การเตรียมตัวและการประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เป็นอุปกรณ์ยังชีพ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 1 เมษายน 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    ข้อมูลจาก
    Design for Disasters

    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  2. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    เทคนิคการขับรถในช่วงน้ำท่วม


    จากปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด เข้าท่วมถึงกรุงเทพ แล้วด้วยในช่วงนี้ ทำให้ใครหลายๆ คนที่ยังต้องทำงานเริ่มเป็นกังวลกับการเดินทางโดยรถยนต์ ว่าควรทำอย่างไร และจะเกิดผลเสียร้ายแรงอย่างไรหรือไม่เมื่อขับรถคันโปรดลุยน้ำในช่วงนี้

    วันนี้ทาง Thaicarlover.com ก็มีวิธีการขับรถในช่วงน้ำท่วมมาฝาก รวมถึงการดูแลรักษารถหลังผ่านน้ำท่วมไปแล้วด้วยครับ

    หลายๆ คนตอนนี้คงเป็นกังวล และสงสัยว่าทำอย่างไรเมื่อต้องขับรถตอนน้ำท่วมอยู่ในขั้นวิกฤติ แต่เรายังต้องใช้รถเดินทางไปทำงาน ไปทำกิจธุระต่างๆ ผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม เราก็มีข้อปฎิบัติในการขับรถในช่วงน้ำท่วม ดังต่อไปนี้

    [​IMG]

    ขับรถลุยน้ำ - 2

    ถ้าต้องขับรถลุยน้ำ ขณะลุยน้ำควรปฎิบัติดังนี้

    -ห้ามเปิดแอร์! นี่เป็นสาเหตุใหญ่ของรถดับ เมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน จะพัดน้ำให้กระจายไปทั่วห้องเครื่อง และทำให้เครื่องดับได้

    -ใช้เกียร์ต่ำ เกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ 1-2 ก็พอ เวลาลุยน้ำ สำหรับเกียร์ออโต้ ให้ใช้ L แล้วขับช้าๆ ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าหยุด และอย่าเร่งความเร็ว

    [​IMG]

    ขับรถลุยน้ำ

    -ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง เพราะจะทำให้ความร้อนสูง ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน ไม่ต้องห่วงว่าน้ำจะเข้าทางท่อไอเสีย ต่อให้น้ำท่วมท่อไอเสีย แล้วสตาร์ทเครื่องแบบเดินเบา แรงที่ดันออกมา ก็เพียงพอที่จะดันน้ำในท่อออกมาได้อย่างสบายๆ ต่อให้น้ำท่วมมิดท่อไอเสียแล้วสตาร์ท รถยังติดแน่นอน สำหรับเครื่องหัวฉีดทั่วไป

    -ลดความเร็วลงเมื่อขับรถสวนกัน ไม่งั้นจะเป็นการทำให้เกิดคลื่นชนคลื่น น้ำที่ประทะกันทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้ทั้งสองคัน หลังจากลุยน้ำมาแล้ว ควรย้ำเบรกบ่อยๆ เพื่อไล่น้ำออกด้วย

    การดูแลรถหลังน้ำท่วม

    -ล้างรถให้สะอาด ฉีดน้ำเข้าท้องรถ ล้อรถ กำจัดเศษหินดินทราย เศษหญ้า ใบไม้ ที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้

    [​IMG]

    ล้างรถ

    -เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพราะจะมีน้ำซึมเข้าไปในระบบเกียร์ ทำให้พังได้

    -เช็คลูกปืนล้อ เมื่อแช่น้ำนานอาจทำให้เกิดเสียงดังได้

    -ตรวจสอบพื้นพรมในรถ เปิดผ้ายาง รื้อพรม ป้องกันการติดเชื้อราในพรม และการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ

    -ตรวจสอบระบบต่างๆ ให้อยู่ในความเรียบร้อย หรือเข้าศูนย์เช็คสภาพรถ

    ซึ่่งทั้งหมดนี้ก็เป็นการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น หากพบมีสิ่งผิดปกติใดๆ เช่นเสียงดัง เข้าเกียร์ไม่ได้ ฯลฯ ควรปรึกษาช่างทันที และทางที่ดีที่สุดควรงดใช้รถใช้ถนนหากไม่จำเป็นจริงๆ และพยายามหาที่จอดรถที่ไม่โดนน้ำท่วมสูงมากครับ

    สุดท้ายนี้เว็บ Thaicarlove.com อยากให้เพื่อนๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ และถ้าเพื่อนๆ สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ

    อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ



    http://www.thaicarlover.com/เทคนิคการขับรถในช่วงน้ำท่วม/6316








    How To Drive Through A Flood



    <object style="height: 390px; width: 640px">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/3mXTD8B3RiU?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="360" width="640"></object>

    Chevrolet Power Commercial ...Driving in Raging Flood


    <object style="height: 390px; width: 640px">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/SyDjLS5iFwM?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="360" width="640"></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2011
  3. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ฝนนี้เตรียมรถลุยน้ำกันดีแค่ไหน...???

    จะว่าไปปีนี้น้ำท่าใน บ้านเราดูจะชุ่มฉ่ำกว่าทุกปี เนื่องจากฟ้าฝนเทลงมาอยู่เนืองๆ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นฤดูร้อนก็ตาม แต่ช่วงนี้ก็เริ่มจะเข้ารอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝนอย่างจริงจัง ชาวออฟโรดขาบู๊ทั้งหลาย ก็ได้โอกาสเริงร่า เที่ยวป่ากันอย่างสนุกสนานอีกครั้ง เพราะขึ้นชื่อว่าออฟโรดแล้ว เที่ยวป่าไหนๆ ก็ไม่เหมือนป่าหน้าฝน ที่ได้ทั้งความสวยงาม สนุกสนาน และท้าทาย

    [​IMG] ฝนมาพร้อมๆ กับสายน้ำ และเป็นสิ่งที่เรายากจะหลีกเลี่ยงพ้น หากว่าเป็นพวกขาป่าจริงๆ เทคนิคในการขับรถลุยน้ำข้ามห้วย ก็เคยบอกกล่าวกันมาแล้วหลายครั้งในหลายๆ คอลัมน์ ฉบับนี้จึงเอ่ยถึงเล็กน้อย พอเป็นการทบทวนความจำ แต่จะเน้นไปในเรื่องของการเตรียมรถ การดูแลรักษาหลังผ่านศึกมาอย่างฉกาจฉกรรจ์ หรือบางคันแค่น้ำจิ้มก็ตาม

    วิสัยของรถกับน้ำไม่ค่อยจะถูกกันเท่าใด โดยเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน บ่อยครั้งที่เกิดอาการรวนเอาง่ายๆ บางทียังไม่ได้ลุยน้ำลุยท่า อากาศร้อนจัดๆ เจอฝนกระหน่ำหรืออากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ไม่ติดเสียดื้อๆ อย่างนั้นแหละ นับประสาอะไรกับการเข้ารกเข้าพงหรือลุยน้ำ หากไม่รู้จักป้องกันให้ดี ความเสียหายจะมาเยือนเอาน่ะสิครับ และรักจะเป็นนักท่องไพรที่ดี นอกจากจะต้องมีการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการขับขี่แล้ว การเตรียมรถ การดูแลรักษา ก็ควรมีความรู้ติดตัวไว้บ้าง อย่าปัดภาระให้เป็นหน้าที่ของช่างไปเสียทุกอย่าง เล็กๆ น้อยๆ ซ่อมได้หรือดูแล ได้ก็ทุ่นค่าใช้จ่ายไปตั้งเยอะ จริงไหมครับ...

    น้ำกับเส้นทางออฟโรดเป็นของคู่กันมาช้านาน ถ้าเรารักจะลุยแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เราเลือกจะกระทำได้ก็คือ ป้องกันในขั้นแรก และแก้ไขในขั้นต่อไป (ถ้ามีปัญหาหลังจากลุยน้ำมาแล้ว) แต่ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบเกี่ยวกับ เซ็นเซอร์วัดความชื้น เซ็นเซอร์วัดความร้อน หรือ เซ็นเซอร์วัดส่วนผสมความเข้มของอากาศ โดยปกติแล้วเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ จะไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่จะเน้นจุดที่สำคัญๆ เท่านั้น เช่น ระบบไฟต่างๆ (โดยเฉพาะกล่องควบคุมซึ่งถือเป็นหัวใจของรถ) คอยล์ จานจ่าย ชุดสายคอยล์ ห้องหัวเทียน เป็นต้น พวกนี้ทำการซีลเสียให้หมดอย่าปล่อยให้มันลอยนวลเด็ดขาด

    ต่อมาก็เป็น ชุดคลัตช์ ไดสตาร์ท ห้องคลัตช์ ก็ต้องมีการซีลกันน้ำ เพราะถ้าน้ำเข้าคลัตช์ได้จะทำให้ลูกปืนเกิดสนิม หรือหวีคลัตช์เสียหายได้
    [/FONT]
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="600"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] หลายๆ คนอาจจะคิดว่ารถของเรามีสนอร์เกิ้ลอย่างเดียวหมดห่วงเรื่องลุยน้ำ ใช่ครับ...ผมไม่ปฏิเสธว่า
    รถที่ต่อท่อหายใจหนีน้ำเป็นงวงช้างขึ้นไปอยู่ที่สูงนั้นสามารถช่วยได้ระดับ หนึ่ง แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจจะหมดห่วงเรื่องท่อไอดี แต่น้ำมันไม่ได้เข้าแค่ตรงนั้นอย่างเดียว ของกระจุกกระจิกที่กล่าวมาแล้วนั่นแหละตัวดี อย่าประมาทเด็ดขาด ทีนี้ถ้าหากว่าเราขับไปเที่ยวป่ามีความจำเป็นต้องข้ามน้ำลึกอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ ก็มีวิธีการครับ ไม่รับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ช่วยได้ระดับหนึ่งคือ การใช้ผ้าพลาสติกปิดกระจังหน้ารถ โดยใช้ฝากระโปรงหนีบไว้จะช่วยดันน้ำให้ออกข้างรถได้สักระยะหนึ่ง ในกรณีที่น้ำท่วมล้อแต่ไม่ท่วมสูงขึ้นไปจนถึงฝากระโปรงนะครับ แต่สำหรับรถที่มีสนอร์เกิ้ลก็สามารถลุยได้มากกว่านั้น ถ้าเป็นรถกระบะขนข้าวของต่างๆ ไปเต็มกระบะท้าย ให้ผูกโยงสัมภาระทั้งหมดติดกับตัวรถเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำพัดไป ถ้ากระแสแรงจริงๆ ให้โยงสายสลิงรถคัน ที่ลงน้ำไว้กับรถคันหลัง แต่คันหลังจะต้องมีหลักที่ดีด้วย เพราะถ้าคันที่ลงน้ำไปแล้วเกิดลอยเท้งเติ่ง อยู่กลางน้ำอาจจะดึงรถที่อยู่บนฝั่งตามลงไปด้วย เมื่อลงไปแล้วก็ค่อยๆ ผ่อนสายสลิงตามไป อย่าให้สายตึง เพราะจะเป็นการฉุดรถคันหน้าไว้ ทำให้ล้อปั่นฟรีจนจมได้ และรถคันที่จะขับลงน้ำทุกคันต้องไม่ลืมที่จะสาวสลิงออกมาพันไว้กับกันชนหน้า เตรียมไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉินจะสามารถดึงออกและใช้ดึงรถขึ้นจากน้ำได้โดยใช้เวลาน้อยที่ สุด

    ขณะอยู่ในน้ำเตรียมพร้อมเอาไว้เลย ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ลดกระจกข้างลง ปลดล็อกประตูทุกบาน เพื่อป้องกันการลัดวงจรของกระแสไฟฟ้า และกรณีฉุกเฉินรถเสี่ยงต่อการจมน้ำ ผู้ที่อยู่บนฝั่งจะสามารถลงไปช่วยได้ทันท่วงที ขณะขับอยู่ในน้ำขับโดยใช้เกียร์เดียวตลอด ไม่จำเป็นอย่าไปสับเกียร์กลางน้ำเด็ดขาด เพราะขณะเปลี่ยนเกียร์น้ำอาจจะหลุดเข้าไปในห้องคลัตช์ได้
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] ข้ามน้ำอยู่ดีๆ รถเกิดดับกลางน้ำ หรือติดหล่มดิ้นจนเครื่องยนต์ดับ อย่างแรกที่ต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ คือ ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์กลางน้ำ ลากขึ้นมาทำการแก้ไขบนฝั่ง เครื่องยนต์เบนซินควรเปิดหัวเทียนทุกสูบ จากนั้นสตาร์ทไล่น้ำออก แล้วเช็คจานจ่ายว่ามีน้ำหรือไม่ ต่อมาก็เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การสตาร์ทช่วงแรกๆ ก็ไม่ควรเร่งแบบทันทีทันใด ค่อยๆ เร่งเครื่องยนต์ เพราะการเร่งแรงบางครั้งน้ำที่ค้างอยู่ในจุดต่างๆ อาจจะเข้าไปในห้องเครื่องอย่างกะทันหัน เป็นสาเหตุให้ลูกสูบน็อกได้ เครื่องยนต์ดีเซลก็เหมือนกัน ได้ชื่อว่าไม่กลัวน้ำ แต่ถ้าเกิดดับกลางน้ำหรือน้ำเข้าเครื่องจะแก้ไขยากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน และต้องไม่ลืมว่าเมื่อดับกลางน้ำ ไม่ควรสตาร์ทเช่นกัน เพราะว่าน้ำจะเข้ามาในท่อไอดี เมื่อเราสตาร์ทท่อจะดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ลูกสูบอาจจะน็อก ก้านสูบอาจจะคด ลากขึ้นมาเลยครับแก้ไขบนฝั่ง เปิดหัวเผาไล่น้ำออกก่อน แล้วลองสตาร์ทเครื่องเพื่อให้ ดันน้ำออกไป
    [/FONT]
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td>
    [​IMG]
    </td> <td>
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody></table> [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] อีกประการของกระจุกกระจิกเล็กๆ น้อยๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เบรก เพาเวอร์ เครื่องไม้ เครื่องมือที่จำเป็น ก็อย่าละเลยติดรถเอาไว้บ้าง แต่ไม่ต้องถึงขนาดขนไปจนกลายเป็นรถเซอร์วิสนะครับ เอาแค่ที่จำเป็นพอปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะถึงมือหมอ (ช่าง) เมื่อกลับถึงบ้าน

    และต้องไม่ลืมว่า อย่าขับด้วยความคึกคะนอง เห็นน้ำเป็นไม่ได้เป็นต้องกระโจนลงไปทุกครั้ง นั่นแหละครับมีสักครั้งหนึ่งแหละที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับเรา ไม่หม้อน้ำคดงอ ก็ใบพัดลมหม้อน้ำแตกไปตีหม้อน้ำ รวมทั้งใบลมแอร์ แผงแอร์อาจจะเสียหายได้

    อ้อ...สุดท้ายเมื่อกลับออกมาแล้ว ก็ต้องมาทำการตรวจเช็คกันอีกรอบ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่อง น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเกียร์ เป็นต้น หากว่ามีสีคล้ายกาแฟใส่นม ก็อย่าเพิกเฉยปล่อยทิ้งเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นมะเร็งร้ายสร้างความเสียหายตามมา นอกจากนี้ที่ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่น หรือจาระบี เช่น ยอยกากบาท ก็อัดจาระบีเข้าไปเสียใหม่ เพราะของเก่านั้นบางทีก็ติดไปกับสายน้ำแล้ว พวกนี้ไม่ใช่เฉพาะรถเที่ยวป่านะครับ รถที่เราใช้อยู่ในเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มักจะต้องลุยน้ำกันบ่อยจนบ้างครั้งอาจจะบ่อยกว่าเที่ยวป่าเสียอีก

    ว่างๆ ก็ลองตรวจเช็ค ก้มๆ มองๆ ตามจุดต่างๆ ที่ผมว่ามานี่บ้างก็ได้ เขาเรียกว่าเป็นการปฐม พยาบาลพื้นฐานครับ
    [/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif].
    [/FONT]
     
  4. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    การตรวจเช็ครถยนต์ ..หลังน้ำท่วม,รถจมน้ำ <ins style="display:inline-table;border:none;height:90px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:728px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:90px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:728px"></ins></ins>
    ผู้เขียน ธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา หนังสือ กลับให้ได้ ไปให้ถึง หน้า 238-243
    สำนักพิมพ์ บริษัทพิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด พิมพ์ครั้งที่ 8 เมษายน 2543
    [​IMG]
    ตอนนี้เราไปดูกันบ้างว่า ถ้ารถจมน้ำเข้าให้ ไม่ว่าจะจำใจ จงใจ ไม่ตั้งใจนั้น เราควรจะทำอย่างไร?

    อันที่จริงแล้วผมไม่อยากจะเอามาบอกนักนัก? ด้วยว่าไม่อยากให้ใครเที่ยวได้เอารถยนต์ไปหล่นตูมตามลงในน้ำลึก? และไม่ได้อยากเห็นใครมีปัญหาเมื่อรถจอดอยู่กับที่แล้วน้ำไม่รักดีบ่าเข้าไป ท่วมรถ? แต่อ่านข่าวที่เดี๋ยวนี้ชัก ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไร? ด้วยว่ามีแต่เรื่องน่ากลุ้มใจไปหมดไม่ว่าบ้านเราหรือบ้านเมือง? ก็ยังได้พบข่าวน้ำท่วมประปราย? เลยจับเอาอาการแก้ไขหลังน้ำท่วมรถขึ้นมาเล่าสู่กันฟังเสียตรงนี้ล่ะครับ

    • แรกทีเดียว อย่าพยายามรีบร้อนติดเครื่องยนต์รถ ที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำหรือน้ำลดลงไปจากการท่วมมิดเครื่องยนต์เป็นอันขาด? เพราะน้ำที่อัดอยู่ในเครื่องยนต์อาจจะทำให้ก้านสูบกับก้านกระทุ้งวาล์วใน กรณีที่เป้นรถโบราณเช่นโฟล์กสวาเกน? เต่าทองนั้น? คดงอได้เลยทีเดียว?

    • อย่าพ่วงไฟเพื่อ ติดเครื่องยนต์รถที่ไหม่กว่ารุ่นปี ค.ศ. 1989? หรือ พ.ศ. 2532? ขึ้นมา? ด้วยว่านั้นจะเปิดโอกาสให้แอลเทอร์เนอเตอร์ซึ่งมักจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า ไดชาร์จ? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานาประดามีในรถไหม้เสียหายได้
    • ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่? หรือเอาแบทเตอรี่ไปอัดไฟให้เต็มอีกทีแล้วเอามาใช้? หรือพูดให้ชัดก็ได้ว่า? ต่อขั้วแบตเตอรี่เข้ากับรถอีกครั้งหลังจากพ้นน้ำแล้วนี่? ปลดฟิวส์ของระบบถุงลมนิรภัยเพื่อไม่ให้ทำงานขึ้นมาได้ในระยะแรกนี้ก่อน? ด้วยว่าถ้าวงจรไฟฟ้าในระบบถุงลมนิรภัยเกิดลงดินหรือชอร์ตกันได้แล้วล่ะก็? ถุงลมระเบิดตูมแบบว่าทำงานให้ใช้ได้ขึ้นมาเฉย ๆ เสียของไปเปล่าๆ หลายหมื่นทีเดียวนะครับ
    • ปกติเมื่อรู้ว่ารถจะจมน้ำ? เราก็ควรถอดสายไฟยกแบตเตอรี่ขึ้น ที่สูงบนบ้านบนเรือนก่อน? ถ้าทำไม่ทันแบตเตอรี่จมน้ำอยู่ก็จะหมดไฟไปก่อนที่จะเข้าทำให้เกิดกระแสลัดวง จรทที่เสียหายเพราะน้ำได้? แต่เมื่อน้ำแห้งแล้ววงจรอาจจะลงดินอยู่? มีกระแสเข้าไปเมื่อไรลัดวงจรเมื่อนั้น? จึงควรรีบถอดสายแบตเตอรี่ออกทันทีที่รถพ้นน้ำ? ถ้าไม่ได้เอาแบตเตอรี่ออกไปเสียก่อน? โดยเฉพาะรถที่ตกน้ำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั่น
    • ทีนี้? เมื่อปล่อยให้วงจรอุปกรณ์หลายอย่างแห้งแล้ว? ก็ปลดฟิวส์ของวงจรที่มั่นใจได้ออกเสียก่อน? เช่นวงจรถุงลมนิรภัยเป็นต้น
    • ตรวจรถยนต์ที่เพิ่งพ้นน้ำของคุณให้ถี่ถ้วน? ถ้าพบน้ำในที่เขี่ยบุหรี่? ก็เชื่อเอาไว้ก่อนว่า? น้ำคงเข้าไปถึงระบบไฟฟ้าบน หน้าปัด? เช่น? มาตรมัดต่าง ๆ และสวิตช์ได้??? และดดยที่วงจรเหล่านี้มักจะทำเป้นแผงจึงสามารถทำความสะอาดและแห้งเอามาใช้ ได้ใหม่อีก? แต่ตามที่ปรากฏกันมาก็คือคุณมักจะพบปัญหาของวงจรในการใช้งานต่อไปภายหน้า? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จมน้ำหรือเปียกน้ำนี้? อายุการใช้งานหลังจากนั้นจะค่อนไปทางข้างสั้น
    • อย่าไปหวังอะไรให้มากนักเลยครับ? นอกเสียจากจะเปลี่ยนกันใหม่หมด? แพงอีกใช่ไหมล่ะ
    • เกียร์อัตโนมัติกับ ทอรืกคอนเวิร์ตเตอร์? ต้องได้รับการล้างเอาน้ำมั่นและน้ำออกให้หมด? เช่นเดียวกับเฟืองท้าย? หรือส่วนมากในตอนนี้จะไปอยู่ข้างหน้าแล้ว? กับพวกทรานสเฟอร์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ? ด้วยว่าทั้งสองอย่างนี้มีรูระบายอากาศน้ำจึงเข้าไปทางนั้นได้? ก็ต้องทำอย่างเดียวกับเกียร์อัตโนมัติ
    • เพลาขับที่ยางหุ้มเพลาขาด? น้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป? ต้องอัดจารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย
    • อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้? เมื่อตรวจเกี่ยวกับระบบส่งกำลังนี่คือ ลูกปืนล้อทั้ง หน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป?? ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่? ใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด
    • ล้างและเปลี่ยนน้ำระบายความร้อน? เอาโคลนเลนที่ติดอยู่ตามรังผึ้งหม้อน้ำออกให้หมด? ใส่น้ำยาลดความร้อน? หล่อลื่น? และรักษาโลหะลงผสมในน้ำระบายความร้อนใหม่อีกครั้งให้ได้ตามลำดับที่กำหนด
    • การกำหนดอัตราส่วนผสมน้ำยากับน้ำในระบบระบายความร้อนนี้ ที่กระป๋องหรือขวดน้ำยาจะมีบอกชัดเจน? ถ้าเป็นฟอร์ดก็จะมีป้ายบอกไว้ที่ระบบหรือหม้อน้ำสำรอง? โดยให้ใช้น้ำยาของฟอร์ด? 50 %? กับน้ำสะอาด? 50 %?? เป็นต้น
    • การ ใช้น้ำยาสีเขียว? ราคาประหยัด? ใส่เพียงกระป๋องเดียวหกเจ็หดสิบบาทนั่น? ช่วยอะไรทางด้านการลดความร้อนและการสึกกร่อนของอะลูมิเนียมผสมในเครื่องยนต์ ไม่ได้หรอกครับ? เรื่องแบบนี้ไม่ควรประหยัดเพราะจะเป็นการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย? เมื่อถึงเวลาต้องซ่อมเครื่องยนต์ด้วยค่าใช้จ่ายหลาย ๆ หมื่นบาท
    • อย่างน้อยก็ต้องล้างทำความสะอาดภายนอกของระบบห้ามล้อเปลี่ยนน้ำมันเบรก? และหากแช่น้ำอยู่นานก็อาจจะต้องถึงขนาดซ่อมใหญ่เบรกทั้งระบบกันเลยก็ว่าได้? ตรงนี้ไม่ต้องถึงรถจมน้ำทั้งคันหรอกครับ? แค่แช่อยู่ทั้งวันลึกท่วมล้อเท่านั้นก็ได้เรื่องแล้ว
    • รถ กระบะหนึ่งตันที่ชอบลุยน้ำลึก? เพราะเห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีระบบไฟฟ้าจุดระเบิด? ไม่ต้องกลัวน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแล้วเครื่องดับนั้น? ถ้าน้ำเข้าเครื่องก็เสร็จเหมือนกัน? หนักกว่ารถเบนซินด้วยซ้ำไป??? และเมื่อลุยน้ำลึกมากบ่อยเข้า? น้ำก็เข้าไปในระบบห้ามล้อจนเกิดนิม? และน้ำมันเบรกเน่าเสียไปจนห้ามล้อไม่อยู่ได้นะครับ? อย่าทำเป็นล่นไป
    • อันตราย ไม่ได้น้อยก่าเขาอื่นหรอก? ถึงจะขับพ้นตรงที่น้ำท่วมได้ด้วยความเร็วจนน้ำกระจายเป็นปีกไปสาดรถอื่นเขา ได้สนุกดีนั่นน่ะ??? เผลอ ๆ เป็นไข้สารตะกั่วเอาแถวนั้นเลยก็ยังเคยมี
    • ของที่จมน้ำแล้วอาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนเลยทีเดียวก็คือสตาร์ตเตอร์? เพราะน้ำเข้าไปนี่ฝรั่งบอกว่าซ่อมยากเสียเวลา? แต่บ้านเราคงเอาไปให้ช่างไฟฟ้าตามร้านทั่วไปล้างทำความสะอาด? ตรวจเช็กและปรับสภาพใช้ใหม่ได้? ไม่ต้องกับถึงกับต้องเปลี่ยนใหม่? แต่ต้องเอาออกมาทำแน่นอนถ้าจมน้ำครับ
    • มาถึงตรงนี้? ที่หนักอีกอย่างคงจะเป็นพวกมอเตอร์ไฟฟ้าของกระจกไฟฟ้า? ที่นั่งปรับไฟฟ้า? และเสาอากาศไฟฟ้า? ตรงนี้อาจถึงกับต้องเปลี่ยนเพราะซ่อมยากไปก็ได้ครับ? หลายสตางค์อยู่เหมือนกัน? เพราะฉนั้นอย่าเที่ยวได้ขับรถลงไปแช่น้ำเล่น? ไม่สนุกเลยเมื่อขึ้นมาได้
    • หมด พวกราคาแพงและเป้นปัญหาได้มาก? ก็ถึงส่วนที่มีปัญหาได้ในระดับรองลงมา? จะเปลี่ยนหรือซ่อมก็ต้องตรวจสภาพกันดูทุกส่วน? อย่าวางใจละเว้นละเป็นดี
    • เริ่มที่แผ่นคลัตช์? จานคลัตช์? ลูกปืนคลัตช์? บาง ทีพอน้ำแห้งอาจจะทำท่าว่าใช้งานได้เหมือนเดิม? ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เท่าไรนัก? ใช้ไปไม่เท่าไรมักจะมีเสียง? และเริ่มแสดงอาการของปัญหาเกียร์เข้ายากขึ้นมาให้พบได้เสมอ
    • แร็กพวงมาลัย? โดยเฉพาะพวกของพาวเวอร์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งทที่ต้องตรวจเช็ก? แม้จะเป็นความเป็นไปได้ที่จะเสียหายเป็นรองของที่บอกมาแล้วในตอนต้น? ก็มีโอกาสเสียหายได้? รวมทั้งช็กอัพตัวยาวตัวสั้นที่ใช้มานานก่อนหน้ารถจมน้ำ? ชีลกันน้ำหลวมแล้ว? น้ำเข้าได้นะครับ? ควรเปลี่ยนถ้าพบความผิดปกติหรือไม่น่าไว้วางใจ
    • รีเลย์? เซ็นเซอร์ต่าง ๆ สวิตช์ไฟ? และกล่องฟิวส์ก็ ต้องได้รับการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเสียหาย?? ยังทำงานได้ดี? โดยเฉพาะกล่องฟิวส์ต้องลงดินได้ดีเช่นเดิมถ้าเกิดมีการจมน้ำอยู่ระยะหนึ่ง? เอาแค่วันเดียวหรือหลายชั่วโมงก็ไม่ดีแล้วนะครับ
    • จานจ่ายนี่ ก็ตัวดี? ถ้าเป็นแบบใช้ทองขาวยังไม่เท่าไร?? แต่เบรกทรานซิสเตอร์ขึ้นมานี่? บางทีถึงต้องเปลี่ยนกันเลยทีเดียว? เพราะต่อไปมักทำให้เครื่องยนต์สั่นโดยไม่ทันนึกว่ามาจากตัวนี้ได้
    • แผงวงจรที่ผมว่าไว้ตอนแรกนั้น? พอจะล้างได้ด้วยน้ำซึ่งทำการ DEIONIZED?? จากนั้นก็เอาไปอบที่ความร้อน? 120? องศาฟาเรนไฮต์สัก? 30? นาที? แล้วพ่นด้วยสเปรย์แล็กเกอร์เคลียร์ก่อนจะนำมาใช้ใหม่? ซึ่งก็ยังไม่แน่นักว่าจะทนทานต่อไปได้สักเพียงไร? โชคดีก็รอดตัว
    • คลัตช์ของแอร์คอมเพรสเซอร์ควรได้รับการตรวจเช็กว่าใช้การได้หรือไม่
    • ดวงไฟฟ้าหน้ารถก็อย่ามองข้าม? น้ำอาจจะเข้าไปค้างอยู่? เอาออกเสียให้หมดก่อนที่จานจ่ายจะกลับบ้านเก่าเพราะน้ำทำเหตุ
    [​IMG]
    ที่มา http://www.nakhongarage.com
    และ http://v2.one2car.com/Car2Care


    .
     
  5. swkarantee

    swkarantee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +63
    ใช้งานได้จริง !! หากใครกังวลเรื่องรถจมน้ำ หรือย้ายไม่ทัน นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่อยุธยาที่ผมไปเจอ รถคันนี้รอดเพราะโฟมแท่งที่ยัดใส่ไต้ท้องรถกะบะวีโก้ สามารถทำให้รถรอดจากการจมน้ำใด้ เดินลากกันมาสองสามคน แถมมีระดับน้ำสูงระดับคอ และมีมอเตอร์ไซค์อีกคันอยู่กะบะหลัง !! เมื่อเดินถึงริมฝั่งคนตบมือกันเต็มเลยครับ ลองดูครับกรณี ฉุกเฉิน / photoby จันทร์กลาง กันทอง

    [​IMG]
     
  6. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ไม่รุ้จะโพสต์กระทู้ไหนดีหาบ่เจอ

    สำหรับคนที่ต้องอยู่ในสภาพน้ำท่วม ถ้าพืชผักอะไรไม่มีกิน ปลูกไม่ได้ด้วย

    ยังไงก็อย่าลืม เมล็ดถั่วเขียวนะจ๊ะ เอาไว้เพาะถั่วงอกกิน
     
  7. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    h o w t o สู้ น้ำ ท่ ว ม

    กระจองงองๆ เจ้าข้าเอ้ย เง้ยยยๆๆ

    ประกาศจากรายการข่าวเช้าไทยพีบีเอส พ่อแม่พี่น้องท่านใด มีไอเดียดีๆ จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ เช่น (สมมตินะ) ทำกางเกงกันปลิง หรือวิธีประยุกต์ใช้สิ่งของต่างๆ รับสถานการณ์น้ำท่วม เช่น วิธีขับรถในน้ำท่วม (อันนี้รู้สึกจะมีจริงนะ)

    [​IMG]

    เสร็จแล้วอยากจะบอกเล่าเก้าสิบ ให้คนอื่นๆ ได้ประโยชน์ด้วย เรียกว่าเป็นวิทยาทาน ขอเชิญบอกกล่าวรายละเอียด พร้อมเบอร์โทรติดต่อกลับ เพื่อทางรายการ จะได้ไปถ่ายทำเอามาออกอากาศ ได้ที่นี่ ttv_1@hotmail.com

    ขอบคุณล่วงหน้าคนไทยใจดีทุกท่าน

    [​IMG]
     
  8. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,174
    ถ้าเตรียมทุกอย่างแล้ว ค่าใช้จ่ายประมาณกี่หมื่นครับ
     
  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สมาชิกเวปหลายๆท่านมีอุปกรณ์...เพราะทำ/สั่งซื้อ...กันล่วงหน้าแล้ว

    ส่วนค่าใช้จ่าย...ก็แล้วแต่ว่าท่านจะเอาอะไรบ้าง...เพราะที่เสนอกันไว้นี้ก็เพื่อเป็นข้อมูล...เท่านั้นครับ

    บางอย่างอาจเหมาะกับเรา...บางอย่างอาจไม่เหมาะ...ครับ


     
  10. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    ถ้าไฟโดนตัด และไม่มีเตาไม่มีถ่าน ให้ใช้กะป๋องปลากะป๋องก็ได้ครับ
    ตอนเด็กๆชอบเล่นขายของ ลุยป่า ก็ใช้พวกเทียนกับปลากะป๋องนี่แหละหุงข้าว
    แต่ได้ปริมาณน้อยหน่อย
    บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแหละ
     
  11. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    สร้างเชือกจากถุงพลาสติก

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=XSBUzk0-c1k&feature=mfu_in_order&list=UL]Making Rope from Plastic Bags - YouTube[/ame]
     
  12. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    สร้างเรือด้วยขวดน้ำพลาสติกและวัสดุใกล้ ๆ ตัว

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=AfohxWUp6fU&feature=mfu_in_order&list=UL"]How to Build a Plastic Bottle Boat - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6RIQPT5XsoM&feature=autoplay&list=ULXSBUzk0-c1k&lf=mfu_in_order&playnext=1"]10 PLASTIC BOTTLE BOATS - YouTube[/ame]
     
  13. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    เตาความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่ทำง่ายที่สุด-ถูกที่สุด



    [​IMG]



    [​IMG]
    <SCRIPT type=text/javascript charset=UTF-8><!--//--><![CDATA[//><!--PDRTJS_settings_606370_post_1190={"id":606370,"unique_id":"wp-post-1190","title":"%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94","permalink":"http:\/\/travelandgetrich.wordpress.com\/2011\/02\/02\/%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%95-2\/","item_id":"_post_1190"};//--><!]]></SCRIPT>ผมเอาเรื่่องเตาหุงต้ม ผัด ทอด ที่ใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์มาลงไปหลายรูปแบบแล้ว เพื่อให้คนไทยตื่นตัว (ถ้ายังไม่ตื่นก็รอให้ราคาแก๊ซขึ้นไปโด่งฟ้าก่อน) แต่ก็มีอีเลล์เข้ามาว่ามันทำอยาก มันแพงมี ง่ายๆถูกๆบ้างไม๊? ผมก็พยายามไปค้นคว้ามาให้ท่านดูกัน ไปเจอมาแบบหนึ่งที่ผมทึ่งมาก ชอบความคิดแบบนอกกรอบของท่านนี้จริงๆ ใครๆก็ทำได้ ราคาถูกมากๆ ทำเสร็จเร็ว ราคาไม่เกิน 1000 บาท บางท่านอาจจะทำได้จากวัสดุเหลือใช้ภายในบ้านของท่านเอง

    แต่ต้องขอบอกท่านอย่างหนึ่งว่า ของถูกแล้วดีไม่มีในโลกนี้

    เตาความร้อนจากแสงอาทิตย์นี้ก็เช่นเดียวกัน ใช้งานได้แต่จะให้เร็วทันใจสู้กับเตาที่มีประสิทธิภาพสูงที่ยกตัวอย่างมาแล้วไม่ได้
    เตานี้ทำจาก ยางในรถยนตร์ใช้แล้ว

    ครับ ผมพิมพ์ไม่ผิด “ยางในรถยนตร์ใช้แล้ว” จริงๆ ขั้นตอนการทำมีดังนี้


    [​IMG]



    ผมได้อธิบายไว้เป็นภาษาไทยดังต่อไปนี้



    ๑) ท่านไปร้านปะยางแถวๆบ้าน หาซื้อยางในรถยนตร์ที่เก่าๆแล้ว ได้ยางรถบรรทุกยิ่งดี หากมันรั่วก็จ้างร้านปะยางให้ปะให้เรียบร้อย จากนั้นก็ให้สูบลมให้เต็มเหมือนกับที่จะใช้งานจริงลักษณะก็เหมือนกับยางในรถยนตร์ที่มีให้เช่าสำหรับเล่นน้ำ ตามชายทะเล จากนั้นก็เอากลับมาบ้าน ราคาน่าจะคุยกันได้ ไม่น่าจะเกิน 200 บาท

    ๒) ขั้นตอนที่สองให้หาแผ่นไม้อัดขนาดหนาไม่น้อยกว่า 1 ซม. กว้างกว่ายางในรถยนตร์มาลองด้านล่างจะเป็นไม้เก่าก็ไม่ว่ากันแต่ต้องหนา หากไม่มีไม้อัดจะใช้ไม้พื้นมาต่อกันให้เป็นแผ่นก็ไม่ผิดกติกา เสร็จแล้วให้ทาสีดำ นำมารองยางใน ส่วนนี้ราคาอาจจะไม่มีหรือมีไม่เกินร้อยบาท

    ๓) ขั้นตอนที่สาม ส่วนนี้จะมีราคาแพงที่สุด วัดขนาดวงนอกของยางในรถยนตร์แล้วไปจ้างร้านตัดกระจกให้ตัดกระจกให้ใหญ่กว่าขอบนอกยางใน จะตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือทรงกลมก็ได้แล้วแต่ว่าแบบไหนร้านกระจกไหนจะคิดราคาแบบไหนถูกที่สุด อย่าลืมให้ร้านกระจกลบความคมของกระจก ตามขอบตามมุมให้หมด จะได้ไม่บาดมือ ราคาของกระจกขึ้นอยู่กับขนาดความกว้าง ยาว และความหนาของกระจก แต่เลือกให้หนาสักหน่อยจะได้แตกยาก

    ทีนี้ท่านก้ได้เตาหุงต้มพลังแสงอาทิตย์แล้ว ท่านเพียงหาภาชนะที่ไม่สูงกว่าความสูงของยางใน และมีฝาบิด ท่านก็สามารถหุงต้้มอาหารได้แล้ว เพียงแค่ท่านเอายางในรถยนตร์ที่วางอยู่บนแผ่นไม้ ออกไปวางกลางแดด เอาภาชนะที่จะหุงต้มวางลงภายในวงยางใน แล้วเอาแผ่นกระจกปิดด้านบนให้สนิท อย่าให้มีช่องว่างให้ความร้อนออกมาได้ เป็นอันเสร็จ มีข้อกำหนดว่าภาชนะต้องทาสีดำ
    ตอนนี้ท่านก็ไปทำอะไรอย่างอื่นระหว่างรอให้อาหารสุก หรือเปื่อย

    บางท่านอาจจะใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์มาปูรองภายในวงยางในไม่ให้อากาศร้อนไหลออก และกรุด้วยกระดาษอลุมมิเนี่ยมแบบที่ใช้ห่ออาหาร มากรุภายในวงยางใน จะทำให้แสงสะท้อนขึ้นมาที่ภาชนะหุงต้มมากขึ้นจะทำให้อาหารสุกเร็วขึ้น

    อย่างที่บอกไปแล้วในตอนต้นว่าเตาแบบนี้เหมาะสำหรับหุงต้ม ที่ไม่เร่งรีบแต่ต้องการประหยัดเชื้อเพลิง เช่นต้มอะไรให้เปื่อยๆเช่นต้มขาหมู ต้มเนื้อเปื่อย หรืออาจจะทำผสมกันคือ ในเบื้องต้นอาจจะใส่วัตถุดิบเครื่องปรุงรสด้วยเตาแก๊ซจนรสชาดดีแล้วจึงยกมาใส่เตาหุงต้มนี้เพื่อเคี่ยวต่อให้เปื่อยต่อไปก็จะเป็นวิธีที่จะประหยัดเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยทีเดียว

    มีบางท่านเคยเอาไปทดลองหุงข้าว บอกว่าใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง ประเด็นที่น่าพิจารณาว่าเรา ไม่ต้องเสียเงินค่าเชื้อเพลิงเป็นแต่ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นท่านต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของท่าน
    แต่ที่แน่ๆ ต้นทุนในการทำเตานี้ต่ำมาก ทำได้ง่ายๆ ใครๆก็ทำได้ หากเกิดกรณีฉุกเฉินจากภัยธรรมชาติ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีฟืน ไม่มีแก๊ซ ท่านก็สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปได้ก่อน


    <IFRAME class=youtube-player height=312 src="http://www.youtube.com/embed/nC6-MMRHJdw?version=3&rel=1&fs=1&showsearch=0&showinfo=1&iv_load_policy=1&wmode=transparent" frameBorder=0 width=500 type="text/html"></IFRAME>​
    ที่สำคัญหม้อต้องทาสีดำ นะครับ

    <IFRAME class=youtube-player height=312 src="http://www.youtube.com/embed/X24sj-EsmMQ?version=3&rel=1&fs=1&showsearch=0&showinfo=1&iv_load_policy=1&wmode=transparent" frameBorder=0 width=500 type="text/html"></IFRAME>​
    ลองดูคลิบทั้งสองนี้เป็นไอเดียครับ คลิปที่สองบอกว่าสามารถทำอุณหภูมิได้สูงถึง 100 องศา ซีใ ผมไม่แน่ใจว่าจะจริงหรือไม่ ใครลองทำแล้วส่งข่าวให้ทราบด้วยจะขอบคุณยิ่ง


    ที่มา http://travelandgetrich.wordpress.com/2011/02/02/เตาความร้อนจากแสงอาทิต-2/
     
  14. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    ทำเตาแสงอาทิตย์ใช้เอง


    <!-- Main -->
    ในปัจจุบันปัญหาการขาดแคลนพลังงานทวีความรุนแรงมากขึ้น การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอย่างเดียวเริ่มก่อปัญหาทั้งในเรื่องราคาที่แพงมากขึ้นและปัญหาทางสิ่งแวดล้อม การแสวงหาพลังงานที่อยู่ในรูปอื่นๆมีมากขึ้น เช่นการนำผลิตผลทางการเกษตรมาทำแก๊สโซฮอล,การทำไบโอดีเซลหรือแม้แต่การทำไบโอก๊าซที่ได้จากการหมักของเสียจากการเลี้ยงสัตว์ พลังงานอีกรูปแบบหนึ่งที่มนุษย์ใช้ประโยชน์มาช้านานคือพลังงานจากธรรมชาติ ทั้งลม น้ำและแสงอาทิตย์ พลังงานเหล่านี้เราได้มาฟรีไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่ก็จะมีข้อจำกัดในตัวเองเราจะต้องมีการประยุกต์และสร้างกระบวนการนำมาใช้อย่างเหมาะสม

    แสงอาทิตย์หรือแสงแดดในปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในรูปของการสร้างกระแสไฟฟ้าโดยใช้เซลแสงอาทิตย์(solar cell) แต่มนุษย์ใช้แสงอาทิตย์ในรูปแบบพลังงานความร้อนมาช้านานแล้วน่าจะนับได้ว่าเป็นพลังงานที่มนุษย์รู้จักก่อนพลังงานอื่นๆในโลก เราใช้ความร้อนของแสงอาทิตย์ทำกิจกรรมต่างๆมากมาย แต่เราหันหลังไม่ให้ความสนใจพลังงานฟรีนี้มานานหยุดการพัฒนาแล้วหันไปใช้พลังงานฟอสซิลที่เรียกว่าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ถึงเวลาที่เราจะหันมามองหาพลังงานที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด


    เตาแสงอาทิตย์ (solar oven)
    คืออุปกรณ์รวมแสง,รวมความร้อนจากแสงอาทิตย์แล้วส่งผ่านความร้อนนั้นมายังภาชนะทำให้อาหารสุกได้ มีหลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะมีการออกแบบกัน แบบที่นำเสนอนี้เป็นแบบที่สร้างขึ้นเองได้ง่ายๆสามารถนำไปใช้ได้จริง


    อุปกรณ์

    -แผ่นพลาสติก ฟิวเจอบอร์ด หรือกระดาษลูกฟูก ขนาด 1×0.50 เมตร

    -อลูมิเนียมฟลอย

    -หม้ออลูมิเนียมพ่นสีด้านนอกให้เป็นสีดำ(ด้าน) ด้านในไม่ต้องพ่น

    -ถุงพลาสติกใสขนาดเอาหม้อลงไปใส่ได้

    -กาวน้ำหรือชนิดไดก็ได้ที่สามารถยติดอลูมิเนียมฟลอยกับแผ่นพลาสติก ฟิวเจอบอร์ด ได้(ผมใช้แป้งเปียก)



    วิธีทำ

    1.ขยายแบบแล้วคัดลอกลงบนแผ่นพลาสติกฟิวเจอร์บอร์ด

    2.ตัดแผ่นพลาสติกฟิวเจอบอร์ดตามแบบ ใช้สันใบมีดคัตเตอร์กรีดตามรอยเส้นสำหรับพับ

    3.อีกด้านหนึ่ง(ตรงข้ามกับด้านที่กรีดด้วยคัตเตอร์)ทากาวแล้วติดแผ่นอลูมิเนียมฟลอย

    4.พับแผ่นพลาสติกฟิวเจอบอร์ดที่ติดแผ่นอลูมิเนียมฟลอยแล้วตามรูป

    5.ที่ช่องสลอตให้เอาปีกใส่แล้วกลัดด้วยไม้จิ้มฟันหรือตะปูตัวเล็กเพื่อกันหลุด


    การนำไปใช้

    ตัวอย่างการนำไปใช้โดยการหุงข้าว

    -นำข้าวจ้าวมาใส่ในหม้อใส่น้ำให้น้ำท่วมข้าวสูงประมาณ 1ข้อนิ้วชี้(เหมือนหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า)

    -ปิดฝาแล้วนำใส่ในถุงพลาสติกใสมัดด้วยหนังยางให้แน่น

    -นำไปวางในแผงรับแสงอาทิตย์โดยให้แผงหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์

    -รอสักครู่ประมาณ1ชั่วโมงครึ่งถึง2ชั่วโมงขึ้นอยู่กับแสงแดดในวันนั้น ข้าวจะสุก


    ข้อจำกัด
    -ต้องขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ
    -ใช้เวลานาน

    ข้อดี
    -ประหยัดพลังงาน
    -มีเวลาเพิ่มขึ้น
    -ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
    -ประหยัดเงิน


    สิ่งควรจำ
    -ในวันที่มีแสงแดดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้งานเตาแสงอาทิตย์คือ 9.00-17.00 น.
    -ถ้าเป็นธัญพืชหรือผักต้องใส่น้ำจะทำให้สุกเร็ว
    -การอบขนมปังหรือเค๊กควรทาน้ำมันที่หม้อเพี่อป้องกันแป้งติดหม้อ
    -อาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ไม่ต้องใส่น้ำและควรจะทำให้มีชิ้นบางๆเพื่อให้สุกง่าย
    -ภาชนะที่ใช้ใส่อาหารควรทำจากโลหะที่นำความร้อนได้ดี เช่น เงิน,ทองแดงหรืออลูมิเนียมและผิวด้านนอกต้องพ่นหรือทาด้วยสีดำ แนะนำให้ใช้สีดำด้านเพราะจะดูดความร้อนได้ดี

    หลักการทำงาน
    เมื่อแดดส่องมายังแผงรับแสงจะเกิดการสะท้อนแสงไปยังหม้ออลูมิเนียมที่บรรจุอาหารอยู่ภายในทำให้เกิดความร้อนขึ้น หม้ออลูมิเนียมซึ่งเป็นโลหะที่นำความร้อนได้ดีและถูกพ่นสีดำก็จะดูดความร้อนแพร่กระจายไปทั่วหม้อและส่งผ่านไปที่อาหารที่อยู่ภายใน ความร้อนส่วนหนึ่งถูกระบายออกจากผิวของหม้อแต่ไม่สามารถระบายออกด้านนอกได้เนื่องจากมีถุงพลาสติกปิดกั้นไว้ทำให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้อาหารที่อยู่ภายสุกได้ หลักการนี้เป็นหลักการเดียวกันกับปฎิกิริยา กรีนเฮ้าเอฟเฟค ที่ทำให้โลกร้อนขึ้นนั้นเอง

    บทความนี้มิได้ต้องการให้ท่านละทิ้งความสะดวกสบายจากพลังงานที่ใช้อยู่ แต่ต้องการให้เราหยุดคิดว่านอกจากพลังงานฟอสซิลที่เราใช้กันจนจะหมดโลกอยู่แล้ว ยังมีพลังงานที่อยู่ไกล้ตัวเรามากจนเราสัมผัสได้จากความร้อนที่ถูกต้องตัวเราทุกเมื่อเชื่อวันก็คือแสงแดดจากดวงอาทิตย์ และก็ยังมีพลังงานทางเลือกอื่นๆอีกมากมายที่รอให้เรามาเลือกใช้ ถ้าเราหันหลังกลับมามองแล้วช่วยกันหาวิธีประยุกต์ใช้กันอย่างจริงจัง
    ดูวิธีทำและภาพประกอบที่ Solar Water Heater & Pasteurizer Made From Everyday Recyclables

    ขาไก่สดปรุงรสด้วยเครื่องปรุงมาม่า
    [​IMG]

    นำไก่ที่คลุกกับเครื่องปรุงแล้วมาใส่ลงในหม้อสีดำแล้วใส่ลงในถุงพลาสติกใสมัดด้วยหนังยางให้แน่น
    [​IMG]

    นำมาวางลงบแผงรับแสงแดด
    [​IMG]

    ถ้าแดดดีจะใช้เวลาไม่เกิน2ชั่วโมงไก่จะสุก แกะถุงพลาสติกออก ระวังหม้อจะร้อนมาก
    [​IMG]

    ไก่จะสุกน่ากินไม่มีกลิ่นคาว
    [​IMG]

    ลองทำดูไม่ยากเลย ลงทุนเพียงแค่ไม่กี่สิบบาท หรืออาจใช้วัสดุเหลือใช้ทำก็ได้ แค่นี้ก็ลดการใช้พลังงานฟอสซิลได้แล้ว บ้านใครมีเด็กที่ชอบแนววิทย์ลองให้ทำแล้วสอนหลักการทำงานด้วยเด็กๆคงชอบ
    แบบในการสร้าง
    [​IMG]
    ขยายแบบ แล้วทำตามขั้นตอนครับ

    เสร็จแล้วให้ประกอบตามรูป
    [​IMG]

    ครู ร.ร.แม่ลอยไร่ ต.แม่ลอยไร่ อ.เทิง จ.เชียงราย นำมาสอนนักเรียน
    นักเรียนช่วยกันทำ
    [​IMG]

    ทดลองหุงข้าว ต้มใข่ ไม่สิต้องบอกว่าอบใข่
    [​IMG]

    ต้องแข่งกันถึงจะสนุก
    [​IMG]

    ผลที่ได้
    [​IMG]

    เด็กๆและครูช่วยกันสรุป
    [​IMG]

    ผู้ปกครองนำไปใช้
    [​IMG]

    แบบที่นักเรียนกับครูช่วยกันออกแบบ
    [​IMG]

    อยากเห็นโรงเรียนอื่นทำแบบนี้บ้างอย่างน้อยก็สอนเด็กไม่ให้พึ่งอะไรเพียงอย่างเดียวครับ

    ***ขอบคุณครูและนักเรียนโรงเรียนแม่ลอยไร่ครับ

    ดูวิธีทำที่ ยินดีต้อนรับ ...พึ่งตนเองแบบตนเอง

    ก็อปมาจาก BlogGang.com : :
     
  15. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    ถ้าจะหุงข้าวสวย ควรแช่ข้าวสาร ทิ้งไว้ก่อนหุง(ก่อนแดดจะมา) ประมาณ 2 ช.ม. เพื่อจะได้สุกไว...

    _ sweet Home _

    ---------------------------------


    ระยะเวลาที่ใช้ในการปรุงอาหารชนิดต่างๆ ด้วยเตาพลังแสงอาทิตย์


    ระดับความสุก

    1. อาหารที่สุกง่าย 1-2 ช.ม. / ไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว

    2. อาหารที่สุกปานกลาง 3-4 ช.ม. / มะเขือเทศ ผักหัวหรือราก เมล็ด ขนมปัง

    3. อาหารที่สุกยาก 5-8 ช.ม. / ซุป สตูล ถั่วเมล็ดแห้ง เนื้อสัตว์ อาหารปริมาณมากๆ หรือการต้มน้ำในปริมาณมากๆ



    ที่มา หนังสือเตาพลังงานแสงอาทิตย์ โดยคุณคมสัน หุตะแพทย์
     
  16. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ขอบคุณมากค่ะ...............
     
  17. สุทธิมา

    สุทธิมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +2,118
    ขอบคุณสำหรับสาระมีประโยชน์อย่างมากค่ะ
     
  18. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณมากคับมีประโยชน์อย่างมากเลย
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  19. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ขอบคุณมาก ๆ สำหรับพวกที่ถูกน้ำท่วมหาไฟ หาแก๊สยาก ๆ น่าลองทำดูนะครับ
    อนุโมทนา สาธุ ๆ ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2011
  20. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +1,614
    เรื่องน้ำอาบ ก็สำคัญนะคะ ตอนเดินดงอยู่ที่ตาบานัน บาหลี เขาไม่มีน้ำปะปา เขาใช้น้ำจากลำธาร ปั๊มขึ้นมา ทีแรกอาบไม่ได้เลย คันคะเยอเลย เลยเอาสารส้มแกว่ง รอน้ำตกตะกอน แยกน้ำใสออกมา แล้วใส่ ด่างทับทิมลงไป จากนั้นอาบได้ไม่คันอีกเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...