเสี่ยง วันนี้จะไปจีบสาวก็ขอองค์ขุนแผนช่วยหน่อย วันนี้จะไปตีกับชาวบ้านเขาก็อาจจะเล่นโน่น... ยอดธงหรือ พระมเหศวรเศียรกลับ อะไรทำนองนั้น คราวนี้พระหลายๆ องค์ บางคนบอกว่าบางทีท่านทะเลาะกันก็เลยไม่ช่วยเรา ไอ้นั่นมันเอากิเลสชาวบ้านไปปนกับพระได้ยังไงก็ไม่รู้ ตัวเองไม่ค่อยสามัคคีกับคนอื่นเขาก็เลยพลอยคิดว่า คนอื่นก็อาจมีนิสัยเหมือนกับตัว สรุปรวมกระทั่งพระเจ้าก็จะให้มีนิสัยเหมือนกับตัว ก็เลยแปลว่าหลายๆ องค์อาจจะทะเลาะกัน นั่นเป็นความคิดของเขานะ ไม่ใช่เรื่องจริง

    แต่ด้วยอานุภาพของพระที่ต่างๆ กันไป มันเนื่องจากว่าท่านที่ทำท่านถนัดแบบไหน หรือต้องการให้เด่นไปทางไหนก็จะกำหนดใจให้เป็นไปตามด้านนั้น ถ้าอานุภาพของพระด้วยกันทั้งหมดแล้ว ด้านเมตตามหานิยมทำยากที่สุด เพราะว่าตัวเมตตาต้องออกมาจากใจของคนทำจริงๆ ถึงจะมีผล คราวนี้ว่าถ้าหากว่าใช้ในลักษณะแบบที่เรียกว่าไสยศาสตร์มันมีผล มันไม่นาน แต่ว่าถ้าหากว่าจะเอาในลักษณะได้ผลนานเลยจริงๆ ต้องเป็นเมตตาที่เกิดจากกำลังใจของตัวเองเข้าถึง ในเมื่อกำลังใจของตัวเองเข้าถึงจุดนั้น อธิษฐานให้เป็นอย่างนั้นมันก็เป็นไปได้ ถ้าถามว่าอันไหนทำยากที่สุด ขอยืนยันว่าตัวเมตตาทำยากที่สุด ต้องเป็นกำลังใจแท้ๆ ของเรา

    ถาม: กำลังใจแท้ๆ ของเรานี่หมายถึงคนทำหรือคะ ?

    ตอบ: คนทำ คนที่ปลุกเสก ถ้าหากว่ากำลังใจท่านประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เต็มเปี่ยมจริง ๆ ละก็ ต่อให้ไม่ตั้งใจให้เป็นเมตตามหานิยมมันก็เป็น บุคคลที่ละรัก โลภ โกรธ หลงได้ แล้วไปไหนมีเสน่ห์ทั้งนั้น ในเมื่อไปไหนมีเสน่ห์อยู่แล้ว อย่างพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนมีแต่คนรัก มีแต่คนกราบไหว้บูชาเป็นปกติ ก็ไม่เห็นจะต้องไปตั้งหน้าตั้งตาทำอะไร มันเป็นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

    ถาม: งั้นพระที่ไม่ได้รับการปลุกเสกล่ะคะ ?

    ตอบ: ถ้าหากว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าจะมีเทวดารักษาอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่จำเพาะเจาะจงเหมือนกับสาธารณะสมบัติ ตู้โทรศัพท์หนึ่งตู้สมบัติของคนทั้งประเทศพักเดียวพังใช่มั้ยล่ะ แต่พระที่ผ่านการปลุกเสกนี่ถ้าหากว่าตามแบบที่หลวงพ่อท่านสอนมา ถึงเวลาจะอัญเชิญบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดาช่วยสงเคราะห์

    คราวนี้ถึงเวลา ท้าวสหัมสบดีพรหม ที่เป็นใหญ่เหนือพรหมทั้งหลายกับ พระอินทร์ที่เป็นใหญ่เหนือเทวดาทั้งหลาย ก็จะมารับคำสั่งจากพระว่า วัตถุมงคลแต่ละชิ้นจะจัดสรรปันส่วนให้เทวดาองค์ไหนรับผิดชอบส่วนนั้นไป เทวดาแต่ละองค์อายุอย่างต่ำๆ ก็เป็นร้อยปีทิพย์ คราวนี้ร้อยปีทิพย์ของท่านนี้ต่ำสุดของท่านนี่วันหนึ่งเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ เอา ๕๐ ปีคูณ ๓๐ คูณ ๑๒ คูณ ๑๐๐ นับตัวเลขยากจัง อายุท่านยืนยาวขนาดนั้น เลยกลายเป็นว่าเมื่อดูแลวัตถุมงคลชิ้นนั้น เลยมีอานุภาพที่ขลังและยาวนาน สามารถที่จะให้ผลในด้านต่างๆ ที่ผู้ติดตัวไว้ตั้งใจอธิษฐานหรืออาราธนาขอ

    เมื่อทำดังนั้นแล้ว สิ่งที่พระหรือพรหมหรือเทวดา ท่านสงเคราะห์จำเป็นต้องอาศัยพื้นฐานทางจิตใจของเรามากที่สุด ถ้าหากว่ากำลังใจของเราดีเป็นผู้มีศีลมีธรรมเป็นปกติอยู่แล้ว ตั้งใจอาราธนานึกถึงด้วยความเคารพ ก็เหมือนกับว่าเราเปิดเครื่องรับ พระเครื่องเป็นเครื่องส่ง เครื่องส่งๆ กำลังเต็มที่เป็นปกติอยู่แล้ว สำคัญตรงเครื่องรับว่ารับได้แค่ไหน ? ก็เลยกลายเป็นว่าพระรุ่นเดียวกัน บางคนเอาไปใช้ โอ๊ย อยู่ยงคงกระพัน ยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า แต่บางคนเอาไปใช้โดนเขาจ้วงมาเลือดโชกไปเลย มันขึ้นกับกำลังใจของคนรับว่าเปิดรับได้แค่ไหน

    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ท่านเคยเปรียบเทียบว่า ถ้ากำลังใจสูงสุดปืนยิงไม่ออก ท่านเรียกว่า มหาอุตม์ ถ้าต่ำลงมาหน่อยหนึ่งยิงออกไม่ถูก เขาเรียกว่า แคล้วคลาด ต่ำลงมาอีกหน่อยหนึ่งยิงถูกไม่เข้านี่คงกระพัน ยิงถูกไม่เข้านี่ห่วยแตกแล้วนะ ต่ำลงมาอีกยิงเข้าไม่ตาย คือผ่อนจากหนักเป็นเบา เคราะห์หนักก็เป็นเคราะห์เบาได้ ข้อสุดท้ายเฮงซวยหน่อยถึงตายก็ยังไปสวรรค์เพราะจิตเกาะพระอยู่ ก็เลยแบ่งออกเป็นระดับๆ อย่างนี้ ขึ้นกับเราเอง




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
     
  7. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    ยังคงเป็นองค์เดิมคร๊าบบ

    [​IMG]
     
  8. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม....


    ภาพสวยเหมือนเดิมเลยครับพี่ปู ^^




    [​IMG]



    [​IMG]
     
  9. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    [​IMG]

    เหรียญพระสิงห์ สื่อสารทหารอากาศ เชียงใหม่

    เหรียญนี้ผู้สร้างได้นำเข้าพิธีพระ 60ปีธรรมศาสตร์ ณ.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และได้นำมาให้หลวงปู่เกษมมนต์อีกวาระหนึ่ง

    ปัจจุบันพระ60ปี ธรรมศาสตร์(พิธีใหญ่มาก) ทั้งพระกริ่ง เหรียญ ล้วนมีราคาแพง เหรียญนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกคร๊าบบ


    ที่มา:ศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่371
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,079
    ค่าพลัง:
    +53,094
    เหรียญสวย ข้อมูลน่าสนใจมากครับพี่ปู
     
  11. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    อิจฉาจังได้ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาว เดินทางปลอดภัยคร๊าบบ
     
  12. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435


    เหรียญเหรียญพระสิงห์งดงามมากครับพี่ปู...


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  13. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***เหรียญนี้ น่า สนใจมากครับ พี่***
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***สาธุ......................จ้า***
     
  15. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***พิมพ์นิยม ซะด้วย ชอบครับ***
     
  16. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    [​IMG]


    [​IMG]
     
  17. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    [​IMG]



    [​IMG]


    “ข้าว” มีคุณอนันต์กับคนเรามาตั้งแต่ยุคพระเจ้าสร้างโลก ความจริงโลกเราก็คงอยู่ของมันอย่างนี้แหละ แต่หลังจากไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกแล้ว “อาภัสราพรหม” ที่ท่องเที่ยวผ่านมา ได้กลิ่นหอมของดินเผาไฟ อดใจไว้ไม่ได้ก็แวะมาชิมดู...

    ท่านผู้อ่านคงจะพอจำกันได้ เมื่อหลายปีก่อนมีโฆษณาชิ้นหนึ่งขึ้นต้นด้วย “มีทุกข์ในเรือนกาย มีความตายในดวงตา น้ำนมแห่งมารดา ในสายเลือดยังเหือดหาย...” ลงท้ายด้วย “ดินเอ๋ยโอ้ดินนี้ ยังพอมีให้แบ่งปัน...” แล้วมีภาพเด็กกินดินกันอยู่... โฆษณาชุดนี้ฮือฮามาก ถึงขนาดผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยุคนั้น ออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่า ประชาชนใต้การปกครองของท่าน อยู่ดีกินดีกันทั่วหน้า ไม่มีทางอดอยากขนาดกินดินกันหรอก โถ...ท่านไม่รู้อะไรน่ะ...! เด็ก ๆ เหล่านั้นรักษาสายเลือดบรรพบุรุษกันต่างหาก พออาภัสราพรหมกินดินเข้าไป ของหยาบก็ทำให้กายทิพย์หยาบ เหาะกลับพรหมโลกไม่ได้ พอนานไปก็ปรากฏเพศชัดว่าใครเป็นหญิงใครเป็นชาย เลยช่วยกันผลิตบรรพบุรุษให้เราอย่างไรเล่า...!

    พอจำนวนมากเข้าดินไม่พอกิน อาศัยบุญเก่าก็เกิดมีต้นข้าวเกิดขึ้น ข้าวสมัยนั้นเป็นข้าวสารเลย ไม่มีเปลือก ใครหิวก็ไปเก็บมาหุงกินกัน นานไปมีคนโลภกักตุนข้าวกันขึ้น ข้าวคงหมั่นไส้เลยเกิดเปลือกหุ้มเมล็ดอย่างทุกวันนี้...

    เห็นไหมล่ะ...ว่าคนเรากินดินมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และข้าวก็มีมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว ดังนั้น...การที่เด็กกินดินก็ไม่ใช่ของแปลก ทุกวันนี้เขาก็ยังกินดินกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ และบรรดาคุณแม่ทั้งหลาย ใครแพ้ท้องอยากกินดินขึ้นมา คนแก่คนเฒ่าเขาว่าเด็กเป็นพรหมมาเกิดเชียวนะจะบอกให้...

    ข้าวเป็นสัญลักษณ์แทนความมั่งคั่งบริบูรณ์ สมัยพุทธกาลเขานับข้าวเป็นทรัพย์ประเภทเดียวกับเงินทองเลยเชียว มาสมัยนี้ ข้าวยังคงใช้เป็นเคล็ดของความสมบูรณ์พูนสุขเช่นเดิม พิธีกรรมต่าง ๆ มักมีข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสุก เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ... ในเมื่อถือกันว่าข้าวเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งบริบูรณ์ โบราณท่านจึงมีการนำข้าวมาใช้ในพิธีต่าง ๆ เสมอ ทางพระก็มีการสร้างรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการใช้ข้าวมาเป็นส่วนผสมเช่นกัน...

    รูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เกิดจากข้าวเป็นส่วนผสม ที่โด่งดังที่สุดคือ “สมเด็จวัดระฆัง” นั่นเอง ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านใช้ข้าวคำที่รู้สึกว่าอร่อย คายออกมาตากแห้ง บดเป็นผงผสมทำพระ จนเกิดสมเด็จวัดระฆังออกมา... ในสมัยต่อมามีหลายท่านที่เจริญรอยตาม ด้วยการทำพระจากส่วนผสมของคำข้าวบ้าง แต่จะหาใครที่โด่งดังเทียบเท่าต้นตำราไม่ได้เลย ของต้นฉบับกลายเป็นที่ต้องการมาก จนเกิดการทำเลียนแบบขึ้น ของปลอมเลยเต็มตลาด...

    “หลวงพ่อ” เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ปานก็สร้างพระจากคำข้าวเช่นกัน แต่หลวงปู่ทำแค่องค์เดียวเท่านั้น เวลาหลวงปู่ฉันข้าว ถ้ารู้สึกว่าคำไหนอร่อยก็จะคายเก็บไว้ ตากจนแห้ง ทำอย่างนี้ตลอดสามเดือน แล้วเอาข้าวตากมาตำเป็นผง... จ้างช่างมาปั้นผงเป็นพระพุทธรูป ได้องค์เล็กหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว จากนั้นหลวงปู่ก็ทำพิธีบวงสรวงขอบารมีพระและเทวดาช่วยรักษา แล้วสั่งว่า เวลาท่านไม่อยู่ ถ้าอาหารในโรงครัวไม่พอฉัน ให้จุดธูปขอกับหลวงพ่อคำข้าวนี้ จะได้อย่างใจทุกอย่าง...

    สมัยนั้นหลวงปู่ไปช่วยสร้างวัดสร้างโบสถ์ต่างจังหวัดไกล ๆ ไปทีหลายเดือนกว่าจะกลับ พอหลวงปู่ไม่อยู่ก็เกิดลาภผลน้อย ไม่พอจะเลี้ยงพระในวัด ท่านจึงเมตตาทำหลวงพ่อคำข้าวขึ้นมา หวังจะให้สงเคราะห์เวลาท่านไม่อยู่...

    “หลวงพ่อ” ท่านชอบพิสูจน์ ดังนั้นอาหารยังไม่ทันจะขาด ท่านก็จุดธูปขอซะแล้ว จะเอากับข้าวชนิดไหน จากบ้านเหนือบ้านใต้ ได้อย่างใจทุกครั้ง ขอเพลินจนถูกหลวงปู่ซัดด้วยไม้เท้า ไหนว่าไปนาน ทำไมแค่สี่วันมาซะแล้ว...! หลวงปู่บอกว่าเทวดาไปฟ้อง ว่าทำตัวไม่สมกับเป็นพระ ติดในรสอาหารจนเกินพอดี แล้วเทศน์กัณฑ์มหาราชซะหูอื้อไปตาม ๆ กัน ขามาจากเขาวงพระจันทร์ มาอย่างไรก็ไม่รู้เร็วจัง พอเทศน์เสร็จต้องประคองไปส่งกุฏิ หลวงปู่ขาไม่ค่อยดีเดินไม่ค่อยไหว...!

    พอฟังประวัติ อาตมาก็อยากได้หลวงพ่อคำข้าวขึ้นมาทันที ถ้าได้มาจะขอยำหัวปลีกับผักบุ้งต้มจิ้มพริกน้ำปลามะนาว อยากฉันมานานแล้ว แต่หลวงพ่อคำข้าวอยู่วัดบางนมโค อาตมาเลยฝันค้างไปคนเดียว...ฮิ...ฮิ...

    ปลายปี ๒๕๓๒ อยู่ ๆ “พระ” ท่านก็มาบอกให้หลวงพ่อทำพระคำข้าวขึ้นมาบ้าง เวลาฉันท่านจะมาชี้เอาคำข้าวคำนี้กับข้าวอย่างนี้ เสกด้วยคาถาบทนี้ แล้วเก็บตากแห้งไว้ ให้ช่างออกแบบพระมาให้เลือก ดูว่าจะเอาแบบไหนดี... ในที่สุดก็ได้แบบพระสี่เหลี่ยมองค์ขนาดหัวแม่มือ ด้านหน้าเป็นพระพุทธชินราช ด้านหลังเป็นภาพหลวงพ่อนั่งอยู่ในกระจังรูปคล้ายพัดยศ จำนวนพระ ๑๐๐,๐๐๐ องค์ กะว่าจะแจกกันให้หนวดหงอกไปเลย ดูซิว่าเมื่อไรจะหมด...!



    พิธีพุทธาภิเษกทำที่วิหารร้อยเมตรในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๓ เวลา ๑๘.๐๐ น. มีพระครูรูปหนึ่งจากจังหวัดนนทบุรี ขออนุญาตนำวัตถุมงคลของวัดท่านจำนวน ๑ คันรถ มาเข้าพิธีด้วย ซึ่งหลวงพ่อก็อนุญาตด้วยดี... เช่นเดียวกับทุกครั้ง อาตมาจะนำวัตถุมงคลส่วนตัวไปร่วมเข้าพิธีด้วย ในวิหารร้อยเมตรแบ่งวัตถุมงคลเป็นสองที่ คือของท่านพระครูและบุคคลภายนอก ๑ ที่ ของวัดอีก ๑ ที่ แต่ก็อยู่ชิดติดกันนั่นเอง...

    อาตมาแบกลังวัตถุมงคลส่วนตัว เข้าทางด้านหลังพระประธาน มองไปเห็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เหลืองอร่ามไปหมด ก็ตั้งใจว่าจะวางลังไว้ใกล้ ๆ พระพุทธรูป พอเดินไปถึงอาตมาก็วางลังลงแล้วก็ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นเอง...?!? จะไม่ให้งงเป็นไก่ตาแตกได้อย่างไร...? ในเมื่อวางลังวัตถุมงคลลงในกองแล้ว อาตมาไม่เห็นมีพระพุทธรูปแม้แต่องค์เดียว...! เหลียวไปดู...อ้าว...มาอยู่ข้างหลังนี่เอง แล้วอาตมาเดินผ่านไปตั้งแต่เมื่อไร...ของตั้ง ๑ คันรถเชียวนะ...! ประหลาดดีแท้...ของก็วางเต็มหมด ไม่มีทางหลบหลีกไปทางไหน อาตมาเดินมาตรง ๆ กลับฝ่าของกองมหึมาไปโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไรเลย ดังนั้น...แทนที่จะวางรวมกับของท่านพระครู ก็กลายเป็นวางกับกองของวัดจนได้ ถูกบังคับนี่นา...!

    พอพุทธาภิเษกเสร็จ คราวนี้เกิดสงครามย่อย ๆ ขึ้นทันที ต่างคนต่างต้องการพระ เธอถุงฉันถุง ฉันยังไม่ได้นะ ขอฉันสองถุงซิ...แบงค์ห้าร้อยปลิวให้ว่อน อย่างกับเกิดการรบระหว่างอิรักกับคูเวตขึ้นกลางวิหาร ๑๐๐ เมตร ก็ไม่ปาน...! พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาศิษย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ของดีของขลังของท่านจึงมักตั้งราคาต่ำสุดไว้ก่อน เพื่อจะได้มีกันโดยทั่วถึง คราวนี้ก็เช่นกัน พระคำข้าวชุดนี้ตั้งราคาไว้องค์ละ ๑๐ บาท เหมือนเดิม (มาตรฐานวัดท่าซุง)

    พระหนึ่งแสนองค์หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน...! คิดว่าจะได้แจกจ่ายสักหลายปี กลับหมดลงแทบจะทันทีที่ปลุกเสกเสร็จ ราคาแพงขึ้นทันทีอย่างน่ากลัว ทันทีที่หมดก็มีคนให้องค์ละ ๑,๐๐๐ บาท เข้าไปแล้ว...! “หลวงพ่อ” ทราบดังนั้นจึงมีเมตตาเตือนว่า “อย่าไปซื้อเขาแพง ๆ เลยลูก มันหมดเปลืองโดยใช่เหตุ เอาไว้ในพรรษาหลวงพ่อจะทำให้ใหม่ อดใจรอหน่อยนะลูกนะ...” สาธุ...พระเดชพระคุณท่าน ช่างเมตตาเหลือประมาณ...

    อาตมาพอได้พระคำข้าวมา ก็ฝากแม่เบ็ญ (คุณเบ็ญจา วิบูลย์พันธุ์) ให้ไปทำกรอบทองให้ ผลออกมาคือช่างฝีมือห่วยชะมัดเลย อาตมาแค่บ่นว่า “ไม่สวยเลยแม่...” เท่านั้นเอง พระที่พกไม่ถึงครึ่งวัน ปาฏิหาริย์อันตรธานไปเมื่อไรก็ไม่รู้...หาเท่าไรก็ไม่เจอ...! ตั้งใจกราบขอขมา บนหลวงพ่อสี่พระองค์ขอให้ได้พระคืน ก็ได้ดังใจไม่ทันข้ามวัน เพราะน้าเล็กเห็นอาตมานั่งหน้าเหี่ยวแล้วสงสาร เอาของตัวเองถวายอาตมาซะเลย องค์นี้ไม่หายแน่ ๆ เพราะสวยถูกใจ...แฮ่...แฮ่...

    พระคำข้าวรุ่นนี้มีอานุภาพคือ “ให้ลาภ ปลอดโรค ศัตรูพินาศ” คือถ้าเราเชื่อถือมั่นคงจริง ๆ หมั่นบูชาด้วยความเคารพ ลาภผลเงินทองจะไหลมาเทมา โดยเฉพาะขอจากงานที่ทำ มีหลายรายต้องขอให้เบาลง เพราะทำไม่ไหว...! ส่วนด้านโรคภัยไข้เจ็บ อาราธนาบารมีท่านคุ้มครองป้องกันได้ หรือถ้าป่วยอธิษฐานทำน้ำมนต์กินก็หาย ศัตรูคิดร้ายจะแพ้ภัยไปเอง ของแบบนี้พิสูจน์ซะก่อนแหละเป็นดี จะได้ไม่ว่าอาตมาโฆษณาชวนเชื่อสิ่งเหลวไหล...

    ด้านลาภผลเงินทองอาตมาเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตั้งแต่ได้พระมา รับเงินเกินหมื่นหลายวาระด้วยกัน รายที่หนักที่สุดช่วยใช้หนี้แทนทีหนึ่งห้าหมื่นบาท ที่ถวายเป็นทองรูปพรรณก็มี รวยไม่รู้เรื่องละคุณเอ๋ย...! ยังดีที่อาตมาใช้เงินเป็น พอรับมาก็หายวับไปกับตา ไม่ชอบให้คั่งค้าง ตอนนี้ก็กำลังมองงานใหญ่เอาไว้ ปลายปีนี้ได้ลุยแน่ และหลวงพ่อกำลังทำผงพระรุ่นใหม่อยู่ ได้ยินว่าปลายปีคงได้เช่นกัน เอาเถอะ...ญาติโยมรวย พระก็สบายไปด้วย...

    “หลวงพ่อ”บอกว่า “พวกคุณถ้าจะขอเรียนวิชานี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดอย่างไร เพราะตอนเสกคำข้าว “พระ” ท่านจะมาชี้เองว่าเอาข้าวตรงนี้ กับอย่างนี้ เสกด้วยคาถาบทนี้ รุ่งขึ้นเปลี่ยนอีกแล้ว บางทีเหมือนกันสิบกว่าวัน อ้าว...เปลี่ยนบทใหม่อีกแล้ว...”

    “ไม่เป็นไรครับหลวงพ่อ...หลวงพ่อทำพระไว้เยอะ ๆ แล้วกัน ญาติโยมเขาคงกักตุนไว้เผื่อลูกเผื่อหลานของเขาเอง ในเมื่อต่างคนต่างมี ถึงสิ้นหลวงพ่อแล้วก็คงไม่เดือดร้อนถึงพวกผม ที่จะต้องมาสร้างเองหรอกครับ...” “หลวงพ่อ” หัวเราะชอบใจบอกกับพระปลัดวิรัชว่า งวดนี้ให้ทยอยทำไปเรื่อย ๆ “เอาสักห้าล้านองค์ดีไหมหว่า...?” หลวงพ่อถามแบบนี้ พระปลัดท่านถือว่าอนุญาตเลย มีหวังร้านรับพิมพ์พระหากินกับวัดท่าซุงวัดเดียวก็พอแล้ว...!

    ความปรารถนาของหลวงพ่อคือ ต้องการให้ญาติโยมมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนเราพอไม่หนักใจในการดำรงชีวิต เขาก็มีแก่ใจให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเอง เงื่อนไขการใช้พระก็ต้องหมั่นสวดมนต์ – ไหว้พระ เท่ากับบังคับกันอยู่แล้ว...

    ใครจะโจมตีว่าเครื่องรางของขลัง การเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมากเป็นเดรัจฉานวิชา ก็โปรดดูอุบายแฝงที่ทำให้คนปฏิบัติความดีด้วย ถ้าท่านยังไม่ยอมเข้าใจก็เชิญท่านตามสบาย เพราะการหลับหูหลับตากัดเขาท่าเดียว ก็ไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉานเท่าไรนัก...! หรือท่านผู้อ่านมีความเห็นว่าอย่างไร...?


    ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    พระพิมพ์หลวงปู่ปาน รุ่นสู่พุทธภูมิ

    ปลุกเสกพิธีใหญ่ เสาร์ 5 วันที่ 27 มีนาคม 2536
    จัดสร้างโดย พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค
    โดย มี พระเกจิคณาจารย์ ร่วม ปลุกเสก มากมาย อาทิ
    1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
    2.หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา
    3.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา
    4.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    5. พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค จ.อยุธยา
    6. หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย จ.อยุธยา
    7.พระครูกิตติธรรมธาดา (เจ้าอาวาสวัดเจ้าแปดทรงไตรย์) จ.พระนครศรี
    อยุธยา
    8.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา

    มวลสาร ได้แก่

    1.พระเนื้อดินที่ หักชำรุดหลวงพ่อปาน
    2.พระเนื้อดินที่หักชำรุดของ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดนอก
    3.พระกรุเนื้อดินต่างๆ ที่หักชำรุด
    4.พระที่หักชำรุดของ หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค
    5.พระ เนื้อดินรุ่นสู่มาตุภูมิปี 33 ที่หักชำรุด โดยมี หลวงพ่อฤาษีฯเสก และ อุด ด้วยผงพุทธคุณเก่า ของหลวงพ่อปาน ผงเก่าหลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค ผงพุทธคุณ เขียนลบตามสูตรหลวงปู่ปาน ของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ท่านมอบให้ตั้งแต่ ปี 33 ผงวิเศษของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก และ ผงพุทธคุณ ของหลวงปู่ ทิมวัดพระขาว
    พระมีทั้งหมด 6 พิมพ์ ได้แก่
    1.พิมพ์ทรงไก่ หาง 5 เส้น และหาง พวง
    2.พิมพ์ทรง หนุมาน
    3.พิมพ์ทรง ปลาใหญ่
    4.พิมพ์ทรง ครุฑ
    5.พิมพ์ทรง เม่น
    6.พิมพ์ทรง นก


    ที่มา:พิมลราชพระเครื่อง

    ปัจจุบันพระหลวงปู่ปานมีราคาแพง ท่านผู้รู้กล่าวว่า หากศรัทธาหลวงปู่จริงๆและไม่มีปัจจัยพอที่หาพระที่ทันหลวงปู่ ก็พึงหาพระย้อนยุคเถิดหากเคารพศรัทธาจริงก็มีอานุภาพเหมือนพระที่ทันหลวงปู่ทุกประการคร๊าบบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,079
    ค่าพลัง:
    +53,094
    ภาพออกมาได้ฟิว มากๆครับ
     
  20. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามเย็นครับคุณปูและทุกๆท่าน
    ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณปูด้วย มีอยู่ข้อความหนึ่งของคุณปู ตั้งใจกดอนุโทนาแต่ได้กดผิดเป็นไม่เห็นด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...