การโทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาวในประเทศไทยและหลักฐานการพิสูจน์ UFO

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 14 กันยายน 2005.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    รูปธรรมที่แตกต่างกัน...

    มนุษย์ต่างดาวส่วนมากจะมีสมอง1ก้อน ต่างกับรูปธรรมมนุษย์ที่มีสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวา เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกเขาถูกโปรแกรมให้มีหน้าที่เฉพาะ หรือเกิดมาก็มีทางเลือกเส้นทางเดียว เช่นเป็นนักวิทยาศาสตร์ หรือเป็นนักพฤกษาศาสตร์ หรือเป็นหมอ ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต แล้วแต่ภพภูมิและช่วงเวลาในมิติของเขา หรือมีหน้าต่างแห่งทางเลือกจำกัดกว่ามนุษย์...ถ้าเกิดมาดีก็จะดีไปจนสิ้นอายุขัย ถ้าเกิดมาไ่ม่ดีก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน..

    แต่มนุษย์นั้นมีโอกาสที่ดีกว่า เรียกว่ามีทางเลือกมากกว่า เขาจึงเรียกโลกมนุษย์ว่า"ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี" จึงไม่มีข้อจำกัดใดๆในการตัดสินใจ เช่นวันนี้นึกอยากจะเป็นคนดีก็เป็นได้...พรุ่งนี้อยากเป็นคนไม่ดีก็ทำได้ ทำได้ทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะรูปธรรมมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างและพัฒนาอย่างแยบยลกว่ารูปธรรมอื่นใดอันเป็นความภูมิใจของจักรวาลเป็นอย่างมาก..ซึ่งจักรวาลเองต้องการให้มาทำหน้าที่ดูแลสมดุลให้กับระบบเอกภพ จึงสร้างให้มีกลไกระบบใหม่ที่ซับซ้อนละเอียดขึ้น สามารถปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่โลกและเอกภพต้องการได้อย่าง"ไม่มีขีดจำกัด" และให้เีพียงพอกับที่จักรวาลต้องการ

    และการสร้างนั้นต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตพื้นฐานในขณะนั้นที่มีอยู่ เช่นมนุษย์โบราณเผ่า"สตีฟฟา" กับความช่วยเหลือของรูปธรรมชั้นสูงจากกลุ่มดาวพลียะเดี้ยนส์ (pleadians)กลุ่มแซจิตตาเรียนส์ กลุ่มแอนทาเรียนส์ และกลุ่มอารค์ทอเรียนส์ โดยกำหนดให้โลกอยู่ในพิกัดที่เหมาะสมในการค้ำจุนระบบใหญ่อีกทอดหนึ่ง...แล้วทำการใส่รหัสหรือโปรแกรมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการดำรงอยู่ เช่นสัญชาติญาน การสืบทอดเผ่าพันธ์ การรับรู้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเอาตัวรอดบนโลกใบนี้..

    โดยแบ่งอนุภาคคลื่นความถี่จาก"จิตจักรวาลดวงใหญ่"(12 เหลี่ยมมุม) เป็น"จิตจักรวาลดวงเล็ก"(11 เหลี่ยมมุม) จำนวนมากมาย จากจิตจักรวาลดวงเล็กก็แบ่งคลื่นความถี่ออกมาเป็น มาเป็น"จิตวิญญาณมนุษย์"(6เหลี่ยมมุม) อีกเป็นจำนวนมาก มาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน "เครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์" โดยจิตวิญญาณมนุษย์เดิมแท้อันมีความบริสุทธ์และมีความรักเป็นอารมณ์ ก็ยังแบ่งคลื่นจิตให้ "จิตปัจจุบันหรือจิตหยาบ" มาทำหน้าที่แทนในการเรียนรู้และทำหน้าที่บนโลกมนุษย์ใบนี้อีกทอดหนึ่ง..โดนให้พันธะสัญญาว่าจะกลับคืนสู่แดนสุญญตาที่ตนจากมาให้ได้ภายในรอบ 60.000 ปี ซึ่งตอนนี้ เวลานั้นก็ได้ล่วงเลยมามากแล้ว...

    ในการมีสมองสองซีกของมนุษยฺ์นั้น มีรายละเอียดมากมายครับไปหาอ่านได้ในหนังสือชุด"จิตจักรวาล "กว่า 20 ซีรี่ ที่อาจารย์ปริญญาท่านได้บันทึกเอาไว้สำหรับเป็นสมบัติคู่โลกในยุดพลังงานใหม่..เหตุที่ต้องเปิดเผยความจริงเหล่านี้ อาจารย์ท่านบอกว่าเป็นเพราะถึงช่วงเวลาสุดท้ายใกล้ปิดยุค..(มียุคใหม่ที่สดใสกว่ารออยู่นะครับ อย่าเพิ่งหดหู่กัน.. ) คล้ายๆกับการเฉลยข้อสอบต่างๆ ในวันปิดภาคเรียน บททดสอบต่างๆที่เกิดจากความไม่รู้ การปิดมิติของจิตหยาบของมนุษย์เอง ที่มนุษย์ควรต้องรู้ แต่กลับระลึกกันไม่ได้เนื่องจากผ่านการเกิด-ดับ และบททดสอบกันมาหลายภพชาติเหลือเกิน...สร้างพันธะกรรมกันไว้มากมายก่ายกอง...ซึ่งเป็นพลังงานด้านลบที่โลกไม่ต้องการเต็มไปหมด..ล่องลอยอยู่ในสนามพลังงานโลกทำให้โลกเสียสมดุลอย่างที่เห็น..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2005
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ในช่วง "ยุคพลังงานใหม่"นั้น ทราบมาว่า...เราจะได้เห็นจานบินหรือ UFO รวมทั้งมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ จากหลายดวงดาวที่มาเยือนเป็นจำนวนมาก...เนื่องจากมิติจะเปิดออกด้วยการยกค่าระดับพลังงานจากสมการ 333 เป็น 666 เพิ่มอีกเท่าตัว และระบบสุริยะของเราจะเข้าไปอยู่ในพิกัดใหม่ มนุษย์จะมีตาทิพย์ หมายถึงมองเห็นมิติต่างๆได้มากขึ้นโดยไม่ต้องหลับตาทำสมาธิกันเหมือนในยุคพลังงานเก่า เรียกว่าเห็นได้ด้วยตาเนี้อ แม้แต่วิญญาณต่างๆ เพื่อให้มนุษย์ได้เรียนรู้และเข้าใจในโลกของมิติต่างๆได้มากขึ้น และปฎิบัติตัวได้สมกับการเป็น"นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง" โดยมีบททดสอบใหม่ให้มนุษย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ "การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว" แล้วเราทุกๆคนทั่วโลกจะล้วนเรียกตัวเองว่า"มนุษย์เผ๋าดาวโลก"
    ไม่เรียกตัวเองว่าประเทศนี้ของฉัน ประเทศนั้นของเธอ เหมือนที่ผ่านมา...มนุษย์จะกลมเกลียวมีความสมานฉันท์เป็นอันหนื่งอันเดียวกันทั่วโลกเลยละครับ..เพราะมีพวกเขาที่ไม่ใช่มนุษย์โลกมาเป็นเงื่อนไขใหม่...มาเป็นบทเรียนใหม่ให้กับพวกเราครับ...
    รวมถึงศาสนาทุกศาสนาก็จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเจริญ ชาวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาศึกษาหาความรู้ใหม่ๆกันไม่ว่างเว้น...เพราะอยากรู้ว่าเมืองไทยมีอะไรดี..ในสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2005
  3. ผู้ใฝ่รู้

    ผู้ใฝ่รู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +31
    หวัดดี เราเป็นสมาชิกใหม่นะ ยินดีที่ได้รู้จักเวบนี้ ดีใจที่อย่างน้อยก็จะได้เจอคนที่คล้ายเรา

    ก่อนหน้าเรากลัวมาตลอดจะพูดหรือจะบอกใครก็ไม่กล้า กลัว เขาจะหาว่าบ้า แต่เท่าที่ผ่านมา ตั้งแต่ 8 ขวบมาจนบัดนี้ เราได้พิสูจน์กับใครต่อใครแล้วว่าเราไม่ได้บ้า และทุกอย่างที่เห็นมันเป็นเรื่องจริง

    อย่างไรก็ดี เรายังอยากที่จะเรียนรู้ อยากที่จะทดลองและพิสูจน์ดูว่าแท้จริงแล้วเกิดจากอะไร ดีใจที่มีเวบอย่างนี้ อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ถึงประสบการณ์ของคนอื่นด้วย

    ดีใจน่ะ ดีใจจริงๆ[​IMG]
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    Crop Circle บอกข่าวสารอะไรกับเรา...

    ในบรรดาอคันตุกะผู้มาเยือนทั้งหลายมีมากันหลายรูปแบบ มีกลุ่มที่เป็นมิครกับโลก บางกลุ่มนำพาพลังงานด้านลบติดมาด้วย บางกลุ่มเพิ่งมาใหม่ และบางกลุ่มได้เคยติดต่อกับมนุษย์นับเป็นร้อยๆปีมาแล้ว

    ปรากฎการณ์ Crop Circle เป็นอีกเื่รื่องที่มนุษย์สนใจ เคยสอบถามจากผู้รู้ โดยการสื่อสารทางโทรจิตว่า จริงๆแล้วเป็น"การทดลองสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวกลุ่มหนึ่งที่เป็นมิตร" ที่ทดลองยิงสัญญาณลงมาที่พื้นผิวโลก เกิดร่องรอยการหักล้มของต้นหญ้าอย่างเป็นระเบียบบนท้องทุ่ง เมื่อได้ผลก็ยิงลงมาบ่อยขึ้น มีทั้งเรื่องการอธิบายเกี่ยวกับจักรวาล เรื่่องของพวกเขา รวมถึงข่าวสารที่เกี่ยวกับโลก ซึ่งต้องการผู้ที่เชี่ยวชาญในการถอดความ ส่วนใหญ่จึงไปปรากฎอยู่ทางยุโรป และอเมริกา เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญหลายคน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2005
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    นักวิจัยกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า..
    Crop Circle เป็นปรากฎการณ์ที่อธิบายไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้ เป็นความมหัศจรรย์ ที่ไม่น่าเชื่อเป็นว่าฝีมือของมนุษย์บนโลกนี้ ว่าทำไมพืชผักเหล่านั้นล้มตัวลงแบนราบ โดยไม่หักพังเสียหายแบบการใช้เครื่องจักร หรือใช้มือกดทับโดยทั่วไป แต่ทางรัฐบาลมักจะกล่าวว่า "เกิดจากฝีมือมนุษย์และเป็นการหลอกลวงประชาชนเสมอ "
    มีนักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมคนหนึ่ง กล่าวว่า เป็น "แปลกใจว่ารูปทรงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมจึงดูราวกับศิลปะที่มีรูปลักษณะที่วิจิตรบรรจงและไม่เคยที่ไหนเห็นมาก่อนบนโลกนี้?"
    มีอยู่ภาพหนึ่ง ที่มีผู้ถอดความกล่าวถึงมาก...เป็นภาพดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และมีวงโคจร 4 วง ลักษณะที่ปรากฎนี้เหมือนดาวเคราะห์วงใน และกลุ่มดาวเคราะน้อยที่อยู่รอบนอกสุด อาจหมายถึงระบบสุริยะของเรานั่นเอง แต่แปลกตรงที่"มีดาวเคราะห์อยู่ดวงหนึ่งที่หายไป" ซึ่งคือดาวเคราะ์โลกนั่นเอง..(สังเกตวงที่ 3 ครับ มีแต่วงกลม แต่ไม่มีโลกปรากฎอยู่)
    "ทำไมโลกเราจึงหายไป? หรืออาจเกี่ยวกับคำทำนายการสิ้นสุดของโลกที่ตรงกับบันทึกของชาวมายา ที่กล่าวถึง ค.ศ 2012" นักวิจัยกลุ่มนั้นกล่าวอย่างตกตะลึง..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • crop_001.jpg
      crop_001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.4 KB
      เปิดดู:
      4,247
    • straw_001.jpg
      straw_001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      358
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ศิลปะของมนุษย์ต่างดาว
    บ้านเรามีใครพอจะถอดความเก่งๆ ลองดูสักหน่อยไหมครับ?...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cropcircle_mat.jpg
      cropcircle_mat.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.5 KB
      เปิดดู:
      465
    • crop5.jpg
      crop5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.6 KB
      เปิดดู:
      474
    • secondone.jpg
      secondone.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.9 KB
      เปิดดู:
      518
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2005
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    การปรากฎตัวของจานบินในมิติของโลก

    จานบินที่อยู่ในกาแลคซี่เดียวกันเรา จะปรากฎให้เห็นรูปทรงชัดเจน และสามารถบันทึกภาพได้ง่าย เนื่องจากอยู่ในมิติเวลาเดียวกัน วัตถุธาตุใกล้เคียงกัน จะมองเห็นแสงเงาเป็นโลหะที่คล้ายกับบนโลก...

    ส่วนจานบินที่มาจากกาแลคซี่อื่นๆ มักปรากฎไม่ชัดเจน เห็นเป็นเงาลางๆหรือเป็นแสงจ้า เนื่องจากอยู่ต่างมิติ ต่างเวลา การปรากฎตัวจะถูกพรางด้วยมิติของเวลาที่แตกต่างกัน ความชัดเจนของรูปทรงในจะลดน้อยลง..

    บางทีที่เราเห็นการเคลื่อนตัวของวัตถุต่างมิติไปมาแบบซิกแซก แล้วหายไป หรือ ก็เนื่องจากการมีที่ "มิติของเวลาที่แตกต่างกัน"จึงเกิดการบิดเบือนเป็นภาพเสมือน หลอกตาของเรา ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นการเคลื่อนตัวในแบบที่เราไม่คุ้นเคย..

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2005
  8. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ดูๆ แล้วเหมือนจะพยายามสื่อสารกับเราด้วยภาษาภาพนะ

    ภาพแรกเหมือน ระบบสุริยะ และถ้าภาพนี้เขาสื่อว่าเป็นระบบสุริยะจริง ขาคงจะพยายามบอกตำแหน่งที่ตั้งของเรากับของเขาที่ห่างกันแค่ใหน ต้องก้าวข้ามกี่แกแร็คซี่
     
  9. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    [​IMG][​IMG]
    สองภาพนี้เหมือนกันและอาจจะเป็นภาพที่สื่อความหมายคล้ายๆกัน
    แต่ ต่างกันตรงที่ ภาพที่ 2 มีลักษณะหยดน้ำครอบดาวบางดวงในระบบสุริยะ คล้ายกับจะบอกว่า มีดาวดวงใดบางที่เขาเฝ้ามองอยู่ และหรืออยู่ในการปกครอง/ ควบคุมของเขา/อำนาจสิทธิ์ของเขา
     
  10. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    [​IMG][​IMG]
    สองภาพนี้เหมือนกันและอาจจะเป็นภาพที่สื่อความหมายคล้ายๆกัน
    แต่ ต่างกันตรงที่ ภาพที่ 2 มีลักษณะหยดน้ำครอบดาวบางดวงในระบบสุริยะ คล้ายกับจะบอกว่า มีดาวดวงใดบางที่เขาเฝ้ามองอยู่ และหรืออยู่ในการปกครอง/ ควบคุมของเขา/อำนาจสิทธิ์ของเขา
     
  11. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    [​IMG]

    ส่วนตัวนี้ตีความหมายได้ 2 อย่างคือ
    แสดงถึงห้วงของเวลาที่ทำให้เกิดมิติซ้อนทับกันไป

    กับ แสดงระบบสุริยะ ที่มีลังษณะเลยงกันคล้ายก้นหอย ในระบบทางช้างเผือก
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    ใครมีข้อมูลที่น่าสนใจ หรือประสบการณ์แปลกๆ เอามาลงเพิ่มเติมได้นะครับ...เชื่อว่ามีอีกหลายๆคนที่มีข้อมูล ที่นำมาเป็นความรู้ได้ จะได้ใช้เป็นห้องศึกษากันต่อๆไป...
    ขอเอาของคุณZipper มาด้วยครับ (lacerta)

    ภาคแรก http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=8282
    ภาคสอง http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=8586
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ufo_step.jpg
      ufo_step.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.2 KB
      เปิดดู:
      5,717
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2008
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิต หรืออุมโม(UMMO)

    ถือกันว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของวงการในการติดต่อสื่อสารกันมนุษย์ต่างดาว...
    เป็นเรื่องราวของจดหมายจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวยูมิต ถูกส่งมาให้คนสเปนผู้หนึ่งชื่อ "เชสม่า"ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่กรุงมาดริด เป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าศาสตร์เรื่องลึกลับ และอ้างตนว่าเคยพบมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว

    โดยการติดต่อครั้งแรกนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1962 จากการมีจดหมายนับพันฉบับถูกส่งมาถึงเชสม่าติดต่อกันมานานกว่า30ปีแล้ว โดยที่มนุษย์ต่างดาวยูมิต ซึ่งไม่เคยปรากฎตัวออกมาให้ชาวโลกพบแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาวิชาการในจดหมายต่างๆ เหล่านั้นแล้ว แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลกที่เป็นผู้นำเหตุการณ์เหล่านี้มาตีแผ่ คือ ดร.ปิแอร์ ปูจิ (Jean Pierre Petit) นักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์จักรวาลก็ต้องยอมรับว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องพิเรนทร์ของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่สร้างจดหมายปลอมว่าเป็นจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาได้ มิหนำซ้ำ วิทยาการหลายอย่างที่นำเสนอในจดหมายนั้น ได้มีการนำไปประยุกต์ทดลองในปัจจุบันด้วย จดหมายเหล่านี้และเนี้อหาที่เป็นวิทยาการชั้นสูงของมันคือหลักฐานที่ดีที่สุดในการยืนยันว่า มีการดำรงอยู่ของมนุษย์ต่างดาวอยู่แล้วภายในตัวนั่นเอง...

    อันที่จริง จุดประสงค์ในตอนแรกที่มนุษย์ต่างดาวยูมิตมาเยือนโลกใบนี้คือมาสำรวจวิจัยเท่านั้นเอง แต่เขาเกิดอยากรู้ปฏิกริยาของชาวโลกว่า ถ้าหากชาวโลกรู้ว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ มาแอบอาศัยอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกกันอย่างไร เขาจึงทดลองส่งจดหมายไปถึงเชสม่า และ็ส่งติดต่อกันมาเรื่อยๆ เนื้อหาของจดหมายส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิทยาการเทคโนโลยี่ขั้นสูง ประวัติศาสตร์ของดาวอุมโม และสังคมของมนุษย์ต่างดาว

    ในปีค.ศ.1967มนุษย์ต่างดาวยูมิตได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้เชสม่าและพวกว่ายานอวกาศของพวกเขาจะมาร่อนลงที่ชานเมืองมาดริดในวันรุ่งขึ้น เชสม่าเองก็ยังไม่แน่ใจในจดหมาย จึงร่างจดหมายพิสูจน์ยืนยันรับรองกับเพื่อนๆทุกคนให้เซ็นชื่อเป็นพยายไว้ก่อน พอวันรุ่งขึ้นยานอวกาศก็มาจริงๆ เป็มที่ประจักษ์ของผู้คนจำนวนมาก และยังมีร่องรอยปรากฎให้เห็นบนพื้นดินด้วย..

    อักษรและตัวเลข ของยูมิตที่ปรากฎในจดหมาย

    [​IMG]

    หลังจากนั้น เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวยูมิต หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปในนามของ อุมโม(ummo) ก็เริ่มเป็นที่ทราบกันในวงการกว้างขึ้นกว่าเดิม
    หลังจากหายข่าวคราวไปชั่วระยะหนึ่่ง จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิตก็เริ่มเปลี่ยนโทนไปจากเดิม จดหมายเริ่มเปลี่ยนจากเนื้อหาเรื่องยานอวกาศ และโครงสร้างจักรวาล แล้วหันมาเตือนชาวโลกเรื่องความพยายามคิดค้นระเบิดมหาประลัยที่ชื่อว่า ระเบิดพลาสม่า ซึ่งมีอานุภาคร้ายแรงกว่านิวเคลียร์หลายหมื่นเท่าและสามารถทำลายโลกนี้ให้เป็นจุลได้ภายในพริบตา...และพูดถึง อภิปรัชญา และโลกหลังความตายของพวกเขาด้วย...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2005
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ตัวอย่างข้อมูลด้านวิทยาการการบิน

    นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศษ Dr.ปิแอร์ ปูจิ ได้เข้ามาพัวพันโดยบังเอิญหลังจากได้รับมอบสำเนาจากเพื่อนนักดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นจดหมายสำเนาของมนุษย์ต่างดาวยูมิต ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศษแล้วประมาณ 50 หน้า เกี่ยวกับกลไกของยานอวกาศ มาให้เขาลองอ่านดู เมื่อเขาได้อ่านจดหมายเหล่านั้นแล้วเขาถึงกับตื่นเต้น เนื่องจากเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยานอวกาศคนหนึ่งเช่นกัน จึงตระหนักถึงความน่าทึ่งของเนื้อหาในจดหมายเหล่านั้น และรีบเดินทางไปพบกับเชสม่า ที่สเปนทันที เพื่อรวบรวมจดหมาย จนได้มาเพิ่มอีกเืกือบหนึ่งพันหน้า....

    จากนั้นเขาก็ทำการทดลองและคำนวณเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์เหล่านั้น ภายหลังจากการค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี ผลวิจัยที่เขาอ้างอิงมาจากจดหมายของมนุษย์ต่างดาวยูมิต ทำให้เขามีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมา 3 เรื่องใหญ่ๆด้วยกัน คือ

    1.ทฎษฎีเกี่ยวกับเครื่องบินประเภทใหม่ที่ใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้ากวนอากาศ ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนแบบใหม่ สามารถทำให้เครื่องยกตัวลอยได้

    2. หากสามารถสร้างสูญญากาศบริเวณส่วนหน้าของเครื่องบิน โดยการดูดโมเลกุลอากาศ เครื่องบินเหล่านั้นจะบินได้เร็วกว่าเสียงในระดับเกิน 5มัค(Mach)ได้โดยไม่เกิดคลื่นช็อก

    3.สามารถพิสูจน์ให้เห็นความเป็นไปได้ว่า จักรวาลไม่ใช่มีอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่มีโครงสร้างแฝดคู่ ที่มีทิศทางของเวลาสวนกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนที่ระหว่างอวกาศด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสงได้

    ผลงานวิจัยของปิแอร์ถูกตีพิมพ์ ในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำ หลังจากนั้นไม่นาน คือในเดือนตุลาคม ปีค.ศ 1991 ตัวปิแอร์ ก็เริ่มได้รับจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวโดยตรง! เป็นภาษาฝรั่งเศษ...
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ข้อความต่อไปนี้ คือบางส่วนของจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิต
    ที่กล่างถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนโลกของพวกตน...

    "พวกชาวโลก เมื่อได้เห็นจดหมายจำนวนมากจากพวกเราแล้ว คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจหลายคำถามเป็นแน่ เราจะลองตั้งคำถามเหล่านั้นออกมาแล้วตอบให้ฟังทีละข้อ"

    A.กลุ่มคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวนี้ทำไมส่งจดหมายมาให้ชาวโลก?
    # เหตุที่เราใช้เครื่องมือข่าวสารเป็นจดหมายนั้นก็เพราะว่าในช่วงเวลาหลายปีที่พวกเราทุ่มเทศึกษาวัฒนธรรมของพวกคุณ โดยย้อนไปถึงต้นตอนั้น เราได้ใช้ประโยชน์จากเอกสารต่างๆ ของชาวโลกเป็นจำนวนมาก พวกเราจึงอยากแสดงความขอบคุณและตอบแทนในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการศึกษาเรื่องราวของพวกเราบ้าง...

    B.พวกเราชาวโลกควรจะยอมเชื่อ หรือไม่เชื่อ พวกที่อ้างตัวว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว?
    # พวกเรามาเยือนโลกใบนี้เป็นครั้งแรก ในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ.1950 เวลา4 นาฬิกา 16 นาที 42 วินาที ตามเวลาสากลที่เทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศษ จุดประสงค์ของพวกเราในตอนแรกคือมาสำรวจอารยธรรมของโลกนี้อย่างลับๆ แต่ต่อมาพวกเราได้เปลี่ยนแผนและเริ่มติดต่อชาวโลกโดยผ่านจดหมาย แผนการของพวกเรามีแผนสำรองเตรียมไว้ด้วยถ้าเผื่อปฎิกริยของชาวโลกที่มีต่อพวกเรา ออกมาในทางลบ เราจะปล่อยข่าวสารออกมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในจดหมายฉบับก่อนๆของพวกเรา แต่จนปัจจุบัน การดำเนินงานของพวกเรายังเป็นไปได้ด้วยดี..

    C.ข้อมูลที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นข้อมูลจริงหรือปลอม พวกเราชาวโลกจะใช้ประโยชน์จากมันอย่างไรดี?
    # จดหมายที่พวกเราเขียนถึงผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์บางคนนั้น เราได้ให้ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบและทดลองได้ แต่แม้เราจะเปิดเผยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่โลกไม่รู้ก็ตามที เราก็พยายามระวังที่จะไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างความวุ่นวายให้กับวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ตามธรรมชาติของชาวโลกด้วยการไม่เปิดเผยทั้งหมด..ข้อมูลที่พวกเราถ่ายทอดให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เราถือเป็นสมบัติร่วมของมนุษย์ทุกคน ตราบใดที่มีคนไปเรียนรู้มันเราจึงไม่สนว่าใครจะใช้ข้อมูลของเราไปในทางใด....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2005
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    D.ถ้าเราเชื่อว่าพวกคุณมาจากต่างดาวจริง และเห็นด้วยกับคำเตือนของพวกคุณเกี่ยวกับวิกฤติของโลกใบนี้ พวกคุณจะให้พวกเราตัดสินใจอย่างไร? ระหว่างรับเอาอุดมการณ์ของพวกคุณ หรือการปฏิบัติตามเข็มมุ่งตามของผู้นำโลก?
    # ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง เราจึงไม่อยากอภิปรายในเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่เราบอกพวกคุณได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ก็ตามที พวกคุณควรจะปฏิบัติตามกฏระเบียบของชาวโลก หาใช่พวกของเราไม่..

    E.ถ้าหากว่าพวกคุณเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีโครงสร้างร่างกายแตกต่างไปจากพวกเราชาวโลกจริง พวกเราควรแจ้งเรื่องนี้ให้พรรคพวกเพื่อนร่วมโลกของเรารับทราบหรือไม่?
    # คนส่วนใหญ่ในสังคมของพวกคุณ ยังพยายามปฎิเสธไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของพวกเรา เพราะฉนั้นเราจึงขอเตือนคุณไม่ให้ทำอะไรที่เกินควร จนอาจมีผลกระทบต่อชื่อเสียงและฐานะทางสังคมของพวกคุณได้...

    F.ทีมสำรวจของยูมิต มีจุดประสงค์อะไรหลังจากนี้บ้าง? พวกคุณคิดจะปรากฎตัวต่อหน้าพวกเราไหม? และจะเข้ามาแทรกแซงให้เกิดความโกลาหลแก่โลกเราหรือไม่?
    # คำตอบของพวกเราต่อคำถามนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ในทางตรรกะอยู่แล้ว พวกเรามีโปรแกรมของเราอยู่เองแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับเปลี่ยนโปรแกรมของพวกเราอย่างขนานใหญ่หลังจากนี้ด้วย ส่วนนโยบายของพวกเรานั้นจะเป็นอย่างไรมันขึ้นอยู่กับแนวโน้มของโลกหลังจากนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางไหน และขึ้นอยู่กับคำสั่งฝ่ายนำของพวกเราด้วย ในปี 1970 จะมีพวกเราเหลือที่โลกนี้ 82 คน โดยกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆทั่วโลก...

    ส่วนจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่ลงวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.1967 นั้น เนื้อหาเป็นศัพท์เทคนิคมาก เกี่ยวกับโครงสร้างจักรวาลและวิชาฟิสิกส์จักรวาล ซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ จึงต้องขอข้ามไป โดยจะขอนำเสนอเนื้อหาในจดหมายฉบับที่3 ซึ่งลงวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.1988 แทน ซึ่งเนื้อหาน่าสนใจมากเพราะมนุษย์ต่างดาวยูมิตได้พูดถึงสภาพที่เป็นวิกฤติของมันสมองของชาวโลกส่วนใหญ่ ที่ใช้กันอย่างผิดพลาด และมีแต่ "มนุษย์ภาพใหม่" เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหา วิกฤติการณ์แห่งการทำลายล้างตนเองของมนุษย์พวก โฮโม-เซเปียนส์ ได้...
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ลองมาฟังความรู้เรื่องต้นกำเนิดของสรรพสิ่งในจักรวาล ในมุมมองของมนุษย์ต่างดาวดูบ้างครับ...น่าสนในมากทีเดียวครับ...

    ข้อความต่อไปนี้คือบางตอนในจดหมายของยูมิต ในปีค.ศ.1988 ที่เกี่ยวกับ"จักรวาลทัศน์" ของพวกเขา...

    จักวาลทัศน์ของพวกเราตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่น เท่าที่เรารู้นั้น เราทราบว่าเราอยู่ท่ามกลางจักรวาลเชิงซ้อนหรือมีโครงสร้างคู่แฝด ต้นตอของข่าวสารที่มากมายมหาศาลของจักรวาลที่สามารถให้ความเป็นไปได้แก่รูปการณ์ใดๆทั้งปวงนั้น อยู่ท่ามกลางของสิ่งที่มีสองขั้ว

    สรรพสิ่ง และ สิ่งมีชิวิต ทั้งที่รับรู้โดยประสาทสัมผัสได้ และที่ไม่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ ล้วนเกิดมาจากทั้งสองขั้วนี้ทั้งสิ้น..ถ้าหากไม่มีการดำรงอยู่ของสองขั้วนี้ในการสร้างสรรค์ จักรวาลก็จะไร้รูปร่างที่แน่นอน เป็นสารรูปที่ไร้เรื่องราวไร้ข่าวสารเป็นเพียงดุจผลึกก้อนมหึมาเท่านั้นเอง..

    พวกเราได้เรียกแกนกลางแห่งวิวัฒนาการของจักรวาลที่เป็นผู้ให้รหัส(code) แก่รูปลักษณ์ทั้งปวงของสรรพสิ่งนี้ว่า"อัว"(WOA) คือแผนการหรือโปรแกรม ประเภทหนึ่ง เป็นแหล่งข่าวสารของจักรวาลผู้คอยดูแลสิ่งมีชีวิต และอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวีตทั้งปวง กล่าวในอีกความหมายหนึ่ง "อัว"จึงเป็นองค์ประธานที่คอยควบคุมกฎอันเป็นสากล เป็นปฐมเหตุของพวกเรา หากจะเทียบกับ"พระผู้สร้าง"ที่พวกเทววิทยาของชาวโลกนั้น หากดูเผินๆจะมีส่วนร่วมกันมากทีเดียว

    แต่อย่างที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าจินตภาพ(Image)ของ "พระเจ้า" สำหรับชาวโลกนั้น มีความแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนาบนพื้นโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าหรือเทพเจ้าองค์ไหนต่างก็มีรูปลักษณ์คล้ายคน เป็นผู้มีจิตใจดีงามอย่างสมบูรณ์อย่างไร้ขอบเขต ในขณะที่ "อัว" ซึ่งเป็นปฐมเหตุของพวกเรานั้น เป็นสิ่งที่ถูกรับรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทววิทยาเลยแม้แต่น้อย โลกที่เราอยู่จึงไม่มีขบวนการทางศาสนา เพราะเรายึดถือเหตุผลและบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นสรณะเท่านั้น

    "อัว"ของดาวเคราะห์ของเราจึงไม่เคยบอกว่าต้องสร้างโบสถ์ ต้องสร้างศาสนา เนื่องจากเราเกิดในสังคมที่วิวัฒนาการแล้ว จึงเน้นความถูกต้องแม่นยำโดนไม่ยอมให้มีที่ว่าเหลือไว้แก่"เทพนิยาย"เลนแม้แต่เพียงน้อยนิด ในขณะที่ศาสนาคริสต์เกิดในยุคที่ยังไม่มีวิทยาศาสตร์ จึงต้องใช้วิธีเปรียบเปรยแทน...

    จากข้อมูลชุดนี้ มิติของสร้างของ "สองขั้ว"ที่กล่าวมา อาจตรงกับจิตจักรวาลในเรื่องการแบ่งภาคจากหนึ่งมาเป็นสอง ในตอนการอุบัติขึ้นเองครั้งแรกสุด ที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ (เป็นหนึ่งเดียวกัน) และคาดว่าเขาอาจไม่มี"กฎแห่งกรรม"เพราะไม่มีความจำเป็นเหมือนในโลกของมนุษย์ แต่มีหน้าที่เฉพาะของเขาบางอย่างในจักรวาล..ติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ มีที่น่าสนใจอีกเยอะครับข้อมูลชุดนี้...

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2005
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    มิติการสร้างและความสััมพันธ์กันในระดับจักรวาล


    การจัดตั้งจักรวาลของ"อัว" มิใช่จิตภาพแบบ"พระผู้สร้าง"ของมนุษย์ แต่เป็นดุจ "มันสมอง"ของช่างปั้นหม้อมากกว่า สายตาของช่างจะพุ่งไปที่ก้อนดินเหนียว (วัตถุและพลังงาน) ขณะที่ใช้มือปั้นหม้อขึ้นมา ซึ่งกระบวนการปั้นหม้อนี้จำเป็นต้องมีกระบวนการทางสติปัญญาอย่าน้อยสองกระบวนการด้วยกัน คือ การดีไซน์แบบของภาชนะ (Model Design) หรือโมเดลข่าวสาร และการตระหนักถึงเจตนารมณ์ที่จัดตั้งของจักรวาล พร้อมคอยควบคุมให้การปั้นหม้อเป็นไปได้ดังเป็นไปดังใจ...

    สิ่งที่จัดตั้งจักรวาลนี้ ต่างดำรงอยู่ร่วมกับปรากฎการณ์จิตแบบรวมหมู่ ของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่รักษาความเป็นอิสระซึ่งกันและกันเอาไว้" อัว"จึงเป็นมันสมอง ของจักรวาล โดยที่จักรวาลที่เป็นองค์รวมจะมีพฤติกรรมดุจตัวตนองค์ชีวภาพในเชิงไซเบอเนติคส์ (Cybernetics) ขนาดใหญ่ และมีความสามารถในการปรับปรุงบูรณะตนเองอยู่ภายในตัว...

    ดาวเคราะห์ ที่แข็งตัวแล้ว ครั้นเมื่อมีความเย็นเพียงพอ พื้นผิวของมันจะเกิดองค์โมเลกุลที่ซับซ้อนขึ้นมา โดยองค์โมเลกุลนี้จะทวีความซับซ้อนให้แก่ตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อซับซ้อนมากขึ้นถึงระดับหนึ่งก็จะเกิดการก้าวกระโดดทางคุณภาพ ทีละช่วงจนกลายมาเป็นดังเช่นที่เห็นกันในปัจจุบัน

    มนุษย์สามารถสัมผัสติดต่อกับ จิตสำนึกรวมหมู่ ของดาวเคราะห์ได้ก็โดยผ่านการก้าวกระโดดทางคุณภาพ เช่นนี้เอง เมื่อมนุษย์ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของจักรวาลรอบๆตัวขึ้นมาโดยฉับพลัน เขาจะมีดุลยพินิจในเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเอง...

    ในวิวัฒนาการของมนุษย์นั้น ระบบเครือข่ายทางประสาทนับว่าซับซ้อนจริงๆ เส้นใยประสาทอันซับซ้อนที่มีเป็นส้านๆเหล่านี้ พัวพันกันอย่างนัวเนียและมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน และมันสมองของมนุษย์ ก็คือจะรับข่าวสารจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่อยู่รอบๆตัว ซึมซับเข้าไปในตัวเอง และปล่อยข่าวสารบางส่วนไปสู่ มันสมองของดาวเคราะห์โลก(จิตสำนึกแห่งโลก) หรือไม่ตัวเองก็ใช้ข่าวสารนี้เพื่อปรับเป็นฝ่ายกระทำต่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพของโลกได้เช่นกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2005
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    วิวัฒนาการของสมอง


    มนุษย์ต่างดาวยังกล่าวว่า มันสมองของมนุษย์นั้นถือเป็นเครือข่ายที่สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเครือข่ายที่มีมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งหนึ่งที่ที่พวกเขายอมรับว่าสู้ไม่ได้เรื่องหนึ่งก็คือ "ศิลปะและจิตนาการ" ส่วนสมองของพวกมนุษย์ต่างดาวอุมโมเองนั้น มีรูปร่าง และโครงสร้างที่แตกต่างไปจากสมองของชาวโลกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเป็นความแตกต่างในเชิงก้าวกระโดดทางคุณภาพ ความจริงความสามารถทางจิตของมนุษย์ก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆและเริ่มจะมีอิทธิพลต่อปรากฎการณ์ทางจิตสำนึกรวมหมู่ของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ และชาวโลกเริ่มมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ชีวภาพ ที่จะเข้าไปแทรกแซงโครงสร้างของเซลประสาทสมองได้แล้ว อันเป็นการกระทำที่ฝืนกฎธรรมชาติโดยที่ชาวโลกหารู้ตัวไม่ว่า ตัวเองกำลังทำเรื่องที่เสี่ยงภัยขนาไหน...

    ลักษณะพิเศษที่สุดของ"เครือข่าย"คือความสามารถในการพัฒนาสร้างสรรค์ และบรรลุการก้าวกระโดดทางคุณภาพนั้นไม่ได้หมายถึง การเพิ่มความซับซ้อนเฉยๆ เท่านั้น เพราะการก้าวกระโดดทางคุณภาพสมองจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความหนาแน่นของข่าวสารภายในสมองที่มีปริมาณมากถึง 10 ยกกำลัง 19 ต่อหนึ่งลูกบาศก์เซ็นติเมตร ขึ้นไปแล้วเท่านั้น และกว่าที่จิตสำนึกแบบใหม่ที่เหนือธรรมดาจะเกิดขึ้นได้ มันจะต้องมีการเชื่อมกันใหม่ระหว่างแผ่นกั้นตรงกลางสมอง Septum กับ Amygdlae ของผิวสมองส่วนหน้า และกับ Thalamus ภายในสมองเกิดขึ้นเสียก่อน ..

    มนุษย์ต่างดาวยูมิตอ้างว่า"อะตอมคริปตัน" ที่ประกอบขึ้นเป็น "แก๊สเจือจาง"ภายในช่องที่สามของสมองมนุษย์นี้แหละคือโซ่ทางวัตถุที่เชื่อมวิญญาณกับร่างกายของมนุษย์เข้าด้วยกัน เขาอ้างว่าวิทยาศาสตร์ของชาวโลกในปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบ อะตอมคริปตันและแก๊สเจือจางนี้ได้ เพราะแม้แต่พวกเขาเองก็ยังถือว่าการค้นพบสิ่งนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในวงการชีววิทยาของเขาเลยทีเดียว

    เขาอ้างว่าพวกเขาได้พบว่ากลุ่มอิเลคตรอนของอะตอมคริปตันในต่อมใต้สมองไฮโปทาลามัส ของผิวสมองใหญ่ มีการทำงานร่วมกันและประสานกันอย่างชัดเจน และเชื่อมเข้ากับการทำงานของเส้นประสาทที่เกิดจากคลื่นสมองคนด้วย พูดง่ายๆก็คือพวกเขาเห็นว่าอิเล็คตรอนในคริปตันนี้แหละ เป็นตัวสั่งการร่างกายอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ พวกเขายังได้ค้นพบอีกว่าในอะตอมคริปตันนี้ ยังมีกลไกที่ทำหน้าที่สื่อสาร(ส่งข่าวสาร) อีกด้วย แต่สิ่งที่ชาวโลกเพิ่งค้นพบได้ไม่นานมานี้คือ แกสเสรี NO(ไนตริคออคไซด์)ภายในสมองที่มีบทบาทต่อกระบวนการความจำเท่านั้น...

    ถ้ากล่าวเช่นนี้ จะเห็นได้ชัดว่ามนุษย์มีความสามารถและศักยภาพที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าให้กับจักรวาลได้...

    ยังมีต่อครับ..เกี่ยวกับโลกและความเป็นอยู่ของพวกเขา UFOกลุ่มอื่นๆ การเดินทางมาของเขา และเรื่องที่เขามีแผนการบ้างอย่างกับโลกถ้าจำเป็นต้องมีการแทรกแทรงในอนาคต กับเรื่องที่ชาวโลกได้สร้างความกลุ้มใจบางอย่างให้กับพวกเขา(ชาวจักรวาล)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2005
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD>การติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ</TD><TD align=right><TOP> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD>ในประเทศไทย (พ.ศ. 2540-2542)
    ได้รายงานเกี่ยวกับการติดต่อทางจิตกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอขอให้นำยานบินมาปรากฏให้ทุกคนเห็นระหว่างปี พ.ศ. 2540 - 2541 ซึ่งยูเอฟโอมาปรากฏทุกครั้ง สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ถึง 89 ลำ ซึ่งผู้เขียนได้ทำรายงานวิชาการตีพิมพ์ในวารสาร "รัฏฐาภิรักษ์" ปีที่ 41ฉบับที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2542 หน้า 102-118 ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรซึ่งมีชื่อเสียง เชื่อถือได้ และเป็นที่ยอมรับกันทั่วประเทศไทย ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ฉบับนั้นสรุปว่า

    1) การติดต่อทางโทรจิตกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอได้ผล 100%
    2) ยูเอฟโอมีจริง และคงจะไม่ได้สร้างขึ้นในโลกนี้
    3) พบว่าผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ก็มีจริงและสามารถถ่ายภาพได้ รูปร่างคล้ายมนุษย์ ดูในระยะไกลยาว 500 เมตร

    </TD><TD width=200>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่อมาได้มีผู้สนใจทางด้านนี้ สามารถถ่ายภาพผู้ขับขี่ยูเอฟโอได้ในระยะ 100 เมตร พบว่ามี 2 ชนิด คือ


    1) พวกตัวโตขนาดมนุษย์ แต่หัวใหญ่กว่ามนุษย์ราว 2-3 เท่า
    2) พวกตัวเล็กขนาดเด็กสัก 8-10 ขวบ ซึ่งเขามาด้วยกันในจานบินที่ลงจอดในบริเวณไร่อ้อย อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์


    กลุ่มวิจัยยูเอฟโอได้เคยไปวิ่งไล่จับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ 3 คน ในจังหวัดนครสวรรค์ แต่ไล่ไม่ทัน คิดว่าเขาไม่ได้เดินแบบมนุษย์ แต่เคลื่อนที่ไปเหนือพื้นดินอย่างเร็วมาก และยังมีนักวิจัยยูเอฟโอชาวไทยที่เชื่อถือได้อีกท่านหนึ่ง สามารถถ่ายภาพหัวของมนุษย์สีเขียวที่โผล่ออกมาจากคอของมนุษย์ธรรมดาในเวลากลางคืนอีกด้วย
    ในบทนี้ผู้เขียนจะพยายามบรรยายความเป็นจริงที่ได้รับการสื่อทางจิตกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ 2 ท่าน ซึ่งทั้งสองอ้างทุกครั้งว่าเขามาจากดางดวงอื่นทั้งในและนอกระบบสุริยะของเรา เรื่องนี้ผู้เขียนหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ยากมาก เพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยมาก บอกแต่เพียงว่ายังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเกี่ยวกับพวกเขาจนกว่าเวลาอันสมควรจะมาถึง
    การติดต่อทางจิตโดยการทำสมาธิถึงผู้ขับขี่ยูเอฟโอนั้น เมื่อจิตสงบจะได้คำตอบกลับมาทันทีหรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงพูดในสมอง และบางครั้งการติดต่อทางโทรศัพท์ได้เกิดขึ้น การสนทนาอัดเสียงได้แต่ต้องขออนุญาตเขาก่อน มิฉะนั้นจะอัดเสียไม่ติดเลย ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ หรือจะเรียกว่าผู้บังคับการยูเอฟโอหรือมนุษย์ต่างดาว คือ
    1) ท่านพาราซิทัล ผู้อ้างว่า เขามาจากดาวอังคาร ถูกส่งให้มาเตือนและช่วยเหลือมนุษย์ในปีที่จะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงทั่วโลก คือ แผ่นดินไหวใหญ่ แผ่นดินยุบและน้ำทะเลเข้ามาท่วม ท่านผู้นี้ได้ติดต่อกับผู้เขียนมาราว 3 ปี และเพิ่งเปิดเผยว่าท่านชื่อ "พาราซิทัล" และที่ติดต่อด้วย เพราะผู้เขียนเคยเป็นมนุษย์ดาวอังคารชื่อ "พีระติ"
    (แปลว่า ผู้เลิศด้วยปัญญา ตามภาษาของเขา) ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ให้พิสูจน์ได้ในปัจจุบัน แต่ผู้เขียนเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้มาก เพื่อการพิสูจน์ความจริงในอนาคต เพราะในปัจจุบันข้อมูลทางจิตถือว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์เพราะพิสูจน์ยังไม่ได้ ท่านพาราซิทัลเป็นหัวหน้านำยานอวกาศมาแทบทุกครั้ง รวมทั้งจานบินได้เคยไปปรากฏให้คนไทยที่เห็นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกามีการถ่ายรูปกันมาได้ โดยเขาบอกว่าขับไปเยี่ยมลูกชายของผู้เขียนอยู่ที่นั่น เขาบอกว่ามนุษย์อยู่ในมิติที่ 3 แต่พวกเขาอยู่ในมิติที่สูงไปกว่ามิติของเราหลายระดับ สามารถท่องเที่ยวไปในเวลาทั้งอดีตและอนาคตได้ ท่าน "พาราซิทัล" ได้ขอให้เตือนประชาชนเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติในเดือนพฤษภาคม 2543 ว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่าประมาทหลงระเริง และคำพยากรณ์บอกล่วงหน้าที่ผู้เขียนพบว่าเป็นจริงขึ้นมาแล้ว คือ

    1) เศรษฐกิจพังทลายรวมทั้งประเทศไทย และจะฟื้นตัวช้าเพราะความโลภของมนุษย์
    2) ในเดือนมกราคม 2541 เมื่อถามเขาเกี่ยวกับเรื่องปัญหาชู้สาวของประธานาธิบดีคลินตันว่าจะจบลงในรูปใด เขาให้จดไว้ว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...